กรณีตัวอย่าง กระบวนการทรุดตัวของแผ่นดิน ที่เกิดจากการขุดเจาะน้ำบาดาล
www.dgr.go.th/water2006/Groundwater.html
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="97%" align=center height=876><TBODY><TR><TD height=872 vAlign=top width="35%">"น้ำบาดาล" เป็นแหล่งน้ำที่มีความสำคัญสำหรับมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์นำน้ำบาดาลมาใช้ในกิจกรรมต่างๆ ทั้งการดำรงชีวิต การใช้น้ำบาดาลในภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมเป็นต้น
ในโลกนี้มีปริมาณน้ำบาดาลมากน้อยเท่าใด?
<TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TH scope=row></TH></TR></TBODY></TABLE>
</TD><TD vAlign=top width="65%">ผลกระทบด้านน้ำบาดาล
<HR><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=4 width="94%"><TBODY><TR><TD height=222 vAlign=top>
การปนเปื้อนแหล่งน้ำบาดาล
</TD><TD>ผลกระทบด้าน้ำบาดาลที่เกิดขึ้นต่อแหล่งน้ำบาดาล มาจากสาเหตุเหล่านี้
- ผลกระทบของน้ำบาดาลจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่นการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในปริมาณที่มากเกินไป
- ผลกระทบที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่นการไหลของน้ำทะเล แทรกเข้าไปในชั้นน้ำจืด ในพื้นที่บริเวณชายฝั่ง เนื่องจากเกิดภาวะฝนแล้งเป็นเวลานาน
- ผลกระทบ จากแผ่นดินทรุด เป็นผลจากการสูบน้ำบาดาลมากเกินไป ทำให้การเพิ่มเติมน้ำของชั้นน้ำไม่สมดุล เกิดช่องว่างของแผ่นดิน เช่น บริเวณเขตบางกะปิ เขตพระโขนง เป็นต้น ที่มีอัตราการทรุดตัวของแผ่นดิน มากกว่า 3 เซนติเมตรต่อไป และระดับน้ำลดลงมากกว่า 3 เมตร ต่อปี ซึ่งเป็นเขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาลอันดับ 1
พื้นที่ใดมีการทรุดตัวของแผ่นดิน บริเวณนั้นจะเป็นที่ต่ำในลักษณะแอ่งกะทะ เมื่อมีฝนตกหนักทำให้พื้นที่นั้นเกิดน้ำท่วม ดังเช่นน้ำท่วมหนักในปี 2546 บริเวณเขตบางกะปิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง จากสาเหตุดังกล่าวส่งผลต่อสภาพสังคมของประชาชนและสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นจำนวนมาก
- น้ำทิ้งชุมชนและภาคอุตสาหกรรม
- น้ำเสียจากแหล่งทิ้งขยะหรือของเสีย
- ภาคเกษตรกรรมการใช้ปุ๋ย สารเคมี
- อุบัติเหตุรถบรรทุกสารเคมีหรือการรั่วซึมจากแหล่งกักเก็บ
ลงสู่ดิน ที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งลงสู่ชั้นน้ำบาดาลใต้ดินทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมี และของเสียต่างๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE><HR noShade><TABLE border=0 width="94%"><TBODY><TR><TH height=190 scope=row>วัฎจักรของน้ำ
<HR noShade>
[SIZE=+0]น้ำบนผิวโลก ปรากฎตัวอยู่ในรูปแบบต่างๆ และมีการหมุนเวียนเปลี่ยนไปเมื่อน้ำฝนตกลงสู่พื้นโลก บางส่วนจะไหลบ่าและไปสะสมอยู่ในแหล่งน้ำผิวดิน เช่น แม่น้ำ หนองน้ำ และทะเลสาบ [/SIZE]
[SIZE=+0][/SIZE]
[SIZE=+0]ส่วนหนึ่งจะไหลซึมลงสู่ใต้ดิน บางส่วนจะถูกดูดซึมโดยรากของต้นไม้ ส่วนที่เหลือจะไหลซึมไปกักเก็บอยู่ตามช่องว่างในตดินและหินจนอิ่มตัวเป็นน้ำบาดาล ส่วนที่เหลือจะไหลซึมต่อไปและลงสู่ทะเลในที่สุด แสงแดดและความร้อนบนผิวโลก [/SIZE]
[SIZE=+0][/SIZE]
[SIZE=+0]ทำให้น้ำทั้งจากแหล่งน้ำผิวดินต่างๆ จากทะเล พื้นดิน ต้นไม้และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ระเหยกลายเป็นไอลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า กระจายเป็นเมฆในสภาวะที่มีความเหมาะสมในบรรยากาศที่มีความเย็น เมฆจะก่อตัวและรวมตัวกันตกลงมาเป็นฝนอีก หมุนเวียนอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด เรียกว่า "วัฎจักรของน้ำ" [/SIZE]
</TH></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TH scope=row>น้ำบาดาล จะกักเก็บอยู่ในชั้นหิน ที่เป็นโซนอิ่มตัวด้วยน้ำ
</TH></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 width="96%" align=left><TBODY><TR><TH width="12%" scope=row align=left></TH><TD width="15%"></TD><TD width="73%"></TD></TR><TR><TH vAlign=top scope=row align=left>ชั้นน้ำบาดาลภายใต้แรงดัน
ชั้นน้ำบาดาลไร้แรงดัน
หมายถึง ชั้นดิน - หินที่
อิ่มตัวด้วยน้ำ ซึ่งอยู่ใต้ชั้นสัมผัสอากาศ ระดับ
บน
สุดของชั้นนี้เรียกว่า
"ระดับน้ำบาดาล"
การไหลของ
น้ำบาดาลจะไหลไปตามความลาดเอียงของ
ระดับ
น้ำบาดาลภายใต้แรงดึงดูดของโลก
</TH><TD vAlign=top align=left>ชั้นน้ำบาดาล ภายใต้แรงดัน
หมายถึง ชั้นดิน -หินอิ่มตัวด้วยน้ำที่ถูกควบคุมโดยโครงสร้างต่างๆ
ทางธรณีวิทยา ระดับน้ำบาดาลนี้ เรียกว่า
"ระดับแรงดันน้ำบาดาล"
ทิศทางการไหลของ
น้ำบาดาลจะถูกควบคุมโดย
ระดับแรงดันภายในขั้นน้ำบาดาล
</TD><TD vAlign=top align=left>ชั้นน้ำบาดาลปลอม
ชั้นน้ำบาดาลปลอม หมายถึงชั้นดิน -หินอิ่มตัว
ด้วยน้ำ ลักษณะเป็นกระเปาะ มีชั้นดินเหนียวรองรับอยู่ด้านล่าง อยู่ในชั้นสัมผัสบรรยากาศ
เมื่อมีน้ำฝนซึมลงมาสะสมอยู่ น้ำบางส่วนจะถูกกักเก็บไว้ที่กระเปาะนี้ เมื่อทำการเจาะบ่อน้ำบาดาลสูบขึ้นมาใช้ ไม่นานน้ำก็จะหมดไปและจะกลับมีน้ำอีกในฤดูฝน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.
หน้า 1365 ของ 1646
-
ทรัพย์ในดิน สินในน้ำ มีแต่ รวยกับรวย
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ได้เวลา ปักเป้าเสรี เปิบแปลก แลกด้วยชีวิต</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>23 กุมภาพันธ์ 2555 </TD><TD vAlign=middle align=left></B>
<?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="medium"></G:pLUSONE>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></B>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=center></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center></TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></B>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เรื่องของอาหารการกิน ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของมนุษย์ทุกคน ซึ่งอาหารที่มนุษย์สามารถกินได้นั้นก็มีให้เลือกอยู่มากมาย </B>
แต่กระนั้น ก็มีคนบางพวกที่นิยมการเปิบพิสดารเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าถ้าอะไรอร่อยก็ขอลองไว้ก่อน
ดูอย่างปลาปักเป้าก็ได้ แม้ว่ามันจะมีพิษร้ายแรง ถึงขั้นอาจทำให้เสียชีวิต แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อย พร้อมที่จะเสี่ยง
สำหรับในบ้านเรานั้น แม้จะมีปลาปักเป้าติดอวนของชาวประมงที่ออกไปจับปลาในทะเลเป็นจำนวนมาก จากตัวเลขสถิติตกวันละ 100-150 ตัน
แต่กระนั้น มันก็ไม่สามารถนำเอามาทำประโยชน์ได้ เพราะการขายปลาปักเป้าเพื่อเป็นอาหารในประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าผิดกฎหมาย
ดังนั้น นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่า น่าจะมีการแก้กฎหมายตัวนี้ เพราะมันจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับชาวประมงเพิ่มอีกทาง!!
ส่วนเรื่องของพิษนั้น ทางนพ.สุรวิทย์ ก็ออกมาบอกว่า ไม่น่าห่วง เพราะตอนนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาเครื่องมือในการตรวจหาสารพิษในปลาปักเป้าเป็นผลสำเร็จแล้ว ซึ่งเป็นชุดตรวจสอบที่ใช้ง่าย รู้ผลเร็วและราคาถูก
แต่ก็ยังน่ากังขาว่าไอ้ชุดทดสอบนี่ มันจะมีใครเอาไปใช้ตรวจปลาก่อนขายหรือเปล่าก็ไม่รู้?
ปลาอันตรายที่ปะปนขายอยู่ในตลาด
ก่อนอื่น ลองไปทำความรู้จักกับเจ้าปลาอันตรายชนิดนี้กันก่อนว่า ทำไมมันถึงอันตรายและจะก่อให้เกิดอาการอะไรบ้างถ้าหากบริโภคเข้าไป
“ปลาปักเป้าจะมีอยู่ 2 ประเภท คือปลาน้ำจืดกับปลาน้ำเค็ม ซึ่งปลาปักเป้าน้ำเค็มจะมีพิษที่ชื่อ เตโตรโดท็อกซิน อยู่
ถ้าปลาปักเป้าน้ำจืด จะเป็นพิษอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งพิษทั้งสองชนิด จะออกฤทธิ์คล้ายๆ กัน”
ปรเรศวร์ อินทุเศรษฐ นักวิชาการผลิตภัณฑ์อาหาร กองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง เล่าให้ฟัง ถึงพิษของปลาปักเป้าและอันตรายของมัน
“ถ้ารับประทานปลาปักเป้าที่มีพิษเข้าไปประมาณ 20 นาที ก็จะเกิดอาการชาตามลิ้น ตามริมฝีปาก หรือว่าตามแขนตามขา
การเดินก็เริ่มจะเดินลำบาก เคลื่อนไหวลำบาก ถ้าได้รับปริมาณพิษสูงๆ อาจจะถึงกับเสียชีวิตได้ภายใน 8-12 ชั่วโมง และปัจจุบันยังไม่มียาที่รักษาด้วย”
ปรเรศวร์กล่าวต่อไปว่า ถ้าเกิดได้รับพิษเข้าไป ส่วนมากหมอจะรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นและการที่เราจะได้รับพิษปลาปักเป้านั้น คือการบริโภคเข้าไปโดยตรง
ส่วนทางการสัมผัสนั้น อาจจะรู้สึกแค่ปวดแสบปวดร้อน แต่กระนั้น การนำมาทำให้กินเป็นอาหารได้ก็มีวิธีการของมันอยู่ แต่ก็ต้องทำโดยคนแล่ปลาที่เชี่ยวชาญ
เพราะถึงแม้ว่า จะเอาเนื้อปลาไปผ่านการปรุงโดยใช้ความร้อนแล้ว เจ้าพิษที่ว่าก็จะยังคงมีอยู่ ไม่ต่างจากตอนดิบๆ เลย
ซึ่งในทุกวันนี้ ตามตลาดก็มีเนื้อปลาปักเป้าปะปนอยู่จำนวนหนึ่ง โดยคนขายที่ไร้จรรยาบรรณจะหลอกผู้ซื้อว่า เนื้อปลาที่เห็นเป็นปลาอกไก่ไม่ใช่ปลาปักเป้า
หรือไม่ก็จะนำเอาไปผสมกับปลาอื่นๆ เพื่อทำลูกชิ้นปลา แน่นอนว่าทั้งหมดมันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
แต่อีกไม่นาน ถ้ามีการแก้ไขกฎหมาย ปลาเหล่านี้อาจจะถูกนำมาขายอย่างถูกต้องและมีการตรวจสอบในเรื่องของสารพิษที่เกิดจากการทำปลาที่ผิดวิธีการ
‘พลิกวิกฤตเป็นโอกาส’ หรือ ‘โอกาสจะกลายเป็นวิกฤต’
การจะเอาปลาปักเป้ามาขายแบบถูกต้อง ปัจจุบันก็ยังคงมีอุปสรรคหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของคนซื้อ ไล่ไปถึงกระบวนการที่จะทำปลาให้ปลอดภัยก่อนขายจริงๆ
ในประเด็นนี้ สุริยัน ศรีอำไพ อุปนายกสมาคมพ่อครัวไทย ได้แสดงทัศนะไว้ว่า สามารถทำได้ แต่จะต้องสร้างกระแสความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเสียก่อนว่า กินแล้วปลอดภัย มีแหล่งผลิตแหล่งที่มาชัดเจน
และรู้ว่า บริโภคอย่างไร ถึงจะเรียกว่าถูกต้อง เพราะตอนนี้ทุกคนยังมองปลาปักเป้าเป็น ‘ปลาอันตราย’ ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้ ต้องมีการควบคุมอย่างจริงจัง เช่น ร้านไหนบ้างที่มีสิทธิ์ขายเนื้อปลาปักเป้า
เช่นเดียวกับ การพัฒนาฝีมือของคนทำปลาและพ่อครัวด้วย เพราะเกือบทั้งหมดไม่รู้หรอกว่า จะทำเนื้อปลาปักเป้าอย่างไรให้ปลอดภัย
เนื่องจาก วัฒนธรรมดั้งเดิมของเมืองไทย ไม่มีใครกินปลาปักเป้ากัน
"ถ้าไม่ใช่เชฟญี่ปุ่น เขาไม่รู้หรอกว่า ทำยังไง ของแบบนี้ ต้องใช้เชฟเฉพาะทาง ต้องรู้วิธีทำ และวิธีเก็บรักษา คือปกติเชฟเขาจะมีตำราอยู่แล้ว สำหรับทำเนื้อปลาเนื้อสัตว์ทุกชนิด
แต่ถามว่า ตอนนี้ตามโรงแรมทั่วไป เขาไม่ค่อยนำเนื้อปลาปักเป้าไปทานกันหรอก ยกเว้นจะรู้ข้อมูลว่ามันมีประโยชน์อย่างไร
มีโปรตีนมากกว่าเนื้อปลาชนิดอื่นหรือเปล่า คือถ้ามีข้อมูลที่เพียงพอแก่ผู้บริโภค ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้เขา
ดังนั้น หากต้องการนำมาทำกินในเมืองไทยจริงๆ ต้องทำกระแสให้แรงมากๆ ไม่อย่างนั้นมันก็ยาก แล้วต้องสร้างสรรค์เมนูที่เหมาะสม มีห้องอาหารที่ได้รับการรับรองว่าเนื้อปลามีที่มาที่ไป เพราะเนื้อปลากินได้ทั้งนั้นแหละ
แต่สำคัญอยู่ที่ว่า ตอนแรกที่นำเข้ามาเสนอสื่อหรือคนที่มาสามารถให้รายละเอียดกับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งโอกาสที่จะเป็นไปได้ มันอยู่ที่คุณมีเงินหรือเปล่า
เพราะถ้ามีคุณก็เข้าถึงได้หมด ทั้งสถาบันด้านอาหารที่กล้าเข้ามาเสี่ยง เพราะคนที่ฝึกเรื่องพวกนี้มันมีอยู่แล้ว หรือแม้แต่ช่องทางการตลาดก็ตาม"
แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าทำไม่ได้ทั้งหมดที่กล่าว ก็อาจจบเห่ เพราะถ้ามีใครสักคนได้รับพิษจากการกินปลาปักเป้าเข้าไปสักคน
คนอื่นๆ ในสังคมก็คงไม่กล้าเสี่ยง และสำหรับบ้านเรา ดูๆ ไปแล้วมันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงเสียด้วยที่จะเกิดความผิดพลาดจากการผลิต
และถ้าพลาดมันก็หมายถึงอันตรายถึงชีวิต
น่าจะได้ไม่คุ้มเสีย
แม้ว่าถ้ามีการตรวจสอบและทำการผลิตให้ถูกต้อง ปลาปักเป้ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่อันตราย แต่ในมุมมองของ พล.ต.ต.วิสุทธิ์ วาณิชบุตร มือปราบปลาปักเป้า ที่ทำงานด้านปราบปรามการขายปลาปักเป้าเพื่อบริโภคมาโดยตลอดกลับบอกว่าไม่เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์
“กฎหมายเขาบัญญัติไว้เลยว่า ผู้ใดนำเข้า ผลิต จำหน่ายปลาปักเป้าหรือส่วนผสมของเนื้อปลาปักเป้าผู้นั้นมีความผิด เพราะบางทีเขาเอามาทำลูกชิ้นมาแปรรูป
จริงๆ แล้วถ้าทำดีๆ มันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่มันพลาดได้ไง คือปลาพวกนี้มัน จับง่ายเพราะมันไม่ต้องออกไปจับที่น้ำลึก แค่ออกไป 40-50 ไมล์ทะเล ก็เจอแล้ว
สมัยก่อน พอติดอวนมาก็จับโยนทิ้งกันไป ทีนี้ปัจจุบัน คนเรามันจะหาเงินโดยไม่คำนึงถึงผลร้าย เรียกว่า ถ้าได้เงินก็เอาทั้งนั้น”
พล.ต.ต.วิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการแก้กฎหมายให้ขายปลาปักเป้าได้แน่นอน เพราะคนที่เป็นกุ๊กต้องผ่านการเรียนการอบรมมีความรู้มีประกาศนียบัตรมา แต่สำหรับประเทศไทยนั้นโดยพื้นฐานแล้วมันไม่น่าจะควบคุมได้
“เชื่อเถอะว่า คนแล่ในโรงงานแล่ปลาร้อยละ 99 เป็นต่างด้าวทั้งนั้น เป็นพม่า กัมพูชา เขาแล่ไปก็คุยไปไม่ได้สนใจหรอก เพราะเขาไม่ได้แล่กินเองนี่ ถ้าเกิดมาแล่ปลาปักเป้าก็มีโอกาสพลาดได้
คือพิษของปลาปักเป้า 1 มิลลิกรัมมีความรุนแรงเท่าไซยาไนซ์ 2,000 มิลลิกรัมเลยนะ มันร้ายแรงมาก มันไม่คุ้มกันหรอก เพราะพลาดกันมาคนกินก็ตาย ใครจะรับผิดชอบ
บ้านเรามันมีนิสัยมักง่าย ไม่เหมือนกับประเทศที่เขามีวินัย จะแก้กฎหมายให้สิ่งมีพิษเหล่านี้ออกขายได้มันง่าย แต่ถ้าพลาดใครจะรับผิดชอบ มันหมายถึงชีวิตคนนะ
ของกินมีเยอะแยะทำไมไม่ไปกินกัน ที่ผ่านมาคนที่ตายจากปลาปักเป้านั้นมีมาก
คือคนธรรมดาเวลาตายนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตามหมอพรทิพย์มาชันสูตรนี่ ตายแล้วก็ตายไป อย่างเมื่อก่อนที่ว่ามีการไหลตายกันนั้น ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการกินปลาปักเป้านั่นแหละ”
ส่วนในมุมมองของคนที่ขายปลามาทั้งชีวิตอย่าง นพวรรณ ประยูรวงศ์ เจ้าของแพปลานพวรรณ ก็ให้ความเห็นว่า
“จริงๆ มันมีมานานแล้ว ที่อื่นเขาแอบขายกันอยู่ มันคล้ายกับแมงดานะที่เวลาจะกินก็ต้องให้คนทำเป็นทำ แต่แมงดานี่พิษมันไม่ร้ายเท่า
คือที่แพของเรานี่ ไม่ยุ่งเลย แต่ได้ข่าวว่าที่มหาชัยเขามีกัน คือมันไม่คุ้มกันหรอก ราคามันไม่แพงเท่าไหร่ ไม่ได้รับความนิยมด้วย
คนซื้อเราไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นมา มันก็ได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าเขาให้ขายได้เราก็ไม่ขายหรอก”
..........
อย่างที่หลายๆ คนกล่าวไปข้างต้นว่า ลำพังการแก้กฎหมายให้ขายปลาปักเป้าอย่างถูกต้องนั้นมันทำได้
แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ ในความเป็นจริง มันจะสามารถควบคุมคุณภาพการผลิตได้ไหม และถ้ามีใครเป็นอะไรไป ใครจะออกมารับผิดชอบ
แม้ว่าทางรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะพูดว่า มีชุดตรวจสอบความปลอดภัยออกมาให้ใช้แล้วก็ตาม แต่เอาเข้าจริงมันจะใช้ได้ผลแค่ไหนกัน
โดยเฉพาะ กับสังคมที่นิยมความมักง่ายเป็นหลัก
>>>>>>>>>>
……….
เรื่อง : ทีมข่าว CLICK
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
หนังตัวอย่าง ลูกเรือมอญ เปิบปักเป้า ดับ 2 หามส่ง รพ.6
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>27 กุมภาพันธ์ 2555 </TD><TD vAlign=middle align=left>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=bottom background=/images/linedot_hori.gif align=center></TD><TD height=1 vAlign=bottom width=1 align=left></TD></TR><TR><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center></TD><TD><TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=middle background=/images/linedot_vert.gif width=1 align=center></TD></TR><TR><TD height=1 vAlign=top width=1 align=right></TD><TD height=1 vAlign=top background=/images/linedot_hori.gif align=center></TD><TD height=1 vAlign=top width=1 align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=12 vAlign=bottom align=left></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff vAlign=top align=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=center><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=center>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=middle width=165 align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลูกเรือชาวมอญ 8 ชีวิต ประจำเรืออวนลาก “สุวิทย์การประมง” จับปักเป้ายักษ์ลายดำ ยาว 1 ศอก น้ำหนัก 3 กิโลกรัมที่ติดอวนขณะหาปลา
แล่เนื้อลวกจิ้ม ส่วนไข่ในท้อง ทอดเปิบตามแบบฉบับอาหารเมนูญี่ปุ่น
ไม่ถึง 10 นาที พิษออกฤทธิ์ร่วงกราว ตัวชาไร้ความรู้สึก ดับคาเรือ 2 ราย อีก 6 ราย แพทย์ยื้อชีวิตรอดตาย
วันนี้ (27 ก.พ.) ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากนายแวว อายุ 35 ปี สัญชาติลาว ไต๋เรือประมงอวนลากคู่ชื่อเรือสุวิทย์การประมง ว่า ลูกเรือชาวมอญจำนวน 8 คนได้กินเนื้อปลาปักเป้าและไข่ในท้อง ทำให้มีอาการหมดสติ
บางรายหายใจไม่ออก และมีอาการชาตามร่างกาย ขณะนี้ได้นำเรือเข้าจอดยังท่าเทียบเรือสุวิทย์การประมง ม.3 ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ กำลังลำเลียงผู้ป่วยจำนวน 6 ราย ขึ้นจากเรือเร่งนำตัวหามส่งรักษายังโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
ทราบชื่อภายหลัง คือ นายนาย อายุ 29 ปี นายอาว อายุ 28 ปี นายซู อายุ 20 ปี นายเตอ อายุ 18 ปี นายกะลา อายุ 16 ปี และนายซู อายุ 20 ปี ซึ่งมีอาการชาตามร่างกาย ในจำนวนผู้ป่วยมี 1 ราย คือ นายซู ซึ่งอาการสาหัสหมดสติไม่รู้สึกตัว
เบื้องต้น แพทย์ได้ให้การช่วยเหลือ จนผู้ป่วยทั้งหมด พ้นขีดอันตรายแล้ว ที่เกิดเหตุยังพบผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายดำ อายุ 45 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนระเบียงเก๋งเรือ และนายชิด อายุ 29 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในเก๋งเรือ
เมื่อเจ้าหน้าที่นำศพขึ้นจากเรือ นางเซอ อายุ 24 ปี ภรรยานายชิด ได้โผเข้ากอดรร่างที่ไร้วิญญาณของผู้เป็นสามีร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
พร้อมก้มลงกราบขอขมาศพ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเศร้าสลดไปตามๆ กัน สอบปากคำ นายแวว ไต๋เรือให้การว่า
ตนพร้อมลูกเรือ จำนวน 8 คน เดินทางออกจากท่าเทียบเรือสมุทรปราการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมาและได้ตระเวนลากอวนหาปลาอยู่บริเวณน่านน้ำกลางอ่าว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
กระทั่ง ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. วานนี้ ได้ลากติดปลาปักเป้าขนาดใหญ่ ลายสีดำ ลำตัวกว้างขนาดเสาไฟฟ้า ยาว 1 ศอก น้ำหนัก 3 กิโลกรัม
โดยนายแวว หัวหน้าลูกเรือ ได้บอกจะนำไปทำอาหารมื้อเย็นให้ลูกน้องกินกัน ตนได้ห้ามและบอกให้นำไปทิ้ง เนื่องจากกินเข้าไปแล้วจะเป็นอันตราย
แต่นายแววไม่ฟัง บอกว่าชาวญี่ปุ่นยังกินกันได้ จึงแอบนำไปประกอบอาหารเป็น 2 เมนู คือ ส่วนเนื้อได้ทำการแล่และนำไปลวก ส่วนไข่ในท้อง นำไปทอด หลังกินไปได้เพียง 10 นาที
คนที่กินแต่เนื้อเริ่มมีอาการชาตามร่างกาย ก่อนหมดเรี่ยวแรง ส่วนผู้ที่กินไข่มี 3 คน คือ นายชิด นายนายดำ มีอาการชักเกร็ง หายใจไม่ออกและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนนายซู ที่อาการสาหัส ได้กินไปเพียงคำเดียวก็หมดสติ แพทย์ช่วยไว้ทันเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปลาที่กลุ่มลูกเรือได้ทำอาหารเปิบตามแบบฉบับอาหารญี่ปุ่นนั้น น่าจะเป็นปลาปักเป้าลายดำ มีลักษณะลำตัวอ้วนกลม เรียว ปากเล็ก ฟันเหมือนนกแก้ว ตากลมโต
ขนาดความยาวประมาณ 40-50 เซนติเมตร พื้นผิวลำตัวสีขาว แต้มด้วยจุดดำปะปนอยู่ทั่วไป
ปลาปักเป้าชนิดนี้ อาศัยอยู่ใกล้พื้นทะเลบริเวณที่เป็นดินทรายปนโคลน สามารถพองตัวออกได้เมื่อตกใจ พบทั่วไปในบริเวณอ่าวไทย
ส่วนพิษปลาปักเป้า มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า tetrodotoxin มีน้ำหนักโมเลกุล 319.3 ขนาดที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิต (human lethal dose) ประมาณ 2 มิลลิกรัม
ปลาปักเป้าทะเลมีพิษมากที่สุดในส่วนของ ไข่ ตับ ลำไส้ หนัง ส่วนที่เป็นเนื้อปลา จะมีพิษน้อยกว่า แต่พิษจะมากขึ้น ในช่วงฤดูปลาวางไข่
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE> -
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เตือนพายุร้อน เหนือ อีสาน กลาง ตอ.ฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง -กทม.อากาศร้อน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>
</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.
บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมา ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้แล้ว ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน
ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นโดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากพายุลมแรงที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอบล่างของภาค ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า และอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>รองผู้ว่ากทม.ฟันธงกรุงเทพ-กรุงเก่า-ปทุมจมอีกรอบ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ได้เชิญนายรอยล จิตรดอน หนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ หรือ กยน.เข้าพบที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อติดตามความคืบหน้าในการรวบรวมระบบข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับน้ำทั้งหมด มาไว้ที่ศูนย์ของคณะกรรมการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กอนช.) มีเป้าหมายดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือน พ.ค.
โดยนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเปิดเผยว่าได้เสนอแผนฟื้นฟูป่าต้นน้ำ 3.5 แสนไร่
ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายการบริหารจัดการน้ำของประเทศต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชดูแลรับผิดชอบ ทั้งนี้แผนฟื้นฟูป่าต้นน้ำ จะเน้นการฟื้นฟูป่าในพื้นที่เสื่อมโทรมที่มีปัญหาการบุกรุก การทำฝายชะลอน้ำ การปลูกหญ้าแฝกเพื่อลดการพังทลายของหน้าดิน โดยจะทำในลุ่มน้ำสำคัญ ๆ โดยเฉพาะ 8 ลุ่มน้ำ อาทิ ปิง วัง ยม น่าน สะแกกรัง ป่าสัก เจ้าพระยาลงมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน เพราะต้องยอมรับว่าสาเหตุของน้ำท่วมส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการตัดไม้ทำลายป่า และเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทางภาคเหนือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก จึงต้องเดินทางไปตรวจตั้งแต่ต้นน้ำลงมาจนถึงปลายน้ำ
ด้านนายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงแผนงานฟื้นฟูป่าและระบบนิเวศ ของกรมอุทยานฯว่า
ตามแผนงานที่วางกรอบระยะ 5 ปี (พ.ศ.2555-2559) จะเพิ่มพื้นที่ป่ากลับมา 2 ล้านกว่าไร่ จากพื้นที่ป่าที่มีปัญหาเสื่อมโทรม 2.7 ล้านไร่ของอุทยานฯ และกรมป่าไม้ สำหรับพื้นที่เร่งด่วนที่ต้องฟื้นฟูทันทีก็คือในเขตลุ่มน้ำน่าน และ ปิง เพราะมีปัญหามากที่สุด สภาพภูเขาเป็นเขาหัวโล้น
ขณะที่นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่ากทม.เปิดเผยว่า
จากการติดตามการกำหนดฟลัดเวย์ของ กยน. ในฐานะที่ตนเองเป็นวิศวกรโยธา และเคยอยู่ในทำงานบริหารจัดการระบายน้ำ ในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง มีความเป็นห่วงว่าการใช้แผนที่เขตปกครองมาใช้ ในการกำหนดแนวฟลัดเวย์ โดยไม่สนใจหลักวิศวกรรมที่จะต้องดูแผนที่ภูมิประเทศเป็นหลัก เท่ากับว่าจะทำผิดซ้ำรอยเดิม ที่มีการไปขวางที่คลองระพีพัฒน์ สูง 3.50 เมตร ยาว 20 กม.เหมือนในปี 2554 ที่ผ่านมา เนื่องจากตามแผนที่แนวฟลัดเวย์ที่กำหนด โดยใช้แนวเส้นแบ่งเขตพื้นที่ปกครองใน จ.ลพบุรี และสระบุรี บริเวณตอนเหนือคลองระพีพัฒน์ให้เป็นฟลัดเวย์ ทั้งที่เป็นพื้นที่เขาใหญ่นั้นไม่สามารถระบายน้ำลงมาด้านล่างได้ เพราะตามหลักธรรมชาติแล้วน้ำไม่สามารถกระโดดข้ามภูเขาลงมาได้ หากกำหนดเช่นนี้จะเป็นปัญหาต่อการระบายน้ำ และจะทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่าง อย่างพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานีและกรุงเทพมหานครอีก
ดังนั้น สิ่งที่ กยน. ควรให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการ คือ การพัฒนาแนวฟลัดเวย์เดิมให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างเช่นการใช้แนวคลองด้านตะวันออกเร่งระบายน้ำลงปากอ่าว ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่กว่าสองร้อยเครื่องของกรมชลประทานรอรับน้ำอยู่ พร้อมสถานีสูบน้ำในช่วงน้ำทะเลหนุน ส่วนด้านตะวันตกของเจ้าพระยา กยน.ควรเร่งไปดูพื้นที่แก้มลิงขนาด 76.42 ตร.กม. ที่ช่วยปกป้องถนนพระราม 2 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ จ.สมุทรสาคร และควรเพิ่มความสามารถในการดึงน้ำลงแก้มลิงผ่านคลองสนามชัย คลองราชมนตรี คลองบางบอน และรื้อฟื้นแผนการดึงน้ำจากคลองทวีวัฒนาเข้าสู่โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย ขณะเดียวกันควรเร่งขุดลอกคลองใน จ.นนทบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร เพื่อป้องกันจังหวัดปริมณฑลด้วย เนื่องจากปัจจุบันมีการสร้างโครงการรถไฟฟ้าขวางน้ำอยู่ในหลายช่วง.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> สุดทึ่ง! "ตุ๊กแก"ห้อยหัว ท่าทางคล้ายพนมมือ ขณะพระสวดทำบุญ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.สว่างอารมณ์ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ว่า ที่บ้านเลขที่ 79/1 หมู่ 4 ต.สว่างอารมณ์ อ.ดอกคำใต้ มีตุ๊กแกประหลาดห้อยหัวและทำท่าเหมือนคล้ายว่ากำลังพนมมือ
นายคำปัน สุยะต๊ะ อายุ 74 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า เมื่อเวลา 07.00 น.
ตนพร้อมด้วยลูกและญาติๆ ทำพิธีทำบุญสืบชะตาให้แก่ตนเองกับนางศรี ผู้เป็นภรรยา อายุ 61 ปี ซึ่งขณะที่ประกอบพิธีกรรมอยู่นั้น มีเสียงแตกตื่นจากชั้นล่างของบ้านว่า มีตุ๊กแกห้อยหัวอยู่ที่หน้าประตูบ้าน จนพิธีกรรมเสร็จสิ้นพระสงฆ์ก็บอกว่าบ้านหลังนี้มีโชคที่ตุ๊กแกมาฟังพระสวดมนต์ ชาวบ้านที่มาร่วมงานก็บอกว่า ขณะที่พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์ให้พรผู้มาร่วมพิธีกรรมนั้น สังเกตพบว่าตุ๊กแกผงกหัวตลอดเวลาด้วย ซึ่งลักษณะที่ตุ๊กแกยึดอยู่กับผนังของบ้านนั้น พบว่า ตุ๊กแกมีความยาวขนาด 9 นิ้ว ใช้ขาหลัง 2 ข้างยึดติดกับผนังบ้าน ส่วนขาหน้าทั้งสองก็ยกขึ้นมาติดกันคล้ายพนมมือไหวด้วย อย่างไรก็ตามบ้านของตนไม่เคยมีตุ๊กแกเลย มาวันนี้เป็นวันทำบุญกลับมีตุ๊กแกมาถือว่าแปลกเหมือนกัน
ด้านนายนันท์ สุยะต๊ะ อายุ 55 ปี ลูกชายนายคำปัน กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวตนเชื่อว่าอาจจะเป็นดวงวิญญาณของแม่ตนที่ล่วงลับไปนานแล้วถึง 30 ปี มาร่วมรับผลบุญที่ตน พ่อ และญาติ ๆ ได้ทำอุทิศส่วนกุศลไปให้
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE> -
MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพวิดีโอขณะตึกเก่าแก่ สูง 9 ชั้น ในเมืองอัสตราคาน ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซียถล่มลงมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บอีก 12 คน และคาดว่าจะเสียชีวิตอีก 14 คน
ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในเวลาอาหารกลางวัน ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นชั้นล่างสุดของตึกนั้นระเบิดก่อนที่ตึกจะค่อยๆถล่มลงมา โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการเข้าไปค้นหาร่างของเหยื่อเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ตึกนี้เป็นตึกที่มีโครงสร้างเก่า และไม่ได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยมานานหลายสิบปีแล้ว ส่วนสาเหตุการถล่ม คาดกันว่าเกิดจากการระเบิดของแก๊ส
Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
-
ขอแจมเรื่องน้ำมันคนหนึ่งครับ
ด้วยความสงสัยครับว่า ทำไม ต้องเป็นต่างชาติครับ คนไทยเรานั้น ผมว่า เก่ง ทำไม่ไม่ทำกันเอง ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ เพราะถ้าเป็นต่างชาติ เขาก็แบ่งให้เราไม่มากมั้งครับ คนไทยจริงๆ ส่วนใหญ่จะได้ใช้หรือเปล่า ผมว่า ทำให้พอใช้ในประเทศก่อนดีกว่า เพราะทุกวันนี้ น้ำมันแพงมาก แต่ไทยเรามี ปตท เอง เห็นโฆษนาขนาดว่าไปคนหาต่างประเทศ ถามว่า แล้วในประเทศที่พบทำไม่ไม่หา ให้ต่างชาติหาทำไม ไม่เข้าใจครับ -
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>คำสาป ประธานาธิบดีสหรัฐ
Curse of Tippecanoe หรือที่รู้จักกันในชื่อ คำสาปวัฏจักรมรณกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือจะอีกมากมายหลายชื่อ เช่น
- คำ สาปของเทคุมเซ่ (Tecumseh's curse) เนื่อง จากเป็นคำสาปที่หัวหน้าเผ่าเผ่าชอว์นี ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ (Tecumseh) ได้ทำการสาปแช่ง คนขาวที่มาบุกรุก แย่งชิง ฆ่าฟัน ชาวอินเดียแดง ซึ่งเป็นเจ้าของผืนแผ่นดิน ของพวกเขาไปด้วยความเหี้ยมโหด
- คำสาป ปีที่ลงท้ายด้วยศูนย์ ( zero-year curse ) เนื่องจาก คำสาปนี้จะส่งผลต่อ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับเลือกตั้งมาในปีที่ลงท้ายด้วยศูนย์ จะต้องมีอันเป็นไปในระหว่างดำรงณ์ตำแหน่ง จริงจะกล่าวถึงต่อไป
- คำ สาปยี่สิบปี ( The twenty-year curse ) เนื่องจาก ทุกๆยี่สิบปี ที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจะต้องมีอันเป็นไป
</TD></TR><TR><TD align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE>รูป ซ้าย รูปหัวหน้าเผ่าชอว์นี ( Shawnee ) ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ ( Tecumseh ) ที่ได้ทำการสาปแช่งให้ประธานาธิบดีสหรัฐจงมีอันเป็นไป
รูปขวา เป็นอนุสรณ์สถานบริเวณในพื้นสนามรบที่ เทคุมเซ่ ถูกยิงตาย ในการรบในสงครามที่เรียกว่า Thames War ในแคนนาดาเหนือ มีข่าวลือว่า เขาถูกยิงตายโดยปืนไรเฟิล ของ พันเอกริชาร์ด เมนเตอร์ จอห์นสัน ( Col. Richard Mentor Johnson ) ในขณะนั้น และด้วยผลงานนี้ส่งผลทำให้ จอห์นสัน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 9 ส่วนศพของ เทคุมเซ่ ได้มีการขุดขึ้นมา เพื่อนำไปฝังใหม่โดยสถานที่นั้นถือเป็นความลับสูงสุดของชนเผ่าชอว์นี
ซึ่ง คำสาปนี้ได้ส่งผลให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีอันเป็นไปตั้งแต่ปี 1840 เรื่อยมาจนถึงปี 1960 เป็นเวลากว่า 120 ปี นำมาซึ่งความหวาดกลัวให้แก่ผู้นำประเทศที่เป็นมหาอำนาจของโลกนี้ แต่คำสาปนี้ก็เริ่มเสื่อมคลายอำนาจลง ในสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ( Ronald Reagan ) ที่ได้รับการเลือกตั้งมาในปี 1980 ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ถูกลอบยิงในเดือนมีนาคม 1981 ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาก็รอดชีวิตมาได้ คาดว่านั้นเป็นเหตุให้คำสาปเสื่อมลง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>ผู้เริ่มเปิดเผย ความลับแห่งคำสาปทมิฬ
<HR>
First widely คำสาปนี้ถูกเปิดประเด็น และได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือ ริปลีย์ เชื่อหรือไม่ ( Ripley's Believe It or Not ) ในปี 1931 โดยมีจุดเริ่มต้นคำสาปมาจาก ประธานาธิปดี วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ที่ได้รับเลือกตั้งมาในปี 1840 และเสียชีวิตลงในปี 1841 และคำสาปนี้ก็แสดงให้เห็นถึง ว่ามันเป็นจริงเรื่อยมาอย่างต่อเนื่อง
จุด เริ่มต้น แห่งความแค้น สุดสยอง และคำสาป
Began of Curse จุดกำเนิดของคำสาปวัฏจักรมรณกรรมของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นี้เกิดขึ้นเมื่อสงครามปีค.ศ.1811 ( 1811 Bettle ) ระหว่างกองกำลังของรัฐบาล กับชาวอินเดียแดง เนื่องจาก นโยบายของ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ที่ขณะนั้นดำรงณ์ตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอินเดียน่า เข้ามายึดครองพื้นที่ดินทำกินของชนเผ่าอินเดียแดงโดยมิชอบธรรม โดยการกลวิธีเพียงนำเหล้าวิสกี้ ( Whiskey ) ไปมอมเมาเท่านั้นเพื่อให้บรรดาหัวหน้าเผ่านำที่ดินมาแลก และเข้ายึดครองดินแดนศักดิ์ของบรรพชนของชนเผ่าชอว์นี ซึ่งนั้นสร้างความไม่พอใจให้แก่ หัวหน้าเผ่าชอว์นี ( Shawnee ) ที่ชื่อว่า เทคุมเซ่ ( Tecumseh ) ซึ่งเป็นเผ่าอินเดียแดงที่ยิ่งใหญ่ และเข้มแข็งที่สุด
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพ การเจรจาระหว่าง หัวหน้าเทคุมเซ่ กับ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน แต่ผลการเจรจาล้มเหลว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>แต่ ละการเจรจาระหว่าง เทคุมเซ่ กับ วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน ล้มเหลวเมื่อ แฮรร์สัน ปฏิเสธคืนดินแดนให้ ทำให้เกิดการสู้รบกันในปี 1811 แต่ไหนเลย หอก ธนู จะสู้ ปืนได้ ปีเดียวกันนั้นเอง กองทัพแฮรร์สันได้เข้าโจมตีที่มั่นสุดท้ายของชนเผ่าชอว์นี บริเวณแม่น้ำ Tippecanoe จนแตกพ่ายแพ้อย่างย่อยยับลง เทคุมเซ่ ( Tecumseh ) ผู้ที่จิตใจมีแต่ ความโกรษแค้นอาฆาต ได้ทำพิธีสาปแช่ง วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน และประธานาธิปดีสหรัฐฯ ทุกคนที่มีที่มาเหมือนดังเช่น วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน จงมีอันเป็นไปทุกคน ตราบนานเท่านาน
ตาราง เหล่าประธานาธิปดีที่ คาดว่าพบกับ คำสาป สุด สยอง ที่ต่างมีอันเป็นไปต่างๆนานา
<CENTER>
<TABLE style="WIDTH: 98%; HEIGHT: 215px" class=wikitable border=1><TBODY><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center; FONT-WEIGHT: bold">รูป</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; FONT-WEIGHT: bold">ได้รับการเลือกตั้งในปี</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; FONT-WEIGHT: bold">ชื่อประธานาธิบดี</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; FONT-WEIGHT: bold">เหตุของการเสียชีวิต</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; FONT-WEIGHT: bold">วันที่เสียชีวิต</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1840</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">วิลเลียม เฮนรี่ แฮรร์สัน
(William Henry Harrison)</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">โรคปอดบวม</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">4 เมษายน 1841</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1860</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; FONT-WEIGHT: bold">อัลบราฮัม ลินคอล์น
( Abraham Lincoln)</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">ถูกลอบสังหาร</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">15 เมษายน 1865</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1880</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">เจมส์ เอ. การ์ฟิลด์
( James A. Garfield )</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">ถูกลอบสังหาร</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">19 กันยายน 1881</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1900</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">วิลเลียม แม็กคินลีย์
( William McKinley )</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">ถูกลอบสังหาร</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">14 กันยายน 1901</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1920</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">วอร์เรน จี. ฮาร์ดิงก์
( Warren G. Harding )</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">หัวใจล้มเหลว หรือ
ถูกลอบวางยา พิษ</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">2 สิงหาคม 1923</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1940</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">แฟรงกลิน ดี. รูสเวลต์
( Franklin D. Roosevelt )</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">เส้นเลือดในสมองแตก</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">12 เมษายน 1945</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1960</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">จอห์น เอฟ. เคนเนดี้
( John F. Kennedy )</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">ถูกลอบสังหาร</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">22 พฤศจิกายน 1963</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">1980</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">โรนัลด์ เรแกน
( Ronald Reagan)</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">ถูกลอบสังหาร
ได้รับบาดเจ็บ
สาหัญแต่รอด ชีวิต</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">5 มิถุนายน 2004</TD></TR><TR><TD style="TEXT-ALIGN: center"></TD><TD style="TEXT-ALIGN: center; COLOR: rgb(0,0,0)">2000</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">จอร์จ ดับเบิลยู. บุช
( George W. Bush )</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">เคยถูกลอบสังหาร</TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
ถ้า คำสาปมีจริง ก็ขอให้เหล่าผู้นำประเทศ ที่เข้ามากอบโกรยผลประโยชน์ ของประเทศไทยจงมีแต่ความชิปหาย ทุกผู้ ทุกตัว ไป เทคุมเซ่ อยู่ไหน มาช่วยสาป ผู้นำชั่ว ผู้นำเลว ของเมืองไทยที บ้านเมืองจะได้สูงขึ้น เจริญขึ้นเสียที</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มาจาก : wowboom.blogspot.com -
-
เขาแค่สำรวจน้ำมันตื่นเต้นกันจัง มีสติค่อยๆคิดค่อยๆตรึกตรอง ถ้ามีจริงจะหลุดบริษัทที่เอาเปรียบเรามากๆๆเช่น ปตท.หรือพระเดชพระคุณท่านทั้งหลาย....โบนัสคนละ8 เดือนเป็นอย่างต่ำพระเจ้าคะ
-
ขนาดหลวงพี่เล็กเด๋วนี้ยังต้องเปลี่ยนไปใช้แก๊ส หึหึ >< -
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>
อีสาน กลาง ตอ. กทม. ฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรง -เหนือตอนบนอากาศหนาว </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD> </TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.
บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ เริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวอุณหภูมิสูงขึ้น เว้นแต่บริเวณภาคเหนือยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า ส่วนลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้น
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.
ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น กับมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคกลาง มีหมอกบางในตอนเช้า และอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ภาคตะวันออก มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> วัยรุ่นปราจีนฯ เมายาบ้ารุมตีพระเป็นแผลฉกรรจ์ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ปราจีนบุรี 28 ก.พ. - วัยรุ่นเมายาบ้าพากันเข้าไปใช้พื้นที่วัดเสพยา เมื่อถูกพระห้ามปราม กลับคว้าไม้รุมตีเป็นแผลฉกรรจ์ ต้องเย็บถึง 28 เข็ม
พระประเสริฐ ปิยะธรรมโม เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ ว่าถูกวัยรุ่น 2 คน หนึ่งในนั้นเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี ใช้ไม้ยาวกว่า 1 เมตร ทุบตีตามร่างกายหลายแห่ง เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกห้ามปรามไม่ให้เข้าไปเสพยาภายในวัดหนองโพรง ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยทั้งสองใช้ไม้ทุบตีจนไม้หัก จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ก่อนที่พลเมืองดีจะเข้าช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ต้องเย็บแผลถึง 28 เข็ม ทั่วร่างกาย
สำหรับเยาวชนรายนี้ติดยาเสพติดอย่างรุนแรง อีกทั้งเคยทุบตีครูและเพื่อนนักเรียนหญิงในโรงเรียน จนกระทั่งถูกไล่ออกมาแล้ว และล่าสุดมาก่อเหตุทำร้ายพระ ซึ่งตำรวจเตรียมออกหมายจับคุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว. - สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE> -
แปลกแต่จริง ลูกหมาท้องแรก สุดแปลก 3 ตัวประหลาด หน้าเหมือนลิง มีงวงงอกเหมือนช้าง
หน้าแรก » เรื่องสยองขวัญ
ตะลึง!! อีดำ หมาไทย ท้องแรก คลอดลูกออกมา 6 ตัว จำนวน 3 ตัวสุดแปลก มีงวงงอกคล้ายช้าง หน้าเหมือนลิง ลูกตาดวงเดียว ชาวบ้านแตกตื่นแห่ขอเลขเด็ด เสียดายโดนฝนตกสำลักน้ำตาย เจ้าของเผย จะเอาไปฝัง แต่มีคนมาขอเอาไปทำไสยศาสตร์ตีเลขเด็ดหวังรวย
พัทยา-วันนี้ (7 เม.ย. 51) เหตุการณ์น่าทึ่งครั้งนี้เกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวประจำเมืองพัทยาได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบเรื่องประหลาดเมื่อ สุนัขเพศเมียคลอดลูกออกมาจำนวน 6 ตัว ซึ่งจำนวน 3 ตัวมีหน้าตาประหลาด มีเนื่องอกคล้ายงวงช้างโผล่ออกจากหน้าผากและมีหน้าตาคล้ายลิง สร้างความฮือฮาให้ชาวบ้านต้องแห่ไปดูเพื่อจะทำนายให้เป็นเลขเด็ดไว้ซื้อหวย โดยสุนัขที่คลอดลูกออกมาหน้าตาประหลาดตัวนี้ อยู่ภายในแค้มป์ที่พักคนงานก่อสร้าง บริษัทเอกมงคล ภายในซอยวัดบุณกัญจนาราม 5ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งจึงรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึง แค้มป์คนงานก่อสร้างดังกล่าวก็พบกลุ่มคนงานก่อสร้างจำนวนมาก กำลังจับกลุ่มมุงดู แม่สุนัข ชื่อเจ้าดำ หรือ (อีดำ) พันธุ์ไทยเพศเมียสีดำ ตัวเล็ก อายุ 1 ปี ซึ่งคลอดลูกออกมาจำนวน 6 ตัว โดยลูกสุนัขที่คลอดออกมามีชีวิตรอดอยู่เพียง 2 ตัว เป็นเพศเมียและเพศผู้กำลังกินนมของแม่อยู่อย่างน่ารัก โดยมี นายชัชวาล มาคำ อายุ 26 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ทำงานเป็นช่างก่อสร้าง ซึ่งเป็นเจ้าของนั่งเฝ้าดูอย่างเอ็นดู
อีดำหรือนางดำ
ลูกหมา 3 ตัวที่เสียชีวิต
โดยนายชัชวาล ได้กล่าวว่า เจ้าดำ หรืออีดำ ได้ตั้งท้องมาประมาณ 8 เดือน แล้วก็คลอดลูก เมื่อประมาณช่วงเวลา 15.30 น. (วันที่ 6 เม.ย.) ที่บริเวณใต้ต้นกล้วยหลังที่พักคนงานก่อสร้าง ซึ่งขณะนั้นตนไปทำงานและฝนตกหนักมาก หลังจากตนกลับมาถึงที่พักก็มาดู พบว่า เจ้าดำ หรืออีดำ นั้นคลอดลูกออกมาจำนวน 6 ตัว โดยมีสีดำ 3 ตัวและสีขาว 3 ตัว เป็นเพศเมีย 1 ตัว และเพศผู้ 5 ตัว
แต่พบว่า ลูกสุนัขแรกเกิดที่คลอดออกมาถูกฝนตกใส่จนสำลักน้ำตายไปจำนวน 4 ตัว โดยมีสีขาว 3 ตัวและสีดำ 1 ตัว เป็นเพศผู้ทั้งหมด ตนจึงพาเจ้าดำ หรืออีดำ กับลูกที่รอดชีวิตเข้ามาเช็ดตัวให้แห้งภายในห้อง และเก็บลูกสุนัขที่ตายทั้ง 4 ตัวมาด้วย เมื่อตนสังเกตุดูตัวที่ตายก็สังเกตุว่า สีดำก็หน้าตาปกติดี แต่ที่น่าตกตะลึง ก็จะเป็น เจ้าลูกสุนัขสีขาวจำนวน 3 ตัว ที่ตายด้วยนั้นนั้นมีหน้าตาประหลาด ผิดจากลลูกสุนัขทั่วไป เนื่องจาก ทุกตัวจะมี ลูกตาเพียง 1 ดวง และมีเนื้องอกออกมาจากหน้าผากยาวประมาณ 3 ซม. ลักษณะคล้ายงวงช้าง ทั้งยังหน้าตาคล้ายกับลิง เป็นอย่างมาก จึงบอกแฟนสาวและเพื่อนข้างห้องมาดู ซึ่งทำให้เพื่อนคนงานที่พบเห็นก็ต่างพากันกันแตกตื่นความน่าประหลาด บางคนบอกว่า สุนัขออกมาลูกมาเป็นลูกช้าง ผสมลูกลิง ส่วนบางคนก็รีบทำนายทายทัก ตีเป็นเลขเด็ดไว้ซื้อหวย และเด็กๆที่พบเห็นก็ต่างตื่นเต้นถึงกับยกมือไหว้ด้วยซ้ำ
คลอด 6 ตัว ตาย 4 ตัว
ช้าง หมา หรือ ลิง
นาย ชัชวาล เล่าอีกว่า หลังจากที่เพื่อนบ้านพากันแตกตื่นมุงดูตนก็ปรึกษากันว่าจะทำยังไงกับ เจ้าลูกสุนัขที่หน้าตาประหลาดทั้งหมดที่ตายแล้วดี โดยส่วนใหญ่ต่างเห็นตรงกันว่า แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบเรื่องเพื่อมาทำข่าว ถ่ายทอดความแปลกประหลาดให้ผู้ที่ยังไม่เคยพบเจอทราบเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่ สุนัขคลอดลูกออกมา มีงวงเหมือนลูกช้าง ตาเดียว และหน้าตาเหมือนลิง ตนจึงเก็บศพเจ้าลูกสุนัขห่อใสผ้าเก็บแช่ความเย็นไว้ในตู้เย็น เพื่อคงสภาพเดิม จนมืดค่ำรอให้ผู้สื่อข่าวมาทำข่าวดังกล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายชัชวาลว่า จะทำอย่างไรก็ศพลูกสุนัขทั้งหมด นายชัชวาลก็กล่าวว่า ที่ตั้งใจไว้ก็คือต่อไปก็คงต้องนำลูกสุนัขที่ตายทั้ง 4 ตัวไปฝังดินเพราะคงไม่เก็บไว้ดูนานเนื่องจาก ศพก็ต้องเน่าเปื่อยตามสภาพเก็บไว้ก็คงไม่มีประโยชน์ แต่อย่างไรก็ดีหากชาวบ้านหรือใครที่มาขอตนเก็บไว้ดูความแปลกประหลาดก็คงต้อง เก็บไว้หรือให้ไป เพราะว่ามีเพื่อนบางคนบอกว่าจะขอเก็บศพเจ้าลูกสุนัขหน้าตาแปลกประหลาดนี้ไว้ เพื่อทำพีทางไสยศาสตร์ขอโชคลาภ หรือตีเป็นเลขเด็ด หวังจะซื้อหวย ซื้อลอตเตอรี่ และที่สำคัญนั้นตนเชื่อว่า เจ้าดำ หรืออีดำ สุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ตัวนี้ เป็นสุนัขนิสัยดีรักเจ้าของและเพิ่งจะมีท้องและคลอดเป็นครั้งแรก คงจะนำโชคลาภมาให้ เนื่องจากคลอดลูกออกมาครั้งแรกก็ มีหน้าตาแปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์ หากเจ้าลูกสุนัขที่มีงวงคล้ายลูกช้าง หน้าตาคล้ายลิง และมีตาดวงเดียว ยังมีชีวิตอยู่คงสร้างความแปลกประหลาดให้กับผู้ที่ทราบข่าวมากกว่านี้ก็เป็น ไปได้….
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าลูกหมาทั้งหมดเติบโตมาแล้วจะหน้าตาเป็นเช่นไร ใครพอรู้ก็มาบอกกล่าวกันบ้างนะ -
<TABLE id=post5779323 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5779323 class=alt1><TABLE id=post3294966 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เกษม<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3294966", true); </SCRIPT>
ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิตพิเศษ
วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 7,727
พลังการให้คะแนน: 4887
</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_3294966 class=alt1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT language=JavaScript src="http://a.admaxserver.com/servlet/ajrotator/818517/0/vj?z=admaxasia2&dim=280733&pid=f9495e6b-a541-414e-932e-d0ad5d5e6065&asid=b2a78f01-1304-47c3-8524-8df944047e53"></SCRIPT><OBJECT id=userver_div_6059779 classid=clsid:D27CDB6E-AE6D-11cf-96B8-444553540000 width=300 height=250>
</OBJECT>
<NOSCRIPT></NOSCRIPT>
อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Lazaza
13 พ.ค. 53
ย้อนภาพ
วันที่ 2 พ.ค. 53 เคยลงบทความว่าจีนจะเจอแจ็คพ็อท ภาพในเช้ามืดนั้นในความฝันผมได้เห็น เบื้องหลังภาพจะเป็นภูเขาไฟระเบิด เบื้องหน้าจะเป็นทะเลโคลนไหลลงมาทับถมบ้านเรือนเก็บกวาดบ้านเรือนรายทางเป็นจำนวนมาก ผมจึงกระโดดขึ้นไปเกาะขื่อหลังคาเพื่อที่จะหนีทะเลโคลน ความสูงของทะเลโคลน ท่วมมิดชั้นล่างของตัวบ้านสูงเหนือพื้นชั้นลอยสิบเซนติเมตร ในความฝันผมถามว่าเกิดที่ไหน? คำตอบที่ได้รับคือจีน
จากภาพภัยพิบัติที่ได้เห็นคือภูเขาไฟระเบิดกับทะเลโคลนพอจะเตือนอะไร? ให้รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นบ้างในอนาคต
<STYLE>BODY { BACKGROUND-IMAGE: url(http://palungjit.org/attachments/a.758354/)}</STYLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ภูเขาไฟระเบิดกับการเกิดทะเลโคลน
ภูเขาไฟระเบิด เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห้นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่ง มีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า"จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า แมกมา และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า ลาวา
กระบวนการระเบิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกระจ่างชัดนัก นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย
เวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆ ที่ตกลงมาด้วยกัน ไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไป ยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิดในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานนี้
แหล่งที่มา:คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรมวิทยาศาสตร์.2534
http://scratchpad.wikia.com
<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("3294966")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- google_ad_section_end -->
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("5779323")</SCRIPT> </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt1 align=right><!-- controls --> <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post 5779323 popup menu --></P><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=thead>k_97</TD></TR><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://palungjit.org/members/k_97.3/36352" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://palungjit.org/private.php?do=newpm&u=336352" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ k_97</TD></TR><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://palungjit.org/sendmessage.php?do=mailmember&u=336352" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">ส่ง Email ถึง k_97</TD></TR><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://palungjit.org/search.php?do=finduser&u=336352" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ k_97</TD></TR><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://palungjit.org/profile.php?do=addlist&userlist=buddy&u=336352" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">Add k_97 to Your Contacts</TD></TR><!-- AWCoding Back-End created by AWNetwork, Inc., Version 3.0.9 --><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://palungjit.org/awc_ds.php?do=statsuser&id=336352" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">k_97 Donation Stats</TD></TR><!-- Statsuser Popup Template Copyright 2009 all rights reserved --><TR><TD class="vbmenu_option vbmenu_option_alink" href="http://vdo.palungjit.org/users/k97" target controlkey="postmenu_5779323" islink="true">View k_97's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>
<!-- / post 5779323 popup menu --><!-- / close content container --><!-- / post #5779323 -->
<TABLE style="MARGIN-TOP: -3px" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD class=smallfont></TD><TD align=right><TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=3><TBODY><TR><TD style="FONT-WEIGHT: normal" class=vbmenu_control>หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 22 หน้า</TD><TD class=alt1 noWrap>« First</TD><TD class=alt1><</TD><TD class=alt1>8</TD><TD class=alt1>9</TD><TD class=alt1>10</TD><TD class=alt1>11</TD><TD class=alt1>12</TD><TD class=alt1>13</TD><TD class=alt1>14</TD><TD class=alt1>15</TD><TD class=alt1>16</TD><TD class=alt1>17</TD><TD class=alt1>18</TD><TD class=alt1>19</TD><TD class=alt1>20</TD><TD class=alt1>21</TD><TD class=alt2>22</TD><TD style="CURSOR: hand" id=pagenav.414 class=vbmenu_control title="" state="false" unselectable="true"></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
-
29 ก.พ. 55 เปรียบเทียบเมืองบาดาลกับยานบินนอกโลก
เช้านี้ ในนิมิตเห็นตัวเองกับลูกสาวและลูกเขยรวมสี่คนอยู่ในเรือ เรือลอยอยู่เหนือบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่เหนือบ่อมีหลังคาปิดคลุมอยู่คล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครเห็น จากนั้นผมและลูกๆก็กระโดดลงไปในบ่อน้ำ เมื่อผลุดขึ้นเหนือน้ำก็มาเจอกับหมู่บ้านๆหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่สงบเงียบ ผมเห็นทุกหลังคาเรือนมีผู้อาศัยอยู่ ผมได้คุยกับคุณลุงท่านหนึ่งว่า ข้างบนผมก็ได้ทำแหล่งหลบภัยอยู่ที่เชียงคาน
ผมนำความฝันมาเปรียบเทียบกับมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีว่า ถ้าเกิดเหตุการรุนแรงถึงขั้นอยู่ไม่ได้ ในเมื่อมนุษย์ต่างดาวจะนำคนขึ้นไปอยู่บนยานได้ พวกเราน่าจะถูกนำไปอยู่ใต้บาดาลได้เช่นเดียวกันเพราะภูเขาที่อยู่ริมแม่น้ำโขงเป็นเมืองบาดาลขององค์พ่อพญานาค
องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน<!-- google_ad_section_end -->
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>Last edited by k_97; วันนี้ at 01:39 PM. -
รหัสลับ "SEJEAL"
บทความ วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 6:34น.
สติกเกอร์ข้อความภาษาอาหรับ "SEJEAL" มันคืออะไรกัน มันเกี่ยวโยงกับเหตุวินาศกรรม 3 จุด นั่นหรือไม่ ยังไม่มีใครออกมายืนยันชัดเจน แต่มีคนตีความหมายกันไปใหญ่โตแล้วว่า มันคือ "รหัสสังหาร"
ซัยยิด สุไลมาน ฮูซัยนี อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย - อิหร่าน ได้ออกมาเผยว่า ถึงความหมายของสติกเกอร์ปริศนาชิ้นนี้ว่า "SEJEAL" ถ้าออกเสียงเป็นภาษาไทยก็คือ "ซีกจีล" แปลว่า หินร้อน หรือ หินไฟ โดยอักษรนี้ปรากฏอยู่ในคัมภีร์อัลกุรอาน ในประวัติศาสตร์ บทเรื่องช้าง บันทึกไว้ว่า ประเทศเอธิโอเปีย จะไปทำสงครามบุกเมืองเมกกะ หรือ มหานครเมกกะ ในปัจจุบัน (เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมจะไปแสวงบุญ) ซึ่งกองทัพเอธิโอเปีย ได้ใช้กองทัพช้างหวังเผด็จศึก ระหว่างทางมีฝูง นกคาบหินไฟมาจากขุมนรก จู่โจม โดยเป็นคำบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ทำให้ฝูงช้างของเอธิโอเปีย ต้องพ่ายแพ้ย่อยยับไปในที่สุด อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย - อิหร่าน เผยอีกว่า ปัจจุบัน ชื่อดังกล่าวถูกทางการอิหร่านใช้เป็นชื่อขีปนาวุธ SEJEAL ซึ่งมีอานุภาพร้ายกาจ สามารถยิงไกลถึงดินแดนอิสราเอล จึงทำให้ชนชาวยิวหวาดกลัวกับอาวุธชนิดนี้เป็นอย่างมาก
กระนั้น เมื่อวันที่ 20 ก.พ. สติกเกอร์ข้อความข้างต้น ได้มาโผล่ในประเทศไทย หลังเกิดเหตุระเบิด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยพบติดเป็นระยะทาง 27 จุด ซึ่งทางอิสราเอล คาดการณ์กันไปต่างๆ นานาว่า เป็นสติกเกอร์ที่สื่อความหมายว่า สังหาร ซึ่งอิสราเอล ชี้ว่า อิหร่านมุ่งเป้าไปที่คนอิสราเอล
อย่างไรก็ตาม อดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่าไทย - อิหร่าน มองในมุมแย้งว่า "ไม่น่าจะเป็นฝีมือกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับคดีระเบิด 3 จุด อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้น เพื่อหวังผลให้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทย - อิหร่าน และเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น รวมทั้งผู้ต้องหาในคดีอาจมีเบื้องหน้า เบื้องหลัง จึงอยากให้ตำรวจไทยสืบสวนสอบสวนให้กระจ่างชัด"
ซึ่งสติ๊กเกอร์ "SEJEAL" เจ้าหน้าที่ พบอยู่ภายในโรงแรมนาซ่า เวกัส ย่านรามคำแหง ของ น.ส.ไลลา โรฮานี หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุระเบิด 3 จุด ทำให้คดีเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น มันถูกโยงไปที่แก๊งบึ้มอิหร่าน ทันที
ในเมื่อมีคนอยากรู้ว่า สรุปแล้วสติกเกอร์มีไว้เพื่ออะไร เจ้าหน้าที่จึงเร่งหาหลักฐานกันอย่างหนัก และเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ก็พบ "SEJEAL" อีก 14 แผ่น ซึ่งเจ้าหน้าที่สายตรวจ พบสติกเกอร์ได้ถูกติดไว้ที่ตู้โทรศัพท์บริเวณด้านหน้าอาคารซีทีไอ ทาวเวอร์ จำนวน 7 แผ่น และพบบริเวณใกล้กันกับซอยสุขุมวิท 71 (จุดเกิดเหตุระเบิด) อีกจำนวน 7 แผ่น ยิ่งไปกว่านั้น จุดที่พบสติกเกอร์ อยู่ห่างจากสถานทูตอิสราเอล เพียง 1 ก.ม. อีกทั้งยังไม่ห่างจากสถานทูตอิหร่าน มากเท่าไหร่
เจ้าหน้าที่ไทยสันนิษฐานว่า สติกเกอร์ดังกล่าว น่าถูกติดในยามราตรี ต่อจากนี้ เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กำลังดำเนินการเก็บรอยนิ้วมือ กับหลักฐานอื่นๆ ในบริเวณที่เจอสติกเกอร์ พร้อมเตรียมประสานขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อสืบหาต้นตอที่แน่ชัด
ถึงตรงนี้ ยังสรุปได้ไม่แน่ชัดว่า แก๊งบึ้มอิหร่าน เป็นคนจัดการสติกเกอร์ ซึ่งก็ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ ทำงานหาความจริงกันต่อไป ขณะเดียวกัน เราเองก็ต้องช่วยกันสอดส่องกับสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล เห็นสิ่งใดผิดปกติ ก็ไม่ควรที่จะไปสำรวจด้วยตัวเอง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาจัดการ ซึ่งถ้าเราช่วยกันเป็นหู เป็นตา ร่วมมือกัน เชื่อว่าความหวาดกลัวจะมลายหายไป ความสงบสุข จะคืนกลับมาสู่บ้านเราเช่นเดิม
-
MThai News : องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซ่า รายงานว่า ในปี 2040 โลกเสี่ยงถูกอุกกาบาต ขนาดกว้าง 460 ฟุตพุ่งชน
ทั้งนี้ รายงานยังระบุอีกว่าโลกมีความเสี่ยงถึง 1:625 โดยนาซ่าได้คำนวณว่าโลกจะถูกอุกกาบาตพุ่งชนในวันที่ 5 ก.พ. 2040 แต่ในอนาคตความเสี่ยงดังกล่าวอาจเพิ่มขึ้น หรือลดลงก็ได้ แม้ว่าขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับอุกาบาตลูกดังกล่าว แต่จะมีการตรวจสอบอีกครั้งในปีหน้า
นอกจากนี้ นาซ่าคาดการว่าการพุ่งชนของอุกกาบาตครั้งนี้ จะคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคน แต่ก็ไม่ถึงขั้นทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางนาซ่าและสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำลังร่วมมือกันเพื่อหาวิธีป้องกันไม่ให้เหตุดังกล่าวเกิดขึ้น
Mthai News
เกาะติดทุกข่าวเด่น ประเด็นร้อน ในรอบวันกับ Mthainews บน facebook คลิ๊กเลย
ติดต่อทีมข่าว MThai News : news@mthai.com
เรื่องราวความแปลก ปลาดุกเผือก แกล้งตายเรียกร้องความสนใจครั้งนี้ ถูกเปิดเผยโดยนายชัยพงศ์ ณัฎฐวรรธนะ อายุ 41 ปี เจ้าของร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ จ.นครศรีธรรมราช
โดยเขาเล่าว่า เมื่อ 2ปีก่อนได้ซื้อปลากดุกมาเลี้ยง 10ตัว ซึ่งมีตัวหนึ่งที่มันไม่เหมือนตัวอื่น กล่าวคือมันมักชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการแกล้งตาย เวลามันหิว หรือไม่ได้รับอาหาร บางครั้งมีลูกค้ามาเห็นก็ถามว่าปลาตายทำไมไม่เอาไปทิ้ง แต่ตนก็บอกว่า มันฟอร์มแกล้งตาย ถ้าให้อาหารมันก็จะฟื้นขึ้นมาเอง จนเป็นที่ถูกอกถูกใจกันกับผู้ที่พบเห็นกันยกใหญ่
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้มีคนมาขอซื้อหลายราย แต่ตนไม่ขายเนื่องจากเชื่อว่าเป็นปลาดุกเผือกให้โชค เพราะตั้งแต่เลี้ยงทำมาค้าขายขึ้น และให้โชคลาภแล้วหลายครั้ง.
MThai News : สำนักข่าวต่างประเทศเผยภาพสุดประทับใจเมื่อ นิโคล กราแฮม นั่งอยู่ข้างกายเจ้าเอสโตร ม้าสุดรัก ที่ตัวจมในโคลนดิน โผล่ขึ้นมาเพียงช่วงคอและหัว เป็นเวลานานกว่า 3 ช.ม. จนม้าสาวอ่อนแรง
ทั้งนี้ นิโคลและปารีส ลูกสาวได้ออกไปขี่ม้าเล่นกันที่ชายฝั่งใกล้ท่าเรือกีลอง ทางตอนใต้ของเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ก่อนที่เจ้าเอสโตรจะติดหล่มดินโคลนดังกล่าวและค่อยๆจมลึกลงเรื่อยๆ นิโคลได้พาตัวลูกสาวและม้าของหนูน้อยขึ้นไปในพื้นที่ที่ดินแข็งกว่า จากนั้นปารีสจึงวิ่งไปที่รถยนต์เพื่อโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ
นิโคลยังคงอยู่เคียงข้างเจ้าเอสโตรคอบปลอบประโลมให้มันนิ่งสงบ กระทั่งเวลาผ่านไป 3 ช.ม. กว่าที่หน่วยกู้ภัยจะนำตัวนิโคลและเจ้าเอสโตรขึ้นมาจากโคลนดินได้สำเร็จ
Mthai News
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุการณ์สุดอึ้งครั้งนี้เกิดขึ้น ที่เมืองต่งกวน ประเทศจีน ภายหลังมีชายหนุ่มคนหนึ่งถูกคนรายแอบขโมยตัดไตของเขาไป ขณะเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งของเมือง ทราบชื่อผู้เคาระห์ร้ายต่อมาคือนายฉู หนุ่มจีนวัย 28 ปี คนงานเมืองจงฉิ้ง
โดยเขา เล่าว่า ระหว่างที่ตื่นขึ้นมาเขารู้สึกเจ็บที่หน้าท้องบริเวณไต และเมื่อมองไปดูก็พบกับรอยแผลที่ถูกเย็บ อีกทั้งยังพบว่ามีเงินสดจำนวน 20,000 หยวน หรือราว 96,000 บาทอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาด้วย เขาจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่โรงแรมทราบและนำตัวเขาไปโรงพยาบาลเป็นการด่วน
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองต่างๆ ยังมึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสงสัยว่าไตของเขาถูกขโมยไปได้อย่างไร เบื้องต้นได้ให้ทีมแพทย์ที่ทำการรักษา เรียกญาติของผู้เคาระห์ร้ายให้มารับทราบ ก่อนจะมีการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทั้งนี้เมื่อข่าวดังกล่าวได้แพร่ออกไป ก็ได้สร้างความตกใจ และเกิดเสียงวิจารณ์ต่างๆ ตามมาว่า นายฉู อาจเป็นผู้ตายไตตนเองก็เป็นได้ หลังเขาเป็นผู้ตกงาน ไม่มีงานทำอยู่ในขณะนี้.
Mthai News -
<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พายุฝนถล่มร้อยเอ็ดบ้านพัง300หลัง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>
</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>มีรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุหมุน ฝนฟ้าคะนองในพื้นที่จ.ร้อยเอ็ด ในเขต อ.เมืองร้อยเอ็ด และอ.จังหาร
ทำให้ต้นไม้ล้มทับสายไฟฟ้าในเขตพื้นที่ อ.จังหาร นอกจากนี้การประปาภูมิภาคร้อยเอ็ด ไม่สามารถสูบน้ำจากลำน้ำชี ส่งมาทำประปาให้คนในตัวเมืองร้อยเอ็ดได้ จึงเกิดปัญหาน้ำประปาไม่ไหลหลายชั่วโมง
นอกจากนี้พายุฝนได้พัดถล่มบ้านเรือนราษฏร ที่บ้านหัวหนอง หมู่ 10 ต.สีแก้ว อ.เมืองร้อยเอ็ด
พังเสียหายกระจัดกระจาย กว่า 50 หลัง ส่วนที่ ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร นายทวีสิทธิ์ มนตรีชน นายกเทศมนตรีตำบลดงสิงห์ รายงานว่ามีบ้านเรือนราษฎรถูกลมพายุพัดพังเสียหาย 17 หมู่บ้าน กว่า 250 หลังคาเรือน
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 28 ก.พ. แกนนำชุมชนกำลังสำรวจความเสียหายเพื่อขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ล่าสุดนายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE> -
นิมิตเห็นกองทัพนาคราช มาช่วยคนดีให้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ !!!
<TABLE class=tborder id=post5780388 style="BORDER-RIGHT: rgb(239,239,239) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(239,239,239) 1px solid; WORD-SPACING: 0px; FONT: 16px arial, verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; BORDER-LEFT: rgb(239,239,239) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; BORDER-BOTTOM: rgb(239,239,239) 1px solid; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); background-origin: initial; background-clip: initial; border-image: initial; orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(247,243,247); background-origin: initial; background-clip: initial; border-image: initial" width=175>k_97
สมาชิก
วันที่สมัคร: Feb 2011
ข้อความ: 453
พลังการให้คะแนน: 59
</TD><TD class=alt1 id=td_post_5780388 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT: 12pt verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif; COLOR: rgb(0,0,0); BACKGROUND-COLOR: rgb(239,235,239); background-origin: initial; background-clip: initial">29 ก.พ. 55 เปรียบเทียบเมืองบาดาลกับยานบินนอกโลก
เช้านี้ ในนิมิตเห็นตัวเองกับลูกสาวและลูกเขยรวมสี่คนอยู่ในเรือ เรือลอยอยู่เหนือบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่เหนือบ่อมีหลังคาปิดคลุมอยู่คล้ายกับว่าไม่อยากให้ใครเห็น จากนั้นผมและลูกๆก็กระโดดลงไปในบ่อน้ำ เมื่อผลุดขึ้นเหนือน้ำก็มาเจอกับหมู่บ้านๆหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่สงบเงียบ ผมเห็นทุกหลังคาเรือนมีผู้อาศัยอยู่ ผมได้คุยกับคุณลุงท่านหนึ่งว่า ข้างบนผมก็ได้ทำแหล่งหลบภัยอยู่ที่เชียงคาน
ผมนำความฝันมาเปรียบเทียบกับมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีว่า ถ้าเกิดเหตุการรุนแรงถึงขั้นอยู่ไม่ได้ ในเมื่อมนุษย์ต่างดาวจะนำคนขึ้นไปอยู่บนยานได้ พวกเราน่าจะถูกนำไปอยู่ใต้บาดาลได้เช่นเดียวกันเพราะภูเขาที่อยู่ริมแม่น้ำโขงเป็นเมืองบาดาลขององค์พ่อพญานาค
องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน
<HR style="COLOR: rgb(255,255,255); BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255)" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย k_97 : วันนี้ เมื่อ 06:39 AM</TD></TR></TBODY></TABLE>
กองทัพพญานาคราชกับงานภัยพิบัติโลกและความฝันที่บังเอิญสอดคล้องกัน
เมื่อเช้าแม่บ้านที่ทำงานเล่าให้ฟังว่าเธอฝันว่าเห็นทหารถือปืนจำนวนมากเดินเข้าไปในบริเวณที่ทำงาน พวกเขากระจายกำลังกันตรวจตราดูคนบนสำนักงาน และอาคารต่าง ๆ นายทหารทุกคนล้วนแต่มีศักดิ์ศรีและรู้สึกว่าจะมียศใหญ่ มีทหารนายหนึ่งเข้าไปในห้อง ผอ. แล้วถามว่า ผอ.อายุเทาไร ผอ.ตอบว่า 40 เขาก็เปรยว่าอายุยังไม่มาก
ในความฝันนั้นแม่บ้านรู้สึกว่าพวกเขาเป็นมิตรดี แต่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาขนกันมาทำไมมากมายเหมือนเป็นกองทัพ ทั้งที่ที่ทำงานของเราก็เป็นหน่วยงานเล็ก ๆ ไม่ใหญ่โตอะไร แล้วนายทหารคนหนึ่งก็บอกแม่บ้านว่าอยากกินน้ำส้มให้แม่บ้านไปซื้อมาเลี้ยงหน่อย แม่บ้านบอกว่าไม่มีตังค์ แต่ก็ขึ้นไปนั่งรออยู่บนท้ายรถกะบะสี่ประตู มีนายทหารเป็นพลขับ แต่ยังไม่ทันได้ไปซื้อน้ำส้มเธอก็ตื่นขึ้นเสียก่อน
พอเจอกันตอนเช้าเธอก็รีบเล่าให้ข้าพเจ้าฟังทันที ข้าพเจ้าก็บอกว่าเป็นฝันดี พวกเขามาอย่างมิตร มาอารักขาพวกเราจากภัยพิบัติ ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าพญานาคมาทำหน้าที่นี้ด้วย เพิ่งมารู้ตอนที่มาเห็นข้อมูลของเจ้าของกระทู้นี่แหละ แต่ที่พูดไปอย่างนั้นก็พูดไปตามความรู้สึกที่รู้อยู่ข้างในว่าพวกเขาเป็นมิตร แม่บ้านทำท่าทางขึงขังเชื่อเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งข้าพเจ้าก็เห็นว่าไม่แปลก และขณะที่เธอเล่าความฝันให้ข้าพเจ้าฟัง ข้าพเจ้ารู้สึกขนลุกที่ขาช่วงล่างขึ้นมาถึงต้นขาด้านขวาเป็นระยะๆ ข้าพเจ้าจึงบอกแม่บ้านว่าพรุ่งนี้จะซื้อน้ำส้มไปให้แล้วจะให้แม่บ้านนำไปวางให้พวกเขากลางแจ้ง โดยบอกให้แม่บ้านบอกกล่าวแก่นายทหารเหล่านั้นให้รับรู้ด้วย
มันเป็นเรื่องบังเอิญเป็นอย่างมากที่ค่ำวันนี้ข้าพเจ้าได้มาเห็นข้อความนี้จนคิดว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้ มันเหมือนเป็นการยืนยันมากกว่าบังเอิญนะ ข้าพเจ้าไม่ทันได้คิดมาก่อนเลยว่าพญานาคราชจะส่งกองทัพนาคมาช่วยเหลือคนมากขนาดนี้ มันเหมือนกองทัพทหารที่แม่บ้านฝันเห็นเมื่อคืนที่ผ่านมา
เอาเถอะ ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าอาจจะไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อของคนที่ควรจะได้รับความคุ้มครอง แต่ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจพระธรรม ด้วยอำนาจพระอริยสงฆ์ ข้าพเจ้าขอเบิกบุญที่เคยทำไว้ตั้งแต่อดึตชาติจนถึงปัจจุบันอุทิศให้กับพญานาคทั้งหมดทั้งมวล ขอให้ท่านจงโมทนาและขอผลบุญนี้จงส่งให้พญานาคทั้งหมดทั้งมวลได้บรรลุธรรมจนเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ
ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ที่นำข้อมูลนี้มาบอกกล่าว และพร้อมกันนี้ขออนุญาตนำข้อมูลนี้ไปขึ้นที่บล๊อกโมทนาด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
อ้อ ลืมเล่าไปนิดหนึ่งว่าแม่บ้านบอกว่าพวกทหารที่เห็นในฝัน เขามาทำหน้าที่เหมือนพวกทหารที่ไปคุ้มครองประชาชนสามจังหวัดชายแดนใต้อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ โมทนาสาธุ
ต่อไปเป็นบทความเกี่ยวกับพญานาคราชที่คัดลอกมาให้อ่านกันค่ะ ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เพียงแค่แจ้งให้ทราบเท่านั้นค่ะ
เรื่องราวของพญานาคเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันดีในพระพุทธศาสนา และมีตำนานเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ เช่น
- พญากาฬนาค ผู้รักษาถาดทองคำที่พระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ในกัปนี้ได้ทรงลอยอธิษฐาน และกล่าวว่าจะยังคงอยู่ไปถึงอนาคตสมัยพระศรีอริยเมตตรัยทรงลอยถาดทองคำ แสดงว่าพญานาคท่านนี้มีอายุยืนยาวท่านหนึ่ง
- พญามุจลินทร์ ที่แผ่พังพานปกป้องพระพุทธเจ้าจากลมและฝน เมื่อครั้งทรงนั่งเสวยวิมุตติอยู่ 7 วัน ต้นแบบพระปางนาคปรก
ในสมัยพุทธกาล เหล่าพญานาคได้ทูลขอต่อองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อร่วมรักษาพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวครบถ้วน 5000 ปี กล่าวคือ พญานาคมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนามายาวนานหลายยุคหลายสมัย ที่เป็นสัมมาทิฐิก็มาก แต่ที่เป็นมิจฉาทิฐิก็มี เหมือนกับมนุษย์ที่มีทั้งคนดี และ คนไม่ดีปะปนกัน เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นสัมมาทิฐิ
พญานาค กับตำนานท้องถิ่น
เรื่องราวของพญานาคจะมีปรากฏหลากหลายในตำนานท้องถิ่นทั่วไป ซึ่งพอสรุปคร่าวๆ คือ
•การเพาะปลูก : พญานาค เป็นสัญลักษณ์แห่งน้ำ และความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน
•การกำเนิดแม่น้ำสายสำคัญต่างๆ เช่น ตำนานการเกิดแม่น้ำโขง
•การล่มสลายของเมืองโบราณต่างๆ
•การก่อกำเนิดเมือง เช่น ตำนานกำเนิดประเทศกัมพูชา ที่พญานาคกลืนน้ำซึ่งท่วมดินแดนนั้นอยู่จนแผ่นดินแห้ง กลายเป็นประเทศขึ้นมา
•กองทหารแห่งพระพุทธศาสนา หน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนาในด้านต่างๆ เช่น ปกป้องพระอริยสงฆ์ ปกป้องสถานที่สำคัญทางศาสนา
กล่าวคือ พญานาค เป็นผู้มีพลังเกี่ยวเนื่องชัดเจน เกี่ยวกับความเป็นไปของแผ่นดินและผืนน้ำ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านแผ่นดินและผืนน้ำ มักจะมีความเกี่ยวเนื่องกับพญานาคเสมอ
พญานาคเจ็ดเศียร
คนไทยจำนวนมาก นิยมสร้างพญานาค ๗ เศียร เพราะเกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติปางนาคปรก (พญามุจลินท์) เราจึงมีโอกาสพบเห็นนาคตามบันไดวัด หรือหินแกะสลักต่างๆ เป็นนาค ๗ เศียร มีหลากหลายสี
โดยอีกความเชื่อหนึ่ง คือ คนจำนวนมากเชื่อว่า พญานาคที่ฤทธิ์มาก หรือ นาคสูงศักดิ์ จะต้องมีเศียรจำนวนมาก บางคนก็ว่ากันเป็นพันเศียร แต่ส่วนใหญ่เวลาเวลาสร้างให้ดูสวยงามก็มักจะมาลงที่ ๗ เศียร เช่น
•พญาอนันตนาคราช กล่าวกันว่าท่านมีพันเศียรแต่เวลามาสร้างเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช กลับเป็นหัวเรือนาค ๗ เศียร
•พญาศรีสัตตนาคราช เป็นนาคราช ๗ เศียร ตามคำบอกเล่าของหลวงปู่คำพันธ์ กล่าวว่าเป็นกษัตริย์นาคที่ยิ่งใหญ่กว่าใครในสองแผ่นดิน ไทย-ลาว
สรุปคือ โอกาสพบนาค ๗ เศียรในประเทศไทยนั้นสูงมาก และมีการสร้างอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันตามวัดต่างๆ จึงไม่ได้เป็นสาเหตุการเกิดภัยธรรมชาติตามความเชื่อของบุคคลบางท่านแต่อย่างใด
หน้าที่ของนาคราช กับ งานภัยพิบัติธรรมชาติ
ในปัจจุบันเริ่มมีหลายคน เริ่มทราบความเชื่อมโยงของพญานาคกับภัยธรรมชาติ ผ่านทางสมาธิบ้าง เทพบางฝ่ายมาส่งข้อมูลผ่านความฝันบ้าง ถึงแม้ภาพที่ได้รับยังไม่ชัดเจน แต่เป็นเสมือนการเตือนว่า วันเวลาของงานครั้งใหญ่ ได้ใกล้เข้ามามากแล้ว ตามวลีที่กล่าวว่า ความลับไม่มีในโลก เป็นเพียงว่าจะรู้ช้าหรือเร็ว หรือ ถึงเวลาที่พระท่านเห็นสมควรแก่การเปิดเผยให้ทราบ
นับย้อนหลังประมาณ 3 ปีก่อน ผมได้รับคำสั่งด่วนที่สุด ให้ช่วยสร้างบล๊อคพระนาคปรกสามเศียร เพื่อสร้างพระแจกให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในการเตรียมงานฯ โดยจำกัดคนละหนึ่งองค์ให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลา เป็นงานที่ทำบล๊อคเสร็จภายใน ๗ วันเหมือนเนรมิต มาทราบภายหลังว่าเป็นข้อตกลงกับกลุ่มนาคราชผู้ดูแลด้านภัยพิบัติธรรมชาติ ใช้เป็นจุดในการสังเกต เพื่อความรวดเร็วของการเข้าช่วยเหลือขณะเกิดภัยพิบัติ
เมื่อค่อยๆได้รับข้อมูลมากขึ้นทราบว่า กองทัพนาคราช มีรายชื่อของบุคคลที่จะได้รับการคุ้มครอง และเริ่มส่งบริวารไปดูตามบ้านของบุคคลตามบัญชีรายชื่อ เพื่อให้การคุ้มครองป้องกัน บุคคลเหล่านี้คือผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในทุกสายการปฏิบัติธรรม ไม่มีการแบ่งแยกสาย ตรงนี้ทำให้ทราบว่า งานด้านภัยพิบัติของกองทัพนาคราชมีระบบ มีขั้นตอนในการทำงาน รวมถึงมีหน้าที่ช่วยเหลือคนดีให้อยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ ตามกรรม ตามวาระ
ถ้าเปรียบเทียบก็คล้ายกับ การส่งกองกำลังทหารเข้าเคลียพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ... ทหารไม่ได้มีหน้าที่ทำร้ายคนดี แต่การทำหน้าที่ก็อาจมีผลกระทบกระเทือนบ้าง ตลอดจนทหารมีหน้าที่เข้ากู้ภัยช่วยเหลือประชาชนในกรณีภัยพิบัติต่างๆ เช่น น้ำท่วม และอื่นๆด้วย กองทัพนาคราชก็มีหน้าที่คล้ายกองกำลังทหาร
ภัยพิบัติทางธรรมชาติหลายๆอย่าง ก็ล้วนมาจากฝีมือมนุษย์ที่ทำให้โลกขาดความสมดุล และมนุษย์ทำลายล้างกันเอง จนฝ่ายโลกทิพย์ ตลอดจนฝ่ายต่างดาว ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว
หน้าที่กองทัพนาคราช เกี่ยวกับภัยพิบัติ โดยย่อ
•ปกป้องพระศาสนา จากฝ่ายมาร
•ป้องกันพุทธสถาน ขณะเกิดภัยพิบัติ
•ช่วยเหลือคนดี ขณะเกิดภัยพิบัติ
นาคาธิบดีแห่งไตรยุค ผู้อยู่เหนือภัยธรรมชาติ
กล่าวว่า กลุ่มนาคราช หมายถึง ไม่ใช่มีเพียงนาคราชท่านเดียว แต่เป็นการรวมตัวของ นาคราชสามพี่น้องผู้รับหน้าที่หลักดูแลยุคทั้งสาม ในการดูแลปกป้องพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ สมัยพระพุทธเจ้าพระองค์แรก (สมเด็จองค์ปฐม) เรื่อยมาจนถึงยุคพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และ รวมถึงนาคราชผู้รับหน้าที่จะดูแลในอนาคตกาล สมัยที่พระอริยเมตตรัยมาตรัสรู้ธรรม เรียกรวมว่า ไตรยุค คือ อดีต ปัจจุบัน อนาคต รวมเป็นหนึ่ง มาช่วยกันดำเนินงาน ... แต่ละท่านมีจำนวนเศียร ขนาด สีแตกต่างกัน แต่ศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน เมื่อรวมจำนวนบริวารของแต่ละท่านก็มากมายประดุจกองทัพ ... บ่งบอกว่างานครั้งนี้เป็นงานที่สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สมควรจารึกไว้
ในการกำหนดสัญลักษณ์ แทนนาคาธิบดีแห่งไตรยุค เนื่องจากแต่ละท่านมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อความสะดวก ทุกท่านตกลงให้ใช้เป็นรูปนาคราชสามเศียร เรียกนามรวมว่า สีติกะนาคราช ( สีติกะนาคาธิบดี ) และให้มีรูปของพระพุทธเจ้า หรือ เครื่องหมายของพระรัตนตรัย ควบคู่กันไปเสมอ ด้วยพวกท่านมีหน้าที่ผู้ดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาในสามยุค มิใช่มาสร้างลัทธิใดๆ ตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น พญานาค เป็นผู้มีพลังพิเศษเกี่ยวกับความเป็นไปของแผ่นดินและผืนน้ำ งานในส่วนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญด้านแผ่นดินและผืนน้ำของโลกครั้งนี้ ทั้งสามภพจึงมีมติให้เป็นหน้าที่ของสีติกะนาคาธิบดีแห่งไตรยุคเป็นกองหน้าในการดำเนินงาน
<CENTER>นาคาธิบดีแห่งไตรยุค กับ กองกำลังอภิญญา</CENTER>
งานของกลุ่มนาคาธิบดีแห่งไตรยุค ทำงานเป็นระบบเชื่อมโยงกับงานของกลุ่มพระอริยะสงฆ์ที่บุคคลทางโลกเรียกว่า คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร เปรียบเหมือนหน่วยงานในบริษัทเดียวกัน แต่ต่างแผนก ต่างหน้าที่ โดยทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน
หากงานของแผนกหนึ่งมีการเลื่อนกำหนดงาน หรือปรับปรุงแผนงาน แผนกอื่นก็ต้องเลื่อนหรือปรับตามกัน เพื่อให้สอดคล้องและสนับสนุนกัน "สิ่งนี้จึงเป็นลักษณะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ใช่สิ่งตายตัว เกินกว่าที่มนุษย์จะเปิดตำราหรือทำนายได้แม่นยำ จึงกล่าวได้ว่า มนุษย์ทำนาย ฤาจะสู้ฟ้าลิขิต"
หน้าที่ของคณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ดูแลเตรียมงานการรองรับภัยพิบัติทั้งหมด เช่น
•การเตรียม กองกำลังผู้มีอภิญญาพลังจิต เพื่อดำเนินงานต่างๆ
•การคัดกรองรายชื่อของบุคคลผู้ปฏิบัติดีและมีจิตใจดีงาม จากบุคคลทุกสายการปฏิบัติธรรม
•การเตรียมสถานที่หลบภัย เสบียงอาหาร การเคลื่อนย้ายบุคคลเข้าสู่สถานที่หลบภัย
•การรักษา เอกสารสำคัญ ตลอดจนองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ จากภัยพิบัติ
•ฝ่ายสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ ประสานงานกับ กลุ่มบุคคลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
•การประสานงานกับฝ่ายดำเนินการภพภูมิต่างๆ
ตัวอย่างการประสานงาน : ก่อนเกิดสึนามิในไทย คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดรกำหนดจุดตรึงแผ่นดินในบางส่วนของประเทศไทย ไม่ให้เคลื่อนตัวรุนแรงตามแผ่นดินไหว โดยแต่ละจุดที่ถูกกำหนด ทางนาคาธิบดีแห่งไตรยุคได้ส่งบริวารนาคไปทำการอารักขาและตรึงแผ่นดินไม่ให้เคลื่อนจนกว่าจะถึงวาระ เช่น บริเวณเขื่อน จ.กาญจนบุรี
จิตใจที่ดีงาม คือ ความรอด
เรื่องของภัยพิบัติ เป็นเรื่องที่รู้เพื่อ เตรียมกาย เตรียมใจ เตรียมการณ์ให้พร้อม โดยยังดำเนินชีวิต ทำกิจกรรม ทำงานตามปกติ ไม่ตื่นตระหนกหรือกังวลเกินขอบเขต
การเตรียมใจ คือ การฝึกจิต ยึดมั่นในความดี ในทางพุทธคือ การรักษาศีล5 ฝึกสมาธิ และแผ่เมตตาให้มากๆ
ด้วยจิตใจที่ดีงาม และมีการเตรียมกาย เตรียมใจที่ดี จะส่งผลให้รอดพ้นจากภัยพิบัติในรูปแบบแตกต่างกัน เช่น
•รอดด้วยผลแห่งกรรมดีของตน
•ได้รับคำเตือนจากกัลยาณมิตร และนำพาให้รอดพ้นด้วยกัน
•ได้รับคำเตือนจากพระสุปฏิปันโน และนำพาให้รอดพ้น
•ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพนาคราชให้ผ่านพ้นวิกฤตเฉพาะหน้าขณะเกิดภัยพิบัติ
•สำหรับบุคคลพิเศษ ได้รับการช่วยเหลือโดยตรงจากกองกำลังอภิญญาของหลวงปู่ใหญ่ พาไปยังสถานที่ปลอดภัย
•อื่นๆ เช่น การช่วยเหลือจากมนุษย์ต่างมิติ มนุษย์ต่างดาว
ปัจจุบันทั้งทางวิทยาศาสตร์และจิตศาสตร์ ได้เชื่อมโยงแนวโน้มแห่งภัยพิบัติธรรมชาติ ไปในแนวทางเดียวกัน จึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรตระหนักและเตรียมการณ์ด้วยความไม่ประมาท
***************************************************************
แล้วพวกคุณแต่ละคนล่ะ เลือกทางเดินให้ชีวิตของตัวเองกันหรือยัง การทำในสิ่งดีงาม หรือ การปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเกิดภัยพิบัติหรือไม่ก็ตาม ความดีงามเหล่านั้นก็ไม่ได้สูญหายไปไหน สิ่งเหล่านี้ก็จะอยู่กับตัวท่านเอง ไปตราบจนนานเท่านาน นานเกินกว่าที่ทุกท่านจะรู้ได้ ท่านเคยรู้สึกบ้างมั้ยว่าทำไมเวลาท่านทำความดีในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำไมเรากลับรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ......
เรื่องนี้โปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการไตรตรอง ว่าท่านจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ
ที่มา http://www.watthamfad.com/Index_TH.htm
ขียนโดย natthapat วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554 -
สถานการณ์โลกก่อนเข้าสู่รอบพันปีที่สาม
02/03/2011
สงครามโลกครั้งที่ ๓ จากปัญหาความขัคแย้งทางการค้าโลก การจัดระเบียบโลกใหม่ และความพยายามของสหรัฐอเมริกาที่พยายามจะผลักดัน ทุกประเทศเปิดประตูสู่ยุคโลกไร้พรมแดน เพื่อสนองตอบต่อลัทธิจักรวรรดินิยมจ้าวโลกของสหรัฐอเมริกา จะนำไปสู่ความขัดแย้งกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทั้งหลายในโลกและจะเป็นฉนวนสู่สงคราม ความขัดแย้งทางประชาชาติ ความขัดแย้งทางศาสนา จากปัญหาของสังคมโลกที่ได้วิวัฒนาการมาสู่จุดเปลี่ยนที่แหลมคม และพร้อมที่จะปะทุ กลายเป็นสงครามประชาชาติ ที่ขยายตัวออกไปในภูมิภาคต่างๆจนกลายเป็นสงครามโลก พร้อมๆกับการสิ้นสุดของยุคทุนนิยม
มีต่อละเอียดมากครับ......ซ้ำขออภัยครับ..
http://www.visitsurin.com/index.php?mo=3&art=131340 -
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เจาะน้ำมันในกรุงเทพฯ คนกรุง เสี่ยงตาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ดร.รักไทย บูรพ์ภาค </TD><TD class=date vAlign=center align=left>29 กุมภาพันธ์ 2555 </TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>
<TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เป็นประเด็นใหญ่กันเลยนะครับ สำหรับข่าวการอนุญาตให้สัมปทานขุดเจาะน้ำมันในกรุงเทพมหานครของบริษัท มิตรา เอ็นเนอร์ยี่ ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่ผมทำงานด้านพลังงาน และมีประสบกาณ์ด้านขุดเจาะน้ำมันมาบ้างจึงอยากขอโอกาสมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ อย่างแรกเลยต้องขอขอบคุณ ท่าน ส.ว. คำนูณ สิทธิสมาน ที่มาเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยครับ
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ประเด็นแรก น้ำมันในกรุงเทพฯ มีไหม ขอตอบว่า มีความเป็นไปได้เพราะเมืองกรุงเทพฯ เราอยู่ใกล้ปากอ่าวซึ่งมีความเป็นไปได้อยู่แล้ว ขออนุญาตยกตัวอย่าง กรณีเดียวกับเมืองฮิวสตัน มลรัฐเท็กซัส ซึ่งใกล้ปากอ่าวเม็กซิโก ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการทับถมสะสม ซึ่งก็มีแหล่งน้ำมัน ฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่กรุงเทพฯ จะมีน้ำมันหรือแก๊ส
ประเด็นที่สอง แล้วถ้าจะมีการขุดเจาะสำรวจหรือนำน้ำมันขึ้นมาใช้ ทำได้หรือไม่ ขอตอบว่า ไม่ได้ครับ ผิดหลักด้วยประการทั้งปวง ถ้ามีการ­ขุดเจาะน้ำมันใกล้แหล่งชุมชน โดยเฉพาะในกรณีที่มีแหล่งชุมชนอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ที่เมืองฮิวสตัน หรือที่เมืองนิวยอร์กก็มีแหล่งน้ำมัน
แต่ทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาห้ามขุดเจาะในสองเมืองนี้ ที่ขุดไม่ได้ เพราะการขุดเจาะมีการใช้สารเคมีระหว่างกระบวนการขุดนะสิครับ ไหนจะมีการใช้สารเคมีเหลวในการเจาะระหว่างการเจาะ
เช่น กระบวนการหล่อซีเมนต์ หรือไฮดรอลิก แฟกเจอริ่ง ก็อาจจะมีการเจือปนสารเคมีกับระบบน้ำประปา น้ำใต้บาดาล หรือที่ร้ายแรงกว่านั้น น้ำใต้บาดาลที่โดนสารเคมีนี้อาจจะไปส่งผลกระทบถึงอ่าวไทย ซึ่งไม่ไกลจากแหล่งขุดเจาะ
ถ้าเขียนแล้วไม่อธิบายผู้อ่านจะสับสน อ้าว! แล้วทำไมอ่าวไทยเจาะได้ นั้นก็เพราะว่า เจาะนอกฝั่งกับเจาะบนบกใช้กระบวนการต่างกัน แม้ว่าจะใกล้เคียงกันก็ตาม ซึ่งถ้าเจาะบนบกตามกฎสากลและตามจรรยาบรรณวิศวกรแล้ว เขาจะไม่เจาะใกล้แหล่งชุมชนเป็นที่ฟ้องร้องกันหลายคดี และผลลัพธ์ส่วนใหญ่บริษัทที่เจาะจะถูกปรับมหาศาล และคนที่อนุญาตก็จะมีความผิดด้วยนะ
ผมขออนุญาตแนบคลิปวิดีโอสั้นๆ ซึ่งเป็นของหนังสารคดีที่ได้รับรางวัลของสหรัฐอเมริกาปี 2553 เพื่อชี้ให้ดูผลกระทบของการเจาะใกล้เมือง
ซึ่งชี้ถึงอันตรายจากการขุดเจาะน้ำมันใกล้แหล่งชุมชน ดูคลิปเสร็จแล้วถ้ายังมีการขุดเจาะน้ำมันในกรุงเทพฯ จะมีใครกล้าใช้น้ำก๊อก
หรือดื่มน้ำกรองกันอีกไหมครับ ชาวกรุงเทพฯ ครับช่วยกระจายข้อมูลกันด้วย เพื่อปกป้องคนที่ท่านรัก
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=dZe1AeH0Qz8&feature=player_embedded]GASLAND Trailer 2010 - YouTube[/ame]
ภาพผลกระทบจากแท่นขุดเจาะน้ำมัน BP ระเบิด
หลังแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัท BP ที่เกิดการระเบิดขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุ ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และระบบนิเวศน์โดยรอบ โดยเฉพาะนกพิลิแกนที่อาศัยอยู่ในในแถบนั้น ถูกพิษของคราบน้ำมัน่จนต้องตายไปกว่า 150 ตัว ที่เหลือต้องเข้ารับการรักษาและพื่นฟูสภาพให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่ตามธรรมชาติได้เหมือนเดิม
สภาพของนกพิลิแกนที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยคราบน้ำมัน
นี่ยังไม่ตาย แต่ก็ใกล้เต็มทน ถ้าหากไม่มีใครช่วย
สภาพโดยรอบ
ลอยอยู่บนผิวน้ำตามยถากรรม
ตัวที่ยังคงมีแรง ก็พยายามเอาตัวรอด
บางตัวก็หมดแรงตายกลางทะเลคราบน้ำมัน
ลมหายใจที่รอวันตาย
สภาพกลางทะเล
ดิ้นรนเอาตัวรอด
เจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่ระดมกำลังช่วยเหลือบรรดานกพิลิแกนที่เคราะห์ร้าย
เดือดร้อนกระทั้งปูริมฝั่ง
อาสาสมัครเข้าทำความสะอาดบริเวณริมหาด
ภาพจากท่อที่ทาง BP เข้าไปหาทางอุดไมให้น้ำมันดิบไหลออกมา
การช่วยเหลือนกต่าง ๆ
เต่าทะเลที่ถูกนำมาชำระล้างคราบน้ำมัน
เตรียมพร้อมปล่อยลงสู่ธรรมชาติ
แผงกั้นคราบน้ำมัน ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลนัก
ประธานาธิปดีสหรัฐออกตรวจชายฝั่งมิชิแกนด้วยตนเอง
คราบน้ำมันเหนือริมฝั่งทะเล
หลาย ๆ คนอาจจะเห็นเรื่องนี้อยู่ไกลกว่าที่เราจะให้ความสนใจ ถึงคนละซีกโลก แต่อย่าลิมว่าจนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงของการระเบิดของแท่นขุดเจาะดังกล่าว และยังไม่สามารถหาวิธีที่จะควบคุมน้ำมันดิบเหล่านั้นไม่ให้ลอยขึ้นมาเป็นคราบน้ำมัน ทำลายระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมได้อย่างเด็ดขาด -
เอาข่าวมาจากที่ใด โปรดให้เครดิตแหล่งที่มาของข่าวให้หน่อยครับ
ขอบคุณสำหรับข่าวสารครับ
ที่มาใช่ที่นี่หรือป่าวครับ : Daily News - Manager Online - ���й���ѹ㹡�ا� ��ǡ�ا� ����������Է������§���
หน้า 1365 ของ 1646