พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมไปต่อว่าแล้วครับว่า คราวหน้าให้เชื่อ กูรูผม อิอิ

    :boo:
    .
     
  2. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เซินอู๋ฉางอู้ : ไร้สมบัติติดกาย
    China - Manager Online
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    26 พฤษภาคม 2553 07:39 น.

    《身无长物》

    身 (shēn) อ่านว่า เซิน แปลว่า ร่างกาย
    无 ( wú) อ่านว่า อู๋ แปลว่า ไม่มี
    长物 (chángwù) อ่านว่า ฉางอู้ แปลว่า ข้าวของ (ในอดีต อ่านว่า จ้างอู้ แปลว่าสิ่งของฟุ่มเฟือย)



    ภาพจาก http://zl-23237878.blog.163.com/

    ในสมัยจิ้นตะวันออก(ตงจิ้น) ยังมีคนผู้หนึ่ง นามว่า หวังกง ฉายาเสี้ยวป๋อ พื้นเพมาจากตระกูลสูงศักดิ์ บิดานามหวังอวิ้นรับราชการเป็นขุนนางระดับสูง ส่วนน้องสาวก็เป็นถึงพระมเหสีของฮ่องเต้เสี้ยวอู่ตี้ ทว่าหวังกงไม่ใช่คนหลงมัวเมาไปกับอำนาจวาสนา เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรมสูงยิ่ง กระทั่งมหาเสนาบดีเซี่ยอานยังให้ความสนใจในตัวเขา ทั้งยังเชื่อว่าต่อไปภายภาคหน้าหวังกงจะเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่งที่สามารถสนับสนุนส่งเสริมให้ฮ่องเต้ปกครองแว่นแคว้นนี้ต่อไป

    ในชีวิตประจำวัน หวังกงมีความประหยัดมัธยัสถ์ยิ่ง เขาสนิทสนมกับคนในตระกูลเดียวกันผู้หนึ่ง นามว่า หวังเฉิน ทั้งสองต่างได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญาความสามารถ หวังกงนั้นพำนักอยู่ ณ เมืองฮุ่ยจี ส่วนหวังเฉินอยู่ ณ เจี้ยนคัง ซึ่งเป็นเมืองหลวง ทั้งสองจึงไม่ได้พบกันบ่อยนัก

    ครั้งหนึ่ง หวังกงเดินทางมายังเมืองหลวงพร้อมกับบิดา เมื่อหวังเฉินทราบข่าวจึงมาพบปะพูดคุย เมื่อสนทนากันได้พักใหญ่ หวังเฉินเห็นเสื่อที่หวังกงนั่งอยู่ถักทอลวดลายงดงามจับใจนัก จึงคิดว่าหวังกงเดินทางมาจากเมืองฮุ่ยจี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไม่ไผ่และเสื่อที่ขึ้นชื่อยิ่ง สมควรนำติดตัวมาหลายผืน จึงได้เอ่ยปากว่า "เสื่อผืนนี้งามยิ่ง ท่านสามารถมอบให้ข้าสักผืนหรือไม่?" หวังกงตอบตกลงพลางผุดลุกขึ้นม้วนเสื่อผืนนั้นมอบให้เพื่อนสนิท เมื่อหวังเฉินกลับไป หวังกงจึงนำแผ่นฟางถักมารองนั่งแทน

    เมื่อหวังเฉินได้ทราบเรื่องดังกล่าวจึงตกตะลึง และเดินทางกลับมาขอโทษหวังกง พลางกล่าวว่า "ต้องขออภัยอย่างยิ่ง เพราะข้าคิดว่าท่านมีเสื่อติดตัวมาหลายผืน" หวังกงยิ้มพลางกล่าวตอบว่า "ตัวข้านี้ ทั้งตัวล้วนไม่มีสิ่งใดไม่ใช้ประโยชน์" หวังเฉินเห็นหวังกงมัธยัสถ์ถึงเพียงนั้น ทั้งยังจิตใจกว้างขวางจึงยิ่งเพิ่มความนิยมยกย่อง

    ภายหลัง หวังกงได้รับความไว้วางใจจากอ๋องเสี้ยวอู่ตี้ รั้งตำแหน่งขุนพล มีคุณูปการอย่างยิ่งต่อบ้านเมือง

    สำนวน "เซินอู๋ฉางอู้" เดิมทีเปรียบเปรยถึงผู้ที่มีความประหยัด มัธยัสถ์ แต่ในภายหลังใช้ในความหมายว่ายากจนข้นแค้น ไร้สมบัติติดกาย


    ที่มา 毛强国。 《成语故事》 。北京。北京理工大学出版社

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9530000071350
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"น้ำลอยดอกมะลิ"หอมเย็น เคล็ดขนมไทย
    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9530000072114
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 พฤษภาคม 2553 16:03 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ในการทำขนมไทยแบบไทยๆนั้น สิ่งที่จะขาดเสียมิได้ก็คือ "น้ำลอยดอกไม้" ที่มีไว้สำหรับใช้คั้นกะทิ หรือใช้ผสมกับน้ำตาลทราย ทำเป็นน้ำเชื่อม ทำน้ำอบน้ำปรุง เพราะน้ำลอยดอกไม้มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าการทำน้ำลอยดอกไม้เขาทำกันอย่างไร "108เคล็ดกิน" จึงมีวิธีการทำมาบอกเล่าเก้าสิบกัน

    ดอกไม้ที่นิยมนำมาลอยน้ำ ก็มีหลากหลายชนิดทั้ง กุหลาบ กระดังงา แต่ที่นิยมกันมากที่สุดก็คือ ดอกมะลิ การทำน้ำลอยดอกไม้ จะต้องทำเตรียมไว้ในตอนเย็น เพื่อทำขนมในวันรุ่งขึ้น เหตุผลที่ต้องทิ้งไว้ค้างคืน ก็เพื่ออบเอากลิ่นหอมของมะลิ เนื่องจากธรรมชาติของดอกมะลิ เป็นดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมในเวลากลางคืน ถ้าจะลอยด้วยดอกอื่น ควรทราบเวลาที่ดอกไม้ชนิดนั้นส่งกลิ่นจึงจะได้ผลดี

    การทำก็ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่เก็บดอกมะลิ ปลิดขั้วต่อกับดอกออก ล้างน้ำอย่างเบามือที่สุด ต้มน้ำให้เดือด แล้วทิ้งไว้ให้เย็น เทใส่ภาชนะเคลือบหรือถังพลาสติกอย่างดีมีฝาปิด หย่อนดอกมะลิ (แนะนำใช้ดอกตูม)ให้ลอยทีละดอก ปิดฝาให้สนิททิ้งไว้ตลอดคืน รุ่งเช้าจึงเก็บดอกมะลิขึ้นก็จะได้น้ำลอยดอกไม้แล้ว

    สมัยก่อนน้ำที่นิยมใช้ในการลอยดอกไม้เป็นน้ำฝน แต่ปัจจุบันหากต้องการใช้น้ำประปา ควรรองน้ำทิ้งไว้ให้หมดกลิ่นคลอรีนก่อน การลอยดอกมะลิ ถ้าไม่ได้ใช้ดอกมะลิปลูกเอง ไม่ควรเอาดอกมะลิลอยในน้ำโดยตรง เพราะอาจมียาฆ่าแมลงตกค้าง ให้ใส่ดอกมะลิในภาชนะอื่น เช่น ขันใบเล็ก ๆ ลอยลงในน้ำอีกที

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมนึกอะไรออกแล้ว

    สงสัยต้องไปซื้อต้นมะลิ แล้วมาปลูก จะได้นำดอกมะลิ ไปทำน้ำลอยดอกมะลิ แล้วจะไปทำเป็นน้ำมนต์

    .
     
  5. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผม

    <TABLE class=tborder style="BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px" cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat>
    ข้อความส่วนตัว: พระวังหน้า พิมพ์วันทา </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 08:38 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>amaterasu<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: May 2010
    ข้อความ: 0
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>พระวังหน้า พิมพ์วันทา

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ อย่างนี้ถ้าคุณsithiphong ไม่ได้นำพระพิมพ์นี้มาร่วมทำบุญ
    งั้นผมขอเช่าสักองค์ได้ไหมครับ แบบว่าชอบศิลปของพิมพ์นี้อ่ะครับ ยังไงขอเบอร์โทรติดต่อได้ไหมครับ ขอบคุณมากนะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ---------------------------------------------------

    ต้องขอโทษครับที่ไม่สามารให้เบอร์โทร.ได้ครับ

    จริงๆแล้ว พิมพ์นี้หากเป็นการสร้างก่อนปี พ.ศ.2415 จะมีทั้งรุ่นที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นองค์ผู้อธิษฐานจิต หรือรุ่นที่หลวงปู่อิเกสาโรและสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นองค์ผู้อธิษฐานจิต ครับ
    .

    .
     
  6. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จาก pm ผม

    ข้อความส่วนตัว: พระวังหน้า พิมพ์วันทา <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 09:16 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>amaterasu<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: May 2010
    ข้อความ: 0
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>พระวังหน้า พิมพ์วันทา

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ไม่เป็นไรครับ แล้วถ้าจะขอเช่าสักองค์จะได้ไหมครับคุณsithiphong ขอบคุณครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ---------------------------

    ผมไม่ได้ให้เช่าครับ
    ต้องขอโทษด้วยครับ

    .
     
  7. nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    555 ระวังyeild ของพันธบัตรด้วยนะครับ เดือนหน้าคงสาหัสครับ หุ หุ
     
  8. :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ก็บอกเขาจิว่า ต้องทำยังไง จะให้โอนไปทำบุญที่ไหนก็แจ้งเขาไป กั๊กๆอยู่นั่นละท่าน...เงื้อแล้วไม่ฟันมันจะยังไงๆนะท่าน
     
  9. พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    _/|\_


    .....โมทนาสาธุทุกประการครับ......
     
  10. :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    @paisalvision : คำสาปวังหน้าและวังเพชรบูรณ์

    Posted on พฤษภาคม 22, 2010 by top10thai
    <!-- .entry-meta --><SCRIPT src="http://s0.wp.com/wp-content/plugins/adverts/adsense.js?m=1253160243g&1" type=text/javascript></SCRIPT>

    อาจารย์ไพศาล พืชมงคล ทนายชื่อดัง เกจิ และโหรคมช.
    ทวีตไว้เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2553 http://twitter.com/paisalvision

    เห็นข่าวเรื่องเวิร์ลเทรดฯแล้วนึกถึงคำสาปของเจ้าของเดิม
    แทบไม่น่าเชื่อ ผมเองนี่แหละที่เป็นผู้นั่งเป็นพยานในการเปิดพินัยกรรมที่ดินแปลงนี้
    คนที่รู้เรื่องนี้ตอนนี้เหลืออยู่แค่ ๒ คน คือผมกับเพื่อนทนายอีกคน
    ผมเองก็จำความละเอียดไม่ได้ทั้งหมดแล้วแต่พอจำบางส่วน
    “คำสาปของเจ้าของเดิม” เป็นคำสาปที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยรู้เห็น
    ตอนตระกูลเตชะไพบูลย์ได้ไปก็ตามสังเกต มันเป็นไปตามคำบาปจริงๆ
    ตอนนี้ตระกูลจิราธิวัฒน์โดนบางส่วนแล้ว ยังไม่หมดยังมีอีกต้องตามดู
    ในคำสาปก็บอกข้อยกเว้นไว้ ต้องแก้บางอย่าง แต่ไม่มีใครเชื่อ
    คิดว่าเอาตรีมูรติมาไว้จะแก้ได้ ไม่มีทางหักล้างได้
    =====
    เพื่อสนองความปรารถนารู้ของมวลมิตร จึงจักแสดงเรื่องความรู้ปรัมปราว่าด้วยเรื่องคำสาปจะดีบ๊อ
    เรื่องคำสาปมีมานานนักหนาตั้งแต่ตำนานกำเนิดรามเกียรติ์โน่น
    แต่คำสาปเกี่ยวกับวังอันลือชา มีอยู่ ๒ วังคือ วังหน้า กับ วังเพชรบูรณ์

    วังหน้าแห่งรัตนโกสินทร์นั้นเป็นของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทในรัชกาลที่ ๑
    ทรงรักหวงห่วงมากไม่อยากให้ตกเป็นสมบัติคนอื่น
    จึงทรงสาปแช่งไว้เป็นสาหัสว่าถ้าผู้ใดที่มิใช่เชื้อสายมาเป็นเจ้าของครอบครอง
    ให้มีอันฉิบหายตายโหงสามชั่วโคตรและทรงอาราธนาสงฆ์สวดญัตติคำสาปด้วย
    หลังเสด็จสวรรคตแล้วไม่มีผู้ใดกล้ารับเป็นเจ้าของครอบครอง
    แม้พระเจ้าอยู่หัวก็ไม่มีพระราชประสงค์จะให้วิบัติตกแก่ท่านผู้ใด เพราะเกรงคำสาปนั้น
    จนกระทั่งรัชกาลที่ ๕ ทรงยกเลิกตำแหน่งวังหน้าหรือตำแหน่งกรมพระราชวังบวรแล้ว
    ก็ไม่มีท่านผู้ใดกล้ารับเป็นเจ้าของครอบครอง จนเปลี่ยนแปลงการปกครอง
    ทางราชการจึงต้องปรับใช้เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติมาจนทุกวันนี้
    แต่ก็มีที่ปลายวังแสดงความขลังให้ปรากฏ โดยท่านปรีดี ได้ใช้เป็นที่ทำการของนายก
    ในที่สุดท่านปรีดีผู้มีคุณูปการยิ่งต่อชาติก็มีอันเป็นไป ท่านปรีดีต้องลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศจนตลอดชีวิต
    ครั้งหนึ่งพันโทชาติชาย ชุณหวัณ เอารถถังบุกพังทำเนียบท่าช้างวังหน้านั้น เพราะมีรัฐประหาร
    นี่ก็แค่ที่ปลายวังหน้าข้างที่อาบน้ำช้างเท่านั้น ถ้าตรงที่ตั้งวังจะขนาดไหน
    อีกวังหนึ่งคือวังเพชรบูรณ์อันเป็นที่ตั้งเซ็นทรัลเวิลด์ในทุกวันนี้
    เดิมเป็นของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ในรัชกาลที่ ๕

    สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นี้ทรงกรมในพระนามว่ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย
    สิ้นพระชนม์ในปี ๒๔๖๖ ขณะมีพระชันษาเพียง ๓๑ พรรษา
    ระหว่างทรงพระชนม์ รัชกาลที่ ๖ ได้พระราชทานที่ดินตรงนี้สร้างวังให้
    เรียกว่าวังเพชรบูรณ์ ทรงปรารถนาให้ตกทอดเฉพาะเชื้อสายของพระองค์เท่านั้น
    ทรงเกรงว่าทายาทยังเล็กหากทรงเป็นไปจะถูกผู้อื่นฉ้อโกงเอาไป
    จึงทรงทำพิธีสาปโดยนัยทำนองเดียวกับคำสาปของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
    แต่ทรงเชี่ยวชาญด้านศิลปะและดนตรีจึงมีน้ำพระทัยอ่อนผ่อนปรน
    ตั้งข้อยกเว้นไว้ว่าในกาลเบื้องหน้าถ้าผู้ใดมีน้ำใจเป็นกุศลใคร่ได้วังนี้ไปก็ต้องทดแทน
    ทรงระบุในข้อยกเว้นแห่งคำสาปว่าต้องไปสร้างศาลเจ้าพ่อเสือในที่ดินแปลงหนึ่งที่รังสิต
    มีรายละเอียดอีกบางประการซึ่งผมจำไม่ได้เสียแล้ว

    ล่วงมาราวปี ๒๕๒๐ บวกลบเล็กน้อยจำไม่ได้แล้ว
    มีนักกฎหมายเพื่อนกันที่ทำงานรับใช้เจ้านายมาหาผมเชิญให้ไปนั่งเป็นพยานเปิดพินัยกรรมของทายาทท่าน
    ได้ความว่าที่มาหาก็เพราะทราบว่าผมเกิดตรงวันที่กำหนดให้นั่งเป็นพยานและมีวิชาพอสมควรซึ่งเพื่อนๆพอรู้จัก ก็รับงานเลย
    จึงได้ทราบเรื่องราวจากผู้ดูแลที่ดินแปลงนี้และผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในขณะนั้น
    หลังเปิดพินัยกรรมแล้วต่อมาก็มีการนำที่ดินนี้ออกประมูลหาผู้ลงทุน
    ผลประมูลกลุ่มนายอุเทน เตชะไพบูลย์ชนะ ขณะนั้นตระกูลนี้เป็นมหาเศรษฐีเมืองไทย ก็ตั้งใจตามดูว่าคำสาปจะเป็นอย่างไร
    ปี๒๕๓๒ เรียน วปอ.อยู่ก็ได้เตือนเพื่อน คนในตระกูลนั้นว่าให้แก้คำสาป ไม่งั้นคงเสี่ยงในสิ่งที่มองไม่เห็นแน่
    เขาไม่เชื่อบอกว่าพ่อเขามีซินแสดี
    มีการแก้ในเชิงฮวงจุ้ยที่หัวมุมตามทหลักวิชาฮวงจุ้ย ทำเป็นเนินดินคล้ายฮวงซุ้ย และทำพิธีกรรมโดยผู้มีวิชาของปอเต๊กตึ้งอีกหลายอย่าง
    แต่ก่อสร้างไม่ทันเสร็จทั้งโครงการ ตระกูลเตชะไพบูลย์ที่มหามั่งคั่งก็มีอันเป็นไป ทั้งครอบครัวและทรัพย์สิน ดังที่รู้กันอยู่
    ตระกูลจิราธิวัฒน์ก็มารับช่วงที่ดินและโครงการนี้ต่อมา คราวนี่หาผู้มีวิชาทางพราหมณ์ แนะให้แก้โดยสร้างตรีมูรติ ซึ่งเป็นมหาเทพในฮินดู

    ผลก็คือมีเทพต่างๆเต็มไปหมดทั้งพระอินทร์ พระพิฆเณศ หวังดูดซับพลังมาจากฝั่งท้าวมหาพรหมด้วย
    แต่วันนี้ก็คงเห็นกันแล้วว่าแก้คำสาปได้หรือไม่
    ก็ต้องคอยดูอนาคตของตระกูลจิราธิวัฒน์กันต่อไป เพราะตอนนี้ก็ยังไงๆพิกลอยู่
    อันคำสาปนั้นเป็นการกระทำอธิษฐานชนิดหนึ่งในจำพวกอธิษฐานฤทธิ์
    แต่จัดเป็นฤทธ์จำพวกไสยเวย์ คือมเชิญเทพหรือภูตหรือวิญญาณกำกับให้เป็นตามคำสาป
    หลังผู้สาบสิ้นแล้วก็จะต้องมารักษาคำสาปจนกว่าจะพ้นกรรมหรือมีผู้มารับหน้าที่แทน

    คราวนี้มี ๙ วิญญาณเข้ารับช่วงแล้ว
    และน่าจะยิ่งแรงกว่าเก่าก่อน
    เจ้านายบางท่านไม่ต้องการเฝ้าคำสาปแต่ไม่ต้องการให้ที่มรดกตกแก่คนอื่นก็ใช้หนทางตามกฎหมาย
    คือทำเป็นพินัยกรรมและทูลเกล้าถวาย
    เมื่อพระเจ้าแผ่นดินมีพระบรมราชโองการว่าให้พินัยกรรมมีผลบังคับเป็นกฎหมาย
    พินัยกรรมนั้นก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้นอกจากออกฎหมาย
    ศาลฎีกาเคยตัดสินว่าพระบรมราชโองการนั้นใช้บังคับได้เหมือนกฎหมาย
    มีที่ดินมากแปลงที่เป็นแบบนี้เช่นที่ดินแถวบ้านหม้อ
    หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว ที่เคยพบคนมีความคิดแบบนี้อยู่รายเดียว คือเจ้าของตลาดยิ่งเจริญอํนโด่งดัง แต่เอาไว้
    เล่าวันหลังเพราะเป็นมหากาพย์
    ใครจะรวมเป็นเรื่องราวก็เชิญนะครับ ส่งเมล์มาให้ผมด้วย เพราะผมทำไม่เป็น
    เขียนทิ้งเขียนขว้างแบบนี้แหละครับจะเอาอะไรกับคนแก่
    ———————————- @paisalvision —————————
     
  11. :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    อาคารขนาดใหญ่ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ที่กำลังมอดไหม้ ทำให้หลายคนสนใจใคร่รู้ถึงเรื่องเล่าอาถรรพ์ วังเพชรบูรณ์ ที่ตั้งของห้างสรรพสินค้ายักใหญ่แห่งนี้

    ดิฉันเลยค้นโน่นนี่ มาแปะให้อ่านกันพอเป็นกระสาย ผิดบ้างถูกบ้าง ขออภัย ใครมีข้อมูลดีกว่านี้ ช่วยกันแก้ไขนะคะ

    วังเพ็ชรบูรณ์ เคยตั้งอยู่ริมถนนพระราม 1 และถนนราชดำริ เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ 72 ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สำหรับที่ตั้งวังเพ็ชรบูรณ์คือ พระราชวังปทุมวัน ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเสด็จประพาสและให้ประชาชนไปแล่นเรือ โดยโปรดให้ขุดสระใหญ่ 2 สระติดกัน โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลับพลา 2 ชั้น สำหรับประทับแรม ริมสระมีพลับพลาเสด็จออกและโรงละคร พร้อมกับตำหนักฝ่ายใน โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดใกลักับพระราชวัง พระราชทานนามว่า วัดปทุมวนาราม
    ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัยเสด็จกลับจากศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังปทุมวัน นี้ว่า "วังเพ็ชรบูรณ์" ภายในวังประกอบด้วยตำหนัก ซึ่งมีชื่อเป็นเพลงไทยเดิม เนื่องจากทรงมีความสนพระทัยในด้านนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์
    สำหรับตำหนักมีดังนี้
    ตำหนักประถม เดิมเป็นตำหนักที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ต่อมาโปรดให้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุษบันบัวผัน ซึ่งทรงเป็นผู้ถวายพระอภิบาลสมเด็จฯ เจ้าจุฑาธุชธราดิลก มาแต่ทรงพระเยาว์ เป็นตำหนักที่ก่อสร้างด้วยไม้ สูง 3 ชั้น ปัจจุบันได้ถูกชลอมาปลูกสร้างใหม่ ที่ตำหนักของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา ซึ่งเป็นพระธิดา ที่จังหวัดนนทบุรี

    ตำหนักแพ ปัจจุบันอยู่ที่วังเลอดิสตำหนักแพ เป็นตำหนักที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ภายหลังจากที่ทรงย้ายจากตำหนักประถม ลักษณะเป็นเรือนไทย 2 หลังอยู่บนแพ ปัจจุบันชลอมาอยู่ที่วังเลอดิส ถนนสุขุมวิท ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช พระโอรส

    ตำหนักสันนิบาตน้อย เป็นที่ประทับของหม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช พระชายาในสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก
    ตำหนักน้ำ เป็นที่อยู่ของหม่อมละออในสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ ปัจจุบันชลอมาปลูกใหม่ ณ ตำหนักของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา ที่จังหวัดนนทบุรี

    เรือนลมพัดชายคา เป็นสถานที่ซึ่งสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก สิ้นพระชนม์
    เรือนกินรำ เป็นที่อยู่ของคณะละครวังเพ็ชรบูรณ์
    แต่ต่อมาวังเพ็ชรบูรณ์ ได้ถูกขอเช่าที่ดินไปสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถ.ราชประสงค์ ปัจจุบัน
    ==================================================
    อาจารย์วิศิษฐ์ เตชะเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยชื่อดังของไทย กล่าวถึงความอาถรรพ์ของ แยกราชประสงค์ว่า เป็นที่ดินที่มีการสาปแช่งว่าห้ามผู้ใดเข้ามาใช้สถานที่นี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจจะถึงตาย
    “ที่ตรงนั้นเคยเป็นทางแยกและเป็นคลองตรงจุดทางแยก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีวิญญาณชั่วร้ายอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ สมัยโบราณตอนแรกที่ตั้งโรงแรมเอราวัณก็ประสบปัญหามากมายถึงขั้นลมละลายกันบ่อย แต่หลังจากมีพระผู้ใหญ่ที่เป็นพราหมณ์ แนะนำให้ตั้งศาลพระพรหมที่ตรงโรงแรมเอราวัณ หลังนั้นสถานการณ์ต่างๆ ก็ดีขึ้น หรืออย่างที่ตั้งของโรงพยาบาลตำรวจเมื่อก่อนยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มักจะมีเหตุการณ์ตาย จนกระทั่งมีการตั้งพระนารายณ์ เพื่อให้ควบคุมสถานการณ์ได้ หรืออย่างสมัยก่อนตรงหัวมุมตรงนั้นก็มีการสร้าง “ห้างไทยไดมารู” ขึ้น แต่ก็ต้องเจ๊งระเนระนาด เนื่องจากว่าตรงห้างไทยไดมารูที่ตรงนั้นเดิมเคยเป็นสถานที่ศักสิทธิ์เป็น พระราชวังที่ประทับของ ร.4 ซึ่งตรงจุดนั้นก็มี การประทับพระตรีมูรติ โดยสร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และก็มีการสืบทอด มาอันเชิญมาตั้งอยู่ในวังเพชรบูรณ์ตรง ถ.ราชดำริ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นถือเป็นที่เฮี้ยนและก็มีการสาบแช่งไว้มากมาย”
    สุดท้ายที่ดินสุดสวยก็กลายไปเป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ ฉะนั้นพอใครไปถึงตรงนั้นจะต้องรู้ว่ามีพลังศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ทีนี้การที่มีม็อบมาตั้งเวทีตรงนั้นเชื่อว่าเสื้อแดงมีการใช้ไสยเวทย์ ด้วยกันหลายเรื่อง
    “ที่เห็นได้ชัดมากก็คือ วันที่เสื้อแดงเทเลือด ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 วันนั้นเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยตามราชประเพณี ซึ่งวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือตัวแทน ซึ่งเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเป็นตัวแทนเข้าไปไหว้พระสยามเทวาธิราช ซึ่งวันนั้นเองที่เสื้อแดงเทเลือดกัน ไม่รู้ว่าจะเป็นการจงใจหรือไม่แต่อย่างไร เพราะนี่คือการทำอาถรรพ์ใส่กับประเทศชาติ อาถรรพ์แบบนี้เขาเรียกกันว่า “แช่งบ้านสาปเมือง” แต่ ทีนี้การทำลักษณะนี้จริงๆ มันเป็นการกระทำอันตรายต่อคนทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระสยามเทวาทิราชนั้นมีพระพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่มาก ใครที่เป็นคนคิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาได้ถือว่าแย่มาก การสาปแช่งบ้านเมืองตัวเอง ซึ่งบาปก็จะติดตัวไปจนตาย”
    อาจารย์วิศิษฐ์ ยังพูดถึงประเด็นการการตั้งเวทีหันหลังให้พระพรหมนั้น ไม่เป็นผลดีต่อคนทำ แน่ๆ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านอยู่ด้วยความสงบสุข
    “ทำแบบนั้นก็ถือเป็นการไปรบกวนเสียเปล่า พอรบกวนไปแล้วก็คิดว่าท่านจะบันดาลไม่ให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งตนก็จับตาดูสถานการณ์ของเสื้อแดงตลอด และวันที่ 5 นี้เองนั้น จริงๆแล้วเป็นวันที่ปราบดาภิเษกของ ร.1 และวันที่ 6 คือวันราชาภิเษกของพระองค์ท่าน ฉะนั้นมองว่าเป็นการเล่นเอาวันสำคัญเป็นการแก้เคล็ด อย่างไรก็ดี เชื่ออย่างหนึ่งว่าเสาหลักเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ การที่มีคนทำพิธีเกี่ยวกับประเทศชาติเนี่ย เราคิดว่าบารมีเรามีมากพอ ในสมัยโบราณมีการทำกันระหว่างกษัตริย์ แต่นี่คือประชาชนทำจะเป็นเช่นไร สำหรับทางออกนั้น ผมอยากจะบอกว่า จริงๆคือการเล่นไสยเวทย์กันทั้งสิ้นไสยเวทย์จะบอกไว้นิดนึงว่าใครทำเข้ามัน จะ ย้อนกับมาเล่นตัวเรา ซึ่งมันรุนแรงมาก ยิ่งกว่าไม่มีบ้านให้อยู่เหมือนกับตกอยู่ในขุมนรกเลยทีเดียว” อาจารย์วิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย

    =============================
    นอกจากคำบอกเล่าของสถาปนิกที่ผันตัวมาเป็นหมอดูฮวงจุ้ยแล้ว เรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์วังเพชรบูรณ์ยังมีอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ข้อความข้างล่างนี้

    "แยกราชประสงค์ถือว่าเป็นอันตรายมาก ๆ เรียกกันว่าเป็นที่ที่มีฮวงจุ้ย “ใบพัด” เหมือนกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อมีคนเยอะๆ ใบพัดก็จะหมุน ซึ่งตรงนั้นมีเทพเจ้ามากมาย ส่งผลให้เทพทุกองค์ต่างแสดงอำนาจกันใหญ่
    จากประวัติศาสตร์ตอนสร้าง กทม.ลงเสาหลักเมือง กทม.มีการใส่คนจริงยังไม่ตายไปก้นหลุมด้วย พอลงเสาจะกลบหลุมมีงู 4 ตัวเลื้อยลงไป และถูกฝังไปพร้อมกับคน....เป็นเครื่องบอกลางอาถรรพ์ของกรุงเทพว่าครบรอบต้องบูชายันต์ กทม.ครั้งใหม่ อีกแล้วโดยผู้มีอำนาจ
    นอกจากนี้สี่แยกราชประสงค์เป็นลางไม่ดี ยังอยู่ใกล้โรงพยาบาลตำรวจที่มีคนตายทุกวัน ตั้งแต่ตั้งโรงพยาบาลมามีคนตายไปแล้วหลายพันหลายหมื่นคน เป็นสี่แยกอาถรรพ์แต่บรรพกาล อีกทั้งยังเรียกกันว่าเป็นที่ประตูผีซึ่งเป็น อาถรรพ์"

    =============================================

    อะไรต่อมิอะไรที่นำมาแปะต่อกันแบบไม่เป็นชิ้นเป็นอันนี้ อาจจะดูไม่น่าเชื่อถือนัก หากพิจารณาด้วยเหตุผล
    แต่หากปล่อยให้อารมณ์และสถานการณ์พาไป
    แม้แต่ดิฉันเองยังรู้สึก
    ขนลุก !!!

    ============================================






    อ้างอิง
    1. วิกิพีเดีย
    2. http://news.hepu.org
     
  12. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพราะว่า มีหลายรุ่น , หลายเนื้อครับคุณเพชร

    และผมไม่ได้ให้ร่วมทำบุญสำหรับพิมพ์นี้ครับ

    ที่สำคัญ พระวังหน้า พิมพ์วันทาเสมา ที่ผมมีอยู่ จะไม่ใช่พิมพ์ที่วงการซื้อขายพระเครื่องของเมืองไทยยอมรับ หากนำไปแห่ ทางเสี้ยนของวงการซื้อขายพระเครื่อง จะบอกว่าเก๊ครับ

    .
     
  13. :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นท่ามกลางทะเลเพลิงที่ยังไม่มอดดับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และโรงหนังสยา่ม ตำนานมีชีวิตของคนยุคซิกต์ตี้ ยังคงคุกรุ่น อีกนานหลายชั่วอายุคน ประวัติศาสตร์บาดแผลที่เกิดขึ้นใจกลางกรุงเทพมหานคร เกิดขึ้นในหัวใจคนไทยรักสงบทุกคนคงมิอาจลบเลือน โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิลด์ สัญลักษณ์แห่งความศิวิไลซ์มูลค่านับหมื่นล้าน ลานเบียร์ที่เคยเป็นแหล่งรื่นรมย์ เป็นสถานที่เคาว์ดาวน์ก่อนเข้าสู่วันปีใหม่ ของทุกปี พลุไฟหลากสีสัน ที่เคยสว่างไสวเหนือท้องฟ้า บัดนี้กลายเป็นไฟบัลลัยกัลป์เผาผลาญทุกสิ่งสิ้น

    สถานที่ตั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เคยเป็นวังเจ้านายนาม วังเพ็ชรบูรณ์ เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ ๗๒ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เมื่อเจ้าฟ้าจุฑาฯ สิ้นพระชนม์ ม.จ.หญิงบุญจิราธร ชายา ก็ใช้เป็นที่ประทับในเวลาต่อมา จนสิ้นชีพิตักษัย จากนั้นได้มาอยู่ในความครอบครองของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา ก่อนที่จะโอนคืนกรรมสิทธิ์ให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัติริย์ พระตำหนักหลายแห่งถูกชะลอไปประกอบสร้างใหม่ ในสถานที่แห่งอื่น รวมทั้งตำหนักประถม ที่ชะลอไปปลุกสร้างในจังหวัดนนทบุรี

    หลังจากกลับมาอยู่ในความดูแลของสำนักทรัพย์สิน ได้ทำสัญญาเช่าเพื่อพัฒนาที่ดินพื้นที่ ๗๕ ไร่ กับกลุ่มบริษัทวังเพ็ชรบูรณ์ ของตระกูลเตชะไพบูลย์ ศูนย์การค้าขนาดยักษ์เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ คือเป้าหมายแรกที่จะวางตั้งไว้บนผืนดินเทวาอาถรรพ์แห่งนี้ แต่ความผันผวนของเศรษฐกิจ ที่กระทบธนาคารศรีนคร ก็ส่งผลเป็นโดมิโนมาถึงบริษัทวังเพ็ชรบูรณ์ โครงการสะดุด เป็นหนี้แบงก์ และในที่สุดแบงก์ไทยพาณิชย์ก็ยึดทรัพย์เบ็ดเสร็จ ด้วยราคาประเมิน ๙ พันล้่าน

    การเจรจานานนับปี เพื่อฟื้นฟูกิจการ ได้ข้อยุติที่เซ็นทรัลพัฒนา เข้ามาเทคโอเวอร์ด้วยมูลค่าที่ต่อรองลดลงมาเหลือ ๗ พันล้าน และลงเงินไปอีกราว ๒ พันล้่าน พัฒนาเป็นเซ็นทรัลเวิลด์ Zen ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    วันนี้ เหลือเ้พียงอดีต Zen และความทรงจำอันเจ็บปวด ทั้งสำหรับคนในตระกูลจิราธิวัฒน์ และผู้คนทั่วไป ที่มีความทรงจำทั้งรื่นรมย์และขมขื่นที่นี่

    มีใครบางคนที่คนเหล่านั้น ปรารถนาจะเข่นฆ่าให้อาสัญอย่างน้อย ๗ ชั่วโคตร เพียงเพื่อชดเชยความรู้สึกสูญเสียบนพื้นที่เล็กๆในหัวใจ

     
  14. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 94 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 88 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, chantasakuldecha+, newcomer+, nongnooo+, พรสว่าง_2008+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนบ่ายกลางๆครับ

    .
     
  15. พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 87 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 81 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>พรสว่าง_2008, :::เพชร:::, chantasakuldecha, dragonlord, nongnooo, sithiphong+</TD></TR></TBODY></TABLE> สวัสดีครับทุกๆท่าน
     
  16. chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    มากันครบเลยนะครับ อย่างนี้ต้องฉลอง
     
  17. psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 100 คน ( เป็นสมาชิก 6 คน และ บุคคลทั่วไป 94 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>psombat, :::เพชร:::, chantasakuldecha, nongnooo, sithiphong+, พรสว่าง_2008 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดียามบ่ายๆวันพุธครับ :)
     
  18. psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ผมชอบสามภาพนี้จัง ... ขออนุญาตเจ้าของตาม www ในภาพนะครับ

    ภาพแรก: ประทานพร งาม...ไร้คำบรรยาย
    ภาพสอง: เกี่ยวกับความรักที่แม่มีต่อลูก...ไม่ลืมที่จะใส่พระให้ลูกทั้งสอง :)
    ภาพที่สาม: คืนสังหาร (กิเลส)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. psombat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,334
    ค่าพลัง:
    +5,431

    เช้านี้ (27/05/2553):ผมได้เตรียม...
    - พระบรมสารีริกธาตุหลายสัณฐาน
    - พระอรหัตธาตุนาม สิวลีมหาเถระ 3 สัณฐาน
    - พระอรหัตธาตุนาม พระอุบาลีมหาเถระ
    - พระสรีรังคาร หลวงปู่พระอุปคุตเถระเจ้า
    - พระพิมพ์วังหน้า

    มอบให้ญาติทางนี้ไปถวายวัดป่าใน อ.เมืองตากกับอีกท่านถวายวัดอื่นๆทางเหนือรวม 3 ชุด

    โมทนาสาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1140608.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.5 KB
      เปิดดู:
      490
  20. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนงานกองทุนหาพระถวายวัด ที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า

    ผมจะจัดเตรียมพระวังหน้าและพระบูชา ไปให้ทุกๆท่านช่วยกันล้างทำความสะอาด เพื่อบรรจุลงในกล่องสเตนเลส รอเวลาในการอัญเชิญไปบรรจุในพระเจดีย์ต่างๆ หรือ ใต้ฐานพระพุทธรูปต่างๆ

    อีกทั้งผมจะอัญเชิญพระบูชา พระอุปคุตเถระเจ้า หน้าตัก 12" และหน้าตัก 9" เพื่อไปมอบให้พี่เปี๊ยกเป็นตัวแทนในการอัญเชิญไปประดิษฐานที่วัด(ยังไม่สามารถแจ้งวัดที่จะอัญเชิญไปได้)

    ในวาระนี้ ผมอาจจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 4 พระองค์ , พระธาตุพระอรหันต์ ไปมอบให้พี่เปี๊ยก หากผมได้โถแก้วมาได้ทันเวลา

    หากท่านสมาชิกกองทุนหาพระถวายวัด , สมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า และสมาชิกคณะพระวังหน้าท่านใดว่างเว้นจากภาระกิจ ขอเชิญทุกๆท่านด้วย
    ผมขอความกรุณาช่วยแจ้งจำนวนที่จะไปร่วมในงานด้วย

    หมายเหตุ งานในเดือนมิถุนายน 2553 นี้ ไม่ใช่งานประชุมชมรมรักษ์พระวังหน้าครับ

    โมทนาสาธุครับ


    .
     

แชร์หน้านี้