สวัสดีครับคุณลุงเรื่องสนุกมากครับได้สาระอีกต่างหาก โดยเฉพาะSNIPERชอบมากเลยครับ เป็นกำลังใจให้ครับคุณลุง:cool:
ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.
หน้า 130 ของ 364
-
-
ตามอ่านเรื่องดีๆมีสาระอยู่เสมอครับคุณอา
-
..เขียนมาพอดี..ตอนหน้า..กำลังจะเอา..รูปปืนของsniper..และ..ภาพพลsniperญี่ปุ่นมาpostให้ดูอยู่แล้ว..คอยดู
-
สวัสดีครับ
อ่านมาได้ 63 หน้าแล้ว
ไม่ทราบว่าพี่ modpong ได้พบหลวงปู่จันทร์ วัดสีเทพ บ้างรึเปล่าครับ
อยากรู้ประวัติทางด้านปฏิบัติจากคนที่รู้จริงครับ -
สวัสดียามเย็นครับคุณอา..และทุกๆท่าน
-
.....ยินดีต้อนรับครับ...
...ผมไปนครพนมปี ๒๕๒๐ รู้สึกว่า..ท่านจะเสียก่อนหน้า..สัก ๓ปี..หรือ..๔ปีนี่ละครับไม่แน่ใจ...ก็เลยไม่ทัน..ก็น่าเสียดาย..เพราะท่านเป็นพระอาจารย์ที่เก่งและมีคนนับถือมาก..เหรียญรุ่นสุดท้านก็ยังมีประสพการณ์สูง(๒๕๑๕)..และไม่แพงมากน่าเก็บไว้ใช้ครับ...........
-
(good)(good)(good)(good)(good)(smile)(smile)(smile)
-
ขอขอบคุณ..ทุกๆทานที่
Postมา ให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย
..........................................................สวัสดีทุกท่าน..วันพุธ........................................
.................กุรข่า..นักรบเลือดดุ..................................................................................
.................................................สถานะการณ์นี้สร้างความอึดอัดให้กับbhanมาก..เมื่อเข้า
ตาจน..สมองก็ทำงาน..คิดต่อว่า..ถ้าเราเคลื่อนที่ต่อไม่ได้..ด้านหลังก็ขึ้นมาไม่ได้..ภารกิจ...
ก็ต้องล้มเหลว..เพราะเรา...ความจริงเขา..เริ่มจับตำแหน่งของ..พลซุ่มยิง(SNIPER)..ได้เคร่าๆ
แล้ว..ว่าอยู่ตรงไหน..เขาจึงให้ลูกน้อง..โยนหินที่อยู่ใกล้ๆ..ออกไปข้างๆ..มันก็ยิงทันที..ช่วงที่
กล้องเล็ง..เคลื่อนที่..หันไปดูก้อนหิน..ก็เกิดแสงแวบหนึ่ง..เกิดจากการเคลื่อนที่ดังกล่าว..ทำให้
Bhan..ทราบตำแหน่ง..ที่แน่นอนแล้ว..Bhan..ก็ให้ลูกน้อง..โยนหินอีกข้าง..โดยเขาเฝ้าดูแสงที่
แวบ..อย่างละเอียดละออ..ทหารด้วยกัน..จะรู้ว่า..พลซุ่มยิง..ไม่จำเป็นเขาจะไม่ขยับตัว..จากที่
รวมถึงปืนด้วย..อาจขยับซ้าย-ขวาบ้าง..แต่ตัวจะอยู่ที่เดิม...เป้าหมายของBhan..ที่เขาจับตำ
แหน่งไว้ได้มั่นคือ..กล้องเล็งที่สะท้อนแสงมาให้เขาเห็น..เพราะที่อยู่หลังกล้องเล็งคือ..ลูกตา..
หลังลูกตา..คือ..กระโหลก..และ..สมอง..ตอนนี้..เป้าของเขา..เล็กมาก..พลาดไปนิดเดียว..ก็คือ
ไม่ถูกเพราะ..ระยะนั้น..ห่างกันมากกว่า ๑๐๐ เมตร(ความจริงพลซุ่มยิง..เริ่มค่อยๆเก็บมาตั้งแต่
ระยะไกลกว่านี้เป็นเท่าตัวแล้ว..เหลือกลุ่มนี้เป็น..พวกสุดท้าย)และเป้าที่จะเล็งเท่าลูกมะนาว..แต่
ด้วยระยะที่ไกลนั้น..ตาที่เห็น..เป้ามันเหลือ..เท่ากับ..เม็ดถั่ว..เท่านั้นเอง..ถ้าเขาจะเอาปืนยิง..เขา
ก้ต้องโผล่หัวขึ้นไปเล็ง..และต้องโผล่เยอะด้วย..เพราะตำแหน่งที่เขาอยู่..ต่ำกว่า..ไม่ทันเล็งก็
หัว..ทะลุก่อน..เพราะไหนจะต้องเอาปืนขึ้นไปพาด..บนเนินที่หลบอยู่..เอาหัวโผล่..แล้วเอาตา..
ประทับที่ศูนย์เล็ง..ยังไง..ก็..ช้ากว่ามันแน่..ทำให้เขาต้องคิดใหม่..ลูกน้องที่นอนหมอบหลบวิถี
กระสุน..อยู่ใกล้ๆ..ก็ไม่รู้ว่า..ลูกพี่คิดอะไร..ปืนกลก็ยิงมา..เป็นช่วงๆ..เวลามันช่างเดิน..ช้ามาก
..สำหรับ..เขา..กับ..ลูกน้อง..ทุกวินาทีอันตึงเครียด..ที่ผ่านไป..Bhanก็ทบทวน..วิธีการสุดท้าย
ที่เขาเลือก..อยู่ตรงนี้..ก็ไม่รอดอยู่ดี..ภาระกิจล้มเหลว..ซึ่งคนอย่างเขา..ยอมไม่ได้..เขาค่อยๆ
งอขาเข้ามา..ในท่าที่พร้อมจะลุก..กระชับปืนในท่าเตรียมพร้อม..แล้วเขาก็สั่งลูกน้อง..โยนหิน
ไปข้างๆ.....อีกที...........................................................................
............................................ต่อตอนหน้าครับ....................................................
ปืน TANAKA ARISAKA TYPE 97..ทำใน NAGOYA..ใช้ลูกกระสุนขนาด ๖.๕ มม. แหนบ บรรจุ ๕ นัด..ระยะยิงไกลสุด ๒,๔๐๐ เมตร..แม่นยำ ๖๐๐ เมตร..กล้องเล็ง..ขยาย ๒.๕ เท่า(ผู้ผลิตกล้องเล็ง..ก็คือ NIKKOR..แล้วตอนหลังมาทำกล้อง NIKON)....จะเห็น..ขาทรายที่พับติดกับปืนด้านล่าง..ง้างลงมาวางกับพื้น..ช่วยทำให้ปืนนิ่ง..กรณี..หาที่พาดปืนไม่ได้
..นี่ก็ ARISAKA เหมือนกัน..แต่ TYPE 99..กล้องเล็งขยาย ๒.๕ เท่า..หรือ..๔ เท่า..ติดปลอกที่ปลายปากกระบอก..กันแสง..ที่แลบออกมา..ทั้งสองรุ่นเป็นปืนยาวบรรจุเอง..ต้องขึ้นลูกเลื่อนทุกครั้ง..ที่ทำการยิง.....
นี่ครับ..ตัวจริง..พลซุ่มยิง(Sniper)ญี่ปุ่น..จะสังเกตุ..ร่างแหที่เอาไว้เสียบกิ่งไม้..ใบไม้..เพื่ิอพรางตัว..ที่เอว..เป็นกล่องใส่"กล้องเล็ง"......
.................................................................................................................................
.................................................................................................................................
...........................................พลังที่ฝากไว้..................................................................
................หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง...ก็เช่น..เดียวกับ..หลวงพ่อเดิม..คือท่าน..โคลนนิ่ง
อักขระที่เขียนไว้..บนใบโพธิ์ใบบน(..มันไม่ใช่..การถ่ายเอกสาร..คุณเอา..ภาพสีน้ำมัน..ไปเข้า
เครื่องถ่ายเอกสารแบบสี..สีที่เกิดบนสำเนามันเรียบ..และเป็นสีหมึกพิมพ์..มันไม่ใช่สีน้ำมัน..
..แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น..มันเป็นสิ่งที่เหมือนกัน..มันเป็นการ..โคลนนิ่ง..)..เมื่อท่านเป่า..ทุกใบที่ซ้อน
อยู่ข้างใต้..เป็นตั้งๆนั้น.มันเกิดอักขระที่เกิดจากัตถุที่เอามาเขียน..ทุกประการ........
.................อย่าง..ยันต์ครูที่ติดอยู่หลังรูปท่านที่..พ่อผมเป็นคนถ่ายนั้น..ก็เห็นเป็น..ลายดินสองเหมือน..กับท่านเขียนจริงๆ..นี่ก็เป็นการโคลนนิ่ง..เช่นกัน(เพียงแต่..อันนี้..เป็นการคาดเดา..
ของผม..ว่าท่านเขียนลงยันต์ครูที..รูปอีกใบที่พ่อผมเอาไปถวายไว้..แต่ถ้าท่านเขียนลงบน..
กระดาษธรรมดา..แล้วส่งมาด้วยพลัง..ของท่าน..มาติดที่หลังรูปท่านที่บ้านพ่อผม(ไปอัดรูปมาก็
เข้ากรอบรูปเลย..และไม่เยแกะออก)..แล้วบนกระดาษที่ท่านเขียน..หายไป.นี่ก็จะเป็น..การย้าย
สสาร..แบบหลวงปู่โต๊ะ....และ.หลวงพ่อไสว....)............................
......................................เรื่อง..”การย้ายมวลสาร..หรือ..ย้ายสสาร”...และ”การโคลนนิ่งสสาร
ที่ผมเอามายกให้เป็นตัวอย่าง..ให้เห็นความล้ำเลิศ..ของพระอาจารย์ผู้สูงส่งเหล่านี้(กรณี..ของ
หลวงพ่อปาน..และ..หลวงพ่อคง..นั้น..คือสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งกว่า..เอาแค่ที่ผมว่า..ก่อนแล้วกัน)
.......................ผมว่า..ต้องใช้เวลาอีก..เป็นร้อยปีมั้ง..ถึง..จะมาอธิบายในเชิง..วิทยาศาสตร์ได้
...ซึ่งสำหรับผมเอง..ผมสันนิษฐานว่า..ปัจจัย..หลักที่จะทำให้เกิด..สิ่งที่ว่าได้นอกเหนือจาก..
ตัวที่สำคัญ..ที่สุดคือ..พลังจิตที่กล้าแกร่งมาก..และควบคุมได้ตามใจนึกแล้ว..มันจะต้องประกอบ
กับ..อีกสิ่งคือ..วิชา..อันประกอบด้วยคาถาอาคมเฉพาะ...ในอีกนัยหนึ่งเปรียบเสมือนว่า..คาถา
มันเหมือน..ก้อนพลังที่จะทำให้เกิดที่จะทำให้เกิดสิ่งที่เหนือธรรมชาติ(ปาฏิหารย์)ได้..แต่มัน
บรรจุอยู่ในหีบ..ที่มีฝาที่หนัก(บางคาถาชั้นสูงมีปาฏิหารย์มาก..ฝาก็จะหนักมาก..คาถาชั้นทั่วไป
ปาฏิหารย์ไม่มากเท่า..ฝาก็หนักน้อยกว่า..บางคาถายิ่งกว่านั้น..มีสองฝา..อีกฝา..จะเปิดได้..ก็
ด้วยพลังพิเศษ..ที่ได้รับถ่ายทอดมาจากผู้ถ่ายทอดวิชาโดยตรง(ครอบครู).....)...ฉะนั้นการจะ
เปิดฝาให้..ก้อนพลังสำแดงเดชออกมาได้..คุณก็ต้องมีพลัจิตที่แข็งพอที่จะง้างฝา..พลังจิต
ไม่แข็งพอ..เจอฝาไม่ค่อยหนัก..ก็เปิดฝาได้..พอคาถาที่มีพลังสูงขึ้น..พลังจิตคุณได้แค่..แง้ม
ฝา..พลังก็ออกมาไม่ได้เต็มที่..คุณจะต้องฝึกจิตให้มีพลังสูงขึ้น..จึงจะเปิดฝาได้..พลังในนั้นจึง
จะเกิดประสิทธิภาพได้เต็มที่...แต่บางคาถา..เป็นคาถาชั้นสูง..วิชาชั้นสูง..พลังจิต..ต้องเข้มแข็ง
มาก..จึงจะเปิดฝาให้พลังออกมาได้..แต่..เผลอ.คุณอาจต้องไปเจอฝาอีกชั้น..ถ้าคุณไม่ได้ครอบ
ครูรับพลังพิเศษมา..คุณก็เปิดไม่ได้..แม้พลังจิตสูง.................................
......................นั่นคือเหตุผลว่า..ทำไม..ผู้ที่จะฝึกวิชาชั้นสูงสุด..จาก..หลวงปู่ยิ้ม จันทโชติ..
แห่ง..วัดหนองบัว..เมืองกาญจน์..จึง..ต้องให้ผู้มาขอเรียน..เพ่งสมาธิ(ก็คือ..ปล่อยพลังจิต)..
ไป..ตัด..ใส้เทียนให้ขาด..ใครทำขาดได้..จึงจะเรียน..วิชาของท่านได้..ซึ่ง..ผู้ที่ได้เรียน..ก็เป็น
พระระดับอวุโส..๒๐ พรรษาขึ้นมีวิชา..ชาวบ้านเรียกหลวงพ่อกันแล้ว..เช่น..หลวงปู่ใจ..วัดเสด็จ
เป็นต้น..ตอนท่านไปเรียน..ท่านก็เป็นพระครู..เป็นเจ้าอาวาสแล้ว..พลังจิตได้ฝึกฝนไว้แข็งพอ
มีลูกศิษย์ลูกหาแล้ว.................................................................
.................................อย่างการสำเร็จยันต์เกราะเพชร..คุณอ่านตำรา..มีพลังจิตสูง...แต่ไม่ได้
ครอบครู(รับการถ่ายทอดพลัง)..ก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างที่จะเป็นเช่นกัน(หลวงอาดี..ผมบอก)
.........ถือว่า...ไม่สำเร็จ..................
....................................................ต่อตอนหน้าครับ........................................................
...........................................................สวัสดี............................................................ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดียามสายค่ะ เป็นกำลังใจให้คุณลุงนะคะ ขอบคุณค่ะ
-
สวัสดีครับพี่modpong
ยังคงติดตามอ่านประจำครับ -
"อย่างการสำเร็จยันต์เกราะเพชร..คุณอ่านตำรา..มีพลังจิตสูง...แต่ไม่ได้
ครอบครู(รับการถ่ายทอดพลัง)..ก็ไม่สามารถใช้ได้อย่างที่จะเป็นเช่นกัน(หลวงอาดี..ผมบอก)
.........ถือว่า...ไม่สำเร็จ.................."
ความรู้ใหม่ครับ เพราะว่าฟังมาแต่สายวัดท่าซุง หลวงพ่อท่านก็บอกลูกศิษย์ไว้ให้เตรียมเครื่องบูชาครูท่านจะครอบครูให้เช่นกัน แต่ว่าหลวงพ่อท่านบอกว่าคนที่ได้ครอบครูไปแล้วก็ตามต้องได้ ทิพยจักขุญาณและเป็นพระอริยะเจ้าหรือเป็นมหาโพธิสัตว์บารมีปลายแล้วเท่านั้นถึงให้เป่าได้ วัดท่าซุงจึงไม่มีพิธีนี้อีกเลยครับ
เพราะหลวงพ่อท่านกำกับไว้อย่างนี้ ตัวหลวงพ่อเองท่านก็ไม่ยอมเป่าตั้งนานจนมีคำสั่งจากพระ( หลวงพ่อโหน่งวัดคลองมะดันก็ติดต่อกับพระทำอะไรก็ต้องถามพระ) มาสั่งให้ท่านทำท่านจึงทำ
วิชาที่โยกย้ายของ ส่วนตัวผมเรียกพวกนี้ว่า พวกตระกูลปัดตลอด ไม่ว่าจะเป็นไสยขาว(สายพระ) หรือไสยดำ (พวกทำของลมเพลมพัด) เพราะอยู่ตรงไหนเขาก็ใช้กำลังจิตเปลี่ยนสสารให้เป็นพลังงานแล้วส่งออกไปเหมือนเครื่องโยกย้ายสสารในหนังไซไฟร์เลยอะครับ เดี๋ยววันเสาร์นี้จะไปพิสูจน์ อ.ฆราวาส ท่านหนึ่งทางอยุธยา เขาว่าเป่าทองได้(เช่นเดียวกับหลวงพ่อไสว) ได้ความเป็นไงอาจจะเข้ามารายงานครับ เพราะที่ฟังๆมาของที่อื่นเขาเล่นเอาทาแล้วแปะทองๆเจอน้ำมันที่ไหนมันก็ละลาย แล้วจะเรียกเป่าทองได้ไงยัง งง อยู่ -
..ก็ทำนองเดียวกันครับ..คือวิชา..นี้..อ่านตำรา..ทำตามอย่างเดียว..จะไม่สำเร็จ..เพราะไม่มีครู..ที่จะครอบให้(ถ่ายทอดพลังพิเศษให้)...ไปเป่าได้แต่ไม่เกิดผลใด..ตามคุณวิเศษของวิชา..แต่จะเรียนได้ต้องมีพลังจิต..ที่เข้มข้นพอ..ที่จะเรียนได้ด้วย............หลวงอาดีผม..ท่านก็เป่า..อยู่หลายปี...แต่ตอนหลังก็็ต้องมีอัน..เลิกไป...
...........ผมบอกแล้วว่า..จะอธิบายแบบ..สากล..ดังนั้นผมจึง..ไม่เรียกชื่อว่า..เป็นวิชาอะไร..แต่ลักษณะการทำงาน..และผลของมัน..จะตรงกับ..วิชาชื่อไหน..ก็แล้วแต่..เพราะถ้ามีคนเรียนมาจริงๆ(แต่ทำได้หรือเปล่าไม่ทราบ)..เขาท้วงมา..มันก็จะเสีย..เพราะผมไม่ได้เรียนวิชาเหล่านี้..เพียงแต่วิเคราะห์ด้วยข้อมูล..ความน่าจะเป็น..และประสพการณ์..ของผม.......
.......ดีครับ..ขอบคุณ..ที่มาเล่าให้ฟัง..แล้วอย่าลืมรายงานผล..ว่าเป็นยังไงด้วยนะครับ..แต่ถ้าไม่ใช่เป่าระยะไกล..แบบหลวงพ่อไสว..ก็ถือว่า..ไม่ถึงขั้น...
.......
-
ผู้ใดอวดเก่งผู้นั้นเป็นคนขี้ขลาด
ผู้ใดอวดฉลาดผู้นั้นเป็นคนโง่
ผู้ใดคุยโวผู้นั้นเป็นคนไม่เอาถ่าน
อยากเป็นคนดีต้องทำดีถูก
เรียนหนังสือเพื่อรู้ ดูหนังสือเพื่อจำ
ทำอะไรต้องหวังผล
เกิดมาเป็นคนต้องมีความคิด
อุบายเครื่องพ้นทุกข์ไม่ใช่อยู่ที่อื่นไกล
หากแต่อยู่ที่มีสติสัมปชัญญะรอบคอบในทุกอิริยาบถ"
หลวงปู่จันทร์ ท่านมรณภาพด้วยโรคชรา
ในวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2516
สิริรวมอายุได้ 92 ปี พรรษา 72
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2522
ได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพของท่าน
โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพไฟล์ที่แนบมา:
-
-
..ยินดีต้อนรับ..และขอบคุณ..ที่เอาประวัติหลวงพ่อจันทร์..คร่าวๆมาลงให้ครับ
-
สวัสดีครับคุณลุง ขอบคุณมากครับคุณลุง SNIPER กำลังสนุกเลยครับ SNIPER รุ่นเก่าๆดูคลาสสิคจังเลยครับคุณลุง เป็นกำลังใจให้ครับ ยอดเยี่ยมมาก
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สวัสดีครับคุณอา..และทุกๆท่าน
-
ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่
Postมาให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย
.......................................................สัวสดีทุกท่าน..วันพฤหัส...................................
.........กุรข่า...นักรบเลือดดุ.......................................................................................
...........................................ขณะที่.....หินลอยไปกระทบพื้น.................Bhan..ลุกขึ้นทันที!
................พร้อมกับ..ลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง..ปืนยาว LEE ENFIELD เข้าประทับบ่า...อย่างรวด
เร็วพร้อมกับ..เล็งอย่างรวดเร็ว...พลซุ่มยิง..ที่ใช้ตามองผ่านกล้องเล็งนั้น..ขยับกล้อง.เล็งตาม
ตำแหน่ง..หินตก..ตามสัญชาติญาน..แต่เขาไม่ยิง..เพราะเห็นแล้วว่าเป็นหิน..เวลาที่เป็นเสี้ยว..
วินาที..แต่เหมือน..สโลว์โมชั่น...........แว๊ป..ที่แสงสะท้อนจากกล้องเล็ง..เบี่ยงไปตามก้อนหิน..
..ก็..เพียงพอแล้ว..สำหรับ..Bhan..ที่เขาจะเล็งไปที่นั่น..จังหวะพร้อมๆกับ..พลซุ่มยิงหัน..กล้อง
เล็ง..กลับมาที่เดิม..แตภาพมันไม่เหมือนเดิมซะแล้ว..มันเป็นภาพของกรุข่าประทับปืน..เห็นปาก
กระบอกปืนตรงมาที่กล้องเต็มตา..แต่จังหวะนั้น...Bhan..ก็..ลั่นกระสุนขนาด .๓๐๓ คาลิเบอร์
( ๗.๖๒ มม.)สวนกับ..การมองผ่านกล้องเล็งนั้น...!!!!!!!!!
.........................ขณะที่เขาลุกขึ้นยืนประทับเล็ง..ปืนกลจากรังปืนกล..ก็..สังเกตได้
พอดี..พลปืนกลก็สาดกระสุน..เข้าใส่ทันทีเช่นกัน..ลูกน้องที่ให้การทีหลังว่า..Bhan..ไม่ได้สนใจ
กลุ่มกระสุน..ที่พุ่งมาหาเขาจากรังปืนกลเลย..เขายืนนิ่ง..เล็งไปที่พลซุ่มยิง..ลูกน้องเขาก็รีบระ
ดมยิง..เพื่อคุ้มครองลูกพี่..กระสุนกระแทกดินใกล้ขา..เขาฟุ้งเต็มไปหมด........
.....................................มันเป็นจังหวะ..แห่งความเป็น..ความตาย...........................
.....................................มันเป็น..การตัดสินว่า...Bhan..ตัดสินใจ..ได้ถูกต้องหรือ..ไม่.......
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
....................สำหรับ... Bhan....ทุกอย่าง..เขาวางแผนไว้ล่วงหน้าในการนี้ไว้หมด..............
....ตั้งแต่การหันเห..การสนใจของพลซุ่มยิง..เพื่อที่เขาจะลุกขึ้นเล็งเป้าได้..ทั้งนี้เขาต้องไม่สน
ใจ..ปืนกลที่จะยิงมาหา..เพราะที่ต้องเลือกเอาจัดการ..Sniper..เพราะ..มันคลุมพื้นที่..มากกว่า
รังปืนกล..ถ้าเขาจัดการSniper..เขายังอ้อมไปจัดการรังปืนกลได้..เพราะเห็นทางที่หลบวิถี..
กระสุนปืนกลได้.........แต่..ถ้าไม่จัดการSniper..เขากับลูกน้องไม่มีทางออกจากตรงที่นั้นได้
เลย.....................................................
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
....................พริตาที่ลั่นกระสุน..BhaN..ตัดสินใจว่า..นัดเดียว! ....พอ.. เขาก็มั่นใจในการตัด
สินใจ..แล้ว..Bhan...รีบทรุดล่างลงหมอบ..อย่างเดิม..ขณะที่ลูกน้องก็..ช่วยกันระดม..ยิงคุ้มกัน
ไปที่รังปืนกล.....แล้ว..เขาก็เผยอหัว..ขึ้นไปมอง.....พุ่มไม้ตรงที่Sniperอยู่ยุบลงไปแล้ว..เขาก็
รู้ทันที..ว่า..เรียบร้อย เพราะเขารู้ว่า..Sniper..ปกติจะเอาใบไม้กิ่งไม้ติดทั้งที่หมวก..และตามตัว
..ถ้าอยู่เฉยๆ..ก็จะเหมือน..พุ่มไม้ดีๆ..นี่เอง......................................ถ้า Bhan รู้ว่าเขายิงถูก
ที่ไหน..เขาจะแปลกใจยิ่งกว่านี้อีก.................................
...........................................................ต่อตอนหน้าครับ........................................
ปืนยาวประจำกาย..ทหารกุรข่า..สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ปืนไรเฟิ้ล..LEE ENFIELD ผลิตใน..อังกฤษ..กระสุนขนาด ๐.๓๐๓ คาลิเบอร์( ๗.๖๒ มม.)..แหนบบรรจุ ๑๐ นัด ..ระยะยิงไกลสูงสุด ๒,๗๐๐ เมตร..เป็นปืนที่ต้องขึ้นลูกเลื่อนยิงทุกครั้ง...การทำงาน เหมือน ปลย. ๖๖ (เริ่มบรรจุใช้งาน ปี ๒๔๖๖).....ของบ้านเรา..
............................................................................................................................
.............................................................................................................................
...........................................................พลังที่ฝากไว้.................................................
.................เรามาคิดกันดูว่า..ถ้านักวิทยาศาสตร์พวกที่ทำโปรเจกต์”ย้ายสสาร”..ทราบว่าที่
เมืองไทย..มีแบบนี้ตั้งแต่สมัยก่อน..สงสัยต้องมาสร้างหน่วยย่อย..กันที่เมืองไทยแล้ว...เพราะ
ฝรั่ง..มีแต่”เล่นกล”..ย้ายวัตถุ..ย้ายรถ..ย้ายคน...ที่ผมบอกไง..เรื่องย้ายสสาร..ถ้าพูดแบบง่ายๆ
...มันก็อธิบายง่าย..แต่..ทำยังไง..ในแบบสากล..คุณไม่มี่ทางอธิบายได้..ผมเองก็..ไม่บังอาจ..
เพราะ..ไม่ทราบว่า..จะอธิบายแบบ..สากล..จะให้คนพอ GET..นั้นทำยังไง..ผมจึงต้องบอกว่า..
..น่าจะมีอย่างอื่นมาด้วย..นอกจากพลังจิตอย่างเดียว..นั้นคือ..คาถา..วิชา...
...........................พลังที่ฝากไว้..ดังกล่าวมาทั้งหลาย..ถือโดยภาพรวมว่า..เป็นการฝากพลัง
โดยพลังจิต..อธิษฐานจิต..และคาถาอาคม....แต่ต่อไป..มาจะมาว่า..ถึงพลังที่ฝากไว้เป็น..ร่อง
รอย..รูปร่าง..รูปแบบ....เช่น อักขระ..ยันต์..คาถา...........ลงบนวัตถุ..ไม่ว่าจะเป็น..สิ่งมีชีวิต..
..และสิ่งไม่มีชีวิต..แล้วทำให้สิ่งที่ถูกลงไว้นั้น..มีพลังอำนาจ..ความศักสิทธ์..เกิดขึ้นได้.....
..............เรื่อง..ยันต์นั้น..ตามที่ผม..ศึกษา..สังเกต..และค้นคว้า..มา..เส้นยันต์..หรือ กระดูก
ยันต์นั้น..มีคุณประโยชน์ที่ช่วย..เสริมพลังให้คาถา..หรือหัวใจของคาถา
..........ส่วนนึงก็แทน..ความหมายไปด้วย..อย่าง..ยันต์เต่าเรือน..เส้นยันต์..นอกจากจะทำหน้า
ที่..แบ่ง..อักขระที่เป็นคาถากำกับ...ที่อยู่ในช่องต่างๆแต่ละตัวแล้ว..ก็ยังประดิษฐ์ให้ออกมาเป็น
...รูปเต่า.ที่เป็นการระบุชื่อยันต์ได้อย่างชดเจน...หรือ...แม้แต่”ยันต์ครู”...ของ..หลวงพ่อสิงห์
ขันตยาคโม...วัดป่าสาละวัน...ที้เส้นยันต์..สามารถนำมาลากผูกไว้อย่าง..สวยงามเป็น..รูปครึ่ง
คนครึ่งนก..ซึ่งอักขระ..จะถูกบรรจุไว้ภายในอย่าง..ชัดเจน.................................
............แต่ส่วนใหญ่แล้ว..จะมีไว้เพื่อให้เกิดเป็นช่องไว้..เพื่อ..บรรจุ..คาถา..แต่ละตัวไว้..ซึ่ง
แบบนี้..ความสำคัญของเส้นยันต์...ก็จะน้อยกว่า..แบบที่แล้ว....
.....................................................ต่อตอนหน้าครับ.....................................................
.........................................................สวัสดี.............................................................
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
คุณลุงพิมพ์ซะดึกเลยนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อากาศเริ่มเย็นลงมากแล้ว ขอบคุณค่ะ
-
สวัสดีครับคุณลุง มาติดตามต่อครับ เป็นกำลังใจให้น่ะครับคุณลุง:cool:
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ขอขอบคุณ..ทุกๆท่านที่ได้
Postมา ให้กำลังใจ..ชม..ติดตาม..และทักทาย
.....................................................สวัสดีทุกท่าน..วันศุกร์............................................
................กุรข่า.....นักรบเลือดดุ..............................................................................
.................................ท่านผู้อ่านหลายท่าน..ผมเชื่อว่าเคยดูหนังสงคราม...ได้ตุ๊กตาทองหลายตัว...SAVING PRIVATE RYANที่นำแสดง..โดยTom Hank..เป็นผู้กองหน่วยจู่โจม
(RANGER)..ต้องพาลูกน้องไปตามหา..พลทหาร(PRIVATE)ไรอั้น..เพื่อพากลับบ้าน..ในหนัง
เรื่องนี้..มีช็อตเด็ด..ตอนที่sniperลูกน้องพระเอก..ตั้งปืนมุมเงย..ยิงใส่sniperเยอรมัน..ที่อยู่บน
หอระฆังโบสถ์....ลูกปืน..สวนเข้ากล้องเล็ง..ทะลุออกไปเข้ากระบอกตา..แล้วต่อไป..สมอง..
ตายคาที่..ตอนสมัยที่ผมดู..ก็ว่า..โอ้โห..แม่ม..โคตรแม่น..แต่ก็คิดว่า..มันก็สมเหตุผล..เพราะ
ไอ้กัน..มันก็sniper..ยิงผ่านกล้องเล็ง..เหมือนกัน...แต่เคยคิดเล่นๆว่า..เรื่องจริงมันจะเร้อ...
ไอ้นี่มันหนัง.............................
..........................แต่ผมว่า...คนเขียนบท..อาจเคย..อ่านประวัติละเอียดของ..BhanBhagtar
Gurung..มาก่อนรึเปล่า..หลังจากที่ผมได้อ่านแล้ว.......................................
................................มันคือ.....อยางเดียวกัน..เลย...แต่นี่คือ..<<<เรื่องจริง>>>..........
....ก็เรื่องจริง..มันเหนือกว่าใน..หนัง..หลายเท่าเพราะ
๑. ปืนที่ยิง..ไม่ได้ติดกล้องเล็ง
๒. ไม่ได้นอน..เอาข้อศอกวางบนกองหินให้นิ่ง...เขามาจาก..การลุกอย่างรวดเร็ว..แล้ว
..ยืนโดย...ที่ปืน..ไม่มีอะไรรอง..ต้องใช้แขนรับน้ำหนักอย่างเดียว..คนที่เคยยิงปืนยาว..จะรู้ว่า
..ความนิ่ง..ของปืน..มันต่างกันขนาดไหน
๓. ในหนังมี..เวลาเล็งนาน...แต่ของจริง..เวลาเล็ง..ไม่เกิน..๒วินาที.....
...เรื่องนี้..มาทราบตอนที่ทำการพิสูจน์..และนับศพ(body count)จึงเห็นว่า..ลูกกระสุน ๗.๖๒
มม. ..ทะลุกล้องเล็ง..จากด้านหนึ่ง..ไปอีกด้านหนึ่ง..และไปเข้ากระบอกตาที่เล็ง..ของsniper..
ออกทะลุกระโหลก...ออกไป..ตายคาที่.........Bhan..ไม่มีเวลา..หรือใส่ใจ..ไปดูศพ..เพราะต้อง
สมาธิ..อย่างต่อเนื่องกับภารกิจ..ข้างหน้า..เขารู้ว่า..จัดการได้แล้ว..แค่นั้น..ในตอนนั้น....
.................ท่านที่เป็นแฟน..สามก๊ก..คงนึกถึง...จูล่ง..ยิงธนู..ตัดสายโยง..ใบเรือ......
..หรือ..ลิโป้(..ขวัญใจผม..)..ดื่มเหล้าจนเมาแอ่น..ไม่รู้กี่ไห..ตัดสินความเพื่อไม่ให้บาดหมาง
กัน..โดย..ยิงธนูใส่..หัวเสา..ในระยะร้อยก้าว(..จำไม่ได้แม่น..ถ้าผิดขออภัยด้วยครับ..)....
............สำหรับเรื่องนี้..ผมต้องให้เรื่องความ”ฟลุ๊ค”..มากกว่า..ฝีมือ..ถ้าเรียกแก..มายิงแบบ
เดิม..ระยะเดิมอีก..๑๐๐ ครั้ง..ก็ไม่มีทางได้เช่นนี้...แต่จะขาดสิ่งนี้..ไม่ได้เลยคือ..โชคชะตาของ
Bhan..ที่จะต้อง..ดำเนินต่อไป..จากนั้น...
.............................................ต่อตอนหน้าครับ...................................................
ภาพจาก หนังSAVING PRIVATE RYAN เป็นภาพของSniper เยอรมัน..ตอนที่จะถูกยิงสวนเข้ากล้องเล็ง..ซึ่งก็จะเป็นลักษณะเดียวกับSniperญี่ปุ่น..ในเรื่องจริง..ที่ถูกBhanbhagta..ยิงสวนเข้า..กล้องเล็ง..เช่นกัน
..........................................................................................................................
...........................................................................................................................
....................................................พลังที่ฝากไว้..........................................................
.............นอกจาก..อักขระ..ในยันต์..ที่ส่วนหนึ่ง..เป็น..อักขระ..ของบทสวด..ในพุทธศาสนา
..อย่างเช่น..ใน..ยันต์เกราะเพชร..ซึ่งลง..อักขระทุกตัว..ในห้องพุทธคุณ...แต่ในบางยันต์..
..ตัวอักขระ..แต่ละตัว..เป็น..อักขระที่เป็น..หัวใจ(แทน..อักขระทุกตัวใน..แตละบท)..เช่นที่
เรียกกันว่า..ยันต์ใบพัด..ที่ลงอักขระ ๓ ตัว..ในแต่ละช่อง...อิ........สวา.......สุ...ซึ่ง..อิ..ก็เป็น
หัวใจ..ในห้องพุทธคุณ....สวา.....หัวใจ..ในห้องธรรมคุณ......สุ.......หัวใจ...ในห้องสังฆคุณ
..เป็นต้น........ตัวเลข..แต่ละ ตัว..ก็ใช้แทน..หัวใจ..ของ..คำสอน..หรือ บทสวดของพระพุทธเจ้า
..อย่าง ๓ ก็..หัวใจไตรสรณคมณ์..เป็นต้น..............................................
...................เมื่อเรามาดูแล้ว..ว่าทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็น..ยันต์..มีความหมายที่เกี่ยวข้อง
กับพุทธศาสนาทั้งสิ้น(..แม้กระทั่งเส้นลาก(กระดูกยันต์)..กี่เส้น..เวลาผู้ลงยันต์..ก็มีคาถากำกับ
..ที่แตกต่างกันด้วย)..ผู้สร้างยันต์แต่ละยันต์..ขึ้นมา..ก็ต้องทราบความหมาย..ทุกอย่าง.....
.......................ฉะนั้นจะเห็นว่า..ใน..ยันต์..และคาถากำกับอักขระ..ตัวเลข..แบบทั่วๆไปนั้น....ก็จะมาจาก..บทที่เกี่ยวกับ..พระพุทธคุณ..เป็นส่วนใหญ่..ดั่งเช่น..บทอิติปิโส..ห้องพุทธคุณนั้น
ก็มาเป็น..ยันต์..คาถากำกับยันต์..คาถาไว้สวดภาวนาเอง...ตัดมาบางส่วนบ้าง..เอามาแบ่งย่อย
ไปบ้าง..เอาอักขระแต่ละตัว..มาเขียนเรียง..แล้วอ่านไปอีกทิศแทนบ้าง(..เช่น..อิ ระ ชา คะ ตะ
ระ สา –กระทู้เจ็ดแบก)..แล้วก็อักขระในห้องนี้มา..เรียงประดิษฐ์เป็นยันต์..อีกบทยอดนิยม..ก็
เป็น..ชัยชนะของพระพุทธองค์..ต่อ..สิ่งต่างๆ..ก็คือ บทพาหุง..เช่นกัน..ก็กลายมาเป็นยันต์..
เป็นคาถาต่างๆ...................................................................................
..................สรุปในแนวคิดผมก็คือ..ในการประดิษฐ์คิด..คาถาและยันต์..ในยุคเริ่มต้น..ก็เพื่อ
การอธิษฐานขอพลานุภาพแห่งพระพุทธองค์..ในรายละเอียด..ที่แตกต่างกัน..ในความหมาย
ของบทสวด..อาจโดยรวม..หรือ..ตัดแยกมาในแต่ละส่วน..เพื่อให้บังเกิดผล..ต่อผู้ที่ใช้เอง..หรือ
กับ..ผู้ทีได้รับ...ส่วนการสร้างยันต์..หรือ..คาถา..แล้วจาร.หรือ..เขียนลงในวัตถุ..ก็อาจเพื่อ..เพิ่ม
การคงอยู่แห่งพลังที่ประจุ..และ..เป็นการถ่ายพลังในทางตรง..ซึ่งอาจดีกว่า..หรือแน่นอนกว่า
การ..ส่งพลังจิตไปกับคาถา..เพียงอย่างเดียว..แต่ในยุคต่อมา..ก็มีการพลิกแพลง..ไม่ได้เอา
คาถาจาก..พระสูตร..โดยตรง..แต่ประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่..ซึ่งให้ผลแตกต่าง..และมีความซับซ้อน
ขึ้น..ซึ่งจะเห็นจาก..มีสำนักที่มียันต์มีคาถา..ของตนเอง..และมีอุปเท่ห์..ทีแตกต่างกันออกไป
ด้วย.........................................
.......................................................ต่อตอนหน้าครับ................................................
............................................................สวัสดี.........................................................
ไฟล์ที่แนบมา:
-
หน้า 130 ของ 364