อารมณ์ต่างๆนี่เป็นไปโดยอัตโนมัติหรือว่าเราบังคับให้เป็นครับ
พระโสดาบัน แปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน
ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 29 พฤษภาคม 2009.
หน้า 3 ของ 4
-
สำหรับประเด็นเรื่องพระโสดาบัน เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับ
พระโสดาบัน....เป็นอย่างไร..
ส่วนคำถามของพระคุณเจ้าที่ว่า
แล้วอาตมาจะรู้ได้งัยว่าเราเป็นพระโสดาบันแล้ว
พระมหาฉัตรชัย ธนปัญโญ
เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับ
รู้ได้อย่างไรว่าใครเป็นพระโสดาบัน -
และนี่คือ คุณสมบัติของการได้เป็นโสดาบัน ตามคำของพระศาสดา ซึ่งมีทั้งหมด หลายคุณสมบัติ...
ธรรมวินัยจากพุทธโอษฐ์
เพื่อตรวจสอบความเป็นโสดาบันของตนเอง
ด้วยตนเอง
พระโสดาบันเป็นใคร
(นัยที่หนึ่ง)
ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ถึงพร้อมแล้วด้วย ธรรม ๔ ประการนี้เอง จึงเป็น
พระโสดาบัน ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อ
พระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า.
ธรรม ๔ ประการนั้นเป็นอย่างไร ? ๔ ประการนั้น คือ : -
(๑) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
ไม่หวั่นไหวในองค์พระพุทธเจ้า ว่าเพราะเหตุอย่างนี้ ๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้
ชอบได้โดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและ
ข้อปฏิบัติให้ถึงวิชชา เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลก
อย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกคนที่ควรฝึกได้อย่างไม่มี
ใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้
คู่มือโสดาบัน ๕
ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรม
สั่งสอนสัตว์ ดังนี้.
(๒) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
ไม่หวั่นไหว ในองค์พระธรรม ว่าพระธรรม เป็นสิ่งที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว, เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ
พึงเห็นได้ด้วยตนเอง, เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้
ไม่จำกัดกาล, เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด,
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว, เป็นสิ่งที่ผู้รู้ ก็รู้ได้เฉพาะตน
ดังนี้.
(๓) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น
ไม่หวั่นไหว ในพระสงฆ์ ว่าสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติ
ให้รู้ธรรมเครื่องออกจากทุกข์แล้ว เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว
อันได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้
แปดบุรุษ. นั่นแหละคือสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นสงฆ์ควรแก่
สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทาน
เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึงทำอัญชลี เป็นสงฆ์ที่เป็น
นาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
(๔) ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้าในธรรมวินัยนี้
เป็นผู้ประกอบพร้อมแล้ว ด้วยศีลทั้งหลายชนิดเป็นที่พอใจ
ของเหล่าอริยเจ้า : เป็นศีลที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย
เป็นศีลที่เป็นไทจากตัณหา เป็นศีลที่ผู้รู้ท่านสรรเสริญ
เป็นศีลที่ทิฏฐิไม่ลูบคลำ และเป็นศีลที่เป็นไปเพื่อสมาธิ
ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! สาวกของพระอริยเจ้า ผู้ประกอบ
พร้อมแล้วด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ชื่อว่าเป็นพระโสดาบัน
ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน
เป็นผู้มีอันจะตรัสรู้ธรรมได้ในกาลเบื้องหน้า.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๒๙-๔๓๐/๑๔๑๔-๑๔๑๕. -
นิพพานังปรมังสุขขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
-
แล้วอาตมาจะรู้ได้งัยว่าเราเป็นพระโสดาบันแล้ว
พระมหาฉัตรชัย ธนปัญโญ
--------------
ฆารวาสไม่อาจสอนพระที่มีศิลมากกว่า
ขอแจมอาจไม่ถูกต้อง ถ้าท่านได้ ท่านรู้ตัวท่านเอง แต่ไม่รู้เขาเรียกอะไร ไม่ต้องให้ไครมาทำนาย ดูที่กำลังใจในการละสังโยชน์ แต่ถ้ามีคนทำนายเขาก็จะเรียกโสดาบัน สกิทาคามี อนาคา อรหันต์ พวกนี้ ว่าตามพระไตรปิฎก ท่านทราบกำลังใจท่านดีกว่าไคร ท่านละอะไรได้ตามที่เขาเรียกว่าสังโยชน์บ้างก็ตามนั้นครับ เรารู้ตัวเอง เคยได้ยินคนเขียนอย่างนี้มาหลายปีไม่เข้าใจ วันนี้เข้าใจแล้วครับ เพราะไม่ได้เกิดขึ้นเอง ท่านต้องการและเมื่อไปถึงก็จะรู้เองครับว่าถึงแล้ว แต่ไม่รู้เรียกอะไร ก็เอาสังโยชน์เทียบ ละได้ไม่ได้หลอกตัวเองไม่ได้ครับ ถ้าท่านปฏิบัติถวายชิวิตถึงแน่ครับ อีก5ปี ผมจะเข้าสู่ร่มกาสาวภักดิ์ไปจนสินชีวิต แล้วจะได้พบพระมหาครับ
-
ไม่เที่ยง เกิดดับ
-
คนหนึ่งในพุทธศาสนา( สังกัด วัดทุ่งลาดหญ้าและวัดคลองวาฬ)
อนุโมทนา สาธุ ครับ ^^
ชื่อว่า ปรินิพพานมี ๓ คือ กิเลสปรินิพพาน , ขันธปรินิพพาน , ธาตุปรินิพพาน.
ในปรินิพพาน ๓ อย่างนั้น กิเลสปรินิพพานได้มีแล้ว ณ โพธิบัลลังก์ , ขันธปรินิพพาน
ได้มีแล้ว ณ เมืองกุสินารา ธาตุปรินิพพาน จักมีในอนาคต
พระธาตุเสด็จมาชุมนุมกัน
ได้ยินว่า ในคราวพระศาสนาจะเสื่อม พระธาตุทั้งหลายจะเสด็จชุมนุมกันที่เกาะลังกานี้
แล้วเสด็จไปยังมหาเจดีย์ จากมหาเจดีย์เสด็จไปยังราชายตนเจดีย์ ในนาคทวีป
จากราชายตนเจดีย์ เสด็จไปยังมหาโพธิบัลลังก์ พระธาตุทั้งหลาย จากนาคพิภพก็ดี
จากเทวโลกก็ดี จากพรหมโลกก็ดี จัดเสด็จไปยังมหาโพธิบัลลังก์เท่านั้น พระธาตุ
แม้ขนาดเมล็ดพันธุ์ผักกาด จักไม่หายไปในระหว่างๆ กาล พระธาตุทั้งหมด ( จะรวม )
เป็นกองอยู่ที่มหาโพธิบัลลังก์ เป็นแท่งเดียวกันเหมือนแท่งทองคำเปล่งพระฉัพพรรณรังสี
( รัสมีมีสี ๖ ประการ ) พระฉัพพรรณรังสีทั้งหลายนั้นจักแผ่ไปทั่วหมื่นโลกธาตุ แต่นั้น
เทวดาทั้งหลายในหมื่นจักรวาล จักประชุมกันแสดงความการุณย์อย่างใหญ่ ยิ่งกว่าในวัน
เสด็จปรินิพพานของพระทศพลว่า วันนี้พระศาสดาจะเสด็จปรินิพพาน วันนี้พระศาสนาจะเสื่อม
นี้เป็นการเห็นครั้งสุดท้ายของพวกเรา ณ กาลนี้ เว้นพระอนาคามี และพระขีณาสพ พวก
ที่เหลือไม่อาจดำรงอยู่ตามสภาวะของตนได้ เตโชธาตุลุกขึ้นในพระธาตุทั้งหลายแล้วพลุ่ง
ขึ้นไปจนถึงพรหมโลก เมื่อพระธาตุแม้มีประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์ผักกาดยังมีอยู่
ก็จักมีเปลวติดอยู่เปลวหนึ่ง เมื่อพระธาตุทั้งหลายหมดไป เปลวเพลิงก็มอดหมดไป
เมื่อพระธาตุทั้งหลายแสดงอานุภาพใหญ่อย่างนี้แล้วอันตรธานหายไป พระศาสนาชื่อว่า
เป็นอันตรธานไป พระศาสนาชื่อว่าเป็นของอัศจรรย์ ตราบเท่าที่ยังไม่อันตรธานไปอย่างนี้
ขอให้ชาวพุทธปฏิบัติกันให้เต็มที่ ในขณะที่มีลมหายใจครับ อย่าให้ชีวิตเป็นโมฆะ อย่างน้อย พระโสดาบัน ไม่นั้นก็ ทำบุญหนุ่นนำ ให้ได้ไปเกิดเป็น เทวดาบนสวรรค์ ไปปฏิบัติธรรมอยู่บนสวรรค์ และเมื่อถึงเวลา จะได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ และจะบรรลุธรรมเหมือนกัน ครับ ( จาก เด็กวัด ครับ) -
อนุโมทนา สาุธุเช่นกันครับ อยากให้ชาวพุทธเร่งปฏิบัติกันเถิด อย่ามัวแต่ห่วงทรัพย์สมบัติกัน ไม่มีอะไรเป็นเครื่องยืนยันว่าเราจะได้เ้กิดมาเป็นมนุษย์อีก ไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ว่าเรานั้นจะได้พบกับคำสอนของพระพุทธองค์อีก หากตายไปชาตินี้แล้ว จักหาโอกาสได้ยากยิ่งที่จะรู้จักทางพ้นทุกข์ หรือเปรียบได้ว่า 00000.1%ใน100%ครับที่จะได้พบคำสอนเหล่านี้
เจริญในธรรมครับทุกๆท่าน -
หลักเกณฑ์พยากรณ์ภาวะโสดาบันของตนเอง
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ
(อภัพพฐานสำหรับผู้ที่ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ)
(อีกนัยหนึ่ง)
ภิกษุ ท.! ฐานะที่ไม่อาจเป็นไปได้ ๖ ประการ เหล่านี้ มีอยู่. หก
ประการ เหล่าไหนเล่า ? หกประการ คือ :-
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ตนทำเอง";
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ผู้อื่นทำให้";
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ตนทำเองก็มีผู้อื่นทำให้ก็มี";
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ไม่ต้องทำเองเกิดขึ้นได้ตามลำพัง";
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ไม่ต้องใครอื่นทำให้ เกิดขึ้นได้ตามลำพัง";
ผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่อาจมาสู่ทิฏฐิ ว่า "สุขและทุกข์ ไม่ต้องทำเองและไม่ต้องใครอื่นทำให้ เกิดขึ้นได้ตามลำพัง".
ข้อนั้น เพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษ ุ ท .! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า เหตุ
(แห่งสุขและทุกข์) อันผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิเห็นแล้ว โดยแท้จริง และธรรม
ทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่เกิดมาแต่เหตุด้วย.
ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล ฐานะที่ไม่อาจเป็นไปได้ ๖ ประการ.
(ถ้าเข้าใจปฏิจจสมุปบาท ก็จะไม่ งง ขอรับพระคุณเจ้า)
- ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๙ /๓๖๖. -
ผมว่าไม่ต้องทราบก็ได้ครับว่าเราเป็น อริยบุคคลหรือไม่ แค่ตั้งใจปฏิบัติ ตนอยู่ในกรอบของศีลก็ ประเสริฐสุดๆแล้วครับ ท่าน ขอนมัสการ -
อนุโมทนา สาธุ ๆ
บุญกุศลกับท่านที่ได้นำพระธรรม
มาเผยแผ่ด้วยครับ -
อ่านเข้าใจง่ายดีค่ะ...ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณที่นำมาหาให้ได้อ่าน ทำให้ได้เข้าใจได้ง่ายดีค่ะ (f) -
อ่านแล้วเกิดปิติอย่างมหาศาล อ่านแล้วคล้ายอารมณ์ตัวเองมาก คือ ยังมีความรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้เมื่อมากระทบทำให้รู้สึกได้ยากมาก เพราะใช้ศีลกด หรือบางครั้งแทบไม่รู้สึกสะท้านเลย ผมทรงอารมณ์นี้เป็นปกติมาตลอด อนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ
-
ขอโมทนาและอนุโมทนาค่ะเป็นอย่างยิ่งค่ะ เรื่องศีลนั้น ยังคงมีด่างพร้อยอยู่ .... กระทู้ดีมีประโยชน์กับผู้ที่เข้ามาศึกษา และสร้างกำลังใจให้คนอื่นๆได้ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
-
พระโสดาบัน
การเข้าถึงพระโสดาบัน 1.เข้าถึงมรรค 2.หยั่งรู้อริยสัจจ์ 3.เข้าถึงผล
การเข้าถึงมรรค คือการดับของจิตหรือความคิด สภาวะการดับหรือมรรคเกิดกับนักปฏิบัติได้ตลอดเวลา แต่หากไม่เกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์(เกิดเองแบบผุดขึ้นไม่ใช่คิดเอา) สภาวะดับนั้นก็ยังเป็นมรรคอยู่ หากว่าดับแล้วเกิดญาณหยั่งรู้อริยสัจจ์ พอคลายออกเรียกว่าผลหรือโสดาปฏิผล ตรงนี้เป็นจุดสำเร็จของพระโสดาบัน
สภาวะของพระโสดาบันภายหลังบรรลุแล้ว หากเกิดทุกข์หรือกิเลสขึ้นทางใจ วิถีจิตจะคิดไปประมาณ 7 วิถีจิตแล้วจะดับเองโดยอัตโนมัติ ไม่เกิดกิเลสใหญ่ไฟมหันต์อย่างคนธรรมดาทั่วไป
ตรวจสอบตัวเองดูได้ว่าบรรลุพระโสดาบันหรือยัง
เจริญในธรรมครับ -
ขอโอกาสค่ะ
ถาม ตอบ พุทธวจน
คุณสมบัติของพระโสดาบันมีอะไรบ้าง และ
คนเราสามารถเป็นโสดาบันในชาตินี้ได้หรือไม่ และ
วิธีให้ถึงโสดาบัน ต้องทำอย่างไร
โดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง
ส่วนหนึ่งของพุทธวจนบรรยาย
ค่ำวันเสาร์
วันที่ 6 สิงหาคม 2554
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=K0ep2hCBQwE]พุทธวจน faq คุณสมบัติของพระโสดาบัน - YouTube[/ame]
คำว่า "โสดาบัน"นั้น คือเป็นผู้มีธรรมอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา มีธรรมอันไม่รู้เสื่อม
มีอสาธารณญาณ คือความรู้ที่มิได้มีในบุคคลทั่วไป ทุกข์ดับลงไปทุกขั้นตอนแห่งการกระทำ
เห็นธรรมที่เป็นเหตุ เห็นธรรมทั้งหลายที่เกิดมาแต่เหตุ
เข้าสู่กระแส เที่ยงแท้ต่อสัจธรรม และจะตรัสรู้ในภายภาคหน้าได้
ดังนั้นความเป็นโสดาบันเพื่อบัญญัติอื่นใดที่นอกไปจากนี้ ก็ไม่ถูกตรงตามพระศาสดา -
-
-
ปิดประตูอบายภูมิ คือ ตั้งแต่ พระโสดาบัน เป็นต้นไปจนถึงพระอรหันต์
ส่วนที่ว่าพระโสดาบันยังนี้ไม่พ้นนั้นก็เพราะยังต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์สลับกับเทวดาหรือพรหมไปอีก 7 ชาติแล้วเข้าสู่พระนิพพาน
คิดกันเล่นๆ
จากการที่ต้องเกิดๆตายๆไปอีกจนไม่สามารถนับประมาณได้ลดลงมาเหลือแค่ 7 ชาติเนี้ย ไม่ใช่ของต่ำนะครับเป็นของดีและดีมากด้วย -
หน้า 3 ของ 4