http://www.wangdermpalace.com/wangderm/thai_map.html
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD>โบราณสถานในพระราชวังเดิม :
1. ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
2. ท้องพระโรงกรุงธนบุรี
3. ตำหนักสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
4. ตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่
5. ตำหนักเก๋งคู่หลังเล็ก
6. ศาลศีรษะปลาวาฬ
7. เรือนเขียว
8. ป้อมวิไชยประสิทธิ์
9. ตึกกองบัญชาการกองทัพเรือ
10. กรมสารบรรณทหารเรือ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....
ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.
หน้า 503 ของ 2607
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
http://www.wangdermpalace.com/kingtaksin/thai_thegreat.html
พระราชประวัติ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวในสมัยกรุงธนบุรี เสด็จพระราช สมภพ ณ วันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2277 ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาที่ 3 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บรมโกศพระองค์ทรงเป็นสามัญชน กำเนิดในตระกูลแต้ มีพระนามเดิมว่า สิน พระราชบิดาเป็นจีนชื่อ ไหฮอง เดินทางจากประเทศจีนมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย แล้วได้สมรสกับหญิงไทยชื่อ นางนกเอี้ยง มีหลักฐาน บันทึกว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงเคยเป็นพ่อค้าเกวียนผู้ทรงปัญญาเฉลียวฉลาด และมีความสามารถด้าน กฎหมายเป็นพิเศษ ได้ช่วยกรมการเมืองชำระถ้อยความของราษฎรทางภาคเหนืออยู่เนืองๆ เนื่องจากได้ทำ ความดีมีความชอบต่อแผ่นดิน จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าเมืองตากในเวลาต่อมา
ในปีพุทธศักราช 2308 - 2309 พระยาตากได้นำไพร่พลลงมาสมทบเพื่อป้องกันกรุงศรีอยุธยาระหว่าง ที่พม่าล้อมกรุงอยู่ ได้ทำการต่อสู้จนเป็นที่เลื่องลือว่า เป็นแม่ทัพที่เข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่ง และได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ในวันที่ 4 มกราคม พุทธศักราช 2310 (ก่อนที่จะเสียกรุงศรีอยุธยา ให้แก่พม่าประมาณ3 เดือน) พระยาตากได้รวบรวมกำลังตีฝ่าวงล้อม ของพม่าไปตั้งมั่น เพื่อที่จะกลับ มากู้เอกราชต่อไป
จากหลักฐานตามพระราชพงศาวดาร พระยาตากได้รวบรวมไพร่พลประมาณ 500 คน มุ่งไปทาง ฝั่งทะเลทางทิศตะวันออก ระหว่างเส้นทางที่ผ่านไปนั้นได้ปะทะกับกองกำลังของพม่าหลายครั้ง แต่ก็สามารถ ตีฝ่าไปได้ทุกครั้ง และสามารถรวบรวมไพร่พลตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในวันที่ 8 เมษายน พุทธศักราช 2310 พม่ายึดกรุงศรีอยุธยาได้ เจ้าเมืองใหญ่ๆพากันตั้งตัวเป็นเจ้าและควบคุมหัวเมืองใกล้เคียง ไว้ในอำนาจ หลังจากพระยาตากยึดเมืองจันทบุรีได้ ก็ได้ประกาศตั้งตัวเป็นอิสระ และจัดตั้งกองทัพขึ้นที่นี่ โดยมีผู้คนสมัครใจเข้ามาร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก รวมทั้งนายสุดจินดาซึ่งต่อมาได้รับพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในรัชกาลที่หนึ่ง
หลังฤดูมรสุมในเดือนตุลาคม พุทธศักราช 2310 พระยาตากได้ยกกองทัพเรือออกจากจันทบุรีล่องมา ตามฝั่งทะเลในอ่าวไทย จนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และได้ต่อสู้จนยึดกรุงธนบุรีคืนจากพม่าได้ ต่อจากนั้น ได้ยกกองทัพเรือต่อไปถึงกรุงศรีอยุธยา เข้าโจมตีค่ายโพธิ์สามต้น เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2310 และสามารถกอบกู้เอกราชให้ชาติไทยได้เป็นผลสำเร็จ โดยใช้เวลาเพียง 7 เดือนนับตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยา ให้กับพม่า หลังจากนั้น ได้ทรงเลือกกรุงธนบุรีเป็นราชธานี เนื่องจากทรงเห็นว่ามีชัยภูมิดี ประกอบกับ กรุงศรีอยุธยาเสียหายหนัก จนยากแก่การบูรณะ ให้เหมือนเดิม ต่อมาในปีพุทธศักราช 2311 ได้ทรงปราบดา ภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระบรมราชาที่ 4" แต่ประชาชนนิยมเรียกว่า "พระเจ้าตากสิน" ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการทำศึกสงครามอยู่เกือบตลอดเวลา ทั้งนี้เพื่อรวบรวมแผ่นดิน ให้เป็นปึกแผ่น และขับไล่พม่าออกจากราชอาณาจักร ถึงแม้ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในภาวะสงครามเป็นส่วนใหญ่ แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินก็ยังทรงมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูประเทศในด้านต่างๆ เช่น ด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจและสังคม ได้มีการติดต่อค้าขายกับประเทศต่างๆ เช่น จีน อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ ได้โปรดให้มีการ สร้างถนนและขุดคลอง เพื่ออำนวยความสะดวกในการคมนาคม นอกจากนั้นยังทรงส่งเสริมทางด้านการศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและวรรณกรรม รวมทั้งการศึกษาในด้านต่างๆ ของประชาชนอีกด้วย
หลังจากครองราชย์ได้ประมาณ 15 ปี ได้มีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นเหตุให้รัชสมัยของพระองค์ต้อง สิ้นสุดลง สมเด็จพระเจ้าตากสินเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พุทธศักราช 2325 ขณะที่มีพระชนมายุได้ 48 ปี ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์จักรี และได้ทรงย้ายราชธานีมาฝั่งกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อแผ่นดินไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะได้ ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี (ซึ่งตรงกับวันที่ทรงปราบ ดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์) เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน" นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรียังมีมติให้ถวาย พระราชสมัญญานามว่า"สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช"
<TABLE borderColor=#660000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=650 border=1><TBODY><TR vAlign=top align=middle bgColor=#000000><TD class=black_14_bold colSpan=2></TD></TR><TR vAlign=top align=middle bgColor=#ffffcc><TD class=black_14_bold colSpan=2>ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งแต่ พุทธศักราช 2310 ไปจนถึง พุทธศักราช 2325
ได้มีการทำศึกสงครามเกือบตลอดเพื่อรวบรวม ป้องกัน และขยายพระราชอาณาเขต
สำหรับเหตุการณ์ที่สำคัญๆ อาจจะสรุปได้ดังนี้
</TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2310
</TD><TD vAlign=top align=left width=499>การเสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ 2
การประกาศอิสรภาพหลังจากที่รบชนะพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น
การสถาปนากรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรเป็นเมืองหลวง
พม่ายกกองทัพมาตีไทยที่บางกุ้ง
</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2311
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การเถลิงถวัลยราชสมบัติของสมเด็จพระเจ้าตากสิน
การยกกองทัพขึ้นไปตีกลุ่มเมืองพิษณุโลก
กลุ่มพระฝางยกกองทัพลงมาตีกลุ่มเมืองพิษณุโลก
การยกกองทัพขึ้นไปตีกลุ่มเมืองพิมาย
</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2312
</TD><TD class=black_14_normal width=499>กรุงศรีสัตนาคนหุตแต่งเจ้าหน่อเมืองนำเครื่องราชบรรณาการมาขอเป็นเมืองขึ้น
การยกกองทัพขึ้นไปตีเขมร
การยกกองทัพไปตีเมืองนครศรีธรรมราช
</TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2313
</TD><TD class=black_14_normal vAlign=top align=left width=499>การยกกองทัพขึ้นไปตีกลุ่มเมืองสวางคบุรี
พม่ายกกองทัพลงมาตีเมืองสวรรคโลก
การยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 1
</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2314
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การสร้างกำแพงเมืองกรุงธนบุรี
การยกกองทัพไปตีเขมร
</TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2315
</TD><TD class=black_14_normal width=499>พม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิชัย ครั้งที่ 1</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2316
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การสักเลก (ไพร่หลวง ไพร่สม และเลกหัวเมือง)
พม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิชัย ครั้งที่ 2
</TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2317
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองเชียงใหม่ ครั้งที่ 2
พม่ายกกองทัพมาตีบางแก้ว (แขวงเมืองราชบุรี)
</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2318
</TD><TD class=black_14_normal width=499>พม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิษณุโลก</TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2319
</TD><TD class=black_14_normal width=499>กบฎเมืองนางรอง และการยกกองทัพไปปราบหัวเมืองลุ่มแม่น้ำโขง
พระเจ้าตากทรงเริ่มการเจริญวิปัสสนากัมมัฎฐาน
</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2320
</TD><TD class=black_14_normal vAlign=top align=left width=499>การสถาปนาเจ้าพระยาจักรีขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก</TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2321
</TD><TD class=black_14_normal width=499>กรุงศรีสัตนาคนหุตแต่งทัพมารบกับพระวอที่หนองบัวลำภูและที่ดอนมดแดง</TD></TR><TR bgColor=#cccccc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2322
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองเวียงจันทน์
การอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากร พระแก้วมรกตและพระบางมาสู่กรุงธนบุรี
</TD></TR><TR bgColor=#ccffff><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2323
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การจลาจลวุ่นวายในเขมร
กบฎวุ่นวายในกรุงธนบุรี
</TD></TR><TR bgColor=#ffffcc><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2324
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การยกกองทัพขึ้นไปตีเขมร
ความวุ่นวายภายในกรุงธนบุรี
กบฎพระยาสรรค์
สงครามกลางเมืองระหว่างพระยาสรรค์และพระยาสุริยอภัย
</TD></TR><TR bgColor=#ccff99><TD class=black_14_bold width=175>พุทธศักราช 2325
</TD><TD class=black_14_normal width=499>การพิจารณาปัญหาเรื่องสมเด็จพระเจ้าตากสิน
การสิ้นสุดของสมัยกรุงธนบุรี
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
http://www.wangdermpalace.com/kingpinklao/thai_pinklao.html
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และเป็นพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระนามเดิมว่า "เจ้าฟ้าจุฑามณี" หรือ "เจ้าฟ้าน้อย" เสด็จพระราชสมภพ ณ พระราชวังเดิม เมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2351 หลังจากที่สมเด็จพระราชบิดาได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เจ้าฟ้าน้อย จึงได้ตามเสด็จ พระบรมชนกนาถและพระราชชนนี มาประทับในพระบรมมหาราชวัง และได้รับการเฉลิมพระนามเป็น "สมเด็จ พระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฑามณี" หรือ "เจ้าฟ้าอสุนีบาต"
เมื่อเจ้าฟ้าน้อย ซึ่งในขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศ เป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศ รังสรรค์ เจริญพระชนมายุได้ 16 พรรษา ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2367 ได้เสด็จมาประทับ ณ พระราชวังเดิม และ ประทับที่นี่จนถึงปี พ.ศ. 2394
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านต่างๆ อาทิ การทหาร การช่าง วิทยาศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม การกีฬา การละคร การดนตรี และด้านวรรณกรรม อีกทั้งทรงรอบรู้ทางด้าน การต่างประเทศอีกด้วย ทรงศึกษาภาษาอังกฤษจากมิชชันนารีอเมริกันจนแตกฉาน และทรงมีพระสหาย เป็นชาว ต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงสามารถช่วยราชการด้านการต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยทรงเป็นที่ปรึกษา ในการทำสนธิสัญญาต่างๆ
หลังจากที่ได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษกเป็น "พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว" เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2394 ทรงมีศักดิ์สูงเสมอพระมหากษัตริย์เป็น "พระเจ้าประเทศสยามองค์ที่ 2" ได้ทรงย้ายมาประทับ ณ พระบวรราชวัง (ปัจจุบันคือบริเวณพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ) จนสิ้นพระชนม์ลงใน วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2408 ขณะที่ทรงมีพระชนมายุได้ 58 พรรษา
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR vAlign=top align=middle bgColor=#000000><TD class=header1 colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=brown_text_normal vAlign=top align=middle>
<TABLE borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD height=68></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD height=87></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD><TD vAlign=top width=510>ด้านการทหารเรือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือเป็นพระองค์แรกหลังจาก ได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษก และทรงดำรงตำแหน่งนี้อยู่จนตลอดพระชนชีพ นับได้ว่าพระองค์เป็นผู้ทรง วางรากฐานการจัดกิจการทหารเรือให้เข้าสู่ระบบสากลตามแบบอย่างอารยะประเทศ สำหรับพระราชกรณียกิจ ด้านทหารเรือนี้เริ่มเป็นที่ประจักษ ์ตั้งแต่ช่วงต้นของปี พ.ศ. 2384 ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยได้ทำสงคราม ติดพัน กับญวน ติดต่อกันมาหลายปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จ พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว (เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์) เป็น แม่ทัพใหญ่คุมกองทัพเรือ ยกทัพไปตีเมืองบันทายมาศ เพื่อทำให้ญวนเกิดความระส่ำระสายและถ่วงเวลาให้ กองทัพบกของไทยทำ การถมคลอง ตัดเส้นทางส่งเสบียงตลอดจนเส้นทางคมนาคม เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพญวนมาตั้งในเขมรได้ แต่การศึกครั้งนั้นฝ่ายไทยจำเป็นต้องยกทัพกลับ เพราะกองทัพของญวนได้ทำการสู้รบอย่างเข้มแข็ง
หลังพระราชพิธีบวรราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงจัดตั้งกรมทหารเรือวังหน้าขึ้น พระองค์ทรงทำนุบำรุงด้านกำลังทหารเรืออย่างต่อเนื่อง ทรงสร้างโรงทหารเรือขึ้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทาง ทิศใต้ของตำหนักแพ (บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในปัจจุบัน) นอกจากนั้นยังได้ทรงดัดแปลงกำปั่นไทย ให้เป็นเรือรบ 2 ลำ โดยพระราชทานนามว่า "อาสาวดีรส" และ "ยงยศอโยชฌิยา"
ด้านการทหารบกป้อมพิฆาตข้าศึก
ในพ.ศ. 2375 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้า กรมขุน อิศเรศรังสรรค์ สร้าง "ป้อมพิฆาตข้าศึก" ขึ้น เพื่อรักษาปากน้ำแม่กลองที่สมุทรสงคราม นับเป็น พระราชกรณียกิจแรกที่เกี่ยวกับราชการบ้านเมืองซึ่งได้มีการบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดาร
กองอาสาญวนและกองทหารต่างด้าว
ในรัชสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพวกญวนอพยพเข้ามา 3 ครั้งด้วยกัน ในครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2377 ได้มีพวกญวนที่นับถือศาสนาคริสต์อพยพเข้ามาด้วย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึง โปรดเกล้าฯ ให้แยก จากพวกนับถือศาสนาพุทธ มาตั้งบ้านเรือนบริเวณสามเสน โดยให้ขึ้นกับสมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ และฝึกหัดให้เป็นทหารปืนใหญ่ ในการอพยพในครั้งที่ 3 ในปีพ.ศ. 2383 เป็นพวกญวนที่นับถือศาสนาพุทธ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้พวกนี้ไปอยู่ที่บางโพธิ์ และ ขึ้นอยู่กับสมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ สังกัดกรมอาสาญวน เป็นพลทหารปืนใหญ่ประจำป้อม นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงเป็นผู้บัญชาการทหารปืนใหญ่และทหารต่างด้าว ได้ทรงจัดวิธีการฝึกทหารแบบตะวันตกขึ้น ทรงปรับปรุงและจัดเป็นวิชาการทหารปืนใหญ่ตามแบบยุโรปทั้งทางด้านยุทธศาสตร์และยุทธวิธีโดยใช้ปืน ใหญ่ซึ่งหล่อขึ้นเองด้วยเหล็ก ส่วนเครื่องแบบได้ให้แต่งตามแบบทหารซีปอย
ตำราปืนใหญ่
ในฐานะที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นแม่กองฝึกยิงปืนใหญ่ และทรงบังคับบัญชาทหาร ปืนใหญ่ ทำให้จำเป็นต้องมีตำราเพื่อใช้ในการฝึก จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ตำราปืนใหญ่ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2348 โดยทรงแปลจากตำราภาษาอังกฤษ การหล่อปืนตามแบบวิธีการสมัยใหม่ และการยิงปืน ทรงรวบรวมทำเนียบนาม ปืนใหญ่ ตลอดจนความเชื่อและเคล็ดลับอาถรรพ์ต่างๆ ของไทยแทรกไว้ด้วย ตำรานี้เดิมใช้ฝึกหัดทหาร ปืนใหญ่ญวน แต่ต่อมาได้ใช้นำมาฝึกหัดทหารปืนใหญ่ของไทยเรื่อยมา จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้มีต้นฉบับเป็นสมุดเขียนตัวรงค์ด้วยลายมืออาลักษณ์
การวางผังถนนเจริญกรุง
เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความเชี่ยวชาญในเรื่องปืนใหญ่ ได้ทรง ทักท้วงการวางผัง การตัดถนนสายตรงจากสามแยกพุ่งเข้ามายังพระนคร เพราะทรงเห็นว่าหากข้าศึกนำปืนใหญ่มาตั้งที่ถนน จะง่ายต่อการยิงเข้าประตูเมือง ดังนั้นจึงได้ตัดถนนเจริญ กรุงโค้งอ้อมมาทางสะพานดำรงสถิต ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันถนนนี้มีการหักมุมกันอยู่
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR align=middle bgColor=#000000><TD class=header1 vAlign=top colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=202><TABLE class=brown_text_normal borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center width=510>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นกิจวัตรตามหมายกำหนดการพระราช พิธีฝ่ายพระบวรราชวัง และยังได้ทรงปฏิสังขรณ์ วัดหงส์รัตนาราม ต่อจากสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี โดยทรงบูรณะทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาราย สะพานหน้าวัดและส่วนอื่นๆ อีกมากมาย จึงมีธรรมเนียมถือกันมาว่าวัดนี้ เป็นวัดในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นยังได้ทรงปฏิสังขรณ์ วัดอื่นๆ อีกด้วย อาทิ วัดศรีสุดาราม, วัดโมลีโลกยาราม, วัดบวรสถานสุทธาวาส และวัดชนะสงคราม เป็นต้น
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR bgColor=#000000><TD class=header1 vAlign=top align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=paragraph1 align=middle><TABLE class=brown_text_normal borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=brown_text_normal vAlign=center width=510>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงแปลหนังสือเกี่ยวกับวิชาการทหารและเครื่องจักรกล จากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทยไว้หลายเล่ม รวมทั้งทรงแปลพจนานุกรมภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยด้วย พระราชหัตถเลขาของพระองค์เอง ได้พบหลักฐานแสดงถึงการเอาพระราชหฤทัยใส่ในการศึกษาของ เหล่าข้าราชการ ในสังกัดของพระองค์ เนื่องจากทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงเล็งเห็นถึงประโยชน์ของการ จัดการศึกษาให้ทัดเทียมกับอารยประเทศ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพาร ได้เล่าเรียนภาษาอังกฤษ และทรงส่งไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา เพื่อนำเอาความรู้และประสบการณ์กลับมาพัฒนา บ้านเมืองต่อไป
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR bgColor=#000000><TD class=header1 vAlign=top align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE class=brown_text_normal borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=paragraph1 vAlign=center width=510>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดด้านศิลปะ ทั้งด้านดนตรี กวีนิพนธ์ และนาฎศิลป์ โดยเฉพาะ ทรงสันทัดการทรงแคนและทรงแอ่วอย่างไพเราะ ทรงพระราชนิพนธ์คำแอ่วไว้เป็นจำนวนมากและยังได้ทรง ริเริ่มการประดิษฐ์ระนาดทุ้มเหล็กขึ้นเป็นพระองค์แรก โดยมีการจัดเล่นประกอบกับระนาดแบบเดิมรวมเป็น เครื่องดนตรี 4 ชนิด เรียกว่า "ปีพาทย์เครื่องใหญ่" สืบมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนั้นยังทรงสนับสนุนและ ทรงอุปการะศิลปินที่มีความสามารถ เช่น สุนทรภู่ ครูมีแขก และคุณพุ่ม เป็นต้น
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR vAlign=top align=middle bgColor=#000000><TD class=header1 colSpan=2></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle><TABLE class=brown_text_normal borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=paragraph1 width=510>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุน อิศเรศรังสรรค์ ทรงมีความเชื่อถือในการแพทย์สมัยใหม่ ได้ทรงนำ Dr. Dan Beach Bradley มิชชันนารี ชาวอเมริกันซึ่งจบวิชาแพทย์ มาถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ยังทรงผนวชอยู่ นอกจากนั้นยังมีรับสั่งให้ Dr. Dan Beach Bradley ถวายการตรวจสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ซึ่งเป็นพระราชชนนีที่พระราชวังเดิม แต่การแพทย์สมัยใหม่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในราชสำนักจนกระทั่ง Dr. Dan Beach Bradley ได้ปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษเป็นผลสำเร็จ และได้รับพระราชทานรางวัลจาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR vAlign=center align=middle bgColor=#000000><TD class=header1 colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=brown_text_normal vAlign=center align=middle><TABLE class=brown_text_normal borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=1><TBODY><TR><TD class=brown_text_normal></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=brown_text_normal width=510>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเป็นที่ปรึกษาในการทำสนธิสัญญากับชาติต่างๆ ในช่วง รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากทรงสนพระทัยและแตกฉานในภาษาอังกฤษ ทั้งด้าน การอ่านและการเขียน รวมทั้งวิชาการอันทันสมัย ตลอดจนขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมของชาติตะวันตก ซึ่งเป็น ผลจากได้ทรงรู้จักและสนิทสนมกับมิชชันนารีชาวอเมริกัน ชาวอังกฤษและชาวตะวันตกอีกหลายชาติ ที่เข้ามา ในประเทศไทย ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#000000 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=740 border=1><TBODY><TR vAlign=center align=middle bgColor=#000000><TD class=header1 colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=brown_text_normal vAlign=center align=middle><TABLE class=brown_text_normal borderColor=#663300 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=100 border=1><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=brown_text_normal width=510>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงศึกษาวิชาการทางวิทยาศาสตร์การช่าง การต่อเรือ การไฟฟ้า การทำแก๊ส วิชาเคมีโลหวิทยา ตลอดจนการถ่ายภาพและการพิมพ์ จึงนับได้ว่าทรงเป็นผู้ชำนาญในวิชาช่าง หลายสาขาตั้งแต่ช่างแก้นาฬิกา จนถึงช่างจักรกล มีหลักฐานปรากฎว่าพระองค์ได้รับสั่ง ให้ Dr. Samuel House เข้าเฝ้าเพื่อถวายคำแนะนำในเรื่องวิทยาศาสตร์ และการทดลองต่าง ๆ อยู่เสมอ พระองค์ได้ทรง แปลหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับวิชาการทหารและเครื่องจักรเป็นภาษาไทยไว้หลายเล่ม และได้ทรงร่วมกับ Rev. J.H. Chandler สร้างเรือขับเคลื่อนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ ที่ต่อมาเรียกว่า "เรือกลไฟ" หรือ "เรือไฟ" เป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้ทรงทดลองแล่นในแม่น้ำเจ้าพระยา นอกจากนี้พระองค์ยังทรงต่อเรือพระ ที่นั่งชนิดบาร์กบ้าง สกูเนอร์บ้างอีกหลายลำด้วยกัน นอกเหนือจากเรือรบที่ใช้ในราชการทหารเรือของวังหน้า และยังได้ทรงหล่อปืนใหญ่ด้วยเหล็กเพื่อใช้ในราชการแผ่นดินตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width=740 border=0><TBODY><TR><TD class=brown_text_normal vAlign=top>พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอุปนิสัยขี้เล่น ไม่โปรดพิธีรีตองรวมทั้งไม่โปรดเสด็จในงานพระราชพีธีต่าง ๆ ทรงเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ แต่ก็ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาศาสตร์และเครื่องจักรกล ทรงพระปรีชาสามารถในด้านการช่างหลายประเภท ทรงนิยมขนบธรรมเนียมอย่างชาติทางตะวัน ตก ที่เห็นได้ชัดคือการแต่งพระองค์และทรงไว้พระมัสสุ ซึ่งภายหลังเป็นที่นิยมกันในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นยังทรง เป็นหนึ่งในกลุ่มบุคคลที่ได้เริ่มใช้บัตรพระปรมาภิไธยอย่างฝรั่งขึ้นในประเทศไทย รวมทั้งนำการตั้งเสาและเชิญธงมาใช้ ทรงโปรดกีฬาบนหลังม้า ทรงพระปรีชา สามารถในการทรงม้าและทรงช้างเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังโปรดทางศิลปะ ทั้งด้านดนตรี การประพันธ์ และนาฎศิลป นอกจากนั้นยังสามารถทรงแคนและทรงแอ่ว ได้อย่างไพเราะและชัดเจน
</TD></TR></TBODY></TABLE>ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
เรียน คุณ sithiphong เรื่องการรับพระยังไม่ครบครับ
กระทู้ ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ
กระผมได้ร่วมทำบุญ ทั้งหมด 2 ครั้ง
ครั้งแรก :วันที่ 05/10/50 10:23 PM กระทู้ #937
รายละเอียด =>
ผมขอร่วมทำบุญด้วยนะครับ 1800 บาท และขอรับพระดังนี้ครับ
1.พระจิตรดา (ด้านบนองค์ซ้าย) (เนื้อกรมท่า)
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 800 บาท => 1 องค์
2.พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) ด้านล่างองค์ซ๊าย
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 500 บาท => 1 องค์
3.สมเด็จวังหน้า (เนื้อสีขาว) ด้านล่างองค์กลางและองค์ขวา
มอบให้ผู้ร่วมทำบุญ 1 องค์ ร่วมทำบุญ 400 บาท => 1 องค์
กระผมได้โอนเงิน วันที่ 07/10/50 14:19 วันที่ 10/10/50(1800 บาท)
ได้รับพระแล้ว 2 องค์ แต่ขาดรายการที่ 1 ครับ(พระจิตรลดา)
ครั้งที่สอง :วันที่ 10/10/50 2:40 AM กระทู้ #944
รายละเอียด =>
เรียนคุณ sithiphong
ผมขอร่วมทำบุญอีกนะครับ
1.พระสมเด็จวังหน้า เนื้อขาวลงชาด(รักสีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง (สีแดง) ปิดทองร่องชาด จำนวน 20 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,800 บาท ==> 1 องค์
2.พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา จำนวน 10 องค์ มอบพระพิมพ์ 1 องค์ให้กับผู้ร่วมทำบุญ 1,100 บาท ==> 1 องค์
วันพรุ่งนี้ผมจะโอนเงินให้นะครับ 2900 บาท
อนุโมธนา สาธุ
ขอบคุณครับ
หมายเหตุเพิ่มเติม ครั้งที่สอง วันที่ 10/10/50 กระทู้ #945
รายละเอียดเพิ่มเติม
ผมขอรับพระ 2 รายการ
รบกวนสอบถามครับ ไม่ทราบว่า สมเด็จเนื้อสีแดง(ซาจูอั้ง) และ พระสมเด็จวังหน้า เนื้อสีขาว ปิดทองร่องชาด ยังพอมีหรือเปล่า ถ้ายังพอหาได้ขอแทนรายการที่ 1 เลยนะครับ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะครับ รบกวนเท่านี้นะครับ
ขอบคุณในความกรุณา
อนุโมทนา สาธุครับ
กระผมได้โอนเงิน วันที่ 10/10/50 เวลา 19:19 (2900บาท)
แต่ยังไม่ได้รับพระครับ
รบกวนคุณ sithiphong ตรวจเช็คให้ผมด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
14/10/50
Punnarphut -
รับทราบเรื่องที่ผมส่งพระพิมพ์ให้ไม่ครบนะครับ
ผมจะทยอยส่งพระพิมพ์ให้ทุกๆท่านภายในสัปดาห์นี้ทุกๆท่านครับ
โมทนาสาธุครับ
. -
เช้าๆ กาแฟสักแก้วกันนะครับ
. -
เออ..ลืมไหนว่าจะช่วยเชียรไง ขนาด8x10นี่สงสัยเล็กไปหน่อย ต้อง11x14เลย เท่ห์สุดๆ(b-smile)
nongnooo... -
<TABLE class=tborder id=post754897 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#10786 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_754897", true); </SCRIPT>
สมาชิก ยอดนิยม
สมาชิกยอดฮิต
เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 02:57 PM
วันที่สมัคร: Dec 2005
ข้อความ: 15,923 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 19,114 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 89,485 ครั้ง ใน 12,169 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 10570
</TD><TD class=alt1 id=td_post_754897 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ท่านใดที่ร่วมทำบุญแล้วยังไม่ได้รับพระพิมพ์ หรือรับไม่ครบ ขอความกรุณาช่วยแจ้งมาให้ผมทราบด้วยนะครับ เผื่อผมหลงลืมไป
รบกวนส่งมาให้ผมอีกรอบนะครับ ก็มีคุณdrmetta ,คุณเทพารักษ์ ,คุณatha ส่วนของคุณactive ,คุณตั้งจิต ,น้องchaipat และน้องเอ ไว้เจอกันแล้วค่อยให้พระ ส่วนท่านอื่นๆ ขอให้แจ้งมาอีกครั้งนะครับ จะได้รีบจัดส่งให้ ขอบคุณมากครับ
หลังจากนี้จนถึงปีใหม่ ผมยุติการมอบพระพิมพ์กับผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งไปก่อน หลังปีใหม่แล้วผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ
โมทนาสาธุครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE> -
ช่วงนี้ งานผมเองค่อนข้างเยอะมาก ทั้งงานหลวงและงานราษฎร์ ผมขอพักงานบุญไว้ก่อน หลังปีใหม่(2551)นี้ ผมจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกครั้งว่า ผมจะมอบพระพิมพ์ไหนให้กับท่านที่ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งอีกนะครับ
ขอขอบคุณเพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านที่ให้กำลังใจนะครับ
โมทนาสาธุครับ
. -
ผมโอนเงินทำบุญให้แล้วครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ไม่มีรักษาการแทนเหรอพี่หนุ่ม(เหลือน้อย)
-
กำลังรอผู้รักษาการแทนอยู่เลย
พี่มอบตำแหน่งรักษาการผู้จัดส่งพระให้กวงนะครับ
เดี๋ยวพี่จะนำพระพิมพ์และค่าจัดส่งพระพิมพ์ไปให้กวง จะได้จัดส่งพระให้ท่านที่ร่วมทำบุญแทนพี่
โมทนาสาธุครับ -
http://palungjit.org/showthread.php?t=95939
<TABLE class=tborder id=post758694 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 04:11 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นาย Touru<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_758694", true); </SCRIPT>
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2007
ข้อความ: 151 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 390 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 883 ครั้ง ใน 147 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 105
</TD><TD class=alt1 id=td_post_758694 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title --> โปรดอ่านก่อน Post การพูดใน Internet เป็นบุญ/บาป หรือไม่ ?
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ที่มา : หนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว 2 /ดังตฤณ
ถาม การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่ ? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน
ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจในเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่า ใจคุณดำมืด เพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว
<!-- / message --><!-- sig -->
สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า "มโนกรรม" สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้ ตัวอย่างเช่น คุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา
แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆ "ภาษา" นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์
<!-- / message --><!-- sig -->
ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลยแม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆ ที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ
อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆ คน เห็นกรรมทางวาจาของเขาเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น
ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย บั่นบ่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่น ในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายขึ้นเรื่อยๆ
<!-- / message --><!-- sig -->
บอกได้เลยครับว่า วจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร?
เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆ ว่า "ไอ้โง่" ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า "ไอ้โง่" ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อนเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้
<!-- / message --><!-- sig -->
ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง
โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆ ไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆ อาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว
ร่วมแสดงความคิดเห็นในเชิง"สร้างสรรค์"กันดีกว่าครับ
<!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE> -
นับได้ขณะนี้มีคนขอมาแล้ว 9 องค์ หึๆ...ครูบาอาจารย์พี่ใหญ่นับถือและเกี่ยวพันกัน ลงมาทุกวันนับไม่ไหว พี่ใหญ่บอกท่านรู้ว่าทำอะไรเลยทยอยกันลงมา เออหนอ...9 องค์นี้ จะปิดทองด้านหลังให้ทุกองค์ เพื่อให้เป็นเครื่องหมายในการขอบารมีในครั้งนี้เอาให้แหล่มไปเลย (จะให้เป็นสมเด็จเจ้าคุณกรมท่าฯ ทุกองค์) ยังไม่รวมของ อ.ปุ๊ที่โทร.มาขอเพิ่มอีก 1 เป็น 10 สาธุ... -
ดีใจด้วยครับที่เครื่องกลับมาเหมือนเดิมครับ
น้องเอ
โล่งใจ นึกว่าคอมเราเดี้ยงอีกแล้วเพราะเพิ่งอาไปซ่อม
คุณสิทธิพงษ์คะ ดิฉันได้โอนเงินจำนวน 2,000 บาท(พระนาคปรก) ซึ่งเป็น
งวดสุดท้ายของชุดนี้ จากสาขาสันกำแพง กรุณาส่ง
พระมหาพรหม(ที่ร่วมทำบุญสร้างห้องน้ำ) 1 องค์
ผ้ายันต์ที่คุณกวงแจก
พระนาคปรก 1 องค์
ที่อยู่จะแจ้งทางPM ยังห่วงเพราะ ซองพัสดุ ที่ได้รับจากท่านอื่นโดนแกะออกซึ่งไม่ทราบว่าโดนจากไหน แต่ก็ได้แจ้งหัวหน้าไปรษณีย์ไว่แล้ว ถ้ายังไงส่งเป็นกล่องคงแกะยากกว่าซองมังคะ
ส่วนพระที่จองเพิ่มงวดหลังจะค่อยๆทะยอยส่งเดือนหน้าคะ<!-- / message --><!-- sig --> -
โมทนาสาธุครับ
. -
รายนามท่านผู้ร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ที่ผมยังไม่ได้ส่งพระพิมพ์ให้ ผมรบกวนตรวจสอบให้ผมอีกครั้งนะครับ ตามรายละเอียดนี้ ผมเองพิมพ์ไว้หลายแผ่น ก็เลยสับสนว่าส่งให้แล้วหรือยัง รบกวนด้วยนะครับ<O:p</O:p
<O:p</O:p
1.คุณPichet-m <O:p</O:p
1.1พระนาคปรก 2 องค์<O:p</O:p
1.2ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4องค์ )<O:p</O:p
1.3ชุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด ( 5องค์ )
<O:p</O:p
2.คุณdrmetta<O:p</O:p
2.1ชุดพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด ( 8 องค์ )<O:p</O:p
2.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร เนื้อกรมท่า 2 องค์<O:p</O:p
2.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว 4 องค์<O:p</O:p
2.4พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 4 องค์<O:p</O:p
2.5ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4 องค์)
<O:p</O:p
3.คุณtg22070<O:p</O:p
3.1พระพิมพ์ไตรโลกอุดร เนื้อกรมท่า 1 องค์
<O:p</O:p
4.คุณเทพารักษ์<O:p</O:p
4.1ชุดไกเซอร์ 1 ชุด ( 4 องค์ )<O:p</O:p
4.2ชุดหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 ชุด ( 5 องค์)<O:p</O:p
4.3ชุดสมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเดียว) 1 ชุด (6 องค์ 6 สี)<O:p</O:p
4.4ชุดพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา 1 ชุด ( 8 องค์ )
<O:p</O:p
5.คุณpunnarphut<O:p</O:p
5.1พระจิตรลดา (เนื้อกรมท่า องค์ซ้าย) 1 องค์<O:p</O:p
5.2พระสมเด็จเนื้อขาวลงชาด(สีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง 1 องค์<O:p</O:p
5.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 1 องค์
<O:p</O:p
6.คุณVodka109<O:p</O:p
6.1พระสมเด็จ เนื้อปัญจสิริ 1 องค์<O:p</O:p
6.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) 1 องค์
<O:p</O:p
7.คุณdragonlord<O:p</O:p
7.1พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาว 1 องค์<O:p</O:p
7.2พระพิมพ์ไตรโลกอุดร (เนื้อกรมท่า) 1 องค์
<O:p</O:p
8.คุณteerachaik <O:p</O:p
8.1พระพิมพ์ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ 1 องค์ (สีน้ำเงิน)
<O:p</O:p
9.คุณactive<O:p</O:p
9.1ชุดสมเด็จวังหน้า (เนื้อสีเดียว) 1 ชุด (6 องค์ 6 สี)<O:p</O:p
9.2พระนาคปรก 2 องค์
<O:p</O:p
10.คุณพุทธันดร<O:p</O:p
10.1พระนาคปรก 2 องค์
<O:p</O:p
11คุณThanyaka<O:p</O:p
11.1พระพิมพ์ท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ 1 องค์ (สีน้ำเงิน)<O:p</O:p
11.2พระนาคปรก 1 องค์
<O:p</O:p
12คุณตั้งจิต <O:p</O:p
13.คุณaries2947<O:p</O:p
14.คุณchaipat
ส่วนถ้ามีท่านอื่นที่ผมตกหล่นแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะครับ
โมทนาสาธุครับ
.<O:p</O:p -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=tcat colSpan=2>ข้อความส่วนตัว: เรียน คุณ sithiphong ครับ จากที่ได้รับ mail ครับ</TD></TR></TBODY></TABLE><!-- post # --><TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date --> วันนี้, 11:31 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: 0px" width=175>punnarphut<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก
วันที่สมัคร: Aug 2007
ข้อความ: 13 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 24 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 67 ครั้ง ใน 13 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 0
</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->เรียน คุณ sithiphong ครับ จากที่ได้รับ mail ครับ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->5.คุณpunnarphut<O:p</O:p
5.1พระจิตรลดา (เนื้อกรมท่า องค์ซ้าย) 1 องค์<O:p</O:p
5.2พระสมเด็จเนื้อขาวลงชาด(สีแดง) ไม่ใช่เนื้อจูซาอั้ง 1 องค์<O:p</O:p
5.3พระพิมพ์พุทธประวัติ เนื้อสีขาวแตกลายงา 1 องค์
<O:p
ถูกต้องแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ</O:p
<!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE> -
ไปเจอกระทู้นึงที่ palungjit.org > ทั่วไป > จักรวาลคู่ขนาน > Black Hole > จะมีพระศรีอารย์เทียมเท็จมาเกิดพร้อมๆกับพระศรีอาริย์ตัวจริง
มีการให้หวยด้วย ก็เลยนำมาเล่าให้ฟังกัน อย่าคิดมาก ขำๆดี
<TABLE class=tborder id=post759133 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 08:41 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#497 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>siarayamarata<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_759133", true); </SCRIPT>
สมาชิก
วันที่สมัคร: Jul 2006
สถานที่: เหนือเมฆ
อายุ: 39 ปี
ข้อความ: 1,481 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 22 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 393 ครั้ง ใน 262 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 203
</TD><TD class=alt1 id=td_post_759133 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->
กัลปพฤกษ์ (ประจำงวดวันที่ 16 เดือน ตุลาคม 2550) <O:p</O:p
<O:p</O:p
เลขสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 เดือน ตุลาคม 2550 <O:p</O:p
<O:p</O:p
รางวัลที่ 1 เลขที่ออก 528151<O:p</O:p
<O:p</O:p
เลขท้ายสามตัว หมุน 4 ครั้ง เลขที่ออก 518 251 725 210<O:p</O:p
<O:p</O:p
เลขท้ายสองตัว เลขที่ออก 12<O:p</O:p
<O:p</O:p
********************************
<!-- / message --><!-- sig -->
</TD></TR></TBODY></TABLE>
แต่อย่าไปซื้อตามนะครับ เพราะว่าถ้าซื้อแล้วไม่ถูกหวย ก็ถูกกินเงินแทนน๊ะ -
คืนนี้ราตรียาวไกลนะครับ...
nongnooo...
หน้า 503 ของ 2607