พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    คุณเพชรครับ
    งานนี้จะมีฮั้วประมูลกันหรือเปล่าเนี่ย คิคิคิ
    (glass)
    .
     
  2. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    เรียนคุณสิทธิ์พงษ์
    พระพุทธชินราชหมดแล้วยังค่ะ
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หากร่วมกันให้ราคาต่ำลงๆๆ ถึงจะเรียกว่า"ฮั๊ว" ฮั๊วให้เป็น ต้องได้ราคายิ่งประมูลยิ่งต่ำลงๆๆๆ หากราคาไปต่อๆๆ แบบนี้เรียกว่า "เทกระเป๋า เทใจ"
     
  4. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    รุ่นนี้ค่ะ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=22445&page=773

    วันที่ 22 สิงหาคม 2550
    ผมเปิดให้ประมูล พระฐานผ้าทิพย์(พระบัณฑูร) พระวังหน้า มีการสร้างที่วังหน้า พิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    จำนวน 1 ชุด (4 พิมพ์) (และท่านที่ประมูลได้ ผมแถมพระพิมพ์พิเศษ 2 หน้า ที่มีทั้งหมด 44 พิมพ์ ปี พ.ศ.2408 อีก 1 องค์ ,พระซุ้มไทรย้อย พระกรุวังหน้า สมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ.ศ.2145 รายละเอียดจะมีอยู่ในหนังสือปู่เล่าให้ฟังเล่มแรกครับ )

    การประมูลเริ่มต้นจำนวนเงิน 3,000 บาท ประมูลเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 100 บาท

    เงินที่ประมูลให้ร่วมทำบุญในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว 102 บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 189-0-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ

    การร่วมทำบุญ สามารถร่วมทยอยทำบุญไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะครบได้ครับ

    สิ้นสุดการประมูล วันที่ 31 สิงหาคม 2550 เวลา 9.09.00 น.(เวลาในเว็บพลังจิต)

    ผู้มีสิทธิ์เข้าประมูล ต้องเป็นผู้ที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ลำดับที่ 1 ถึงลำดับที่ 224 เท่านั้น (รายนามผู้ร่วมทำบุญลำดับ 1 ถึงลำดับที่ 148 อยู่หน้าแรกในกระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ )
    และผมจะนำเงินจำนวนนี้ เข้ากองมหากฐิน สนส.ผาผึ้ง

    [​IMG]
    ขอให้ทุกๆท่านโชคดี โมทนาสาธุครับ
    .
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  7. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    มีใครจะให้บูชาต่อไหมค่ะ อยากได้ค่ะ กระทู้นี้อ่านตามไม่ทันจริงๆ
    หนุ่มแต่ละท่านไวๆกันทั้งนั้น
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    หมดแล้วครับคุณอ้อย ผมยังไม่ได้เลยครับ

    [bw-cry]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณnongnooo จองไป 2 องค์ และคุณโสระ จองไป 3 องค์ครับ

    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948


    <TABLE class=tborder id=post666086 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 02:54 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#7728 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>aries2947<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_666086", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 03:07 PM
    วันที่สมัคร: Feb 2007
    อายุ: 30 ปี
    ข้อความ: 295 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 9,270 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 2,239 ครั้ง ใน 298 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 259 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_666086 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมเริ่มละกัน4,000ครับ
    โมทนาบุญด้วยครับ
    น้องเอ
    <!-- / message --><!-- sig -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เอ!!! อะไรจะไวปานนั้น..นี่ซ้อม หรือจริงๆเนี่ย....อีกตั้ง ๑๐ วัน เชียวนา
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ที่ผมแถมให้คือ พระซุ้มไทรย้อย พระกรุวังหน้า สมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ.ศ.2145 เป็นพระที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 3 พระองค์คือ1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)เป็นองค์อธิษฐานจิตครับ

    วงการพระเครื่อง เช่ากันอยู่องค์ละ 2-3,000 บาท แต่งานนี้ผมนำมาแถมให้ครับ

    ประสบการณ์
    พี่ใหญ๋เคยนำไปลองยิงแล้ว สองนัดแรกยิงไม่ออก ก็เลยไม่กล้ายิงนัดที่สาม
    ส่วนคุณปุ๊นำไปให้เพื่อนคุณปุ๊คนหนึ่ง เป็นช่างไฟ เขาได้ไปปรากฎว่าถูกล็อตเตอร์รี่ทันที แถมไปทำงาน ทำไฟ(ก็จะมีการตัดสายไฟด้วย) ปรากฎว่าลืมดูว่า สับคัทเอาต์ลง ทำงานจนเสร็จจะไปสับคัทเอาต์ขึ้น ไปเห็นว่าคัทเอาต์ยังไม่ได้สับลง กระแสไฟยังคงเดินอยู่ แต่ไฟฟ้าก็ไม่ดูดช่างไฟ(เพื่อนคุณปุ๊)ครับ


    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2007
  12. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ขนาดยังไม่ลงอิทธิคุณพระเครื่อง ยังไปขนาดนี้ ส่วนตัวผมคิดว่า องค์พระซุ้มไทรย้อย พระกรุวังหน้า สมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ.ศ.2115 ที่มอบให้เพิ่มนั้น น่าจะเป็นองค์หลัก ส่วนพระฐานผ้าทิพย์(พระบัณฑูร) พระวังหน้า ๔ องค์น่าจะเป็นของกำนัลนะครับ ผิดพลาดอย่างไรที่เป็นการปรามาสพระท่าน ผมขอขมามา ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะคิดอย่างไร ผู้ที่ได้รับไปนับว่ามีวาสนามากนะครับ ขอโมทนาบุญล่วงหน้ามา ณ โอกาสนี้..
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: ผมโอนเงินแล้วครับ</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 04:03 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>onimaru_u<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 04:04 PM
    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 29 ปี
    ข้อความ: 0 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 2 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->[​IMG] ผมโอนเงินแล้วครับ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ผมโอนเงิน 1100 แล้วครับ (100 เป็นค่าจัดส่งครับเหลือจากค่าส่งก็ช่วยทำบุญครับ)
    วันที่ส่ง 22/08/50 เวลา 07.05
    สถานที่ A03211 ธนาคาร KTB
    จากบัญชีเลขที่ ---1723126
    เข้าบัญชีเลขที่ 1890131288
    ประเภทรายการ TRANSFER

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม

    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


    ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
    <!-- start content -->พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม (ครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๕๔- ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๑๗๑) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๒๗ แห่งกรุงศรีอยุธยา และ เป็นพระองค์ที่ ๕ แห่งราชวงศ์สุโขทัย



    [แก้] พระราชประวัติ

    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระนามเรียกในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขาว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ ๑ เดิมเป็นพระภิกษุเรียกในพระราชพงศาวดาร ว่า พระศรีสิน ผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระพิมลธรรมอนันตปรีชา
    ต่อมา จมื่นเสาวลักษณ์ หรือ จหมื่นศรีสรรักษ์ บุตรเลี้ยงได้สมคบกันสำเร็จโทษสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ แล้วอัญเชิญพระพิมลฯให้ลาสิกขาบท ขึ้นเสวยราชสมบัติ เมื่อปีขาล จุลศักราช 964 (พ.ศ. 2155) บางเเห่งระบุว่า จุลศักราช 982 (พ.ศ. 2163) แต่หลักฐานของคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ระบุว่า พ.ศ. 2153 เป็นที่ถูกต้อง
    พระพิมลฯได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองกรุงศรีอยุธยา ทรงพระนามว่า พระเจ้าทรงธรรม หรือ พระบาทสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงธรรม และ ทรงแต่งตั้งจหมื่นศรีสรรักษ์ เป็นมหาอุปราช แต่ดำรงตำแหน่งอยู่เพียง 3 วันก็สิ้นชีวิต สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมมีพระราชโอรส 3 พระองค์ ได้แก่ พระเชษฐากุมาร พระพันปีศรีศิลป์ และ พระอาทิตย์วงศ์ ส่วนจดหมายเหตุวันวลิต วิลันดาระบุว่า พระองค์ มีพระราชโอรส 9 พระองค์ พระราชธิดา 8 พระองค์

    [แก้] พระราชกรณียกิจ

    พระราชกรณียกิจที่สำคัญก็คือ พระองค์ทรงชะลอวิหารพระมงคลบพิตร ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก นอกพระราชวังโบราณ อยุธยามาไว้ทางทิศใต้ และในสมัยนั้นเมืองตะนาวศรีได้เสียแก่พม่า เขมรแข็งเมือง การค้ากับญี่ปุ่นมีมากขึ้น พรานบุญพบรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ทรงพระราชนิพนธ์ กาพย์มหาชาติ และทรงโปรดเกล้าให้ขุดคลองวัดไก่เตี้ย บ้านสามโคก
    สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ครองราย์ได้ 17 ปี จึงเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2171 ซึ่งเป็นวันที่ชาวฮอลันดาได้บันทึกไว้

    [แก้] ดูเพิ่ม


    <TABLE class=toccolours style="MARGIN: 0px auto; BORDER-COLLAPSE: collapse" cellSpacing=0 cellPadding=4 border=1><TBODY><TR style="TEXT-ALIGN: center"><TD width="30%">รัชสมัยก่อนหน้า:
    สมเด็จพระศรีเสาวภาคย์
    <SMALL>ราชวงศ์สุโขทัย</SMALL>
    </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center" width="40%">พระมหากษัตริย์ไทย
    อาณาจักรอยุธยา

    ราชวงศ์สุโขทัย 21532171</TD><TD width="30%">รัชสมัยถัดไป:
    สมเด็จพระเชษฐาธิราช
    <SMALL>ราชวงศ์สุโขทัย</SMALL>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ผมเปิดให้ประมูล พระฐานผ้าทิพย์(พระบัณฑูร) พระวังหน้า มีการสร้างที่วังหน้า พิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]

    จำนวน 1 ชุด (4 พิมพ์) (และท่านที่ประมูลได้ ผมแถมพระพิมพ์พิเศษ 2 หน้า ที่มีทั้งหมด 44 พิมพ์ ปี พ.ศ.2408 อีก 1 องค์ ,พระซุ้มไทรย้อย พระกรุวังหน้า สมัยอยุธยา รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พ.ศ.2115 )


    ลูกและครอบครัวขอกราบผู้สร้างและพระผู้เสกพระฐานผ้าทิพย์ พระวังหน้า พระพิมพ์พิเศษ 2 หน้า ปี พ.ศ.2408 พระซุ้มไทรย้อย พระซุ้มไข่ปลา พระกรุวังหน้าอยุธยา หยก 12 ราศี พระผงยาวาสนาและ ไม้ครู


    ลูกและครอบครัวขอร่วมทำบุญมหากฐินร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และขออาราธนา(นิมนต์)พระและวัตถุมงคลชุดนี้มาบูชา เริ่มด้วย เงินจำนวน 4500 บาท
    ขอกราบอัญเชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร พระภิกษุและฆราวาสในคณะของหลวงปู่ ผู้สร้างผู้เสก พระพรหม เทวดาที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทวดาผู้รักษาพระพิมพ์และวัตถุมงคลชุดนี้มาร่วมโมทนาในเจตนากุศลแก่ลูกและครอบครัว
    ที่ผ่านมาและนับแต่นี้ไปข้างหน้าหากลูกและครอบครัวได้พูดผิด ,เขียนผิด ,คิดผิด พลาดพลั้งไปด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ขอให้หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,พระภิกษุ,ฆราวาสในคณะหลวงปู่ ตลอดจนเทวดาประจำองค์พระพิมพ์ โปรดยกโทษ ,อโหสิกรรมให้กับลูกและครอบครัว ขอความสมปรารถนาจงมีมาแด่ลูกและครอบครัวด้วยเทอญ



    ขอโมทนาและขออาราธนาครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2007
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.tv5.co.th/service/mod/heritage/king/ayuthaya/ayuthaya4.htm

    <CENTER>[​IMG]
    [SIZE=+1]สมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/SIZE]</CENTER>
    [SIZE=-1] สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชากับพระวิสุทธิกษัตรี เสด็จพระราชสมภพ เมื่อปี พ.ศ.๒๐๙๘ ที่เมืองพิษณุโลก พระนามเดิม พระองค์ดำ หรือพระนเรศวร มีพระเชษฐภคินี คือ พระสุพรรณเทวี และพระอนุชา คือ สมเด็จพระเอกาทศรถ (พระองค์ขาว)[/SIZE]
    [SIZE=-1] หลังจากเสียกรุงแก่พม่า เมื่อปี พ.ศ.๒๑๑๒ สมเด็จพระมหาธรรมราชาได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ครองกรุงศรีอยุธยา เขมรเห็นเป็นโอกาสที่ไทยอ่อนแอ จึงได้ยกทัพมาปล้นสดมภ์และกวาดต้อนผู้คนบริเวณชายพระนคร สมเด็จพระมหาธรรมราชาจึงได้ขอตัวสมเด็จพระนเรศวรจากหงสาวดี กลับมาช่วยป้องกันบ้านเมือง เมื่อพระชนมายุได้ ๑๕ พรรษา หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปประทับที่หงสาวดี หลังสงครามช้างเผือกตามคำทูลขอของพระเจ้าบุเรงนอง ตั้งแต่พระชนมายุได้ ๙ พรรษา[/SIZE]
    [SIZE=-1] สมเด็จพระมหาธรรมราชาได้โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระนเรศวรเป็นพระมหาอุปราช ปกครองหัวเมืองทางเหนือ และประทับอยู่ที่เมืองพิษณุโลก ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๑๑๔ ตลอดรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นกำลังสำคัญในการป้องกัน และกอบกู้บ้านเมืองจากข้าศึกทั้งเขมรและพม่า ในปี พ.ศ.๒๑๒๗ พระองค์ได้ทรงประกาศอิสรภาพของกรุงศรีอยุธยาจากอำนาจของพม่า หลังจากที่ตกอยู่ในอำนาจพม่าเป็นเวลา ๑๕ ปี[/SIZE]
    [SIZE=-1] เมื่อสมเด็จพระมหาธรรมราชา เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.๒๑๓๓ พระองค์ได้เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๑๓๓ เมื่อพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนเรศวร หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๒ และโปรดเกล้า ฯ ให้พระเอกาทศรถ พระราชอนุชา ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช แต่มีศักดิ์เสมอพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่ง
    [SIZE=-1] ตลอดรัชสมัยของพระองค์ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาจากพม่า และได้ทำสงครามกับอริราชศัตรูทั้งพม่าและเขมร จนราชอาณาจักรไทยเป็นปึกแผ่นมั่นคง ขยายพระราชอาณาเขตออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลกว่าครั้งใดในอดีตที่ผ่านมา งานสงครามในรัชสมัยของพระองค์ ทั้งในดินแดนไทยและดินแดนข้าศึก ได้ชัยชนะทุกครั้ง ทรงมีพระปรีชาสามารถในการนำทัพ ทรงริเริ่มนำยุทธวิธีแบบใหม่มาใช้ในการทำสงคราม และเปลี่ยนแนวความคิดจากการตั้งรับมาเป็นการรุก และริเริ่มการใช้วิธีรบนอกแบบ[/SIZE]
    [SIZE=-1] การสงครามกับพม่าครั้งสำคัญที่ทำให้พม่าไม่กล้ายกทัพมารุกรานไทยอีกเลย เป็นเวลาเกือบสองร้อยปีคือ สงครามยุทธหัตถี เมื่อปี พ.ศ.๒๑๓๕ การสงครามในขั้นต่อไปหลังจากนั้นของพระองค์คือ การรุกเข้าไปในดินแดนของข้าศึก เริ่มจากการตีเมืองทวาย และตะนาวศรี คืนกลับมาจากพม่าหลังจากสงครามยุทธหัตถี การยกไปตึเมืองเขมรในเวลาต่อมา ยึดเมืองละแวกของเขมรได้ ในปี พ.ศ.๒๑๔๒ พระองค์ยกกองทัพไปปราบปรามมอญแล้วยกขึ้นไปตีเมืองหงสาวดี แต่พระเจ้าตองอูได้นำเสด็จพระเจ้าหงสาวดีหนีไปเมืองตองอูก่อน คงทิ้งให้เมืองหงสาวดีร้างก่อนที่พระองค์จะนำทัพไปถึงไม่นาน
    [SIZE=-1] รายละเอียดของงานด้านการทหารของพระองค์มีอยู่ในเรื่องราชการสงครามในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช[/SIZE]
    [SIZE=-1] สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้ปรับปรุงการปกครองหัวเมืองใหม่เป็นการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ยกเลิกระบบเมืองพระยามหานคร จัดแบ่งหัวเมืองเป็นหัวเมืองชั้นเอก ชั้นโท และชั้นตรี ยกเลิกการให้เจ้านายไปปกครองเมืองเหล่านี้ แล้วให้ขุนนางไปปกครองแทน[/SIZE]
    [SIZE=-1] สมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคต ขณะที่พระองค์ทรงยกกองทัพไปตีเมืองอังวะ เมื่อเสด็จถึงเมืองหาง พระองค์ทรงประชวรเป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์กลายเป็นพิษ เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๑๔๘ พระชนมายุได้ ๕๐ พรรษา ครองราชย์ได้ ๑๕[/SIZE]



    <CENTER>
    [​IMG]
    [SIZE=+1]สมเด็จพระเอกาทศรถ[/SIZE]</CENTER>
    [SIZE=-1] สมเด็จพระเอกาทศรถ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า พระสรรเพชญ์ที่ ๓ พระนามเดิมว่า พระองค์ขาว เสด็จพระราชสมภพ ณ เมืองพิษณุโลก เป็นพระราชโอรสองค์สุดท้ายในสมเด็จพระมหาธรรมราชา กับพระวิสุทธิกษัตรี[/SIZE]
    [SIZE=-1] หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง เมื่อปี พ.ศ.๒๑๒๗ สมเด็จพระเอกาทศรถก็ได้เสด็จออกร่วมทำการรบคู่กับสมเด็จพระนเรศวร ได้โดยเสด็จในการทำศึกสงครามด้วยทุกครั้งนับแต่นั้นมาจนสิ้นรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ฯ เป็นจำนวนถึง ๑๗ ครั้ง[/SIZE]
    [SIZE=-1] ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ฯ พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาพระเอกาทศรถ เป็นสมเด็จพระเอกาทศรถ ที่พระมหาอุปราชา แต่ให้มีพระเกียรติยศเสมอพระเจ้าแผ่นดิน[/SIZE]
    [SIZE=-1] เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ.๒๑๔๘ พระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระนเรศวร ในปีเดียวกันในรัชสมัยของพระองค์ บ้านเมืองเป็นปกติสุข เป็นที่เคารพยำเกรงแก่ประเทศเพื่อนบ้าน อันเป็นผลจากการที่สมเด็จพระนเรศวร และพระองค์เองได้ทรงสร้างอานุภาพ ของราชอาณาจักรอยุธยาไว้อย่างยิ่งใหญ่ มีพระราชอาณาเขตแผ่ออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล พระองค์ไม่มีพระราชประสงค์จะแผ่พระราชอาณาเขตออกไปอีก[/SIZE]
    [SIZE=-1] ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการยอมรับชาวต่างชาติเข้ามาเป็นทหาร เรียกว่า ทหารอาสา โดยได้จัดแบ่งออกเป็นพวก ๆ ตามเชื้อชาติ และตามความชำนาญในการรบ เกิดหน่วยทหารอาสาขึ้นหลายหน่วย เช่น กรมอาสาญี่ปุ่น กรมอาสาจาม กรมทหารแม่นปืน (โปรตุเกส) นอกจากนั้นในรัชสมัยของพระองค์ ยังมีชื่อเสียงในด้านความสามารถหล่อปืนใหญ่สำริดที่มีคุณภาพสูง ซึ่งน่าจะได้เรียนรู้มาจากโปรตุเกสและฮอลันดา เมื่อมาผสมผสานกับขีดความสามารถ ในด้านการหล่อโลหะของไทยที่มีการหล่อ ระฆังและพระพุทธรูป ที่มีมาแต่เดิม จึงทำให้การหล่อปืนใหญ่ของไทยในครั้งนั้นเป็นที่ยกย่องชมเชยไปถึงต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากการที่โชกุนของญี่ปุ่น ได้มีหนังสือชมเชยคุณสมบัติของปืนใหญ่ไทยเป็นอันมาก พร้อมกับขอให้ไทยช่วยหล่อปืนใหญ่ให้อีกด้วย
    [SIZE=-1] สมเด็จพระเอกาทศรถมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระอัครมเหสี สององค์คือ เจ้าฟ้าสุทัศน์ และเจ้าฟ้าศรีเสาวภาค และมีพระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนม อีกสามองค์คือ พระอินทรราชา พระศรีศิลป์ และพระองค์ทอง[/SIZE]
    [SIZE=-1] สมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๓ พระชนม์พรรษาได้ ๕๐ พรรษาเศษ ครองราชย์ได้ห้าปี[/SIZE]



    <CENTER>
    [SIZE=+1]พระศรีเสาวภาคย์[/SIZE]</CENTER>
    [SIZE=-1] พระศรีเสาวภาคย์ หรืออีกพระนามหนึ่งว่า พระสรรเพชญ์ที่ ๔ พระนามเดิมว่า เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระเอกาทศรถ แต่เจ้าฟ้าสุทัศน์ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งพระมหาอุปราชได้เสวยยาพิษสิ้นพระชนม์ พระองค์จึงได้รับทูลเชิญให้ขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๓ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๔[/SIZE]
    [SIZE=-1] ในรัชสมัยของพระองค์ ได้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในแผ่นดิน โดยพวกเรือญี่ปุ่นที่เข้ามาค้าขาย ได้ปล้นราษฎร ได้บุกเข้าไปในพระนคร และเข้าไปในพระราชวัง จับพระศรีเสาวภาคย์ และบังคับให้ทรงปฏิญาณสัญญาว่ามิให้ผู้ใดทำร้ายพวกญี่ปุ่น แล้วได้ลงเรือแล่นหนีออกทะเล โดยนำตัวพระสังฆราชไปเป็นตัวประกันจนถึงปากน้ำ[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระศรีเสาวภาคย์ครองราชย์อยู่ได้ปีสองเดือนก็เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๔ พระบรมศพถูกนำไปฝังที่วัดโคกพระยา[/SIZE]


    <CENTER>
    [​IMG]
    [SIZE=+1]สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม[/SIZE]</CENTER>[SIZE=-1] สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีพระนามเดิมว่า พระอินทราชา เป็นพระราชโอรสในพระเอกาทศรถ ก่อนหน้าที่สมเด็จพระเอกาทศรถจะเสด็จสวรรคต พระอินทราชาได้เสด็จออกผนวชอยู่จนถึงรัชสมัยพระศรีเสาวภาคย์ เมื่อพระศรีเสาวภาคย์เสด็จสวรรคตแล้ว พระศรีศิลป์และบรรดาเจ้านายขุนนาง ได้พร้อมใจกันอัญเชิญพระอินทราชาให้ทรงลาผนวช และขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๔ พระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา ทรงพระนาม พระเจ้าทรงธรรม หรือพระสรรเพชญ์ที่ ๕ พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งพระศรีศิลป์ ผู้เป็นพระอนุชา ขึ้นเป็น[COLOR=#cc0000]พระมหาอุปราช[/COLOR][COLOR=#000099] ครองเมืองพิษณุโลก[/COLOR]
    [SIZE=-1] สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงเป็นนักปราชญ์ รอบรู้ในวิชาการหลายด้าน มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทรงประพฤติราชธรรมอย่างมั่นคง เป็นที่รักใคร่นับถือของบรรดาราษฎรและชาวต่างชาติ พระองค์ไม่นิยมการศึกสงคราม ทรงเจริญรอยตามสมเด็จพระเอกาทศรถ ในด้านการปกครองบ้านเมือง ทรงมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระมเหสี คือ พระเชษฐาธิราชกุมาร กับพระอาทิตยวงศ์[/SIZE]
    [SIZE=-1] พระกรณียกิจส่วนใหญ่ของพระองค์ มุ่งส่งเสริมทำนุบำรุง[COLOR=#cc0000]พระพุทธศาสนา[/COLOR][COLOR=#000099]ในด้านต่าง ๆ เช่น โปรดเกล้า ฯ ให้คัดลอกพระไตรปิฎกฉบับสมบูรณ์เป็นจำนวนมาก ทรงให้นักปราชญ์ราชบัณฑิตแต่ง[COLOR=#cc0000]มหาชาติคำหลวง[/COLOR][COLOR=#000099]ถวาย นับเป็นวรรณคดีชิ้นสำคัญของสมัยอยุธยา ได้มีผู้พบ[COLOR=#cc0000]รอยพระพุทธบาท[/COLOR][COLOR=#000099]บนยอดเขาสุวรรณบรรพต แขวงเมืองสระบุรี พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอบพระพุทธบาท พร้อมทั้งสร้างพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ กับกุฏิสงฆ์ ถวายให้เป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา พระพุทธบาทสระบุรี จึงมีความสำคัญ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางของพุทธศาสนิกชนตั้งแต่นั้นมาตราบถึงปัจจุบัน[/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1] พระองค์ทรงมีสัมพันธไมตรีกับบรรดาต่างประเทศที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองท่าที่สำคัญในภูมิภาคแถบนี้ของโลก ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะฮอลันดา อังกฤษและญี่ปุ่น ที่เข้ามาติดต่อค้าขายกับไทยตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ฯ และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระองค์ก็ได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานที่ดินบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ริมคลองปลากด เหนือเมืองสมุทรปราการ ให้ชาวฮอลันดาตั้งคลังสินค้า และในปี พ.ศ.๒๑๕๕ [COLOR=#cc0000]พระเจ้าเจมส์ที่ ๑[/COLOR][COLOR=#000099] แห่งอังกฤษ ได้มีพระราชสาส์นทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติให้พ่อค้าชาวอังกฤษเข้ามาค้าขายที่กรุงศรีอยุธยาได้สะดวก ส่วนชาวญี่ปุ่น ปรากฏว่ามีชาวญี่ปุ่นสมัครเข้ารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาเป็นจำนวนมาก จนได้มีการจัดตั้ง[COLOR=#cc0000]กรมอาสาญี่ปุ่น[/COLOR][COLOR=#000099] ขึ้นมาช่วยราชการกรุงศรีอยุธยา ชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในวงการเมืองในรัชสมัยของพระองค์ คือ [COLOR=#cc0000]ยามาดะ [/COLOR][COLOR=#000099]นางามาซะ ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น[COLOR=#cc0000]ออกญาเสนาภิมุข[/COLOR][/COLOR][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1] เนื่องจากพระองค์ไม่นิยมการทำสงคราม ด้วยเหตุนี้กรุงศรีอยุธยาจึงต้องเสีย[COLOR=#cc0000]เมืองทวาย [/COLOR][COLOR=#000099]อันเป็นเมืองท่าที่สำคัญทางตะวันตก[/COLOR][/SIZE][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1]ในทะเลอันดามัน พม่ายกกำลังมาตีเมืองทวายได้เมื่อปี พ.ศ.๒๑๖๕ ต่อมา[COLOR=#cc0000]กัมพูชา [/COLOR][COLOR=#000099]และ[COLOR=#cc0000]เมืองเชียงใหม่ [/COLOR][COLOR=#000099]ซึ่งเคยเป็นประเทศราช[/COLOR][/COLOR][/SIZE]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1]ของไทยมาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวร ฯ ต่างก็พากันแข็งเมืองไม่ยอมขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1] ตอนปลายรัชสมัยของพระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงประชวรหนัก มีพระราชประสงค์จะมอบราชสมบัติให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ คือ พระเชษฐาธิราชกุมาร และทรงแต่งตั้งให้เป็นพระมหาอุปราช โดยทรงมอบให้[COLOR=#cc0000]ออกญาศรีวรวงศ์[/COLOR][COLOR=#000099] จางวางมหาดเล็ก ซึ่งเป็นพระญาติที่ไว้วางพระทัย เป็นผู้ดูแลพระเชษฐาธิราช จนกว่าจะได้ครองราชย์[/COLOR][/SIZE][/COLOR]
    [FONT=MS Sans Serif][COLOR=#000099][SIZE=-1] สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.๒๑๗๑ ครองราชย์ได้ ๑๗ ปี[/SIZE][/COLOR][/FONT]
    [/FONT][/COLOR][/FONT][/FONT][/COLOR][/SIZE][/COLOR][/FONT][/SIZE]
    [/SIZE]

    [/SIZE]
    [/SIZE]
    [/SIZE]
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://www.aru.ac.th/cheq/History.html

    ประวัติเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด)
    คำว่าสกุลที่เราใช้กันนี้ มาจากคำ กุล ในภาษาบาลี หรือคำ สกุลย ในภาษาสันสกฤต แปลว่า วงศ์ หรือ พันธุชน หรือญาติ หรือฝูงชนซึ่งเกิดร่วมชาติกัน คนทุกคนจึงเป็นผู้มีสกุล และทุกคนเป็นกุลบุตรหรือกุลธิดาเหมือนกันทั้งนั้น เขามักจะกล่าวกันว่า คนนั้นเกิดในสกุลเก่า คนนี้เกิดในสกุลใหม่ แต่อันที่แท้นั้นสกุลทุกสกุลจะว่าเก่าทั้งนั้นก็ได้ หรือจะว่าใหม่ทั้งนั้นก็เห็นจะถูก ที่ว่าเก่าทั้งนั้นก็ได้นั้น เพราะสกุลที่นึกกันว่าใหม่ ที่แท้เป็นสกุลที่ต่อเนื่องมาจากสกุลเก่า แต่เจ้าของสกุลไม่ทราบว่ามาจากสกุลใด เลยตั้งวงศ์กันขึ้นใหม่ ที่ว่าใหม่ทั้งนั้นก็ถูกนั้น เพราะคนไทยเพิ่ง มาใช้นามสกุลกันขึ้นเมื่อแผ่นดินสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ นี้เอง คำว่าสกุลเก่ากับสกุลใหม่มีความหมาย ต่างกันเพียงว่าสกุลเก่านั้น เป็นสกุลซึ่งบุตรหลานเหลน รู้จักชื่อบรรพชนของตนย้อนขึ้นไปได้หลายชั่วคน ส่วนสกุลใหม่นั้นเป็นสกุลซึ่งบุตรหลานเหลนรู้จักชื่อบรรพบุรุษ และบรรพสตรีของตนย้อนขึ้นไปได้น้อยชั่วคน ธรรมชาติของคนเรานั้นถ้ายิ่งไม่ตั้งใจจดจำด้วยแล้ว พอเวลานานเข้า คนเกิดมาภายหลังก็ลืมคนที่ตายไปก่อนๆ สกุลซึ่งคนชั้นหลังจะรู้จักชื่อคนชั้นก่อนได้ จึงต้องเป็นสกุลซึ่งคนชั้นก่อนมีชื่อเสียงมาแล้ว บุตรหลานเหลนจึงจดจำกันไว้ได้
    สกุลบุนนาค นับว่าเป็นสกุลที่เก่าแก่ บรรพชนของสกุลบุนนาคสืบเชื้อสายต่อเนื่องกันมานานจากชาวเปอร์เซียมีนามว่า เฉกอะหมัด ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
    [​IMG]
    เรื่อง เฉกอะหมัด ฉบับของ พระยาโกมารกุลมนตรี กล่าวไว้ว่า ​
    "ในวงศ์เฉกอะหมัดนั้น คนชั้นหลังไม่ใช่แต่รู้จักชื่อคนชั้นก่อนอย่างเดียว ยังซ้ำจดจำประวัติเรื่องราวของคนชั้นก่อนไว้ได้ด้วย ที่จำได้ดีก็เพราะเชื้อสายของท่านเฉกอะหมัด ได้ทำชื่อเสียงต่อเนื่องกันยืดยาวอย่างที่กล้ากล่าวได้ว่าไม่มีวงศ์ใดเหมือน พวกนี้ได้ครองตำแหน่งเสนาบดี อันถือกันว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดในราชการแผ่นดินตลอดมา โดยไม่มีเว้นสักชั่วคนเดียว นับแต่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมแห่งกรุงศรีอยุธยา มาถึงกาลบัดนี้อันเป็นเวลาถึง ๓๓๗ ปี"
    ประวัติเรื่องวงศ์เฉกอะหมัดนี้ปรากฎในหนังสือ "จดหมายเหตุประถมวงศกุลบุนนาค" ซึ่งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) เรียบเรียงไว้มีความตอนหนึ่งว่า
    "เดิมท่านเศรษฐีแขกสองคนพี่น้องเป็นแขกชาติมะห่น และเป็นชาวเมืองกุมในแผ่นดินเปอร์เชีย ท่านผู้พี่ชื่อเฉกอะหมัด ท่านผู้น้องชื่อมหฺหมัดสะอิด สองคนพี่น้องเป็นหัวหน้าพ่อค้าใหญ่ฝ่ายแขกทั้งปวง ท่านทั้งสองเป็นต้นเหตุพาพวกลูกค้าแขกชาติมะห่นคือแขกเจ้าเซ็น เข้ามาตั้งห้างค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยา สยามประเทศ ในเมื่อ จุลศักราช ๙๖๔ ปีขาล จัตวาศก เมื่อต้นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าบรมราชาทรงธรรมมหาประเสริฐ ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ ๒๒ ในกรุงเทพพระมหานครบวรทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ"
    เรื่องปีเสวยราชย์ของพระเจ้าทรงธรรมนั้น ตามหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่าพระเจ้าทรงธรรมครองราชย์เมื่อปีพุทธศักราช ๒๑๕๕ ส่วนปีจุลศักราช ๙๖๔ นั้น ตรงกับปีพุทธศักราช ๒๑๔๕ ซึ่งตรงกับรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๑๓๓ - ๒๑๔๘) ขณะนั้นบ้านเมืองยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติสุข เพราะต้องทำสงครามกับพม่า ท่านเฉกอะหมัดจะเข้ามาตั้งห้างค้าขายในสมัยนั้นหรือไม่ ยังไม่มีหลักฐาน ที่บ่งให้แน่ชัด เรื่องระยะเวลาปี พ.ศ. ยังคลาดเคลื่อนอยู่มากและไม่ตรงกัน ​
    [​IMG]
    รูปขุนนางเปอร์เชีย ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดโสมนัสวิหาร ​
    ในการศึกษาเรื่องเกี่ยวกับประวัติวงศ์ตระกูล จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องระมัดระวังในการใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่จะนำมาประกอบการค้นคว้า
    งานค้นคว้าเรื่อง "ข้อเท็จจริงของตระกูลบุนนาค" ของรองศาสตราจารย์พิทยา บุนนาค อาจารย์พิเศษประจำคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการสัมมนาวิชาการเรื่อง เจ้าพระยาบวรราชนายก (เชค อหฺมัด คูมี) กับประวัติศาสตร์สยามประเทศ ได้ให้ความรู้และมุมมองใหม่ทางประวัติความเป็นมาของท่านเฉกอะหมัดและตระกูลบุนนาค
    หนังสือที่เกี่ยวกับต้นตระกูลบุนนาค เล่มแรกที่คาดว่าเก่าที่สุดคือ จดหมายเหตุประถมวงศกุลบุนนาค เรียบเรียงโดย พระยาจุฬาราชมนตรี (เชน) พระยาวรเทศ (เถื่อน) และเจ้าพระยาทิพากรวงษ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เล่มต่อมาได้แก่ เฉกอะหมัด ของพระยาโกมาร กุลมนตรี ซึ่งท่านได้นำบทความของเจ้าพระยาทิพากรวงษ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) มา และได้เพิ่มความคิดเห็นของท่านลงไปด้วย
    จากนั้นหนังสือที่เกี่ยวกับต้นตระกูลบุนนาค ได้มีการพิมพ์หลายครั้ง ส่วนใหญ่จะพิมพ์อยู่ในหนังสืออนุสรณ์ในงานต่างๆ โดยเอาบทความของพระยาโกมารกุลมนตรี มาตัดทอนข้อความลงบ้าง ต่อมามีบางท่านนำบทความของนายสิริ ตั้งตรงจิตร เรื่อง ปฐมจุฬาราชมนตรี พิมพ์แจกในงานศพบ้าง (บทความเมื่อ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๕ เพื่อมูลนิธิเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ​
    [​IMG]
    ต่อจากนั้นนายอุทัย ภาณุวงศ์ ได้เขียนบทความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษในหนังสือเรื่อง เฉกอะหมัด คูมี เจ้าพระยาบวรราชนายก ชาวเปอร์เซีย โดยนำข้อมูลจากนายสิริ ตั้งตรงจิตร ผสมกับข้อมูลจาก พระยาราชานุประพันธ์ (เปีย บุนนาค) รวมทั้งข้อมูลที่ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ เช่น หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติและจากเอกสารของสถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านประจำประเทศไทย ทำให้เชื่อได้ว่า ท่านเฉกอะหมัด คูมี เข้ามาเมืองไทยในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พ.ศ. ๒๑๓๓ - ๒๑๔๘)

     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ถึงแม้ว่าจดหมายเหตุประถมวงศกุลบุนนาค ได้กล่าวถึง ท่านเฉกอะหมัดและมหฺมัดสะอิด พี่น้องได้เข้ามาตั้งห้างค้าขายอยู่ในกรุงศรีอยุธยาเมื่อ จ.ศ. ๙๖๔ เมื่อต้นแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าบรมราชาทรงธรรมมหาประเสริฐ ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ ๒๒ ในกรุงศรีอยุธยา นั้น ทั้งพงศาวดารกรุงสยามอีกหลายฉบับได้ระบุตรงกันว่า รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมนั้น เริ่มแต่ จ.ศ. ๙๖๔ ก็ตามหลักฐานข้อมูลใหม่ของอาจารย์ขจร สุขพานิช ได้วิเคราะห์ตรวจสอบศักราชปีรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ ในนิตยสาร ศิลปากร ปีที่ ๑๑ เล่ม ๒ เล่ม ๓ และเล่ม ๔ พ.ศ. ๒๕๑๐ ลงความเห็นว่า รัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมเริ่ม จ.ศ. ๙๗๓ (พ.ศ. ๒๑๕๔) และสวรรคต จ.ศ. ๙๙๐ (พ.ศ. ๒๑๗๑) ฉะนั้น การเดินทางของท่านเฉกอะหมัดและน้องชาย ควรจะเข้ามากรุงศรีอยุธยาก่อนแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึงชีวประวัติของเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) และวงศ์เฉกอะหมัดตามหลักฐานและเอกสารที่ได้มาโดยสังเขป เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมาของบรรพบุรุษ และบุตรหลานที่สืบเชื้อสายท่านเฉกอะหมัด ซึ่งรับราชการสนองพระเดชพระคุณแผ่นดินต่อเนื่องกันมา จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ปัจจุบัน
    ปีพุทธศักราช ๒๑๔๕ ปลายแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เรือสำเภาวานิชของพ่อค้าสองพี่น้องชาวเมืองกุม (QUM) จากเปอร์เซีย (อิหร่าน) ได้เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา พ่อค้าผู้พี่ชื่อ เฉกอะหมัด น้องชายชื่อ มหฺหมัดสะอิด ได้พาบริวารเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งองค์พระมหากษัตริย์ แล้วได้ตั้งบ้านเรือน อยู่ ณ ตำบลท่ากายี ทำการค้าขายเครื่องหอม แพรพรรณ และนำสินค้าไทยบรรทุกสำเภาไปค้าขายยังต่างแดน จนมีฐานะมั่งคั่ง ได้สมรสกับสุภาพสตรีไทยชื่อ "เชย" มีบุตร ๒ คน และธิดา ๑ คน คือ
    ๑.บุตรชื่อ ชื่น เป็นเจ้าพระยาอภัยราชา (ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง)
    ๒. บุตรชื่อ ชม เป็นไข้พิษถึงแก่กรรมแต่ยังหนุ่ม
    ๓.ธิดาชื่อ ชี เป็นพระสนมในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ไม่มีพระองค์เจ้า)
    ท่านเฉกอะหมัดจึงตั้งรกรากอยู่ในกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่นั้นมา ส่วนน้องชายท่านมหฺหมัดสะอิด อยู่ได้ไม่นานก็กลับไปยังบ้านเกิดและมิได้กลับเข้ามาอีก
    ในแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม ท่านเฉกอะหมัดผู้เจนจัดในด้านพานิชกิจ ได้ช่วยราชการแผ่นดินโดยร่วมกับเจ้าพระยาพระคลังปรับปรุงราชการกรมท่า ทำให้งานเจริญก้าวหน้าเป็นอันมาก โดยเฉพาะงานด้านการค้าขายกับพวกพ่อค้านานาประเทศหลายชาติหลายภาษา เช่น โปรตุเกส วิลันดา (เนเธอร์แลนด์) อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น อินเดีย จีน เป็นต้น
    ครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จึงมีพระราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ แด่ท่านเจ้าพระยาพระคลังเสนาบดีกรมท่าว่าดังนี้ "แขกเฉกอ๊ะฮ์หมัดมหาเศรษฐีผู้นี้เขามีน้ำใจสวามิภักดีต่อราชการของคนไทยมากโดยสุจริตธรรมแท้ๆ และเขาได้เป็นที่ปฤกษาหารือราชการกรมท่าของเจ้าพระยาพระคลัง เสนาบดีด้วยมากแทบจะทุกราย ทั้งเขาได้เป็นผู้ช่วยแนะนำให้เสนาบดีกระทำราชการต่างประเทศถูกต้องตามทำนองนาๆ ประเทศมาก หากกระทำให้รั้วงานราชการ ในกรมท่าเปนที่เรียบร้อยเจริญขึ้นมากกว่าแต่ก่อนหลายพันเท่า เราเห็นว่าแขกเฉกอ๊ะฮ์หมัดผู้นี้มีความชอบต่อราชการแผ่นดินไทยเรามากหนักหนา จะหาผู้ใดเสมอเขาไม่ได้ในเวลานี้ เราเห็นสมควรที่จะอนุญาตให้โอกาสแก่แขกเฉกอ๊ะฮ์หมัดผู้นี้ ให้มีเวลาเข้ามาหาเราได้ในท้องพระโรงของเรา" จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็น พระยาเฉกอะหมัด รัตนราชเศรษฐี เจ้ากรมท่าขวาและจุฬาราชมนตรี ซึ่งนับได้ว่าท่านเฉกอะหมัดเป็นปฐมจุฬาราชมนตรีของชาวมุสลิมแห่งประเทศไทย ได้รับพระราชทานที่ดินให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลท้ายคู ซึ่งต่อมาท่านเฉกอะหมัดได้สร้างศาสนสถานมัสยิดนิกายชีอะห์อิสนาอะชะรี คนไทยส่วนใหญ่เรียกว่ากุฏิเจ้าเซ็น หรือ กุฏิทอง และยังจัดที่ดินส่วนหนึ่งเป็นสุสาน ในภายหลังหมู่บ้านนี้ได้ชื่อว่าบ้านแขกกุฏิเจ้าเซ็น และสุสานนี้ได้ชื่อว่า "ป่าช้าแขกเจ้าเซ็น บ้านท้ายคู"
    เมื่อเจ้าพระยาพระคลังเสนาบดีกรมท่าถึงแก่อสัญกรรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยา เฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐีเป็นเสนาบดีกรมท่ากลางอีกตำแหน่งหนึ่ง ​
    [​IMG]
    ต่อมาพ่อค้าชาวญี่ปุ่นซึ่งใช้เรือสำเภาเข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา เกิดกำเริบใจก่อการจลาจล ยกพวกเข้าโจมตีพระนคร มีแผนการจะจับตัวสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แต่หาได้ไม่ ด้วยเวลานั้นเสด็จไปประทับบอกพระไตรปิฎกแก่พระภิกษุวัดประดู่โรงธรรม อยู่ ณ พระที่นั่งจอมทอง ก่อนที่การจลาจลจะลุกลามใหญ่โต ออกญามหาอำมาตย์เชื้อพระวงศ์ในแผ่นดินก่อน ได้ร่วมกับพระยาเฉกอะหมัดฯ เกณฑ์ไพร่พล ทั้ง ไทย จีน และแขก เข้าปราบจลาจลได้สำเร็จทันท่วงที พวกญี่ปุ่นที่เหลือหลบหนีออกนอกพระนครและลงสำเภาซึ่งทอด สมออยู่ที่ปากแม่น้ำเบี้ย บางกะจะ หน้าวัดพนัญเชิง แล่นออกปากน้ำเจ้าพระยาไป
    พระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐีได้คุมทหารเข้ารักษาพระราชวังไว้ แล้วจัดเรือพระที่นั่งไปรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมา
    ด้วยความจงรักภักดีเป็นที่ประจักษ์ และด้วยความสามารถที่ปรากฎแก่พระเนตรพระกรรณมาช้านาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยา (ออกญา) เฉกอะหมัดฯ ขึ้นเป็นเจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดี ที่สมุหนายกอัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ ศักดินาหมื่นไร่ และให้เลื่อนออกญามหาอำมาตย์ขึ้นเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม อัครมหาเสนาบดีฝ่ายใต้ พร้อมกันนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนนายชื่น บุตรชายเจ้าพระยาเฉกอะหมัดฯ ขึ้นเป็นพระยา (ออกญา) วรเชฐภักดี เจ้ากรมท่าขวาในครั้งนั้นด้วย
    เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดี รับราชการสืบมาอีกสองรัชกาลจนกระทั่งเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ซึ่งได้เป็นอัครมหาเสนาบดีร่วมกันมาแต่แผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าอยู่หัวปราสาททอง (พ.ศ. ๒๑๗๓) จึงนับได้ว่าท่านเฉกอะหมัดได้พำนักในแผ่นดินสยามยาวนานถึงหกแผ่นดิน

    เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดีดำรงตำแหน่งสมุหนายกจนอายุได้ ๘๗ ปี พระเจ้าปราสาททองทรงพระราชดำริเห็นว่าท่านชราภาพลงมากแล้ว จึงโปรด เกล้าฯ ให้พ้นตำแหน่งสมุหนายก และเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาบวรราชนายก จางวางกรมมหาดไทย อันเป็นตำแหน่งที่ปรึกษาการปกครองแผ่นดิน และเลื่อน พระยาบวรเชฐภักดี (ชื่น) ผู้บุตร เป็นเจ้าพระยาอภัยราชาที่สมุหนายกอัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือแทน เจ้าพระยาบวรราชนายกครองตำแหน่งได้ราวหนึ่งปี ก็ป่วยหนัก สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้เสด็จไปเยี่ยม เจ้าพระยาบวรราชนายกจึงกราบบังคมทูลฝากธิดา คือ ท่านชี ให้เข้ารับราชการสนองพระเดชพระคุณในพระราชวัง สมเด็จพระเจ้าปราสาททองได้ทรงรับเอาท่านชีไปเป็นพระสนม เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ถึงอสัญกรรมในปีถัดไป พ.ศ. ๒๑๗๔ (จ.ศ. ๙๙๓) อายุได้ ๘๘ ปี ศพของท่านฝังอยู่ที่ ป่าช้าแขกเจ้าเซ็น บ้านท้ายคู จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) เป็นต้นตระกูลขุนนางไทยที่เก่าแก่สืบมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีหลายสกุล บุตรหลานได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณประเทศชาติ มีชื่อเสียงและบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยตลอดมา ทุกยุคทุกสมัยมิได้ขาดสายจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ ๔๐๐ ปี บุตรหลานได้แยกสายออกเป็นตระกูลใหญ่ๆ ทั้งที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลามมากมายหลายตระกูล ได้แก่ บุนนาค บุรานนท์ จาติกรัตน์ ศุภมิตร ศรีเพ็ญ วสุธาร วิชยาภัย บุนนาค ภาณุวงศ์ อหะหมัดจุฬา อากาหยี่ จุฬารัตน ช่วงรัศมี ชิตานุวัตร สุวกูล เป็นต้น
    เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) เป็นบรรพบุรุษที่มีเกียรติยศสูง มีความเก่งกล้าสามารถมาก มีความอุตสาหะอดทน สร้างตนเองจากการเป็นพ่อค้าที่เข้ามาค้าขายในกรุงศรีอยุธยา จนกระทั่งรับราชการได้เลื่อน บรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าพระยาที่สมุหนายอัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ ซึ่งเป็นตำแหน่งยศและบรรดาศักดิ์สูงสุดของข้าราชการพลเรือนคู่กันกับเจ้าพระยาที่สมุหพระกลาโหม ความสามารถในงานด้านการค้าขายและการติดต่อกับต่างประเทศของท่านเฉกอะหมัด ได้ถ่ายทอดมายังผู้สืบสกุลในสกุลวงศ์ของท่าน นับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้สืบสายสกุลบุนนาคจากท่านเฉกอะหมัดหลายท่านได้รับราชการในกรมท่า เป็นอัครมหาเสนาบดีและเสนาบดีอีกหลายกระทรวง
    สิ่งหนึ่งที่เจ้าพระยาบวรราชนายก เฉกอะหมัด คูมี ปฐมจุฬาราชมนตรีได้มอบให้ทายาทและลูกหลานผู้สืบวงศ์ตระกูลในเวลาต่อมาคือ การอบรมสั่งสอนให้ทำการสนองพระคุณพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี ไม่ยุ่งเกี่ยวส่งเสริมหรือคบคิดก่อการร้ายต่อแผ่นดิน คำสั่งสอนนี้เปรียบได้กับบัญญัติอันศักดิ์สิทธิ์ที่บุคคลผู้สืบสกุลบุนนาค ได้ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดสืบต่อกันมา

    ที่มา : http://www.bunnag.in.th
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คุณตั้งจิต ร่วมทำบุญประมูลราคาสูงสุดตอนนี้ 4,500 บาทครับ

    .
     
  20. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ขอบคุณครับ
    โมทนาด้วยกับน้องเอครับ(b-flower)
     

แชร์หน้านี้

Loading...