พระอภิธรรม พระองค์เทศน์ครั้งแรกที่ไหนครับ? มีท่านผู้ใดที่บรรลุธรรมเพราะฟังพระอภิธรรมบ้าง?
ขอบพระคุณเป็นที่สุดขอรับ :cool:
พระอภิธรรม พระองค์เทศน์ครั้งแรกที่ไหนครับ?
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย sangtian9, 22 มีนาคม 2011.
-
เคยอ่านหลวงตามหาบัวท่านบอกว่า
อภิธรรม ที่เทศน์ครั้งแรก ก็ มีในบทธรรมจักรฯ
มีพระอัญญาโกญทัญญะ ได้บรรลุพระโสดาบัน -
พระองค์เทศน์อภิธรรมครั้งแรก เมื่อพระองค์เสด็จดาวดึงส์เพื่อจำพรรษาโปรดพุทธมารดา ตลอดสามเดือน (y)
-
ครั้งแรกที่ดาวดึงส์คะ ต่อมาเทศน์ให้พระสารีบุตรฟังและพระสารีบุตรเทศน์ให้พระภิกษุกลุ่มหนึ่ง ไม่ปรากฎว่าท่านเทศน์ให้คนธรรมดาฟังที่ไหนและไม่มีใครที่ไหนบรรลุธรรมเพราะพระอภิธรรม มีแต่พุทธมารดาและเทวดาพรหมทั้งหลายเท่านั้น
www.dharma-gateway.com -
อย่าไป งง กับ นิยามคำว่ อภิธรรม ที่คนสมัยใหม่จัดไว้ว่า เป็นตำราปิฏกฉบับหนึ่ง
ตำราปิฏกฉบับที่ชื่อ อภิธรรม เป็นการรวบรวมในรูปแบบสมัยใหม่ เวลาไปอ่าน ก็จะ
พบลักษณะของ ไวยากรณ์ หรือ ลักษณะประโยค อะไรเป็นปัจจัย อะไรเป็นอาหาร
เพราะมีอาหาร อะไรเกิด สิ่งที่เกิดเรียกว่าอะไร แล้วมันเกิดมาเพื่อกิจอันใด ทำให้คน
เข้าใจผิดว่า อภิธรรม คืออะไรสักอย่าง ที่ปรากฏตามรูปแบบพระไตรปิฏกเล่มดังกล่าว
พอเข้าใจเช่นนั้น ก็จะเกิดคำถามว่า อะไรที่เป็นเนื้อหาการเทศน์แบบนั้น มีปรากฏครั้ง
แรกที่ไหน ก็จะอาศัยเหตุใหญ่ๆ คือ ลักษณะวิธีการเทศน์แบบนี้มีชัดเจนตอนไหน ก็จะ
จับความได้ว่า เทศน์ที่ดาวดึงส์
แท้จริงแล้ว อภิธรรม คือ สิ่งที่เหนือธรรม อภิ แปลว่า ยิ่ง ธรรม แปลว่า ธรรมชาติ
ดังนั้น อะไรเล่าที่ "เหนือธรรมชาติ" อะไรก็ตามที่ฟังดูแล้ว "เหนือธรรมชาติ" เป็นการ
บรรยาย ส่วนเหนือธรรมชาติ เป็นการบรรยายเรื่อง วิวัฏฏะ เหล่านั้นทั้งหมดเรียก
อภิธรรม พูดง่ายๆ อะไรก็ตามทีเป็นการบรรยายส่วน โลกุตระ เหล่านั้นคืออภิธรรม
เช่น
ฟังเพียงแค่นี้ก็บรรลุ
ข้างบนนั้น สำนวนแปลทั่วไปคือ
ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้
แต่หากจะแปลให้เป็น สำนวนอภิธรรม ไม่ใช่สำนวน มานะทิฏฐิ ก็จะได้
ธรรมทั้งหลาย เกิดจากเหตุ
แม้นการชี้ทางอยู่นี้ ก็เกิดจากเหตุ
การจะจบ พร้อมพ้นไป ก็เกิดจากเหตุเหล่านั้น
นี้คือวาทะของผู้สงบเย็นอย่างยิ่ง
พระสารีบุตร จึงเล็งเห็นว่า การที่มาได้พบพระอัสชิ นี้เกิดจากเหตุ(ที่ตนแสวงหา)
แม้นการได้พบผู้ชี้ทางนี้ ก็ต้องจบลง(ก็ต้องมีเหตุให้จากลา แม้นจะปิติกับการพบเช่นไร -- ปิติ ดับ)
เมื่อ ปิติดับ ก็เกิดความสงัด จะเห็นการดับ และการพ้น ก็ปรากฏอยู่ให้เห็น เพราะเหตุ
เมื่อบรรลุโสดาบัน เมื่อฟังวลีนี้จบ ก็สรุปความได้ว่า ผู้สงบยิ่ง(มหาสมณะ)จะมีวาทะอย่าง
นี้ในการนำไปสอน ซึ่งพระสารีบุตรย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า นี้แหละคือ คำสอนที่ใช้สอนได้จน
เห็นธรรม
* * * * *
หากพิจารณาดีๆ ก็จะพบว่า ธัมจักกัปปวัตนสุตตะ (ชื่อเดิม เป็น สุตตะ แต่
การเรียบเรียงใหม่ รวมทั้งความชินปากทำให้เพี้ยนเป็น ธัมจักกัปปวัตนสูตร ) นั้นโดย
โครงสร้างแล้ว เป็นการบรรยายแบบ โลกุตระธรรม และมีบางส่วนเป็น เหตุปัจจัย หรือ
ไวยากรณะ
และที่ควรสังเกต เล็งเห็นก็คือ
ซึ่ง คนฟัง อภิธรรมแล้วบรรลุก็คือ อัญญาโกณทัญญะ -
สรุปแล้ว ใครยังปฏิเสธ การศึกษาอภิธรรม ไวยากรณะ
ผู้นั้น ปฏิเสธ ธัมจักกัปวัตนสุตตัง หัวใจของชินจักร เป็น อาธิ
ด้วยความไม่รู้ แต่ขยัน
* * * * *
เลิกเถอะครับ ที่ไป ตกหลุมพรางของพวก พราหณ์นอกศาสนา ที่วางกลอุบาย
ในการ กร่อนรูป พระธรรมคำสอนด้วยความแยบยล ใช้ระบบระเบียบ แค่วิธี
ง่ายๆ คือ "การจัดรวมเล่ม" มาแหกตาเอาง่ายๆ
โดยเฉพาะ คำว่า"วิทยาศาสตร์ทางจิต" ใครพูดให้ได้ยิน กรุณาโยนทิ้งทะลุหูซ้ายไปเลย
จะดี
หยุดเถิด กับการตกเป็นเครื่องมือของ กบฏศาสนา ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
โปรดเปิดตา แลเห็น อภิธรรม ในความหมายแท้ๆ ของพระพุทธองค์ กันได้แล้ว -
ผมได้อ่าน มาแบบนี้ครับ
ต่อไปนี้เป็นคำเทศนาบางตอน ของพระเดชพระคุณพระธรรมวิสุทธิมงคล(หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) วัดป่าบ้านตาด เกี่ยวกับเรื่องพระอภิธรรมปิฎก
... คัดลอกมาบางตอนจากคำเทศนาเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2543 ...
"" ...ศาสนาพุทธเรามีกฎมีระเบียบเรียบร้อย ไม่ว่าขั้นใดของประชาชนผู้เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้า ขั้นนี้ ๆ เป็นลำดับ ขั้นนี้เป็นแกงหม้อใหญ่ก็ควรให้เหมาะสมกับแกงหม้อใหญ่ อันนี้แกงหม้อเล็กก็เหมาะสมกับแกงหม้อเล็ก แกงหม้อจิ๋วก็เหมาะสมกับแกงหม้อจิ๋ว ธรรมพระพุทธเจ้าวางระเบียบเรียบไปหมดหาที่ต้องติไม่ได้
แต่ผู้ทำลายธรรมพระพุทธเจ้าก็คือพวกเราเสียเอง สำคัญตรงนี้นะ ท่านสอนให้ทำอย่างนั้นกลับทำอย่างนี้ ให้ทำอย่างนี้กลับไปทำอย่างนั้น มันเป็นข้าศึกของศาสนาก็คือพวกเรา และมิหนำซ้ำก็จะตัดทอนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ออกมาเป็นการประกาศไปก็ได้ มันเริ่ม ๆ มีแล้วเวลานี้ ที่จะทำลายศาสนาพระพุทธเจ้าด้วยวิธีการต่าง ๆ มีเยอะ เอ้า ภายในวัดก็ทำลายอีกแบบหนึ่ง ส่วนมากเป็นวัดเป็นผู้ที่จะชี้แจงแสดงอรรถธรรมออกสู่ประชาชน
ถ้าทางวัดทางพระศึกษามาด้วยดี ปฏิบัติมาโดยชอบธรรมแล้วออกมาไม่ค่อยผิดพลาด ถ้าไปศึกษาเฉย ๆ ไม่สนใจกระทั่งว่าศีลเป็นยังไง ศีลเป็นยังไงไม่สนใจ มีแต่ศึกษาจับคำเอาเฉย ๆ คำพูด ๆ ศีลไม่มีสักตัว มันอาจจะลบว่าในพระไตรปิฎกนี้ไม่มีพระวินัยปิฎกก็ได้ เวลานี้ก็เริ่มปรากฏแล้วว่า อภิธรรมปิฎกไม่มีในพระไตรปิฎก ไตรแปลว่าอะไร ติ ออกจากสาม แปลสภาพมาเป็นไตร ปิฏก แปลว่า ภาชนะ ฟังให้ดีนะ นี่เรียนมาจะเอามหาออกเสียวันนี้ ปิฏก ภาษาบาลี เรามาแปลเป็นภาษาไทยว่า ปิฎก แปลว่า ภาชนะสำหรับรับรองปิฎกทั้งสาม ไตร นั่นน่ะสาม ภาชนะสำหรับรับธรรมทั้งสามประเภท
พระวินัยหนึ่ง พระสูตรหนึ่ง พระอภิธรรมหนึ่ง นี้คือปราชญ์ไปจดจารึกมา ออกเป็นพระไตรปิฎก พระวินัยปิฎก ๑ พระสุตตันตปิฎก ๑ พระอภิธรรมปิฎก ๑ เรียกว่าสาม พระวินัยปิฎกนี้เรียกว่ากฎของพระ วินัยของพระ กฎหมายพระ พระสูตรนั้นพูดถึงเรื่องสัตว์เรื่องบุคคล ทำดีทำชั่ว ตกนรกไปสวรรค์อะไร มีอยู่ทั่วไป เรียกว่าพระสูตร บางแห่งธรรมที่สูงกว่านั้นเข้ามาเป็นพระสูตรก็มี เช่น ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร นี่อริยสัจนะนี่ เข้าในพระอภิธรรมปิฎกได้เลยไม่สงสัย จากนั้นก็พระอภิธรรม พระอภิธรรมปิฎก แปลว่าธรรมที่สูงสุดกว่าธรรมทั้งสองประเภทนี้
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาด้วยพระอภิธรรมปิฎก ด้วยจิตตภาวนา รากแก้วของพระอภิธรรมปิฎกคือภาวนา พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นด้วยองค์ภาวนาล้วน ๆ เป็นศาสดาเอก เจริญอานาปานสติ เป็นยังไงที่ว่าพระอภิธรรมปิฎก จิต เจตสิก นิพพาน มีแต่เรื่องจิตล้วน ๆ นะ นี่ละท่านแสดงในอภิธรรมปิฎกไว้ นี่ก็ดูไม่ใช่มาพูดพล่าม ๆ นี่นะ ไม่ว่าพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม เราดูมาทั้งนั้นก่อนที่จะออกปฏิบัติ เพราะฉะนั้นที่จะมาโกหกง่าย ๆ ไม่ได้นะ ควรตีปากตีเอาเลยเรานะ เราก็มีมือ เขามีปาก พูดออกมาเป็นการลบล้างอรรถธรรมตีปากเลย อยากว่าอย่างนั้นนะ ก็เรียนมาด้วยกัน เห็นมาด้วยกัน นี่แว่ว ๆ ทราบมาอย่างนั้นว่า พระอภิธรรมปิฎกนี้ไม่มีในพระไตรปิฎก มี ๒ ปิฎก คือพระวินัยปิฎกกับพระสุตตันตปิฎก
พระอภิธรรมปิฎกคือหัวใจของพระ ถ้าอันนี้ไม่มีแล้วก็แสดงว่าศาสนาพุทธเราหมดเลย ไม่มี ศาสดาองค์เอกก็ขึ้นไม่ได้ ต้องขึ้นจากอภิธรรมนี้ พระอรหันต์ทุกองค์ขึ้นจากอภิธรรมปิฎกนี้ไม่ขึ้นจากไหน พระวินัยปิฎกนี้ท่านบัญญัติทีหลัง แต่ก่อนยังไม่มีพระวินัย เมื่อทำผิดทำพลาดก็ตั้งบัญญัติพระวินัย กฎหมายพระเข้าไป ๆ เรื่อย ๆ กฎหมายเป็นพื้นฐานแล้วก็ยังเป็นอนุบัญญัติ คือบัญญัติทีหลังปลีกย่อยไป อาบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้บัญญัติต่อไป ๆ นี้เรียกว่าพระวินัยปิฎก พวกพระสุตตันตปิฎก ใครก็ทราบดังที่พูดนั่นละ นิทานเรื่องนั้นเรื่องนี้ ส่วนมากออกจากพระสุตตันตปิฎก ส่วนพระอภิธรรมปิฎกนี้พูดถึงเรื่องจิตตภาวนาเป็นพื้นฐานเลยเทียว พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระอภิธรรม พระอรหันต์ตรัสรู้ด้วยพระอภิธรรม ถ้าพระอภิธรรมนี้ไม่มีในพระไตรปิฎกหรือไม่มีในศาสนาแล้ว ศาสนาก็หมดไปเลย นี่คือรากแก้วของศาสนาได้แก่พระอภิธรรม จะเป็นอะไรไป
อ่านต่อเต็มๆที่นี่ http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/009978.htm<!-- google_ad_section_end --> -
-
ดีแล้ว ดีแล้ว.......... -
พระธรรมนั้นท่านแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ เช่น
มรรคแปด สติปัฏฐานสี่ ธัมมจักรฯ
พระอภิธรรมนั้นประกอบด้วย จิต เจตสิก รูป นิพพาน
พระอภิธรรมนั้นเหมาะกับ เทวดาพรหมทั้งหลายมากกว่า ภพภูมิมนุษย์โลก
เห็นได้จากที่พระองค์เลือกที่จะแสดง โปรดพุทธมารดาและเทวดาพรหม
บนดาวดึงส์ มากกว่าที่จะแสดงกับภพภูมิมนุษย์
พระองค์คงเล็งเห็นประโยชน์ที่เหมาะกับภูมิของผู้ฟัง เพื่อให้ได้ประโยชน์ให้สูงสุด แก่ผู้รับฟังและไม่แสดง
พระอภิธรรมกับใครอีก ยกเว้นพระสารีบุตรเท่านั้น
ไม่มีเจตนาลบหลู่พระธรรมคำสอนของพระศาสดาฯ แต่เป็นความเห็นส่วนตัวว่า
การนำพระอภิธรรมมาแสดงกับภพภูมิมนุษย์นั้น ไม่น่าจะสมประโยชน์เท่ากับธรรมหมวดอื่นๆ
พระอภิธรรมนี้น่าจะเหมาะสำหรับท่านที่มีจิตละเอียดจริงๆ และภูมิปัญญาสูงๆ ดังพระสารีบุตรเป็นแน่
เจริญสุข -
พระอภิธรรมจะไม่เหมาะกับมนุษย์ได้อย่างไร ในเมื่อพระอภิธรรมมีเรื่อง"รูป"ประกอบอยู่นั่นก็คือ ขันธ์ 5
เรื่องขันธ์ 5 ก็มีอยู่ในพระอภิธรรมปิฏก ไปเปิดดูได้ -
คนตั้งกระทู้เป็นคนฉลาด ฉลาดในการตั้งกระทู้ อนูโมทนา
คนที่มีศีลเป็นปกติ ก็มีหัวใจของ ธัมจักกัปปวัตตนสูตร แล้ว
เพราะได้ทางเดินของมรรค ปัญญาก็เริ่มเกิด
-
สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU
พญานาคมุจลินทร์เป็นผู้แผ่พังพานป้องพระสมณโคดมเมื่อเกิดพายุฝนเป็นเวลาเจ็ดวัน เมื่อพระพุทธองค์ทรงออกจากสมาบัติแล้ว ทรงเปล่งพุทธอุทานว่า.....................
เป็นอภิธรรมหรือไม่ละหนอ(k) -
-
ธรรม เปรียบเหมือน ยา
หมอ วินิจฉัยคนไข้เสียก่อน เหมาะกับยาชนิดใด จึงจ่ายยา เพื่อประโยชน์คนไข้
พระองค์ก็เช่นกัน ตรวจอุปนิสสัยของสัตว์โลกเสียก่อน เหมาะกับธรรมหมวดใด จึงแสดงธรรม เพื่อประโยชน์สัตว์โลก
:) -
เมื่อสำเร็จตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้ทรงเทศนาสั่งสอนสัตว์ มีมนุษย์และเทวดาพรหมทั้งหลาย
มีปัญจวัคคีย์เป็นอันดับแรก มีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นต้น ตลอดจน ๖ พรรษา ได้ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์
เพื่อทรงทรมานเดียรถีย์ (ชฎิลสามพี่น้อง) ณ ภายใต้ต้นมะม่วงชื่อฑัมพพฤกษ์ ใกล้นครสาวัตถี
เมื่อทำยมกปาฏิหารเสร็จแล้ว ได้เสด็จขึ้นสู่ดาวดึงส์เทวโลก โดยพระบาทสามก้าว แล้วประทับนั่งบนศิลาอาสน์
ซึ่งสำเร็จด้วยแก้วมณีชื่อปัณฑุกัมพล ที่ประดิษฐาน ทรงพระศิริโสภาคย์ ประดุจหนึ่งพระอาทิตย์ บนยอดเขายุคลธร
เทวดาทั้งหลายที่มาจากหมื่นจักวาล ได้มาประชุมห้อมล้อมพระพุทธองค์อยู่โดยรอบ พระพุทธองค์ทรงกระทำสันตุสิตเทวบุตร
ซึ่งเคยเป็นพระพุทธมารดา ให้เป็นประมุขในบรรดาและพรหมทั้งหลายเหล่านั้น แล้วทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
แก่เทพยดาและพรหมเหล่านั้น ติดต่อกันตลอดพรรษากาล ด้วยเดชะแห่งสัพพัญญุตญาณ
พระอภิธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงตลอดพรรษากาลนี้ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ
ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่หมู่เทพยดา อินทร์ พรหม ทั้งหลาย ชื่อว่าวิตถารนัย เพราะการแสดงนั้นพิสดารมาก
ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงแก่สารีบุตรที่ป่าไม้จันทร์นั้น ชื่อสังเขปนัย เพราะการแสดงนั้นย่อมาก
ส่วนพระอภิธรรมที่พระสารีบุตรนำไปแสดงแก่ศิษยานุศิษย์ ๕๐๐ องค์ที่เคยเกิดเป็นค้างคาวมาแต่อดีตชาตินั้น
ชื่อว่านาติวิตถารนาติสังเขปนัย เพราะการแสดงนั้นเป็นกลาง ไม่พิสดารไม่ย่อ พระอภิธรรมที่ปรากฎในมนุษย์โลกจนถึงบัดนี้
เป็นนัยที่เรียกว่านาติวิถานาติสังเขป ซึ่งพระสารีบุตรแสดงไว้นั่นเอง พระอภิธรรมที่ปรากฎในโลกนี้ ครั้งนั้นเมื่อพระพุทธองค์เสด็จเทศนา
โปรดพุทธมารดาตลอดพรรษากาลนั้นโดยไม่มีการหยุดพัก พระองค์ได้กระทำพุทธนิมิตแสดงแก่เทวดาและพรหมทั้งหลาย
พระองค์ก็ได้ลงมาบิณฑบาตร ในอุตตรกุรุทวีปโดยมีพระสารีบุตรรอรับอยู่และก็ได้แสดงพระอภิธรรมแก่พระสารีบุตรตลอดพรรษากาล
ดังจะเห็นได้ว่าแม้แสดงพระอภิธรรมบนชั้นดาวดึงส์ ก็ได้แสดงแก่พระสารีบุตรบนโลกมนุษย์ด้วย ดังที่พวกเราได้เล่าเรียนกันจนถึงทุกวันนี้ -
โมทนานะค่ะ สาธุ ๆ ๆ (y)