พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นรัตนที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย zenit, 16 กันยายน 2012.

  1. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    พุทธธัง สรณัง คัจฉามิ นามะ รูปัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ธรรมมัง สรณัง คัจฉามิ นามะ รูปัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นามะ รูปัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    พุทธธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธรรมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    นามะ รูปัง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    อนันตัง ชัยมังคลัง พุทธัง
    อนันตัง โคจรัง ธัมมัง
    อนันตัง อริยัง สังฆัง
    อนันตัง วิมุตมัง โพธิญา


    ลูกช้างขออาราธนาคุณพระพุทธเจ้าเป็นรัตนที่เกิดขึ้นบนกลางกระหม่อม ของลูกช้าง เป็นมหาสติ มหาปัญญา เป็นที่พึ่งและที่ระลึกของลูกช้าง (เพื่อให้เกิดสมถะ)

    ลูกช้างขออาราธนาคุณพระธรรมเจ้าเป็นรัตนที่เกิดขึ้น บนหว่างคิ้ว เป็นธรรมจักษุ(ดวงตาที่3) เป็นที่พึ่งและที่ระลึกของลูกช้าง (เพื่อให้เกิดสมถะ)

    ลูกช้างขออาราธนาคุณพระสงฆ์เจ้าเป็นรัตนที่เกิดขึ้นมา สู่ตัว สู่จิต สู่ใจ กึ่งกลางดวงหทัยของลูกช้าง เป็นสัมปปัชชญะ(รู้ตัวทั่วพร้อม)เป็นที่พึ่งและที่ระลึกของลูกช้าง (เพื่อให้เกิดสมถะ)

    นามธรรม(เกิดขึ้นในจิต,ภายใน) และ รูปธรรม (เกิดขึ้นบนโลก,ภายนอก) ทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และจับยึดไม่ได้ (เพื่อให้เกิดวิปัสสนา)

    พระพทธเจ้า พระองค์ท่านเป็นตัวอย่างแห่งชัยชนะต่อสิ่งต่างๆที่เราวิตกกังวลกลัว (กิเลส) ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    พระธรรมเจ้า เปรียบเสมือน ธรรมชาติ ธาตุ4 หรือ ธรรมารมณ์ ที่มีอยู่ภายนอก และภายในที่แสดงให้เห็นถึง การเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอน เป็นวัฏจักรที่ วนเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    พระสงฆ์เจ้า ตราบใดที่พุทธศาสนิกชนทุกท่าน บริษัท 4 ทุกท่าน ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็รที่พึ่งมรรค4ผล4 นิพพาน1 ทั้งพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ ดำเนินตนตามด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา พระอริยะเจ้า จะไม่มีวันหมดไปและล้วนเกิดขึ้นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    พระโพธิสัตย์เจ้าที่กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ก็ดี หรือที่เสวยวิมุตติ์สุขอยู่ก็ดี ล้วนมีอยู่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

    ขอให้ทุกๆท่านได้ครอบครองพระรัตนตรัย ที่เป็นอริยทรัพย์และรักษาไว้ตราบต่อเข้าสู่ประตู ปริพพาน ณปัจจุโย โหตุ
     
  2. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    พุทธังอาราธนาณัง
    ธัมมังอาราธนาณัง
    สังฆังอาราธนาณัง

    องค์พระรัตนตรัยเกิดในจิตใจ.เป็นอริยทรัพย์
    ใช้ฝึกสมถกรรมฐานและวิปัสนากรรมฐานได้ด้วย
    เมื่อตายไปจะติดตัวเราไปเองทุกภพทุกชาติไม่หายไปไหนเป็นอริยทรัพย์

    ..ดีกว่าเป็นวัตถุสิ่งของหรือทรัพย์สินทางโลกที่ให้เราต้องห่วงหรือติดยึด
     
  3. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นเรื่องไม่ไกลตัวเลย

    กราบหมอน 3 ทีก่อนนอนทุกคืน ระลึกถึง......

    พุทโธ...รู้ ตื่น เบิกบาน (จิตที่เข้าถึงพุทธะ เป็นจิตที่ไม่ประมาท ว่องไว และ อิสระ)

    ธัมโม...อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (ธรรมทั้งหลายล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป)

    สังโฆ...ศีล สมาธิ ปัญญา (อริยะสาวกดำรงตนด้วย ความสะอาด สงบ สว่าง)

    ...............แล้ว....โอปนยิโก น้อมเข้ามาสู่ตัว สู่จิต สู่ใจ .......ขอโชคดีกับภัยพิบัติคับ
     
  4. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    หนังเรื่อง green lantern เป็นเรื่องของผู้พิทักษ์จักรวาล ในชุดสีเขียว....หนังพยายามสื่อว่าความหวาดกลัวของนักรบ จะเป็นตัวทำลายอาณาจักรของนักรบ green lantern เอง

    ภัยพิบัติที่ก่อให้เกิดความทุกข์และทรมานที่สุดคือ ภัยที่เกิดขึ้นจากความกลัว ความไม่รู้ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด ที่ได้เกิดขึ้นในจิตของทุกๆคน

    ภัยนี้ได้ก่อตัวหนักมาตั้งแต่ปี2000และได้หนักเพิ่มมากขึ้นในปี2012
    ภัยจะเกิดจริงอย่างที่ทำนายไว้หรือไม่..........
    แต่คนเราทุกวันนี้ได้โดนทดสอบจากธรรมชาติในด้านจิตใจแล้ว
     
  5. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ความกลัวใช้ให้พอดี...คือความไม่ประมาท.มีสติ
    เหมือนรถเทียมม้า..ที่จะใช้หนีภัยพิบัติ
    ล้อหน้า 2 ล้อ....ต้องมี ล้อ1 คือศรัทธา
    และล้อ 2 คือปัญญา ควบคู่กัน
    หมายถึง ต้องมีความเชื่อเป็นกำลังและต้องประกอบด้วยปัญญา ไม่งมงาย เพราะทกสิ่งก็ไม่แน่นอน เช่นอาจมีศรัทธาต่อดช.ปลาบู่ ปลายปีนี้มีจริงไม่ประมาทแต่ถ้าไม่เกิด ตามไตรลักษณ์ อนิจจังไม่แน่นอน ทุกข์ จับยึดไม่ได้ ก็ขอให้ไม่ประมาท ศึกษาธรรมที่องค์พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ซิแน่นอน

    ล้อหลัง 2 ล้อ....ต้องมี ล้อ1 คือสมาธิ
    ล้อ2คือวิริยะ
    หมายถึง เรามีความเพียร ขวนขวายในการดิ้นรน อยู่รอด เตรียมเป้ฉุกเฉิน นั่นเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อสถานการณ์จริง จิตใจต้องตั้งมั่น มีความนิ่ง สุขุมรอบคอบ เป็นสมาธิ ถ้ารนรานจนเกินไป....สิ่งที่เตรียมไว้อาจลืมไปหมดได้เลย ดังนั้นร่างกายและจิตต้องพร้อมในการรับภัยพิบัติด้วยครับ

    สติ....ตัวกลางหมายถึงคนขับรถเทียมม้า ที่จะนำพาให้รถพ้นจากภัยอันตราย พาครอบครัวไปยังจุดหมาย ผู้ที่จะขับรถต้องประคับประคองล้อทั้ง 4 ให้สมดุล และคอยตรวจเช็ค เติมลมยางให้พอดีๆอยู่อย่างเสมอๆ อย่าให้ล้อใดล้อหนึ่ง แฟ้บหรือบวมมากไป
    แล้วรถคันนี้จะพาคุณและครอบครัวไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัยครับ
     
  6. ดนยา

    ดนยา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2012
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +41
    อ่านแล้วน้อมนำ พร้อมสติที่ต้องมีอยู่ทุกเมื่อเลย

    อนุโมทนา สาธุค่ะ..
     
  7. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ขออนุโมทนาบุญกับผู้ปฏิบัติชอบในธรรมทุกๆคน
    จิตใจที่มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง และที่ระลึก
    เกิดเป็น ทาน ศีล และภาวนา พลังจิตที่เป็นบุญกุศลเหล่านี้
    จะช่วยให้ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดำรงและตั้งมั่นอยู่ด้วยความเจริญ ยิ่งยืนนาน ตราบชั่วลูกชั่วหลานตลอดกาลและตลอดไป
     
  8. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    http://palungjit.org/threads/การปฎิบัติจิต-ตั้งอารมณ์ใจ-เมื่อมีแต่ข่าวภัยพิบัติ.313601/
    ขออนุโมทนาบุญต่อท่านที่ได้เผยแผ่ธรรมะที่องค์พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ต่อเพื่อนมนุษย์
    ท่านดาบหัก เจ้าของกระทู้ การปฏิบัติจิต-ตั้งอารมณ์ใจ-เมื่อมีแต่ข่าวภัยพิบัตินะครับ สาธุครับ
     
  9. zenit

    zenit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,014
    ขันธ์ 5 เป็นสิ่งที่องค์พระพุทธเจ้าเราได้บอกและได้แยกแยะ...ให้เราได้เข้าใจจากชั้นที่หยาบ ไปกลาง ไปละเอียด...เหมือนต้นไม้ จากกระพี้ จากเปลือก จากเนื้อ จนถึงแก่น จนถึงความมีในไม่มี...คือเล็กจนตามองไม่เห็นเป็นเพียงพลังงาน

    ผมได้ยินคำว่า 5 มิติ..ผมนึกถึง พีระมิดที่มีอยู่ 5 มุม 4มุมคือฐาน และอีกมุมนึงก็คือยอด
    พิจารณาไปมาเห็นว่า......มิติหรือชั้นที่ซ้อนๆกันอยู่ในอัตลักษณ์ของตัวเราทุกคนถ้าแบ่งอย่างง่ายก็มี 2 มิติคือกาย กับใจ รูปกับนาม......แต่ถ้าให้ละเอียดครบถ้วยนั้น มันจะซ้อนกันอยู่ถึง 5มิติเลยทีเดียว คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ

    บุคคลใดที่จะข้ามสู่วิทยาการ 5มิติ.....ไม่จำเป็นต้องละขันธ์...แต่ต้องตั้งโปรแกรมให้แก่ขันธ์ใหม่

    คือ 1.รู้จักขันธ์ 5 คืออะไร

    คนทกวันนี้ไม่รู้จักขันธ์5 รู้ก็แค่เคยได้ยินผ่านๆ ไม่เคยพิจารณา
    บางคนดำเนินชีวิตแค่2มิติคือ .........ใจอยากอะไรสั่งกายทำแค่นี้เอง...
    .........หรือไม่แน่แค่มิติเดียวคือ....ใช้อารมณ์ความรู้สึก(เวทนา)ในการดำเนินชีวิตอย่างเดียว..แม้ใช้กายทำก็ขาดสติ

    ซึ่งจริงๆนั้น....คนที่ใช้ความคิด(สังขาร)ด้วยนั้นย่อมละเอียดกว่า...เป็นการดำเนินชีวิตแบบ3มิติคือ......กายทำ..ใจรับความรู้สึก.... สมองคิด...อันนี้ดีขั้นมาหน่อย

    บุคคลต่อมาที่ได้มีการเรียนรู้มีวิชา ทางโลกหรือทางธรรม...มีภูมิธรรม..ย่อมมีความจดจำ(สัญญา)มีสัญญาที่เป็นกุศล หรือ อกุศล หรือกลางๆ..จะมีระบบความคิดที่ละเอียดมากขึ้นเพราะมีการเปรียบเทียบ มีความตรึดตรองไตร่ตรอง....เรียกว่าใช้ความนึกคิด...ไม่ใช่ใช้ความคิดปรุงแต่อย่างเดียว......บุคคลอย่างนี้อยู่ระดับ4มิติ

    ในวิทยาการ5มิติบุคคลที่เหมาะและมีความก้าวไกลทั้ง IQ และ EQ จะต้อง รู้จักจิตวิญาณภายในตัวเรานั่นก็คือ การรับรู้...จงรู้ไว้เสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกชาติภพที่ผ่านมา จิตวิญาณของเรานั้นได้รับรู้ทุกอย่างไว้หมดและยังมีที่ว่างอย่างไม่จำกัดเพราะเป็นพลังงานแสงเรียกว่าGBเป็น อินฟรีนิตี้....ดังนั้นขอให้รู้ไว้....และระลึกเสมอถึงการรับรู้ของจิตวิญาณอันนี้ภายในตัวเรา.....เมื่อคุณมีสติอยู่ในตัวระลึกขึ้นได้ รู้ขึ้นได้ รู้อยู่ที่ตรงไหนนั่นแหละจิตคุณก็อยู่ที่ตรงนั้น....ระลึกรู้บ่อยๆ เผลอไปนึกขึ้นได้ก็กลับมารู้ใหม่....นั่นแหละจะเป็นประตูให้คุณข้ามสู่วิทยาการ5มิติ....ในอีกเร็วๆนี้ที่จะมีเหตุการณ์..ในชั่วชีวิตคุณนี้แหละ.....ไม่ต้องนั่งหลับต่าก็ทำได้นั่งหลับตาก็ทำได้นอนก้ทำได้ไม่ต้องพึ่งคนอื่น ไม่ต้องเกาะคนอื่น แค่ทำแค่นี้ให้ละเอียดลงไปในตัวคุณเอง........องค์พระพุทธเจ้าท่านสอนท่านชี้แนวทาง...เราเดินเอง...พร้อมกับรหัสที่ท่านบอกมา


    ...เหมือนเราต้องรู้จักหน้าเฟสบุ๊ค แล้วต้องใส่รหัส เราก็เข้าสู่อีกโลกนึงเป็นโลกออนไลน์แบบคนๆมนุย์
    ...แต่มิติต่อไปเมืองนั้นเข้าจะต้องทำอย่างนี้....เขามีอินทรีย์สำรวมสังวรณ์ทุกคนใน5มิติ

    1.รูปขันธ์..มีสัมปชัญญะในการ ยืน เดิน นั่ง นอน
    2.เวทนาขันธ์ .มีสติในการรับรู้ความรู้สึกต่างๆไม่ว่าสุข ทุกข์ เฉยๆ..
    4.สัญญาขันธ์...รับรู้ถึงความจดจำหรือการนึกคิดที่ผุดมาเองจากอดีต เป็นประโยชน์หรือไม่ใช่ประโยชน์
    5.สังขารขันธ์.....รับรู้ถึงการปรุงแต่งที่มีขึ้นเกิดขึ้นเป็นกุศลหรืออกุศลหรือเป็นกลางๆ
    6. วิญญาณขันธ์......รับรู้ถึงความเกิดขึ้นและดับไปของวิญญาณ ซึ่งเป็นธาตุรู้
     

แชร์หน้านี้

Loading...