พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post301759 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">20-08-2006, 07:05 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1221</TD></TR></TBODY></TABLE>

    การใช้พระเครื่องสมัยเดิม

    <O:p</O:p​

    เรื่องการอมพระ คาดพระ พกพระใส่ไถ้ใส่ถุง นับเป็นล้าสมัย คนสมัยเก่ามีเคล็ดวิชาเกี่ยวกับการใช้พระเครื่องมากมาย ได้รับประสิทธิผลเป็นส่วนใหญ่ทุกวันนี้ผู้เฒ่าผู้แก่มักพูดว่าไม่จำเป็นต้องใช้การพกพระติดตัวนำไว้กับบ้านก็ใช้ได้ เด็กรุ่นใหม่ฟังแล้วก็ไม่ค่อยจะเชื่อถือเห็นว่าเป็นการพูดเล่นมากกว่า เพราะขนาดแขวนคอเป็นพวงยังเห็นไปไม่รอด แต่เป็นเรื่องจริงเขาเรียกว่าการใช้พระ โดยการอธิษฐานผู้อธิษฐาน จะต้องมีสมาธิจิตอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวจริง ๆ ย่อมได้ผลจริง มีบุคคลหนึ่งไม่ได้ถามชื่อได้รับพระสมเด็จวัดระฆังเป็นมรดกตกทอดอยู่องค์หนึ่ง ปกติบุคคลผู้นี้ไม่นิยมการแขวนพระ แต่มีความเคร่งครัดกว่าผู้ที่แขวนพระมากมายนักคือก่อนที่จะออกจากบ้านไปกิจธุระทุกครั้งจะไม่ลืมจุดธูปบูชาพระสมเด็จ ฯ เพื่อขอความแคล้วคลาดปลอดภัยคุ้มครองชีวิต วันหนึ่งถูกยิงด้วยปืน 3 นัด ที่ตัวเป็นรอยไหม้ 3 รอย และไม่ได้รับอันตราย สมัยเมื่อพระคุณเจ้าธมมฺวิตกฺโกยังมิได้ทำการอธิษฐานจิตเสกพระเครื่องและเหรียญรูปเหมือนองค์ท่าน มีนายตำรวจบางคนไปขอของดีจากท่าน พระคุณเจ้าชี้แจงว่าไม่ได้มีของดีอะไรแจก หากนับถือพระคุณเจ้าเพียงให้รำลึกถึงฉายาว่า ธัมฺมวิตกฺโกก็พอคุ้มกันภยันตรายได้ ต่อมานายตำรวจผู้นั้นไปตามจับผู้ร้ายสำคัญทางจังหวัดเพชรบุรีที่ป่าตาลแห่งหนึ่งเกิดต่อสู้กันตัวต่อตัว คนร้ายมีร่างกายกำยำแข็งแรงกว่านายตำรวจกดคอนายตำรวจไว้จะเชือดด้วยมีดปาดตาลอันคมกริบ นายตำรวจเห็นจวนแจได้สติจึงรำลึกถึงพระคุณเจ้า ธัมฺมวิตกฺโก เท่านั้นเองผู้ร้ายถึงแก่อาการจังงังเงื้อมีดปาดตาลค้างนายตำรวจผู้นั้นจึงใช้วิชายูโดดล๊อคคนร้ายไว้ได้ และถามด้วยความสงสัยว่าตอนนั้นทำไมไมลงมือเชือดคอฉัน ผู้ร้ายตอบว่าจะเชือดได้อย่างไรครับ พระที่ไหนไม่ทรายมายืนอยู่ข้าง ๆ ทำเอาผมคิดอะไรไม่ออกเรื่องนี้ทราบจากปากคำนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งคุ้นเคยกันส่วนตัว บางคนว่าเหรียญที่อัดพลาสติคจนแน่นก็ใช้ได้ เช่นเหรียญหลวงพ่อคงบางกระพร้อม เหรียญหลวงพ่อติงวัดบางวัว เขาว่าอย่างนั้น มันออกจะขัดแย้งกับการแผ่พุ่งของรังสีตามที่กล่าวไว้ข้างต้นซักไปคงได้ความเช่นเดียวกับการอธิษฐานโดยไม่ต้องนำพระติดตัว เข้าศาสตร์เดียวกับผู้ที่ใช้พระสมเด็จโดยไม่ต้องนำพระติดตัวไม่ใช่ว่ารังสีการคุ้มครองสามารถพุ่งทะลุพลาสติคออกมาได้ มิฉะนั้นจะเป็นการเข้าใจผิดไปอีกนาน ประเภทนี้เป็นการใช้พระเดี่ยวทั้งสองราย การใช้พระในสมัยก่อนนอกจากการอธิษฐานอาราธนาโดยเคร่งครัดแล้วยังมีการผูกกลึงการคัดถอน โบราณถือว่าเวทย์มนต์คาถานั้นมีการสูบหรือคัดถอนกันเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ฉะนั้นการต่อสู้ระยะประชิดตัวในการรบสมัยโบราณจึงมีการตายกันไม่น้อยทั้ง ๆ ที่ต่างก็มีของดี

    *************************************************

    ประสบการณ์ผมเอง หลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก ชลบุรี เลี่ยมแสตนเลส แต่กรอบสแตนเลสระเบิด โดยผมนำโกฐกระดูกของใครก็ไม่ทราบซึ่งวางหลังองค์พระพุทธรูปองค์ใหญ่ มาทำความสะอาดและวางไว้บนตู้พระไตรปิฎก เหรียญหลวงปู่ม่น ซึ่งเลี่ยมสแตนเลสและเจาะรูไว้ ระเบิดเองทั้งๆที่อยู่บนคอผม

    *************************************************

    ก็แล้วแต่ผู้อ่านนะครับว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร แต่ส่วนตัวผมเองและกลุ่มลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม อาจสาครทุกคน เลี่ยมเปิดหรือเจาะรูที่พลาสติกเวลาที่เลี่ยมพระทุกคนครับ

    .<!-- / message --><!-- sig -->
     
  2. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post302240 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">21-08-2006, 01:08 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1223 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เรื่องของการจับพลังพระพิมพ์

    <TABLE class=tborder id=post302208 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 11:15 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right>#11 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>โสระ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_302208", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:18 AM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    อายุ: 29
    ข้อความ: 20 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    Thanks: 3
    Thanked 116 Times in 14 Posts <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 0


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_302208><!-- message -->การจับพลังต้องควบคู่ไปกับการเช็คทางวิทยาศาสตร์นั้นถูกต้องแล้วครับ เพราะว่าพระปลอมก็มีพลังได้ถ้า
    -ผู้ปลอมนำพระปลอมไปเสก
    -ผู้ปลอมนำผงเก่า หรือ นำชิ้นส่วนพระแท้ผสมไว้ในพระปลอม
    -ผู้ปลอมๆพระเช่นหลวงปู่ทวด แล้วเวลาเราจับพลัง หลวงปู่มาแสดง ก็จับขึ้นและแรงได้ เป็นต้น
    สิ่งของทางธรรมชาติมีพลังเช่นกัน เช่นพลอย หินบางชนิด คตไม้ต่าง

    การจับพลังก็คือการทำสมาธิอย่างหนึ่ง เป็นการทำจิตให้สื่อกับจิตผู้ปลุกเสก
    ถ้าคุณจับพลังได้แล้วคุณอาจเก็บพระที่วงการเค้าไม่เก็บกันก็ได้

    การจับพระแท้ไม่มีพลังก็เป็นไปได้หลายกรณีเช่น
    พระนั้นเสื่อมคุณภาพไปเพราะบูชาไม่ถูกต้องหรือทำผิดข้อห้ามต่างๆ
    พระนั้นปิดพลังไม่ให้เรารู้ ท่านทำได้บางองค์
    พระนั้นดี แต่ผู้จับมีพลังจิตที่ไม่เที่ยงตรง
    เท่านี้ก่อนครับ เรื่องนี้คุยกันยาวถ้าจะเอาแบบละเอียด</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post302304 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">21-08-2006, 02:37 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1224 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>โสระ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_302304", true); </SCRIPT>
    สมาชิก



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:13 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    ข้อความ: 69 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 25 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 624 ครั้ง ใน 64 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 93


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_302304 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผมมีเรื่องของท่านเจ้าคุณนร มาเล่าให้ฟังกัน......
    มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นคนเล่าให้ผมฟังว่า นายตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดท่านหนึ่งเป็นผู้ที่สะสมพระหลักๆ ชนิดเหนียวๆ เพราะทำงานเสี่ยงลูกปืนเป็นประจำพระประจำตัวนายตำรวจท่านนี้คือ พระหลวงพ่อพรหมวัดช่องแค และพระหูยานลพบุรี ที่มีกิติศักดิ์ด้านคงกระพันเป็นเลิศ

    อยู่มาวันหนึ่งปฏิบัติหน้าที่ตรวจจับยาเสพติด โดนผู้ร้ายยิงด้วย 11 ม.ม (ถ้าจำไม่ผิด) เข้าที่ท้องไปตุงที่กลางหลัง นอนเสียเลือดอย่างหนักใกล้จะสิ้นใจ พอดีใจนึกถึง เจ้าคุณนร ได้ผลปรากฏว่าเกิดกำลังภายในขึ้นมาในกายตำรวจท่านนี้ทำให้อยู่รอจนได้รับการผ่าตัดรอดชีวิต แพทย์ที่ผ่ายังงง ว่าไม่น่ารอดมาได้

    หลังจากรักษาแผลหาย นายตำรวจท่านนี้ได้นำพระหลวงพ่อพรหมไปขายให้เซียนราคาสองหมื่นกว่า และพระหูยานเป็นแสนมั่งถ้าจำไม่ผิด

    แสดงว่าพระทั้งสององค์ก็ไม่ปลอมเพราะเซียนซื้อต่อในราคาแพง แต่ทำไมยิงเข้า ?

    อาจเป็นได้ว่าทำการเลี่ยมปิด ทำให้รังสีพระออกมาช่วยได้ไม่เต็มที่นัก ในกรณีอุบัติเหตุเล็กน้อยเช่น หมากัด หรือ หกล้ม ตะปูตำ ก็จะได้ผลดี แต่ 11 ม.ม คงไม่ไหว เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post302348 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">21-08-2006, 03:33 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1225 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>โสระ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_302348", true); </SCRIPT>
    สมาชิก



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:13 PM
    วันที่สมัคร: Sep 2005
    ข้อความ: 69 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 25 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 624 ครั้ง ใน 64 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 93


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_302348 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ผู้ใหญ่ท่านนี้ยังบอกต่อว่าเหรียญหลวงปู่เส็ง วัดบางนา ปทุม เคยลองด้วยตัวเองโดยใช้เหรียญรุ่นปี 16 กับ ปี 17 ใส่ปากปลาช่อนที่ซื้อมาจากตลาดฟันด้วยมีอีโต้คมๆ ผลปรากฏว่า ใส่เหรียญปี16 ในปากปลาแล้วฟัน ปลาขาดเป็นสองท่อน พอเปลี่ยนเป็นเหรียญปี 17 ใส่ปากปลาฟันอย่างแรงไม่เป็นไร ฟันจนเหรียญกระเด็นปลาหลังหักตาย ก็ไม่เข้า

    แต่พอเอาเหรียญปี16 ไปให้รุ่นน้องลองอีกที รุ่นน้องกลับมาบอกว่าใส่ปากปลาฟันไป20 ที ก็ไม่เข้า

    ทำไมเหรียญปีเดียวกัน อาจารย์เดียวกัน ลองผลออกมาไม่เหมือนกัน น่าสงสัยอยู่ อันนี้คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ บางท่านใส่พระแล้วเลี่ยมปิดก็ได้ผลดี บางท่านใส่แล้วเลี่ยมปิดก็ตายฟรี ฉนั้นในเรื่องนี้ยังมีเหตุและปัจจัยอีกหลายประการที่เราท่านยังเข้าไม่ถึง คงสรุปยากครับ
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post304124 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">24-08-2006, 09:11 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1242</TD></TR></TBODY></TABLE>

    พระพิมพ์กรุวัดพระแก้วนั้น มีการสร้างขึ้นเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2400 ในสมัยรัชกาลที่ 4 จวบจนปลายรัชกาลที่ 6 จะมีพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่สำคัญๆ อยู่ 3 พิธีคือ พระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าในปี พ.ศ.2408 ,พระราชพิธีพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระราชพิธีขึ้นครองราชพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ.2411 และพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก (พระราชพิธีฉลองการขึ้นครองราชของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครบ 40 ปี)และพระราชพิธีฉลองพระบรมรูปทรงม้าในปี พ.ศ.2451 ส่วนในปีอื่นๆนั้น ก็มีพระราชพิธีพุทธาภิเษกเช่นกันแต่พระราชพิธีพุทธาภิเษกนั้นจะไม่ใหญ่เหมือนกับพระราชพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ทั้ง 3 พระราชพิธี


    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นนั้น ในปี พ.ศ.2400 จนถึงปี 2428 จะมีการสร้างขึ้นที่วังหน้า(โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ท่านมีพระบัณฑูรย์ให้สร้างขึ้น) และที่วังหลวง(โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์มีพระราชดำรัสให้สร้างขึ้น) พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2400 ถึงปี พ.ศ.2428 นั้น จะนำพระพิมพ์ไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งเป็นพระอุโบสถของวังหน้า พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2400 ถึง ปี พ.ศ.2414 นั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านจะเป็นประธานในการปลุกเสกพระพิมพ์ แต่ในบางครั้งท่านเจ้า(กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ) ท่านได้เชิญหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร มาเสกให้ด้วย

    พระพิมพ์ที่ด้านหลังมีตราครุฑนั้น มีการจัดสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2415 หลังจากสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีท่านมรณภาพแล้ว โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านมีพระราชดำริให้มีตราครุฑด้านหลังพระพิมพ์เนื่องจากจะได้แยกกันว่าเป็นพระพิมพ์ที่สร้างจากวังหลวงหรือวังหน้า ส่วนพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นที่วังหน้านั้น ด้านหลังจะเรียบ ครับ

    บล็อคพระพิมพ์นั้น จัดสร้างขึ้นโดยช่างสิบหมู่ของวังหน้าและวังหลวง บล็อคพระพิมพ์มีการยืมกันไปมาระหว่างวังหน้าและวังหลวง บางครั้งวัดในพระนครบางวัดเช่นวัดระฆัง ก็ได้มีการยืมบล็อคพระพิมพ์ไปใช้ก็มีครับ

    ผู้สร้างพระพิมพ์ก็คือช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าหรือวังหลวง ส่วนวัดในพระนครบางวัดที่ยืมบล็อคพระพิมพ์ไป ผู้ที่สร้างก็เป็นชาวบ้านหรือพระ-เณรในวัด

    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 ถึง พ.ศ.2428 นั้น จะนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรสถานสุทธาวาส วังหน้า ส่วนพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2429 จวบจนปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น จะนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดพระแก้ว

    สำหรับวังหลังนั้น ก็มีการสร้างพระพิมพ์ขึ้นเช่นกัน แต่เป็นจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับวังหน้าและวังหลวง เมื่อวังหลังสร้างพระพิมพ์ขึ้นก็จะนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วังหน้าเช่นกัน

    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นหลังปี 2428 นั้น จะเป็นการสร้างที่วังหลวงโดยด้านหลังพระพิมพ์จะมีตราครุฑ

    ในปี พ.ศ.2451 นั้น จะมีพระราชพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่อีกครั้ง เนื่องในวาระโอกาศพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก (พระราชพิธีฉลองการขึ้นครองราชของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครบ 40 ปี)และพระราชพิธีฉลองพระบรมรูปทรงม้าในปี พ.ศ.2451 ในพระราชพิธีครั้งนี้ มีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว(ในขณะนั้น พระองค์ท่านดำรงตำแหน่งสยามมงกุฎราชกุมาร) ท่านเป็นประธานในการจัดสร้างและประธานการดำเนินการทั้งหมดในพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก (พระราชพิธีฉลองการขึ้นครองราชของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครบ 40 ปี)และพระราชพิธีฉลองพระบรมรูปทรงม้าในปี พ.ศ.2451 ครั้งนั้น พระองค์ท่านได้รวบรวมช่างทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่างหลวงหรือช่างราษฎร์ ให้เข้ามาช่วยกันสร้างพระพิมพ์และวัตถุมงคล ในการสร้างครั้งนี้ สร้างพระพิมพ์และวัตถุมงคลขึ้นอย่างมากมายมหาศาล พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นในครั้งนี้ สังเกตุดูง่ายคือ จะมีการฝังพลอย ฝังมุข ที่องค์พระพิมพ์ทุกองค์ ส่วนพระที่มาปลุกเสกในพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงปี พ.ศ.2451 นั้น ก็จะเป็นพระคณาจารย์ในสมัยนั้นครับ

    บางท่านอาจจะเคยเจอ พระพิมพ์ที่ด้านหลังเป็นช้าง , เสมา ,สิงห์ พระพิมพ์เหล่านี้ เป็นพระพิมพ์ที่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้ที่จัดสร้างขึ้น เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหรือถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยบางส่วนขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็เก็บไว้เพื่อแจกกับลูกน้องของตน พระพิมพ์ที่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ให้จัดสร้างขึ้นนั้น ก็นำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดพระแก้วด้วยเช่นกัน

    พระพิมพ์ที่สร้างขึ้นและนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวง ในปี พ.ศ.2451 นั้น นอกจากพระพิมพ์ที่ฝังพลอย , ติดมุกด้านหลังองค์พระพิมพ์ แล้วนั้น ยังมีพระพิมพ์ที่ไม่ได้ติดพลอยและติดมุกก็มีครับ แต่เนื้อจะแตกต่างกับพระพิมพ์ที่สร้างขึ้นก่อนหน้านั้น ส่วนบล็อคพระพิมพ์นั้น ก็ใช้บล็อคของเดิมก็มี ใช้บล็อคที่ช่างสิบหมู่สร้างขึ้นใหม่ก็มีครับ


    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post309250 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">01-09-2006, 09:50 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1289 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมได้อ่านเรื่องพุทธคุณไม่มีในองค์พระเครื่อง ซึ่งผมจะนำเสนอให้คณะผู้จัดทำหนังสือที่เกี่ยวกับบทความและพระพิมพ์ของวังหน้าบางพิมพ์ ผมเองนำบทความส่วนหนึ่งมาลงให้อ่านกัน บทความนี้เขียนโดยท่านอาจารย์ประถม อาจสาครครับ




    อย่าประมาทของดีก็มีการเสี่อมตามสภาวธรรม<O:p</O:p​

    ผู้เขียนจะกล่าวอีกศาสตร์หนึ่ง เพราะเห็นว่ายังไม่เข้าใจกัน อย่าว่าผู้เขียนอวดรู้เลย เพียงเป็นวิทยาทานเท่านั้น ผู้เขียนต้องใช้สมองความคิดเหนื่อยกายเหนื่อยใจมิใช่น้อย มิได้นั่งคัดตำรา กล่าวออกมาด้วยประสบการณ์และใจจริงเท่านั้น หากไม่เป็นที่พอใจจะไม่เชื่อก็ได้ ผู้เขียนไม่โต้แย้งคัดค้านไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น
    <O:p</O:p
    ธรรมชาติในโลกย่อมมีการเสื่อมสิ้นไปตามสภาวธรรมทุกรูปทุกนาม ทั้งสิ่งที่มีวิญญาณครองและสิ่งปราศจากวิญญาณครอง จะสังเกตดูตัวเองนับวันจะแก่ชราหูตามัว ผมเผ้าหงอกขาว เนื้อหนังหดเหี่ยว หูตาก็ขาดความว่องไว เหลียวมองดูบ้านเรือนมันก็ทรุดโทรมปักหลักพัง เพราความทนอยู่มิได้ นี่คือทุกข์อริยสัจ พุทธองค์ก็บอกว่า มันเสื่อม ทนอยู่ไม่ได้ดอก สิ่งที่เป็นพลังงานก็เสื่อม หม้อแบตเตอรี่ใช้นานวันเข้าก็ต้องอัดใหม่ จิตก็เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง เหตุไฉนจักไม่มีการเสื่อม เพียงแต่เสื่อมช้าหรือเร็วเท่านั้น พระเครื่องบางองค์เปิดออกจากกรุที่บรรจุไว้เป็นเวลานานเสื่อมซึ่งอำนาจแห่งกฤตยาคมก็มี และบางองค์ที่ยังไม่เสื่อมก็มี เพราะอย่างไรพระเครื่องก็มิได้นับเป็นอมตะธรรม เกิดได้ก็ดับได้เป็นของคู่กัน อย่าไปคิดในแง่มิจฉาทิฐิว่า ชื่อว่าเป็นทองคำแล้วไม่มีการเสื่อม ไม่เชื่อทดลองดูก็ได้ ไปซื้อสร้อยทองคำมาเส้นหนึ่ง พอรุ่งขึ้นนำไปขาย ราคาจะเสื่อมลงทันที โดยถูกหักค่ากำเหน็จ เรียกว่าพอออกจากร้านก็ใช้ได้ ทีนี้ใช้ไปนานๆลองไปชั่งดูใหม่ว่าน้ำหนักมันจะคงที่หรือเปล่า หากจะเปรียบกันพริกมูลหนู กล่าวว่าแม้จะหล่นลงในส้วมนำมาล้างน้ำก็ยังคงมีรสเผ็ดร้อนเช่นเดิม ทำไมเอาพริกมูลหนูหรือทองคำไปอุปมาอุปมัยกับพระเครื่อง เราก็วิ่งเป็น รถยนต์ก็วิ่งเป็น ลองวิ่งแข่งกันดูสัก 50 กิโลเมตร รถยนต์ลิ้นไม่ห้อย แต่กลัวว่าเราจะหัวใจวายเสียก่อน เป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ถูกต้อง<O:p</O:p
     
  7. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของคุณ<O:p</O:p

    โดยปรัศนี ประชากร (อ.ประถม อาจสาคร) สงวนลิขสิทธิ์

    <O:p</O:p

    คำว่า “ คุณ “ เป็นศัพท์ที่ดิ้นได้ แปลความได้หลายนัย เช่น ความหมาย น. ความดีการอุปการะ ความเกื้อกูล ความสุขความเจริญ ใช้นำหน้าบุคคลเป็นการยกย่อง เช่น คุณปราณี คุณสมยศ คุณหลวง คุณพระ การทำร้ายโดยเสกสิ่งของเข้าตัว หรือผังรูปผังรอยเรียกว่า “ กระทำคุณ “ ผู้ที่ถูกทำร้ายในกรณีเช่นนี้เรียกว่า “ ถูกคุณ “ คำว่า “ คุณพระ “ น. คุณประโยชน์ของพระภิกษุ หรือคุณของพระบูชา พระพิมพ์ พระเครื่อง คุณวิเศษ หมายถึง ความดีเหนือกว่าสามัญธรรมดา ตามที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นคำนิยามสั้น ๆ ชาวพระเครื่องมักจะกล่าวถึงคำว่า “ พุทธคุณ “ อยู่เป็นประจำ จึงประสงค์จะอธิบายถึง คุณ ต่าง ๆ เป็นขั้นตอนกว่าจะถึงคำว่า “ พุทธคุณ “ ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระเครื่องลางของขลังหรือไม่ประการใด และสรุปท้ายด้วยคุณแห่งความชั่วร้ายคือ “ ไสยคุณ “ ตามลำดับหัวข้อต่อไปนี้<O:p</O:p
    1. อริยะคุณ<O:p</O:p
    2. อรหัตคุณ<O:p</O:p
    3. พุทธคุณ<O:p</O:p
    4. เอกคุณ<O:p</O:p
    5. อิทธิคุณ<O:p</O:p
    6. ไสยคุณ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    (เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
     
  8. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เรื่องของคุณ ( ต่อ 1 ) โดยปรัศนี ประชากร<O:p</O:p

    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    อริยคุณ<O:p</O:p

    คำว่า “ อริยะ “ ตรงกับสันสกฤตว่า “ อารยะ “ เป็นชื่อเรียกเผ่าชนที่อพยพเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของชมภูทวีป คือ ประเทศอินเดียเมื่อหลายพันปีมาแล้ว และรุกไล่ชนเจ้าถิ่นเดิมให้ถอยร่นลงทางใต้ พวกอริยะนี้ถือตัวว่าเป็นพวกเจริญ เหยียดชนเจ้าถิ่นเดิมว่าเป็นพวกมิลักขะ หรือมเลจฉะ คือ พวกคนเถื่อนคนดอย ต่อมาเมื่อพวกอริยะเข้าครอบครองถิ่นฐานมั่นคงและจัดระบบมวลชนเจ้าถิ่นเดิมกลายเป็นพวกทาสหรือวรรณะศูทร และกำหนดคำอริยะ อารยะหรืออารยันเป็นวรรณะตัน คือ กษัตริย์ พราหมณ์ และแพศย์ นอกนั้นนับเป็นอนารยะ คือ คนเถื่อนทั้งหมด ต่อมาพระพุทธองค์ได้ทรงสอนใหม่ว่า ความเป็นอริยหรืออารยะไม่ได้อยู่ที่ชาติกำเนิด แค่อยู่ที่ธรรมซึ่งฝึกฝนอบรมให้เกิดขึ้นในจิตใจของบุคคล วรรณะไหนไม่สำคัญ ใครไม่ประธรรมจัดเป็นอนารยชนทั้งสิ้น ผู้ใดเข้าใจในสัจธรรม ผู้นั้นก็เป็นอริยะหรืออารยะ สัจจธรรมนั้นเรียกว่า อริยสัจจ์ เมื่อว่าตามหลัก บุคคลที่จะเข้าใจอริยสัจจ์ ก็คือท่านที่เป็นโสดาบันขึ้นไป ดังนั้นคำว่า “ อริยะ “ ที่ใช้ในคัมภีร์ทั่วไปจึงมีความหมายเท่ากับทักขิไณยบุคคล ก็คือ คฤหัสถ์ที่เป็นพระโสดาบันขึ้นไป ในอรรถกถาทั้งหลายเมื่ออธิบายคำว่า “ อริยะ “ มักอธิบายลงเป็นอย่างเดียวกันหมดว่าหมายถึง พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้า ส่วนคำว่า “ อริยะ “ ที่ใช้เป็นคุณนามของข้อธรรมหรือการปฏิบัติ มักมีความหมายเท่ากับคำว่า โลกุตตระ แต่ไม่ถึงกับแน่นอนตายตัวทีเดียว เท่าที่กล่าวมาเกี่ยวกับคำว่า อริยะ พอได้ว่า แม้คำว่าอริยะนี้จะมีความหมายกว้างสักหน่อย แต่ไนกรณีที่ใช้เกรียกบุคคลแล้ว จะหมายถึงกลุ่มชนเดียวกันทักขิไณยบุคคลเป็นพื้น คือหมายถึงท่านผู้พ้นจากภาวะปุถุชน และจัดเข้าในกลุ่มสาวกสงฆ์ ( ที่ปัจจุบันนิยมเรียกว่า อริยสงฆ์ ) ณ ที่นี้ขอแยกส่วนพระอริยบุคคลชั้นต้น คือ พระเสขะ ( ผู้ยังต้องศึกษา ) หรือ สอุปาทิเสสบุคคล ( ผู้ยังมีเชื่อคืออุปาทานเหลืออยู่ ) คือ<O:p</O:p
    1. พระโสดาบัน ผู้ถึงกระแสคือ เข้าสู่มรรค เดินทางถูกต้องอย่างแท้จริง หรือปฏิบัติถูกต้องตามอริยมรรคอย่างแท้จริงแล้ว เป็นผู้ทำได้บริบูรณ์ในขั้นศีล ทำได้พอประมาณในสมาธิ และทำได้พอประมาณในปัญญา ละสังโยชน์ได้ 3 คือ สักกายทิฎฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส<O:p</O:p
    2. พระสกทาคามี ผู้กลับมาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวก็จะกำจัดทุกข์ได้สิ้น เป็นผู้ทำได้บริบูรณ์ในขั้นศีล ทำได้พอประมาณในสมาธิ และทำได้พอประมาณในปัญญา นอกจากละสังโยชน์ 3 ขัดต้นได้แล้ว ยังทำราคะ โทสะ และโมหะ ให้เบาบาทลงด้วย<O:p</O:p
    3. พระอนาคามี ผู้จะปรินิพพานในที่ผุดเกิดขึ้น ไม่เวียนกลับมาอีก เป็นผู้ทำได้บริบูรณ์ในขั้นศีลทำได้บริบูรณ์ในสมาธิ แต่ทำได้พอประมาณในปัญญา ละสังโยชน์ได้อีก 2 ข้อศีล กามราคะ และปฏิฆะ (รวมเป็นสังโยชน์เบื้องต่ำได้ครบ 5 ข้อ ) สังโยชน์ แปลตามศัพท์ว่าเครื่องผูก หมายถึงกิเลสที่ผูกใจสัตว์หรืออกุศลกรรมที่ผูกมัดสัตว์ไว้กับทุกข์ในสังสารวัฎฎ์เหมือนผูกเทียมสัตว์ไว้กับรถ มี่ 10 อย่าง คือ<O:p</O:p
    โอรัมภาคิยสังโยชน์ ( สังโยชน์เบื้องต่ำ หรือขั้นหยาบ ) 5 อย่าง คือ<O:p</O:p
    1. สักกายทิฎฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นที่ยังติดแน่นในสมมุติว่าเป็นตัวตน เราเขาเป็นนั่นเป็นนี่ มองไม่เห็นสภาพความจริงที่สัตว์บุคคลเป็นเพียงองค์ประกอบต่าง ๆ มาประชุมกันเข้า ทำให้มีความเห็นแก่ตัวในขั้นหยาบ และความรู้สึกกระทบกระทั่งบีบคั้นเป็นทุกข์ได้รุนแรง<O:p</O:p
    2. วิจิกิจฉา ความลังเล สงสัยเคลือบแคลงต่าง ๆ เช่น สงสัยในพระศาสดา ในพระธรรมในพระสงฆ์ ในสิกขา ในเรื่องที่มาที่ไปของชีวิต ในปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น ทำให้ไม่มั่นใจไม่เข้มแข็งแกล้วกล้าที่จะดำเนินชีวิตตามหลักธรรม ด้วยความมีเหตุผล และในการที่จะเดินหน้าแน่วดิ่งไปในอริยมรรคา<O:p</O:p
    3. สีลัพพทปรามาส ความถือมั่นศีลพรต คือความยึดถือผิดพลาดไปว่า จะบริสุทธิ์ หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและพรต ได้แก่การถือศีล ระเบียบ แบบแผน บทบัญญัติ และข้อปฏิบัติต่าง ๆ โดยสักว่าทำตาม ๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นเป็นขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ ติดอยู่แค่รูปแบบหรือพิธีรีตองก็ดี ถือด้วยตัณหา และทิฏฐิ คือปฏิบัติเพราะอยากได้ผลประโยชน์ตอบแทนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเพราะเห็นว่าจะทำให้ได้เป็นนั่นเป็นี่ก็ดี ไม่เป็นไปตามความหมายและความมุ่งหมายที่แท้จริงของศีลและวัตร ทำให้ปฏิบัติเขวออกนอกลู่นอกทาง หรือเลยเถิดไป ไม่เข้าสู่อริยมรรค<O:p</O:p
    4. กามราคะ ความกำหนัดในกาม ความติดใจในกามคุณ<O:p</O:p
    5. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ความหงุดหงิดขัดเคือง หรืองุ่นง่านใจ<O:p</O:p
    ที่กล่าวมานี้จัดเป็นเพียงอริยะคุณของทักขิไณยบุคคลขั้นต้น<O:p</O:p
    <O:p</O:p


    (เป็นความเชื่อ – ความคิดเห็นส่วนบุคคล(ของคณะลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร ท่านผู้อ่านอ่านแล้วก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล)
     
  9. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไว้มาต่อนะครับ

    เป็นบทความเก่าที่อยู่ในกระทู้ครับ

    .
     
  10. :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    นี่"ครูพักลักจำ"ของแท้ มาจดสูตรข้าวหมูแดงที่ร้านเจ้าเก่าว่า เริ่มจากการใช้ข้าวอะไรหุง ไปซื้อหมูที่ไหน ราคากิโลละเท่าไหร่ ปรุงยังไง ๕๕๕๕๕ สงสัยจะอยากไปเปิดร้านขายข้าวหมูแดงแข่งกับร้านต้นตำรับ (b-deejai)
     
  11. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ข้าวหมูแดง ก็แกล้มไข่เจียวน่าจะดี แต่ร้านที่นำมาลง รู้สึกว่าแพงไป(ไม่)หน่อย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ร้าน"ไข่เจียว"เชี่ยวชาญเมนูไข่ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 กันยายน 2550 16:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศภายในร้านไข่เจียว</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> "...ไข่เจียว นั้นง่ายทำบ่อย แค่เพียงน้ำมันวางลงบนเตารอไฟให้ร้อน เหลืองไข่เหลืองและหอมกรุ่น ฟู...ฟู ดูน่ากิน.."

    "ผู้จัดการตระเวนกิน" มีความสุขกับการเดินฮัมเพลง "นายไข่เจียว" ของวงเฉลียง ขณะก้าวเท้าเข้าสู่ร้านอาหารที่มีชื่อเข้ากับเพลง นั่นก็คือร้าน"ไข่เจียว" ที่ตั้งอยู่ตรงถนนสาทรเหนือ ซึ่งถือว่าเป็นร้านอาหารที่หยิบยกเอาเมนูไข่เจียวที่ดูธรรมดาๆ มาทำเป็นเมนูไม่ธรรมดากว่า 15 เมนู ให้ผู้นิยมไข่เจียวได้ลองลิ้มชิมรสกัน นอกจากนี้ร้านไข่เจียวยังมีเมนูอาหารไทยรสเข้มข้นอีกหลากหลายพัดเมนู เสริมทัพเติมความอิ่มให้กับกระเพาะกันอีกด้วย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ไข่เจียวชาเล่ต์ (ล่าง) ไข่เจียวตามใจฉัน (บน) </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ว่าแล้ว"ผู้จัดการตระเวนกิน"ขอเริ่มด้วยเมนูไข่เจียวรสเด็ดอย่าง ไข่เจียวชาเล่ต์ ( 90 บาท+) ที่มาแบบหนาๆ นุ่มๆ ตัวไข่เจียวนั้นเหลืองหอม เนื้อไข่เจียวนุ่มๆ มีหมูสับ ต้มหอม ผักชีสับ และกระเทียมสับใส่มาในไข่เจียวด้วย กินไข่เจียวกับข้าวสวยร้อนๆ ถูกปากกับรสชาติไข่เจียวเนื้อแน่นนุ่มเนียนลิ้น หอมกรุ่นกลิ่นไข่เจียวดีแท้

    ตามติดอารมณ์ไข่เจียวกันอีกหนึ่งเมนูที่มีชื่อว่า ไข่เจียวตามใจฉัน ( 95 บาท+) ที่ลูกค้าสามารถเลือกเครื่องที่จะใส่ลงไปในไข่เจียวได้ตามชอบใจถึง 2 อย่าง จากบรรดาเครื่องที่มีอยู่คือ หมูสับ เนื้อสับ แฮม เบคอน ปลาสลิด แหนม กุ้งสับ ใบโหระพา ใบกระเพรา หอมใหญ่ หอมแดง มะเขือเทศ เห็ดฟาง และพริกขี้หนู และเมื่อเลือกเครื่องได้ 2 อย่างแล้วจะมาใส่ในไข่เจียว ทอดออกมาเป็นไข่เจียวแบบฟูกรอบ ที่เคี้ยวแล้วกรอบนอก นุ่มในถูกปากไปอีกแบบ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>คะน้าฮ่องกงลวกราดน้ำมันหอย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> จากเมนูไข่เจียว สลับรสชาติมากันที่เมนู คะน้าฮ่องกงลวกราดน้ำมันหอย (110 บาท+) ที่ถ้าใครชอบกินผักอย่างคะน้าไม่ควรพลาดสั่งด้วยประการทั้งปวง เพราะทางร้านนำคะน้าฮ่องกงก้านเขียวอวบกรอบ มาลวกแล้วราดด้วยน้ำมันหอยอย่างดีปรุงรสชาติมาแล้วตามสูตรฉบับของทางร้าน แถมมีกระเทียมเจียวโรยหน้ามาด้วย ลิ้มรสคะน้าก้านอวบเคี้ยวกรุบกรอบปาก ได้รสชาติเค็มๆ หวานๆ จากน้ำมันหอย

    ตามมาด้วยเมนูปลาอย่าง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม (150 บาท+) เป็นปลาเนื้ออ่อนสดๆ ตัวโตกำลังดี ทางร้านนำมาคลุกเกลือแล้วทอดจนปลาเหลืองกรอบ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ ส่งชิ้นปลาเข้าปากเคี้ยวกร้วมเนื้อปลาหวานกรอบ กระเทียมเจียวเคี้ยวแกล้มเข้ากันกรุบกรอบปากดี

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> จากนั้นต่อด้วยเมนูซดน้ำร้อนๆ อย่าง แกงส้มผักรวมกุ้งสด (120 บาท+) เป็นแกงส้มน้ำเข้มข้น เพราะทางร้านโขลกเครื่องแกงเองจึงได้แกงส้มที่มีรสชาติเข้มข้นเครื่องแกงเผ็ด รสจัดออกเปรี้ยวอมหวาน ใส่กุ้งสดตัวโตกำลังดีเคี้ยวหวานปาก และใส่ผักรวมหลายอย่างทั้งผักกะเฉด ข้าวโพดอ่อน ถั่วฝักยาว ผักกาดขาว และหัวไชเท้า ถูกปากคนชอบกินผักกันไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แกงส้มผักรวมกุ้งสด </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากเมนูที่ "ผู้จัดการตระเวนกิน"หม่ำมาในข้างต้นแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูไข่เจียวรสเด็ดส่วนผสมและชื่อชั้นไม่ธรรมดาอีกหลากหลายให้เลือกชิม อาทิ ไข่เจียวคุณยาย (75 บาท+) ไข่เจียวป้าย่น (90 บาท+) ไข่เจียวน้องกุ้ง (90 บาท+) ไข่เจียวปลาสลิด (90 บาท+) ไข่เจียวเบคอน (90 บาท+) ในขณะที่เมนูแนะนำอื่นๆประจำร้านก็มี ซี่โครงหมูแก้วต้มแซบ (110 บาท+) ยอดมะพร้าวผัดกุ้งสดน้ำมันหอย (90 บาท+) ยอดมะพร้าวผัดขี้เมากุ้งสด (90 บาท+) ยำปลาสลิดฟู (120 บาท+) และอีกหลากหลายเมนู ซึ่งใครที่ชื่นชอบในรสชาติของไข่เจียวและอาหารไทยรสเข้มข้นแล้วละก็ ร้าน “ไข่เจียว” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    ร้าน"ไข่เจียว" ตั้งอยู่ที่ 46 ชั้น 1 อาคารสุคนธ์ คอร์ท (อยู่ระหว่างตึกไทยธนาคารสำนักงานใหญ่ กับตึกทิสโก้) ถ.สาทรเหนือ บางรัก กรุงเทพฯ การเดินทางถ้ามามจากทางถ.สีลม ให้เลี้ยวเข้าซ.ศาลาแดง วิ่งตรงจนสุดซอยมาออกถ.สาทรเหนือ ผ่านตึกทิสโก้และจะเห็นทางเข้าอาคารสุคนธ์ คอร์ททางซ้ายมือให้เลี้ยวเข้าไป ร้านไข่เจียวตั้งอยู่ด้านใน มีที่จอดรถ เปิดวันจันทร์-เสาร์ (หยุดวันอาทิตย์) เวลา 11.00-22.00 น. โทร. 0-2267-4100

    คลิก!! อ่านรายละเอียดและแผนที่การเดินทางไปยังร้าน "ไข่เจียว"

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
     
  13. narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    (b-inlove) ไม่กล้าเปิดหรอกพี่ขอแค่ช่วยกันทำช่วยกันซื้อดีกว่าครับร้านจะได้ใหญ่ ๆ และมีเจ้าเก่าเจ้าเดียวลูกค้าจะได้ไม่สับสน^-^
     
  14. narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    (verygood) องค์นี้ได้รับมอบจากท่านพี่หนุ่ม ตอนนี้ผมแขวนอยู่องค์เดียวครับ อิทธิคุณครอบคลุมทุกด้าน

    ขอ โมทนาสาธุกับพี่หนุ่มครับ
     
  15. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong
    <TABLE class=tborder id=post297364 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">13-08-2006, 06:52 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1177 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>guawn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_297364", true); </SCRIPT>
    สมาชิก ยอดนิยม
    สมาชิกยอดฮิต



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:53 PM
    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 8,167 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 12,692 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 27,453 ครั้ง ใน 5,344 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 3578



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_297364 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อธรรมดา ของจริงงดงามมากครับ เป็นพระพิมพ์ที่มีความหมายดีมาก เคยนำไปให้จับกระแสดูเป็นกระแสของหลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า ท่านเป็นผู้ที่เสก รังสีสีทอง อิทธิคุณครบทุกด้าน
    มีโอกาสเก็บได้เก็บเถอะครับ ใส่กรอบบูชาบนหิ้งพระก็ได้ดีทีเดียว อาราธนาทำนํามนต์ก็ได้



    ไม่ได้ช่วยโฆษณานะครับแต่ของดีจริงจึงอยากให้มีไว้บูชา


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อย่าไปโชว์ใครมากนะครับ เดี๋ยวเขารู้ว่า องค์นี้ 56 ล้าน จะโดนตีหัวเอาพระได้นะครับ

    .
     
  16. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมจะจัดส่งพระพิมพ์ให้ในอาทิตย์หน้านะครับ ช่วงนี้มีหลายๆเรื่องที่ต้องทำ ผมส่งช้าไปสักหน่อย ขออภัยทุกๆท่านด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  17. เทพารักษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    172
    ค่าพลัง:
    +980
    โอนเงิน

    (smile) โอนเงินให้เรียบร้อยแล้วนะคะทางตู้ ATM ไทยพาณิชย์ จำนวน 2,300 บาท

    ขอบคุณมากนะคะ
     
  18. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รับทราบครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
  19. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เดี๋ยวผมจะออกไปธุระ บ่ายๆก็คงกลับ ว่าจะนำหนังสือของคุณมัตตัญญูและหนังสือของท่าน อ.เทพย์ สาริกบุตร ไปอ่านทบทวน อาจจะได้ไอเดียมาถามกัน มาคุยกันอีกครับ

    .
     
  20. chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    เช้านี้รับมา 2,000.- บาท รวม 10,930.- บาท

    สาธุครับ
     

แชร์หน้านี้