..............................................
...อ่านทีแรก..งงเหมือนกัน...ต้องทำความเข้าใจซักพัก....
..คงหมายถึง...บ้านของพ่อ-แม่..ก่อนที่จะย้ายออกมา..อยู่ที่ใหม่..แล้วเราถึงจะมาเกิดทีหลัง..คงจะใช่นะ.........
........................................
..ถ้าตรงที่เป็นสวนนั้น..นะ..จะว่าไปมันน่าจะเหมือน..ทาวน์เฮ้าส์รุ่นโบราณ...คนอยู่กัน..เยอะ
สมัยนั้น...สมัยเด็กจนโต..ผมก็เดินผ่านอยู่บ่อยๆ..นั่งรถเมล์ผ่านก็มองเข้าไปประจำ..ถือว่า
เป็นชุมชนชั้นดีนะ..สมัยก่อน..แถวนั้น..ร่มรื่นครับ..มองเขาไปทีไร..เห็นเด็กๆ..ลูกหลานคนแถวนั้น..ออกมาเล่นกัน..เต็มไปหมด..ตอนเย็นๆ
...ที่ด้านหน้า..ติดถนน..จะเป็นลานกว้างๆหน่อย
...เรียกว่า..บรรยากาศดีเลย...ผมก็ไม่เข้าใจ..
ตอนหลัง..ปล่อยโทรมไปเรื่อยๆ..ไอ้ตัวที่ทำให้ทัศนียภาพแถวนั้นเสีย..ก็คือ..ไอ้สะพานลอยนั่นแหละ...
....สมัยผมเด็กๆ..ที่เขาเรียกสามเหลี่ยมดินแดงนะ..เพราะ..มันเป็น..ถนนลูกรังแดงๆ..แถวนั้นมัน..บ้านนอก..ก็เรียกว่า..เลยอาณาเขต..อนุสาวรีย์มาตัดกับถนนที่มาจากประตูน้ำ..ถนนลาดยาง..มันก็มีอยู่แค่นั้น..เลยไปทางดินแดง..โบสถ์แม่พระ..เป็นถนนลูกรัง..ทั้งหมด....
ผม...พระ...และ...สาระยุคก่อน
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย modpong, 8 พฤษภาคม 2010.
หน้า 304 ของ 364
-
ผมไปอยู่บ้านนั้นตอนที่เค้าเริ่มรื้อ อาคารสงเคราะห์ครับ
เห็นด้วยกับคุณลุงเรื่องสะพานลอยครับ เพราะว่าถนนแถวนั้นมันแคบ
มีฝั่งละ 2 เลน แล้วดันมีสะพานมาอีก คนเก่าแก่ที่บ้านเคยเล่าว่า
เมื่อก่อนที่บ้านมักจะมีหนังมาฉาย เหมือนหนังกางแปลงที่บ้าน ที่บ้านจะเปิด
ประตูให้คนเข้ามาดูกันได้ ผมอยากเกิดทันช่วงนั้นจริง ๆ
คนสมัยนี้ ไม่เหมือนคนแต่ก่อน ไม่มีน้ำใจ ไว้ใจไม่ค่อยได้
สมัยเด็กๆ ผมจำได้ว่าพอสงกรานต์ที่บ้านจะทำขนม แล้วก็เดินๆๆ
เอาไปให้คนในซอย บ้านนั้นบ้านนี้ ดูแบบอบอุ่นยังไงไม่รู้ สมัยนี้บ้านติดกันยังไม่คุยกันเลย
ขอบคุณคุณลุงอีกครั้งครับ วันนี้ผมมีผู้ช่วยในการอ่านกระทู้คุณลุงคืออากู๋เกิ้ล
เพราะหลายๆเกจิ อาจารย์ ที่คุณลุงพูดมาผมไม่รู้จักเลย 555
กะว่าจะพยามอ่านให้ได้วันละ 10 หน้า ไม่งั้นไม่นอน 1 เดือน คงจะตามทัน ขอบคุณครับ -
เรื่องดีได้อย่าเด่นจะเป็นภัย นี่คือเรื่องที่แย่ที่สุดในสังคมไทยครับ ยอมรับว่าเป็นทุกที่จริงๆ 555+
ขออนุญาติสาวๆนะครับ ขอนินทานิดนึง คือในออฟฟิศที่ทำงานผม แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็นพวกๆ พอผมไปพูดกับคนที่เขาเกลียด ปรากฏว่า ผมกลายเป็นคนเลว แล้วก็นกสองหัว ในสายตาเขาไปเลย 555+ คนอย่างผมนี่ไม่เกลียดใคร คุยเล่นกับทุกคน แต่ผมโดนสายตาเหยียดหยามจากอีกพวกนึงแล้วก็ไม่คุยกับผมอีกเลย 555+ ผมยังขำเลย ทำไมเขาจึงคิดไปเองได้ขนาดนี้ ช่วยงานเยอะ ก็หาว่าประจบ ไม่ช่วย ก็บอกว่าขี้เกียจ ไม่แมน พอผมทำผลงานเยอะได้รับคำชม โดนมองเป็นลูกรัก สารพัดจริงๆ นัทถิ โลเก อนินทิโต โลกหนอโลก มันช่างละเอียดอ่อนแท้ สังคมไทย -
ขอบคุณครับอา อยากทราบเรื่องราวของท่านปฤษต่อ หลังจากบวชเป็นพระแล้วครับ
-
....เขาถึงยอมรับกันไง..ว่าคนไทยนะ..ไม่ฉลาดในการสร้างสรร..เรื่องดีๆ..
..แต่ถ้าเป็นเรื่อง..เลวๆ..บ่อนทำลายชาติ..และ..บ่อนทำลายคนอื่น(ยิ่งคน..ที่อยู่ในสังคมเดียวกัน..ยิ่งชอบ)..เรื่องนี้..ถนัดนัก..ฉลาดหลักแหลม..และ..ซับซ้อน..ซ่อนเงื่อน........
...เมืองไทยเรา..ถึงได้แย่..จนทุกวันนี้ไง..
-
..ไม่ต้องห่วง..เดี๋ยวมีบทสรุป..ชีวิตท่านให้...แต่คงอีกนาน..กว่าจะถึง....
-
แบบที่พี่ สวนพลู เล่ามาผมว่ามีทุกองค์กรเลยครับ ที่ทำงานผมก็มี
-
สวัสดีครับคุณอา..มาติดตามอ่านบทความดีๆมีสาระเหมือนเดิมครับ
-
...............
....หวัดดี..Orkarรุ่น๑..หลานสวนพลู..หลานเขม..หลานApril..และ..เฉียวฟงหลานรัก
..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม...
.............................
...ต่อจากตอนที่แล้ว.........
.................................
....................................................................
....ครับ..นั่นคือ..วิบากกรรมของท่าน..ที่ท่านเจอ..ตลอดชีวิต...
...ผมปูเรื่องท่านมา..ยาวนาน..หลายตอนมาก..เพราะอยากให้พวกเรา..เข้าใจ
ท่าน..เหมือนที่ผมเข้าใจ..และไม่ว่ายังไง..ผมก็ถือว่าท่านคือ..วีรบุรุษในดวงใจ
...วีรบุรุษ..ที่เป็นตัวจริง..ไม่ใช่ในนิยาย..มีทั้งสองด้าน..เสมอ....
.................................................
...ผมขอกลับมาเข้าเรื่องกันต่อ.....
...ท่านนั้น..โดนลดความสำคัญ..ไม่ใช่แค่ที่มีคนเอาเรื่องไม่จริงท่านมาเล่าแต่ง
เติมซะ..บัดซบไปเลย...หลังจากนำพระอัฐิฐาตุ..จากอินเดีย..มาสู่ไทย...
..แต่ในเอกสาร..ที่มีกล่าวถึง..ของทางการ..เกี่ยวกับเรื่องพระธาตุ..จาก..อินเดีย
มาไทย..ก็กล่าวถึงท่าน..นิดเดียว...ที่มามันซับซ้อน..ครับ...ผมจะยกมาดังนี้...
.........................................................................
..อย่างที่ผมบอกไปก่อน..หลักฐานชัดเจนการมาพบกับ..เป้ปเป้..กับท่านปฤษ
..อยู่ในวารสาร ของ THE ROYAL ASIATIC SOCIETY ฉบับพิมพ์..ในปี
ค.ศ. ๑๘๙๘ (ปีที่ค้นพบ)..ซึ่งเป้ปเป้เขียนลงไว้...นั่นคือความชัดเจนไม่มีใครเถียงได้
..แต่ไม่มีใครกล่าวถึง.......ในส่วนสำคัญข้อนี้...คือเวลา..ร่วมปี..และก่อนที่จะมี
การพิจารณา..มอบให้กษัตริย์สยาม...และ..ก่อนหน้าที่..สยามจะได้
รับ..พระธาตุ..และ..นักการประวัติศาสตร์..ของยุโรปหลายท่าน..ก็ระบุตรงกันว่า..
..เพราะ..ท่านปฤษนี่แหละ..ที่เป็นคนชักชวนให้ทางฝ่ายอังกฤษ..มอบพระธาตุให้
กับไทย...
..........ถึงจุดนี้..ผมก็เชื่อ..ตามนั้น..เพราะ.จากที่ผมเล่ามา..ท่านนั้นเก่งในด้านชักชวน
..แม่กระทั่ง..ชื่อถนนสยาม..ท่านยังทำสำเร็จ...ด้วยลิ้นการฑูต..ของท่าน...
...แล้วท่านเอง..คงได้ขอแบ่งไว้..เพื่อนำไปที่่ลังกาด้วยส่วนหนึ่ง...ด้วย..เพราะ..
ในประวัติส่วนนี้..เป็นเรื่องเปิดเผย..เป็นการตีพิมพ์..ไม่ได้มีการปิดบัง..และลงใน
หนังสือพิมพ์..ที่ศรีลังกา..เรื่องท่านนำพระธาตุ..กลับมา...เพื่อจะมาบรรจุที่นี่...
(..เข้าใจว่า..ระยะเวลากว่าปี..ที่ท่านเลยต้องอยู่ที่อินเดีย..ช่วยจัดการให้ไทย..
..และ..รอจนไทย..ได้รับพระธาตุไป..ก่อน..แล้วท่านจึงได้เดินทางกลับศรีลังกา)
.....และพวกเรา..ลองคิดดู..ว่าถ้าเรื่องเปิดเผยขนาดนี้...ศรีลังกา..ที่อังกฤษยังปกครอง
มีข้าหลวงใหญ่อยู่..จะไม่จับท่านเหรอ..ฐานขโมยของ..เพราะ..ที่อินเดียมีการออกข่าวว่า
พระธาตุ..ชุดนี้..จะเอาไปให้กษัตริย์..สยาม...................
..........แสดงว่า..มีความเข้าใจกัน..อยู่แล้ว..และทางอินเดีย..รับทราบอยู่ก่อน.....
และมีลงในเอกสาร..ด้านการประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง...แสดงว่า..ส่วนที่ท่านได้
รับแบ่งมานั้น..เป็นไปอย่างถูกต้อง..และเปิดเผย..เพียงแต่เป็นส่วนน้อยแค่ชิ้น
หรือ ๒ ชิ้น..ซึ่ง..ท่านอาจจะได้รับแบ่งมาจาก..ตัวแทนทางอังกฤษที่อินเดีย..
โดยตรงเลย..ก็ได้..และอาจบางที..ท่านอาจได้ส่วนเพิ่มมาอีกจาก..ตัวเป้ปเป้เอง
ตั้งแต่เริ่มต้น....
...........................................................
...เมื่อมองข้อมูลทางไทย....กลับกลายเป็นว่า...ชื่อของท่านปฤษนั้น..ถูกสั่งการ
ให้ไปรวบรวมข้อมูล..และ..สำเนาอักขระจารึกที่ผอบ..กลับมาส่งให้ไทย.....
...ให้คนอ่านึกเอาว่า..ท่านปฤษถูกสั่งให้ไปดำเนินการ.....
...ซึ่งมันไม่ใช่ครับ....ทางไทย..จะไปรู้ได้ไง..ว่าท่านอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว..ถ้าท่าน
ไม่ได้บอก...แล้วทางกรมหมื่นดำรงฯ..ก็ไม่มีปัญญาไปสั่งท่านได้..เพราะท่าน
ไม่ใช่ข้าในพระองค์อีก..ท่านย้ายนิวาสสถานไปอยู่ลังกาแล้ว..
.....แล้วการไปอินเดีย..หรือ..การไปพบเป้ปเป้..นั้น..ท่านก็ไปเป็นการส่วนตัวท่าน
.....................................
...แค่นี้..ก็คิดดูเอาว่า....ข้อมูลมันบิดเบือนขนาดไหน....
..........................
..รัตนเจดีย์..ที่ วัดทีปทุตตมาราม..ที่ศรีลังกา...นี่คือ..เจดีย์ที่บรรจุ..พระอัฐิธาตุ
พระพุทธเจ้า..ที่..ท่านปฤษได้รับมอบ..มาจากอินเดียคราวนั้ีน..ท่านเป็นผู้ดำริห์
สร้างเจดีย์นี้ขึ้นเอง...และ..มีงานแห่ฉลองใหญ่โต..ที่ศรีลังกาทุกปี..จนปัจจุบันนี้..
....................ต่อตอนหน้า...................... -
คุณลุงพอจะรู้จักอาจารย์นา วัดจางวางพ่วง (เทวีวรญาติไหมครับ)
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
...ขออภัยด้วย..ลุงพอรู้จักว่า..วัดนี้อยู่แถวสวนมะลิ..เป็นวัดเก่า...แต่อาจารย์นา..นี้ไม่รู้จักครับ..
-
***สวัสดีครับ ท่านพี่
มาตามอ่าน ครับ*** -
-
เป็นไข้หวัด ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน นอนอยู่บ้าน ไม่มีเน็ทเล่น คงต้องตามอ่านอีกซักพักนึงครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับพี่
-
----------------------------------------
ผมก็ไม่ทราบข้อมูลเหมือนกันครับ ตอนที่พบมีผ้ายันต์ผืนในรูปห่ออยู่
แล้วก็เย็บผ้า ปิดด้านนอกอีกที อยู่ในพวงสายสิญจ์ที่มีมีพระสามปลื้ัมด้วย
ผมก็เลยคิดว่าต้องดีแน่ๆ ไล่หาประวัติ ลองค้นๆจาก Google
สรรหาคำไปค้นหา พระอกอุบ้าง พระหน้ายันต์บ้าง พระเนื้อขาว แท้จะสรรหาคำ ก็ไม่พบที่ใกล้เคียง แล้วก็มาตั้งต้นอีกทีที่ยันต์ เนื่องจากน่าจะเกี่ยวกัน เพราะถูกห่อไว้ สาเหตุที่ทำให้คิดว่าน่าจะเกี่ยวกันเพราะว่า
มี 2 องค์ครับ อีกองค์ถูกห่อในผ้ายันต์คล้ายๆกัน
ชื่อวัดในตราประทับก็ลางจงมองไม่เห็น ก็เลยถามๆพี่ๆน้องๆ ในบอร์ด
เผื่อจะมีคนเคยเห็นตามประทับแบบนี้ แต่ก็ไม่มีใครคุ้นเคยเลย วันดีคืนดี
ไปเจอกล่องพระกล่องนึงที่มีเหรียญอาจารย์นา วัดจางวางพ่วง
ด้านหลังเหรียญเป็นตราแบบเดียวกับที่ประทับที่ผ้ายันต์ จึงคิดว่าน่าจะเป็นของวัดนี้ เคยไปที่วัดแต่ก็เงียบ ไม่มีพระพอที่จะให้ถามได้เลย แต่กะว่าจะต้องไปใหม่ให้ได้ครับ
ต้องขออภัยคุณ Vespa1964 ด้วยนะครับ ที่ไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมให้เลยเหมือนกัน
ครั้งแรกที่ผมเห็นผมก็ชอบทันที เพราะพระยิ้ม ดูท่านเมตตาดี
-----------------------------------------
พี่กำธร หายไวๆนะครับ -
......
..ก็ให้หลานKIM..เก็บไว้ให้ดีแล้วกัน...เพราะ..ยันต์แบบนี้..เป็นยันต์
..เฉพาะสำนัก..ถ้าปรมาจารย์ผู้ประดิษฐ์..ยันต์..ไม่มีอะไรพิเศษ..ท่านก็คง
ไม่สร้างขึ้นมาเฉพาะแบบ..เพราะ..ยันต์สากล..ก็มีให้เลือกใช้มากหลายอยู่แล้ว...
...ก็คงมี..อะไร..พิเศษซ่อนอยู่...เป็นวิชาเฉพาะสำนัก.. -
มาตามต่อครับ กำลังจะเข้าไคลซ์แม็กซ์แว้วววว..........
-
-
..............
..หวัดดี..หลานkim..หลานVes..น้องรุ่งศิษย์น้อง...กำธรน้องรัก..และ..หลานสวนพลู
..รวมถึง..ทุกคนในครอบครัวผม..
....................
ต่อจากตอนที่แล้ว.......
...................
...................................................................
..เรียกว่า..DISCREDIT...ผมว่า..ท่านรอจนทางอังกฤษ..โอเต..ว่าจะส่งไปให้..สยาม
นั่นแหละ..และ..ผมว่า..สัญชาติญาณเดิม..ของท่าน..ที่เป็นคนรอบคอบเรื่องงานนั้น
และเป็นงาน..ก็คงรู้เองว่า..น่าจะทำอะไร..เมื่อทางอังกฤษส่งหนังสือไปทางสยาม
แล้ว..ท่านก็คงแจ้งตามไป..ว่าท่านอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว..และจะช่วยประสานงานให้...
..ทางเมืองไทย..ถึงได้ทราบว่า..ท่านอยู่.....และ..เรื่องทำแบบปูนพลาสเตอร์จากผอบ
นี่...ผมก็ว่าน่าจะเป็นท่านนะ..เพราะคนอื่นคงนึกไม่ถึง..เนื่องจากท่านเป็นวิศวกร..
..เป็นช่าง..โดยพื้นฐาน...แล้วการเรียน..วิศวะสมัยโบราณ..นั้น..ของเมืองนอก..
เน้นภาคปฏิบัติมาก..ควบคู่กับ..ทฤษฎี...แล้วอย่าลืมว่า..๑ ใน ๔ ประกาศนียบัติ
ผลงานยอดเยี่ยมที่ท่านได้..จาก KING'S COLLEGE คือ..การทำงานภาคปฏิบัติ..
....ความคิดความอ่านท่านก็ไม่ธรรมดา...ของแค่นี้...ไม่เหลือบ่ากว่าแรงสำหรับ..ช่าง
...ท่านรู้ว่า..วิธีนี้..จะทำให้ได้..สภาพเหมือนจริง..และ..ครบถ้วน..ดีกว่าถ่ายรูปไปอีก
(..วิธีทำ..ก็ไม่ยากหรอกครับ...ก็แค่เอาดินเหนียว..ที่ไม่มีมวลหยาบปน...ค่อยๆกดลง
ไป..ตามรอยขูดตัวอักขระ..ให้แน่ใจว่าติดดี..แล้วโปะทับให้หนาๆหน่อย..และกว้าง
กว่ารอยขูด..พอสมควร..ทำไปเป็นแถบ..ตามตัวอักขระ..แบ่งเป็น ๒ ชิ้น..ก็จะได้..
ครบทุกตัว..รอบผอบ..ค่อยๆดึงออก..(อย่างที่ผมเคยอธิบายเรื่องนี้..ไปเรื่องการถอด
แบบไม่ให้ติด..คือ..ก่อนทำให้เป่าแป้งไปให้ติดผิวบางซะก่อน..แล้วค่อยกดดิน..
ดินจะถอดออกง่าย..ไม่ติดกับวัสดุที่เป็นแบบ(ในที่นี้คือ..ผอบ)....)....
....จากนั้น..ก็ตากไว้ที่ร่มให้แห้ง...หาไม้มาปะด้านข้าง ๔ ด้าน..เอาน้ำมันมาทา..ผิว
ดินเหนียวที่..มีลายอักขระติดอยู่(..ตอนนี้..อักขระเป็นNEGATIVE..คือ..กลับด้าน
และ..นูน..)...ตอนนี้ก็จะมีสภาพคือ..เป็นหลุมลงไป..โดยมีไม้เป็นผนังหลุม ๔ด้าน
...ก้นหลุมคือ..แผ่นดินเหนียวที่กดมา...จากนั้นก็แทปูนพลาสเตอร์ลงไป...ทิ้งไว้..
รอจนปูนพลาสเตอร์แข็ง..แล้ว..ก็ถอดออกมา....
....ตัวอักขระ..บนผิวปูนพลาสเตอร์..ก็จะกลับมาเป็นPOSITIVE..เหมือนเดิม...
..และ..จะลึกลงไปผิว..เหมือนจริง...)..ที่ผมยืนยันว่า..ท่านเป็นคนคิด..และทำเอง
(..ท่านทำไว้..สองชุดนะครับ..อันนึงส่งให้ SMITH ..อีกอัน..ส่งไปที่สยาม..พร้อม
กับเอกสารประกอบ..รูปถ่ายอื่นๆ..จากเป้ปเป้...ในภายหลัง....)
เพราะ..ในจดหมายของ SMITH..ที่ดูแล..แคว้นอุตครประเทศ..และ..ร่วมอ่านอักขระ
มาแต่ต้น..ส่งจดหมาย..ไปให้ ศาสตราจารย์ RHYS DAVID ผู้เชี่ยวชาญโบราณคดี
ของอังกฤษขณะนั้น..เล่าว่า..ท่านปฤษ..เป็นคนส่งแบบปูนพลาสเตอร์..ที่คัดลอกอักขระ
มาให้แกเอง(..ที่ผมบอกว่า..เรียกท่านปฤษว่า..THIS GENTLEMAN นั่นแหละครับ)
.................................................................................
..แล้ว..ในจดหมายบอกเล่านั้น..ลงวันที่ ๑๖ สิงหาคม ค.ศ. ๑๘๙๘..
...................................................................................
แสดงว่า..ท่านคงเริ่มทำ..ตั้งแต่รู้ว่า..อังกฤษ..มีดำริว่าจะส่งไปให้สยาม...
....................................................................................
...เพราะหนังสือ..ที่ทำให้สยามรู้ครั้งแรกว่า..อังกฤษจะมอบ..พระธาตุให้นั้น...
ตามหลักฐานจากหอจดหมายเหตุแห่งชาตินั้น..ซึ่งส่งมาจากตัวแทนของอังกฤษ
ส่งมาให้กรมพระยาเทวะวงษ์วโรปการนั้น.....
.................................................................................................
.......ลงวันที่..๒๗ สิงหาคม..ค.ศ. ๑๘๙๘.............(นั่นคือ..ที่อินเดีย)
..................................................................................................
(..ประเด็นนี้..ผมเช็คจนทั่วในเว็บแล้ว..ยังไม่เคยมีใคร..เขียนถึงมาก่อน)
..............แล้วทางไทยจะมาบอกว่า..สั่งให้ท่านดำเนินการได้ยังไง...........บัดซบชัดๆ
..กว่า..หนังสือจะเดินทาง..มาถึงไทย..อีกกี่วัน..เป็นอาทิตย์..แน่นอน...
..และจากการเตรียมการแบบก่อนหน้านี้..เรียกว่าตอกย้ำเรื่อง..ท่านปฤษนี่แหละ..
ที่เป็นคน..ล็อบบี้..ให้ทางอังกฤษ..ส่งมาให้สยาม.........
.....เพราะกว่าที่..SMITH จะเขียนจดหมายให้ ศจ. DAVID นั้น..ก็คือ..แกได้รับของแล้ว
..แสดงว่า..ท่านปฤษ..ท่านเตรียมทำไว้..จนเสร็จก่อนหน้า..วันที่เขียนจดหมาย..หลายวัน
...ก็เรียกว่า..น่าจะตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาเลย...เกือบเดือนครับ..กับหนังสือ..ที่ส่งมาให้
ทางเมืองไทย...ก็น่าจะเป็นข้อตกลงกันเป็นการภายในก่อน..พอท่านรู้ว่า..โอเค..ท่าน
ก็เริ่มทำเลย...............
....เรียกว่า..จากผู้แสดงนำ..เป็นพระเอก....โดนผู้อำนวยการสร้าง..เปลี่ยนบทให้กลาย
เป็น..ตัวประกอบหางแถวไปเลย.....
...............................................................................
....ไอ้เรื่องแค่นี้..สำหรับท่านปฤษ..มารู้ตอนหลัง..ท่านคงไม่เสียใจ..และ..ไม่โต้แย้ง
อะไร..เพราะท่านทำเพื่อชาติ..เพื่อคนไทย..เพื่อ..ร.๕....
.....แต่ที่..ไอ้แย่ไปกว่านั้น..ก็คือ..เรื่องอื้อฉาว..และ..มีมูลเหตุที่..ทำให้ ร.๕ และ..
เจ้านาย..หรือ..ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่...เกลียดท่านไปหมด....มันมาจากปากของ..
คนหนึ่งคน..ที่ผมไม่เข้าใจว่า..จะจงเกลียดจงชัง..ท่านปฤษ..อะไรนักหนา...
ทั้งๆ..ท่านก็ไม่เคย..เกี่ยวข้องกับคนๆนี้.......มาก่อน..............
.....................
........................ต่อตอนหน้า........................... -
สวัสดีครับคุณลุง
เป็นกำลังใจให้และติดตามอ่านอยู่เสมอครับ
หน้า 304 ของ 364