เพื่อการกุศล " พระลีลาแพร่บุญ " โครงการสร้างพระเนื้อตะกั่วเพื่อบรรจุกรุ ฯ ครั้งที่ ๖ ......หมดเขตร่วมบุญแล้ว

อนุโมทนากับผู้ให้ และยินดีกับผู้รับทุกคนครับ

 

สวัสดีปีใหม่ครับ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยอันหาประมาณมิได้จงดลบันดาลให้คุณผาแดงและเพื่อนสมาชิกทุกท่านจงมีแต่ความโชคดีมีความสุขตลอดปี 2556 ปราศจาก ทุกข์ โศก โรค ภัย ภยันตรายใดๆ กระทำสิ่งใดก็สำเร็จสมปราถนาทุกประการ ปราศจากอุปสรรคและปัญหา

 

(f)สวัสดีปีใหม่ครับ

เนื่องในศุภวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ขอส่งความระลึกถึงและปรารถนาดี อำนวยพรให้พี่น้องทุกๆท่านและครอบครัว ประสบแต่ความสุข ความเจริญ สัมฤทธิผลดังปรารถนาทุกประการเทอญ

 

ขอบคุณมากครับพี่ผาแดง เป็นปีใหม่ที่สุดยอดจริงๆ

 

เบอร์ 33 ดันออก 32 ชีวิตช่างหน้าเศร้า มีรางวัลข้างเคียงบ้างไหมครับ :'(

 

(f).....สวัสดีปีใหม่ พ.ศ.๒๕๕๖......

สุรฤกษ์เบิกดิถีขึ้นปีใหม่

คิดสิ่งใดได้สมหวังดั่งใจหมาย

มีชีวิตเปี่ยมสุขทุกข์มลาย

ให้สุขกายสุขใจชื่นระรื่นนาน

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย

ปวงเทพไท้ที่สถิตย์ทุกถิ่นสถาน

จงปกป้องครองคุ้มอภิบาล

สุขสราญเกษมสันต์ทุกวันคืน....


ปีใหม่นี้ขอให้ทุกท่านและครอบครัวมีแต่ความสุข ไร้ทุกข์ หมดภัย คิดสิ่งใดที่ดีอยู่ในศีลในธรรมอันดีงามขอให้สำเร็จทุกประการทุกๆท่านเทอญ.

 

ถ้าได้รับแล้วอยากให้ลองเลี่ยมแขวนเดี่ยวสักอาทิตย์สองอาทิตย์ครับ ไม่หนักคอปล่าวแน่ๆครับรับรองได้

 

ขอบพระคุณ คุณvictorveeครับผม พรใดที่อวยพรให้มาขอพรนั้นย้อนไปสู่คุณvictorvee ร้อยเท่าพันทวีครับ

 

ในปี๒๕๕๖นี้ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงดลบันดาลให้ทุกท่านมีสุขภาพกายสุขภาพใจที่ดี มีชีวิตที่มีความสุข ทุกๆท่านน๊ะครับ

ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เข้ามาดูกระทู้เท่าไหร่เนื่องจากติดภารกิจของคุณพ่อมือใหม่อยู่ครับ แต่จะพยายามช่วยงานพระบรรจุกรุอย่างเต็มที่เหมือนเดิมครับ

 

ครูบาคำปัน ญาณเถระ วัดพระธาตุม่อนเปี๊ยะ มรณภาพแล้ว

หลวงปู่ครูบาคำปัน ญาณเถระ วัดพระธาตุม่อนเป๊ียะ" มรณภาพแล้วเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๐๐ น.




ประวัติโดยย่อ " ครูบาคำปัน ญาณเถระ "

ครูบาคำปัน ญาณเถระ เกิดวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ปี ๒๔๗๖ ปีระกา (ตามหนังสือสุทธิ ) แต่จริง ๆ แล้วหลวงปู่เกิดก่อนนี้ มีการแจ้งเกิดล่าช้า ตามยุคสมัย ที่บ้านเลขที่ ๒๒ หมู่ ๘ บ้านร้อง ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรชายของ พ่อปั๋น แม่สมนา ดีเรือง ชื่อจริง คำปัน ดีเรือง

เมื่อจบการศึกษาระดับประถม ได้ออกมาช่วยพ่อ แม่ ทำนา และเลี้ยงน้อง จนกระทั่งอายุ ๑๘ ปี ได้บวชเณรที่วัดในอำเภอสันป่าตอง ตามคติความเชื่อของชาวเหนือว่า ถ้าลูกชายบวชเณรตั้งแต่ยังเล็กได้บุญยิ่งกว่าบวชพระเพราะถือว่าเด็กยังมีความบริสุทธิ์อยู่ เปรียบเสมือนผ้าขาวที่ขาวสะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อน

ต่อมาจึงได้อุปสมบทเป็นพระมีฉายาว่า "ญาณปุญโญ " ครูบาคำปัน ก็ได้เริ่มศึกษาเล่าเรียนทางวิปัสสานา ฝึกกัมมัฏฐาน จนมีความรู้แตกฉานเป็นที่เคารพของชาวพื้นเมืองและกระเหรี่ยงทั่วไปจนพากันเรียกว่า "ครูบา" และท่านได้เปลี่ยนฉายา เป็น ญาณวโร และ ญาณเถระ ตามลำดับความเหมาะสม

หลวงปู่ครบาคำปัน ญาณเถระ ท่านเป็นพระเกจิล้านนาสายครูบาเจ้าศรีวิชัย ครูบาขาวปี สมัยเป็นสามเณรท่านได้ร่วมบูรณะซ่อมแซมวัดวาอารามต่าง ๆ และสร้างวัดใหม่ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงวัดสบแปะ ท่านครูบาขาวปี ได้ไปสร้างกับครูบาคำปัน และมอบหมายให้ครูบาคำปัน จำพรรษา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่นั่นตามลำดับ สมัยหนุ่มท่านได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติธรรม กัมมัฏฐาน และเดินธุดงค์ ร่วมกับครูบาพรหมา วัดพระบาทตากผ้า หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง ครูบาต๋า วัดบ้านเหล่า ครูบาบุญปั๋น วัดร้องขุ้ม และครูบาอินถา วัดยั้งเมิน ฯลฯ

หลวงปู่ครูบาคำปัน เป็นพระเกจิที่ชอบความสันโดษ ความ เงียบสงบ ชอบบูรณะซ่อมแซมวัดวาอารามที่ร้างเจริญตามรอยของครูบาเจ้าศรีวิชัย ครูบาขาวปี จะจำพรรษที่วัดไหนไม่นาน วัดป่า วัดร้างไหนไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ หลวงปู่ก็จะเดินทางไปบูรณะซ่อมแซมและจำพรรษาอยู่ เป็นต้น

หลวงปู่ครูบาคำปัน เริ่มมีอาการเจ็บป่วยที่ค่อนข้างหนักตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๕ เป็นต้นมา เริ่มจากอาการโรคเก๊าท์ โรคกระเพาะอาหาร ไข้ป่า เพราะชีวิตหลวงปู่ฯ อยู่ในป่ามานาน ฉันอาหารเจ กินอาหารจำพวกผัก มัน กลอย เป็นหลัก จึงไม่ค่อยมีภูมิต้านทานโรค หลวงปู่ฯ เข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยที่โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่มาตลอดทั้งปี และหลวงปู่ฯ ท่านได้สั่งเสียลูกศิษย์เอาไว้ว่า ก่อนถึงวาระสุดท้ายให้นำร่างหลวงปู่ฯ กลับไปมรณภาพที่วัดสบแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่ครูบาขาวปี และครูบาคำปันได้ร่วมสร้างไว้

จนถึงวาระสุดท้ายทางคณะญาติพี่น้องและลูกศิษย์ก็ได้ปรึกษาทางแพทย์ เพื่อขอนำหลวงปู่ครูบาคำปัน กลับไปยังวัดของท่านที่สร้างไว้ และเป็นจุดศูนย์กลางให้ลูกศิษย์มาร่วมทำบุญได้สะดวกที่สุด ใันวันขึ้นปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๐๙.๐๙ นาที ลูกศิษย์ก็ได้นำหลวงปู่ฯ กลับวัดสบแปะ จนถึงเวลาอันสมควรที่ลูกศิษย์ทั่วสารทิศได้มีโอกาสมากราบหลวงปู่ฯ พร้อมหน้ากัน หลวงปู่ฯ ได้ละสังขารลงในเวลา ๑๖.๐๐ น. รวมสิริมายุได้ ๗๙ ปีเศษ ย่าง ๘๐ พรรษา ๖๐ วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๖ เวลาบ่าย ๒ โมง จะมีพิธีสรงน้ำศพ เรียนเชิญลูกศิษย์ทุกท่านร่วมพิธีพร้อมเพรียงกัน ที่วัดสบแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ด้วย



หลวงปู่ครูบาคำปัน ได้เมตตาจารแผ่นชนวนให้กับโครงการสร้างพระเนื้อตะกั่วเพื่อบรรจุกรุรวม ๘๔,๐๐๐ องค์ เมื่อวันที่ ๕ / ๕ /๕๕ ขอกราบนอบน้อมคารวะดวงวิญญาณ บุญบารมี ที่ท่านเคยสร้างไว้ นำท่านสู่สรวงสวรรค์ วิมานด้วยเทอญ

 

เรียนพี่ผาแดง
ขอขอบพระคุณสำหรับของรางวัลครับ และขอส่งความสุขให้พี่ ๆ สมาชิกทุกท่านครับ

 

กราบหลวงปู่ครูบาคำปัน ครับ

น้อมส่งหลวงปู่สู่แดนสรวงทิพย์วิมาน กราบขอบพระคุณที่หลวงปู่เคยเมตตาจารแผ่นชนวนให้กับทางโครงการสร้างพระฯ ครับผม

ขอบคุณน้องยันต์ครูที่แจ้งข่าวให้ทราบครับ

 

วันนี้ผมได้ที่อยู่จัดส่งพระของขวัญปีใหม่ให้กับผู้โชคดีครบทุกท่านแล้วนะครับ

พรุ่งนี้จัดส่งให้ครับผม

 

วันนี้จัดส่งพัสดุของขวัญปีใหม่ให้จำนวน ๖ ท่าน ครับ

คุณSchorlanz EJ 2718 9987 4 TH

คุณNR EJ 2718 9983 0 TH

คุณpoenarak EJ 2718 9986 5 TH

คุณmon_t23 EJ 2718 9984 3 TH


คุณธวัชชัย EJ 2718 9985 7 TH

คุณมนู EJ 2718 9982 6 TH

 

ขอบพระคุณครับพี่ เมื่อได้รับแล้วจะเข้ามาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ

 

ได้รับแล้วครับ ขอให้ร่ำรวย ร่ำรวยนะครับ ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณครับ คุณผาแดงและคุณยันต์ครู
ได้รับพระแล้ว เป็นของขวัญปีใหม่ทีดีมาำกๆเลยครับ
ขอให้สุขภาพแข็งแรงและโครงการสำเร็จลุล่วงครับ(good)

 

รับทราบทุกท่านครับผม ขอบพระคุณที่แจ้งให้ทราบครับ

 

โครงการสร้างพระเนื้อตะกั่วเพื่อบรรจุกรุรวม ๘๔,๐๐๐ องค์

ขอเชิญ

ร่วมสร้างพระเนื้อตะกั่วบรรจุกรุ

ครั้งที่ ๒ ( ภาคเหนือ ) จำนวน ๘,๔๐๐ องค์ ​

วัตถุประสงค์

๑. เพื่อเป็นพุทธบูชาและพุทธานุสสติ
๒. เพื่อเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
๓. เพื่อไว้ใช้เป็นทุนในการบูรณะหรือซ่อม แซม ศาสนวัตถุ เช่น โบสถ์, ศาลา ฯลฯ ของวัดที่ได้รับพระที่ร่วมกันจัดสร้างขึ้นมานี้ไปบรรจุไว้ในอีกอย่างน้อย ๓๐ ปีข้างหน้า
๔. เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าบรมราชินีนาถ, ดวงพระวิญญาณอดีตองค์บูรพกษัตริย์ไทยและอุทิศให้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษนักรบไทยทุกๆท่านที่ได้ร่วมปกป้องแผ่นดินไทยนับแต่อดีตถึงปัจจุบัน


นับตั้งแต่อดีตหลายร้อยปีที่ผ่านมา การสร้างพระเพื่อบรรจุกรุนิยมกระทำกันมาโดยตลอด นับเนื่องแต่สูงสุดคือองค์มหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ เหล่าขุนนาง คหบดี หรือแม้แต่พระสงฆ์ , ฤาษี ที่เป็นผู้นำในการจัดสร้างพระเพื่อบรรจุกรุ โดยอาจเป็นไปตามเชื่อคตินิยมว่าเป็นการสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ ปี ตามที่องค์พระสมณโคดมได้ทรงกล่าวไว้ และเพื่อเป็นการสะสมทุนบุญให้กับตนเองและหมู่คณะ หรือสร้างเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบิดามารดา ครูบาอาจารย์หรือผู้มีพระคุณก็ตาม

ในบรรดาพระกรุที่มีการขุดพบกันหลายสิบหลายร้อยกรุ ดังที่เราๆท่านๆ ได้มีโอกาสรู้จักพบเห็นหรือได้ครอบครองมาบูชากันนั้น นิยมจัดสร้างด้วยวัสดุหลากหลายประเภท เช่น เนื้อดิน เนื้อผง เนื้อโลหะ เป็นต้น โดยในการสร้างพระเนื้อโลหะเองนั้น ก็ยังมีการแยกเป็นหลายประเภท ตามฐานะของผู้มีศรัทธาจัดสร้างตั้งแต่เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนาค เนื้อชินเงิน เนื้อตะกั่ว เป็นต้น

ในจำนวนพระกรุที่ผ่านกาลเวลามานานแสนนานนั้นโดยที่บางกรุอาจมีอายุหลายร้อยถึงเกือบพันปีนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เนื้อวัสดุที่จัดสร้างจากเนื้อตะกั่วนั้น จะสามารถทน ทานต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเนื้อตะกั่วเองนั้น จากประสบการณ์ของผู้มีความรู้ส่วนใหญ่ได้อธิบายไว้ว่าเป็นวัสดุที่เมื่อนำมาสร้างเป็นองค์พระแล้วเสกได้ดี คือเต็มเร็ว และอยู่ได้นาน แถมตัววัสดุเองก็มีราคาไม่สูงมากนัก จึงเป็นวัสดุประเภท “ ดี ทน ถูก ”

ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นคือเหตุผลที่ทางโครงการฯ ได้เลือกใช้เนื้อตะกั่วในการจัดสร้างพระเพื่อบรรจุกรุในครั้งนี้

 

รูปแบบการดำเนินงาน

โครงการสร้างพระเนื้อตะกั่วเพื่อบรรจุกรุรวม ๘๔,๐๐๐ องค์ ได้แบ่งโครงการฯ นี้ออกเป็นทั้งหมด ๑๐ ครั้งย่อยๆ โดยในแต่ละครั้งจะทำการสร้างพระครั้งละ ๘,๔๐๐ องค์ เพื่อนำไปบรรจุตามวัดต่างๆทั้ง ๕ ภาค คือ

๑. ภาคกลาง จำนวน ๒ วัดๆ ละ ๘,๔๐๐ องค์
(บรรจุแล้ว ๑ ครั้ง จ.ลพบุรี )
๒. ภาคเหนือ จำนวน ๒ วัดๆ ละ ๘,๔๐๐ องค์
๓. ภาคใต้ จำนวน ๒ วัดๆ ละ ๘,๔๐๐ องค์
๔. ภาคตะวันออก จำนวน ๒ วัดๆ ละ ๘,๔๐๐ องค์
๕. ภาคตะวันตก จำนวน ๒ วัดๆ ละ ๘,๔๐๐ องค์

วัดที่ได้รับพระที่ร่วมกันจัดสร้างขึ้นมานี้ไปบรรจุกรุไว้ จะต้องเก็บรักษาพระนี้ไว้เป็นเวลาอย่างน้อย ๓๐ ปีและหากเมื่อใดที่มีศาสนวัตถุภายในวัดชำรุดทรุดโทรมและขาดซึ่งปัจจัย ทางวัดสามารถทำการเปิดกรุนำพระที่บรรจุไว้นี้ออกมาให้ประชาชนเช่าบูชา แล้วนำปัจจัยที่ได้มา ไว้ใช้เป็นทุนในการบูรณะซ่อมแซมต่อไป