เคยอ่านแต่เรื่องของพระอาทิตย์ 7 ดวง ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
อนาคตโลก...วินาศด้วยไฟบรรลัยกัลป์ - PaLungJit.com
ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.
หน้า 1425 ของ 1646
-
-
-
กราบถามหลวงพ่อว่าภัยทางโลกให้เตรียมตัวอย่างไร ท่านตอบว่าให้ปฏิบัติธรรม เท่านั้น
คิดเองว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม -
คนเราจักมัวแสวงหาสิ่งใดใดกันเล่า ก็ในเมื่ออัตภาพร่างกายเรานี้
เปรียบว่าเสมือนดังจอมปลวก นั่นแล
จอมปลวก มีรูพรุน ย่อมคายสิ่งต่างๆออกมา
ตัวปลวกที่ขนดินมาก่อรังนั้น ย่อมคายยางเหนียวคือน้ำลายของมันออกทำเป็นน้ำเชื้อ
สำหรับทำให้ดินเหนียว
ร่างกาย ของเราก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือย่อมเกลือกกลั้วไปด้วยของสกปรก ปฏิกูล
น่ารังเกียจ ย่อมคายน้ำลายออกผสมกับอาหารในเวลาเรารับประทานอาหาร
คือในขณะที่เรารับประทานอาหาร จะเป็นอาหารชนิดใดก็ตามที่เราวางลงไว้บนลิ้น
แล้วก็เคี้ยวอาหาร
ร่างกาย ของเราทั่วๆไป ย่อมคายของโสโครกออกมา ขี้หู ขี้ตา ขี้มูก ขี้ฟัน
และตัวพยาธิปากขอ ต่างๆ ออกมาจากร่างกาย เหมือนกัน ฉันนั้น <?xml:namespace prefix = o /><o:p></o:p>
ร่างกาย เป็นเหมือนกันกับปากแผลทุกๆ แห่งไป ที่เห็นได้โดยง่าย คือ ทวารทั้ง ๙
และรูขุมขน สิ่งโสโครกต่างๆ ย่อมไหลออกจากทวารทั้งเก้า และรูขุมขนเสมอเป็นนิจ
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคัจฉามิ
-
อ้างข้อความคุณปิยาจาโร ขอเพิ่มเติมน๊ะค๊ะ ดิฉันเป็นสมาชิกชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกโดยมี อ.ปริญญา ตันสกุล ท่านคอยให้ความรู้ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า พวกเราและสิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หรือเหล่าเทพเทวีเทวา อมนุษย์ เปรตอสูณกาย ที่อยู่ในสามภพในโลกใบนี้ ที่เวียนว่ายตายเกิดมาไม่รู้กี่ภพชาติ (จิตวิญญานของพวกเราเหล่านี้แหละคือพวกที่อยู่ในยุคพลังงานเก่า) อันที่จริงจิตวิญญานพวกเรานี้ทุกหกหมื่นปี จะต้องกลับบ้าน(นิพพาน)กันหมดแล้ว
แต่นี่มันล่วงเลยมาหกหมื่นแปดร้อยปีกว่าแล้ว พวกเราก็ยังหาทางกลับบ้านกันไม่ได้(เพราะพวกเราหลงผิดยังยึดติดในกิเลสตัณหาหลงมายาว่าตัวกูของกู) ก็เลยเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่เช่นนี้
ที่สงสัยเคยอ่านพระไตรปิฏกว่ามนุษย์เดิมมาจากอาภัสราพรหมไม่ใช่หรือ และเมื่อใครบรรลุนิพพานแล้วไม่มีการมาเกิดอีกไม่ใช่หรือ แล้วนี่เรามาจากนิพพานแล้วรอกลับบ้านเดิม เลย งง งง และที่ได้ฟัง ได้ยิน มาก็หลายสิบปี เท่าที่ความรู้อันน้อยนิดของผมได้สดับรับฟังมา พอได้อ่านว่าเรามาจากนิพพานแล้วรอกลับบ้านเดิม ก็ยิ่ง งง ไปใหญ่ ใครรู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ -
ใครจะรอหรือไม่รอ พระศรีอาริย์ท่านก็มาเกิดแล้วครับ...
ในพุทธทำนายฉบับของชาวล้านนา ได้กล่าวถึงช่วงเวลาที่พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ จะเสด็จมาปรากฏเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ปกครองโลกนั้น จะมีปรากฏการณ์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง นั่นก็คือคนบนโลกนี้จะได้เห็นพระอาทิตย์ 2 ดวง และพระจันทร์ 2 ดวง
ในเวลานี้ก็มีคนเห็นพระอาทิตย์ 2 ดวงเป็นความจริงแล้ว ซึ่งในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่าเป็นดาวเนบิรุนั่นเอง และเมื่อใดที่ดาวเนบิรุโคจรเข้ามาใกล้โลกมากกว่านี้ คนบนโลกย่อมจะได้เห็นดาวดวงนี้ ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างแน่นอน คือในตอนกลางวันก็เห็นเป็นพระอาทิตย์ 2 ดวง ในตอนกลางคืนก็จะเห็นเป็นพระจันทร์ 2 ดวง ครับ
ส่วนใครที่จะรอพระศรีอาริยเมตไตรย มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ต้องรอไปอีกหลายล้านปีมนุษย์ครับ ยังไม่ใช่ตอนนี้ขณะนี้ เพราะในเวลานี้พระศรีอาริยเมตไตรยท่านจุติมาทำหน้าที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ปกครองโลกนี้เพียงอย่างเดียวครับ ท่านใดที่สนใจดูรายละเอียดได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
คัดลอกบางส่วนมาจาก พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จดอยเชียงดาว
พระพุทธอค์ทรงพยากรณ์ว่า "ดูรา ยักขราชผู้เป็นใหญ่ ต่อไปในอนาคตเบื้องหน้าในระหว่างแห่งศาสนาที่ตถาคตตั้งไว้นั้น ท่านจะได้เกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชองค์หนึ่ง ในระหว่างอายุพระพุทธศาสนาพันที่สาม(พ.ศ.2001-3000) ท่านจะได้ส่งเสริมยกย่องพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก เหตุการณ์เช่นนี้จะมีต่อไปในกาลภายหน้าอย่างแน่นอน เมื่อท่านเกิดมาเป็นพระยาธรรมิกราชนั้น ท่านจะมีอายุยืน ๒๐๐ ปี ในกาลนั้นพระพุทธศาสนาล่วงไปแล้วสองพันปีกว่า จะย่างเข้าสู่สามพันปี ในระหว่างนี้แหละที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราช
ในเมื่ออายุพระพุทธศาสนาล่วงไปแล้วได้ ๒,๐๐๐ ปีบริบูรณ์และย่างเข้าสู่พรรษาที่สามมาถึงเมื่อใด เมื่อนั้นท่านจะได้เกิดเป็นพระยาธรรมิกราชจะได้เกิดในเมืองที่นี้ จะเสวยราชสมบัติเป็นสุขในเมืองเชียงดาวที่นี้ ท่านจะได้ยกย่องส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ภูเขาลูกใหญ่ดอยอ่างสรงนี้ ซึ่งใหญ่และกว้างได้โยชน์ สูงก็ได้โยชน์หนึ่ง มีถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งสูง ๑,๐๐๐ วา และมีรูปยักษ์ใหญ่ ๔ ตนอยู่เฝ้ารักษาพระพุทธรูปที่นั้น
จนถึงปีกัดไค้ถึงปีเล้า ในระหว่างนั้นท่านจะได้มาเกิดเป็นพระยาธรรมิกราช ได้ยกย่องส่งเสริมศาสนาแห่งตถาคต และปีเบิกสันพระอินทร์ผู้เป็นเจ้าแก่เทวดาทั้งหลาย จะเสด็จลงมาจากชั้นฟ้าดาวดึงส์มาตีกลองแก้วใบหนึ่ง เป่าหอยสังข์ ให้คนทั้งหลายในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้น ให้ได้ยินได้ฟังทุกแห่ง เพื่อให้สมณพราหมณ์และคฤหัสถ์หญิงชายทั้งหลายได้กระทำบุญให้ทาน รักษาศีลเจริญเมตตาภาวนาเป็นนิรันดร์เถิด
ต่อจากนั้นจะบังเกิดภัยอันใหญ่ คือพระอาทิตย์และพระจันทร์ จะปรากฏแก่ตาโลกเห็นเป็นสองดวง จะมีต่อไปภายหน้า
ที่มา http://www.sanggadjai.com/index.php?topic=3249.0ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
7 ส.ค. 55 หนึ่งกำมือ
เพราะอ้าง ใบไม้ กำมือ
เล่าลือ กันว่า ถูกต้อง
ใบไม้ ในป่า ทั้งผอง
พี่น้อง ไม่มอง กันเลย
มหาประชาบดี ๙๗ -
"พระศรีอาริยเมตไตรยท่านจุติมาทำหน้าที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ปกครองโลกนี้เพียงอย่างเดียวครับ " ท่านเชี่ยวชาญการรบจึงครองโลกได้ หรือด้านการพิพากษาปกครองแบบพระมโหสถ มีที่ใดกล่าวถึงบ้างไหม -
การปฏิบัติธรรม ที่จะทำให้คนเราสามารถตัดกิเลสจนบรรลุถึงพระนิพพานได้นั้น มีแต่ในคำสอนของพระพุทธศาสนานี้เท่านั้น คำสอนอื่นใดนั้นเป็นเพียงการทำให้เข้าถึงเทวโลกพรหมโลก ซึ่งยังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปอย่างไม่รู้จบสิ้นครับ -
และ..มองเข้าไปในป่าใหญ่...
จริง...มันก็เป็นเช่นนั้น...
ไม่จริง...มันก็เป็นเช่นนั้น... -
ยามใดที่มีพระพุทธศาสนา พระเจ้าจักรพรรดิก็ทรงบำรุงอุปัฎฐากพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก ช่วยเผยแพร่พระธรรม แต่ยามใดที่ไม่มีพระพุทธศาสนา พระองค์ก็ทรงรวบรวมผืนแผ่นดิน ผู้คนให้เป็นปึกแผ่น ทรงปกครองโดยธรรม สั่งสอนประชาชนทั้งมวล พระเจ้าจักรพรรดิทรงขยันในการสร้างบารมีมาก ถึงแม้จะเป็นพระมหาจักรพรรดิก็ยังทรงสร้างพระบารมีไม่หยุดหย่อน
ความพิเศษของพระเจ้าจักรพรรดิ
- พระเจ้าจักรพรรดิมีพระวรกายงดงามยิ่งกว่ามนุษย์ใดๆ
- พระเจ้าจักรพรรดิมีอายุยืนกว่ามนุษย์ใดๆ
- มีอาพาธน้อย เจ็บป่วยได้ยากกว่าคนทั่วไป
- พระเจ้าจักรพรรดิเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา แม้แต่เทวดาก็ยังเกรงใจ
พระเจ้าจักรพรรดิเป็นผู้ครอบครองแก้ว 7 ประการ อันได้แก่
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">จักรแก้ว (จกฺกรตฺตนํ) </DT></DL>เมื่อผู้ที่จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ พระองค์ทรงรักษาศีลอุโบสถ ชำระจิตให้สะอาดแล้วทรงทำสมาธิ จักรแก้วก็บังเกิดขึ้น ทำจากโลหะมีค่า ส่องแสงสว่างไสว แล้วพาพระเจ้าจักรพรรดิพร้อมเหล่าเสนาบดีลอยไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปทั้ง 4 ประเทศต่างๆ ก็ยอมสวามิภักดิ์ ไม่มีการสู้รบกัน เมื่อจะถวายเครื่องบรรณาการพระเจ้าจักรพรรดิก็ไม่ยอมรับแต่พระราชทานโอวาทศีล 5 ให้
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">ช้างแก้ว (หตฺถีรตฺตนํ) </DT></DL>ช้างแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาช้าง มีชื่อว่า อุโบสถ สีขาวเผือก สง่างาม มีฤทธิ์เดชสามารถเหาะได้ คล่องแคล่วว่องไว ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">ม้าแก้ว (อสฺสรตฺตนํ) </DT></DL>ม้าแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นพญาม้า มีชื่อว่า วลาหกะ เป็นอัศวราชผู้สง่างาม ขนงาม มีหางเป็นพวง ตรงปลายคล้ายดอกบัวตูม มีฤทธิ์เดชเหาะเหินเดินบนอากาศได้ คล่องแคล่วว่องไง ฝึกหัดได้เอง สามารถพาพระเจ้าจักรพรรดิไปรอบชมพูทวีป จรดขอบมหาสมุทร ได้ตั้งแต่เช้ารุ่ง และกลับมาทันเวลาเสวยพระกระยาหารเช้า
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">มณีแก้ว (มณิรตฺตนํ) </DT></DL>มณีแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นแก้วมณีเปล่งแสงสุกสกาว ใสแวววาวยิ่งกว่าเพชร เปล่งรังสีแสงสว่างไสวโดยรอบถึง 1 โยชน์ คอยบันดาลความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่างให้บังเกิดขึ้น ดึงดูดสมบัติทั้งหลายมาให้ สามารถเลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีปโดยไม่ต้องทำมาหากิน เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทดลองแก้วมณีกับกองทัพ โดยติดแก้วมณีไว้บนยอดธงนำทัพ แก้วมณีก็เปล่งแสงสว่างไสว ทำให้กองทัพเดินทางได้สะดวกสบาย เหมือนเดินทัพในเวลากลางวัน
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">นางแก้ว (อิตถรตฺตนํ) </DT></DL>นางแก้วของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นหญิงที่มีบุญญาธิการ รูปร่างน่าดูชม ผิวพรรณเปล่งปลั่งผ่องใส สวยงามกว่ามนุษย์ทั่วไป พูดจาไพเราะ ไม่โกหก มีกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นจันทน์หอมฟุ้งรอบกาย นางแก้วเป็นผู้คอยปรนนิบัติพระเจ้าจักรพรรดิอย่างไม่ขาดสาย ตื่นก่อนนอนทีหลังพระเจ้าจักรพรรดิ คอยฟังรับสั่งของพระเจ้าจักรพรรดิ ประพฤติชอบต่อพระเจ้าจักรพรรดิเสมอ
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">ขุนคลังแก้ว (คหปติรตฺตนํ) </DT></DL>คฤหบดีแก้ว หรือขุนคลังแก้ว สามารถนำทรัพย์สินมาให้แด่พระเจ้าจักรพรรดิได้ ขุมทรัพย์อยู่ที่ไหน ขุนคลังแก้วเห็นหมด
<DL style="MARGIN-TOP: 0.2em; MARGIN-BOTTOM: 0.5em; WORD-SPACING: 0px; FONT: 13px/19px sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(0,0,0); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px"><DT style="FONT-WEIGHT: bold; MARGIN-BOTTOM: 0.1em">ขุนพลแก้ว (ปริณายกรตฺตนํ) </DT></DL>ปริณายกแก้ว หรือขุนพลแก้ว คือพระราชโอรสองค์โตของพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นขุนศึกคู่ใจ เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ มีความฉลาดเฉลียว รู้สิ่งใดควรไม่ควร คอยให้คำแนะนำปรึกษาแด่พระเจ้าจักรพรรดิอยู่เสมอ
อานิสงส์ผลบุญที่ทำให้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
- ทำบุญทำทานด้วยจิตใจงดงาม
- เป็นเจ้าในงานทอดกฐิน หรือเป็นเจ้าภาพในการสร้างวัด พระอุโบสถ พระวิหาร พระพุทธรูป ฯลฯ
- เป็นประธานในการเทศนาธรรม การสังคายนาพระไตรปิฏก ฯลฯ
- บูชาเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-
โลกใบนี้เกิดขึ้นมาอย่างไรหนอ?....
แล้วใครกันนะ...ที่อาสามาดูแล?...
จนสิ้นอายุของโลกใบนี้.....
คิดแล้ว...เหนื่อยแทนจัง.... -
-
อีกเรื่องที่เดี่ยวนี้ชักไม่ไกลตัวคนไทยแล้ว ก็พวกก่อความไม่สงบ ด้วยระเบิด ด้วยลูกตะกั่วอะไรงั้น ถ้าอาการหนักเข้า มันอาจจะไม่อยู่แค่ที่เก่า แต่จะลามไปที่ใหม่ๆ
-
เรื่อง ผีป่าจะเข้าเมือง บอกให้ตระหนัก ไม่ใช่ให้ตระหนก
-
อ้าว ๆ ๆ ๆ
ก็ใบไม้ในมือ คือการปฏิบัติไม่ให้เนิ่นช้า เนิ่นนานต่อการบรรลุมรรคผล
พระพุทธเจ้าถึงได้นำมาสั่งสอน แต่ความรู้อื่น คือใบไม้นอกกำมือไม่ได้เป็นปัจจัยต่อมรรคผล ยังทำให้การบรรลุนานออกไปอีก
อย่างนี้จะพยายามบอกว่าเราเชื่อผิด ๆ สินะครับ เพราะบอกว่าเชื่อคำเล่าลือ แล้วจะให้ไปปฏิบัติตามทางนอกกำมือ
ถึงจะพุทธภูมิ หรือโพธิสัตว์ก็ควรปฏิบัติส่งเสริมคนให้ได้มรรคผล ไม่ใช่พยายามรั้งให้เวียนว่ายตายเกิด ถ้าทางของเขาเราไม่ว่า แต่ถ้าไม่ใช่ ทำไปผลักไสให้เขาหาเรื่องลงนรกอย่างนั้น
ถ้าแบบนี้อย่ามาสอนคนอื่นเลยดีกว่า
ผมว่าสมาชิกหลายคนที่พอจะรู้เรื่องนี้ และมีปัญญา น่าจะไม่นิ่งดูดายนะครับ -
ขอบพระคุณคุณเกษมที่ให้ความกระจ่างครับ
-
แน่ใจน่ะค่ะว่าจำพุทธพจน์มาได้ถูกต้อง..........:eek: -
-
แล้วจะมีดวงจิตของอีกกลุ่มนึงที่เขาขันอาสาจะมาทำงานร่วมกับโลก มาช่วยหมุนโลก(จะเรียกพวกเขาว่ายุคพลังงานใหม่ ส่วนพวกเราก็ตกรุ่นเป็นยุคพลังงานเก่า) พวกเขายังไม่นิพพาน เขามีแต่จิตวิญญาณไม่มีกายหยาบ เมื่อพวกเขามาเกิดเป็นมนุษย์หรือเวียนว่ายตายเกิดในโลกใบนี้ เขาก็มีเวลาแค่ประมานหกหมื่นปีเหมือนยุคเรา เขาก็ต้องกลับบ้านเช่นกัน แล้วก็...ดวงจิตยุคใหม่กว่าอีกก็มาเกิดแทน จะเป็นวัฏจักรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะบนโลกใบนี้ขาดสิ่งมีชีวิตไม่ได้ (ถ้าขาด โลกใบนี้ก็หยุดหมุน ส่วนโลกจะหมุนอะไรยังไงถ้าอยากรู้อย่างละเอียด ก็เข้าไปศึกษาดูในเว็ป (ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลกค่ะ):cool:
หน้า 1425 ของ 1646