ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.

  1. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่าน
    ที่postมา ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

    .....................................................สวัสดีทุกท่าน.........................................................

    ...............................................กุรข่า..นักรบเลือดดุ......................................................
    ...........กลับมาที่..เนปาลอีกครั้ง...ตอนนั้น...ฝ่ายอังกฤษ..ได้ส่งทัพไปจาก..ทั้ง..ภาคกลาง..
    ภาคตะวันออก..และ..ภาคตะวันตก..ฝ่ายผู้บัญชาการทัพอังกฤษ..ไม่อยากยืดเยื้อ..ทีแรกนั้น
    ไม่ได้เน้น..อาวุธหนัก..แค่ปืนยาว..และปืนใหญ่ไม่มาก..ก็คงพอ..เรื่องการบุกเนปาล..ก็ลงใน
    หนังสือพิมพ์อังกฤษ..และมีการวิจารณ์..กันว่าน่าจะใช้เวลาไม่กี่วัน..สงคราม..เริ่มเมื่อปลายปี
    ๑๘๑๔....จากการคาดคะเน..ในตอนแรก..เหล่าทหารราบ(พลเดินเท้า)..อังกฤษมีกำลังพลมาก
    กว่า..พวกกุรข่า..ประมาณ ๑๐ เท่า (ใน๑๐ เท่านี้..อังกฤษ..มีปืนยาว..ทุกคน..พวกกุรข่าเอง..
    มี..ประมาณครึ่งเดียว)....ทหารปืนใหญ่(๓ คน ปืนใหญ่ ๑ กระบอก)..มีจำนวน..มากกว่า ๑๐๐
    เท่า...อังกฤษกระจายทหาร..ตลอดพรมแดนที่ติดกับ..อินเดีย..ประมาณ ๑๕๐๐ กิโลเมตร....
    ปิดเส้นทางค้าขาย..ทั้งหมด...(ต้องเข้าใจว่า..พวกเนปาล..นั้นอยู่ติดกับเทือกเขาหิมาลัย..ยาก
    จน..การเพาะปลูกน้อยมาก..อาหารการกินส่วนใหญ่ใช้วิธี..ซื้อขายแลกเปลี่ยน..กับอินเดีย..
    เกือบทั้งสิ้น...)..ก่อนอื่น..ผมจะบอกว่า..เนปาลเอง..ไม่ใช่เผ่าพันธ์..กุรข่า..ทั้งหมด..เพียงแต่
    กุรข่า..จะมีมากกว่า..พวกอื่น..ในกองทัพเนปาลเอง..ยิ่งทางตอนเหนือ..หรือ..ตอนใต้(สิกขิม)
    ..ไม่ใช่..พวกกุรข่า..ฉะนั้น..เมื่อเปิดการสู้รบจริงๆ..ก็จะมีจุดด้อย..ตามมา.....................
    .........ในช่วงแรก..อังกฤษ..บุกหนัก..และสามารถคืบหน้าไปได้..พอสมควร..โดยเฉพาะด้านที่
    ไม่ใช่กุรข่า...แต่..เวลาผ่านไปไม่นาน..ทางพวกกุรข่า..ก็เริ่มยันได้..ด้วยความกล้าหาญ...และ
    ด้วยชัยภูมิ..ที่อยู่ที่สูงและชำนาญพื้นที่..จนพวกอังกฤษ..ระดมปืนใหญ่เพิ่มเติม..โดยบรรทุก
    ใส่หลังช้าง..ขึ้นเขามาถล่ม..ด้านเนปาล..ทรัพยากร..ทุกอย่างก็เริ่มขาดแคลนลง..ส่วนทาง
    อังกฤษ..ก็ไม่สามารถคืบหน้าไปได้มากนัก..จนกระทั่งถึง..การยุทธที่DIONTHAL(DIONTHAL
    BATTLE)...ที่อังกฤษได้รู้ซึ้งถึง..ความกล้าหาญ..ของพวกกุรข่า......................
    ........................................................ต่อตอนหน้าครับ..............................................
    ((ผมpost รูป..ผู้บัญชาการ..ุขุนพล..และพลรบ..ของกุรข่ามาให้ด้วย)










    ..............................................................................................................................
    ........................................................สนิมแดง..........................................................
    ............การที่จะเกิดสนิมเหล็กแบบLead Tetroxide(สนิมแดงอมส้ม)..ในลักษณะเป็นธรรม
    ชาติ..ต้องใช้เวลานาน..เมื่อสังเกตจาก..พระ..หรือ..ตะกรุด..(ไม่ใช่แบบที่เอา..ตะกั่วเก่าที่ขึ้น
    สนิมแดงแล้ว..อย่างในกรุพระท่ากระดาน..เอามาทำพระใหม่นั่น.ใช้เวลาไม่นาน..แค่สิบกว่าปี
    ..ก็เริ่มมีสนิมแดงขึ้น..เพราะมันมีเชื้ออยู่..และอายุตะกั่วเองก็มากอยู่แล้วด้วย)..ผมสังเกตจาก
    ตะกรุด..หลายดอกของผมที่มี..อย่างของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า..หลวงปู่เฒ่า วัดค้างคาว..
    ..อายุก็ไม่หนี ๘๐ ปีขึ้นไป..ตอนที่เริ่มเกิดสนิมแดง..เช่นเดียวกับ..พระตะกั่วของหลวงพ่อเนียม
    วัดน้อย ..หรือ กรุวัดสุวรรณ อ่างทอง...การที่มันค่อยๆเกิด..ธาตุต่างๆที่ปะปน..มาอยู่ในเนื้อ..
    ตะกั่ว..ก็มีการจับตัวกะน..และมีขบวนการOxidation(เกิดoxide)..การCarbonation(เกิดเกลือ
    คาร์บอเนต)..หรือ..ทำปฎิกริยาร่วมกับ..อากาศความชื้น..และสารที่ปะปน.มาในอากาศ..หรือ..
    ในกรุ..เกิด..พวก..ซัลเฟต..ไนเตรท..เมื่อมารวมกับ..ธาตุที่เป็น..โลหะ..และ..อโลหะ..ที่ปะปน
    กันกับตะกั่วที่ผิว..เช่น..ทองแดง..แมงกานีส..พลวง..สังกะสี..ฯลฯ..มันจะเกิดสารประกอบ
    ต่างๆขึ้น..แล้ว..สารประกอบพวกนี้เอง..ก็มีสีสันที่แตกต่างกัน..แต่ถ้าถามว่า.แล้วอย่างในเนื้อ
    พวกชินเงิน..ทำไมมันไม่เกิดด้วย..อาจเพราะดีบุก(เนื้อชินเงิน ๙๐ เปอร์เซนต์ขึ้นไป)..เมื่อเกิด
    สนิมแล้ว..มันไม่การพัฒนาสนิมต่ออย่างตะกั่ว..และสนิมมันสีดำสนิท..และอาจปิดกั้นครอบคลุม
    หมด..หรือ..ด้วยคุณสมบัติของมันเอง..จึงปิดกั้น..ไม่ให้สารอื่น..เกิด..มีการทำปฎิกิยาได้...
    สังเกตจาก..เราไม่เคยพบ..ไขขาว..หรือ..สีอื่นใด..บนผิว..ที่ขึ้นสนิม..ของพระชินเงินเลย...
    มีอยู่อย่างเดียว.คือ..สีดำ..จากสนิมดีบุก................................................................
    ...........ผมได้เอารูป..สารประกอบ..ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น..แทรกปนกับ..สนิมแดงตะกั่ว..ทำให้เกิด
    ..สีออกโทนที่ต่างกันได้..ทั้งทีพวกสีแดงสด..ก็จะให้ออกมาเป็นแดง..พวกสีน้ำเงิน..รวมกับ..สี
    ส้ม..ก็จะออกมาอมม่วงได้...หรือ..สีชมพู..ทำให้เป็นแดงเลือดนก..อะไรทำนองนี้.............
    เนื่องจาก..ไม่มีพวกนักศึกษาปริญญาโท.คนใด..ทำการทดลอง..การเร่งปฏิกิริยา..สร้างสนิม
    แดง..บนตะกั่ว..ใหม่ๆขึ้นมา..เป็นวิทยานิพนธ์..บ้าง..จะได้คลายข้อสงสัย..หรือ..ข้อสันนิษฐาน
    ต่างๆได้..ผมก็ได้แต่นำเสนอแนวทางคิดของผมไปเท่านั้น..ตามข้อมูลที่ได้ศึกษามา..หลายปี
    ..ก็แล้วแต่..วิจารณญานของแต่ละบุคคลครับ..................................
    ........เรื่องสนิมแดงยังไม่จบ..เพราะต่อไป..เราจะมาวิเคราะห์ลักษณะที่แท้มัน..เป็นยังไง..ของ
    จริง..มันมีวิธีดูยังไง.....................

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,435
    สวัสดียามเช้าครับ...:cool:
     
  3. 15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,573
    สวัสดียามเช้าครับคุณลุง สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน ^ ^
     
  4. joenok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    812
    ค่าพลัง:
    +2,157
    สวัสดีครับพี่modpong
    สวัสดีครับทุกท่าน
     
  5. กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    ฝากมาให้ติชมครับพี่Modpong..ฝีมือปิดทองแบบบ้านๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SDC11162.JPG
      ขนาดไฟล์:
      603.9 KB
      เปิดดู:
      125
  6. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ...................................................
    ...นี่ปิดทอง..แบบที่ผมสอนรึเปล่า..หรือ..ปิดเอง..เยี่ยมครับ..เก็บรายละเอียดได้ดี..ทำเองได้..ย่อมทำให้องค์พระมีคุณค่าขึ้นอีก..แล้วก็ทำให้ตัวเองมีคุณค่าขึ้นด้วย....สวยครับ..พอใส่ในกรอบก็ดูดีขึ้น..ยิ่งทำเยอะๆ..ยิ่งคล่อง..ยิ่งสวย..มันจะพัฒนาไปเรื่อยๆ..แถมวันข้างหน้ากจะสร้างเทคนิคเฉพาะตัวได้ด้วย.....
     
  7. กวาวชไม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    4,336
    ค่าพลัง:
    +14,779
    ปิดเองครับพี่แต่ปิดมาก่อนที่จะมาอ่านกระทู้ครับ..บังเอิญเข้ามาอ่านวิธีการและวัสดุที่ใช้มาแนวเดียวกัน เลยนำผลงานมาให้ติชมกันครับ
     
  8. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ขอขอบคุณ..ทุกๆท่าน
    ที่postมา ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

    .........................................................สวัสดีทุกท่าน....................................................

    ....................................................กุรข่า..นักรบเลือดดุ................................................

    .............ความจริง..ผมควรจะเล่าเรื่องข้อมูลต่างๆที่ผมใช้เสียก่อน...ก่อน..ที่จะเล่า..ต่อ.....
    .....................เมื่อครั้งแรกที่หา..ข้อมูลนั้น..ก็เป็น..ประเภท..ประวัติศาสตร์โลก...ฝรั่งเขียน..
    ...ผมเองที่บอก..ว่า..ไม่เคยประมาทเรื่องข้อมูล..เพราะไม่อยากจำอะไร..ผิด..อย่างที่ผมเคย
    เล่า..เรื่องหลักการณ์ของผม...ต้องประเมินข้อมูล..ก่อน..ว่าเชื่อถือได้..หรือ..ไม่..ขนาดไหน..
    ...ฉะนั้น..บางท่านนี่เคยทราบ..หรือ..เคยอ่านเรื่องนี้มา..หรือไปเปิดเทียบใน..net..ก็ตาม..อาจ
    พบว่า..ข้อมูลบางอย่าง..ไม่ตรงกับผม...นั่นเพราะผมได้อ่านและกรองมาก่อน..พูดง่ายๆด้วย
    การประเมิน..โดยใช้เหตุ..และ..ผล..ประกอบ...ผมประเมินออกมาได้ว่า..ส่วนใหญ่..ตอแหล..
    ครับ..(ในรายละเอียด...)...เพราะประวัติศาสาตร์โลก..แล้วมันแยก..มาเป็นประเทศต่างๆ...
    อังกฤษ..เป็นผู้เริ่มก่อน..ต่อมาแม้..อเมริกา..จะเอามาทำเองบ้าง..ก็ถือข้อมูลหลักดั้งเดิม..ของ
    ที่อังกฤษ..ทำไว้....ผมยกตัวอย่างที่มัน..ตอแหลให้ดู...อย่างพม่า..ประวัติฯช่วง..ที่อังกฤษเริ่ม
    เข้ามา..โดยใช้ไอ้บริษัท(ลวงโลก)อีสต์อินเดียที่ความจริงก็คือ..กองทัพอังกฤษภาคธุรกิจ..นั่น
    เอง...เข้ามา..บอกเข้ามาค้าขาย..ในเบื้องหน้า..เบื้องหลัง..ทำแผนที่..และสำรวจ..ทรัพยากร..
    จุดที่ตั้ง..หน่วยทหาร..คือความจริงตั้งแต่..ตีนเหยียบแผ่นดินพม่า..อังกฤษ(ในนาม อีสต์อินเดีย)
    มันก็เริ่มขบวนการ..ยึดประเทศพม่าแล้ว..โดยไอ้พม่าเองไม่เฉลียว... การที่มันจะทำการสำรวจ
    อะไรได้โดยอิสสระ..มันจึงเลือก..ค้าไม้..เป็นหลัก..ไม้อยู่ในป่า..ทำให้อังกฤษสามารถทำแผนที่
    ประเทศพม่าได้สมบูรณ์..ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่๓แล้ว..พอข้อมูลครบทุกอย่างครบ..มันก็เริ่มขบวน
    การ..หาเรื่อง..เป็นลูกสูตร..ที่ใช้กับ..อาณานิคมของมัน..คือ..ใช้สัญญาเรื่องสิทธิสภาพนอก
    อาณาเขต..ที่ทำกันไว้ตั้งแต่เริ่มเข้ามา..ให้คนในบังคับ..ของมันไปหาเรื่อง..จน..เจ้าของประเทศ
    จับ..ไปทำโทษ..แล้วกองทัพอังกฤษ(ซึ่งความจริง..เตรียมตัวไว้แล้ว)ก็อ้างสิทธิว่า..ผิดสัญญา
    เอากองเรือ..พร้อมทหารมาข่มขู่..ให้ปล่อยเพราะผิดสัญญา..และเรียกร้อง..ค่าชดใช้..เอาเงิน
    แล้วก็..เอาเป็นเมือง(ติดทะเลด้วย)ด้วย..เพราะอะไรรึครับ..ก็เพราะมันสามารถเอา..กองทหาร
    มาตั้งเป็นการเริ่มต้น..และตั้งฐานทัพเรือ..ได้อ้างว่า..เพื่อคุ้มครอง..คนของมัน...........
    ..........เขียนไปเขียนมา..จากกุรข่า..กลายเป็นผู้ดี(จอมโจร)อังกฤษ..ไปได้ยังไงไม่ทราบ.....
    ............................................ต่อตอนหน้าครับ..........................................................
    (วันนี้..ผมแถม..รูปแผนที่โคตรหายาก..มาให้..ชื่อแผนที่คือ..”อินเดีย..และ..สยาม”..เป็นยุคที่อังกฤษยึดครองอินเดีย..เห็น”เนปาล”..เป็นสีเหลืองเล็กๆอยู่..ถูกล้อมไว้..สามด้านเลย..แต่ยังหาญสู้อังกฤษ..แต่ที่สำคัญให้เห็น..ว่าชื่อแผนที่มันฟ้องอยู่..ว่า..ความจริง..อังกฤษ..มันก็อยาก
    จะงาบ..สยามใจ..จะขาด........(ขนาดมีประเทศอื่น..อยู่ในแผนที่..ยังไม่สนใจเลย).....
    แผนที่..จัดทำปี ๑๙๐๔ (พ.ศ.๒๔๔๗)..หลังสงครามเนปาล-อังกฤษ..ร่วม ๙๐ ปี
    ........อีกรูป..ผมจะพูดถึงเขา..ตอนเมื่อเรื่องเดินทางไปถึง..นี่คือกุรข่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสงคราม
    โลกครั้งที่สอง...เหรียญซ้ายมือสุดในแผงที่หน้าอกคือ..VICTORIA CROSS..เหรียญกล้าหาญ
    ชั้นสูงสุดของอังกฤษ..เทียบกับ..เหรียญรามาธิบดีชั้นที่๑ ของไทย







    ..............................................................................................................................
    ..................................................สนิมแดง................................................................
    ........ตอนนี้..ก็ถึงเวลาเข้าเรื่องโดยตรงแล้ว..เพราะผมได้ปรับพื้นฐานไว้แล้ว..ว่า..สนิมแดง
    ..ก็คือ..สนิมของตะกั่วนั่นเอง...สนิมตะกั่ว..มันไม่เหมือนสนิมอื่น..เมื่อมันเกิดเองโดยธรรมชาติ
    ..มันก็จะมีคุณสมบัติทางกายภาพ..คล้ายตะกั่ว...คือ..มันจะนิ่มเหมือนเนื้อตะกั่ว..ไม่ใช่แบบ..
    สนิมเหล็ก..ที่เป็นขุยๆ..และแห้งกรอบ...ผมจะไล่คุณสมบัติทางกายภาพ..เพื่อจะได้สังเกตชัด
    ..เป็นข้อๆ..พร้อมการขยายความ..ในแต่ละข้อ..ไว้ให้ดังนี้(ไม่ว่า..กรุไหน..ไม่กรุ..พระ..หรือ..
    ไม่ใช่..ขอให้เป็นเนื้อตะกั่ว๙๐%ขึ้นไป...)

    ๑. สนิมแดง..จะไม่แข็ง..นิ่ม..คล้ายเนื้อตะกั่ว............ดูรูปขยายที่ผมpostมาประกอบ
    (วันนี้..เอาด้านหน้า..มาเฉลยแล้วนะครับ..เห็นแล้ว..หลายคนคงรู้จัก..พระเชียงแสนลีลา..ที่พบ
    ที่เชียงแสน..นี่เอง..ศิลป..จะผสม..กับ..ศิลปล้านช้าง(ลาว)..ไม่เหมือน..เชียงแสนปรกโพธิ์)..จะ
    รอยขูดลงไปถึง..เนื้อ..ซึ่งผมทำการขูดเอง..มันก็แทบจะไม่ต่าง..จากเราขูดเนื้อตะกั่วเฉยๆ(ผม
    ก็ลองขูด..มาแล้วเช่นกัน)...ท่านจะเห็นได้เลยว่า..รอยขูดมันเนียนมาก..และความเนียน..ก็เช่น
    เดียวกับ..เนื้อตะกั่วด้านล่าง.............
    ๒. จากข้อ ๑.ที่บอก..ว่ามันนิ่ม..ฉะนั้นมันจึง..จะไม่มีการแตกร้าว..อย่างเช่น..พวกเนื้อ
    พระชินเงิน..เป็นอันขาด..ดูง่ายๆว่า..ตะกั่ว..การที่ผิว..จะแยกตัว..ก็แค่..ที่ผิว..ปริบ้าง..อันเนื่อง
    มาจาก..ถูกพับ..หรือของมาทับ..โก่งตัว..หรือ..บริเวณที่เป็นคอพระ..ที่บาง..แต่จะร้าวกินเข้าไป
    ในเนื้อลึกๆ..จะไม่มี..ผิวเนื้อตะกั่ว..เป็นเช่นไร..มันก็เป็นเช่นนั้น..คุณเคยเห็น..พระตะกั่ว..เนื้อนิ่ม
    ..ร้าวมั้ยละครับ..ถ้า..ไม่เคยเห็น..สนิมแดงก็เช่นเดียวกัน....
    ๓. สนิมแดง..จะไม่มีการ..กระเทาะหลุด..แล้วเห็นเนื้อในโผล่..เด็ดขาด..ก็จากทั้ง ๑.
    และ ๒. ดูที่รูปขยายอีกที..นี่คือจุดสำคัญ..ชั้น..ที่เป็นสนิมแดง..และชั้นในที่เป็นเนื้อ...มันจะไม่
    มีรอยต่อ..เด็ดขาด..จำไว้ได้เลย..มันเป็นเนื้อเดียวกันเลย..แต่สีมันเปลี่ยน..คิดซะง่ายๆแบบนี้
    ...มันไม่ใช่..เปลือกไม้..กับ..เนื้อไม้..ผมเปรียบเทียบอย่างงี้..คงเข้าใจ..มันไม่ใช่สนิมเหล็ก..กับ
    เนื้อเหล็ก
    ๔. สนิมแดง..จะไม่มีทาง..เกิดขึ้น..บน..ไขขาว..เด็ดขาด...แต่..ไขขาว..ขึ้นบน..สนิม
    แดงได้เพราะ..ไขขาว...มีสัดส่วนของ..ตะกั่ว..ปนอยู่น้อย..และมันถูกสารอื่นจับไว้..จนไม่........
    สามารถ..แยกตัวมาจับกับ..อ็อกซิเจน..เพื่อเกิดเป็น..สนิมแดงได้ (เดี๋ยว..พอถึงเรื่อง..ไขขาว
    ผม..ถึงจะมาบอกว่า..มันคืออะไร)..ส่วนตะกั่วที่จับกับอ็อกซิเจนเป็นสนิมแดงนั้น..มีปริมาณ...
    ตะกั่วมาก..และการจับตัวของมัน..กับ อ็อกซิเจน..สามารถเปลี่ยนรูปได้เมื่อมี..ธาตุอื่น..และ..
    ความชื้นมา..ประกอบ..ไขขาว..จึงเกิดขึ้นได้..และมันก็สามารถ..ขยายลงทางลึกไปจนถึงเนื้อ
    ตะกั่วจริงได้..ดูรูปขยายประกอบ

    .....................................................ต่อตอนหน้าครับ.................................................
    (ที่..ผมมาสรุปให้นี้ไม่ใช่..มาจากพระองค์เดียว..ผมได้ดู..และศึกษา..พระสนิมแดงมา..มาก
    กว่า..สามสิบปี..ขูดสนิม..ขูดไข..ขูดเนื้อ..มาไม่รู้กี่องค์ต่อกี่องค์แล้ว..พระสนิมแดงที่ผ่านการ
    ส่อง..การดูรายละเอียดมากมาย..ฉะนั้น...ไม่มั่วครับ..ของจริง..ลองจริง..ทำจริง..ศึกษาจริง
    ...ไม่เอาขี้ปากใคร..มาพ่นต่อ...รับประกันได้เลย)

    ...........................................................สวัสดี............................................................






     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. โอ ท่าซุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,291
    ค่าพลัง:
    +8,435
    สวัสดีครับทุกท่าน..ผมเองก็ชอบประวัติศาสตร์มากครับ โดยเฉพาะเรื่องสงคราม....:cool:
     
  10. 15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,573
    สวัสดียามเช้าครับคุณลุง สวัสดียามเช้าครับทุกท่าน

    ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆครับ ^ ^

     
  11. กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    เยี่ยมครับพี่ เรื่องปิดทองนี่สงสัยต้องขอ by ครับ เพราะไม่มีฝีมือเอาเสียเลย แถมสายตาไม่ดีอีกต่างหาก ส่วนความรู้เรื่องสนิมแดง เยี่ยมยอดครับ น้อง ๆ และผู้ไม่รู้ควรจดจำไว้ให้ดีครับ ของดี ๆ ไม่มีบ่อย ๆ เซียนส่วนใหญ่จะหวงวิชา มีเพื่อนของผมคนนึงกว่าจะได้วิชาจากเซียนพระมาแต่ละอย่าง ก็ต้องถูกเรียกว่า "ผีสนาม" คือคอยรับใช้ คอยซื้อโอเลี้ยง ช่วยเก็บร้าน เปิดร้านให้เซียน กว่าจะได้แต่ละวิชามา นี่ถือว่าได้มาฟรี ๆ ไม่ควรพลาดทุกรายละเอียดครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ พี่ modpong
     
  12. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    .......................................................
    ...ขอบคุณครับ..น้องกำธร..ที่ชมมาผมบอกแล้ว..ว่ามีอะไรก็จะบอกให้หมด..ก็..ตามนั้น..ไอ้วิธีที่น้องว่า..ผมก็เคยเขียนแนะนำไป..แล้วอาศัยความอดทน..เอา..โดนใช้ก็ไม่เป็นไร..ถือว่าแลกวิชา..พวกนี้เขาบอกว่า..จะให้กันฟรีๆได้ไง..ต้องเหนื่อยหน่อย..แบบหนังกำลังภายใน............
    ..ผมไปเยี่ยม..ห้องกระทู้น้องกำธร..มาแล้วดีมาก..ต้องส่งเสริม..พระแท้ๆที่เก่งจริง..ปฏิบัติชอบ..มีสายที่มาที่แกร่งกล้า..ให้พวกน้องๆทั้งหลาย..ได้ไปพิจารณาเอา..ผมไม่ได้คิดว่าเป็นการเชียร์นะ..เพราะเข้าใจข้างใน..น้องกำธร..ว่าอยากจะให้ผู้คน..ได้เจอพระแท้ๆในนครปฐมบ้านตัวเองมั่ง....ไปใช่ไปกันตามเสียงเชียร์..ของสื่อ..แล้วมาผิดหวัง..เมื่อเรื่องจริงค่อยๆปรากฏ...ผมเชียร์ให้เข้าไปดูกัน..ห้องกระทู้"หลวงพ่อเทียบ ผลปุญโญ..พระดีเมืองนครปฐม....ฯ"..ข้อมูลแน่น..ไม่เลอะเทอะ...
     
  13. เฉียวฟง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +4,913
    สวัสดีครับคุณอา..และทุกท่าน
     
  14. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่าน
    ที่ได้postมา ให้กำลังใจ..ชม..และติดตาม

    .................................................สวัสดีทุกท่าน.............................................................

    .................พอมามี..เขตปกครองตัวเองในแผ่นดินเขาได้..ก็เล่นแผน ๒ ต่อ..เพราะ..นอกจาก
    ครั้งแรก..ที่เจ้าของบ้าน..เสียเงินทำขวัญ..เสียแผ่นดิน(แม้จะนิดหน่อยก็เหอะ)..ให้อังกฤษแล้ว
    การค้า..ต้องเปิดเสรีให้อังกฤษ..บางอย่างจะขายให้ชาติอื่นไม่ได้นอกจากอังกฤษ(ผูกขาด)แล้ว
    ก็แผน๒ตัวที่สำคัญ..เพื่อจะเปิดแผน๓ ต่อก็คือ..การขอสัมปทาน..กระจายทั่วไปหมด..ตามชาย
    ทะเล..อีก..(เพราะจะได้มีท่าเรือขนสินค้า..แต่ความจริงเอาเรือรบมาจอดได้)..สิทธิสภาพนอกอา
    ณาเขต..เต็มที่..คนในบังคับอังกฤษ..จะมาจับเอาโทษ..ขึ้นศาลไม่ได้..ในเขตสัมปทาน..อังกฤษ
    ป้องกันตัวเองได้..เจ้าของประเทศเข้าในเขตสัมปทาน..ผิด..ก็ต้องได้รับโทษของอังกฤษ.....
    ...ทหารอังกฤษ.ก็..มีสิทธิไปปกป้องเขตสัมปทานตัวเอง..และตามสัมปทาน..ก็เป็นที่ชุมนุมของ
    สายลับ..ของอังกฤษ..เต็มไปหมด..หาข่าว..ตรวจสอบความเคลื่อนไหว..ของ..ทหารเจ้าของ
    ประเทศ...แล้วแผนสุดท้าย..ก็คล้ายที่แรก..แต่ตอนนี้ง่ายกว่า..เพราะคนอังกฤษ..มันเกลื่อนไป
    หมดแล้ว...หาเรื่อง..ไปเรื่อยๆ..เพราะรู้เดี๋ยวเจ้าของประเทศ..ก็ทนไมไหวไปเอง..ยิ่งพม่า..มัน
    หลายเผ่า..หลายแคว้น..ยุยงก็ง่าย..เพราะ..พวกกลุ่มน้อย..มันก็เกลียดพม่าอยู่แล้ว..แล้วเมื่อ
    ท่านหม่อง..เจอลูกเล่น..อังกฤษเข้า(ทำกับประเทศต่างๆมามากแล้ว..ชำนาญ)...พอทนไม่ไหว
    มีเรื่องปุ๊บ..เรือรบอังกฤษที่พร้อมอยู่แล้ว..ก็วิ่งเข้าแม่น้ำ..พร้อมทหาร..แถมมีพวกเมืองขึ้นพม่า
    ช่วย...แล้วมันจะเหลือ..รึครับ..ว่าแล้วพม่า..ก็ถูกผนวกเชื่อมกับ..อินเดีย..เป็นของบริษัทอีสต์
    อินเดีย..ไปโดยเรียบร้อย(..กลับไปดู..แผนที่ในตอนที่แล้ว..ก็จะเห็นเป็นสีชมภู..สีเดียวเชื่อม
    กับอินเดียไปเลย..)...........................................................................................
    ..........เวลามันเขียนประวัติศาสตร์..มันก็จะอ้างว่า..ละเมิดสัญญาการค้า..ทำร้ายคนอังกฤษ
    (ก็..เขาทนมึง..ไม่ไหวแล้วนั่นแหละ)..ทำร้ายคนในปกครองอังกฤษ..บุกเข้าไปเขตสัมปทาน
    ...ทำให้..ประเทศอังกฤษทนถูกลบหลู่ไม่ได้(..ตอแหล..แบบนังตัวร้ายในละครช่อง ๗ สีเลย)
    ...เลยต้องยึดประเทศซะเพื่อสั่งสอน..................................................................
    .............ถ้าคุณไปหาอ่านประวัติศาสตร์ช่วงนี้..ที่เขียนโดย..คนพม่า..เรียกว่า..หน้ามือ..เป็น
    หลังเท้า..เลย...........ผมจะบอกให้ถ้า..ย้อนไปสัก๓๐ปีก่อน..ประวัติศาสตร์เมืองไทย..ที่อยู่
    ในประวัติศาสตร์โลก..มันมั่วไปหมด..เป็นโจ๊กเลย..ที่มีอยู่ในENCYCLOPEDIA..ผมอ่านไปนิด
    เดียว..ยังต้องเลิกอ่านเลย..ทนไม่ได้...นี่ขนาดไทย..ไม่ได้เป็นเมืองขึ้น..อังกฤษ..นะเนี่ย..
    ....ฉะนั้น...ในENCYCLOPEDIA..เมื่อว่าถึง..ประเทศเนปาล...มันก็กลายเป็น..หนังคนละม้วน
    .....ขนาดใน..WIKIPEDIA...ปรับปรุงแล้ว..แต่ฝรั่งมันทำ...ก็..ข้ามรายละเอียด..และยังไม่
    ได้ข้อเท็จจริงอยู่ดี................................................................................
    ......ผม..มาเอะใจได้ยังไง..ทำไมถึงรู้ว่าตอแหล..เรื่องสงครามANGLO-NEPALESE..สาเหตุ
    จริงๆ..มันเป็นยังไง................มาตามต่อ...ตอนหน้าครับ..........................................
    ............................................................................................................................

    ....................................................สนิมแดง............................................................


    ..................๕. สนิมแดงจริงๆ..ในธรรมชาติ..มันไม่ได้..มันแผล็บ..เหมือนที่เห็นใน..รูป..นั่นเขา
    เอาพู่กันมั่ง..สำลีมั่ง..มาปัดจนขึ้นเงา..จะได้สวย..แต่ก็ไม่ด้าน..เป็นแบบ..สีโป๊วรถยนต์..พูดง่าย
    ..ความมันของมัน..ก็ไม่ต่างจาก..ผิวตะกั่วเท่าไหร่...เว้นแต่..มันไปขึ้นบริเวณที่ผิวตะกั่วมันปริๆ
    อยู่...แล้วขึ้นบาง(ไม่หนา)..มันก็อาจจะเห็นเป็นเกล็ดๆได้..
    ..................๖. สนิมแดง..มันไม่เหมือนสนิมเหล็ก..คือ..พอกหนา..ขึ้น..จนผิดรูปเดิม..หรือ..ปูด
    ..เป็นที่ๆ..แบบพระชินเงิน..ที่ระเบิด(แตกปูดออกเพราะความร้อน..และชื้น)............
    .........สนิมแดง..มันจะล้อไปกับผิว..หรือ..คล้ายๆกับ..ผิวตะกั่วเดิม..เปลี่ยนสีไป..รูปร่าง..สัดส่วน
    แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง..มันอาจะหนาจากเดิมนิดหน่อย..แต่สนิมมันเปลี่ยนสระกั่วลงไปในทาง
    ลึก..มากกว่า..ถ้าเป็นไขขาว..มันถึงจะปูดได้..และพอกขึ้นมา................

    ................................ความจริงมันมีมากกว่านี้อีกครับ..แต่ผมแนะนำไว้เป็นเบื้องต้นเท่านั้น
    ..เพื่อ..ท่านเวลาไปดูของจริง(ของแท้)จะได้ get มากขึ้น..ในรายละเอียดก็ไปศึกษาเอา..ถ้ายัง
    ไมเก่ง..อย่าไปดูของปลอมพวกแบบ..อนุบาล..ประถมต้น..เดี๋ยวเขว..แนะนำให้ดูแต่ของจริง
    ให้ขึ้นใจซะก่อน(ไม่ใช่ในหนังสือนะครับ..ต้องเอาแว่นส่องของจริง)...แล้วท่านจะเข้าใจคำว่า
    ...ดูแล้วมันมี feeling ดี........
    ..................ผมแนะนำ...พระสนิมแดงของจริง..ที่ราคาไม่แพงมาก...แล้วเป็นพระกรุ..ถึง
    ขึ้นไม่มาก..แต่สนิมแดงดูเป็น..ครูได้..พระเชียงแสนเนื้อตะกั่วทุกพิมพ์...พระท่ากระดานน้อย
    (ทั้ง้เมืองกาญจน์..และ..ราชบุรี)..พระกรุวัดสุรรณ อ่างทอง....พระรอดหนองมนต์(อันนี้แพง
    หน่อย..แต่ก็ไม่มาก)..พระวัดเก๋งจีน ระยอง(ขึ้นไม่ทุกองค์)..เป็นต้น..ไปถามหาของแท้ที่เซียน
    ..ยังง่ายกว่า..พระร่วง..หรือ..ท่ากระดาน..ถ้าเจอก็มีโอกาศ..เก๊...มากกว่า.............
    ...ขอเพิ่มเป็นเกร็ดความรู้หน่อย...สำหรับ..ตะกรุดโทน..ของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า...จำไว้
    ครับ..ตั้งแต่ผมเห็น..ของจริงมา..เกือบสิบดอก..ขึ้น..สนิมแดงทุกดอก..มากน้อยแตกต่างกัน
    .......แต่ก็ขึ้น(เฉพาะตะกรุดตะกั่วนะครับ)..และมีไขขาวด้วย..แต่ไม่มาก...............
    ..........ฉะนั้น..ถ้าไปเจอที่ไหน..เขาบอกว่า..หลวงปู่ศุข..ส่องแล้ว..หาสนิมแดง..ไม่เจอ..ให้ห่าง
    ไว้ก่อน..เพราะมีโอกาศเสี่ยงสูง..ว่าจะไม่ใช่ของท่าน..ไม่ใช่ของปลอม..แต่ไม่ใช่ของท่าน
    ...............................และ..ต้อง...จำ...ให้..ขึ้น.....ใจ...........................................
    ....ว่า.........อย่าส่องพระ...ใต้..แสงนีออน..เด็ดขาด...ถ้าไม่ได้ส่องกลางวัน...ก็ต้องส่องใต้แสง
    ..โป๊ะแบบที่เขาใช้ส่องพระ..ตามห้าง...ไม่งั้น..หลง..แล้วเคยตัวด้วย..มิหนำซ้ำ..ยังแยกสีไม่ออก
    ..เพราะ..นีออนมัน..จะให้แสงที่อุณหภูมิเย็น..มันจะอมฟ้า................................
    ...............ตอนหน้า..ผมก็จะว่า..เรื่อง..สนิมแดงปลอม..ระดับประถม.............

    .............................................สวัสดี.....................................................................
     
  15. Orkar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +952
    ขอบคุณที่ร่วมแบ่งปันความรู้ครับ
    เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ
    ว่าอย่าส่องพระใต้แสงนีออน เพิ่งรู้เหตุผลก็คราวนี้เอง
    ขอบคุณครับ
     
  16. phrae2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +524
    กลับมาติดตามต่อครับ ขออนุญาติแทรกเรื่องหลอดไฟเป็นความรู้นิดหนึ่งนะครับ
    หลอดนีออนหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์
    หลอดแบบนี้สามารถให้สีของแสงได้หลายแบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองและ บรรยากาศภายในบ้านตามความต้องการได้อีกด้วย เช่น
    1.หลอดเดย์ไลท์ (Daylight)
    ให้แสงที่มีสีใกล้ เคียงกับแสงแดด ทำให้เราสามารถมองเห็นสีของ วัตถุใกล้เคียงกับสีจริงในตอนกลางวัน
    2.หลอดวอร์มไวท์ (Warm White)
    ให้แสงสีขาวอมเหลือง ทำให้รู้สึกอบอุ่น มักใช้เป็นแสงไฟสำหรับเสริมบรรยากาศตามห้องต่าง ๆ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร เป็นต้น
    3.หลอดคูลไวท์ (Cool White)
    ให้แสงสีขาวอมฟ้า ให้ความรู้สึกเย็นสบายตา แต่จะทำให้สีของวัตถุเพี้ยนไป มักใช้กับส่วนทำงาน สถานที่สาธารณธและร้านค้าทั่ว ๆ ไป
    4.หลอดไฟแบล็คไลท์ (Black Light)
    หลอดไฟชนิดนี้จะให้แสงที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อไปกระทบกับวัตถุสีขาวจะสะท้อนแสงสีนวลตาออกมา มักใช้เป็นแสงไฟเสริมบรรยกาศตามร้านอาหารหรือ สถานบันเทิงที่มีการแสดงในกเวลากลางคืน สาวๆทาแป้งขาวๆแล้วใช้หลอดแบบนี้ส่องผิวผุดผ่องเป็นยองใยก็แล้วกัน
    ตามบ้านนอกเรียกหลอดล่อแมงดา ใช้ล่อแมงดานาตามทุ่งนาเพื่อจับมาขาย
     
  17. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................................................
    ....ขอบคุณครับ..ที่เพิ่มเติม..มาให้........
    ...แต่ที่..ว่าหลอดDAYLIGHT...ที่เขาบอกว่า..ใกล้เคียง..เวลา..คุณเอาพระมาส่องจริง..มันก็ไม่เหมือนแสงกลางวัน..หรือไฟดวง..อยู่ดี..ผมทดลองมาแล้ว..แสงต่างจากไฟโคม..แม้กระทั่งWARMLIGHT...ก็ไม่เหมือน...ผมติดที่บ้านนี่..มีทั้งDAYLIGHTและWARMLIGHT..แสงจะไม่เหมือน.........การจะเป็นนักเลงพระที่ดี..คุณต้องละเอียดทุกขั้นตอน..และจดจำให้ได้..เวลาไปเช่าพระ(ไม่แนะนำให้ไปเช่าจากแผงลอย..ใน..ห้างที่เรียงกันเป็นตับ..นั่น..คุณต้องส่องผ่านแสงนีออน..แล้วมีแต่พระเก๊(กรณี..ที่เป็นพระดัง)..)..คุณไปหาเช่าจากแผงที่เป็นห้อง..เขามีไฟโคมส่อง..คุณต้องคุ้นแสง..ผมถึงบอก..ว่าต้องมีไฟโคมไว้ที่บ้านไว้ส่อง...หรือ..ไม่ก็ต้องเป็นกลางแจ้ง..ดีที่สุด...........
    ...คล้าย..ไม่ไ้ด้..ต้องเหมือน..ถ้าคุณได้พระ..คล้ายจริง..นั่นคือ..คุณได้..พระเก๊...
    ...ผมเคยพูดถึง..พระเก๊มาหลายครั้ง..ว่ามันน่ากลัวขนาดไหน....ถ้าเราเองไม่ฝึกตัวให้เป็นคนละเอียดไว้ก่อน...ท่านผู้อ่าน..ก็..ยากครับที่..จะเก่ง.......
     
  18. กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    ขอบคุณครับพี่ modpong ส่องกับแสงธรรมชาติดีที่สุด จริง ๆ ครับ
    ขอบคุณครับพี่ ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้ นำเรื่องพระดี ๆ มาบอกกล่าวให้บุคคลทั่วไปได้ ไปกราบ และทำบุญกับพระดี ๆ ไม่ได้หวังอะไรเ ขอเพียงแต่มีคนไปทำบุญกับหลวงพ่อเยอะ ๆ ท่านจะได้นำเงินไปสร้างโบสถ์วัดวิจิตรรังสิตาราม อ.หันคา จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ให้แล้วเสร็จครับ และก็ขอขอบคุณครับสำหรับบทควมดี ๆ ของพี่ บอกได้เลยว่า นอกจากกระทู้คุณอดุลย์ เมธี่กุล , คุณSpeciallize บอย และก็อีกไม่กี่คน ก็มีกระทู้ของพี่นี่แหละที่มีคุณภาพ มีสาระ อย่างอื่นก็อย่างที่เห็น ๆ กันอยู่ ชอบครับ ที่พี่เขียนจากประสบการณ์จริง ซึ่งหาได้ยากจากนักเขียนสมัยนี้ ส่วนใหญ่นั่งเที่ยนเขียน จำคนอื่นมา แล้วนำมาเป็นของตัวเอง พอเจอบางคนรู้ทันถามก็มั่วออกทะเล ไปเลยครับ
     
  19. phrae2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +524
    ถูกต้องตามพี่Modpongว่านะครับ หลอดไส้จะให้ค่าดัชนีความถูกต้องของสีมากกว่าหลอดนีออนหรือหลอดชนิดอื่นๆเมื่อเปรียบเทียบกัน นานๆจะเจอคนลองใช้จริงแบบนี้ ขอถามอีกนิดนะครับ ไม่ทราบพี่เคยลองส่องพระโดยใช้หลอดไส้แบบ day light ที่ตัวหลอดเป็นแก้วสีน้ำเงินเทียบกับหลอดแก้วใสธรรมดาหรือเปล่าครับว่าแตกต่างหรือเปล่า เอาไว้เป็นข้อมูลความรู้ครับ พอดีเรียนมาทางนี้ ปกติเวลาออกแบบงานที่ต้องการความถูกต้องของสี ก็จะดูค่าดัชนีความถูกต้องของสีจากผู้ผลิตอย่างเดียว
     
  20. modpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,609
    ค่าพลัง:
    +17,933
    ..................................................
    ..ผมลองแล้วครับ..พอใช้ได้..ดีกว่า..แสงนีออน..ใช้สำหรับดูทั่วๆไปได้..ตั้งแต่มันผลิตใหม่ๆ..ผมก็เอามาลองแล้ว..แต่ที่ผมบอก..เราจะมีไฟโคม..แบบที่เขาใช้กันเผื่อไว้ด้วยครับ..เพื่อจะดูแบบละเอียด..สร้าง..สภาวะให้เหมือน..จะดีที่สุดครับ
    ..แดดเช้า..แดดบ่าย..แสงอุณหภูมิร้อน..มันจะออกมาโทน..สีส้ม..เหมือนหลอดใส้ธรรมดา..นักเลงพระรุ่นเก่า..ก็สอนกันไว้..ให้หลีกเลี่ยง..เพราะสีจะเพี้ยนเช่นกัน......
    ...ขอบคุณครับ..ที่มาเสริมข้อมูลแนววิชาการ.........
     

แชร์หน้านี้