องค์ต่อไปนี้ ให้ทายกันครับว่าด้านหน้าเป็นรูปพระพุทธเจ้า "ด้านหลังเป็นรูปของผู้ใด กับผู้ใด"
เงื่อนไขคือ
หากมีผู้ที่ตอบถูกทั้งหมด ผมจะมอบ"พระสมเด็จองค์ปฐม(ด้านหน้า) พระพุทธเจ้าปางพระนิพพาน(พระวิสุทธิเทพ)(ด้านหลัง)" ให้ท่านละ 2 องค์
หากมีผู้ที่ตอบถูกเพียงข้อเดียว ผมจะมอบ"พระสมเด็จองค์ปฐม(ด้านหน้า) พระพุทธเจ้าปางพระนิพพาน(พระวิสุทธิเทพ)(ด้านหลัง)" ให้ท่านละ 1 องค์
แต่จำกัดเวลาเพียงเวลา 12.00 น. วันพรุ่งนี้ครับ เพื่อให้เพื่อนๆที่เล่น net ช่วงเช้า และช่วงค่ำได้ร่วมสนุก และมีสิทธิเท่าเทียมกันครับ จำกัดมอบให้เพื่อนๆที่ตอบถูกทั้ง 2 กรณีรวมกันเพียง 10 องค์ครับ
พระรุ่นนี้เป็นการนำมวลสารของสมเด็จองค์ปฐมทั่วประเทศเพียงเท่าที่รวบรวมไว้ ณ เดือน ตุลาคม 2549 และมวลสารอื่นๆอีกมากมายครับ
พร้อมแล้วร่วมสนุกกันได้เลยนะครับ หากสะกดชื่อยศตำแหน่งผิดไม่นับครับ
พระเครื่องบางส่วนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ที่ไม่มีให้บูชาแล้ว
ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 10 พฤษภาคม 2007.
หน้า 2 ของ 5
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ขอลองทายดูครับ
ด้านหลังเป็นสมเด็จโต กับ พ่อหลวง ร.5 ครับ
ทัศน์พล -
-
ขอร่วมตอบด้วยครับ
พระสงฆ์ที่สอนนั้นคือ สมเด็จพระวันรัตน์(ทับ) วัดโสมนัส
ส่วนองค์พระกุมารนั้นคือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ครับ -
สวัสดีครับ.ขอร่วมสนุกตอบปัญหา ด้วยครับ
พระพุทธรูปคือองค์พระพุทธเจ้า
พระสงฆ์องค์ที่สอนคือ พระวันรัตน์(ทับ)วัดโสมนัส
ส่วนองค์พระกุมารน้อยคือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ครับ.
ขอบคุณครับ.สาธุ -
ผมร่วมสนุกตอบปัญหาด้วยคนครับ
พระสงฆ์ที่สอนเด็กคือ สมเด็จพระวันรัตน์(ทับ) วัดโสมนัส
ส่วนเด็กคือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
ขอบคุณครับ
. -
ผมขอร่วมสนุกตอบปัญหาด้วยครับ
พระสงฆ์ที่สอนนั้นคือ สมเด็จพระวันรัตน์(ทับ) วัดโสมนัส
ส่วนองค์พระกุมารนั้นคือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ครับ -
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
พระรุ่นนี้ เป็นโลหะชุบทอง มีน้ำหนักพอสมควรทั้งๆที่มีขนาดเล็ก เป็นโลหะตันไม่กลวง...
เหตุที่พระบางรุ่นนี้ไม่ปรากฎในหนังสือ"สมบัติพ่อให้" สืบเนื่องมาจากเป็นพระที่ลูกศิษย์สร้างไว้ แล้วถวายมอบให้หลวงพ่อ พระบางส่วนจึงปรากฎในตู้วัตถุมงคลที่อยู่ที่วัดท่าซุง และที่ซอยสายลมทั้งในช่วงที่หลวงพ่อฤาษีฯยังดำรงขันธ์อยู่ และหลังจากดับขันธ์ ก็ยังพอหาได้ แต่ปัจจุบันนี้ไม่น่าจะพบแล้วครับ สำหรับของปลอมคิดว่า ยังไม่น่าจะระบาด เพราะยังไม่เป็นที่นิยม ท่านที่มีก็ไม่ค่อยนำออกมาให้บูชา ถือว่าเป็นของที่ลูกศิษย์ทำขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของครูบาอาจารย์อันหาที่สุดมิได้ ไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากสำหรับศิษย์ต่างสายครับ -
ขอร่วมตอบด้วยครับ
พระสงฆ์องที่สอนคือสมเด็จพระวันรัตน์(ทับ)วัดโสมนัส
พระกุมารคือกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ -
<TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 10 คน ( เป็นสมาชิก 10 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%">
</TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, :::เพชร:::+, chirakit, guawn+, kussalajitto, littlelucky+, MEA, MONGKHOLYUT, กุ้งมังกอน, นิรมิตร </TD></TR></TBODY></TABLE>
สมาชิกหนาแน่นครับ
. -
ถ้าจะให้ฟันธงไม่มีทางเป็นสมเด็จโตเป็นไปได้ เนื่องจากการครองจีวรนั้นก็ไม่น่าจะใช่เอกลักษณ์ของท่าน ส่วนองค์ด้านหลังก็ไม่น่าจะใช่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ปิลัีนธ์) แต่ด้วยความที่อยากได้พระจึงขอตอบตามก๊วนคือองค์ด้านหน้าเป็น
สมเด็จพระวันรัต (ทับ)พุทธสิริ วัดโสมนัสวรวิหาร สมเด็จพระวันรัตองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ องค์ผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นครูที่รจนาคัมภีร์กรรมฐานรุ่นแรกๆ ของเมืองไทย เช่นหนังสือ[SIZE=-1]วิธีบูชาพระไหว้พระรักษาศีล เจริญจตุรารักษ์และวิปัสสนา ซึ่งบางส่วนได้กล่าวถึงการเจริญกายคตาสติภาวนาและวิธีอื่นๆ อย่างพิสดาร ส่วนองค์ด้านหลังก็คงทายกันตามเพื่อนๆ คือกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์หรือพระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจำรัสผู้ทรงนิพนธ์นิทานเวตาร และจดหมายจางวางหร่ำ หรือทรงใช้่นามแฝงว่า น.ม.ส.นั่นเอง ซึ่งเมื่อตอนเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบสามารถอ่านหนังสือขอมหรือหนังสือไทยในสมัยนั้นได้อย่างแตกฉาน
ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ต้องขอโทษคุณเพชรด้วยที่ตอบซะยาวเหยียด แต่ถ้าเป็นองค์อื่นก็หน้าแตกกันทั้งก๊วนแหละครับ
[/SIZE] -
-
สงสัยงานนี้หน้าแตกกันทั้งหมดละมั้งครับเนี่ย คิคิคิ
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
5555 เปิดมาดู ตาลึงๆ ก๊วนนี้ลอกข้อสอบกันป่าวเนี๊ย??? รอช่วงบ่ายละกัน...
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
มีรูปสมเด็จโตห่มจีวรมาให้ชม 2 รูปเผื่อเปลี่ยนใจครับ...ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
องค์ต่อไป สมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน ปี 2535 ใต้ฐานไม่มีเจาะเพื่อบรรจุกริ่ง
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ผมขอค้านในเรื่องราคาค่างวด พระพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์หรือวัดเป็นผู้สร้าง และองค์หลวงพ่อฤาษีท่านอธิษฐานจิตนั้น จะนำไปตั้งราคาไม่ได้ ความศรัทธาจะวัดค่าออกมาเป็นตัวเงินนั้นทำไม่ได้แน่นอน ผมเองถึงแม้ว่าจะนับถือหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเป็นที่สุดแล้ว แต่พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์ ผมก็เคารพครับ เพราะว่าพระอริยสงฆ์ท่านเป็นผู้ที่เผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้พวกเราทุกๆคนได้มีปัญญา แต่จะมีมากหรือน้อยนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลวงพ่อฤาษีท่านเองก็ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณเพชรทราบดีครับ
หากที่ผมนำเสนอไป ทำให้คุณเพชรขัดข้องหมองใจ ผมขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
. -
ถ้าตอบผิด ผมเผ่นก่อนละครับ กลัวพวกที่ตอบมารุมผม
(b-oneeye) -
:::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี
ซึ่งก่อนปี 2535 ผมเองเป็นศิษย์หลายอาจารย์รวมทั้งหลวงปู่เทพโลกอุดรด้วย แต่ไม่ทราบข้อมูลอะไรมากไปกว่าเพื่อนๆก่อนที่คุณจะ post กระทู้นี้ เพราะไม่มีหนังสือ หรือข้อมูลที่ถูกต้องให้ค้นคว้า ประกอบกับประสบการณ์ชีวิตยังน้อยอยู่...
ช่วงตั้งแต่ ปี 2535 เป็นต้นมา ผมได้พบหลวงพ่อฤาษีฯครั้งแรกในวันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 (เป็นเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8) เป่ายันต์เกราะเพชรครั้งที่ 18 ไม่มีผู้ใดจะทราบว่าจะเป็นการเป่ายันต์เกราะเพชรเป็นครั้งสุดท้ายของท่าน) ตั้งแต่นั้นมา ผมปักหลักเพียงอาจารย์เดียวมาตลอด
ผมเชื่อว่าคนทุกคน จะมีพระในดวงใจของเราทุกคน เวลาเราคับขัน จิตเรานึกถึงผู้ใดหรือ? เวลาผมอารธนาจนเข้าไปในจิตทุกขณะคือ... ขออารธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ พรหม เทพ เทพยดา อาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา โดยมีหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุงเป็นที่สุด...ตามแบบฉบับของวัดท่าซุง เพียงแต่เพิ่ม หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เข้าไปเท่านั้น เวลาหลวงพ่อท่านนำอารธนาหลวงพ่อพ่อท่านจะเอ่ยเฉพาะหลวงปู่ปานเท่านั้น ท่านไม่เคยยกตัวให้ลูกศิษย์เคารพท่าน แต่ลูกศิษย์ต่างหากที่ควรต้องมีกตัญญูทิตาระลึกถึงท่านพร้อมกันในการอารธนาตามท่าน การเรียงลำดับนั้น ผมเรียงตามพรรษาก่อนหลัง หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเป็นพระคณะธรรมฑูตสมัยปี พ.ศ. 235 หลวงปู่ทวดเป็นพระสมัยอยุธยา หลวงปู่โต เป็นพระสมัยรัตนโกสินทร์ หลวงปู่ปานแน่นอนท่านเป็นพระอาจารย์ ส่วนองค์อื่นๆผมก็นับถือ เช่นเจ้าคุณนรรัตน์ฯ วัดเทพศิรินทร์ ฯลฯ ผมก็จะใช้วิธีเห็นเป็นภาพแทนการเอ่ยชื่อ เพราะเร็วกว่ามาก ตามหลักการของคำว่า"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" วิชาที่เราเผลอใช้บ่อยๆคือวิชามโนมยิทธิที่ครูเตือนใจ ภรรยาคุณหมอนพพร ที่แม่สอดฝึกสอนให้
ดังนั้นผมก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรใคร ผมให้เกียรติกับคนทุกคนเท่าๆกับที่ให้เกียรติตัวผมเอง ผมเชื่อในคุณงามความดีของคนที่มีธรรมะประจำใจ เราไม่ต้องไปซ้ำเติมอะไรใครให้เกิดความทุกข์เพิ่มหรอก ยังไงเขาก็มีทุกข์ของเขาอยู่แล้ว เราก็มีทุกข์ของเรา ผมเชื่อว่าคราใดที่ผมเกิดอุปสรรค ก็สามารถผ่านไปได้เพราะอานิสงค์ผลบุญที่สั่งสมมาดีแล้วนั่นเอง เพื่อนๆทุกคนแม้จะต่างที่มา แต่ที่หมายที่เดียวกันครับ...
ขอโมทนา...
หน้า 2 ของ 5