"พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินได้ฟังมาจาก หลวงตารูปหนึ่ง ณ.ที่วัดที่อำเภอ ศรีราชา ขณะนี้ท่านเองยังมีชีวิตอยู่เป็นภิกษุผู้มีวัยเกือบ 80 ท่านเป็นภิกษุผู้เคร่งในศีลน่าเคารพมาก การสวดมนต์ท่านสามารถท่องบทสวดหนังสือมนต์พิธีได้ทั้งเล่มรวมถึงบทปาฎิโมกข์ด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า ท่านเป็นผู้ที่บวชเมื่ออายุมาก ตอนพรรษาต้นๆ ปี2532ท่านได้เดินทางไปที่ถำ้ผาจม จ.เชียงรายและได้พบกับคณะพระธุดงธ์คณะหนึ่งกำลังหาพระภิกษุร่วมเดินทางไปประเทศอินเดียให้ครบเก้ารูปเพื่อสักการะสังเวชสถานทั้งสี่ตำบล ท่านจึงตอบตกลงร่วมคณะเดินทางไป วิธีการเดินทาง คือ การเดินเท้าข้ามประเทศพม่าและต้องหลบหลีกเจ้าหน้าที่ของพม่าด้วยเนื่องจากเวลาขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังไม่ราบรื่นนัก เอกสารหลักฐานคือใบสุทธิเพียงอย่างเดียว
ปัจจัยเงินทองทั้งหมดไม่รับ ทั้งหมดต่างปวารณาถือธุดงธ์ควัตรเอาชีวิตเป็นเดิมพัน การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าไม่เคยได้กินอิ่ม อดข้าวเป็นเรื่องปกติ 2วันบ้าง 4วันบ้าง แต่กระนั้นทุกรูปยังคงความสามัคคี ไม่มีใครท้อทอยหรือแสดงความเห็นแก่ตัวตามวิสัยปุถุชนออกมา
จนกระทั่งถึงขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ทุกรูปเดินเท้าอย่างหมดแรง กลางป่าลึก หาบ้านคนไม่ได้ ต่างคิดว่าตายแน่ ๆ เอาชีวิตมาทิ้งแล้วหนอ พลันสายตาทุกรูป เห็น บุรุษผู้หนึ่งรูปร่างผอม นุ่งผ้าสีย้อมฝาดขมุกขมอมผืนเดียว ผมยาวประมาณ1ฝ่ามือ ที่ไหล่สะพายข้องจับปลา ที่มือถือไม้แหลม กำลังก้มหน้าก้มตาเอาไม้แหลมแทงลงในซอกหิน เหมือนคนกำลังหาปลา ทุกครั้งที่เสียบลงไปจะมีปลาดิ้น ติดมาที่ไม้แหลมทุกครั้ง ทุกรูปเห็นแล้วก็คิดในใจว่า พระหรือคนบ้าหนอ แค่คิดในใจ ท่านก็ตะโกนออกมาว่า ก็พระซีว่ะ แล้วพระทุกรูปคิดต่อในใจว่าทำไมเป็นพระแล้วแต่งกายแบบนี้ ท่านก็ตะโกนสวนออกมาว่า แล้วการเป็นพระ มันอยู่ที่หัวเหรอ มันอยู่ที่จีวรเครื่องนุ่งเหรอ หลวงตาก็เลยพูดขึ้นว่า แล้วเป็นพระทำไมฆ่าสัตว์ต้ดชีวิตล่ะ ท่านก็เดินเข้ามาแล้วทำท่าเหมือนโกรธ ขว้างข้องจับปลาลงกับพื้น แล้วบอก กูไม่ทำก็ได้ว่ะ ปรากฏว่า ในข้องกลายเป็นรากไม้ทั้งหมด แล้วท่านก็พูดต่อ กะว่ามากันเหนื่อยๆ จะต้มยาให้กินเสียหน่อย พระภิกษุทุกรูป จึงก้มกราบ ขอขมากรรม ณ ที่ตรงนั้น ท่านจึงพาทุกคนไปในถำ้ที่พักของท่าน ตอนไปนี่แปลก ทุกคนเหมือนไม่ได้เดิน หรือออกแรงกันเลย พอถึงที่พักท่าน นำอาหารมาให้ทานก็แปลกอีก อาหารแม้เพียงน้อยแต่ทุกคนกลับอิ่มพอดี กำลังวังชากลับเป็นปกติอย่างเหลือเชื่อ โรคที่หลวงตาเป็นก็เหมือนจะหายไปเลย แล้วท่านก็ออกมาสนทนาธรรม กับทุกคน ท่านบอกว่าดีนะที่เจอท่าน มิฉะนั้นต้องมีคนตาย อย่างแน่นอน ภิกษุรูปหนึ่งกล่าวว่า ถ้ารอดไปได้จะกลับมากราบท่านอีก ท่านกล่าวว่าทุกท่านจะเจอกับผมครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แล้วก็ทำนายทายทักทุกคน ซึ่งก็เป็นไปตามคำทำนายทุกประการ ครั้นพอถึงรุ่งเช้า ท่านก็บอกว่า ให้เดินทางไปตามเส้นทางนี้นะ แล้วจะรอด ทุกรูปก็เดินไปตามที่ท่านบอก ก็พบทางรอดจริงๆ คือ ไปเจอกับทหารพม่า แล้วก็ถูกควบคุมต้วส่งกลับชายแดนไทยทั้งหมด ช่วงถึงชายแดนนั้น ทุกรูปพึ่งคิดได้ คือ พวกท่านอยู่ใจกลางป่าลึกของประเทศพม่า ค่อนข้างไปทาง บังคลาเทศ แล้วทำไมภิกษุรูปนั้นถึงพูดภาษากลางชัดเจนขนาดนั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง บุคคลที่เกี่ยวข้องยังมีชีวตอยู่ ผู้พูดเป็นภิกษุผู้มีศีลอันงดงาม แต่ขอปิดชื่อ ที่อยู่ไว้ ไม่อยากให้ใครไปรบกวนสมณะธรรมของท่าน
ครั้งหน้าถ้ามีโอกาศ ผมจะเล่าเรื่อง ภิกษุผูโอหังกับหมอผีกะเหรี่ยงครับ
พระป่าผู้ลึกลับ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย wat48, 17 มีนาคม 2013.
หน้า 1 ของ 2
-
ขอขอบคุณ และอนุโมทนาอย่างสูงครับ ได้ฟังเรื่องความเพียรอย่างนี้แล้วทำให้มีความตั้งใจ และมุ่งมั่นมากขึ้นครับ....สาธุ...สาธุ...สาธุ
-
ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ
-
การปฎิบัติอันมุ่งมั่น ขออนุโมทนากับพระอาจารย์ทุกท่านด้วยครับ
-
อนุโมทนา สาธุ อ่านแล้วได้ความรู้ดีจัง อยากรู้เสียแล้วสิว่าพระภิกษุรูปนี้คือท่านใด และพระป่าลึกลับคือใคร
-
อนุโมทนาครับ ขอให้ท่านผู้ทรงศีลที่งดงามทุกท่านช่วยคุ้มครองประเทศชาติให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงครับ สาธุครับ สาธุ
-
และขอขอบพระคุณท่าน จขกท ด้วยครับ ที่นำมาลงให้อ่านเป็นธรรมทาน สาธุ... -
เรื่องคล้ายๆในหนังสือหลวงพ่อฤาษีธุดงค์เลยนะครับ
-
MANENAKA WANGKATEKEAW เป็นที่รู้จักกันดี
สาธุ สาธุ สาธุ ขอกราบน้อมน้อมแด่ องค์พระผู้ปกิบัติดี ปฎิบัติชอบ
-
พระที่ได้อภิญญาท่านจะอยู่ในป่าครับ จะไม่ค่อยมาวุ่นวายกับชาวโลกเท่าไหร่
นอกจากท่านที่ภาระหน้าที่ต้องโปรดญาติโยมจากในอดีตชาติ
พระไม่ได้อยู่ที่เครื่องนุ่งห่ม แต่อยู่ที่ใจ
ขออนุโมทนาที่นำเรื่องดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง -
นับว่าเป็นบุญของข้าพเจ้าแล้วที่ได้อ่าน
โมทนาสาธุ
ขอให้มีเมตตาและเจริญในธรรม
ข้าพเจ้าเกิดมาต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง -
อนุโมทนาสาธุด้วยครับ..ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นในอีกทางหนึ่ง สาธุ
-
ขออนุโมทนาสาธุคะ อ่านแล้วเป็นสุข
จะรอเรื่องใหม่นะคะ
ขอให้เจ้าของกระทู้มีแต่ความสุขความเจริญคะ -
มีเรื่องราวให้ฟังต่อมั๊ยคะ รอค่ะ รออออออออออออ
-
-
ตั้งจิตระลึกกราบนมัสการหลวงปู่พระป่าผู้ปฏิปทาค่ะ สาธุ ....
-
จขกท. หายลึกลับ!!
-
สำหรับข้อความติชม ที่ส่งมาโดยตรงหลังบอร์ด ผมขอตอบรวมๆ ดังนี้
1.หลวงตาผู้เล่า ท่านมีอายุมากแล้วครับ วัยเกิอบ 80 ร่างกายก็ชำรุดเป็นธรรมดา ท่านเคยเป็นเจ้าอาวาส แต่ตอนหลังทิ้งภาระทั้งหมด ปัจจุบันเป็นพระลูกวัดธรรมดา โดยเฉพาะท่านไม่ชอบให้ใครวุ่นวายกับท่าน ไม่สุงสิงกับใคร ถ้าไม่มีเหตุหรือกิจอื่น ก็จะอยู่ในกุฎีกับโบสถ์เท่านั้น
2.พระป่าในดง มีจริงไหม ถ้าให้ผมเทียบ ก็คงประมาณ พระขทิรวนิยเรวตเถระ เอตทัคคะ อันเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้อยู่ป่าเป็นวัตร ท่านแสดงฤทธิ์ในคราวที่พระศาสดาพร้อมด้วยพระสาวก 500 รูปเสด็จไปเยี่ยม ตอนทรมานพระหลวงตาจอมติเตียน หรือถ้าจะให้เทียบกับปัจจุบัน ก็ประมาณที่ชาวบ้านได้ไปพบ หลวงปู่สงฆ์ จันทสโร วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ในสภาพหนวดเครารุงรัง ส่วนประวัติหลวงปู่สงฆ์นั้นน่าสนใจมากถ้ามีโอกาศ ผมจะหามาเล่าให้ครับ
3.อภิญญา และ อิทธิทั้งหลายมีจริงหรือไม่ อันนี้ทุกท่านต้องใช้หลักกาลามสูตร 10 ประการเอาเอง ถ้าถามในส่วนตัว ผมเคยตอบในโพส คลิปพลังไฟ ทำของไหม้! ไม่มีตัดต่อแล้ว ประสบการณ์เหล่านี้ผมเคยเจอด้วยตนเอง หลายเหตุการณ์ แม้กระทั่งไปเถียงเรื่อง สภาวะแห่งพระนิพพาน กับพระอรหันต์ก็เคยมาแล้ว ของเหล่านี้มีจริงครับ แต่สัมผัสได้ด้วยการปฎิบัติ มิใช่แค่การคิด หรือการวิจารณ์ เพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฎิบัติ
มิใช่ศาสนา แห่งการคิดหรือแค่ศรัทธาเท่านั้น
4.พระอรหันต์ปัจจุบัน มีจริงครับ และหลายท่านมิได้มีชื่อเสียงใดๆเอ่ยนามก็ไม่มีใครรู้จัก คำตอบก็เช่นเดียวกับข้อ 3. ครับ
ผู้เขียน ทางธรรมก็ยังไม่ไปถึงไหนยังวุ่นวายกับโลกอยู่ ถ้าผิดพลาดประการใดทั้ง กาย วาจา จิต ขออโหสิกรรมแก่ทุกท่านด้วย ขออนุโมทนาบุญทุกท่านครับ -
ถ้าไม่มีคำว่าขอขมากรรมจะดูน่าเชื่อถือกว่านี้ คำว่าขอขมากรรมเป็นคำประดิษฐ์ พึ่งจะเคยได้ยินจากริวตูดสัมผัส สัมผัสได้ยังกับตาทิพย์ พระจำนวนมากบวชเป็นสิบๆปียังไม่สัมผัสได้อย่างมัน อาจเป็นได้ว่าคนเขียนดูรายการคนอวดหมีบ่อย
เดิมๆขอขมาก็ขอขมา -
หน้า 1 ของ 2