ผจญภัยไปกับวีวี่ Trip # 2 .. นครนายก - ปราจีนบุรี

เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาวีวี่ได้พาทัวร์ที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง จ.เชียงใหม่ กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และภารกิจในครั้งนี้วีวี่ก็มี program ออกภาคสนามกันอีกครั้งจ้า..ส่วนคราวนี้วีวี่จะพาไปไหนกันมั่ง ต้องติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะคะ

ช่วงวันที่ 30 เม.ย - 1 พ.ค มีวันหยุดต่อเนื่อง และไม่ได้วางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้า จู่ๆ วีวี่โทสับมาชวนอี๊ (เจง) ออก trip เพราะปิดเทอมทั้งที วีวี่ก็ว๊างว่าง กระโดดโลดเต้นอยู่แต่ที่บ้าน หม่ามี้วีวี่ก็เลยทั้งเหนื่อยหนัก และปวดหัว ก็เลยคิดอยากหาที่กว้างๆ ให้วีวี่ได้โชว์พลังกันอีกรอบ ป่าป๊าวีวี่เลยเสนอ program นี้ขึ้นมา ส่วนจะไปที่ไหนกันบ้าง จะค่อย ๆ ทยอยนำรายละเอียดมาลงให้ได้ชมกัน

เริ่มต้นในวันเสาร์ที่ 30 เม.ย เวลานัดคือ 10 โมงเช้า..ล้อหมุนจากบ้านวีวี่กันแล้วจร้า..

พอถึงตอนเที่ยงแวะพักเติมพลังกันก่อนนะคะ..



เปิด menu แรกกันด้วยข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง และต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน .. :cool:



และเมื่ออาหารที่สั่งไว้มาวางอยู่ตรงหน้า พุงของทุกคนพร้อมแล้ว..ก็ลุยกันเล้ยยยยยยยย!!..



วีวี่ดูจะ enjoy ที่สุด..เพราะสามารถใช้อาวุธทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะได้อย่างชำนิ ชำนาญแล้ว หากยังไม่พอ ก็ยังมีนิ้วอีก 10 นิ้วแถมด้วยค่ะ..



วีวี่สัญญาว่า..หากอิ่มแล้ว จะทำหน้าที่พาเที่ยวอย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียวค่ะ!!..

พออาหารทุกอย่างถูกทำลายลงอย่างเรียบร้อย ก็เข้าไปล้างมือ ล้างปาก และทันใดนั้นเอง..วีวี่ก็บอกกะอี๊ว่า..

อี๋จ๋าาาาาาาาาาา..วีวี่เหมือนจะยังไม่อิ่มค่ะ ยังขาดอะไรอีกอย่างนึงนะ :boo:

 

ยัยตัวแสบเหลือบตาไปเห็นสัญญลักษณ์อย่างนึงที่ถูกตาต้องใจ..

นั่นคือ!!..

v

v

v

v

v



ไอติมมมมมมมมมมมม..วีวี่ขอกินไอติมอีกจิ๊ดนุงนะ ใกล้จะอิ่มจิง ๆ แย้วววว..

 

และเมื่อเติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว ทีนี้วีวี่ก็มีแรงพาทัวร์กันแล้วล่ะค่ะ..

เราออกเดินทางกันต่อเลยเน๊าะ..

 

อุทยานพระพิฆเณศ จ. นครนายก

อุทยานพระพิฆเณศ ตั้งอยู่ หมู่ที่ 11 ถนนนครนายก-น้ำตกสาริกา (สี่แยกประชาเกษม) ตำบลสาริกา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก



"กำเนิดพระพิฆเณศ"พระพิฆเณศ เป็นมหาเทพฮินดูที่มีผู้คนเคารพนับถือมาก ท่านผู้นี้เป็นโอรสของพระศิวะ (พระอิศวร) และพระแม่เจ้าอุมาเทวี ท่านมีเศียรเป็นช้าง มีงาข้างเดียว หูยาน มี 4 มือ ถือบ่วง ขอช้างวัชระและศูล บางคราวก็ถือจักร สังข์ คฑา และดอกบัว

พระพิฆเณศ เป็นเจ้าแห่งปัญญาได้แต่งคัมภีร์อันเป็นคำสอนของพระศิวะ ผู้เป็นบิดาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเรียกว่า ไศวศาสตร์ แปลว่า ตำราพระศิวะ ซึ่งคนไทยเรียกตำรานี้ว่า ไศยศาสตร์พระพิฆเณศผิดกับเทพองค์อื่นๆ ตรงที่ท่านเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่อารมณ์ดี มีเศียรเป็นช้างร่างกายเหมือนทารกอ้วน ที่น่ารักมีหนูเป็นพาหนะ ชอบร้องรำทำเพลง

บทบาทที่สำคัญของพระพิฆเณศ "เป็นเจ้าแห่งปัญญา" และ "เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ"

ประวัติการกำเนิดของพระพิฆเณศ มีหลายตำนานแต่ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ มาจากหนังสือท่องแดนสวรรค์ เรียบเรียงโดย อาจารย์อังคาร ปัญญาศิลป์ ได้เขียนไว้ว่า "ด้วยพระนางอุมาได้สร้างเทพบุตร (ต่อมาคือพระพิฆเณศ) จากคราบไคลของพระนาง เมื่อสร้างขึ้นมาแล้ว ก็มีบัญชาให้บุตรนั้นเฝ้าพระทวารไว้ ไม่ให้ผู้ชายใดเข้ามาในห้อง เมื่อพระอิศวรเสด็จกลับมาจากบำเพ็ญพรต ณ.หิมาลัย ก็พบเด็ก ซึ่งพระอุมาสร้างขึ้น เด็กนั้น ห้ามไม่ให้เข้าไปหาพระอุมา จึงเกิดการสู้รบจนเศียรขาดสิ้นชีวิตไป (บางตำนานเล่าว่าสู้รบกับยักษ์ปรสุ) ในที่สุด ก็ไปได้เศรียรช้างมาต่อให้ฟื้นชีพ แล้วพระอิศวรก็รับพระพิฆเณศที่มี หัวช้างเป็นบุตรของพระองค์"

พระพิฆเณศ เป็นเทพผู้ประสานโชคลาภ และขจัดอุปสรรคต่างๆ ท่านเป็นที่นับถือของคนทุกวรรณะไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนยากจน คนมีบุญ คนบาป คนต่ำต้อย จนคนวรรณะสูง และเป็นที่เคารพนับถือ ของนักปราชญ์อีกด้วย เราสามารถกราบไหว้บูชาพระพิฆเณศได้ด้วยตนเอง โดยถวายดอกไม้ ผลไม้ กล้วย อ้อยและขนมหวานทุกชนิด รวมทั้งนมด้วย

 

อุทยานพระพิฆเนศ เกิดจากแนวคิดของพระราชพิพัฒน์โกศล หรือ หลวงพ่อเณร เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามวรวิหาร บางขุนนนท์ กรุงเทพฯ

โดยท่านได้รับการถวายที่ดินจำนวน 16 ไร่ จากลูกศิษย์หลวงพ่อภู อดีตเจ้าอาวาสวัดเวฬุราชิน ย่านบางยี่เรือ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่ดินล้อมรอบด้วยคลองธรรมชาติ เดิมที่นั้นท่านตั้งใจจะสร้างเป็นบ้านพักคนชรา แต่ต้องพักโครงการไปจนที่ดินถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน

จนกระทั่งท่านเกิดแนวความคิดสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม พร้อมกับการสร้างพระพิฆเนศองค์ใหญ่ขนาดหน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 15 เมตร ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

ลักษณะขององค์ พระพิฆเนศ เป็นแบบปางคณบดี ทำจากเนื้อปูนปั้นผสมมวลสารจากเกษตรตำบลทุกตำบลทั่วประเทศไทยรวมกว่า 73,000 ตำบล ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก รอบฐานทั้งสี่มุมก็มีองค์พระพิฆเนศองค์เล็กปางต่าง ๆ ตั้งอยู่โดยรอบฐานองค์ใหญ่ เป็นศิลปะการสร้างที่สวยงามยิ่งใหญ่



เมื่อเข้ามาถึงอุทยานพระพิฆเณศ..พวกเราก็ตรงขึ้นไปยังศาลาหลังแรกที่อยู่ทางขวามือก่อน



เมื่อมาถึงแล้วก็กราบขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล เอาฤกษ์เอาชัยก่อนนะคะ..



แล้วหม่ามี้ของวีวี่ก็นำกล่าวบทสรรเสริญพระพิฆเณศ เพื่อให้วีวี่ได้ว่าตามด้วยค่ะ..:cool:



วีวี่ตั้งใจ และมีสมาธิในการกล่าวตามทุกคำอย่างชัดเจน..



และเมื่อถึงคำที่พูดได้ยาก..ก็จะถามแม่ และให้แม่กล่าวคำนั้นใหม่ เพื่อจะได้ว่าตามอย่างถูกต้องด้วยค่ะ..:cool:

 

อาอี๊ พาหลานเที่ยว.....

 

งานนี้ไม่ใคร..ก็ใครแหละ..:'(

อิ..อิ..

หุ..หุ..

 

และแล้วก็ถึงเวลาที่จะทดสอบกำลังใจยัยตัวน้อยแล้วล่ะ!!..มาดูกันต่อเลยดีก่า

กิจกรรมให้อาหารช้างของวีวี่เป็นที่น่าประทับใจมาก ไม่คิดว่าเค้าจะกล้านะ..มาดูกันเลยดีก่าค่ะ..:cool:



ราคาไม่ค่อยคุ้ม เพราะอาหารช้ืางมีเท่าที่เห็นนี้ ด้านล่างเป็นกระดาษหนังสือพิมพ์ปูรองไว้เฉย ๆ แต่ก็ถือซะว่าเป็นการทำบุญ..



วีวี่รับเงินทำบุญเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปหยอดตู้ (ตามแนวถนัด) เช่นเคย..:cool:



อาหารช้างค่ะ..มีเท่าที่เห็นนี่จริง ๆ ตอนแรกนึกว่าข้างล่างมีอีก ก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมวีวี่ถึงยกไปเองไหว!!..



วีวี่จะเอาเข่งนี้ค่ะ..เดี๋ยวเราไปป้อนอาหารให้พี่ช้างกันนะคะ..



ช้างตัวเบ่อเริ่มเลย..วีวี่เห็นแล้วร้อง "อู้ฮู้!!..." 5555+



จากนั้นก็บอกวีวี่ให้เอาอาหารไปเลี้ยงช้าง..

วีวี่จัดการเอาไปวางไว้ให้พี่ช้างเค้ากินเอง แต่เนื่องจากพี่ช้างตัวโตมองไม่เห็นอาหารที่ีมีขนาดเล็ก ใช้งวงควานหาไปเรื่อย ๆ จนต้องมีการแนะนำขั้นตอนกัน..อีกแว้ววววว!!



หม่ามี้กำลังแนะนำวิธีให้วีวี่ป้อนอาหารพี่ช้างด้วยแหละ..^^



อิ่มหรือเปล่าก็ไม่รู้..แต่ีที่แน่ๆ อาหารหมดเข่งแล้วอ่าจ้า

 

เมื่อพอสมควรแก่เวลาจึงได้กลับมายังบริเวณที่จอดรถ shopping ตุนเสบียงกันอีกเล็กน้อย ก่อนออกเดินทางไปยัง program ต่อไป..

 

ตามมาดู ... ไปกะ คุณเจง คุณสร้อย ฯ เหมือนได้ไปด้วยทุกครั้ง ... ^^






.

 

วัดถ้ำสาริกา จ. นครนายก



ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับน้ำตกสาริกาเป็นสถานที่ที่อาจารย์มั่น ภูริทตฺโต เคยมาบำเพ็ญศาสนธรรมระหว่างปี พ.ศ. 2460-2463



สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต ตั้งเมื่อ พ.ศ.2453 หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้เดินธุดงค์มาพักปฏิบัติธรรมที่ถ้ำสาริกา และมีพระธุดงค์อื่นๆ มาพักปฏิบัติธรรมเป็นประจำและได้พัฒนาวัดมาโดยลำดับ จนถึงปี พ.ศ.2518 พระครูปลัดเจือ กิจฺจธโร เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น ได้มาพักปฏิบัติธรรม และพัฒนาวัดโดยก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ขึ้นใหม่หลายรายการ

โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2536 ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 25 ไร่ มีอาคารเสนาสนะประกอบด้วย

อุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ.2526
ศาลาการเปรียญ สร้างเมื่อ พ.ศ.2536
วิหารสร้างเมื่อ พ.ศ. 2530
ปูชนียวัตถุ มีพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ สร้างเมื่อ พ.ศ.2480
รูปเหมือนหลวงปู่มั่น (โลหะ) สร้างเมื่อ พ.ศ.2528
มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ.2520



ถ้ำสาริกาตั้งอยู่บนภูเขาลูกเล็กๆ ภายในวัดถ้ำสาริกา อ.เมือง จ.นครนายก ตั้งอยู่บนเส้นทางที่มุ่งสู่น้ำตกสาริกา โดยอยู่ก่อนถึงน้ำตกสาริกาประมาณ 3 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นเพิงหินเล็กๆ ภายใต้ก้อนหินขนาดใหญ่ลึกเข้าไปในหินประมาณ 3 เมตรไม่มีหินงอกหินย้อยด้านในถ้ำประดิษฐานรูปหล่อหลวงปู่มั่น ขนาดเล็กกว่าองค์จริงเล็กน้อย ด้านบนหินมีต้นไทรต้นใหญ่แผร่รากคอบคลุมหินก้อนนี้อยู่ ปัจจุบันทางวัดได้สร้างศาลาคอนกรีตถาวร คลุมบริเวณหน้าถ้ำไว้ เพื่อสะดวกในการมาสักการะและปฏิบัติธรรมร่มเย็นดีมาก

 

ภายในบริเวณวัด เป็นภูเขา ลักษณะสภาพป่าเขาและตบแต่งภูมิทัศน์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ มีกุฏิหลังน้อยๆ ซ้อนตัวกลมกลืนกับธรรมชาติอยู่หลายหลัง เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง



ก่อนที่จะถึงถ้ำสาริกาจะเป็นมณฑป และเรือนพระธาตุ ภายในมณฑปประดิษฐานรูปหล่อยืนหลวงปู่มั่นขนาดใหญ่ ส่วนเรือนพระธาตุจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุพระอรหันต์และยังมี อุโบสถขนาดเล็ก อยู่บนยอดเขาอีกด้วย



ตามขึ้นไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ..

 

วีวี่ ไม่ธรรมดา เทียบระดับ Star ซะด้วย :cool:

​

 

ถึงวิหารด้านบนแล้วค่ะ..ตามวีวี่ไปกราบหลวงปู่มั่นกันนะคะ



ดูวีวี่จะให้ความสนใจกับหลวงปู่มั่นไม่น้อย ถามว่า..หลวงปู่เป็นใคร??
ก็เลยได้นั่งพัก เพื่อเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ที่เด็กพอจะเข้าใจได้



หลังจากที่ได้กราบหลวงปู่มั่นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..วีวี่ก็กราบลาหลวงปู่ แล้วจู่ๆ ก็พูดกับหลวงปู่ว่า.."หลวงปู่คุ้มครองวีวี่ด้วยนะ วีวี่จะเป็นเด็กดีค่ะ" เราได้ยินแล้วขนลุกเลยยยยย..:cool:

 

หลังจากที่กราบรูปหล่อยืนหลวงปู่มั่นที่วิหารหลังแรกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ move มาที่วิหาร พระธาตุที่อยู่ติดๆ กัน



กล่าวคำบูชาพร้อมๆ กันกะวีวี่เลยนะคะ..

 

ภาพด้านจากด้านบนไปยังถนนเบื้องล่างที่เราเพิ่งจะผ่านเข้าวัดมาค่ะ..:cool:



บรรยากาศโดยรอบทางบันไดที่เดินขึ้น - ลง



และเมื่อมีพระอาคันตุกะคณะใหม่เดินทางมาถึง..พวกเราก็ต้อง move กันต่อค่ะ



ออกจากวิหารทั้งสองหลัง..เพื่อมุ่งขึ้นไปบนถ้ำ