ประสบการณ์เมื่อเรามีคนทักว่าเรามีองค์ (แนวให้ความรู้)

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กาลีนะ, 13 มิถุนายน 2013.

  1. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ............. ความแตกต่าง ของ คนมีองค์ กับ ร่างทรง ? ................

    " คนมีองค์ "

    หมายถึง คนที่มีองค์เทพ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธุ์มาคุ้มครอง หรือ มีความเกี่ยวพันกับชีวิตมาตั้งแต่เกิด อาจจะเป็นพันธะสัญญาแต่ชาติปางก่อน
    เราเกิดมาจะมีองค์บารมีคุ้มครองสังขาร เรียกว่า " เทวดาประจำตัว " ที่ทักกันว่ามีองค์นั้น มีกันทุกคน จะเป็นเองคเทพ- พรหม หรือ สัมภเวสี ก็แล้วแต่กุศลมูลเดิม หรือ สัญญาที่ได้ทำกันไว้ตั้งแต่ในอดีตชาติคนเราไม่สามารถที่จะเลือกองค์บารมีประจำสังขารได้ ขึ้นอยู่กับกุศล และ บารมีของผู้นั้น

    .... บางคน ทำบุญกุศลมามาก จนทำให้สามารถสื่อจิตไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ หรือ อาศัยการฝึกจิต นั้งสมาธิ สวดมนต์บูชาต่อสิ่งศักดิสิทธิ์ จนสามารถสื่อจิตถึงเทพเทวดาได้
    แต่หากคนที่มีองค์แล้วไม่หมั่นฝึกจิต สวดมนต์ นั่งสมาธิไม่ปฏิบัติตน ในที่สุดก็จะห่างเหินจากองค์บารมีของตนเอง

    ... การรับรู้สื่อจิตถึงองค์เทพก็จะค่อยๆหายไป กลายเป็นคนปกติ และ ในที่สุดก็จะไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากองค์พระบารมีได้

    " ร่างทรง "

    หมายถึง ชายหรือหญิง เด็กหรือผู้ใหญ่ ที่ถูกเลือกโดยวิญญาณ หรือ องค์เทพเทวดาที่จะมาเข้าทรงให้เป็นสื่อกลางในการติดต่อกับมนุษย์ โดยอาศัยร่างกายของคนทรงนั้นเป็นที่สิงสู่ หรือ ประทับทรง .. เพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆ โดยผู้ที่เป็นร่างจะยอมเป็นร่างทรง ด้วยความเต็มใจ หรือ จำใจก็ตามการที่ "เจ้า" มาประทับทรงนั้น

    ... ซึ่งการลงทรงมีหลายลักษณะด้วยกัน มีทั้งมาเต็ม มาครึ่ง แฝงมา ส่งพลังบารมีมาแทน หรือ จิตตนหลอกตนเอง มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคล
     
  2. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    สาเหตุประการแรกมาจาก "เจ้า" กับ ร่างทรง

    .... เคยมีความสัมพันธ์กันมาแต่อดีตชาติ ตรงนี้หมายถึง อาจจะเป็นเสี้ยวธุลีหนึ่งขององค์ที่มาลง หรือ อาจจะเคยเป็นผู้ติดตามรับใช้ หรือ อดีตชาติเคยมีส่วนร่วมงาน ร่วมกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งด็ได้

    สาเหตุประการที่สอง มาจาก

    .... องค์เทพเทวดา ลงมาเพื่อสร้างบารมี โดยจะเลือกผู้ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หรือ หมดอายุไขแล้ว และ จะมาจับร่างของคนผู้นั้น เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ เป็นการสั่งสมทานบารมี
    เช่น รักษาโรคภัยไข้เจ็บ , ปราบมาร , ปราบผี , ปราบคุณไสย หรือ ชี้แนะในทางโชคชะตาราศี , ทำหน้าที่สร้างบุญกุศล .. โดยการช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ให้พ้นจากทุกข์ พ้นจากความเดือดร้อนทั้งกาย และ ใจ และ คอยบอกบุญกับสานุศิษย์ผู้ศรัทธา
    ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลในโอกาสต่าง ๆ โดยมีจุดประส่งค์เพื่อ สืบสานพระศาสนาเป็นสำคัญ

    "เจ้า" ที่ลงมาประทับทรงนั้นมักจะช่วยเหลือในเรื่อง

    1. รักษาโรคภัยไข้เจ็บ

    2. พยากรณ์ดวงชะตาราศี

    3. เพื่อสะเดาะเคราะห์ให้กับผู้ที่กำลังดวงชะตาตกอับ

    4. เพื่อตั้งชื่อ และ หาฤกษ์ยาม

    5. เพื่อให้ศีลให้พร ให้โชคลาภ

    6. เพื่อให้คำแนะนำปรึกษาแก่ผู้ที่กำลังเดือดร้อน กำลังมีความทุกข์ ให้พ้นทุกข์
    "เจ้า" แต่ละองค์จะให้ความช่วยเหลือแตกต่างกันไป หรือ บางองค์อาจจะให้ความช่วยเหลือครบทั้ง 6 ข้อ ก็มี

    .... ขอให้ทราบไว้ด้วยว่า ด้วยภววิสัย หรือ ความเป็นปกติขององค์เทพทั้งหลาย
    ถ้าท่านต้องการมาช่วยมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่เรื่องเล็กท่านทั่งหลายอยู่สูงมากโดยสถิตอยู่บนวิมานของท่าน ไม่มีทางอยู่ใกล้มนุษย์เป็นอันขาด .. เพราะร่างกายของมนุษย์นั้น เหม็นมาก เป็นป่าช้าที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสรรพสัตว์ทั้งปวง และ มีกรรมชั่วมากมายที่สะสมอยู่เป็นพลังงานชั้นเลว สำหรับเทวาที่เป็นแหล่งพลังงานชั้นดีที่ประกอบไปด้วยบุญบารมีนั้นไม่มีทางเข้าใกล้

    ... ดังนั้นเมื่อท่านต้องการสื่อกับมนุษย์นั้น ท่านจึงส่งบุญบารมีเพียงเล็กน้อยจากเบื้องบน
    เข้าทางสังขารของมนุษย์ที่มีธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เพื่ออาศัยติดต่อสื่อสารกับมนุษย์

    " ดังที่กล่าวมานี้จึงแสดงว่า คนมีองค์ ไม่จำเป็นต้องรับขันต์ หรือ เป็นร่างทรงแต่อย่างใด "
     
  3. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... แค่ข้อมูลเก่าที่เอามาให้อ่านคราว ๆ คงพอเข้าใจว่าทำไมกาลีนะไม่กล้ารับขันธ์จากตำหนักทรงนะคะ ... เพราะกาลีนะทำไม่ได้คะ แค่ศีล 5 ก็จะไม่รอดอยู่แล้ว เห้อ ๆ เด้วค่อยเอาประสบการณ์การผ่านเรื่องเกี่ยวกับตำหนักร่างทรงมาลงให้อ่านนะคะวันนี้คงแค่นี้ก่อน .. เพราะช่วงนี้เตรียมตัวสอบคะ ... อยากมีการงานที่มั่นคงให้ตนเอง และ ครอบครัวบ้าง .. ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ..

    .... ใครสงสัยอะไรก็ถามไว้ได้นะคะ ถ้าตอบไม่ได้จะค้น หรือ ไปถามผู้รู้มาให้คะ ... ขอเป็นคำถามที่สงสัยจริง ๆ ไม่ใช่มาลองภูมิกัน หรือ ว่ามาแกล้งกันนะคะ ... แต่ถ้ามีท่านผู้รู้เข้ามาอ่าน และ มีความเมตตาอยากเสริม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้คะยินดีคะ ...
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อยากถามความเห็นคุณกาลีนะว่า คิดอย่างไรกับตำหนัก แม่โอ๋ พระแม่อุมา ประชาอุทิศคะ ว่าของจริงหรือปลอม แต่ก่อนเคยดูในยูทูป แรงมาก คนไป ทำเสียง อะไรประลาดๆ ทำท่าแปลกๆเทวาลัยนี้เขาเลยเอาวีดีโอพวกนั้น ออก เหลือแต่ีดีโอที่ไม่ออกท่าทางมากนัก

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=pXa_svhmxM0]พรปีใหม่จากพระแม่อุมาประชาอุทิศ90 - YouTube[/ame]


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=gCsWTCDbPtY]พระแม่อุมาประชาอุทิศ90 ตอน1 - YouTube[/ame]


    และทำไมสาวประเภทสองส่วนใหญ่ชอบอ้างว่ามีองค์แม่อุมา กันมาก กว่าจะอ้างองค์เทพแบบอื่นนะคะและในวีดีโอที่เขาโพสต์ๆกันเวลามีงานเลี้ยงเทพ พวกที่ชอบไปเต้นแขกในงานก็จะพวกสาวประเภทสองกันส่วนใหญ่ที่อ้างมีองค์แม่อุมา ไม่มีผู้หญิงเต้นเลยคือ งงว่า ถ้าเขามีจริง เหตุใดพระแม่จึงยินดีที่จะไป ประดับร่างสาวประภทสองเพื่อเต้น โชว์ แทนที่จะไปประดับร่างผู้หญิงธรรมดา........ อย่าง วีดีโอนี้


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=KTHvD9zzQmg"]????????????????????90(???????2556/2) - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2013
  5. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... อยากถามความเห็นคุณกาลีนะว่า คิดอย่างไรกับตำหนัก แม่โอ๋ พระแม่อุมา ประชาอุทิศคะ ว่าของจริงหรือปลอม แต่ก่อนเคยดูในยูทูป แรงมาก คนไป ทำเสียง อะไรประลาดๆ ทำท่าแปลกๆเทวาลัยนี้เขาเลยเอาวีดีโอพวกนั้น ออก เหลือแต่ีดีโอที่ไม่ออกท่าทางมากนัก

    *** ส่วนตัวเคยดูเหมือนกันคะคลิปร่างทรง แต่ไม่ค่อยชอบดุแล้วเพราะดุไปสักพักจะรู้สึกปวดหัวคลื่นไส้เป็นบางคลิป .. ของพี่คนนี้ก็เคยดูคะ จะให้ฟันธงในเว็ปนี้ว่าคนนี้จริง หรือ ปลอม ... ขอถามกลับว่าคุณคิดว่าสิ่งศักสิทธิ์ที่เข้ามาหาคุณในนิมิตที่คุณเล่าไว้นั้นคุณคิดว่าท่านผู้ที่เป็นผู้หญิงนั้นมาจริง หรือ คุณคิดไปเอง เพื่อเอามาเป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาคะ

    .. พี่เขาคนนี้มีสัมผัสคะเขาสามารถสัมผัสภพภูมิได้อันนี้เราเชื่อว่าเขาสามารถสัมผัสได้ แต่เราจะไม่ฟันธงว่าเขาเป็นเป็นร่างทรงพระแม่อุมา หรือ ไม่ .. เพราะคนเราสามารถเปลี่ยนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลตัวตนเองได้ตลอดเวลา .. เพราะเราไม่ใช่ผู้เลือก เราเป็นผู้ถูกเลือก เมื่อไหร่ที่เราออกนนอกลู่นอกทางที่ท่านตั้งใจมาเลือกแล้ว ท่านก็จะหันหลังทิ้งเราไปแบบไม่ใยดีแน่นอน .. ขึ้นอยู่กับกรรม และ การปฏิบัติตนของคน ๆ นั้น ตอนแรกอาจจะใช่แต่นานไปก็ไม่แน่เสมอไป ... อาจมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ .. จากเทพชั้นสูงอาจลดลงมา หรือ อาจแย่ถึงขนาดเป้นอสุรกายมาแฝงแทนก้ได้ ... ที่สำคัญ " จริตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละองค์ไม่เหมือนกันคะ " เทพแขกอย่างหนึ่ง เจ้าจีนอย่างหนึ่ง เจ้าพ่อเจ้าแม่ ฤษี ไม่เหมือนกันคะ ..


    .... ส่วนตัวกาลีนะพูดภาษาแปลก ๆ ไม่เป็น ฟังไม่เข้าใจไม่รู้เรื่อง .. เพราะทุกครั้งที่ได้ยินเสียงท่านพูดคุยด้วย หรือ แม้แต่ผีตนอื่น ๆ ก็เป็น " ภาษาไทย " คะ บางครั้งก้ขยับปากพูดกับเรา บางครั้งปากท่านก้ไม่ขยับคะแต่เราได้ยินเข้าใจเหมือนเสียงนั้นดังอยูข้างในตัวเราคะ ที่เขาเรียกว่าคุยกัน " ทางจิต " ไม่ใช่บ่อย ๆ ที่จะสัมผัสท่านได้จะรับรู้ได้เมื่อท่านพอใจให้รับรู้เท่านั้น .. ปกติจะสัมผัสได้แค่ภพภูมิที่ต่ำกว่านั้นมากกว่า โดยเฉพาะ ผี อสุรกาย อันนี้สัมผัสทุกวันว่ามีวนเวียนอยู่รอบตัว บางวันพี่ที่อยู่ในเว็ปนี้ที่ท่านสัมผัสภพภูมิได้เก่ง ๆ ท่านก็กระซิปมาบอกว่ามีอสุรกายเกิน 20 ตนอยู่กับเราวันนี้ให้เราอุทิศบุญบ่อย ๆ ประมาณว่าเขามารอรับบุญจากเรา .. ส่วนเราก็รับรู้อยู่ว่ามีพวกเขาอยู่รอบ ๆ ตัวเราแต่เราก็เฉย ๆ สวดมนต์ไหว้พระอุทิศบุญให้ไปก็จบ ..
     
  6. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เวลาที่ดิฉันเคยเจอเรื่องแบบจะเรียกว่าผีดีไหม ไม่แน่ใจคะ แต่ที่ดิฉันเคยเห็นอย่าง ผีผู้หญิงที่ว่าก็จะนานๆทีครั้งคะ ไม่ถี่ มาเฉพาะเวลาจะมีอะไรสำคัญๆอย่างแฟนจะเสีย นี้จะเจอถี่บางทีติดกันสองสามคืน หรือสวดมนต์นี้เจอทุกคืนถ้าสวดเลยไม่เคยสวดมนต์ตั้งแต่นั้นมา เพราะกลัวเขาชอบมาแบบลับล่อๆหลอนๆ ยืนตรงหน้าเตียงพอสวดเสร็จ พอตกใจก็หายไป.... แต่ไม่เคยเจอแบบเป็นองค์เทพมาคุยมาบอกว่าเป็นเทพหรือองค์ของเรา กับที่ทักส่วนใหญ่อย่างพระสงฆ์องค์นึงทางสระบุรีท่านก็ตาทิพย์บอกแต่ว่าดิฉันมีคนอีกภพที่เขาห่วงอยากให้เรารัก เวลาเห็นหน้าเราก็จะเห็นแต่คนคนนี้แต่ท่านบอกไม่ใช่องค์ เป็นเจ้ากรรมนายเวรมากกว่าไปไหนก็ไปด้วยดิฉันไม่ค่อยรู้เรื่ององค์เทพ แต่เห็นที่เขาพูดภาษาเทพกันในวีดีโอ นี้ทำให้นึกถึงพวก โปรแตสแตนด์ ที่เขาไปแคร์ กันที่โบสถ์และพูดภาษาแปลกๆนี้ เหมือนกันกับของที่คนไทยเขาพูดภาษาเทพเลย
     
  7. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    และทำไมสาวประเภทสองส่วนใหญ่ชอบอ้างว่ามีองค์แม่อุมา กันมาก กว่าจะอ้างองค์เทพแบบอื่นนะคะและในวีดีโอที่เขาโพสต์ๆกันเวลามีงานเลี้ยงเทพ พวกที่ชอบไปเต้นแขกในงานก็จะพวกสาวประเภทสองกันส่วนใหญ่ที่อ้างมีองค์แม่อุมา ไม่มีผู้หญิงเต้นเลยคือ งงว่า ถ้าเขามีจริง เหตุใดพระแม่จึงยินดีที่จะไป ประดับร่างสาวประภทสองเพื่อเต้น โชว์ แทนที่จะไปประดับร่างผู้หญิงธรรมดา........ อย่าง วีดีโอนี้

    ... อันนี้ขอตอบแบบง่าย ๆ ก่อนนะคะเด้วเอาข้อมูลมาลงทีหลัง ....

    ... การที่ภพภูมิเขาจะเลือกเข้าใครนั้น .. เขาจะมีกฏเกณฑ์อยู่นะคะ เหมือนเวลาหมอผีจะทำคุณไสยย์นะคะ .. ถ้าเคยดูละครเรื่องที่มี " ผีอีแพง " จะเข้าใจดีเลยคะ ไม่ใช่นึกจะเข้าใครก็เข้าได้หมดนะคะ ยกตัวอย่างเช่น

    1. คนขวัญอ่อน , จิตอ่อน , อ่อนไหวง่าย , คนป่วย .. พวกนี้ก็เป็นเป้าหมายสำคัญเลย เพศที่สามส่วนมากจะถูกจัดรวมในข้อนี้คะ แต่ไม่ใช่คนป่วยนะคะ ..

    2. คนดวงตก พวกนี้เสี่ยงต่อการโดนลมเพลมพัด ทำคุณ ฯ ใส่ก้ง่าย ผีเข้า ผีตามก็ง่าย เรียกว่าพวกนี้มักซวยซ้ำซ้อน เพราะภพภูมิเขาดูออกนะคะ

    3. คนที่มีกรรมสัมพันธุ์กัน ทั้งในอดีตชาติ อาจเคยเป็นลูกหลาน ภาคแบ่งบารมีมาเสวยกรรมดี กรรมชั่ว ปัจจุบันชาติอาจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจนท่านพอใจเลยมาร่วมสร้างบุญบารมีด้วยก็ได้

    4. คนที่กระทำผิดต่อครูบาอาจารย์ ที่เขาเรียกว่า " ผิดครู " ก็จะโดนครูบาอาจารย์ลงโทษไป พวกนี้ส่วนมากจะกลายเป็นปอบ หรือ ของเข้าตัว ผีในวิชาทำร้าย

    5. พวกที่ไปรับขันธ์ ... พวกนี้ถือว่า " เสนอตัว " เซ็นต์สัญญายินยอมยกร่างกายจิตวิญญาณให้เขาไป ซึ่งอาจถูกคน หรือ ผี หลอกเอาได้เราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าที่เราไปรับขันธ์มาใช่หรือไม่ใช่ที่เราต้องการ เสี่ยงต่อการโดนสวมสูงมาก เพราะส่วนมากตำหนักมักพ่วงมากับพวกคุณไสยย์ วิชาเวทย์มนต์ และ การเลี้ยงผี .. เราไม่อาจรู้ได้

    ... ส่วนมากจะไม่ค่อยมีเพศชายที่ปกติเท่าไหร่หรอกคะ เพราผู้ชายถือได้ว่าจิตเขาแข็งโดยธรรมชาติอยู่แล้วคะ ส่วนเด็ก ๆ เพราะจิตใจพวกเขาบริสุทธ์ทำให้สัมผัสรับรู้ได้ง่ายเช่นกัน .. ผู้หญิงมักเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่เทพ เทวีเลือกคะ เพศที่สามนี้ก็ต้องพิจารณาเป็นคน ๆ ไปคะเหมารวมไม่ได้หรอกนะคะ ต้องดูองค์ประกอบคะอย่างอื่นร่วมด้วย ...จำไว้ว่า

    " ภพภูมิจะเลือกผู้ที่มีลักษณะคล้ายตนเองที่สุด หรือ เป็นผู้มีกรรมสัมพันธ์กันเท่านั้น และ ไม่ใช่แค่เทพเทวดาเท่านั้นที่มีฤทธิ์ .. อสุรกาย เปรต สัมภเวสี ก็พอมีฤทธิ์เหมือนกันนะคะ บางตนอยู่มาเป็นร้อยเป็นพันปีย่อมมีฤทธิ์ในการจำแลงกายมาหลอกเราได้ว่าเป็นเทพองค์ใดก็ได้ " นี้แหละคะถึงถามคุณในตอนต้น ๆ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าสิ่งใดจริง .. สิ่งใดปลอม เพราะภพภูมิเป้นแค่อากาสธาตุที่มาพลังงานเท่านั้น ไม่มีกายหยาบแบบเรา ๆ ไม่สามารถสร้างบุญกุศลสร้างบารมีได้เอง ต้องมาอาสัยคนอย่างเรา ๆ ในการสร้างบุญบารมี จงภูมิใจเถิดคะที่ได้เกิดเป้นคนมีลมหายใจเป็นของตนเอง .. ถ้ามีเทพเทวดาท่านมาร่วมสร้างบุญบารมีด้วยก็ถือว่าเราโชคดีแล้ว เร่งสร้างความดี .. สร้างบุญบารมีให้ตนเองให้มาก และ อุทิศถวายท่านไปให้ท่านได้ร่วมโมทนาบุญกับเราจะดีกว่า

    ... โลกนี้อนิจจัง ไม่เที่ยง มีได้ก็เสื่อมได้ อย่าหลงว่าตนเองมีเทพเทวดามาสถิตย์ ข้าเป็นร่างทรงเทพผู้ยิ่งใหญ่เหนือคนทั้งหลายต้องมาก้มหัวกราบไหว้ จนลืมไปว่าความจริงเราเป้นเพียงคนเดินดิน ยังต้องกินข้าวกินน้ำ ขี้เหม็น ยังมีความ รัก โลภ โกรธ หลง ราคะ อยู่ในตัวเยอะอยุ่ .. สำหรับเรา การที่เรา " มีองค์ เหมือนเรามีกรรมหนักที่ต้องชดใช้ .. เหมือนเราได้โอกาสที่มีผู้หยิบยื่นให้เราได้เกิดมาเป็นคนเพื่อทำความดี ทำคุณประโยชน์ สร้างสมบุญบารมีให้ตนเองพ้นกรรมนั้นต่างหาก ขนาดตัวเองยังเอาไม่รอดจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไงจริงไหม๊ " คนที่เอาเทพมาหากินกับความเชื่อของคน ส่วนมากจะหวังผลประโยชน์เข้าตนเสียมากกว่า และ เราไม่สามารถไปบอกว่าคนนี้จริง คนนี้ปลอมนะ .. เจ้าตัวเขาจะรู้ได้ด้วยตัวเขาเองคะ .. ถ้าเขาไม่หลอกตัวเองนะคะ .. หรือ ไม่โดนมารจำแลงมาหลอกเอา

    ... อ้อ เราจะบอกว่าเราเคยเจอสาวประเพศสองคนที่ไปออกรายการทีวีชื่อดังคนหนึ่งที่เขาไปเปิดกรรมมาแล้วบอกว่าตัวเองมีองค์เทพที่งาน นวราตรี ด้วยนะคะเขาไปตั้งแท่นบูชาพิธีด้วย แต่เราไม่เดินเข้าไปหรอกคะ เราไม่ชอบเราก็แค่เดินมองไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีแต่สาวประเภทสองจริง ๆ แหละคะ ... แต่ที่เห็นไปตั้งมีที่น่าจะใช่ไม่กี่คน หรอกคะ เราคิดว่าเราจำคนไม่ผิด เพราะมันมีเหตุให้เราต้องหยุดดุเขาเดี๋ยวค่อยเอามาลง

    ... คนหนึ่งคนสามารถสื่อสาร รับ ภพภูมิได้มากกว่าหนึ่งท่านด้วยนะคะ ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2013
  8. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297

    .... ถ้าเวลาไปโบถ์เราก็เคยไปมาแล้วที่คลองเตยโบถ์ใหญ่ด้วย .. เหมือนเปิดโลกใหม่เลยก็ว่าได้คนเป็นพันพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ แต่เราก้เคยพูดแปลก ๆ กับเขาเหมือนกัน .. แต่เราพุดเองยังไม่เข้าใจที่ตนเองพุดเลย สู้เราไปดูหนังแขกที่เขาพุดภาษาฮินดี้เรายังรู้สึกดีมาความสุขกว่าเลยคะ ... แต่ดีนะของคุณมีตามแค่คนเดียว ... ของเราทุกวันนี้ตามเกิน 10 ตน รวมแฟนคนทื่ตายด้วย รวมพวกที่จอมปลวกด้วยเยอะ บางทีก็พวกที่ตามเพื่อนเราแวะเวียนมาก็มี เห้อ ๆ แต่เราทำใจแหละว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ก็อยู่กันไปแผ่บุญให้พวกเขาไปยังมีอีกเยอะที่อยู่พื้นใต้ห้องเราที่เขารอหลุดจากเดรีจฉานขึ้นมาเป็นอสุรกาย .. กำลังก่อร่างคล้ายคนขึ้นมาทุกวันเห็นแฟนคนปัจจุบันเราบอกนะ เขาเป็นอิสลามแต่ก็สัมผัสได้เหมือนกัน ..
     
  9. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    **** ผีเข้าสิง ผีเข้าทรง ได้อย่างไร จะรู้ได้ยังไงว่าผีเข้าจริง ***

    .... คัดมาจากหนังสือ ตอบโจทย์เรื่องผี ฯ ของ ดร.รอบทิศ ไวยสุศรี แฟนพันธ์แท้ พระเกจิคณาจารย์ ปี 2006

    .. การที่มี “ผี” มา “เข้าสิง” หรือ “เข้าทรง” นั้น หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยอธิบายไว้ว่า ผีเหล่านั้นไม่ได้เอาดวงวิญญาณของตัวเองมาซ้อนทับเข้าไปอยู่ในร่างของมนุษย์ที่ตนเข้าสิงเหมือนอย่างที่เราดูในหนังทั่วๆไปแต่อย่างใด แต่ท่านบอกว่าทุกครั้งที่เห็นผีเข้าสิงหรือเข้าทรงนั้น ท่านจะเห็นผีเหล่านั้นยืนใช้กำลังจิตบังคับร่างที่ถูกเข้าสิงนั้นอยู่ข้างนอกทั้งสิ้น ใครที่มีกำลังจิตอ่อนก็จะถูกผีเข้าสิงหรือใช้กำลังจิตบังคับให้ทำท่าทางหรือพูดเรื่องราวต่างๆตามที่เขาต้องการได้ง่ายกว่าผู้ที่มีกำลังจิตกล้าแข็ง ซึ่งเหตุปัจจัยที่ทำให้ “ผี” สามารถ “เข้าสิงมนุษย์” ได้นั้น ก็จะคล้ายๆกับเหตุปัจจัยในการเห็นผี โดยผมขอแบ่งอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเป็น ๓ ปัจจัยดังนี้คือ

    ๑. ความสามารถของผี – ถ้าเป็น “ผีที่มีพลังงานมาก” มีกำลังจิตกล้าแกร่ง มีบุญบารมีสูง ก็จะสามารถเข้าสิงหรือบังคับร่างและจิตใจของมนุษย์ได้ง่ายกว่า “ผีที่มีพลังงานน้อย” เช่น เทวดาสามารถเข้าสิงมนุษย์ได้ง่ายกว่าสัมภเวสี เพราะเทวดามีกำลังจิตสูงส่งกว่าสัมภเวสีมาก เป็นต้น

    ๒. พลังงานที่เชื่อมโยงผีกับมนุษย์ – ถ้า “ผี” กับ “มนุษย์” คนนั้น มีกระแสพลังงานบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน ผีตนนั้นก็จะเข้าสิงมนุษย์คนนั้นได้ง่ายขึ้นเช่น เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาก่อน เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน เคยเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันมาก่อน เป็นต้น

    ๓. ความสามารถของมนุษย์ – ยิ่ง “มนุษย์” ผู้ใดเคยผ่านการฝึกฝนสมาธิวิปัสสนาจนจิตมีความสว่างไสวและละเอียดลึกซึ้งมากเท่าใด ก็สามารถจะสื่อสารและรับรู้กระแสพลังงานอันละเอียดจาก “ผี” ซึ่งเป็นกายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น สามารถเป็นร่างทรงที่สื่อสารข้อความต่างๆจากผีและเทวดาทั้งหลายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ในอีกมุมหนึ่งคือ ยิ่ง “มนุษย์” ผู้ใดมีกำลังจิตที่อ่อนมาก เป็นคนขี้กลัวขี้ตกใจ ก็จะถูกผีเข้าสิงได้ง่ายขึ้นเช่นกันเพราะ ผีสามารถใช้กำลังจิตของตนบังคับแทรกแซงได้ง่ายขึ้น ดังเราจะเห็นว่าคนที่ถูกผีสิง หรือ ผู้ที่เป็นร่างทรงส่วนใหญ่ มักจะเป็นเด็กบ้าง ผู้หญิงบ้าง เพศที่สามบ้าง ก็เพราะมักจะมีจิตอ่อนไหวกว่าผู้ชายแท้ๆที่มีจิตเข้มแข็งกว่านั่นเอง


    *** หมายเหตุ ผี ในที่นี้หมายถึง ภพภูมิทุกกรณีนะคะ
     
  10. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ต่อ ....

    .... หากเหตุปัจจัยถึงพร้อมพอเหมาะพอดีกันทั้ง ความสามารถของผี พลังงานที่เชื่อมโยงผีกับมนุษย์ และความสามารถของมนุษย์ แล้ว ผีก็จะสามารถเข้าสิงหรือเข้าทรงมนุษย์คนนั้นได้ทันที โดยอาการ “ผีเข้าสิง” หรือ “ผีเข้าทรง” นั้น สามารถแบ่งได้เป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆคือ

    ๑. เข้าสิงแบบ “ไม่มีผี” - ผีเข้าสิงหรือเข้าทรงในลักษณะนี้พบเจอมากที่สุดกว่าทุกประเภทคือ ไม่ได้มี “ผี” ตนใดมาเข้าสิงแต่อย่างใด แต่มีอาการเหมือนคนโดนผีเข้าสิงเช่น บางคนกลัวผีจนประสาทหลอนคิดไปเองว่าตนเองโดนผีเข้าสิง หรือบางคนเป็นโรคจิตอ่อนๆ พอมีเหตุการณ์อะไรมากระตุ้นก็เลยแสดงอาการตัวสั่น เสียงเปลี่ยน พูดสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกออกมาจนเหมือนคนโดนผีเข้าสิง เป็นต้น หรือแบบที่ร้ายที่สุดก็คือ พวกที่แอบอ้างว่าตนเองเป็นร่างทรงเจ้าพ่อนั้นเจ้าแม่นี้ แต่จริงๆแล้วเป็นแค่แผนต้มตุ๋นเอาเงินจากชาวบ้านที่หลงเชื่อเท่านั้น ไม่ได้มีผีเจ้าพ่อเจ้าแม่มาประทับทรงเข้าสิงแต่อย่างใด ถ้าเป็น “ผีเข้า” ประเภทนี้สังเกตได้ไม่ยากมากครับเช่น ลองตั้งคำถามที่เขาไม่รู้หลายๆคำถามดู เขาจะตอบไม่ได้เลย หรือลองสังเกตเวลาทำท่าจะใช้ฤทธิ์ต่างๆ ดู จะพบว่าชอบแอบๆทำ มีฉากมีอะไรบัง คล้ายกับจะเล่นกล เป็นต้น

    ๒. เข้าสิงแบบ “ผีปลอม” – ผีเข้าสิงหรือเข้าทรงในลักษณะนี้ มี “ผี” มาเข้าสิงจริงๆ แต่ “ผี” ที่มาเข้าสิงนั้นไม่ใช่ตัวจริง ส่วนใหญ่พวกนี้มักจะเป็นอสุรกายหรือ สัมภเวสีที่หิวโหยทุกข์ทรมาน อยากได้อาหารเครื่องเซ่นบ้าง อยากได้บุญกุศลบ้าง อยากได้การกราบไหว้เคารพนับถือ แต่ครั้นจะมาเข้าสิงแล้วบอกชื่อตัวเองตรง ๆว่าเป็นใครมาจากไหนก็คงไม่มีใครสนใจกราบไหว้ช่วยเหลือ ก็เลยมาเข้าสิงคนแล้วแอบอ้างว่าตนเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ บ้าง เป็นเทวดาชั้นสูงบ้าง เป็นเชื้อพระวงศ์สมัยโบราณบ้าง เพื่อให้ผู้คนนับถือ เอาเครื่องเซ่นและอาหารต่างๆ มาถวาย ตนเองจะได้หากินได้ง่ายขึ้น มีคนเคารพบูชานับถือมากขึ้น ดังตัวอย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยเล่าให้ฟังว่า มีร่างทรงคนหนึ่งอ้างว่าตนเองมีดวงวิญญาณของ “พระศรีอาริย์” (พระโพธสัตว์ผู้จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป) มาประทับทรงตน แต่พอท่านไปดูจริงๆปรากฏว่ากลับเห็นแต่ร่างดำๆของ “อสุรกาย” ที่ยืนบังคับร่างนั้นอยู่ข้างหลังแล้วแอบอ้างตนว่าเป็นพระศรีอาริย์ เป็นต้น

    ..... อย่างไรก็ดี อสุรกาย หรือ สัมภเวสีพวกนี้ เขาก็เป็นกายละเอียดที่มีฤทธิ์อำนาจบ้างเล็กๆน้อยๆตามบุญกรรมของตน บางตนก็สามารถตามหาของหายได้บ้าง ทายใจได้บ้าง บอกหวยนิด ๆ หน่อย ๆ ได้บ้าง รักษาโรคบางอย่างได้บ้าง พอคนเห็นว่ามีฤทธิ์จริง ก็เลยหลงเชื่อไปในทันทีว่าเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่เทวดาต่างๆมาเข้าทรงจริง ก็เลยกราบไหว้บูชา ถวายเครื่องเซ่น ถวายเงินทองสร้างตำหนักทรงกันใหญ่โต โดยไม่รู้เลยว่ากำลังโดน “ผีหลอก” แต่ไม่ใช่หลอกให้ตกใจกลัว แต่หลอกต้มให้เข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นเทพพรหมผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งผีเข้าสิงเข้าทรงลักษณะนี้ค่อนข้างแยกแยะยากว่า ผีตนไหนของจริงหรือของปลอม นอกจากจะลองสังเกตพฤติกรรมดูนาน ๆ เช่น วิญญาณที่มาเข้าสิงนั้น มีนิสัยท่าทางรวมทั้งความชอบใจในของที่มาถวายเหมือนกับคนผู้นั้นสมัยยังมีชีวิตอยู่จริงไหม คำตอบที่เราถามไปเขาตอบได้ถูกต้องแค่ไหน คำสอนและธรรมะต่างๆที่เขาสอนมาถูกต้องตามหลักจริง หรือ ไม่ เป็นต้น หรือถ้าจะให้ชัวร์ที่สุด เราก็ต้องพิสูจน์โดยการพยายามฝึกจิตให้ละเอียดลึกซึ้งสว่างไสวเพียงพอที่จะเห็นผีได้จริงๆ ถึงจะพอแยกแยะออกได้ว่าผีจริงหรือผีแอบอ้าง

    ๓. เข้าสิงแบบ “ผีจริง” – ผีเข้าสิงหรือเข้าทรงในลักษณะนี้ เป็น “ผีตัวจริงเสียงจริง” ซึ่งมีโอกาสพบเจอได้ยากที่สุดในบรรดาผีเข้าสิงทั้ง ๓ ประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการเข้าทรงเทพพรหมชั้นสูงแล้ว โอกาสจะเจอของจริงมีน้อยมาก เพราะเทพพรหมทั้งหลายท่านเป็นภพภูมิที่ละเอียดและบริสุทธิ์มากกว่าภพภูมิอื่นๆ ท่านจึงเหม็นกลิ่นมนุษย์ซึ่งมีสภาวะที่หยาบและสกปรกกว่าท่านมาก โดยเฉพาะมนุษย์ที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม ดังนั้นถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ เช่น มาแจ้งข่าวบอกเหตุต่าง ๆ หรือมาเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง หรือ มาสร้างบุญบารมีเพิ่มเติม ฯลฯ แล้ว ท่านจะไม่ลงมาพูดคุยยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์เลย ซึ่งด้วยความมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะเช่นนี้ จึงทำให้มีข้อสังเกตคร่าว ๆ ได้ว่าเป็นเทพพรหมมาเข้าทรงจริงหรือไม่เช่น ร่างทรงนั้นจะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์สม่ำเสมอก่อนจึงจะสามารถรับการประทับทรงได้ หรือ ร่างทรงนั้นมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าปกติ บอกอะไรถูกหมด ถามอะไรรู้หมด แสดงฤทธิ์ให้เห็นได้แบบจะจะไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ หรืออาจลองสังเกตท่าทีต่าง ๆ ในการมาประทับทรงดู ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ถ้าเป็น “พรหม” เขาจะมาเฉพาะวัน ถ้ามาวันนี้ เขาจะบอกวันไหนเขาจะมาอีก จะไม่มาทุกวัน และใช้เวลาน้อย พูดน้อย สมมุติว่าเขาจะมารักษาใคร เขาจะบอกเลยว่าวันนั้นจะมีคนเป็นโรคอะไรมา เขาจะเตรียมยาไว้เลย แล้ววันไหนที่เขาบอกว่าไม่มา จะไปเชิญยังไงเขาก็ไม่มา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีข้อควรระวังว่า ผู้ที่เชิญเทพพรหมต่าง ๆ เข้าทรงตนเองได้นั้น บางคนเป็นคนจิตอ่อน ดังนั้น พอคนพวกนี้ทำพิธีอัญเชิญเทพพรหมมาเข้าทรง ด้วยความที่จิตของตนอ่อน ก็อาจโดนพวก อสุรกาย สัมภเวสี หรือ เทวดาที่ไม่ใช่องค์ที่ตนตั้งใจเชิญมาเข้าแทรกกลางทางได้ จึงต้องคอยสังเกตทีท่าและความสามารถของร่างที่ถูกประทับทรงนั้นให้ดีด้วย เพราะเทพพรหมองค์ประจำนั้น ท่านจะมาตามที่ท่านกำหนด ไม่ใช่เชิญเมื่อไหร่ก็มาเมื่อนั้น ดังนั้นถ้าท่านไม่มา ก็อาจมีดวงวิญญาณอื่นมาแทรกกลางเข้าร่างแทนได้เช่นกัน
     
  11. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ต่อ ...

    ... ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่า โอกาสที่เราจะได้เจอ “ผีตัวจริงเสียงจริง” นั้นมีโอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างยาก ที่เราเจอกันส่วนใหญ่มักจะเป็นการเข้าสิงเข้าทรงแบบ “ไม่มีผี” หรือ “ผีปลอม” ซะมากกว่า อย่างไรก็ดี หากว่ามี “ผี” มาเข้าจริงๆแล้ว การเข้าสิงเข้าทรงนั้น ก็ยังแบ่งออกได้ ๓ ระดับด้วยกัน คือ

    ๑. ผีเข้าแบบเต็มตัว

    ... ผู้ที่ถูกผีเข้าในระดับนี้ ถูกผีใช้อำนาจจิตเข้าบังคับแบบ ๑oo เปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ถูกผีเข้าจะจำคำพูดและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ตนทำไปขณะโดนผีเข้าไม่ได้เลย คล้ายคนที่ละเมอทำอะไรไปตอนหลับแล้วเมื่อตื่นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย อาการผีเข้าระดับนี้มักเกิดกับคนที่จิตอ่อนและขาดสติมาก ๆ จึงโดนผีเข้าควบคุมได้แบบเต็มร้อย

    ๒. ผีเข้าแบบครึ่งตัว

    ..... ผู้ที่ถูกผีเข้าในระดับนี้ ถูกผีใช้อำนาจจิตเข้าบังคับแบบไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้ที่ถูกผีเข้าจะจำคำพูดและพฤติกรรมต่างๆที่ตนทำไปขณะโดนผีเข้าได้บ้างไม่ได้บ้าง หรือบางคนก็จำได้หมดและรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้เพราะถูกผีบังคับเอาไว้บางส่วน อาการผีเข้าระดับนี้มักเกิดจาก ผู้ที่ถูกผีเข้ามีกำลังจิตค่อนข้างเข้มแข็ง หรือผีที่เข้ามีกำลังจิตไม่เข้มแข็งนัก จึงควบคุมได้ไม่เต็มร้อย แต่ก็มีในบางกรณีที่ผีตั้งใจจะควบคุมแบบไม่เต็มร้อย เพื่อต้องการให้ผู้ที่ถูกผีเข้าสามารถจำพฤติกรรมและคำพูดต่าง ๆ ที่ตนเองแสดงออกไปได้ด้วย

    ๓. ผีเข้าแบบผ่าน

    ..... ผู้ที่ถูกผีเข้าในระดับนี้ ไม่ได้ถูกผีใช้อำนาจจิตเข้าบังคับ แต่เป็นการตั้งใจอัญเชิญผีและเทวดาต่างๆมาถามไถ่เรื่องราวที่ต้องการรู้ แล้วนำเรื่องที่รู้มานั้นมาเล่าผ่านให้คนอื่นๆ ทราบต่อไป (คล้ายๆพรายกระซิบ) หรืออาจอัญเชิญมาเพื่อขอยืมอำนาจจิตของผีและเทวดามาใช้ในการแสดงฤทธิ์บางอย่างที่ตนเองไม่สามารถทำเองได้เช่น อัญเชิญหลวงปู่ครูบาอาจารย์เทพพรหมต่างๆ มาเข้าร่างตนเองเพื่อร่วมพิธีปลุกเสกพระเครื่องต่างๆ เป็นต้น ซึ่งอาการผีเข้าในระดับนี้ ผู้ที่ถูกผีเข้าส่วนใหญ่จะจำพฤติกรรมและคำพูดต่างๆ ขณะผีเข้าได้เป็นอย่างดี และยังสามารถควบคุมตัวเองได้อย่างเกือบจะเต็มร้อย เพราะดวงวิญญาณไม่ได้เข้าควบคุมจิตและร่างกาย แต่เพียงส่งพลังงานผ่านร่างนั้นเพื่อใช้ประโยชน์ในงานต่างๆ เท่านั้น (แต่บางคนอาจมีท่าทางเปลี่ยนจากปกติไปบ้างเช่น หลังงุ้มลงเหมือนคนแก่ เสียงเปลี่ยน ตัวสั่น เพราะพลังงานที่ผ่านมาของครูบาอาจารย์เทพพรหมบางองค์มีกำลังสูงมาก จนพลังงานนั้นล้นออกมาปรากฏเป็นอาการทางกายไปด้วย หรือบางครั้งก็ทำไปเพราะต้องการแสดงให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีรู้ว่าท่านมาเองจริงๆ ไม่ใช่ตั้งใจจะเข้าบังคับร่างแบบผีเข้าทั่วๆ ไป) โดยผู้ที่จะเป็นร่างผ่านในระดับนี้ ส่วนใหญ่ต้องมีศีลบริสุทธิ์ และผ่านการฝึกฝนทางอำนาจจิตมามากพอสมควร รวมทั้งต้องเป็นความยินยอมต้องการของเทพพรหมองค์นั้นๆ เองด้วย จึงจะสามารถรับพลังงานของเทพพรหมซึ่งมีพลังงานสูงกว่าพวกอสุรกายหรือสัมภเวสีทั่วๆ ไปหลายร้อยหลายพันเท่าผ่านร่างของตนเองได้

    .... ส่วนอาการ “ตัวสั่น” ของร่างที่โดนเข้าสิงเข้าทรง ซึ่งถือเป็นอาการพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดีนั้น ก็เกิดจาก “พลังงานจิตของผี” ที่พยายามเข้ามาควบคุมร่าง มาปะทะกระทบเข้ากับ “พลังงานจิตของเจ้าของร่าง” นั่นเอง โดยหากพลังงานทั้งสองฝ่ายไม่สมดุลกันเช่น ฝ่ายหนึ่งพยายามขัดขืนอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งส่งกำลังเข้ามาบังคับมากเกินไป ฯลฯ ก็จะทำให้เกิดอาการสั่นมาก แต่ถ้ารอซักพักจนพลังงานทั้ง ๒ ฝ่ายเริ่มจูนเข้าหากันได้แบบพอดีๆ แล้ว อาการสั่นก็จะค่อยๆ ลดลงไปเหลือเพียงอาการสั่นน้อยๆ เพราะร่างนั้นมีพลังงานเข้ามาควบคุมอยู่มากกว่าปกติ ทั้งพลังงานจิตจากเจ้าของร่างเองที่มีอยู่แล้ว และพลังงานของผีที่เข้ามาควบคุมแทรกเพิ่มเข้าไปอีก แต่ถ้าผู้ที่เป็นร่างนั้นผ่านการฝึกฝนจิตจนละเอียดลึกซึ้งสว่างไสวเพียงพอแล้ว อาการสั่นเหล่านั้นก็อาจจะแทบไม่เกิดขึ้นเลยเพราะ จิตละเอียด (ของเจ้าของร่าง) กับ จิตละเอียด (ของผีหรือเทวดา) มากระทบกัน เหมือนแม่น้ำสองสายไหลเย็นมาเจอกัน ซึ่งอาจมีคลื่นจิตที่กระเพื่อมๆ บ้าง ร่างกายที่สั่นๆ บ้าง ในครั้งแรกๆ ที่มากระทบกัน แต่หลังจากนั้นก็จะไหลรวมกัน ไหลไปอย่างนุ่มนวลละเอียดสบายไปด้วยกัน ไม่มีการกระทบกระทั่งกันเลย ดังตัวอย่างที่เราจะเห็นพระเกจิอาจารย์หลายท่านที่นั่งปลุกเสกพระเครื่องต่างๆนั้น บางครั้งท่านก็เชิญเทพพรหมชั้นสูงมาช่วยปลุกเสกด้วย แต่ท่านก็ยังสามารถนั่งพูดคุยได้เหมือนคนปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเป็นจิตละเอียดกับจิตละเอียดมาเจอกันนั่นเอง

    ..... จะเห็นได้ว่า “ผีเข้าสิง” หรือ “ผีเข้าทรง” นั้น มีหลากหลายรูปแบบหลากหลายระดับมาก โดยหากเปรียบเทียบแล้ว การเข้าสิงเข้าทรงที่น่าจะดีที่สุดนั้น ผีต้องเป็น “ผีตัวจริงเสียงจริง” ที่มีพลังงานมากเช่น เทวดา หรือ พรหม และต้องมีกระแสเชื่อมโยงกับมนุษย์คนนั้นมากจึงจะสื่อสารกันได้ดี รวมทั้งตัวมนุษย์เองก็ต้องฝึกฝนจิตตนเองให้มีพลังงานที่สูงและละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะติดต่อกับเทวดาหรือพรหมซึ่งมีพลังงานสูงเหล่านั้นในระดับ “ผีเข้าแบบผ่าน” ได้ด้วย จึงจะสามารถแสดงฤทธิ์อำนาจช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีโอกาสพบเจอได้ยากมาก ส่วนใหญ่จะเจอผีเข้าสิงเข้าทรงแบบคนต้มตุ๋นบ้าง สัมภเวสีหลอกว่าเป็นเทวดาบ้าง หรือบางครั้งเจอเทวดาจริงๆแต่จิตของผู้ทรงไม่ได้รับการฝึกฝนก็เลยสื่อสารผิดๆถูกๆไม่ชัดเจนถูกต้องบ้าง ซะมากกว่า ดังนั้นเราจึงไม่ควรยึดถือพึ่งพาอาการผีเข้าสิงเข้าทรงต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมมากมายหลายพันเจ้าพ่อหลายหมื่นเจ้าแม่มากนัก เพราะมีโอกาสน้อยมากที่จะเจอของจริง แต่ควรจะหันมาฝึกเข้าทรงด้วยตนเอง ด้วยการให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระเจริญภาวนา อาราธนาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ท่านมาทรงมาสิงอยู่ในใจทุกวันทุกเวลาอย่าให้ขาด แล้วจิตของทุกท่านจะละเอียดลึกซึ้งสว่างไสว อยากรู้อยากเห็นอะไร อยากมีฤทธิ์มีอำนาจจิตแบบใดก็ทำเองได้หมด ไม่ต้องไปนั่งทำพิธีอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากผีที่ไหนให้เสียเวลาและเสี่ยงต่อการโดนต้มตุ๋นหลอกหลวงจากทั้งคนและผีอีกต่อไป แถมถ้าหมั่นทรงพระไว้ในใจเสมอๆไปเรื่อยๆ จนจิตเพลิดเพลินอยู่กับพระ พระท่านก็อาจจะพาเราเดินเล่นเพลิดเพลินไปกับบุญกุศลจนลืมทุกข์ลืมโศกทั้งปวง กว่าจะรู้ตัวอีกที เราก็ไปนอนเล่นตีพุงยิ้มแฉ่งอยู่ที่พระนิพพาน หมดทุกข์หมดโศกโดยสิ้นเชิงไปในที่สุดก็เป็นได้
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    กระทู้นี้ได้ความรู้มากมาย..มีประโยชน์ต่อส่วนรวมดีครับ..;)
     
  13. dakjued

    dakjued เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    251
    ค่าพลัง:
    +851
    คือผมอยากถามอยู่นิดหนึ่งคับอ่ะคับ คือ ผมรับขันธ์มาแต่ไม่ใช้คนทรงอะไรนะคับ เป็นขันธ์ครูบาอาจารย์ เมื่อช่วงต้นเดือนคุยโทรศัพย์กับเพื่อนมันบอกว่ามีคนอยู่ด้วยหรอถึงได้ยินเสียงคนพูดแต่ฟังไม่รู้เรื่องมันได้ยิน 2-3 ครั้ง ผมอยู่คนเดียวเลยตกใจเลย 55+ ผมสงสัยเลยไปถามเพื่อนอีกคนที่เขาเก่งทางกรรมฐาน เขาบอกว่าเป็นเทวดาที่อยู่ประจำขันธ์ที่ผมรับ เขาบอกเขาก็มีแต่คนละองค์ ผมเลยสงสัยทำไมผมสัมผัสไม่ได้ แต่เพื่อนที่โทรคุยกับผมสัมผัสได้ซะงั้น แต่เพื่อนที่ผมถามเขาสัมผัสและพูดคุยได้ปกติของเขาอยู่แล้ว
     
  14. wangwang

    wangwang เมตตาคุณณัง อะระหังเมตตา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    406
    ค่าพลัง:
    +629
    สวัสดีครับ เห็นกระทู้นี้มีเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณ และบางคนอยากสัมผัสได้ พอดีผม
    เข้าไปในเวป yantip ห้องญาณทิพย์ กระทู้ชื่อ "ลองทำดูนะครับแบบ TURBO เห็น
    ผลเร็วในการปฏิบัติ" โพสต์โดยคุณ Mana น่าติดตามดี จขกท.ไปใช้ชีวิตอยู่ที่สวีเดน
    ตั้งแต่อายุ14 นำเสนอบทสวดมนต์และบทแผ่เมตตาที่บูรณาการมาจากบทสวดของแหล่ง
    ต่างๆ และมีดัดแปลงเพิ่มเติมบ้าง มีผู้นำไปใช้แล้วได้ผลต่างๆกัน เริ่มมีภาพเกี่ยวกับชีวิต
    ส่วนตัวตั้งแต่หน้า31ขึ้นไป เป็นที่ที่น่าอยู่มากถ้าไม่ติดที่ความหนาว ลองดูครับถ้าเห็น
    ผลอย่างไรรบกวนมาเล่าให้อ่านบ้าง ผมก็นำมาเพิ่มเติมในการสวดมนต์ จัดใหม่บ้าง รู้สึก
    มีความฝันแปลกๆเข้ามา แต่ช่วงนี้ จขกท.หายไปหลายวันไม่เข้ามาโพสต์คงงานยุ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2013
  15. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    อยากฟังเรื่องเล่าเวลาที่คุณ กาลีนะ ถูกใช้เป็นร่างทรงน่ะครับ เอาองค์ที่เป็นเทพแขก ผู้หญิง ว่าเวลานั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง ...
    ส่วนตัวผมน่ะ ทรงอะไรกะเขาไม่เป็นหรอกนะ มีแต่ทรงพระเจริญอย่างเดียวเอง...

    เพียงแต่พอจะรู้จะเห็นอะไรได้บ้าง อย่างหลวงพี่ท่านนึง ซึ่งเป็นที่เคารพรักของกระผม เวลานั่งคุยด้วย จะมีพระพรหมมาคอยคุ้มครองอยู่ บางครั้งก็เป็นพญานาค มาคอยคุ้มครอง แล้วเวลาทำนายทายทักอะไรก็ตามจะแม่นมาก ยังกะตาเห็น ...
    เนื่องจากหูผมไม่ค่อยจะดี เวลาถามแล้วก็จะไม่ค่อยได้ยินคำตอบสักเท่าไร ดังนั้นก็ถามเอาจากหลวงพี่ว่า ท่านที่ยืนคุมอยู่ข้างหลัง รูปร่างอย่างงี้ๆ มีสี่มือ แต่ละมือถือ อย่างงี้ๆ...
    ท่านก็บอกว่า ท้าวชินะปัญชะระ เป็นพรหมองค์เดียวกันกับที่เคยตามคุ้มครองสมเด็จฯโต อย่างงี้ก็เคยเห็นมา ไม่ได้สิง ไม่ได้แฝง แต่เหมือนมาคุ้มครอง และคอยให้ความช่วยเหลืออยู่...

    เดี๋ยวมีเวลาจะแอบมากระทุ้งถามเรื่อยๆ...จะได้ช่วยให้คนสนใจใคร่รู้ ได้มีความรู้เพิ่มขึ้นจากกระทู้นี้แหละ...เอาว่าอ่านจบกระทู้นี้นะ...ไปตั้งสำนักได้เลยนิ..:cool:
     
  16. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ตอบของเก่าคุณ raming2555 ก่อนว่า

    - มีทุกศาสนาจริงแต่ทางความเชื่อเค้าไม่ทรง เพียงแค่ส่งพลังผ่าน
    - เทพพูดได้ทุกภาษาแต่ร่างบุญไม่พอก็มี รวมถึงกรณีอื่นอีก เช่น บารมีไม่ถึง
    - ร่างทรงที่อินเดียจะไม่ทรงเจ้าแต่จะกลายเป็นคนดูแลวัดไป
    - เทพทางกรีกมีแต่จะกลายเป็นกลุ่มประมาณหมอผีประจำหมู่บ้าน
    - เทพที่แต่งตั้งภายหลังมี คนนับถือกันมากสวรรค์ก็ตั้งคนมารับตำแหน่งดูแลตรงนี้ไป
    - ขันธ์ 8 คือ ศีล 8
    - ทางจีนมีม้าทรงไง หลายๆศาสนาจะภาวนาเชิญเทวดามาช่วยเสียมากกว่า ก็ทรงแฝง

    ของปลอมเยอะมาก ไม่จำเป็นก็อย่าไปเกี่ยว ถ้าไม่รับจะเอาให้ตายค่อยว่ากันอีกที

    ท้าวมหาพรหมชินะบัญชร ดูแลทั้ง 3 โลก ท่านเที่ยงตรงและเจ้าพิธีมาก
    อธิษฐานให้ท่านช่วยต้องถือศีล 8 หมั่นทำบุญ และสวดชินบัญชรเป็นประำจำ
     
  17. chalee0222

    chalee0222 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +37
    เข้าใจล่ะว่าอินเดียทำไมคนยากจนกันนัก เพราะเทพเจ้าต่างๆท่านมาอยู่เมืองไทยกันหมด ไม่อยู่ดูแลลูกหลานของท่านที่อินเดียเลย สาธุ
     
  18. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ... หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุดคะ .. กราบขอบคุณคะพี่ nopphakan สำหรับกำลังใจ.
     
  19. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ...." ดูแลสิคะ " ทำไมท่านจะไม่ดูแล แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข " กฏแห่งกรรม " เป้นหลักนะคะ ไม่ใช่ว่าท่านจะบรรดาลให้โดยที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ .. หากเป้นช่วงที่กรรมส่งผลเทพเทวดาท่านก็ทำอะไรไม่ได้มากนะคะ ท่านได้แต่ยืนมองเราถูกกระทำ ผลบุญที่เราสร้างมาเองต่างหากที่จะคอยช่วยเราให้รอดพ้น เทพท่านถึงจะส่งผลต่อเนื่องได้ ... คนที่ไม่เคยทำกรรมดีอะไรเลยแต่เผอิญมีท่านต้องมาดูแลด้วยเหตุผลบางประการท่านก็อาจทำได้แค่ช่วยให้รอดชีวิตแค่นั้น .... เทพเทวดาท่านไม่เลือกคนหรอกคะ ถ้าใครผ่านเกณฑ์ที่ท่านกำหนดท่านก็มา ท่านไม่พอใจท่านไป

    .... และคุณต้องดูด้วยว่าพื้นฐานของแต่ละที่ แต่ละท้องถิ่นเป็นยังไง .. ประเทศไทยไม่มีการ " แบ่งชนชั้นวรรณ " แล้วนะคะหมดไปตั้งแต่สมัย ร.5 ท่านเลิกทาสแล้วเป็นบุญของคนไทยมาก ๆ ถ้ายังมีแบ่งอยู่อย่างตัวกาลีนะเองคงเป็นลูกไพร่ หรือ ลูกทาสก็ได้จริงไหม๊คะ คงไม่ได้ลืมตาอ้าปากขนาดนี้หรอกคะ ... อิเดียเขาแบ่งชนชั้นวรรณกัน ถ้าเกิดการข้ามชนชั้นก็จะเกิดเป็น " จันทาล " เหมือนเป็นที่รังเกียจของคนในสังคม ด้วยระบบนี้มันกดขี่ข่มเหงทำให้คนอิเดียเขายังจนอยู่ไงคะ ... แต่เทพเจ้าเขาวัดกันที่ " ศัทรธา " เหมือนพุทะเรานี้แหละคะ เพราะรากฐานมาจากพื้นเพเดียวกัน พระพุทธองค์ท่านมาจากชนชั้น " กษัตริย์ " แลยังได้ศึกษาในวิชาพราหมณ์จนแตกฉาน และ เห็นว่าไม่ใช่แนวทางที่พระองค์ปราถนาจึงทรงค้นหาเส้นทางด้วยพระองค์เอง .. และ พระองคืก้ไม่ได้บอกว่าเทพเทวดาไม่มีจริง ... เพียงแต่พระองค์ไม่ปราถนาเป้นเพียงเทพ ... พระองค์ปราถนาการหลุดพ้นต่างหาก ... พรหมณ์ และ พุทธจึงต่างกันตรงนี้ที่เห็นชัด ...
     
  20. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    .... ก้มันเป็นขันธ์คนละแบบกันนี้คะ การที่คุณสัมผัสไม่ได้ก้ไม่ใช่ว่าขันธ์นั้นไม่มีผลต่อคุณนะคะ .. ถ้าคุณอ่านข้อความส่วนที่เป็นเนื้อหาดี ๆ แล้วพิจารณาน่าจะได้คำตอบ .. แต่กาลีนะว่าสาเหตุหนึ่งที่คุณสัมผัสไม่ได้เพราะจิตคุณอาจละเอียดไม่พอ และ คุณเป็นคนจิตแข็งอยู่แล้วด้วย ที่สำคัญมันเป็นขันธ์เรียนวิชาไม่ใช่เหรอคะ ครูบาอาจารย์จะมาแสดงตนกับเราก็ต่อเมื่อเราสำแดงวิชาของท่าน .. ท่านก็จะมาช่วยดลให้สำเร็จ คุณได้กระทำ " ผิดครู " ท่านก้จะมาลงโทษ .. คนละแบบกับร่างทรงนะคะ

    ... ที่คนอื่นเขาสัมผัสได้ก้เพราะมีเหตุ และ ปัจจัยตามที่เคยบอกไปแล้ว คนแต่ละคนมีไม่เท่ากันหรอกคะ ...

    ... กาลีนะก้ไม่เก่งด้านนี้เท่าไหร่เพราะตัวเองก็ทำได้แค่สัมผัสการมีอยู่ของภพภูมิเป็นบางครั้งแค่นั้น คงแนะนำได้แค่ว่าให้ลองฝึกสมาธิจิตของตนให้มีความละเอียด ถ้าคุณเป็นคนอ่อนโยน ใจเย็น คุณอาจเข้าถึงได้ไว และหัดสังเกตปฏิกิริยาของตนเองด้วยนะคะ ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...