ไอสไตน์พบพระพุทธเจ้าเห็น..และมนุษย์ทั่วไปทำตามได้อย่างไร
rat_wting;aa54มีการรวมแรงแรงทั้ง 4 แรงเอาไว้
พร้อมทั้งค้นหามิติที่ 4 ที่ว่าด้วยเรื่องเวลา
ถ้าเมื่อใดก้อตามที่เวลามีความเร็วเท่ากับแสงจะเกิดอะไรขึ้น
มนุษย์ก้อจะสามารถหายตัวได้..ย้อนเวลาไปหาอดีตและอนาคตได้
ไอสไตน์เสียชีวิตก่อนที่กำลังจะค้นพบเรื่องมิติที่ 4 ได้สำเร็จ
แต่..พระพุทธเจ้าทรงพบแล้วว่าสิ่งหนึ่งที่มีความเร็วเท่ากับแสงคือ จิต
จิตมีการเกิด-ดับได้เร็วยิ่งกว่าแสงดังนั้น
.การมีหูทิพย์ ตาทิพย์ หายตัวได้ รับรู้เรื่องอดีตและอนาคต
ดังนั้นต้องศึกษาเรื่องจิต....ต่อไป...
....................................................โปรดติดตามตอนต่อไป..
..............ครูฟ้า....ฟิสิกส์...ชลบุรี(||);aa24
พระพุทธศาสนากับฟิสิกส์ควอนตัม "ความเหมือนที่แตกต่าง"
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 1 พฤษภาคม 2009.
หน้า 2 ของ 2
-
ผมมองว่าถ้าเทียบกันในแง่การพิสูจน์แล้ว ฟิสิกส์แบบนิวตันกลับกลายเป็นฟิสิกส์แบบอ้างอิงจากผัสสะ เพราะมองวัตถุหรือพลังงานหรือปรากฏกาลใดๆในช่วงระยะเวลาหนึ่งในสภาวะหนึ่งๆที่สามารถสัมผัสได้แค่นั้น(ด้วยการได้ยิน ได้สัมผัส มองเห็นได้ หรือได้กลิ่น) แปลว่ากฏต่างๆของฟิสิกส์แบบยุคที่ผ่านมาใช้ได้แค่ในสภาวะหนึ่งๆในช่วงเวลาที่เราสัมผัสได้แค่นั้น ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ว่ากฏต่างๆนั้นจะเป็นนิรันดร์ได้หรือไม่
ยกตัวอย่างถ้าคน(หรือสัตว์)ที่มีประสาทสัมผัสแตกต่างไปก็จะอธิบายกฏทางธรรมชาติต่างกันไปด้วย ในขณะเดียวกันอาจจะมีพลังงานที่เกิดขึ้นโดยไม่สามารถมองเห็นทางผัสสะหรือด้วยเครื่องมือที่ต้องใช้ผัสสะพิสูจน์ด้วยก็เป็นได้
ตัวอย่างเรื่องสนามพลังแม่เหล็ก ถ้าเราไม่ใช้เครื่องมือวัดฟิสิกส์ก็ยังคงเชื่อว่ามันอาจจะไม่มีจริง แต่พอสามารถวัดได้ก็เลยยอมรับแบบนี้เป็นต้น
หรือแม้แต่ในเรื่องการปลดปล่อยพลังงานของกัมตภาพวัตถุ ถ้าไม่มีการสังเกตุเห็นเกิดปฏิกิริยาของโลหะวัตถุ(เกลือยูเรเนียมกับเงิน)ก็จะไม่มีการนำพาไปสู่การทดสอบเรื่องสารที่ปลดปล่อยพลังงานได้เองและเปลี่ยนรูปไปเช่นสารกัมตภาพ ซึ่งจริงๆแล้วมันก็มีอยู่ในธรรมชาติเป็นปกติอยู่แล้วเป็นต้น พอเกิดสิ่งที่พิสูจน์ด้วยผัสสะได้ฟิสิกส์จึงยอมรับมัน อะไรประมาณนี้
ทั้งๆที่ปรากฏการณ์อีกมากมายทั้งๆเคยมีอยู่ กำลังจะมี หรือมีอยู่ในปัจจุบัน ฟิสิกส์อาจจะยังไม่สามารถทดสอบ หาคำตอบด้วยผัสสะอีกเป็นจำนวนมากได้ แต่ในอนคตเมื่อทดสอบด้วยผัสสะได้อาจจะผนวกมันเข้าไปกับฟิสิกส์ก็ได้อีกอย่างที่ทำๆกันมา -
แท้จริงแล้ว...เราก็แค่พยายามจะหาหรือสร้างทฤษฎีเพื่อมาอธิบายสิ่งที่เราไม่เข้าใจเพื่อให้เข้าใจ...และสุดท้ายสิ่งที่คุณเข้าใจว่าเข้าใจแล้วนั้นคุณอาจจะไม่เข้าใจมันเลย......
เป็นไปได้มั๊ยว่าโลกของเรา....ก็แค่อิเล็กตรอนตัวหนึ่งที่หมุนวนโปรตรอนอย่างสิ่งที่เรียกว่า...พระอาทิตย์ -
-
อ้างอิงจากวงจรปฏิจสมุปบาทนะครับ
จิต(วิญญาณ) มีได้ก็เพราะการปรุงแต่งไปบนโมหะอวิชชา ดังนั้น จิตจริงๆจึงไม่มี ทุกสรรพชีวิตล้วนมีพุทธะอยู่แล้ว สิ่งนั้นคือมโนธาตุอันเป็นเนื้อหาดั้งเดิมที่ถูกอวิชชาครอบงำอยู่ จนเกิดเป็นจิต จนเกิดเป็นนามรูป
การเข้าไปกำหนดสติ(วิญญาณขันธ์)มันก็คือไปอุปาทานหรือยึดอยู่กับจิต ทำให้เกิดสภาวะ "คล้ายนิพพาน" แต่ไม่ใช่นิพพาน เป็นกรรมที่กระทำบนวิญญาณขันธ์เท่านั้น
และจิตเองนั้นก็คือการปรุงแต่งบนตัวมันเองว่าเป็นจิตว่าเป็นเรา การเข้าไปเจริญสติก็ไม่ต่างจากการไปเจริญอัตตานั่นแหละครับ กำหนดรู้ กำหนดเห็นขึ้นมาที ก็อัตตาแล้ว
เมื่อโลกธาตุนี้ไม่มีอะไรเป็นตัวตน(อนัตตา) แล้วจะเอาใครไปฝึกอะไร เอาอะไรไปกำหนดอะไรได้เล่า มันก็หลงไปทำทั้งนั้น แค่ปลง ไม่เข้าไปบังคับกายบังคับจิต ไม่ดิ้นรน ไม่ต้องไปยึดสภาวะอารมณ์ใดๆมันก็จบโดยตัวมันเองอยู่แล้ว กรรมทั้งหลายมันก็จะคลายของมันเอง (เมื่อไม่บังคับสภาวะธรรมใดๆที่เกิดกับกายกับจิต มันก็จะคายพลังงานผิดปกติที่เรียกว่ากรรมออกไป แล้วเข้าสู่สมดุลแท้จริงที่เรียกว่านิพพานไปเองโดยไม่ต้องเข้าไปทำอะไร)
หน้า 2 ของ 2