พระมหากษัตริย์ของชาติไทย
<EMBED src=http://www.youtube.com/v/PyUiGTrK5FA&hl=en&fs=1&color1=0x006699&color2=0x54abd6 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></EMBED>
ประเทศไทยมีการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งชาติสืบมาแต่โบราณ เป็นระยะเวลายาว นานกว่า ๗๐๐ ปี นับแต่ “กรุงสุโขทัย” ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นราชธานี เมื่อราว พ.ศ.๑๘๐๐ เป็นต้นมา ในสมัยสุโขทัย พระมหากษัตริย์ทรงปกครองบ้านเมืองในลักษณะของ“บิดาปกครองบุตร” ซึ่งเป็นระบบการปกครองที่เหมาะสมต่อ สถานการณ์ในขณะนั้น เพราะอาณาเขตยังไม่กว้างขวางนัก จำนวนประชากรก็ยังน้อย พระมหากษัตริย์จึงสามารถดู และและสร้างความสัมพันธ์กับราษฎรได้อย่างใกล้ชิด เปิดโอกาสให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมาร้องทุกข์ และเข้าเฝ้าขอความเป็นธรรมได้ตลอดเวลา
เมื่อ ถึง “สมัยอยุธยา” ราชอาณาจักรไทยมีอาณาเขตกว้างขวางใหญ่โตขึ้นมาก การปกครองจึงย่อมมีความซับ ซ้อนแตกต่างไปจากสมัยสุโขทัย แม้จะมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในการปกครองอยู่เช่นเดิมแต่ฐานะของพระ มหากษัตริย์ได้เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยได้รับการยกย่องเป็นพ่อเมืองในสมัยสุโขทัย ก็ได้รับการยกย่องขึ้นเป็น “สมมุติเทพ” ตามคติเทวราชของขอมกันเป็นคติที่ขอมได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดูที่เชื่อใน เรื่องเทพอวตาร โดย เฉพาะวิษณุ (พระนารายณ์) ซึ่งอวตารหรือแบ่งภาคลงมาปราบยุคเข็ญให้แก่ชาวโลก ในสมัยอยุธยาพระมหากษัตริย์ จึงได้รับการเคารพนับถือ และทรงพระราชอำนาจประดุจเทพเจ้าทรงเป็นทั้งเจ้าแผ่นดิน และเจ้าชีวิตของประชาชนมี อำนาจสิทธิ์ขาดในการปกครองราชอาณาจักร
การปกครองในลักษณะดังกล่าว ซึ่งเรียกว่าการปกครอง “ระบอบสมบูรณาสิทธิราชย์”ได้เป็นระบอบการปกครองที่สืบเนื่องมายาวนานตลอดสมัยอยุธยา จนกระทั่งถึงปีที่ ๑๕๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นับเป็นเวลาถึง ๕๗๒ ปี ใน ช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยได้ผ่านทั้งภาวะของการสงครามและภาวะของความสันติสุข มีการติดต่อค้าขายกับ ประเทศอื่นทั้งไกลและใกล้ การติดต่อสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศตะวันตกชักนำให้มีชาวตะวันตกเข้ามาตั้ง ถิ่นฐานตลอดจนรับราชการในแผ่นดิน ทำให้วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามาแพร่หลายในสมัยอยุธยาตอนปลาย แต่ได้หยุดชะงักไปในช่วงสุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากความไม่สงบของบ้านเมือง จนถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ห้ว รัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ วัฒนธรรมตะวันตกจึงเริ่มเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง และตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา คนไทยได้มีโอกาสออกไปศึกษาเล่าเรียนในประ เทศตะวันตกกันมาก จึงได้นำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการปฏิบัติราชการ ตลอดจนนำสิ่งที่ได้พบเห็นหรือได้ประพฤติ ปฏิบัติจนเห็นว่าดีงามเป็นประโยชน์แก่ชาติกลับมาเผยแพร่ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในประเทศอย่างมาก มาย ทั้งทางด้านวัตถุธรรมและนามธรรม จนในที่สุดระบอบการปกครองก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ตามกระแส ของยุคสมัย จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็น “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”อยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญปกครองประเทศ
สถาบันพระมหากษัตริย์จึงเป็นสถาบันที่มีความสำคัญสูงสุดของประเทศ และเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของประชาชนชาวไทยตลอดมา ไม่ว่าในยุคสมัยใด เราต่างระลึกอยู่เสมอว่า ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นมั่นคง ดำรงเอกราชมาได้จนทุกวันนี้ ก็ด้วยพระปรีชาสามารถและพระมหากรุณาธิคุณของพระบุรพมหากษัตริย์ ที่ทรงนำ ประเทศหลีกพ้นอันตรายมาด้วยวิเทโศบายอันชาญฉลาด ทรงปกครองแผ่นดินด้วยหลักทศพิธราชธรรม นำความร่ม เย็นเป็นสุขมาสู่ประชาราษฎร ทรงทะนุบำรุงประเทศให้รุ่งเรืองทั้งทางด้านเศรษฐกิจและศิลปวัฒนธรรม ซึ่งยังคงสืบทอดเป็นมรดกอันล้ำค่า นำมาซึ่งความภาคภูมิใจในความเป็นชาติเอกราชที่มีอารยธรรม เป็นแบบอย่างที่ดีงามมาจนทุกวันนี้
----------------
ที่มา:สำนักข่าวเจ้าพระยา
พระมหากษัตริย์ของชาติไทย | สำนักข่าวเจ้าพระยา
พระมหากษัตริย์ของชาติไทย
ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 27 ตุลาคม 2009.
-
-
อนุโมทนาครับ
นี่คือสิ่งเดียว..ที่เราคิดว่า เรายังเป็นเราอยู่ -
ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต
สาธุครับ จริงๆ แล้วพระมหากษัตริย์ไทยมีมาก่อนสมัยสุโขทัย มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
ขอเล่าสรุปแบบย่อๆ ดังนี้ครับ
เริ่มตั้งแต่พระเจ้าสิงหนวัติ ในสมัยโยนก พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาที่ดอยน้อย คือที่พระธาตุ
จอมกิตติในปัจจุบัน ทรงประทานเส้นพระเกศาให้พระเจ้าสิงหนวัติ ๆ ได้สร้างเจดีย์บรรจุ
พระเกษาธาตุประดิษฐานไว้ที่ดอยน้อย
ต่อมาเมื่อองค์สมเด็จพระบรมศาสดาปรินิพพานพระมหากัสสปเถระพร้อมพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์
อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาถวายแด่พระเจ้าอชุตราช ๆ ได้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
บนยอดเขา ต่อมาสมัยพระเจ้ามังรายมหาราช มีพระอรหันต์นามพระวชิร ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
มาถวาย พระเจ้ามังรายได้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ใกล้ๆ กับเจดีย์ของพระราชบิดา
ได้เรียกขานกันในสมัยนี้ว่าพระบรมธาตุดอยตุง
จากนั้นก็มีการสืบเชื้อสายกันมาอีกหลายสิบรัชกาล จนมาถึงสมัยพระเจ้าพังคราช
ไทยเสียเอกราชให้แก่พวกขอมดำ ต่อมาพระโอรสของพระเจ้าพังคราช
คือพระเจ้าพรหมมหาราช ก็ทรงกอบกู้เอกราชให้แก่ชนชาติไทย ทำให้ชนชาติไทย
ดำรงคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญครับ
www.buddhasattha.com<!-- google_ad_section_end -->