ค่ะไซลงคิวให้แล้วค่ะ ไปดูที่ตารางได้เลยค่ะ
(ปิดกระทู้)แจ้งข่าวอ.ต้น (คนวัด) เรื่อง พิธีขอขมากรรม,ระเบิดจิต,สักผงสีวลี,สักไก่แดง ประจำปี 2554
ในห้อง 'บริการรับดูดวง' ตั้งกระทู้โดย saipote, 27 มิถุนายน 2010.
หน้า 99 ของ 106
-
-
-
-
-
-
-
วันศุกร์ ที่ 4 ก็ได้ครับ คุณไซ ขอบคุณครับ ยืนยัน
-
คุณไซ ขอลงชื่อวันที่ 6 ก.พ. 3 คนค่ะ ระเบิดจิตได้ใช่ไหมคะ
วันที่ 30 ม.ค. ไม่ได้ไป ที่แจ้งยกเลิกไปเพราะญาติที่เคารพเสีย
ก็เสียดายมากๆๆๆๆ ที่ไม่ได้ร่วมงาน
ขอบคุณค่ะ -
คุณไซ พี่จองวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. 54 2 คน ค่ะ รบกวนถามทาง PM ค่ะ:cool:
-
-
-
1 2 3
5 4
5 6 7
แล้ววงกลมที่เลข 4 ซึ่งเลขที่วงกลมไว้ก็ต่างกัน แล้วจะใช้เลขตัวไหน หรือไม่ใช่ทั้งสองกรณีที่กล่าวมาขอคำแนะนำด้วยค่ะ -
คนวัดโพสต์ 9 ชั่วโมงก่อน | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้
หลักการพัฒนากรรม
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_48608 class=t_msgfont>ผมขออธิบายแบบรวบรัดเข้าใจกันง่ายๆแล้วกันนะครับ
กรรมที่พวกเรากำลังได้รับและส่งผลให้เรามากที่สุดในภพชาติปัจจุบันนี้มีกรรมในหลักใหญ่ๆอยู่ดังนี้
1 อาสันนกรรม กรรมตัวนี้ได้ประเมิณผลก่อนที่เราจะมีภพเป้นแดนเกิดโดยจิตก่อนเคลื่อนย้ายจากภพเดิมจะเป็นตัวกำหนดเอาไว้และการกระทำของเราในภพนั้นๆจะเป็นแรงสนับสนุนว่าจิตของเราเมื่อเคลื่อนย้ายจากภพนั้นจะส่งให้เราไปจุติในภพใดต่อไป
2 ชนกกรรม คือกรรมที่นำพวกเรามาเกิดในภพใหม่เช่นมาเกิดในภพมนุษย์ หรือเทวดาเทพพรหม อบายภูมิ ฯลฯ
3 หลังจากนั้นก็จะมีแรงกรรมที่ทำงานเกี๋ยวโยงกันตามลำดับคือ เมื่อเกิดมาแล้วมีกรรมที่สนับสนุนให้เราดีหรือไม่ดีมีกรรมที่อุปถัมภ์ให้เราดีหรือไม่ดีหรือมีกรรมที่บีบคั้นตัดรอนทำให้เราได้ับความสุขหรืิอทุกข์
4 หลังจากนั้นก็มีปัจจุบันณกรรมเป้นกรรมที่สำคัญมากที่สุดเพราะกรรมในปัจจุบันและอนาคตนี้ส่งผลให้เราได้รับความทุกขืหรือสุขได้มากกว่ากรรมเก่าที่ติดตามตัวเรามาดังนั้นกรรมในข้อนี้สำคัญมากที่สุด
- มีคนที่เข้าใจผิดมากว่ากรรมเก่าเรานั้นคงหนักมาก แต่ถ้าเราคิดตามจริงจะรู้ได้ว่าถ้ากรรมเก่าของเรายังมีมากหนักมากป่านนี้เราคงยังไม่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์กันได้เราคงยังต้องใช้กรรมในอบายภูมิกันอยู่อย่างแน่แท้ แต่นี้เรามีบุญพอที่ได้เกิดเป็นมนุษย์แถมยังได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาอีกถือว่ากรรมเก่าที่เรามีนั้นได้เบาบางลงไปมากแล้ว ขอเพียงแต่อย่าไปสร้างกรรมชั่วที่หนักเพิ่มขึ้นอีก
- กรรมแ้กไขได้หรือไม่ตอบไม่ได้เพราะเป็นสิ่งที่เราได้กระทำลงไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้แค่เราย้อนเราย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณืเมื่อวันวานเรายังย้อนกลับไปไม่ได้เลยแล้วเราจะย้อนกลับไปแก้ไขกรรมที่เราทำสะสมมาในอดีตชาติในหลายภพภูมิกันได้อย่างไร ดังนั้นการแก้กรรมไม่สามารถกลับย้อนเวลาไปแก้ไขได้
จะมีก้แต่เราพยายามเรียนรู้ทำความเข้าใจในเรื่องกรรมและพัฒนากรรมในทางที่ถูกต้องชีวิตเราถึงจะดำเนินไปตามเส้นทางที่ดีงามและมีความสุขตามอัตภาพได้ตามสมควร</TD></TR></TBODY></TABLE> -
คนวัดโพสต์ 9 ชั่วโมงก่อน | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_48630 class=t_msgfont>เคล็ดลับจริงสำหรับการลดแรงกรรมที่ไม่ดีให้อ่อนแรงนั้นมีอยู่แค่หลักๆอยู่ไม่กี่ข้อครับ
สรุปอย่างคร่าวได้ดังนี้ครับ
1 รักษาจิตให้ผ่องใสก่อน เวลาที่เราได้รับความทุกข์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามจิตเราใจเรามักยึดความทุกข์นั้นเอาไว้เลยเกิดอารมณืเศร้าหมองท้อแท้และหมดกำลังใจเมื่อจิตเรายึดอาการดังกล่าวเอาไว้จิตตกอยู่ในทุกขเวทนาจิตไม่ผ่องใส เลยทำให้ชีวิตเรานั้นดูเหมือนแย่มากหนักมาก แต่หารู้ไม่ว่าการที่เราปล่อยให้จิตเราเศร้าหมองหรือยึดติดในทุกข์เท่ากับเป็นการเปิดกระแสกรรมที่ไม่ดีต่างๆที่เราได้เคยทำเคยสร้างเอาไว้ให้เข้ามาทับถมเราเพิ่มขึ้น
คุณเคยสังเกตุไหมครับว่าเวลาที่เรากำลังทุกข์เรามักเจอเหตุการณ์ที่มากระหน่ำซ้ำเติมเราอีกประเภทที่ว่าเรื่องทุกขือันเก่ายังไม่จบอันใหม่ก้เข้ามาซ้ำอีกที่เป็นแบบนี้เพราะว่าอะไรรู้ไหมครับเพราะว่าเราปล่อยให้เราจิตตกมากและการที่เราจิตตกมากแบบนี้เปิดทางให้กรรมที่ไม่ดีเข้ามาเล่นงานเราได้มากเพิ่มขึ้นบางคนกำลังทุกขือยู่เรื่องนึงแต่พอจิตตกมากกลับโดนทุกข์อันใหม่กระหน่ำซ้ำเข้าให้อีกประเภทมืดแปดด้านประมาณนั้น เมื่อเราไม่รู้ว่าการที่เราปล่อยให้เราจิตตกมากเหมือนการเปิดช่องทางกรรมให้เข้ามาเล่นงานเรามากขึ้น บางคนถึงขนาดคิดสั้นไปเลยหรือบางคนก้คร่ำครวญแบบแทบเป็นแทบตายแล้วคิดว่าชีวิตตัวเองในตอนนั้นแย่มากหนักมาก
ดังนั้นเมื่อเรากำลังเจอกับความทุกข์หรือกรรมไม่ดีให้ผลสิ่งแรกที่เราต้องพยายามทำให้ได้คือ ตั้งสติและมองด้วยปัญญาว่าทุกข์ที่เราได้รับนั้นมาจากสาเหตุใดแล้วก็พยายามอย่าให้ใจเสียหรือจิตตกไปมากกว่าเดิมเพราะว่าไม่งั้นกรรมตัวอื่นจะส่งผลซ้ำเติมเราเพิ่มขึ้น
อันนี้เป้นหลักที่สำคัญในข้อที่1</TD></TR></TBODY></TABLE> -
คนวัดโพสต์ 8 ชั่วโมงก่อน | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_48659 class=t_msgfont>เหตุและผลที่ผมให้เรารักษาจิตให้ื่ผ่องใสก่อนเพราะอะไร
-เมื่อกรรมทุกข์อย่างมีต้นตอเกิดขึ้นที่มโนกรรม(ใจ)ดังนั้นเมื่อเรากำลังได้รับผลของกรรมที่ไม่ดีสิ่งเราที่เราต้องทำก่อนเป็นอันดับแรกคือรักษาใจเราจิตเราให้ผ่องใสก่อนเพื่อลดระดับกรรมที่ไม่ดีที่กำลังส่งผลให้เบาลงและไม่เผลอให้ใจเรายึดเอาทุกข์นั้นไว้มากเพราะเมื่อยึดทุกข์ไว้มากกรรมไม่ดีอย่างอื่นจะส่งผลเล่นงานเราเพิ่มเติมได้
-การแก้กรรมนั้นไม่ใช่ไปแก้โดยการทำพิธีกรรมแบบอื่นแต่ต้องแก้ที่ใจเราก่อนเพราะต้นตอของกรรมหรือการได้รับสุขหรือทุกข์นั้นมันเกิดมาจากใจเป็นตัวเริ่มถ้าจิตเรายังตกมากๆต่อให้ไปทำพิธีแก้กรรมมาก้ไม่ได้ช่วยอะไรเพิ่มขึ้นให้ดีได้เพราะใจเรายังจมอยู่กับความทุกข์
- หลักคำสอนท่านก็ทรงแจ้งไว้ว่า ละชั่ว ทำดี รักษาจิตให้ผ่องใส รักษาจิตให้ผ่องนี้สำคัญมากเพราะเมื่อจิตมันผ่องใสมีสติรู้เท่าทันเกมกรรมผลของกรรมที่ทำให้เราทุกข์นั้นจะลดระดับลงไปได้ไม่มากก็น้อย</TD></TR></TBODY></TABLE> -
คนวัดโพสต์ 8 ชั่วโมงก่อน | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_48703 class=t_msgfont>2 นำกรรมฝ่ายกุศลเข้ามาลดระดับการให้ผลของกรรมที่ไม่ดี
กรรมนั้นมี12ชนิด
กรรมอันหนักที่สุดไม่สามารถแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงหรือพัฒนาได้คือ อนันตตริยกรรมฝ่ายไม่ดี
คือ
-ฆ่าพ่อ
-ฆ่าแม่
-ฆ่าพระอรหันต์
-ทำพระบาทพระพุทธเจ้าห้อเลือด
-ทำสังฆเภทยุยงสงฆ์ให้แตกแยกกัน
ผู้ใดทำกรรมชนิดนี้ถือว่าได้ทำกรรมอันหนักมากที่สุดปิดสวรรค์นิพพานลงอบายภูมิสถานเดียว
กรรมในหมวดอนันตริยกรรมนั้นเราทราบแต่ฝ่ายไม่ดีตามหัวข้อที่กล่าวมา
แต่กรรมที่เป็นอนันตริยกรรมฝ่ายดีก็มีครับ
ได้แก่ การเข้าญาณ การเข้าผลสมาบัติ การเข้านิโรธ
อนัตริยกรรมนั้นจัดว่าเป็นกรรมที่เข้มข้นและมีน้ำหนักมากที่สุด
ส่วนกรรมที่เราได้รับผลนั้นเป้นกรรมที่มีน้ำหนักไม่มากครับสามารถพัฒนากรรมปรับเปลี่ยนลดแรงความเข้มข้นลงได้
แต่ถ้าใครไปทำกรรมฝ่ายไ/ม่ดีในหมวดอนันตริยกรรมนี้ก้ถือว่าหนักครับ
เมื่อเราทราบว่ากรรมที่ให้ผลมากที่สุดคือกรรมที่อยู่ในหมวดอนันตริยกรรม
เราก้นำเอากรรมฝ่ายดีในหมวดอันนตริยกรรมมาช่วยลดความเข้มข้นของกรรมไม่ดีที่เรากำลังได้รับอยู่ได้ครับ
กรรมฝ่ายดีในหมวดของอนันตริยกรรมนั้นคือ ผลสมาบัติ การเข้าญาณ การเข้านิโรธสมาบัติ
ในหลักการพัฒนากรรมนี้เราจำนำเอากรรมฝ่ายดีที่เรียกว่าการเข้าญาณมาช่วยในการพัฒนากรรมเพื่อลดความรุนแรงของกรรมที่ไม่ดีที่เรากำลังได้รับผลให้อ่อนแรงลงหรือลดน้อยลง
พระอริยเจ้าบรูพาจารย์ท่านทรงทราบว่าผลสมาบัติหรือการเข้าญาณนี้มีผลช่วยลดแรงกรรมที่ไม่ดีได้ เวลาที่เรามีทุกข์มากๆไปกราบท่านท่านก็มักบอกว่าให้ดเราปฏิบัติกรรมฐานจนมีคำฮิตขึ้นมาคือสมาธิแก้กรรม
ในเรื่องนี้เราก้ยังไม่เข้าใจว่านั่งสมาธิแล้วจะทำให้ชีวติเราดีขึ้นหรือลดแรงกรรมที่เราได้รับผลอยู่ลดน้อยลงได้เหรอ
-บางคนมีทุกข์แล้วไปนั่งสมาธิไปเข้าวัดบวชชี
แต่พอออกจากวัดมาชีวิตก็ยังไม่ดีขึ้นถึงดีก็มีเล้กน้อยพอรู้ว่าพยายามสวดมนต์ทำสมาธิแล้วแต่ทำไมชีวิตยังแย่อยู่ก้เลยไม่เข้าใจว่านั่งสมาธิแล้วช่วยให้ดีได้จริงเหรอ
-ในขณะที่อีกคนชีวิตมีทุกข์ไปนั่งสมาธิไปบวชชีที่วัดมาเหมือนกันพอออกจากวัดกลับมาบ้านชีวิตเขาดีขึ้นทำไมเป็นแบบนั้นเพราะอะไร
ตอบ ที่ชีวติเขาดีขึ้นนั้นมีความเป็นไปได้ว่าเขาผู้นั้นสามารถนั่งสมาธิจนได้รูปญาณได้ในระดับนึง เพราะผลของการได้รูปญาณในสมาธินี้มีผลลดแรงกรรมที่ไม่ดีได้
แต่อีกคนที่ไปบวชเหมือนกันไปนั่งสมาธิเหมือนกันชีวิตกลับยังไม่ดีเลยพาลไม่เชื่อว่าสวดมนต์ทำสมาธิแล้วแต่ชีวิตยังไม่ดีอีกเพราะเราไม่รู้เหตุที่แท้จริงคือ
1ไม่ปรับจิตให้ผ่องในข้อแรกที่ผมกล่าวมาก่อน
2 นั่งสมาธิไม่ได้รูปญาณเลยมีกำลังไม่พอที่จะลดแรงกรรมที่ไม่ดีได้
ชีวิตเลยยังไม่ดีขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE> -
คนวัดโพสต์ 8 ชั่วโมงก่อน | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_48709 class=t_msgfont>3 การขอขมากรรม การอธิษฐานก้าวล่วงออกจากกรรม
ในพิธีนี้มีรายละเอียดที่มากครับต้องทำให้ถูกต้องถึงจะได้รับผลอย่างเต็มที่ โดยส่วนมากเรามักจะกล่าวกันทางวาจาแต่ใจเราไม่ได้ขอขมาไม่สำนึกกันจริงๆก็มีคือทำผิดแล้วก็ขอขมาพอชีวติดีขึ้นก้เผลอไปทำผิดอีกแล้วก็ขอขมาอีกอีก ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ
ส่วนพิธีขอขมากรรมนั้นต้องทำกับผู้ที่รู้จริงๆและต้องทำให้ถูกต้องถึงจะให้ผลได้มาก
และเมื่อทำพิธีขอขมากรรมกรรมไปแล้วเราควรมีสติไม่ทำกรรมเช่นเดิมอีกเป็นอันขาดแรงกรรมนั้นถึงจะได้ลดน้อยลงหรือกลายเป้นอโหสิกรรมเป้นโฆษะกรรม
บางคนเข้าใจว่าการแก้กรรมคือต้องเอาของไปถวายไปเซ่นไหว้ไปทำพิธีแบบนั้นแบบนี้การทำเช่นนั้นไม่ด้ให้ผลที่ถูกต้องตามหลักตามจริงมีผลแค่ทำให้จิตใจเราดีขึ้นมาแต่เราก้ยังได้รับผลของกรรมที่ไม่ดีเล่นงานอยู่
สรุปหลักการพัฒนากรรม
มีหลักอยู่ใหญ่ๆ3ข้อคือ
1 รักษาจิตให้ผ่องอย่าให้จิตตก
2 ทำกรรมฐานจนได้รุปญาณ
3 ขอขมากรรม อโหสิกรรม
นี่คือหลักการในเบื้องต้นครับ
ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยนั้นจะนำมาแจ้งในโอกาสต่อไปครับ
ขออนุโมทนาบุญกับการทำดี
อ คนวัด บ้านดวงธรรม</TD></TR></TBODY></TABLE> -
<STYLE type=text/css>.haor {background:url(images/show/haor.gif) no-repeat left;width:45px;height:35px;text-align:center;float:left;margin-right:4px;cursor: default} .haor span { font-size:12px; font-weight:normal;height:24px; line-height:24px;} .tuid {background:url(images/show/tuid.gif) no-repeat left;width:45px;height:35px;text-align:center;float:left;cursor: default} .tuid span { font-size:12px; font-weight:normal;height:24px; line-height:24px;} .ziz {background:url(images/show/ziz.gif) no-repeat left;width:45px;height:35px;text-align:center;float:left;margin-right:4px;cursor: default} .ziz span { font-size:12px; font-weight:normal;height:24px; line-height:24px;} #zg11{border-bottom:1px solid #DCD9C9;} .zla {background: url(images/show/zl1.png) no-repeat top left;} .zlb {background: url(images/show/zl2.png) no-repeat bottom left;} .zlc { margin-left:5px; padding-bottom:10px;overflow:hidden;position:relative; width:170px} .yuyan { position:absolute; background: url(images/show/yuyan.gif) no-repeat; width:11px; height:18px; margin-left:170px; margin-top:20px;}.user-pic {background: url(images/show/qc.gif) no-repeat; width:160px; height:162px;} .STYLE3 {color: #0099FF}.STYLE8 {font-size: 11px}</STYLE><TABLE id=pid48786 cellSpacing=0 summary=pid48786 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=postauthor rowSpan=2>
</TD><TD class=postcontent>
คนวัดโพสต์ 7 ชั่วโมงก่อน | แสดงเฉพาะโพสต์ของผู้ใช้นี้
เหตุใดในพิธีขอขมากรรมถึงได้มีขั้นตอนถึง3ประการ
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_48786 class=t_msgfont>สำหรับท่านที่ได้ไปเข้าร่วมงานพิธีขอขมากรรมในวันที่30มค54ที่ผ่านบางท่านก็ยังไม่เข้าใจว่าผมทำพิธีในวันนั้นทำไมถึงทำถึง3ขั้นตอน
สาเหตุคือ
1ในขั้นตอนแรกพาท่านกล่าวขอขมากรรมแล้วแต่เจ้ากรรมนายเวรบางรายยังคงมีจิตที่เป็นมิจฉาทิฐิอยู่เวลาที่เรากล่าวคำขอขมากรรมไปเจ้ากรรมนายเวรบางส่วนอาจไม่ียินยอมให้อโหสิกรรมเราได้เพราะจิตของเขานั้นยังชุ่มด้วยความโกรธพยาบาทความแค้น
เราเลยต้องทำพิธีในขั้นตอนต่อมา
2การระเบิดจิตการเปิดกรรมออกกรรม คือการนำหลักการทางวิชาหลายอย่างมาผสมผสานกันเพื่อใช้กำลังบุญกำลังจิตกำลังสมาธิผลักดันเอาสิ่งที่ไม่ดีในธาตุขันธ์ของตัวเราให้แสดงออกมา ในขั้นตอนนี้บางคนมีอาการรุนแรงมากบางคนรุนแรงน้อยบางคนก้ไม่มีอาการใดๆบางคนมีของไม่ดีถูกคุณผีคุณคนไสยศาสตร์หรือมีพลังของเทวดาเทพพรหมสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองก็จะแสดงอาการออกมาให้รับรู้
ในขั้นตอนนี้บางคนไม่เข้าใจว่าอาการที่แสดงออกมานั้นคืออะไรสามารถสรุปได้อย่างคร่าวๆดังนี้
1 คนที่มีอาการกรีดร้องดิ้นทุรนทุรายนั้น โดยส่วนมากมักมีของไม่ดีในตัวเช่นเจ้ากรรมนายเวรติดตามหรือโดนไสยศาสตร์
2 คนที่มีอาการปิติพูดภาษาแปลกๆหรือร่ายรำโดยส่วนมากมีพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์
3 คนที่มีอาการตัวเกร็งหนักบ่า นั้นคือผลของแรงกรรมที่ติดค้างแบบเล้กน้อยแสดงออกมาทางร่างกาย อาการที่เป็นจะเป็นอยุ่ไม่นานหรือประมาณวันสองวันก้หาย
4 คนที่ไม่มีอาการใดๆเลยอาจเป็นไปได้ว่ากลำงสมาธิในการเปิดกรรมยังทำไม่ถูกจุดหรือยังไม่ค่อยมีแรงกรรมใดๆที่รุนแรงให้ผล
การเกิดอาการกรรมนั้นไม่ใช่เป็นการสกดจิตเพราะทุกคนจะรู้สึกตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรแต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เพราะในขณะเวลานั้นกายหยาบเราได้ถุกพลังงานเจ้ากรรมนายเวรหรือเทพเทวาผ่านร่างกายแสดงออกมาให้รับทราบ
บางคนที่ไม่ได้เรียนวิชาหรือปฏิบัติทางนี้จะบอกว่าเป้นอาการจิตอยู่ในภวังค์หรือจิตอ่อนจริงไม่ใช่ออากรของจิตอยู่ในภวังคืหรือจิตอ่อนใดๆแต่เป้นการนำเอาพลังของกรรมฐานมาคลายธาตุขันธ์เพื่อแสดงออกอาการทางกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมออกมา และผู้ที่ทำพิธีนั้นต้องเชี่ยวชาญและชำนาญเกี๋ยวกับศาสตร์ทางนี้มาพอสมควรเป็นอย่างมาก เพราะในระหว่างการทำพิธีนั้นต้องควบคุมให้เจ้ากรรมนายเวรของแต่ละบุคลแสดงออกมาทางธาตุขันธือย่างถูกต้อง
และถ้าคนใดมีอาการที่อสดงออกมาแบบเหมือนมีพลังเทพเทวาเจ้าพิธีที่ทำให้นั้นต้องเชี่ยวชาญและสามารถแยกได้ว่าเป็นพลังเทพเทวาจริงหรือปลอมได้ เพราะโดยส่วนมามักมีพวกเปรตที่มีฤิทธิืแฝงตัวแสดงพลังออกมาว่าเป็นเทพแต่จริงคือเปรตโดยส่วนมาก แต่ถ้าเป็นเทพจริงๆจะบ่อยให้แสดงอาการออกมาจนคลายลงและสวดเสริมพลังบุญให้
แต่ถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือคุณไสยนั้นต้องรีบแก้ไขทันทีจนอาการหาย
3 ต่อมาเป้นการเสริมพลังชีวิตด้วยการสักผงยาเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นมีโชคลาภฯลฯ
จะเห็นได้ว่าการทำพิธีขอขมากรรมที่ผ่านมาที่ผมและคณะศิษยืได้จัดทำขึ้นมานั้นมีรายละเอียดและครบถ้วนตามสมควรทุกประการเพื่อมุ่งหวังให้ทุกท่านมีความเจริญมีความคล่องตัวในทางโลกและเกิดปัญญาตามจริงตามสมควร
จึงแจ้งรายละเอียดในการทำพิธีมาพอสังเขปเพื่อให้รับทราบและเข้าใจ
อ คนวัด บ้านดวงธรรม</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE> -
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD id=postmessage_49354 class=t_msgfont>คาถาเงินล้าน
( ตั้งนะโม 3 จบ )
สัมปจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา
สัพเพยักขา ปะรายันติ
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทานี วิระทาสา วิระอิตถิโย
พุทธัสสะ มานีมานะ พุทธัสสะ สวาโหม
สัมปติจฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ
( ท่อง 9 จบ )</TD></TR></TBODY></TABLE>
หน้า 99 ของ 106