ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    พออ่านว่าให้ใช้ เสียงของนก เป็นอุปกรณ์ในการฝึก เย้ๆๆ เลยค่ะ เพราะเคยฝึกเล่นๆกับเสียงนกมาบ้างแล้วน่ะค่ะ ครั้งแรก ตอนที่ฝูงนกพากันเกาะอยู่บนต้นไม้ ส่วนครั้งที่สอง ตอนฝูงนกพากันเกาะอยู่บนริมระเบียงบ้านชั้นสอง(หลบฝน) แรกๆเราจะได้ยินเสียงนกร้อง(คุยกัน)เจี๊ยวจ๊าว พอหยุดกิริยาจิตแล้วเป็นสภาวะรู้ เราจะรู้เสียงนกที่ร้องออกมาแต่ละตัว แบบว่าแยกเสียงได้ตัวไหนเป็นตัวไหน และเสียงของนกทุกตัวจะแตกต่างกัน ทุกตัวเลยค่ะ แต่ถ้าฟังรวมๆ เสียงจะคล้ายกัน


    +++ คุณ จิตวิญญาณ เพิ่งได้ "ของเล่นใหม่" สงสัยจะ "หาเบรกไม่เจอ" ในระยะนี้นะสิ อิอิ

    ท่าจะจริงค่ะ หาเบรกไม่เจอ เพราะตั้งแต่ฝึกมา เสียงคลื่นของฝนแต่ละเม็ด มันส์ที่สุดเลย
     
  2. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ สงสัย เมิล กำลังเหยียบคันเร่งแบบ หูดับตับไหม้ อยู่ในตอนนี้ นะครับ (||)
     
  3. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ต่อไปก็จะเข้าสู่ระดับ แยกออกได้ว่า "เสียงที่มีจิตครอง กับ เสียงที่ไร้จิตครอง" ต่างกันอย่างไร และหากละเอียดไปเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มเห็น "ปัจจัยที่ต่อเนื่องกัน (ผลของมหาปัฏฐาน) ระหว่าง เสียงตามธรรมชาติ ที่มีอิทธิพล ต่อจิต" และ อื่น ๆ (มหาปัฏฐาน เป็น อนันตนัย และ มีแต่ อนันตนัย เท่านั้น ที่เข้าถึง อจินไตย ได้) ฝึกให้ละเอียดที่สุด เท่าที่จะทำได้ นะครับ
     
  4. จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    อ่านแล้ว หัวเราะกรั๊กๆท้องคัดท้องแข็ง อย่าถือสากันนะคุณเมิล หัวเราะด้วยความเอ็นดู พอหัวเราะเสร็จ อ่าว ไอ้ตัวที่อ่าน กับ ตัวที่หัวเราะ และ ตัวที่รู้สึกเอ็นดู มันคนละตัวกันนี่ !
     
  5. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อาการที่เกิด "ไอ้ตัวที่อ่าน กับ ตัวที่หัวเราะ และ ตัวที่รู้สึกเอ็นดู มันคนละตัวกันนี่" ตรงนี้แหละคือ "สภาวะที่ ขันธ์ กระจายตัวออกจากกัน" และ "แต่ละตัว ไม่ใช่ กาย" (เพราะ ไม่มีการ ย้ายไปอยู่ ในนั้้น) ตรงนี้แหละ เริ่มเข้าประตู ของ Episode ใหม่อีกวาระหนึ่งแล้ว นั่นคือ "ขีดความสามารถในการ เลือกขันธ์" อีกไม่นานเมื่อถึงเวลา "กระจายขันธ์ ในปัจจุบันขณะ" ก็จะสามารถ "ย้ายเข้าไป เล่น กับขันธ์ ได้" และตรงนี้แหละ ก็จะเริ่มเห็น "กระบวนการของ ขันธ์สร้างขันธ์" ซึ่งเป็น Episode ที่ "ลีกล้ำพิศดาร" เกินการคาดเดาทุกชนิด (อจินไตย) ตรงนี้แหละคือการ "Playing God" ตัวหนึ่งเลยทีเดียว และนี่คือ "ภาคของการ ใช้ขันธ์ ของ มหาสติปัฏฐาน 4" ซึ่งเรียกแบบสั้น ๆ ได้ว่า "มหาปัฏฐาน" นั่นเอง

    +++ มาถึงตรงนี้ก็คง "รู้แจ้ง" ได้ชัดเจนแล้วนะว่า ผู้ที่กล่าวว่า "มหาสติปัฏฐาน 4" เป็นของ "สุขขะวิปัสโก" นั้นรู้จัก "สติ" ได้ดีแค่ไหน หรือ ยังไม่รู้เลยว่า "สติ" คืออะไรกันแน่ นะครับ
     
  6. เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่คะ
    เมิลลอง Map จิตดูแล้วคะ ไม่รู้ทำถูกไหม ยังไม่ค่อยเข้าใจขันธ์ประธานกับขันธ์บริวาร เมิลทำแบบนี้คะ
    1.เมิลเรียกเหตุการณ์ตอนที่กำลังมองนิ้วที่เจ็บอยู่ขึ้นมา
    2.ตรึงความรู้สึกตอนมองนิ้วไว้
    3.แล้วถึงได้รู้ว่ามีการทำงานเชื่อมโยงกันอยู่ระหว่าง นิ้วที่เจ็บจริงของเมิล กับ ความจำที่เคยอ่านหนังสือแล้วมีคำพูดว่า “นิ้วเจ็บมาก” ของพระป่าท่านหนึ่งที่โยมถามท่านว่า เจ็บนิ้วมากไหม แล้วท่านตอบว่า นิ้วเจ็บมาก
    4.จึงออกมาเป็น “เวทนาอยู่ไหน เราอยู่ไหน”
    5.แยกตัวออกจากเวทนาทันที
    6.ถึงสรุปเหตุการณ์เป็นคำพูดว่า "เออนิ้วโป้งที่เจ็บอยู่ไม่ใช่เรานี่หว่า"
    7.สรุปว่าเป็นตัวพูดมากของเมิลเองคะ

    เมิลลองขยายตื่น ผลคือขันธ์ถูกผลักให้ออกไปอยู่ข้างนอก ทำแบบนี้เหมือนกันกับที่พี่บอกว่า "ขยายกายเวทนา ออกไปภายในวาระจิตเดียว” ใช่ไหมคะ
     
  7. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ขันธ์ประธาน คือ ขันธ์ที่ถูกเลือก ที่จะเข้าไป ปัฏฐาน "อยู่" ข้างใน เมื่อ "อยู่" ข้างในแล้ว ขันธ์นั้นจึงมีสภาพเป็น "กาย" (กายคือสิ่งที่จิตถือครอง สักกายะทิฐิ) และจากสภาวะแห่งความเป็น "กาย" นี้เอง จึงเกิดอุปกรณ์ของ "กาย" นั้น ๆ ขึ้น (ขันธ์สร้างขันธ์) ขันธ์ที่เกิดจาก "กาย" จึงเป็น "ขันธ์บริวาร"

    +++ สรุปสั้น ๆ คือ ขันธ์ที่ถูกเลือก คือ ประธาน ส่วนขันธ์ที่เกิดใหม่ เป็น บริวาร

    +++ ดึงขันธ์ในอดีต เข้ามา ขันธ์นี้ เป็นประธาน

    +++ เข้าปัฏฐาน เปลี่ยนขันธ์นี้ให้เป็น "กาย"

    +++ เมื่อปักปัฏฐานแล้ว มี "ตัวพูดมาก" ในอดีต ที่ไกลกว่าเหตุการณ์ เกิดขึ้น (จุติ) ขณะนี้ "ตัวพูดมากจากอดีตอันแสนไกล" เป็น บริวาร

    +++ จากนั้น "วางขันธ์เก่า" (ดับไป) แล้ว "ย้ายเข้ามาอยู่" กับ "ตัวพูดมาก จากอดีตอันไกลโพ้น" (กลายเป็น ขันธ์ประธาน)(ขันธ์ประธาน ก่อให้เกิด ขันธ์บริวาร บรรยากาศเก่า สิ่งแวดล้อมเก่า ภพเก่า)

    +++ "ตัวพูดมาก จากอดีตอันไกลโพ้น" ร่นเวลามาสู่ อดีต ที่เพิ่งเกิด (Teleport ระหว่าง กาลเวลา)

    +++ เมื่อตัวพูดมาก พาข้ามเวลามาจาก อดีตที่ไกลกว่า เข้าสู่อดีตที่ใกล้กว่า จากนั้นจึง "จุติ" ในกาลที่ใกล้กว่า

    +++ ในระหว่า "จุติ" ตัวพูดมากจากอดีตอันแสนไกล ก็ "หมดอายุ" (หมดหน้าที่)(อาสัญญกรรม)" แล้วมันก็ดับไป

    +++ การ "จุติใหม่" บรรยากาศใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ (ภพใหม่) เกิดขึ้น

    +++ การเกิดในภพนี้ "เกิดบนรถเมล์" มี "ตน ตัวดู อัตตาจิต" เป็นประธาน มี "เวทนาที่นิ้ว" เป็น ขันธ์บริวาร แห่งขณะนั้น ส่วน "ตัวพูดมาก" เป็นขันธ์บริวาร ที่เกิดใหม่

    +++ ในขณะที่ยัง ปัฏฐาน ในตัวดู "ตัวพูดมาก" กล่าวว่า “เวทนาอยู่ไหน เราอยู่ไหน”

    +++ เกิดการวางขันธ์ ของตัวพูดมาก (ดับ) แล้วเข้าสู่ "เวทนา ถูกรู้" แล้ว เวทนาขันธ์ แยกตัวออกไป

    +++ เกิดความเข้าใจในเหตุการณ์์ แล้ว "ตัวพูดมาก" จุติใหม่ แล้วพูดว่า "เออนิ้วโป้งที่เจ็บอยู่ไม่ใช่เรานี่หว่า"

    +++ เมื่อ "เห็น" จน "รู้แจ้ง" ในเหตุการณ์นั้นแล้ว "กายเวทนา กายจิต และ กายธรรมารมณ์" จึง Teleport กลับสู่ "ปัจจุบันขณะ"

    +++ ทั้งหมดนี้ยังเป็นการอธิบาย "การ Map จิต" แบบหยาบ ๆ เท่านั้น แต่ก็น่าจะเพียงพอต่อความเข้าใจถึง "อดีต-อนาคต-กาล" "ขันธ์เกิด-ดับ" "ภพ-ภูมิ" การเดินจิต "อยู่-ย้าย" ต่าง ๆ ได้จากการ "สังเขปสภาวะธรรม" ตรงนี้้

    +++ ให้เมิล "เข้าปัฏฐาน" ให้ดี ก่อนทำการ เรียกขันธ์ Map จิต เมื่อปัฏฐาน ชัดเจนแล้ว จึงค่อย Map จิตใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ก็จะเข้าใจชัดเจน ในทุกขณะมากยิ่งขึ้น ทุกอากับกิริยาอาการ จาก วงจร สู่ วงจร แต่ละวงจร มี ประธาน บริวาร อยู่-ย้าย เกิด-ดับ การเชื่อต่อ กาลเวลา อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ทุกอย่างที่เรียนรู้ได้จากการ Map จิต นี้เมื่อถึงที่สุด ก็สามารถนำมา "ประยุกต์ใช้" ได้ในหลายสถานการณ์

    +++ การเดินจิตใน "มหาปัฏฐาน" นี้ หากใช้ "ตัวดู" ทำปัฏฐาน มันก็จะเกิดปรากฏการแบบเดียวกันกับ "การถอดจิต" แล้วเคลื่อน "ทั้งตัว" ไปใน "ภพภูมิ - กาลเวลา - มิติ" ต่าง ๆ

    +++ หากทำ "สภาวะรู้เป็นใส้เทียน" สภาวะและปรากฏการณ์ต่าง ๆ จะเคลื่อนตัวไปมา โดยที่ สภาวะรู้ "ไม่ได้เคลื่อน"

    +++ ถูกต้อง และ การฝึก "มหาปัฏฐาน" นี้ หากจะให้ดี ควรฝึก สภาวะรู้ เป็นใส้เทียน จนกระทั่ง "แต่ละขันธ์ แยกตัวออกจากกัน" ยิ่งชัดยิ่งดี เพราะการ "อยู่-ย้าย" ไปตามขันธ์ต่าง ๆ จะสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น นะครับ
     
  8. jadeprawit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +117
    ++ ต่อไปให้ "ได้ยินให้เท่ากันทั้ง 2 ข้าง" เพื่อปรับ "ตัวดู" ให้ทำงานได้เต็มที่ ไม่งั้น "นิสัยตรงนี้" จะทำให้ "เดินจิตไม่ได้" และจะเป็น "อุปสรรค" ในอนาคต.....

    พอเอาเรื่องเสียงน้องหมามาถามอาจาร์ย จะฝึก(ปั)ปรับเสียงให้เท่ากันทั้ง2ข้าง ปรากฏว่าตอนนี้เสียงเค๊าเห่าเป็นเสียงธรรมดาเพราะอะไร..........ต้องเข้าสมาธิจึงจะเป็นเสียงก้องแบบเดิม ลักษณะการได้ยินแบบนี้คืออาการอะไร.......เอาไปปรับหรือฝึกกับการรับหรือการสื่อสารแบบอื่นได้มั้ยคะ

    ++ ให้สังเกตุในเวลาก่อนที่ "จิตครูบาอาจารย์" จะปรากฏ ในขณะนั้น "ความรู้สึก" เป็นอย่างไร หรือ ก่อนที่ จิตอื่นชั้นสูงจะปรากฏ "ความรู้สึก แบบเพื่อน" มีอยู่ด้วยใช่หรือไม่ ดังนั้น "ผู้ฝึกในกระทู้นี้" ควรเลียนแบบและหมั่นสังเกตุ "มารยาท" ตรงนี้ให้เรียบร้อยเอาไว้ด้วย เพราะตรงนี้ "เป็นมารยาทสากล" ในการติดต่อ "ข้ามภพภูมิ"

    จิตครูบาอาจาร์ยสื่อสาร นอกจากนิมิตร ส่วนใหญ่จะมาเป็นแบบไหนอีกบ้างคะ
     
  9. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ลักษณะการฝึกในกระทู้นี้ คือ "อยู่กับความเป็นจริงก่อน จากนั้นจะทดลองอะไร ก็ใช้ การเดินจิต ตรวจสอบภายหลัง" มีวิธีทำง่าย ๆ คือ

    +++ 1. "ทำสติ" จะใช้ "ความรู้ตัว หรือ รู้สึกตัว" ก็ได้ แต่ "ต้องทำทั้งตัว"
    +++ 2. เมื่อทำได้แล้ว "เสียง" จะได้ยิน ตามความเป็นจริง ทั้ง 2 ข้างเท่ากัน (เมื่อมีสติ ทุกอย่างจะ ถูกต้อง ตามธรรมชาติของมันเอง)
    +++ 3. จากนั้น "ทดลอง" ฟังเสียง ด้วยหู "ซ้าย-ขวา" สลับไปมา และ "พยายาม ปรับ จนได้เสียงก้อง" อย่างที่เคยได้ยิน

    +++ 4. หากทำได้ ก็จะรู้ได้ว่า "ในขณะที่ได้ยินเสียงก้อง" ณ ขณะนั้น "จิตมีการวางตัว ในขณะฟัง" อย่างไร
    +++ 5. จากนั้น ให้ "เดินจิต ขยับการฟัง" ระหว่าง "เสียงปกติ กับ เสียงก้อง ไปมา" ก็จะรู้ชัดเจนได้เองว่า "การฟังตรงไหน ให้ผลอย่างไร" (ตรงนี้เป็น "ธัมมวิจยะ" ใน "โพธิปักขิยธรรม")
    +++ 6. เมื่อเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าอะไรเป็นอะไร "จิตมันจะวางได้เอง" และเมื่อยามใดที่ต้องการ "นำมาใช้ ก็จะใช้ได้ ตามปรารถนา"

    +++ ข้อความข้างบนนี้ ผมให้ไว้สำหรับผู้ที่ชอบใช้บริการของ "ภพภูมิทัวร์" ที่จำเป็นจะต้องเดินทาง หรือ เดินทางเป็นประจำ เพื่อจะได้รู้ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม และ ไม่ทำให้เกิดปัญหาในเวลาที่ไป "ต่างภูมิ" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การเดินทางด้วยการพึ่งตนเอง"

    +++ หลัก ๆ ก็จะมาเป็น "เสียง" มักจะมาแบบ "ประโยคสั้น ๆ" และมักจะมา "ชี้นำ และ แก้ไข หรือ บอกเหตุการณ์สำคัญ ๆ" เท่านั้น ทุกอย่างมาแบบ "ตรงประเด็น" ไม่มี ยืดยาด ฟุ่มเฟือย ชวนคุย เล่านิทาน ฯลฯ สรุปคือ หลัก ๆ จะเป็นคำพูด "ประโยคเดียว" ยาวเต็มที่ "ไม่เกิน 3 ประโยค" ถ้าเกินกว่านี้ออกไป ให้รีบพิจารณาได้เลยว่า "ตนกำลังฟุ้งซ่าน" นะครับ
     
  10. ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    ++ หลัก ๆ ก็จะมาเป็น "เสียง" มักจะมาแบบ "ประโยคสั้น ๆ" และมักจะมา "ชี้นำ และ แก้ไข หรือ บอกเหตุการณ์สำคัญ ๆ" เท่านั้น ทุกอย่างมาแบบ "ตรงประเด็น" ไม่มี ยืดยาด ฟุ่มเฟือย ชวนคุย เล่านิทาน ฯลฯ สรุปคือ หลัก ๆ จะเป็นคำพูด "ประโยคเดียว" ยาวเต็มที่ "ไม่เกิน 3 ประโยค" ถ้าเกินกว่านี้ออกไป ให้รีบพิจารณาได้เลยว่า "ตนกำลังฟุ้งซ่าน" นะครับ ตรงนี้ทำให้คิดถึงเมื่อหลายเดือนก่อนตอนมีเรื่องที่ทำงานใจมันคิดอยู่นั่นแหละเป็นทุกข์ซ้ำไปซ้ำมาหลายวันก็วางไม่ได้(ที่พี่ธรรมชาติบอกไม่ต้องไปหาเหตุหรอกเค้าหวงจิตที่เป็นแบบนั้น) ตอนนอนหลับอยู่ปากมันพูดออกมาประมาณว่า คิดให้ทุกข์ทำไมวางมันเถอะ เราก็เอ๊ะ งง สรุปวางเลยค่ะมันโล่งโปร่งสบาย เบาไปเลย เคยสงสัยว่าจิตมันสอนตัวเองหรือหลวงพ่อมาบอกเรา(เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง 1 เดือนไปหาหลวงพ่อ คำแรกที่ท่านพูดออกมาคือ แพ้เป็นพระชนะเป็นมาร เราก็งงท่านบอกใครหว่า ตอนที่เกิดเรื่องมาพิจารณาถึงได้รู้ว่า อ๋อบอกเรานี่เองเพราะถ้าเราจะเอาคืนจะแสบสันต์กันไปหลายคนเลยค่ะ หลวงพ่อเป็นพระที่ขุดกิเลสในใจเราออกมาครั้งแรกที่เจอท่าน บอกวิธีการนั่งที่ตรงจริต ) แต่ ณ ตอนนั้นคิดถึงพระพุทธเจ้าขึ้นมาแว๊บแรกว่าท่านมาบอกเราใจมันซาบซ่านแล้วก็วางเลยค่ะ พี่ธรรมชาติคะอีกอย่างนึงที่เคยถามเรื่องเหตุก่อนกระตุกที่พี่เคยบอกว่าไม่ใช่อะไรที่วูปเข้า สังเกตุว่าช่วงนึงเป็นบ่อยมาที่เป็นดวงๆผุดเข้ามาหาตัวเรา อีกอย่างนึงค่ะใช้โทรศัพท์ในการเข้าเวปไปเผลอกดถูกไม่เห็นด้วยหลายอันอย่าว่ากันนะคะ อิอิ โดยส่วนตัวอนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่ปฏิบัติได้รู้สึกสุขใจไปด้วย ช่วงนี้ไม่มีอะไรฝึกจิตเคลื่อนร่างไปและสังเกตุการแผ่ดันออกไปทั้งตัว
     
  11. ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    พี่คะ สงสัยเหมือนเคยได้ยินว่าทุกอย่างมันเกิดที่ลิ้นปี่เราเหมือนตอนนี้กำลังสังเกตุอาการอยู่
     
  12. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนี้ขึ้นกับว่า เราแยกแยะได้มากแค่ไหน หากแยกแยะได้ก็จะรู้ได้ว่า "เป็นของใคร" แต่ถ้าแยกไม่ได้ก็ให้รู้เพียงว่า "เป็นคุณ หรือ เป็นโทษ" ก็พอ

    +++ โดยปกติ "ตัวที่ผุด" ไม่ใช่เรา แบบเดียวกับการที่เราใส่เสื้อ "เราไม่ใช่เสื้อ และ เสื้อไม่ใช่เรา" เราเพียงอยู่กับมันเฉย ๆ เท่านั้น

    +++ การพิมพ์ควรมี "เว้นวรรค และ ย่อหน้า" ด้วย มิฉะนั้น จะทำให้อ่านยาก และเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ เช่น "ยานี้กินแล้วแข็งแรงไม่มีโรคภัยเบียดเบียน" อาจจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ง่าย ๆ "ยานี้กินแล้วแข็ง แรงไม่มี โรคภัยเบียดเบียน" ดังนั้น เว้นวรรคและย่อหน้า เป็นตัวแทนของ "เจตนาในการสื่อความหมาย" ไปในตัว

    +++ ตรงไหนที่ยังไม่ถูก ก็ควรแก้ไขให้มันถูกซะ วิธีแก้ไขอยู่ในลิ้งค์ข้างล่างนี้

    +++ http://palungjit.org/threads/วิธีลบ-ไม่เห็นด้วย-ออก-ในกรณีกดผิด.243069/

    +++ ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนั้น แต่มันก็ไม่แน่เสมอไป
     
  13. Pom Natdanai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +16
    พี่ครับ ผมอ่านบทความดูแล้ว น่าสนใจมากเลยคับ ผมขอเรียนด้วยคนได้มั้ยคับ
     
  14. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ได้ครับ "การฝึกเบื้องต้น จนถึง ระดับสิ้นสุด" อยู่ใน โพสท์ที่ 1-7 ของหน้าแรก เท่านั้้น นอกนั้นเป็นผลลัพธ์ที่ขยายตัวออกมาเอง ทั้งสิ้น

    +++ ทุกอย่างเป็นเรื่องของการ "ดำรงค์สติมั่น" เมื่อทำได้แล้วจึงทำให้ "รู้ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น ๆ" (รู้ธรรมเฉพาะหน้า)

    +++ ส่วนการ "เรียนรู้ สภาวะธรรม (ปรากฏการณ์)" ต่าง ๆ ก็ใช้วิธี "เดินจิต" ตรวจสอบ ซึ่งคำศัพท์ตรงนี้้คือ "วสี 5" เท่านั้นเอง

    +++ ลองฝึกดู ได้เลยครับ
     
  15. จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679

    ขอถามเป็นความรู้นะคะ

    ตรงนี้เคยมีประสบการณ์ค่ะ ตอนที่มีของหล่นทับนิ้วเต็มๆ ตอนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่า ความเจ็บปวด(เจ็บจี๊ดๆ) จะเป็นลักษณะเหมือนเป็นเส้นเล็กๆ พุ่งจี๊ดจากนิ้วที่โดนทับขึ้นมาถึงบริเวณครึ่งเข่า หลังจากนั้น ความเจ็บปวดก็ขยายออกเต็มครึ่งเข่า ตอนที่ยังรู้สึกปวดมากๆอยู่ในขณะนั้นน่ะค่ะ คิดยังไงไม่รู้ ลองถอยออกมาจากบริเวณที่ปวด สังเกตุสักพัก อาการปวดจางคลายหายไปเลยน่ะค่ะ หลังจากนั้นก็นานเหมือนกันกว่าเล็บเก่าจะหลุด ตอนนี้เล็บใหม่งอกเต็มแล้ว แต่แปลกใจตรงที่ว่า ตั้งแต่ลองถอยออกมาแล้ว ไม่รู้สึกปวดอะไรเลยน่ะค่ะ ลักษณะนี้เรียกได้ว่า “แยกขันธ์แบบคาหนังคาเขา” ไหมคะ?
     
  16. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ อาการตรงนี้ แสดงรายละเอียดได้ดังนี้

    +++ อาการทางกาย ความเจ็บปวด หรือ "บริเวณที่ถูกกระทำ จะกินพื้นที่บริเวณหนึ่ง" และ พื้นที่บริเวณนั้น "เกิดความแตกต่างแบบกระทันหัน ต่างไปจาก พื้นที่ปกติ" ตรงนี้ "สติ" (ไม่ใช่ระลึกรู้ แต่เป็น รู้อยู่แล้ว) รู้ความแตกต่างในทันทีว่า "เกิดความผิดปกติ และ เกิดหย่อมเวทนา ที่ผิดไปจาก เวทนาส่วนรวม" (เกิดมิติผิดปกติ จาก มิติรวม)

    +++ อาการทางจิต "ตัวดู" ย่อมเกิดอาการ "เพ่ง หรือ ดู" อย่างรุนแรง (พุ่งวาบเข้าไปยังเวทนา) จนเกิดการ "ยึดและต่อติด" กับเวทนานั้น (สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฝึกมหาสติ ตัวดู จะยึดเวทนานั้น เป็น กาย) ตรงนี้ใช้ภาษาที่ง่าย ๆ ได้ว่า "เกิดอาการ ปวดหนึบ"

    +++ ทางวิทยาศาสตร์ วัตถุที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรง (ขันธ์) จากภายนอก "บีบเข้า" ย่อมเกิดกิริยาต่อต้านจากภายใน (อะตอม อณู โมเลกุล) "ขยายออก" (Balance ธาตุขันธ์ตามธรรมชาติ) ตรงนี้กลายมาเป็น Action = Reaction ส่วนกระแสของ Reaction นั้นเป็นอาการ "อัดกระแทกออก" ไปยังบริเวณพื้นผิว (มิติ) ของขันธ์ ส่วน "การส่งต่อแนวแรง" หากตรงไหน "มีช่องว่าง รอยโหว่" (Door Way) อาการของ Reaction ก็จะกระแทกออกไปยัง Door Way ที่สะดวกกว่าก่อน ในที่นี้ "Door Way" คือ ระบบเส้นประสาท จึงเกิดอาการที่เรียกว่า "อาการ จี๊ดๆ" พุ่งกระแทกออกมา ส่วนอาการ "ปวดชา ที่ไม่ใช่ จี๊ดๆ" คืออาการของ Reaction ที่แผ่ซึมออกมาโดยไม่มี Door Way ให้ผ่าน จึงช้ากว่า พื้นที่ของ Reaction นั้นกินบริเวณมาถึง ครึ่งเข่า (Star Burst กลายมาเป็นพื้นที่ Nebular)

    +++ ผู้ที่ฝึกและได้ "มหาสติ" เท่านั้นจึงเห็น "บริเวณความปวดทั้งหมด" เป็นแบบ Space Anormally (ความผิดปกติในอวกาศ) ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับ "สติเห็น อรูปฌาน" เป็นหย่อมและบริเวณได้ เพราะ สติอยู่ภายนอก ส่วน อรูปฌานอยู่ภายใน (แยก ธรรมารมณ์ขันธ์)

    +++ ตรงนี้เป็นอาการ "ถอนตัวดู" ออกมาจาก "ขันธ์ ที่เป็นทุกข์" (กาย) ดังนั้นอาการ "ต่อติด" จึงถูก "ยกเลิก" และ ธรรมารมณ์ (ขันธ์ Nebular) จึงถูกวาง และ "สิ้นอิทธิพล" ไปในที่สุด

    +++ ใช่ แต่ ไปได้ไกลกว่า "แยกขันธ์" เพราะ ขันธ์ตรงนี้ คือ "เวทนาที่เป็นทุกข์" ซึ่งยังอยู่ในชั้น เวทนา แต่ตรงนี้ นอกจาก แยกขันธ์แล้ว ยังเป็นการ "ออกจากทุกข์" ซึ่งอยู่ในชั้น "ธรรมารมณ์" อีกด้วย นะครับ
     
  17. ธรรมอยู่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +55
    +++ ใช่ ต่อไปให้ "กำหนดที่แกนของความรู้สึก" และยกที่ "แกน" นั้น แรก ๆ อาาจบังคับให้มันไปทาง ซ้าย-ขวา ก่อนเมื่อชำนาญแล้ว จึงค่อยไป บน-ล่าง ทีละข้าง จากนั้นจึงทำทั้ง 2 ข้าง และค่อย ๆ เพิ่มไปเรื่อย ๆ จนได้ทั้งตัว จากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็น "นั่งคุกเข่า" แล้วใช้ "จิตเคลื่อนร่าง ทำการ กราบพระ" แล้วจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่า "เวลา เทพหรือพรหม กราบพระ" นั้น มีลักษณะอาการ รวมทั้งความสวยงามและสง่างาม อย่างไร

    พี่คะเมื่อเราทำได้แล้วจะทำอย่างไรต่อไปคะ แต่ยังไม่ ๑๐๐ % คือ ลงไปแต่ตัวมือยังไม่ลง (รู้สึกดีมากๆ อิอิ ) แต่พยายามจะทำให้ได้สังเกตุว่าร้อนมากเหงื่อเต็มตัวเลยค่ะ
     
  18. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ควรทำให้ได้ และ ชำนาญ จนเกิดความรู้สึกเหมือน เวลา "นั่งแช่อยู่ในน้ำ" แล้ว "ปล่อยให้ แขน หรือ ขา มันลอยขึ้นมาเหนือน้ำเอง"

    +++ เมื่อได้แล้ว ที่ว่า "(รู้สึกดีมากๆ อิอิ )" นั้น "ยังเทียบไม่ได้" กับของใหม่ที่จะกลายเป็น "(สุดยอดมาก .. มากๆ อิอิ )" เลยทีเดียว

    +++ แรก ๆ "ร้อนมากเหงื่อเต็มตัว" นั้นถูกแล้ว ตอนนี้คงพอเข้าใจได้บ้างแล้วนะว่า คำว่า "กำลังภายใน" หมายถึงอะไรกันแน่

    +++ ยามใดที่คุ้นเคยแล้ว เคลื่อนร่างได้ในระดับ "วาระจิต" มันจะเปลี่ยนเป็น "เย็นสบาย แผ่วพริ้ว" เข้ามาแทนที่ (คล้าย ๆ กับโฆษณาในหนัง) นั่นแหละ
     
  19. ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    เห็นอาจารย์พูดเรื่องเคลื่อนร่างอยู่พอดี ผมมีประสบการณ์เรื่องนี้โดยบังเอิญ เผื่อเป็นประโยชน์ต่อผมและท่านอื่นๆครับ
    1.เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้วกำลังนั่งรื้อถ้วยชามที่มุมห้องในห้องเก็บของ จะเอ๋กับงูในระยะห่างประมาณ1 ศอก วูบเดียวผมถอยหลัง 4ก้าวถึงพื้น
    ก้าวแรกถอยหลังถึงประตู ชำแรกผ่านประตูชึ่งแง้มอยู่ประมาณ1คืบกว่า ตอนแทรกผ่านประตูเหมือนลอยอยู่ รู้สึกถึงชายผ้าที่พริ้วโดนลมเป็นเนื้อเดียวร่างกาย
    ก้าวสองผ่านประตู
    ก้าวสามถึงนอกชานซึ่งยกสูงประมาณหัวเข่า
    ก้าวสี่ ถึงพื้น(ระยะทางก็ประมาณ 4 เมตร)
    เป็นความรู้สึกวูบเดียวต่อเนื่องกัน พริ้ว สบายดี จับรายบะเอียดตอนเริ่มวูบไม่ได้เท่านั้นครับ

    2.ก็สิบกว่าปีเหมือนกัน กำลังเดินอยู่คิดโน้นดิดนี้เรื่อยๆ รู้สึกได้ว่าได้ปะทะกับแรงๆหนึ่ง วูบเดียวคล้ายกับผมถูกผลัก(อุ้ม)กระเด็นถอยหลังไปประมาณ 2 วา ก้มดูถึงรู้ว่าเป็นงูชื่งถ้าไม่เจอแรงนี้คงเหยียบ
    ไม่แน่ใจในสภาวะแต่ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกับมีสนามแม่เหล็กที่มีความแรงเท่ากันผลักกันมากกว่าครับ
     
  20. ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ เรื่อง "จิตเคลื่อนร่าง" กับเรื่อง "ย่นระยะทาง" นั้น ไม่น่าจะเหมือนกัน เพราะ "จิตเคลื่อนร่าง" ใช้เจตนาในการเคลื่อน และ ไม่มีอาการกระชากแบบ "ย่นระยะทาง" ส่วนเรื่องที่เล่ามาข้างบนนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับ "ย่นระยะทาง" มากกว่า

    +++ ให้สังเกตุการฝึกที่ "เกาะพงัน" โฉลกหลำ ดู ตอนนั้นคือการฝึก "จิตเคลื่อนร่าง" ส่วนอาการที่เล่ามาข้าางบนนั้น "ต่างกันอย่างไร" ลองสังเกตุดูนะ

    +++ ตัวอย่างเรื่อง "ย่นระยะทาง" เคยโพสท์ไว้นานแล้ว อยู่ที่นี่

    http://palungjit.org/posts/6898810
     

แชร์หน้านี้