พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    กล้วยน้ำว้าเสริมภูมิต้านหวัด09
    สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ฯ เผย พุงทะลายและกล้วยน้ำว้าเสริมภูมิคุ้มกันต้านไข้หวัด09 ระบุ มีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากฟ้าทะลายโจร นางฉันทรา พูนศิริ นักวิชาการฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า วว.ได้ ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาพืชสมุนไพรที่สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ และโดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    โดยได้ศึกษาสารอาหารจากพืชผัก ผลไม้ สมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกัน จำนวน 20 ชนิด ได้แก่ แครอท ถั่วเหลือง เม็ดแมงลัก โดยนำมาทดสอบฤทธิ์กระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวของมนุษย์ พบว่า สารสกัดพุงทะลายและกล้วยน้ำว้า มีคุณสมบัติเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายได้จริง เนื่องจากมีสารบางชนิดกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ชนิดไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งสามารถจับและทำลายเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียได้ทันที รวมทั้งยังต้านการอักเสบที่เกี่ยวเนื่องกับระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยยังทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลัน ความเป็นพิษกึ่งเรื้อรัง และฤทธิ์การก่อกลายพันธุ์ พบว่า พืชผักดังกล่าวมีความปลอดภัยต่อการบริโภค

    นักวิจัยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทีมวิจัยได้สกัดสารสำคัญของพุงทะลาย และกล้วย โดยนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ด โดยได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับบริษัท ศรีสิงหรา จำกัด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างขอจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก่อนจะจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไป ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่แตกต่างจากฟ้าทะลายโจร เพียงรับประทานวันละ 1 เม็ด ก็จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  2. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    นักวิทยาศาสตร์เมืองบูชิโดกล่าวเตือนผู้ที่เป็นคอชา โดยเฉพาะชาอู่หลงและชาดำว่า การกินชาไปนานๆอาจจะทำให้กระดูกอ่อน เนื่องด้วยพิษของฟลูออรีนที่มีผสมอยู่
    นักวิทยาศาสตร์เมืองบูชิโดกล่าวเตือนผู้ที่เป็นคอชา โดยเฉพาะชาอู่หลงและชาดำว่า การกินชาไปนานๆอาจจะทำให้กระดูกอ่อน เนื่องด้วยพิษของฟลูออรีนที่มีผสมอยู่ในน้ำชา นักวิจัยอาวุโสสถาบันสุขภาพโทยามาได้ เปิดเผยในที่ประชุมสมาคมการวิจัยชีวเวชญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียวเมื่อเร็วๆนี้ ว่า พบสารเคมีในร้อยละ 70 ของตัวอย่างน้ำชาที่วิเคราะห์จากทั้งหมด 130 ตัวอย่างด้วยกัน ซึ่งมีระดับเกินกว่ามาตรฐานของน้ำประปา ที่กำหนดอยู่ว่า ต้องไม่เกิน 0.8 มิลลิกรัม ในน้ำ 1 ลิตร แต่ยังไม่เคยมีมาตรฐานของฟลูออรีนในน้ำชามาก่อน [/SIZE]

    รายงานของนักวิจัยกล่าวว่า "จากการศึกษาสุขภาพของประชาชนในเขตปกครองอิสระมองโกเลียในของจีน ได้พบว่ากระดูกของผู้ที่ดื่มน้ำและน้ำชาที่มีฟลูออรีนปนอยู่มาเป็นเวลานาน มีความโน้มเอียงที่อาจจะเกิดแตกหักได้ จริงอยู่แม้ว่ามันจะยังไม่เกิดในวันในพรุ่ง แต่ก็ควรจะต้องตั้งมาตรฐาน และแบบ อย่างของการดื่มน้ำชาป้องกันขึ้นไว้ก่อน

    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: [/B]หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
    [
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  3. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <นักวิจัยเผย คนเรามักจะได้รับอิทธิพลด้านน้ำหนักจากคนรอบๆ ตัว เพราะฉะนั้นเพื่อนที่อ้วนสามารถทำให้บางคนอ้วนตามได้[/COLOR][/B][/SIZE]

    ทีมวิจัยนานาชาติจาก University of Warwick กล่าวว่า

    มันเป็นการเลียนแบบความอ้วนหรือการทำน้ำหนักให้ไล่ทันกัน งานวิจัยชิ้นนี้ถูกนำเสนอในการประชุมที่สหรัฐอเมริกา โดยเก็บข้อมูลจาก 27,000 คนทั่วยุโรป

    งานวิจัยนี้กล่าวว่า

    การแต่งตัว, การตัดสินใจต่างๆ หรือการดึงดูดบางอย่าง จะถูกตัดสินใจจากผู้คนที่ใกล้ชิดกับเรา ซึ่งนั่นก็คือถ้าคนรอบๆ ตัวเราอ้วน มันจะเป็นการอนุญาตให้เราก็สามารถจะอ้วนได้ด้วยนั่นเอง

    โดยมีการค้นพบว่า ผู้หญิงกว่าครึ่งหนึ่งของยุโรปรู้สึกว่ามีน้ำหนักมากเกินไป ในขณะที่ผู้ชายประมาณ 1 ใน 3 มีความคิดเช่นเดียวกัน

    ศจ. แอนดรูว์ ออสวัลด์ จาก University of Warwick ผู้วิจัย กล่าวว่า

    “การได้รับแคลอรี่มีมากขึ้นแต่มันไม่สามารถบอกได้ว่า ทำไมคนเราจึงกินเยอะขึ้น ซึ่งมีการโต้แย้งว่าภาวะความอ้วนเกิดจากอาหารที่มีราคาถูกลง แต่ก็น่าสงสัยว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมบางครั้งเราพบว่าคนรวยจะผอมกว่าคนจนล่ะ”

    “มีงานวิจัยมากมายบอกว่าภาวะความอ้วนเกิดจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่ค่อยได้ไปไหนหรือเกิดจากสภาพทางชีววิทยาของมนุษย์เองหรือว่าเกิดจากอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ด แต่ทั้งหมดถือว่ายังไม่ตรงเป้าหมาย”

    “เราต้องคิดว่าภาวะน้ำหนักเกินเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมไม่ใช่ทางกายภาพหรือชีวภาพ”

    “คนเราจะได้รับอิทธิพลจากผู้คนรอบๆ ตัว ซึ่งถ้าค่ามาตรฐานของน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไปจะทำให้เรามีความคิดว่าเราสามารถอ้วนได้”

    แต่ทาง ดร. เดวิด ฮาสแลม ผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมน้ำหนักตัวแห่งชาติกล่าวว่า

    “มันง่ายเกินไปที่จะไปยึดติดกับอิทธิพลทางสังคม มัน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ถ้าเราถูกล้อมรอบไปด้วยคนอ้วนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัว ถ้าคุณอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกันกับพวกเขา คุณก็น่าจะอยู่สภาวะที่น่าจะมีของกินที่ทำให้อ้วนมากกว่าคนทั่วไป”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  4. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    นี่คือประโยชน์อีกด้านของกาแฟที่สาวๆ บางคนอาจยังไม่รู้
    การวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ของกาแฟที่เปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้บอกว่า การดื่มกาแฟร้อน มีส่วนช่วยในการพัฒนาความจำและลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง แต่ประโยชน์ของคาเฟอีนยังไม่หมดแค่นั้น การวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเซาธ์เวสเทิร์น ในสหรัฐฯ พบว่า คาเฟอีนสามารถเพิ่มความต้องการทางเพศแก่เพศหญิงได้ จากการทดลองกับหนูทดลองเนื่องจากคาเฟอีนสามารถกระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมความตื่นเต้นเร้าใจของร่างกาย

    [/COLOR]โดยในการทดลอง นักวิทยาศาสตร์ได้ให้คาเฟอีกแก่หนูตัวเมียจำนวน 108 ตัวในปริมาณปานกลาง ก่อนปล่อยให้ไปผสมพันธุ์กับตัวผู้ปรากฏว่า ด้วยฤทธิ์ของคาเฟอีก หนูตัวเมียหวนกลับไปหาหนูตัวผู้อีกครั้งหลังมีเซ็กซ์ครั้งแรกในเวลาที่สั้นลงกว่าเดิมเพื่อต่อรอบสอง (ว้าว!!)

    แต่อย่าเพิ่งหลงดีใจจนฟาดกาแฟวันละ 10 ถ้วย เพราะผลที่ได้นี้อาจไม่ได้เกิดกับมนุษย์ทุกคนเหมือนกันหมด ดร.เฟย์ กัวร์ราซี บอกว่า "หนูที่ใช้ทดลองไม่เคยบริโภคคาเฟอีนมาก่อน เพราะฉะนั้นในมนุษย์ คาเฟอีนอาจได้ผลเฉพาะกับสาวที่ไม่ได้ดื่มกาแฟเป็นประจำเท่านั้น" เอ้า! สาวคนไหนยังไม่เคยดื่มกาแฟลองสักถ้วยไหม [
    ขอบคุณที่มา : COSMOPOLITAN
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    นักวิจัยฯ สหรัฐฯ ศึกษาหาอิทธิพลของสีแดงที่มีต่อความรัก พบชายหนุ่มพากันเกิดความหลงเสน่ห์ สาวในชุดสีแดง และลิปสติกสีแดง
    ถ้าหากหนุ่มสาวคนไหน จะควงคู่ชื่นออกไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายหลงเสน่ห์นักวิจัยสอนว่า ให้จำของสีแดง 3 สิ่งเอาไว้ คือ ดอกกุหลาบสีแดง ลิปสติกสีแดง และเครื่องแต่งกายชุดสีแดง[/SIZE]

    วารสารวิชาการ "บุคลิกภาพและจิตวิทยาสังคม" ของสหรัฐฯเปิดเผยว่า นักจิตวิทยาได้ ความรู้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ จากการศึกษาหาอิทธิพลของสีแดงที่มีต่อความรัก โดยการให้อาสาสมัครผู้ชายดูรูปภาพของผู้หญิงคนเดียวกัน หากแต่เปลี่ยนสีกรอบรูป หรือเครื่องแต่งกายชุดสีต่างๆ เท่านั้น

    ศาสตราจารย์แอนดรูว์ เอลเลียต กับคณะต้องการจะวัดความรู้สึกหลงเสน่ห์ต่อรูปไหนมากน้อยเท่าใด

    ด้วยการถามอาสาสมัครดูว่า สมมติว่าพกเงิน 4,000 บาทในกระเป๋า จะยอมทุ่มเงินพาผู้หญิงในรูปไหนไปเที่ยวอย่างหมดกระเป๋ามากกว่า พวกเขาพากันเกิดความหลงเสน่ห์ในภาพสาวในชุดสีแดง ทาลิปสีเดียวกันมากที่สุด นักวิจัยอ้างว่า เหตุที่สีมีอิทธิพลกับเสน่ห์ทางเพศ สืบเนื่องมาจากตัณหามาตั้งแต่ยุคดั้งเดิม.

    ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: [/B]หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  6. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    ไวน์แดงอาจมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมโอเมก้า-3 ได้มากขึ้น
    [ผลการวิจัยซึ่งติดตามศึกษา ผู้หญิงอายุ 26-65 ปีที่ดื่มไวน์แดงวันละ 1 แก้วเป็นประจำทุกวัน พบว่า ช่วยให้ระดับโอเมก้า-3 ในเลือดสูงขึ้น แม้ว่าจะรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 สูงในปริมาณไม่มากนัก นักวิจัยเชื่อว่าเป็นเพราะไวน์แดงมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายดูดซึมโอเมก้า-3 ได้มากขึ้น
    [อย่างไรก็ตาม
    [/U][/B] ผู้หญิงที่สมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งเต้านม ไม่ควรดื่มไวน์เพื่อหวังผลได้ดังกล่าว เนื่องจากการดื่มไวน์เพียงวันละแก้วอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
    ขอบคุณข้อมูล : แพรว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    น้องข้างบ้านนำมาให้ดู เลยขอถ่ายภาพไว้ คุณน้องนู๋ช่วยวิจารณ์หน่อยนะครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Copy of P1010218.JPG
      Copy of P1010218.JPG
      ขนาดไฟล์:
      303.6 KB
      เปิดดู:
      51
    • Copy of P1010219.JPG
      Copy of P1010219.JPG
      ขนาดไฟล์:
      327.1 KB
      เปิดดู:
      51
    • P1010220.JPG
      P1010220.JPG
      ขนาดไฟล์:
      90.4 KB
      เปิดดู:
      40
    • P1010221.JPG
      P1010221.JPG
      ขนาดไฟล์:
      248.2 KB
      เปิดดู:
      41
    • P1010222.JPG
      P1010222.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.6 KB
      เปิดดู:
      36
    • P1010224.JPG
      P1010224.JPG
      ขนาดไฟล์:
      258 KB
      เปิดดู:
      34
    • P1010225.JPG
      P1010225.JPG
      ขนาดไฟล์:
      313.4 KB
      เปิดดู:
      38
    • P1010227.JPG
      P1010227.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.3 KB
      เปิดดู:
      31
    • P1010228.JPG
      P1010228.JPG
      ขนาดไฟล์:
      212.4 KB
      เปิดดู:
      36
    • P1010229.JPG
      P1010229.JPG
      ขนาดไฟล์:
      210.3 KB
      เปิดดู:
      44
    • P1010230.JPG
      P1010230.JPG
      ขนาดไฟล์:
      213 KB
      เปิดดู:
      42
    • P1010232.JPG
      P1010232.JPG
      ขนาดไฟล์:
      138.4 KB
      เปิดดู:
      37
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  8. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    5 สมุนไพรเสริมทัพ รับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

    สมุนไพรกำลังถูกนำเสนอให้เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพรับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยเฉพาะ "ฟ้าทะลายโจร" กำลังเป็นพระเอกที่โดดเด่นกว่าสมุนไพรอื่นๆ มีสรรพคุณต้านอาการอักเสบ แก้ไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ขับเสมหะ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ แก้ท้องเสีย บิด แก้กระเพาะลำไส้อักเสบ เป็นยาขมช่วยเจริญอาหาร รักษาโรคผิวหนัง ฝี และแก้ไข้ตัวร้อน
    ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่มีรสขม เป็นยาเย็น หมอแผนไทยใช้ปรุงยาลดไข้ เมื่อรับประทานรสขมเข้าไปจะไปฆ่าเชื้อที่เม็ดเลือดแดง กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่กวาดล้างสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ แต่ถ้ารับประทานรสขมมากก็จะส่งผลให้เม็ดเลือดขาวมากเกินไปจนไปกินเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงอ่อนแอ อาจก่อให้เกิดโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเองได้ ถ้ามีอาการเป็นไข้ส่งสัญญาณเตือนภัยก็รับประทานติดต่อกันได้ไม่เกิน 7 วัน ถ้ารับประทานมากจะมีอาการมือเท้าเย็น อ่อนเพลีย เลือดลมเดินไม่สะดวก สมองมึนงง แต่ในระหว่างที่รับประทานถ้ามีอาการไม่พึงประสงค์ก็ต้องหยุดยาทันที

    บอระเพ็ด เป็นสมุนไพรรสขมกลุ่มยาแก้ไข้เหมือนกับฟ้าทะลายโจร ข้อควรระวังในการใช้เหมือนฟ้าทะลายโจร สรรพคุณแก้ไข้ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงกำลัง บำรุงไฟธาตุ ช่วยเจริญอาหาร รักษาโรคฝีดาษ โรคไข้เหนือ โรคไข้พิษทุกชนิด ใบรักษาพยาธิในท้อง รักษาฟัน ตำให้ละเอียดพอกฝี แก้ฟกช้ำ ปวดแสบปวดร้อน ผลเป็นยารักษาโรคไข้พิษอย่างแรงและเสมหะเป็นพิษ รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ โรคโลหิตพิการ เป็นยาลดไข้ที่ดีมากตัวหนึ่ง สมุนไพรรสขมแสลงกับโรคหัวใจและโรคลมจุกเสียด

    ขิงและกระเทียม เป็นสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน และมีน้ำมันหอมระเหยที่สำคัญในการฆ่าเชื้อ ขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการเป็นไข้ ประเภทหนาวสั่น ตัวเย็น น้ำมูกใสๆ ให้ดื่มน้ำต้มขิงอุ่นๆ จะช่วยขับไล่ความเย็นออกจากร่างกาย ลดอาการหนาวสั่นลดไข้ลงได้ ขิงยังเป็นหนึ่งในตัวยาหลักที่ใช้ปรับธาตุในตำรับยาตรีกฏุก คือตำรับยาปรับธาตุในฤดูฝน จุดอ่อนในฤดูฝนมักจะเกิดปัญหาลมหย่อน กำเริบ พิการ จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ระบบความดันโลหิต ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย เมื่อระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานไม่สะดวกก็เกิดภาวะอ่อนแอ ติดเชื้อโรคได้ง่าย จึงควรต้องปรับธาตุด้วยยาตรีกฏุกเพื่อปรับสมดุลและกำจัดจุดอ่อนที่เกิดจากธาตุลม หรือดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ทุกเช้าและก่อนนอน ก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้เช่นกัน

    กระเทียม ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรควัณโรค คอตีบ ปอดบวม ไทฟอยด์ และคออักเสบได้ มีสารต้านมะเร็ง เช่นสาร ลดการเกิดมะเร็งในต่อมลูกหมาก ช่วยเพิ่มความจำ และช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน สาร allyl sulfides ช่วยลดการผลิตเอนไซม์ phase 1 ซึ่งเป็นอันตรายต่อเซลล์ และนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็ง จึงป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งได้ดีเยี่ยม สารนี้ในกระเทียมจะมีขึ้นเมื่อทุบให้แตกก่อนแล้ววางไว้ 10 นาทีก่อนจะนำไปใช้ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเกิดโรคเสื่อมต่างๆ และโรคของหลอดเลือด ผู้ป่วยเบาหวาน มะเร็ง และเอดส์ น่าใช้ประจำ กินวันละ 5-7 กลีบ ช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน วันละ 2 กลีบ ใช้ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล (รศ.ดร.วีณา เชิดบุญชาติ

    กระเทียมรสเผ็ดร้อนเป็นยาขับลมในลำไส้ ในยาแผนโบราณใช้กระเทียมเป็นยาแก้ไอ แก้ไข้หวัด แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ช่วยย่อยอาหาร แก้ความดันเลือดสูง เส้นเลือดเปราะ แก้โรคท้องเสีย ขับลม และขับเหงื่อ แก้กลาก เกลื้อน น้ำคั้นกระเทียมผสมน้ำเชื่อมรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ ขับเสมหะ บรรเทาอาการไข้หวัด เจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการไอ มีอีกตำรับหนึ่งที่มีผู้ที่ใช้แล้วดีนำมาบอกเล่าต่อให้ฟังว่า ใช้กระเทียมโทน1 กิโลกรัม ดองกับน้ำมะนาว 50 ลูก ดองทิ้งไว้นาน 24 วัน แล้วรินเอาน้ำดื่มเช้า-เย็น สักครั้งละ 1 เป๊ก ช่วยให้ร่างกายสดชื่น นอนหลับ ลดความเครียด ลดการเป็นสิวเป็นฝ้าลงได้อย่างเห็นผล รับประทานควบคู่กับการออกกำลังกาย รู้สึกร่างกายแข็งแรง สดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นเยอะ ใครที่ไม่แพ้กระเทียมก็ลองนำสูตรนี้ไปใช้ลองดู

    ผักคาวตองหรือพลูคาว เป็นผักที่น่าสนใจมากในการที่จะนำมาบริโภคเป็นอาหาร ได้รับการวิจัยและรวบรวมตีพิมพ์เป็นเล่มจากสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวถึงงานวิจัยและการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในการรักษาโรค โดยเฉพาะการออกฤทธิ์ในการเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งพบว่าสามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ ปัจจุบันพบว่ามีเอกชนได้พัฒนาเป็นยาน้ำเพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ และงานวิจัยยังระบุว่า มีฤทธิ์ในการต้านแบคทีเรีย เชื้อรา ต้านการอักเสบ ขับปัสสาวะ ยับยั้งและฆ่าเซลล์มะเร็ง

    ข้อมูลงานวิจัยจากประเทศจีนกล่าวว่า ประเทศจีนมีการใช้ผักคาวตองเป็นส่วนผสมในตำรับยารักษาโรคที่เกิดจากไวรัส และเป็นส่วนผสมในตำรับยาน้ำรับประทานลดไข้ รักษาโรคหลอดลมอักเสบชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง เป็นส่วนประกอบในตำรับยาใช้รักษาการติดเชื้อเฉียบพลัน หวัด ไข้หวัดใหญ่ และการติดเชื้อทางเดินหายใจ เป็นส่วนผสมในตำรับยาที่เป็นน้ำยาข้นใช้ทารักษาโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คางทูม ต่อมทอนซิลออักเสบ และปอดอักเสบในเด็ก

    ผักคาวตองเป็นผักพื้นบ้านที่พบมากในภาคเหนือ ถิ่นกำเนิดอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สรรพคุณในตำรับยาไทยระบุไว้ว่า ต้นใช้รักษาโรคติดเชื้อและทางเดินหายใจ ฝีหนองในปอด ปอดบวม ปอดอักเสบ ไข้มาลาเรีย แก้บิด ขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำ นิ่ว ขับระดูขาว ริดสีดวงทวาร แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน ฝีฝักบัว แผลเปื่อย ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ แก้ไอ หลอดลมอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ รากใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใบใช้แก้โรคบิด โรคผิวหนัง โรคหัด ริดสีดวงทวาร หนองใน ใบใช้แก้โรคบิด หัด โรคผิวหนัง ริดสีดวงทวาร หนองใน ใช้ปรุงเป็นยาแก้กามโรค ทำให้แผลแห้งเร็ว แก้โรคข้อ และโรคผิวหนังทุกชนิด ทั้งต้นมีรสเย็นและฉุน ใช้เป็นยาแก้โรคบิด โรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ขับปัสสาวะ แก้บวมน้ำ แก้ไอ หลอดลมอักเสบ ฝีบวมอักเสบ ริดสีดวงทวาร หูชั้นกลางอักเสบ

    การดูแลรักษาสุขภาพเพื่อรับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 เราควรมามองที่การป้องกันก่อนป่วยด้วยอาหารการกิน คือก่อนเป็นหรือไม่เป็น ควรรับประทานอาหารสมุนไพรเพื่อให้ได้สารสำคัญเข้าสู่ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันคอยกำจัดเชื้อโรคแปลกปลอม อย่างฟ้าทะลายโจรก็อาจใช้ยอดอ่อนสัก 3-4 ยอด ชงเป็นชาดื่มวันละแก้วสัก 2-3 วัน หรือใส่ในแกงรวมกับผักอื่นพอให้ติดรสขม อย่างแกงขี้เหล็ก แกงจืดมะระ คืออาหารที่มีรสชาติในทางเดียวกัน ก็ได้ประโยชน์ดีกว่าไปทานในรูปแบบยาและผักสมุนไพร ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันก็อย่าได้ขาด รวมถึงผักพื้นบ้านอื่นๆ ด้วย รับประทานให้หลากหลาย ร่างกายจะได้รับสารอาหารที่หลากหลายไปด้วย แต่ถ้ามีอาการเข้าข่ายไข้หวัดก็ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที



    ที่มา 5 สมุนไพรเสริมทัพ รับมือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 | ไทยโพสต์
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาแจ้งข่าวงานบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    22-7-2552, 10:43 AM #32262

    ผมได้ขอพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จากคุณnongnooo ไว้จำนวน 5 องค์ จากคุณเพชร จำนวน 5 องค์ และผมจะมอบให้จำนวน 10 องค์ เพื่องานผ้าป่าสามัคคีโดยเฉพาะครับ

    รายละเอียดมีดังนี้ครับ

    ข้อที่ 1.ขอมอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 10 องค์ สำหรับสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า(ที่สมัครก่อนวันที่ 20 กรกฎาคม 2552) ให้ร่วมทำบุญ 3,000 บาท(สามพันบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ส่วนสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าที่สมัครหลังจากวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ให้ร่วมทำบุญ 6,000 บาท(หกพันบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ขอสงวนสิทธิ์ให้สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้าร่วมทำบุญได้ท่านละ 1 องค์เท่านั้น

    หมายเหตุ 1.1 การทำบุญในข้อที่ 1 และ ข้อที่ 2 สามารถจองไว้ก่อนได้ และต้องโอนเงินร่วมทำบุญ(โดยโอนเงินร่วมทำบุญและเข้าบัญชีบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ) ก่อนหรือภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2552 เท่านั้น

    รายนามผู้จอง ข้อที่ 1.
    1.คุณpsombat โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    2.คุณchantasakuldecha โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 3,000 บาท วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 ยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์
    3.คุณแหน่ง โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    4.คุณพี่เบิ้ม โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    5.คุณมูริญโญ่ โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน .......... บาท วันที่ ..................
    6.คุณMEA โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 3,000 บาท วันที่ 25 กรกฎาคม 2552 ยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์
    7.คุณพรสว่าง_2008 โอนเงินร่วมทำบุญจำนวน 3,000 บาท วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 ยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์
    8.คุณ
    9.คุณ
    10.คุณ

    ข้อที่ 2.ขอมอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 5 องค์ ให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อนแล้ว โดยร่วมทำบุญ 20,000 บาท(สองหมื่นบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ขอสงวนสิทธิ์ให้ท่านที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาก่อนแล้ว ร่วมทำบุญได้ท่านละ 1 องค์เท่านั้น

    หมายเหตุ 2.1 การทำบุญในข้อที่ 1 และ ข้อที่ 2 สามารถจองไว้ก่อนได้ และต้องโอนเงินร่วมทำบุญ(โดยโอนเงินร่วมทำบุญและเข้าบัญชีบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ) ก่อนหรือภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2552 เท่านั้น

    รายนามผู้จอง ข้อที่ 2.
    1.คุณ
    2.คุณ
    3.คุณ
    4.คุณ
    5.คุณ

    ข้อที่ 3.ขอมอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 5 องค์ ให้กับท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาเลย โดยร่วมทำบุญ 2,000,000 บาท(สองล้านบาทถ้วน) มอบพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) จำนวน 1 องค์ ขอสงวนสิทธิ์ให้ท่านไม่ที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งมาเลย ร่วมทำบุญได้ท่านละ 1 องค์เท่านั้น และทำบุญ(โดยโอนเงินร่วมทำบุญและเข้าบัญชีบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ) ก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 เท่านั้น

    หมายเหตุ 3.1 หากการทำบุญในข้อที่ 3 ไม่มีท่านไหนมาร่วมทำบุญภายในกำหนดระยะเวลาที่กำหนด ผมจะยกพระสมเด็จ(กลักไม้ขีด) ดังกล่าวไปมอบให้ท่านที่ร่วมทำบุญในข้อที่ 1. และ ข้อที่ 2 แทน

    หมายเหตุ 3.2 หากการทำบุญในข้อที่ 3 มีท่านที่ทำบุญ 5 ท่าน ซึ่งจำนวนเงินที่ร่วมทำบุญมา เกินกว่ายอดเงินที่ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ผมจะขออนุญาตพระอาจารย์นิล ,พี่แอ๊ว และท่านที่เกี่ยวข้อง นำเงินดังกล่าวทั้งหมดไปทำบุญในสถานที่อื่นๆ ตามที่พระอาจารย์นิล ,พี่แอ๊ว และผมเห็นสมควร

    รายนามผู้จอง ข้อที่ 3.
    1.คุณ
    2.คุณ
    3.คุณ
    4.คุณ
    5.คุณ

    การจองและการร่วมทำบุญ สามารถจองไว้ก่อนได้ ท่านใดจองก่อน มีสิทธิ์ก่อน และการรับจองต้องโอนเงินร่วมทำบุญตามกำหนดระยะเวลาที่ได้แจ้งไว้แล้ว

    PaLungJit.com

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง-ณ-สำนักสงฆ์ผาผึ้ง-อ-บ้านเขว้า-จ-ชัยภูมิ.68899/page-89

    http://palungjit.org/threads/เธžเธฃเธฐเธงเธฑเธ‡เธซเธ™เน‰เธฒ-เธ—เธตเนˆเธซเธฅเธงเธ‡เธ›เธนเนˆเธšเธฃเธกเธ„เธฃเธนเน€เธ—เธžเน‚เธฅเธเธญเธธเธ”เธฃเน€เธชเธ-เธ–เน‰เธฒเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธฃเธ—เธตเนˆเธˆเธฐเน„เธ”เน‰.22445/page-1613#post2282807

    บอร์ดอกาลิโก

    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
    ?͠?ԭèǁʃ钧?Ð਴Ղ숃ժт?Ҽ֩? ? ʓ?ѡʧ?켒?֩? ͮ?钹ࢇ钠?.?т?? - ˹钠18 - ?̓촍?҅Ԣ?

    "พระวังหน้า ที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้....."
    "?ÐǑ?˹钠?ը˅ǧ?٨෾Ⅱ͘?àʡ ?钵鍧?҃?ը?Ф?鮮..." - ˹钠129 - ?̓촍?҅Ԣ?


    [​IMG]


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    โมทนาสาธุครับ

    23-7-2552 , 09:34 AM #32283
    สำหรับพระพิมพ์ หรือ วัตถุมงคลต่างๆ ที่มอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    ในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้... และกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    ตามรายละเอียดดังนี้ครับ

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ


    ----------------------------------------------


    หมายเหตุ หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 1 พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    อีกประการหนึ่ง ชมรมรักษ์พระวังหน้า ไม่มีการจัดการประกวดพระพิมพ์และหรือวัตถุมงคลของวังหน้าและวังหลวงทุกประการ เนื่องจากการประกวดพระพิมพ์และหรือวัตถุมงคล เป็นการทำลายพระพิมพ์และวัตถุมงคล เพราะเทวดาที่ท่านอยู่ในพระพิมพ์หรือวัตถุมงคล ท่านได้ออกไปจากพระพิมพ์และวัตถุมงคลไปจนหมดสิ้น และพลังพุทธคุณและพลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิตก็ไม่มีเช่นกันครับ

    มีได้ก็เสื่อมได้เป็นธรรมดา

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 29-7-52.jpg
      29-7-52.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.4 KB
      เปิดดู:
      4,054
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รวบ “พ่อใจสัตว์” ข่มขืนลูกสาวในไส้จนตั้งท้อง
    โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
    ASTV ผู้จัดการ

    วันนี้ (2 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พ.ต.อ.พงษ์สิทธิ์ แสงเพชร รองผบก.ภ.นนทบุรี, พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธ์ ภักดีณรงค์ ผกก. สภ.เมืองนนทบุรี, พ.ต.ท.สมชาย ขำสัจจา สว.สส.ภ.นนทบุรี ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายทัศนัย หรือแก่น ทองวิเศษ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ซ.ประชาระบือธรรม ถ.นครไชยศรี เขตดุสิต กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี เลขที่ 317/2552 ลงวันที่ 3 มิ.ย.52 ในข้อหา “กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดาน”

    ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก พล.ต.ต.ทรงวุฒิ ถวัลย์กิจดำรง ผบก.ภ.นนทบุรี ได้รับการประสานงานจากศูนย์พิทักษ์เด็กและสตรี จังหวัดนนทบุรี ว่ามีเด็กหญิงถูกข่มขืนกระทำชำเราจากบิดาจนตั้งครรภ์ที่บ้านพักย่าน อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ออกสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหารายนี้คือนายทัศนัย จึงได้ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนนทบุรี และติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2552 ขณะหลบไปซ่อนตัวอยู่ที่ ต.หนองปากโลง อ.เมือง จ.นครปฐม

    สอบสวนนายทัศนัยรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่าตนมีลูกสาว 3 คน คนโตชื่อ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 คนที่สองชื่อ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี คนเล็กชื่อ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) อายุ 5 ปี โดยตัวเองมีอาชีพขับรถสองแถวรับจ้างระหว่างซอยเรวดี-วัดปากน้ำ อยู่กินกับนางนก อายุ 30 ปี ภรรยามาหลายสิบปี ระหว่างต้นปี 2551 ขณะภรรยาออกไปทำงานตนเองกลับเข้าบ้านในช่วงเย็น ด้วยอาการเมาสุราจึงเกิดอารมณ์ทางเพศ ภรรยาไม่อยู่บ้านจึงได้ใช้กำลังบังคับข่มขืนลูกสาวคนโต โดยกระทำมาแล้วนับสิบครั้งจนลูกสาวตั้งท้องได้ 6 เดือน จึงพาไปหาหมอที่คลินิกแห่งหนึ่งย่านรามคำแหงเพื่อทำแท้ง แต่หมอไม่ยอมทำให้เนื่องจากเด็กในครรภ์มีอายุกว่า 6 เดือนแล้ว จึงพาไปฝากครรภ์ที่คลินิกใกล้บ้านจนลูกสาวคลอดลูกมาเป็นหญิง ปัจจุบันอายุได้ 5 เดือน

    นายทัศนัยให้การต่อว่า หลังจากนั้นตนเองก็พยายามจะข่มขืนลูกสาวคนรองอีกคนแต่ลูกสาวไม่ยินยอมจึงได้แค่กระทำอนาจาร กระทั่งชาวบ้านใกล้เคียงทนเห็นเหตุการณ์ไม่ไหว แจ้งทางมูลนิธิเด็กและสตรี ตนจึงหลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านเพื่อนในจังหวัดนครปฐม แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

    ++++++++++++++++++++++++++++++

    แท็กซี่โฉดมอมยาสาว 20 พาเข้าม่านรูด-ข่มขืนชิงทรัพย์!

    โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
    http://www.manager.co.th/

    สลด! สาว 20 เรียกแท็กซี่ไปหาเพื่อนที่บางกะปิ อยู่ดีๆ กับสลบ ตื่นขึ้นมาอีกทีในสภาพเปลือยกาย ร่างกายโทรมในโรงแรมม่านรูดย่านสายไหม เชื่อถูกลวงมาข่มขืน ร้องขอความช่วยเหลือจากชายสูงอายุ กลับพยายามข่มขืนซ้ำแต่หนีรอด ก่อนนั่งรถไปหาเพื่อน ชาวบ้านเห็นเข้าช่วยพาส่งตำรวจ คาดสาวเคราะห์ร้ายถูกมอมยา เบื้องต้นทราบเพียงคนร้ายขับแท็กซี่สีฟ้า และมีใฝบนใบหน้า เตรียมเรียกบ๋อยสอบปากคำ

    วันนี้ (2 ส.ค.) เมื่อเวลา 01.50 น. ชาวบ้านย่านสวนสยามได้พา น.ส.แนน (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ในสภาพทรุดโทรม ร่างกายอ่อนเพลียเหมือนคนไม่มีแรง เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วิทยา เรืององอาจ พงส.(สบ3) สน.บางชัน เพื่อร้องทุกข์ว่า น.ส.แนน ถูกแท็กซี่ล่อลวงไปข่มขืน ภายในโรงแรมม่านรูดย่านสายไหม เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา

    จากนั้น พ.ต.ท.วิทยา ก็ได้ทำการสอบปากคำ น.ส.แนน เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 ก.ค. น.ส.แนน ได้เดินทางมาจาก จ.ระยอง หลังนัดเจอกับเพื่อนที่ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ เพื่อจะให้เพื่อนช่วยหางานให้ทำ จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น.ถึงสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ในวันเดียวกัน จากนั้นก็ได้เรียกแท็กซี่เพื่อจะไปหาเพื่อนย่านบางกะปิ แต่ระหว่างที่นั่งในรถแท็กซี่ได้สักพักก็หมดสติไป มารู้ตัวอีกครั้งในช่วงเที่ยงของวันที่ 1 ส.ค.พบว่านอนสภาพเปลือยกายอยู่ภายในโรงแรมม่านรูดย่านสายไหม

    “จากนั้น น.ส.แนน ก็ได้ตรวจสอบดูทั่วห้องก็พบว่ามีถุงยางอนามัยตกอยู่ ประกอบร่างกายอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า จึงมั่นใจว่าถูกแท็กซี่คนดังกล่าวล่อลวงมาข่มขืนอย่างแน่นอน จากนั้น น.ส.แนน จึงได้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินยังพบอีกว่า กระเป๋าเสื้อผ้า กระเป๋าเงิน และโทรศัพท์มือถือก็หายไปทั้งหมด เมื่อตั้งสติได้จึงรีบออกมาสอบถามชายบ้านในละแวกใกล้เคียงก็ทราบว่าเป้นโรงแรมม่านรูดย่านสายไหม” พ.ต.ท.วิทยา กล่าว

    พ.ต.ท.วิทยา กล่าวต่อว่า จากนั้น น.ส.แนน จึงได้ไปขอความช่วยเหลือกับชายวัยสูงอายุคนหนึ่งพร้อมกับเรื่องราวให้ฟัง แต่ชายคนดังกล่าวกลับพยายามพา น.ส.แนน เข้าโรงแรมม่านรูดอีกแห่งเพื่อหวังข่มขืนซ้ำอีกครั้ง แต่ น.ส.แนน หลบหนีมาได้ ก่อนจะขึ้นรถประจำทางฟรีมาเรื่อยๆ และขึ้นรถเมล์ฟรีอีกหลายสายเพื่อพยายามกลับไปหาเพื่อนที่ห้างเดอะมอลล์บางกะปิ กระทั่งมาลงที่หน้าสวนสยาม เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.ของวันที่ 1 ส.ค. จากนั้นชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงก็พบเห็น น.ส.แนน ท่าทางอิดโรยจึงเข้าไปพูดคุย ก่อนเดินทางมา สน.บางชันดังกล่าว

    พ.ต.ท.วิทยา กล่าวอีกว่า หลังตนได้สอบถามกับทาง น.ส.แนน ก็จดจำอะไรได้ไม่มาก ทราบเพียงว่าคนร้ายขับรถแท็กซี่สีฟ้า และจดจำลักษณะคนขับมีใฝบนใบหน้าเท่านั้น และท้องที่ที่เกิดเหตุเป็นของ สน.สายไหม ตนจึงสอบถามไปว่าจะไปแจ้งความไหม น.ส.แนน ก็ตอบเพียงว่ายังไม่พร้อมอยากกลับบ้านอย่างเดียว จากนั้นตนจึงได้ทำหนังสือส่งตัว น.ส.แนน ไปยังศูนย์ประชาบดี กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อให้ดูแลในเบื้องต้นก่อน ซึ่งหาก น.ส.แนน พร้อมที่จะเข้าแจ้งความทาง ศูนย์ประชาบดีจะเป็นผู้พาเดินทางไปแจ้งความเอง

    “โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า น.ส.แนน น่าจะถูกมอมยา แต่ก็ยังไม่ชี้ชัด ต้องให้เจ้าหน้าที่ สน.สายไหม เข้าตรวจสอบเสียก่อน เพราะว่ามีเพียง น.ส.แนน เท่านั้นที่ให้ข้อมูล ซึ่งก็ต้องสอบปากคำบ๋อยในโรงแรมม่านรูดที่เป็นคนไปปลุก น.ส.แนน ออกมาจากห้อง และหากว่า น.ส.แนน พร้อมเมื่อไรก็คงจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.สายไหม ทันที” พ.ต.ท.วิทยา กล่าว


    ---------------------------------------------------------
    ---------------------------------------------------------
    ---------------------------------------------------------



    เมื่อไหร่เดนสังคมจะหมดไปซะที

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2009
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนอย่าหลงเชื่อ เว็บขายยาแก้ ไข้หวัด2009

    http://health.kapook.com/view2052.html


    [​IMG]


    สธ.เตือนอย่าหลงเชื่อ เว็บไซต์ขายยาแก้หวัด2009 (ข่าวสด)


    นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากกรณีที่มีเว็บไซต์ประกาศขายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เข้มงวดในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว เพราะยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ถือเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องมีการสั่งจ่ายโดยแพทย์ ขอเตือนประชาชนว่าขณะนี้ช่องทางในการได้รับยามีเพียงการสั่งจ่ายยาผ่านแพทย์ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทุกแห่ง ส่วนคลินิกจะเริ่มต้นได้ประมาณกลางสัปดาห์หน้า และต้องเป็นคลินิกที่ผ่านการคัดเลือกจากกระทรวงสาธารณสุขแล้ว โดยจะมีการขึ้นทะเบียนและมีป้ายรับรองของสธ.

    ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า จากการตรวจสอบเว็บไซต์ที่ขายยาโอเซลทามิเวียร์ พบว่าเกือบทั้งหมดเป็นเว็บไซต์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ และมีการขายยาหลายชนิดรวมอยู่กับกลุ่มยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าถึงยาเหล่านี้ได้ยากและมีแรงจูงใจในการซื้อมาใช้น้อย เพราะประเทศไทยมีช่องทางในการเข้าถึงยาได้อย่างรวดเร็ว ทั้งโรงพยาบาลขนาดใหญ่และกำลังจะมีการกระจายยาลงไปในระดับคลินิก ทำให้แรงจูงใจที่จะหาซื้อยามาใช้มีน้อย ไม่เหมือนกับยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศที่มีความต้องการทางเว็บไซต์มากกว่าเพราะเป็นยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เกิดความอายจึงหันมาสั่งซื้อผ่านอินเตอร์เน็ตแทน

    "การขายยาผ่านเว็บไซต์หากพบจะเข้าข่ายความผิดฐานโฆษณาไม่ได้รับอนุญาติซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับ และหากพบว่าเป็นยาปลอมก็มีโทษอีกเช่นกัน ซึ่งจากการที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายกระจายยาในระดับคลินิก ทำให้จะมีการตรวจสอบการใช้ยาที่เข้มงวดมากกว่าเดิม โดยคลินิกต่างๆ ต้องปฏิบัติตามทกระทรวงสาธารณสุขวางเกณฑ์ไว้ และหากตรวจพบว่าคลินิกแห่งใดลักลอบขายยาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ก็จะมีโทษหนักทั้งการขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และต้องส่งเรื่องให้แพทยสภาเพราะเข้าข่ายผิดจริยธรรม" นพ.พิพัฒน์ กล่าว

    ขณะที่ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุญาตให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หยุดงานพักอยู่กับบ้านได้ 5-7 วัน โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ทั้งในส่วนของราชการและเอกชน ว่า เป็นการขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยลดการแพร่ระบาดของโรคหากเริ่มป่วยให้หยุดอยู่บ้าน และแยกของใช้ส่วนตัวจากคนในครอบครัว เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งในส่วนงานราชการคงไม่มีปัญหาเรื่องการหยุดงาน เพราะรัฐอนุญาตให้หยุดงานได้ แต่ในส่วนของภาคเอกชน อาจจะมีปัญหาบ้าง ซึ่งหากบริษัท ห้างร้าน ใดไม่เข้าใจนโยบายเรื่องนี้ ไม่อนุญาตให้พนักงานหยุดงานได้ ให้แจ้งมาที่กระทรวงสาธารณสุขได้ทันทีี ตนพร้อมจะประสานทำความเข้าใจให้

    "เรื่องนี้เป็นการใช้ความไว้ว่างใจกัน หากผู้ที่มีประวัติการทำงานไม่ดี หยุดงานบ่อย ก็อาจใช้เรื่องนี้มาอ้างหยุดงานพร่ำเพรื่อได้ ซึ่งมติครม. อนุญาตให้หยุดงานได้เฉพาะเมื่อป่วยต้องสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เท่านั้น ไม่รวมไข้หวัดทั่วไป ซึ่งแต่ละคนจะป่วยได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น หากมีการหยุดงานมากกว่า 1 ครั้ง ให้ต้องสงสัยว่าอาจจะไม่ได้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ทันที ยกเว้นกรณีที่มีบุตรหลายคน และมีการป่วยไม่พร้อมกัน ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หยุดงานได้มากกว่า 1 ครั้งก็ได้ ดังนั้น เพื่อความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนายจ้างและพนักงาน ก็ควรมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน" ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ดีครับคุณหนุ่ม

    ทานข้าวยังครับ

    วันนี้ว่างๆ เลยนั่งอ่านกระทู้ เป็นร้อย หน้าแล้วครับ

    ความรู้เริ่มเกิดบ้างครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมซุกไว้เยอะครับ

    บางครั้งจะลงรูป ผมก็นำไปไว้ในหน้าต่างๆ บางครั้งผมก็จำไม่ได้ว่า นำไปไว้หน้าไหน ยกเว้นแต่หน้าที่ผมนำรูปไปซ่อนไว้เยอะๆครับ

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    ค่อยๆ เก็บเกี่ยวความรู้ไปครับ ตอนนี้ก็อ่านหนังสือด้วยครับ
    มิน่าล่ะ ใครๆ ถึงถามหากันจังฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การขอบคุณ

    คอลัมน์ จับจิตด้วยใจ

    โดย นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ www.newheartnewlife.net

    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    ถ้าจะมองจากความรู้ของสมองสามชั้นคือ สมองชั้นนอกที่เกี่ยวกับคิด สมองชั้นกลางที่เกี่ยวอารมณ์ความรู้สึกและสมองชั้นในสุดที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย

    โดยมีสมมติฐานว่าการทำงานของสมองทั้งสามชั้นควรจะต้องมีความสมดุล

    เพราะมนุษย์ในยุคปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะใช้ "ความคิด" มากเกินไป ทำให้เสียสมดุล การกลับมาใช้สมองด้านอารมณ์ความรู้สึกและสมองส่วนของร่างกายให้มากขึ้น ก็น่าจะเป็นการปรับสมดุลอย่างหนึ่งให้กับมนุษย์ได้

    "การขอบคุณ" เป็นการเริ่มต้นของการใช้พลังงานด้านบวกของหัวใจ ซึ่งเชื่อมโยงกับการทำงานสมองชั้นกลางที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก

    ลองสังเกตดูด้วยตัวเองก็ได้นะครับว่า เมื่อ "เราเริ่มต้นขอบคุณ" อะไรสักอย่างหรือใครสักคน หลายๆ คนจะรู้สึก "หัวใจพองโต" อิ่มเอิบอบอุ่นที่บริเวณทรวงอกของเรา

    ในค่ำคืนของเวิร์กช็อปบางวันบางครั้งเมื่อมีโอกาส ผมก็จะตั้งโจทย์กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า ให้ลองลิสต์รายการที่คุณรู้สึกขอบคุณอะไรหรือใครหรือแม้แต่เหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับคุณในวันนี้ดูสักสิบรายการ

    เราก็จะพบกับ "บรรยากาศของความนิ่งสงบและมีความสุข" อย่างรวดเร็วเมื่อทุกคนจดจ่ออยู่กับการเขียนรายการขอบคุณของตัวพวกเขาเอง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะเวลาที่มนุษย์อยู่รวมกันเป็นกลุ่มนั้น จะเกิดพลังงานที่เชื่อมโยงถึงกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ

    ครั้งหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ (กรกฎาคม 2552) ผมได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกับคุณแม่ของผม ผมนึกขึ้นมาได้ว่ากิจกรรมนี้คุณแม่ของผมยังไม่เคยได้ลองทำผ่านการเขียน ก็เลยขอให้คุณแม่ไปนำสมุดบันทึกและปากกามา เขียนเลขหนึ่งถึงสิบ จากบนลงล่างเหลือเนื้อที่ด้านขวาว่างๆ เอาไว้

    จากนั้นก็ตั้งโจทย์การขอบคุณนี้ให้กับคุณแม่ว่า วันนี้ทั้งวันแม่มีอะไรหรือใครที่อยากจะขอบคุณบ้าง

    ผมนึกไปเองว่า "โจทย์ง่ายๆ" เพราะเคยทำเองก็ไม่พบว่ายากอะไร และก็เคยลองทำในเวิร์กช็อปก็เห็นว่าใครๆ ก็เขียนกันได้ แต่ก็ไม่เคยลองให้ผู้เข้าร่วมสะท้อนให้ฟัง เพราะเห็นว่าเป็นเพียงกิจกรรมเล็กๆ เพื่อเสริมแทรกเข้ามาเท่านั้นเอง

    คุณแม่ของผมบอกว่า "นึกไม่เห็นออกเลย" ว่าจะมีอะไรน่าขอบคุณ ทั้งๆ ที่การพูดคุยกันในวันนั้นเป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว

    อืมมม เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของผมไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ลดละความพยายาม เพราะไปตั้งตัวเลขให้แม่ไว้ตั้งสิบข้อ ก็เลยบอกท่านว่า เออ.. ลองลดเหลือสักห้าข้อก่อนก็ได้ครับ แม่ลองนึกๆ ดูว่าตั้งแต่เช้าตื่นมาทำอะไรบ้างมีอะไรที่พอจะ "หาเรื่องขอบคุณ" ได้บ้าง

    ท่านก็บอกว่า ตื่นเช้ามาก็สวดมนต์ไหว้พระ...อ๋อ อยากขอบคุณพระพุทธเจ้า ผมรีบบอกว่า อืมม ได้เลยแม่ นี่ก็หนึ่งข้อแล้ว ท่านเริ่มหัวเราะออกมา ประมาณว่าดีใจที่เริ่มทำโจทย์การบ้านที่ผมให้ไปได้บ้างแล้ว

    จากนั้นท่านก็ยังนึกไม่ออกว่าพอจะขอบคุณอะไรได้อีกบ้าง ผมก็ลองช่วยด้วยการบอกว่าจากนั้นแม่ทำอะไรอีก คุณแม่ก็บอกว่าสวดมนต์ไหว้พระแล้วก็กินข้าวเช้า

    "อืมมม แม่ไม่อยากขอบคุณเมล็ดข้าวและกับข้าวที่แม่กินบ้างเหรอ" ผมถาม

    ท่านหัวเราะดังและยาวขึ้นอีก "อะไรกัน เมล็ดข้าวนี่ก็ขอบคุณได้ด้วยเหรอ?" ท่านบอกว่าท่านรู้คุณของเมล็ดข้าวทุกเมล็ดมาตลอดชีวิตของท่าน ท่านไม่เคยทิ้งขว้างเมล็ดข้าวเลยสักเมล็ด ผมก็บอกว่า แบบนี้ก็นับได้ว่าเป็นการขอบคุณแล้วครับ ความรู้สึกแบบนี้แหละ

    ท่านก็เขียนลงไปในรายการของท่าน พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะที่เริ่มยาวขึ้น

    จากนั้นผมก็ค่อยๆ ช่วย "แคะความรู้สึกขอบคุณ" ของท่านออกมาจากชีวิตประจำวันของท่านได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไปสู่แม่บ้านที่ช่วยทำอาหาร น้องชายที่อยู่ที่บ้าน เพื่อนบ้านที่นำขนมมาให้ ฯลฯ

    จนได้ครบสิบข้อ

    ท่ามกลางเสียงหัวเราะของท่านที่แม้ในระยะหลังๆ นี้ท่านจะหัวเราะได้บ่อยมากขึ้น แต่ผมก็ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นและนานขึ้นและบ่อยครั้งแบบนี้มานานแล้ว ท่ามกลางความรู้สึกที่ทำให้หัวใจของผมพองโตเต็มอกไปด้วย

    คือบางทีเราเผลอไปตั้ง "มาตรฐานการขอบคุณ" ของเรา "สูงเกินไป"

    บางทีเราเผลอไปมองว่า "การขอบคุณเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่" เกินไป เช่น จะต้องเป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าดีจริงๆ สำคัญจริงๆ ยิ่งใหญ่จริงๆ เราถึงจะสามารถรู้สึกขอบคุณได้ การตั้งมาตรฐานการขอบคุณของเราแบบนั้นบางทีก็ได้ทำให้หัวใจของเรา "ขาดการหล่อเลี้ยง" ไปอย่างน่าเสียดาย

    บางทีหัวใจของเราอาจจะไม่ได้จำเป็นต้อง "รอฝนห่าใหญ่" อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ "การรดน้ำ" เพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่บ่อยๆ และสม่ำเสมอ ก็จะเป็นหนทางที่ทำให้หัวใจของเราชุ่มฉ่ำได้ไม่น้อยเลย

    เราจะเห็นนะครับว่า อารมณ์ความรู้สึกด้านบวกนั้น "หลบซ่อน" อยู่ในชีวิตประจำวันของเราไม่น้อยเลย เมื่อเราสามารถมี "แคะอารมณ์บวก" บางอย่างบางเรื่องให้ผุดขึ้นมาได้ อารมณ์บวกอื่นๆ ก็จะถูกชวนกันให้ออกมาปรากฏตัวมากขึ้น การขอบคุณนำมาสู่การหัวเราะที่มีความสุขได้ อาจจะนำมาสู่ความรู้สึกดีๆ กับตัวเราเองได้

    อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่าในเบื้องต้นก็อาจจะเขียน "รายการขอบคุณ" ก็อาจจะไม่สามารถเขียนได้ง่ายๆ และหลายๆ ท่านก็อาจจะนึกไม่ออกเหมือนกับตัวอย่างคุณแม่ของผม

    อยากจะแนะนำให้ลองเริ่มต้นแค่สามรายการดูก่อน

    ช่วงแรกๆ ก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ หรือยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรชัดเจนนัก อยากให้ "ลองหาเรื่อง" ขอบคุณไปเรื่อยๆ คุณจะพบว่ารายการขอบคุณของคุณจะค่อยๆ ยาวขึ้นเอง อาจจะทำเป็นเกมในครอบครัว ช่วยกันดูว่าในแต่ละวันเรามีอะไรที่จะขอบคุณได้บ้าง

    ค่อยๆ ชวนเขียนกันไปแบบนี้ หัวใจของเราก็จะค่อยๆ พองโตไปด้วยความสุขทีละนิดๆ ได้เองครับ
     
  20. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    สวัสดีคะ ท่านพี่

     

แชร์หน้านี้

Loading...