พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
    คุณหนุ่มฝากแจ้งมาครับว่าวันนี้เวลา ประมาณ 20.00น.จะร่วมกันถวาย พระพิมพ์ พระบูชา หลวงปู่อิเกสาโร และ สมเด็จพุฒจารย์ โต ต่อพระอาจารย์รูปหนึ่ง ขอให้ทุกท่านทั้งที่ร่วมทำบุญถวาย และไม่ได้ร่วม โมทนาบุญร่วมกันครับ



    ผม ,พี่ท่านนึง ,คุณเพชร และพี่ๆอีกหลายๆท่าน ร่วมกันเป็นตัวแทนของท่านที่ร่วมบริจาค ถวายเรียบร้อยแล้วครับ

    โมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     
  2. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ (ตอนนี้เวลา 1.12 น.) ตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเย็น ผมไปอบรมอีกวัน สงสัยว่า นิสัยไม่ดีมากๆ ก็เลยต้องไปอบรมถึงสองวัน

    ช่วงกลางคืน ถ้าไม่ง่วงหรือเหนื่อยมาก ผมจะเข้ามาในกระทู้อีกครั้งครับ

    ขอบคุณครับ

    .
     
  3. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จัยพัฒนาอุปกรณ์ไทย 'เตือน-ป้องกัน' รถใช้ NGV 'ไฟไหม้!'
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="top"></td></tr><tr><td class="messageblack" align="center" height="20" valign="middle">
    </td></tr></tbody></table>

    ทางออกหนึ่งของสถานการณ์ “น้ำมันแพง” จนเดือดร้อนกันทั่ว โลก-ทั่วหน้า รวมถึงในไทยเรา ก็คือการเปลี่ยนมาใช้ “ก๊าซ NGV” เป็นเชื้อเพลิงรถยนต์แทนน้ำมัน ซึ่งก๊าซ NGV เป็นพลังงานทางเลือกที่สามารถใช้ได้ทั้งกับรถแบบเบนซินและดีเซล ปริมาณการใช้ก๊าซนี้ในไทยในปี 2550 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 3 เท่า ขณะที่ในปี 2551 นี้อัตราการใช้ก็เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีปริมาณใช้ก๊าซประมาณ 1,600 ตัน/วัน

    รัฐบาลได้ให้การส่งเสริมรถแท็กซี่ ให้เปลี่ยนจากการใช้ก๊าซ LPG ที่มีวัตถุประสงค์การใช้งานหลักคือการหุงต้ม มาเป็นก๊าซ NGV โดยมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 50,000 คันภายในปี 2552 จากเดิมที่มีรถแท็กซี่ใช้ก๊าซ NGV แล้วประมาณ 20,350 คัน จากรถทั้งหมดราว 78,000 คัน ขณะที่ทางกรมการขนส่งทางบกก็ได้มีการออกกฎข้อบังคับให้รถแท็กซี่ใหม่ใช้ก๊าซ NGV นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เร่งส่งเสริมให้ “รถยนต์ขนาดใหญ่” เช่น รถเมล์ ขสมก. รถร่วม ขสมก. เปลี่ยนมาใช้ก๊าซ NGV ทั้งหมด

    ปริมาณการใช้ “ก๊าซ NGV” ในไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

    เป็นทางออกหนึ่งในการสู้กับ “สถานการณ์น้ำมันแพง”

    อย่างไรก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่านอกเหนือจากประเด็นค่าดัดแปลงรถที่สูงแล้ว จากข่าวคราว “รถดัดแปลงใช้ก๊าซไฟไหม้ !!” ซึ่งที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไร จุดนี้ก็มีผลทำให้เจ้าของรถจำนวนไม่น้อย “ยังลังเล-ยังไม่ค่อยมั่นใจ” ในการดัดแปลงรถเพื่อใช้ก๊าซ NGV แทนน้ำมัน

    ขณะที่ประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการโดยสารรถที่ใช้ก๊าซ ซึ่งในจุดนี้หากฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีมาตรการ-มีอุปกรณ์ มาการันตี-มาตรวจสอบ ก็จะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้ แต่การดำเนินการในเรื่องนี้ที่ผ่านมาก็มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้อุปกรณ์ต่างประเทศ

    ทั้งนี้ จากข้อติดขัดในการทำให้ประเทศไทยลดการใช้น้ำมันในจุดนี้ รศ.ดร.ปิติเขต สู้รักษา ภาควิชาวิศวกรรมสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และทีมงาน จึงได้ร่วมกันจัดทำ “โครงการต้นแบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับเครื่องยนต์ดัดแปลงที่ใช้ก๊าซ NGV ในรถใหญ่” เพื่อสร้าง “อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แจ้งเตือนความผิดปกติ-ควบคุมการจุดระเบิดของรถดัดแปลงใช้ก๊าซ NGV” โดยทุนสนับสนุนจาก 3 หน่วยงานคือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), บริษัท บางกอก เอ็น จี วี จำกัด

    ข้อมูลจากทางทีมวิจัยระบุว่า... แม้อัตราการเติบโตของการใช้ก๊าซ NGV จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ “หลายฝ่ายยังเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน” โดยเฉพาะการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการจุดระเบิดเครื่องยนต์ดัดแปลงที่ใช้ก๊าซ NGV ในรถขนาดใหญ่ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีจำหน่ายอยู่แล้วในท้องตลาดทั่วไป เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา อิตาลี เกาหลีใต้ จีน ในรูปชุดคิท หรือชุดสำเร็จพร้อมติดตั้ง แล้วจำหน่ายให้อู่ที่รับดัดแปลงรถ เพื่อนำไปติดตั้งกับรถที่จะดัดแปลงใช้ก๊าซ

    ชุดคิทของฝรั่งและญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีราคาสูง แต่ให้ค่าความเที่ยงตรงและความคงทนดีกว่าของจีนซึ่งมีราคาถูกกว่ากลุ่มแรก ส่วนสินค้าเกาหลีนั้นราคาและคุณภาพอยู่ระดับกลาง ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้น ตัววัสดุและค่าประกอบอุปกรณ์ราคาไม่แพงเท่าราคาขาย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีค่าความคิดและค่าใช้สอยระหว่างการทำวิจัย ประกอบกับค่าขนส่ง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ราคาขายจึงสูง

    “ด้วยเหตุนี้ การพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อแก้ปัญหาที่พบจากการใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ในท้องตลาดซึ่งออกแบบมาไม่ครอบคลุมย่านการใช้งานกับรถขนาดใหญ่ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับอุตสาหกรรมยาน ยนต์ในไทย” ...นี่เป็นเป้าหมายหลักของนักวิจัยกลุ่มนี้ โดยเน้นที่การผลิตอุปกรณ์ที่จะช่วยแก้ปัญหาได้เองในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้า ลดค่าใช้จ่ายคนไทย-ประเทศไทย

    เป็นที่มาของงานวิจัยพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับตรวจ จับความผิดปกติและแจ้งเตือน (Fault detection and warning system) ซึ่งจะแสดงสถานะและสาเหตุความผิดปกติเพื่อซ่อมบำรุงและปรับสภาพจากระบบระบายความร้อนและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ เช่น ออกซิเจน เซ็นเซอร์ เป็นต้น ขณะที่ชุดขับการจุดระเบิด (Driver) หรือชุดควบคุมการจุดระเบิด (Ignition Control) จะสามารถใช้งานได้ทุกระดับคุณภาพของก๊าซ NGV ไม่ว่าจะมาจากแหล่งใด โดยการออกแบบชุดอุปกรณ์นี้ใช้หลัก “SMART”

    ขยายความก็คือการ “ใส่ความฉลาดให้อุปกรณ์” โดยคำภาษาอังกฤษว่า SMART นั้น อักษรแต่ละตัว S-M-A-R-T เป็นตัวย่อที่ให้ความหมายในเชิงหลักการ นั่นคือ S=Simple มีความง่ายทั้งในรูปโครงสร้างและการใช้งาน, M=Monitoring บอกสถานภาพการทำงานของตัวเองได้ หากมีการทำงานผิดพลาดสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้ได้, A=Action อุปกรณ์แก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นได้เองก่อน, R=Reliability มีความเที่ยงตรง, T=Test ผ่านการทดสอบจนมั่นใจแล้วจึงจะนำสู่การใช้งานจริง

    “จะทำให้คนไทยได้ใช้อุปกรณ์ประเภทนี้อย่างแพร่หลายในราคาไม่สูง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินในการใช้ก๊าซ NGV มากขึ้น” ...เป็นความคาดหวังของทีมวิจัย

    นี่ก็จัดเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยอินเทรนด์...ยุคน้ำมันแพง

    ที่หวังว่าจะมีการต่อยอด...ใช้ประโยชน์กันจริงจัง !!!.
     
  4. พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ขอบคุณจริงๆค่ะน้องเอที่เป็นห่วง โมทนาบุญกับน้องเอด้วยค่ะ
     
  5. พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ต้องเข้าเรื่อยๆจนกว่าจะหายค่ะ
    ต้องเข้าเครื่องไปประมาณ2เดือน (ณ ขณะนี้ทำไปได้1เดือนเศษๆแล้วค่ะ)
    และเช็คร่างกายอีกทีว่ายังมีอะไรหลงเหลืออยู่บ้างค่ะ
    ขอบพระคุณพี่อ้อยมากๆนะคะ
     
  6. พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ซึ้งใจในความเป็นห่วงของทุกท่านที่มีให้จริงๆนะคะ
    ขอบคุณอย่างที่สุดค่ะ
     
  7. hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    โมทนาสาธุค่ะ
     
  8. nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ทุกๆท่านเป็นห่วงคุณแด๋นครับ ขอให้หายเร็วๆกลับมามีคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ครับ
     
  9. ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ครับขอให้โรคภัยหายสิ้น สุขภาพแข็งแรงเร็วไว
     
  10. jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับครอบครัวผมขอร่วมทำบุญถวายพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร
    จำนวน 300 บาท *ส่ง 14/06/08 เวลา 09.56 น.(อนุโมทนา สาธุๆๆ)
     
  11. ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    โมทนาบุญด้วยครับ
     
  12. ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร:::
    ขอแนะนำผู้ที่ต้องการร่วมบุญถวายพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรอายุมากกว่า ๑๐๐ ปีเพื่อประดิษฐานเหนือบุษบกพระโมคคัลลานะอายุ ๕๐๐ ปีนี้

    ๑) สามารถจะร่วมบุญจำนวนเท่าใดก็แล้วแต่ท่าน โดยโอนเข้าบัญชีที่ post ไว้ในหน้าที่ ๑-๒
    เข้าบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์
    สาขา สุขุมวิท ซอย 3/1
    ชื่อบัญชี คุณอภิวัฒน์ ชัฎอนันต์ เพื่อสร้างบุษบกประดิษฐานพระโมคคัลลานะ
    เลขที่บัญชี 074-2-14149-7



    ๒) ผู้ที่มีเกณฑ์พระประจำวันพุธกลางวัน (พระปางอุ้มบาตร) เป็นพระเสวยอายุในปีนี้ ควรจะร่วมบุญนี้ เพราะเหตุว่าพระพุธเป็นพระที่จะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของท่านถึง ๑๗ ปีเลยทีเดียว

    ๓) ผู้ที่ต้องการเสริมดวงทักษาในตำแหน่งต่างๆทางโหราศาสตร์ เช่น อาจจะเป็นศรี หรือเดช หรืออายุ ฯลฯ ก็จะได้กำลังมากขึ้น

    .....................................................................

    การร่วมบุญถวายพระปางอุ้มบาตรนี้ ผมขอใช้หลักเกณฑ์นี้ครับ

    ๑) ท่านจะร่วมบุญด้วยเท่าไหร่ก็ตามแต่สมัครใจโดยจะบันทึกชื่อไว้ตามลำดับ

    ๒) เมื่อครบตามจำนวนปัจจัยที่ได้พระปางอุ้มบาตรองค์นี้แล้วก็จะปิดรายการบุญนี้ทันที

    ๓) ไม่มีวัตถุมงคลมอบให้

    ....................................................................

    รายชื่อผู้ร่วมบุญถวายพระปางอุ้มบาตรเหนือบุษบกพระโมคคัลลานะ

    ๑) คุณ :::เพชร::: ๑,๐๐๐ บาท
    ๒) คุณ nongnooo ๕๐๐ บาท
    ๓) คุณ guawn ๑๐๐ บาท
    ๔) คุณ kwok ๔๐๐ บาท
    ๕) คุณ sithiphong - ภรรยา และทั้ง ๒ ครอบครัว ๕๐๐ บาท
    ๖) คุณ newcomer ๓๐๐ บาท
    ๗) คุณ พิมพาภรณ์ ๑๐๐ บาท
    ๘) คุณ aries2947 - ภรรยา และครอบครัว ๒๐๐ บาท
    ๙) คุณ marcbangkok ๕๐๐ บาท
    ๑๐)คุณ sira ๒๐๐ บาท
    ๑๑)คุณ ตั้งจิต และครอบครัว ๒๐๐ บาท
    ๑๒)คุณ นายคัง และครอบครัว ๑,๐๐๐ บาท
    ๑๓)คุณ hongsanart ๑,๐๐๐ บาท
    ๑๔)คุณ ศิษย์ต่างแดน ๕๑๗.๓๘ บาท
    ๑๕)คุณ พรสว่าง_2008 ๓๐๐ บาท
    ๑๖)คุณ chaipat และภรรยา ๑๑๙ บาท
    ๑๗)คุณ พุทธันดร ๕๐๐ บาท
    ๑๘)คุณ ชวภณ-ภรรยา และครอบครัว ๑,๐๐๐ บาท
    ๑๙)คุณ ชาญณวิทย์ และภรรยา ๕๐๐ บาท
    ๒๐)คุณ pondkantana - ภรรยา และครอบครัว ๑,๕๐๐ บาท
    ๒๑)คุณ littlelucky ๑๐๐ บาท
    ๒๒)คุณ จาตุรงค์ ๒,๐๐๐ บาท

    รวมปัจจัย ๑๒,๕๓๖.๓๘ บาท จำนวนปัจจัยที่ได้พระปางอุ้มบาตรองค์นี้ มีผม และคุณหนุ่มทราบกันเพียง ๒ คนเท่านั้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คุณหนุ่มแจ้งมาว่า ผบ.คุณเพชรได้ขอปิดยอดการร่วมบุญถวายพระปางอุ้มบาตรนี้แล้ว จึงขอยุติการร่วมบุญนี้ตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป

    โปรดฟังอีกครั้ง

    คุณหนุ่มแจ้งมาว่า ผบ.คุณเพชรได้ขอปิดยอดการร่วมบุญถวายพระปางอุ้มบาตรนี้แล้ว จึงขอยุติการร่วมบุญนี้ตั้งแต่เพลานี้เป็นต้นไป

    ขอโมทนาบุญนี้กับสาธุชนทั้งหลายที่ได้มาร่วมบุญกัน
    อานุสงค์ผลบุญทั้งหลายที่ได้เกิดก่อนับตั้งแต่ท่านได้มีเจตนาร่วมทำขอให้ท่านและครอบครัวได้รับผลแห่งบุญนี้ไปตลอดกาลที่ถาวรวัตถุแห่งพระพุทธศาสนานี้ยังคงอยู่
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  13. พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969

    ขอบคุณมากๆนะคะ ขอพระซักองค์ซิคะ เดี๋ยวก็หายค่ะ
     
  14. พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969

    ขอบคุณมากๆค่า
     
  15. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำอย่างไร ไม่ให้ลูกเป็นเหยื่อ...ภัยออนไลน์

    http://hilight.kapook.com/view/25254



    ทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เด็กๆ ของเราตกเป็นเหยื่อของอะไรต่อมิอะไร ที่เป็นภัยใหม่ๆ ทางอินเตอร์เน็ต เราจึงจำเป็นต้องสอนให้เขาเรียนรู้ว่า อะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำบนอินเตอร์เน็ต แต่จำเป็นหรือไม่ที่พ่อแม่จะต้องรู้เรื่องอินเตอร์เน็ตเท่าหรือดีกว่าที่ลูกๆ ของเขามี?!?

    เอฟเฟนดี้ อิบราฮิม มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าส่วนธุรกิจคอมซูเมอร์โปรดักส์ ประจำภาคพื้นเอเชียของ ไซแมนเทค ก็จริง แต่กลับบอกผมว่าอยากจะพูดคุยกับผมในฐานะของพ่อลูกสี่มากกว่าในฐานะตัวแทนของบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์นอร์ตัน เพื่อความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต เพราะหัวข้อที่เราถกกันในวันนั้นก็คือ ประเด็นที่ว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ให้เด็กๆ ของเราตกเป็นเหยื่อของอะไรต่อมิอะไรที่เป็นภัยใหม่ๆ เข้ามาหาลูกหลานของเราผ่านทางอินเตอร์เน็ต

    "เฟนดี้" เปรียบเปรยให้ฟังว่า คนเราทุกวันนี้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นอย่างเดียวไม่เพียงพอ มีโปรแกรมป้องกันก็ยังไม่พอ ต้องมี "เซนส์" ในการใช้ด้วยว่าจะใช้อย่างไรถึงได้ประโยชน์ และใช้อย่างไรถึงจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหลานของเราตกเป็นเหยื่อของภัยรูปแบบใหม่ๆ ต่างๆ เราจึงจำเป็นต้องสอนให้เขาเรียนรู้ด้วยว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำบนอินเตอร์เน็ต

    ประเด็นหนึ่งที่เฟนดี้พูดถึงก็คือ พ่อแม่หรือผู้ปกครองต้องบอกให้ลูกๆ ของเราตระหนักว่า ในโลกของความเป็นจริงนั้น คนเรามักไม่ใช่คนในแบบเดียวกับที่เขาบอกว่าเขาเป็นในอินเตอร์เน็ต เฟนดี้บอกว่า ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่มักบอกผู้อื่นในสิ่งที่อยากจะบอก หรือบอกเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจตัวตนของเขาไปในรูปแบบที่ต้องการ บทเรียนเบื้องต้นก็คือ อย่าเชื่ออย่างสนิทใจว่าข้อมูลที่เราได้รับจากอินเตอร์เน็ตนั้นเป็นความจริงแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ และต้องระมัดระวังเสมอในเรื่องนี้

    "เหมือนกับมีคนอ้างตัวว่าเป็นตำรวจมาเคาะประตูบ้านเรา เราก็ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า เขาคือตำรวจจริงอย่างที่อ้างหรือไม่" เฟนดี้ยกตัวอย่าง

    ประการถัดมา เฟนดี้บอกว่า ไซแมนเทคมีข้อมูลโดยภาพรวมของพ่อแม่ทั่วโลกอยู่ว่ามีพ่อแม่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่รู้ว่าลูกๆ ของตัวเองทำอะไรอยู่บ้างในอินเตอร์เน็ต เขาเชื่อว่าในไทยสัดส่วนที่ว่านี้อาจจะสูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกดังกล่าวแล้ว

    เขาบอกด้วยว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ของสิ่งที่เด็กๆ ทำบนอินเตอร์เน็ตนั้น ทำไปโดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง เช่นเข้าไปดูเว็บโป๊ หรือดาวน์โหลดโปรแกรมหรือเกมผิดกฎหมายหรือเป็นอันตรายลงมา ที่สำคัญที่สุดก็คือ เด็กๆ ใช้อินเตอร์เน็ตยาวนานกว่าที่พ่อแม่ของเขาคิดว่าพวกเขาใช้มากถึง 10 เท่าตัว สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขาอาจไม่ได้เข้าอินเตอร์เน็ตเพียงแค่จากที่บ้านอีกต่อไป แต่มีอีกหลายต่อหลายแห่งที่อำนวยความสะดวกให้พวกเขาทำได้ และ มีเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ ของพ่อแม่ทั่วโลกเท่านั้นที่พูดคุยกับลูกๆ ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของการใช้งานอินเตอร์เน็ต

    ในความเห็นของเฟนดี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ลูกๆ รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อก็คือ การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในวิถีชีวิตออนไลน์ของพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้สามารถให้ความเห็น คำแนะนำให้ถูกต้องและทันท่วงทีต่อลูกๆ ได้

    จำเป็นหรือไม่ที่พ่อแม่จะต้องรู้เรื่องเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตมากเท่าหรือดีกว่าที่ลูกๆ ของเขามี?

    คำตอบของเฟนดี้ก็คือ ถ้ารู้ได้ก็ดี แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องนั่งลงพูดคุยธรรมดาๆ กับเด็กๆ ถามพวกเขาว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร พบอะไรบ้าง หาอะไรอยู่บนออนไลน์ มีเพื่อนใหม่บ้างหรือไม่ เพื่อนใหม่บนออนไลน์ของพวกเขาเป็นคนอย่างไร หน้าตาแบบไหน ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีว่าจะเข้าไปแทรกแซงหรือห้ามปราม เพียงแต่อยากเปิดโอกาสให้ได้พูดคุยในสิ่งที่พวกเขาอยากทำและต้องการทำในอินเตอร์เน็ตเท่านั้น

    "ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งที่เราต้องบ่มเพาะให้เป็นนิสัยติดตัวเด็กๆ ตั้งแต่พวกเขายังเยาว์ก็คือ ให้พวกเขาบอกเล่าทุกอย่างที่พบออกมาให้เราได้รับรู้ ถ้าเราฝึกพวกเขาให้บอกทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็ก พวกเขาจะบอกเราทุกอย่างแม้เมื่อโตขึ้นมากแล้วก็ตาม"

    เฟนดี้บอกว่า มีหลายๆ อย่างที่พ่อแม่ควรรู้เพื่อกำหนดให้เป็นข้อปฏิบัติของเด็กๆ อย่างเช่นต้องไม่คลิกเพื่อเข้าเว็บไซต์จากยูอาร์แอลที่ส่งมาให้ทางอี-เมล เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของพวกฟิชชิ่ง ใช้ซอฟต์แวร์เพื่อความปลอดภัยที่มีฟังก์ชั่นป้องกันการโขมยอัตลักษณ์ส่วนบุคคล, ป้องกันสปายแวร์, พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการขู่กรรโชกผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเฟนดี้บอกว่า เริ่มมีมากขึ้นในหลายประเทศในเอเชีย เด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อมักเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิมจนสังเกตเห็นได้ หากพ่อแม่ให้ความสนใจ

    ประเด็นสุดท้ายเฟนดี้พูดถึงวิธีการที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้หน้าเว็บในไฮไฟว์ หรือเว็บไซต์เพื่อสังคมอื่นๆนำพาภัยมาให้เรา หรือมีผู้ที่ไม่หวังดีนำภาพหรือข้อมูลของเราจากหน้าเว็บดังกล่าวไปใช้ในทางที่ไม่ดี หรือผิดกฎหมาย

    อย่างแรกสุดก็คือ การกำหนดความเป็นส่วนตัวให้กับภาพหรือวิดีโอในหน้าเว็บของเรา ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยคนมากจะนึกถึงหรือไม่ก็นึกถึงเป็นสิ่งสุดท้ายเสมอ เพื่อกำหนดว่าจะให้ใครบ้างสามารถจะพบเห็นภาพหรือวิดีโอดังกล่าวได้บ้าง, หลีกเลี่ยงการโพสต์ภาพหรือวิดีโอหรือข้อความที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเฟนดี้บอกว่า ขอให้นึกถึงว่าพ่อแม่หรือคุณย่าคุณยายจะตกใจหรือโมโหหรือไม่ถ้าพบข้อความหรือภาพทำนองนั้น ถ้าใช่ อย่าใส่มันลงในเว็บเพจเป็นอันขาด, ห้ามเปิดเผยข้อมูลที่เป็นส่วนตัวจริงๆ ลงไปในเว็บ เฟนดี้ ยกตัวอย่างให้เห็นว่า ถ้าสมมติว่าเราใส่ที่อยู่จริงๆ โดยละเอียดเข้าไว้ในหน้าเว็บของเรา วันหนึ่งข้างหน้าเราบอกผ่านเว็บเพจว่าจะไปเที่ยวไหนต่อไหน เท่ากับว่าเราบอกคนทั้งโลกว่าเราไม่อยู่บ้าน ใครอยากเข้าไปทำอะไรกับมันก็เชิญตามสะดวกนั่นเอง, ห้ามตกลงไปพบกับใครที่รู้จักผ่านออนไลน์ตามลำพัง

    ประการสุดท้าย เขาเตือนไว้ด้วยว่าอย่าใส่ข้อความ ภาพ หรืออะไรก็ตามเกี่ยวกับตัวเราที่สามารถจะทำให้เราเสียใจในอีก 2-3 ปีข้างหน้าหรือในอนาคต

    เขาบอกว่า ทันทีที่เราใส่ทุกอย่างลงไป มันจะอยู่ในนั้นและสามารถค้นหาผ่านอินเตอร์เน็ตได้จากทั่วทุกมุมโลกได้ตราบกัลปาวสานครับ!


    ศึกษาและเรียนรู้การใช้อินเทอร์เน็ตอย่างถูกวิธีได้ที่




    ข้อมูลและภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด

    โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์
     
  16. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo
    ทุกๆท่านเป็นห่วงคุณแด๋นครับ ขอให้หายเร็วๆกลับมามีคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์ครับ


    55555+++++++
    คุณnongnooo เป็นคนนิสัยดีมากๆๆๆๆ ผมยืนยันได้ครับคุณแด๋น ผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาครับ


    .
     
  17. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ jirautes
    สวัสดีครับครอบครัวผมขอร่วมทำบุญถวายพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร
    จำนวน 300 บาท *ส่ง 14/06/08 เวลา 09.56 น.(อนุโมทนา สาธุๆๆ)



    โมทนาบุญกับคุณjirautes ด้วยนะครับ แต่ว่า รอคุณเพชรมาชี้แจงเองนะครับ
    ขอบคุณ คุณตั้งจิตที่ช่วยแจ้งข่าวแทนผมครับ


    .
     
  18. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เพื่อนสนิทคือ...?


    http://hilight.kapook.com/view/25218



    ข้อมูลจาก Forward mail
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

    เพื่อนสนิท ... ก็คือ เพื่อนธรรมดาๆ คนนึง
    ที่ดันสนิทกันมากกว่าเพื่อนธรรมดาๆ ทั่วๆ ไป
    ซึ่งมันก็ต้องมีอะไรหลายๆ อย่าง ที่คล้ายๆ กับเรามากกว่าเพื่อนคนอื่น
    ... ถึงจะมาสนิทกันได้ ...


    บางที... อาจไม่ใช่นิสัย
    บางที... อาจไม่ใช่หน้าตา
    บางที... อาจไม่ใช่ฐานะ
    บางที... อาจไม่ใช่ระดับความรู้
    แต่มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็นมันคนนี้เท่านั้นที่มี

    บางครั้ง ...
    เราก็ไม่ไป ที่ที่เราอยากไป ...
    เพียงเพราะว่า มันไม่ไปด้วย ...

    บางครั้ง ...
    นั่งเงียบอยู่ได้ตั้งนาน แต่แค่เห็นหน้ามัน ...
    น้ำตาที่กลั้นไว้แทบตาย กลับทะลักออกมาได้จนหมด ...

    บางครั้ง ...
    ถ้ามีเสียงหัวเราะของมันด้วย ...
    เราจะหัวเราะได้ดังกว่านี้ ...

    บางครั้ง ...
    ร้อยคำปลอบใจของใครก็ไม่รู้ ...
    ยังอุ่นใจไม่เท่ามือมันที่แค่ตบเบาๆ ที่หัวไหล่
    บอกเป็นนัยๆ ว่า มันอยู่ตรงนี้ ...

    ชอบคำๆ นึงที่บอกว่า ...
    เราไม่ได้เป็นแค่เพื่อน...
    แต่เราเป็นตั้งเพื่อนต่างหาก...

    เพราะเพื่อนมีความสำคัญมากๆ ...
    มากจนบางคนแยกไม่ออก เอาไปเปรียบเทียบกะแฟน ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน ...
    ทั้งๆ ที่มันคนละเรื่องกันเลย ...

    แต่เมื่อเวลาที่เราอยู่ในห้วงของความรัก ...
    เพื่อน... จะกลายเป็นส่วนเกินของโลกส่วนตัวเราทันที ...

    เพื่อนสนิทผม มันคงจะชินแล้ว ...
    ที่เวลาผมมีรักทีไร ผมก็จะห่างๆ มันไปทุกที ...
    เวลาที่จะกลับมานึกถึงมันได้อีกที ...
    ก็ตอนอกหักนู่นแหละ ...

    ก็เคยคิดเหมือนกันนะ ...
    ถ้าเราเป็นมัน จะรู้สึกยังไง ...

    คิดๆ ดูแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ...
    เพราะเวลาที่กำลังมีความสุขในห้วงของความรัก ...
    ก็แทบไม่ได้จะไปเที่ยวไหนกับมันเลย ...
    นานๆ ถึงจะได้คุยกันที ...

    แต่พอผิดหวัง พอเจ็บตัวขึ้นมา ...
    นาทีนั้นอยากกดโทรศัพท์ไปหามันก่อน ...
    อยากให้มันรับโทรศัพท์ก่อน ...
    ซึ่งบางทีมันนอนไปแล้ว ผมก็จะไล่มันกลับไปนอน ...
    ไม่ต้องตื่นขึ้นมาฟังเรื่องราวใดๆ ทั้งนั้น ...
    ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่มันรับโทรศัพท์ ก็พอแล้ว ...

    แบบนี้ละมั้งที่เค้าว่า ...
    เพื่อน คือคนที่สามารถนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ...
    แต่ลุกจากกันไปได้เหมือนคุยกันไปนับล้านคำ ...

    แต่แทนที่มันจะด่าผมว่า อกหักแล้วค่อยนึกถึงเพื่อน ...
    กลับกลายเป็นว่า ...
    "แกรู้ไหมว่าเราดีใจแค่ไหน...
    ที่เวลาแกเสียใจ...
    เราเป็นคนแรกที่แกนึกถึง"


    นี่แหละที่ผมบอกว่า ...
    "เพื่อน" ...คือคนที่เมื่อเราสุข เราไม่เห็นมันอยู่ในสายตา...
    แต่เป็นคนไม่มีวันปล่อยให้เราล้มลง
    ไม่ว่าเราจะไปเจ็บมาจากไหน...
     
  19. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [FONT=Tahoma,]น้ำมันพุ่ง-เงินเฟ้อขยับ แบงก์ชาติเตือนความเสี่ยงต่างประเทศเพิ่มขึ้น
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02edi01120651&day=2008-06-12&sectionid=0212

    <table align="left" border="0" cellpadding="1" cellspacing="5" width="20%"><tbody><tr bgcolor="#f8b8cb"><td>
    </td></tr></tbody></table>แรงกดดันทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 139 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังยืนเหนือระดับ 130 ดอลลาร์ อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ได้จุดกระแสวิตกเกี่ยวกับการคุกคามของเงินเฟ้อที่ปะทุขึ้นรอบใหม่ อีกทั้งยังเป็นแรงบีบให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ดำเนินนโยบายการเงินผ่านเครื่องมือดอกเบี้ยได้ลำบากมากขึ้นด้วย

    แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีนี้ยังมีแรงกดดันให้ปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจัยความต้องการใช้ทั้งของสหรัฐ และประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งลดลงมาไม่มากนัก บวกกับผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์อ่อน การเก็งกำไร และปัจจัยการเมืองระหว่างประเทศที่สร้างความกังวลในด้านการผลิตน้ำมันอาจหยุดชะงัก

    มอร์แกน สแตนเลย์ ประเมินว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นไปที่ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในต้นเดือนกรกฎาคม โดยเฉพาะในช่วงวันชาติสหรัฐ ขณะที่บริษัทแฟกต์ส โกลบอล เอเนอร์ยี กรุ๊ป คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 150-180 ดอลลาร์ในปีนี้ ก่อนจะปรับตัวลงมา แต่จะเคลื่อนไหวที่ระดับเหนือ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจัยดีมานด์ในสหรัฐ ผู้บริโภคน้ำมันอันดับหนึ่งของโลก ไม่ชะลอลงอย่างที่ควรจะเป็น

    ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผ่านถ้อยแถลงของ นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ส่งสัญญาณชัดว่า ขาลงของดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นได้ปิดฉากลงแล้ว ความเสี่ยงจากภาวะ เศรษฐกิจขาลงก็ลดลงตามไปด้วย แต่ความเสี่ยงที่ต้องระวังอยู่ คือ ภัยคุกคามจากเงินเฟ้อ ซึ่งเฟดกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด

    ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นของสหรัฐอยู่ที่ 2% หลังจากปรับลดต่อเนื่องจาก 5.25% ตั้งแต่กันยายนปีที่แล้ว ขณะเดียวกันตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ เริ่มส่งสัญญาณน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนเมษายน สูงที่สุดในรอบ 22 ปี เพิ่มแรงกดดันให้กับธนาคารกลางสหรัฐมากยิ่งขึ้น

    ในฟากของยุโรป นายฌอง-โคลด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาลต่างๆ ในสหภาพยุโรป ว่า อีซีบีอาจปรับดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นขึ้น ในเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรก นับจากวิกฤตสินเชื่อเกิดขึ้นเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว จากผลพวงของราคาพลังงาน และราคาอาหารที่แพงลิบลิ่วอย่างรวดเร็วเป็นแรงกดดันให้เทรนด์ดอกเบี้ยโลก

    ธนาคารกลางในภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจเกิดใหม่ ก็ส่งสัญญาณขยับดอกเบี้ยขึ้น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ดังกรณีของธนาคารกลางชิลี ที่อาจปรับดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% ดันดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นไปที่ 6.50% หลังเงินเฟ้อในประเทศพุ่งขึ้นไปที่ 8.9% เช่นเดียวกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย และธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ที่ขยับ ดอกเบี้ยขึ้นอีกฝ่ายละ 0.25% ไปที่ 8.5% และ 5.25% ตามลำดับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อคุมเงินเฟ้อ

    ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจต่างประเทศล่าสุด นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด เพราะจากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐไม่ได้เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น และนักวิเคราะห์ในตลาดต่างประเทศประเมินว่าการชะลอตัวในสหรัฐจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในระยะต่อไปจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มขึ้น และสถาบันการเงินบางแห่งในสหรัฐอยู่ในช่วงปรับตัว จากที่มีปัญหา ดังนั้นจะทำให้ทิศทางเศรษฐกิจต่างประเทศอยู่ในภาวะ ชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้อีก

    สำหรับผลกระทบต่อประเทศไทย นายบัณฑิตระบุว่ามี 3 ประเด็นที่ต้องตระหนักและระวังให้มากขึ้น คือ 1.ผลกระทบต่อ ภาคการส่งออก แม้ที่ผ่านมาการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง แต่ต้องตระหนักว่าอาจได้รับผลกระทบมากขึ้นอีก 2.ความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายในต่างประเทศ โดยในภาวะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเป็นไปได้ที่เงินทุนเคลื่อนย้ายอาจเป็นเงินทุน ที่ไหลกลับต่างประเทศมากกว่าไหลเข้าประเทศไทย ซึ่งต้องติดตามดูว่าจะกระทบต่อทิศทางของสภาพคล่องมากน้อยแค่ไหน และ 3.อัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อสูง และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้นโยบาย การเงินในต่างประเทศมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะฉะนั้นอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศอาจมีผลต่อเนื่องกระทบต่อธุรกิจและต้นทุนของประเทศไทย

    "ทั้ง 3 ประเด็นเราต้องติดตามดูเพราะเศรษฐกิจโลกอาจมีภาวะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้" นายบัณฑิตกล่าว

    ด้าน นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.ระบุว่า เราต้องอยู่กับสิ่งที่มีความผันผวนมากขึ้น คืออัตรา แลกเปลี่ยนมีทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า แต่ช่วงนี้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วกว่าปกติ โดยมีสาเหตุหลักๆ คือ ผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศมีการเข้ามาซื้อขายหุ้นและตราสารหนี้โดยมีฐานะสุทธิขายออกและนำเงินออกไปเร็วผิดปกติ ประกอบกับธนาคารพาณิชย์มีการปรับฐานะ การดำรงสินทรัพย์ต่างประเทศ รวมทั้งผู้นำเข้าเร่งซื้อดอลลาร์เพื่อชำระสินค้า แต่ที่น่าสังเกตคือผู้ส่งออกหายไปไม่มีการเข้ามาซื้อดอลลาร์เลย จากเดิมที่เคยเป็นผู้เล่นรายสำคัญ

    อย่างไรก็ตาม การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไปนั้น ธปท.ได้เห็นสัญญาณการเก็งกำไรจากผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ ซึ่งมีพฤติกรรมเข้าซื้อเร็ว ซื้อเยอะ และบางส่วนซื้อออกไป นอกจากนี้บางรายมีการกู้ยืมเงินบาทเพื่อไปซื้อดอลลาร์ พฤติกรรมดังกล่าวนี้ นางสุชาดากล่าวว่า ธปท.กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่ามีการเก็ง กำไรหรือไม่ แต่ในส่วนของผู้นำเข้าที่เร่งซื้อดอลลาร์นั้น ธปท.ได้ตรวจสอบดูแล้วไม่พบการเก็งกำไร เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการนำเงินไปชำระสินค้าน้ำเข้าวัตถุดิบที่สำคัญคือ น้ำมันที่ราคาสูงขึ้น แต่ปริมาณการนำเข้าไปผิดปกติ และยังมีการนำเข้าโลหะ เหล็ก และทองคำ

    "ทั้งๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบข้ามคืน โดยไตรมาสแรกของปี 2551 ดุลบัญชีเดินสะพัดยัง เกินดุล ส่วนไตรมาส 2 แม้จะขาดดุลแต่เป็นการขาดดุลตามฤดูกาลปกติ ที่สำคัญ ธปท.ยังมองว่าทั้งปีนี้ดุลบัญชีเดินสะพัดยังอยู่ใกล้ๆ สมดุล โดยได้คำนึงถึงราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ซึ่ง ธปท.ประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีนี้อยู่ที่ 124.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่เงินบาทกลับอ่อนค่าลงเร็วกว่าปัจจัยพื้นฐาน ทำให้ ธปท.ต้องเข้าไปดูแลเพื่อไม่ให้เงินบาทผันผวนและไม่ให้เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางเดียว แต่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวทั้ง 2 ทิศทาง" นางสุดาชากล่าว
    [/FONT]
     
  20. sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อุตุฯ ออกประกาศเตือนภัยฝนหนัก-คลื่นแรง
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000069872
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1"></td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="body" align="left" valign="baseline">โดย ผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="baseline">14 มิถุนายน 2551 16:03 น.</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle"></td> </tr> </tbody></table> <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="400"> <tbody><tr> <td align="center" valign="top" width="400"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td align="center" height="5" valign="top"></td> </tr> </tbody></table> กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง” ฉบับ 9 เตือนร่องความกดอากาศต่ำผ่านภาคเหนือตอนบน และอีสาน บวกมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังค่อนข้างแรง จะส่งผลให้ไทยมีฝนตกหนาแน่น ประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยต้องระวังและเตรียมพร้อมรับภัยน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก

    กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนภัย “ฝนตกหนักและคลื่นลมแรง” ฉบับที่ 9 (289/2551) ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2551 ว่าในช่วงวันที่ 14-15 มิถุนายน 2551 ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ หนองคาย อุดรธานี สกลนคร และนครพนมระมัดระวังอันตรายและเตรียมการป้องกันสภาวะ น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับคลื่นลมในทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในช่วง 1-2 วันนี้ไว้ด้วย

    สำหรับพยากรณ์อากาศประจำวัน กรมอุตุนิยมวิทยารายงานพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 12:00 วันนี้ ถึง 12:00 วันพรุ่งนี้ว่าภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย อุดรธานี สกลนครและนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณ จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรีและราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดจันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 33องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

    และกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
     

แชร์หน้านี้