พร่องในศีล ไม่มีหวังที่จะทรงสมาธิเพื่อฌานสมาบัติได้เลย ไม่ได้สำเร็จผลใดๆ แม้แต่ฌานโลกีย์ก็ไม่ได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 15 เมษายน 2015.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระพุทธเจ้า เทศน์สอนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ทางสายกลาง ครับ

    ดังนั้น ถ้าคุณเที่ยวไปเอาการปฏิบัติ อัตตกิลมถานุโยค มา

    แล้วก็ มา ชาบู ๆ ว่า เป็นการปฏิบัติที่ดีนั้น

    ผมว่า ตัวคุณกลับไปพิจารณาตัวเองดีกว่ามั้ยครับ




    การปฏิบัติ อัตตกิลมถานุโยค นั้น เป็นทางที่พระพุทธเจ้าปฏิบัติมาแล้ว ไม่สามารถที่จะเข้าถึงธรรม บรรลุธรรมนิพพาน ใดๆ ได้ทั้งสิ้น

    อย่าลืมนะครับ
     
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เคลียร์นะครับ ชัดเจน! อันนี้เอาจริง ก่อนนอน จริงๆผมไม่อยากตอบเพราะทำลายน้ำใจ นึกว่าหลอกตอบ หลอกถามผม เพื่อลองภูมิ เห็นไลท์ท่านเยอะ !นึกว่า LeVel สูงเฮ้อ! แต่จะเห็นน้ำใจสำคัญกว่าความถูกต้องมิได้ นี่เรื่อง"[ธรรม]" บ่ ยอมเด้อ! มันก็เลยจำเป็น พยายามบอกแล้วบอกอีกไม่ฟัง ดื้อ เถียง ซน เอาไม้เรียวไปเลย แบมือ มา เพี๊ยะๆ ให้ตาแจ้ง คนที่มาแสดงมรรค ๘ และเรื่องศีลด้วย ส่งเสริมกันมาน่ะ กลื่นน้ำลายตนเองลงไหม?ครับที่นี้
    https://youtu.be/G36CLNo39k8
    ศีลบุญเก่าในอดีตชาติไม่มีผล ศีลบุญใหม่ไม่เต็มใช้ไม่ได้ นี่หรือครับ[ สัมมาทิฏฐิ ]ไหนล่ะมรรค ๘ เป็นทางสายกลาง แค่ข้อแรกก็หายแล้ว คิดออกไหม?นะ อะไรหนอสัมมาทิฏฐิ? มีอะไรบ้างหนอ?
    ส่วนอีกเรื่องการบำเพ็ญมหาวัฏรปฎิบัติ เขาเรียก {ปฎิบัติบูชา} นะครับ อย่าหลงทางเขาวงกตที่สร้างขึ้นมาเอง ผมLikeของผมไม่เกี่ยวกับ เรื่องทางสายกลาง ผมสายโหดครับเรื่องรู้จริงเห็นแจ้ง เห็นภัย ณ ที่ตรงนี้
    ขออภัยที่รบกวนพื้นที่ของท่าน ไม่เพียงแต่ชาตินี้หรอกครับที่ผมได้บำเพ็ญมา ท่านอื่นก็มีและในปัจจุบันก็มี ถ้าท่านเห็นว่า มหาวัฏร ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสียสละตนบำเพ็ญมา ไม่มีคุณค่าในกาลใดๆ กระผมหมดคำพรรณนาความหมายอีก

    ขออภัยที่ถามครับ


    พิสูจน์ปัญญา
    คิดแคบๆ และยกวาทะแคบๆมาสอนธรรม ไม่กว้างขวางลึกซึ้ง เห็นจริงตรองตาม มีผลเสียแก่ตนเองและผู้อื่นมากครับ เท่ากับว่าไปทำลายมรรค ๘ ของผู้อื่นด้วย และก็เท่ากับว่ายอมรับว่า"ศีลอานิสงค์บุญเก่าไม่มีผล เลยเพ่ง ชาตินี้ ชาติหน้า ชาติไหน ชาติเดียว ซวยแล้วครับชาวพุทธ ลบทิ้งเถอะครับกระทู้นี้ ผมอายแทนนานแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก
    คำถามนี้ ไตร่ตรองให้ดีๆนะครับเป็นประโยชน์กับทุกๆคน ความคิดดีครับ อยากให้คนรักษาศีล โดยที่ไม่มีสภาวะหยั่งรู้อานิสงค์แห่งศีล คือ ก็เท่ากับว่าตนหมดปัญญาจะไปรู้ภพรู้ชาติคนอื่นได้ เลยให้มุ่งเอาในชาตินี้ ผมเคยเตือนในพุทธสุภาษิต ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ที่ผมเสวยวิมุติแล้ว ถ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิ แสวงอื่น มันจะย้อนพันตนเอง ที่นี้เคยแสดงออกไปแบบ เว่อร์ๆ นี่ตั้งใจล้มมวย ตกม้าตายหรือครับ คิดออกไหม?นะ ไม่อยากจะแฉ กรรมใครกรรมมัน

    ผมคงคิดไม่ออกแย่เลย ? เฮ้อ! ทั้งๆที่คำถามในข้อยกเว้น แค่ตอบว่า มี หรือ ไม่มี เพราะ อะไร? ก็แค่นั้น ดันไปเอา อะไรมาเพิ่ม นี่เขาเรียกตกม้าตาย จนมุม ฮึดสู้ไม่ได้ เพราะใจขาดตายแล้ว !
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2015
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    ลองถามตัวเอง พิจารณาตัวเองดูนะครับ ^^

    ทาน ศีล ภาวนา

    ผลของการปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา ในปัจจุบัน เป็นอย่างไร

    กรรมฐาน 40 สมาถะ วิปัสสนา ผลของการปฏิบัติ เป็นอย่างไร

    เป็นคำตอบ ที่ชัดเจนที่สุด หลอกตัวเองไม่ได้ครับ

    ลองพิจารณาตัวเองดู แล้วก็จะรู้ด้วยตัวเองครับ ^^

    เป็นเครื่องยืนยัน นอนยัน ของ จิต ใจ ตัวเราเอง

    .
    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2015
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ไม่มีใครบอกนอกจากเดียร์ถีย์ลัทธิอื่นนอกพระศาสนาครับ ว่า ผลของศีล ทาน ภาวนา และการปฎิบัติอื่นๆนั้น ไม่มีและไม่สามารถส่งผลอะไร?

    ต้องแยกแยะ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย ตามจริตฐานะธรรม ที่มีในตนครับ ศีลโยม ศีลพระ ศีลแม่ชี ฯลฯ


    DANGER อันตราย
    ถ้าไม่ทราบอย่าพึ่งด่วนสรุปครับ กลับไปเรียนพื้นฐานใหม่ก่อน อรรถพยัญชนะของท่านจะทำร้ายตัวท่านเองครับ ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น

    ขอโทษอย่างหนึ่งครับ อัตตกิลมถานุโยค นี่เป็นวัตรปฎิบัติของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ครับ สำหรับพระพุทธเจ้าของเราท่านทั้งหลายฯได้มาจากการส่งข่ายพระญาณของพระปัจเจกพุทธเจ้า เป็นเหตุแห่งการส่งเสริมให้ได้รับวิบากกรรมในชาติภพนี้ครับ ท่านเคยเรียนและศึกษาไตร่ตรองพระธรรมจาก บุพกรรม ของพระพุทธเจ้าไหม?ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2015
  5. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    [๑๗๘] ดูก่อนสารีบุตร บรรดาพรหมจรรย์มีองค์ ๔ นั้น
    วัตรต่อไปนี้เป็นพรหมจรรย์ของเราโดยความที่เราเป็นผู้บำเพ็ญตบะ
    ---->>>คือเราเป็นอเจลก คนเปลือย .....?????

    เข้าใจว่าท่านอธิบายให้พระสารีบุตรฟังว่า ท่านเคยทำอย่างนั้นมาก่อน

    ผมเข้าใจว่าจะเอาพระสูตรนี้ไปใช้ ต้องแบ่งเป็น 2 เรื่องนะครับ
    1.สาเหตุที่พระองค์แสวงหาโมกขธรรมผิดทางไปถึง 6 ปี เนื่องจากกรรมที่เคยปรามาสสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระกัสสป

    2.เนื้อเรื่องนั้นเป็นวัตรที่ปฏิบัติที่ไปผิดทาง ก่อนที่พระองค์ท่านจะอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณหรือเปล่า ท่านจ่า??? หลังจากนั้นวัตรลักษณะนี้ยังมีอยู่อีกหรือครับ??? (ไม่นับน้ำปัสสาวะดองที่พระท่านฉันเป็นยานะครับ)
     
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พร่องในศีล ไม่มีหวังที่จะทรงสมาธิเพื่อฌานสมาบัติได้เลย ไม่ได้สำเร็จผลใดๆ แม้แต่ฌานโลกีย์ก็ไม่ได้
    ปุจฉา หากได้รับอานิสงค์แห่งศีลที่บำเพ็ญเพียรไว้อย่างอุกฤษฎ์ ในอดีตชาติที่ส่งสมมาและในชาตินี้ด้วย ในกรณีนี้ท่านจะยกเว้นไว้ได้หรือไม่?

    จากคำถามที่ท่านไม่ตอบกลับถามเรากลับ เราอธิบายเนื้อความท่านหวังให้เราหาหลักฐานมาอ้างอิง และนำหลักฐานกล่าวอ้างที่ค้นหาแล้วแต่ หมดปัญญาหา เพราะไม่เคยเห็น คือ ไม่รู้วัตรปฎิบัติที่เป็นที่สุด จากสหธรรมิก นำมาโต้แย้งเรา ขำตลกไชโย เราหาหลักฐานให้ ใบ้กินทั้งคณะ ท่านพบ ท่านปราถนาเพ่งรูปนาม เราอธิบายยังรูปนามนั้น ท่านไม่เอา จะเอาตัวอักษรนั้น เราอธิบายความหมายของอักษร ท่านจะเอาผล เราอธิบายผล ท่านไม่เห็นด้วย จะเอานิพพาน
    เราอธิบายนิพพาน ท่านไม่เห็นด้วยจะเอาคำครูท่าน เราแสดงฐานะพระบรมมหาศาสดาว่ายิ่งใหญ่กว่า ท่าน..!!?เราแสดงตัวอย่างของผู้ยังไม่มีศีลในชาติแต่สำเร็จธรรม ท่านอ้างกาลเวลา เราแสดงคำสอนที่มาในพระไตรปิฏก ท่านจะเอาสาวกผู้บันทึก เราแสดงตัวอย่างของผู้สำเร็จธรรมโดยไม่มีศีลธรรมในชาติ สุดท้ายท่านกลับมาอ้าง[พระพุทธเจ้า]เตะบอลเข้าโกลล์ทีมตนเองเต็มตาข่ายแพ้แต้มจนตาเหลือก!! และท่านไถลไปเรื่องอื่นๆ
    ถ้าไม่หยุดคงอีกยาว....ไม่รู้อะไรจะออกมาอีกบ้าง?

    ตอบแต่แรกก็สิ้นเรื่อง
    ตอบ ยกเว้นได้ ในกรณีนี้............. ยกเว้นไม่ได้ ในกรณีนี้............ก็จบ จบก็จบคับ เหนื่อย!

    เรื่องพระพูดถลากไถลนอกเรื่อง

    เล่ากันว่า ภิกษุทั้งหลายประชุมกันแล้ว กล่าวกะภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งว่า อาวุโส ท่านต้องอาบัติชื่อนี้และชื่อนี้. ภิกษุหนุ่มตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ผมเดินทางไปนาคทวีป. ภิกษุทั้งหลายกล่าวว่า อาวุโส พวกเราไม่สนใจเรื่องที่ท่านไปนาคทวีป แต่พวกเราถามท่านว่า ท่านต้องอาบัติหรือ.
    ภิกษุหนุ่ม. ท่านขอรับ ผมไปนาคทวีปแล้วฉันปลา.
    ภิกษุทั้งหลาย. อาวุโส เรื่องฉันปลาของคุณ พวกเราไม่เกี่ยว เขาว่าคุณต้องอาบัติ.
    ภิกษุหนุ่ม. ครับผม ปลาไม่ค่อยสุก ทำให้ผมไม่สบาย.
    ภิกษุทั้งหลาย. อาวุโส คุณจะสบาย หรือไม่สบาย พวกเราไม่เกี่ยว (แต่) คุณต้องอาบัติ.
    ภิกษุหนุ่ม. ขอรับ กระผมเกิดไม่สบาย ตลอดเวลาที่อยู่ในนาคทวีปนั้น.
    ด้วยเรื่องตามที่เล่ามานี้ พึงทราบว่า ชื่อว่าย่อมพูดถลากไถลไปนอกเรื่อง โดยการเอาเรื่องอื่นเข้ามาพูดซอกแซก.


    ค้นในพระไตรปิฎกและอรรถกถาทุกเล่มแล้วไม่ปรากฎ มหาวัฏฏสูต
    ควรอ้างที่มาให้ชัดเจน ตามกติกาการโพสทั่วไป
    การอ้างข้อธรรมโดยไม่มีที่มาจะกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปไป
    แสดงที่มาของพระสูตรได้ก็จะดีกว่านี้
    หากเป็นความเห็น ก็ต้องบอกความเห็น
    อย่าอ้างพระสูตรให้คนไขว้เขว


    ชัดเจนนะครับ ว่าไม่ได้อ้างสัทธรรมปฎิรูป อย่างที่ท่านผู้รู้มากในธรรมทั้งหลาย กล่าวมา
    เรื่องนี้ก็มีสอนไว้ครับ ท่านไปไกลเกินข้าพเจ้าแล้ว เมื่อท่านไม่เห็นประโยชน์อะไรจากการสาธยายธรรมนี้ ข้าพเจ้าขอยุติการเสวนาครับ

    เราหมดปัญญาจะพิจารณาสาธยายแล้ว กรรมทั้งหมด จาก อันตรายิกธรรม นี้เราขอรับแต่เพียงผู้เดียว

    พระบรมศาสดาทรงมีหลักในการตอบ ๔ วิธีด้วยกันคือ

    ๑. เอกังสพยากรณ์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไปโดยส่วนเดียวอย่างเช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น

    ๒. วิภัชพยากรณ์ พระพุทธเจ้าทรงจำแนกตัวไปตามลักษณะของเรื่องนั้น ๆ อย่างเช่น ปัญหาที่ว่าคนตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ ? พระบรมศาสดาจะทรงตอบจำแนกไปตามเหตุผล คือ เมื่อเหตุให้เกิดมี อยู่การเกิดก็ต้องมี เมื่อไม่มีการเกิดก็ไม่มี

    ๓. ปฏิปุจฉาพยากรณ์ พระพุทธเจ้าทรงใช้ปัญหาที่ถามมานั้นเองย้อนถามไปอีกทีแล้วจะออกมาเป็นคำตอบเอง

    ๔. ฐปนียะ ปัญหาบางเรื่องบางอย่าง เป็นเรื่องไร้สาระบ้างตั้งคำถามผิดบ้าง พูดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์อะไรแก่ผู้ฟังบ้าง พระบรมศาสดาจะทรงนิ่งเสียไม่ตอบ เพราะพระพุทธเจ้าดำรัสทุกคราวของพระพุทธเจ้าวางอยู่บนหลักที่ว่า "ต้องเป็นเรื่องจริง เป็นธรรมมีประโยชน์ เหมาะสมแก่กาล คนฟังอาจจะชอบใจบ้าง ไม่ชอบใจบ้างก็ได้ แต่ถ้าคุณสมบัติ ๔ ประการข้างต้นมีอยู่จะตรัสพระดำรัสนั้น"


    ๕. สากัจฉสูตร
    ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้ควรสนทนา ๕ ประการ
    [๖๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ
    ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยตน
    เอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสีลสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้
    ถึงพร้อมด้วยสมาธิด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภ
    สมาธิสัมปทาได้ ๑ ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และเป็นผู้
    พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภปัญญาสัมปทาได้ ๑
    ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วย
    วิมุตติด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติสัมปทา
    ได้ ๑ ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติญาณทัสสนะด้วยตนเอง และเป็นผู้
    พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภนิรุตติญาณทัสสนสัมปทาได้ ๑
    ดูก่อนภิกษุ
    ทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรสนทนา
    ของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย.
    จบสากัจฉสูตรที่ ๕
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2015
  7. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    พระพุทธเจ้า สอน ทาน ศีล ภาวนา ทางปฏิบัติ เพื่อ มรรคผล นิพพาน ครับ

    ลองถามตัวเองดูนะ ว่าไอ้ บำเพ็ญมหาวัฏร อารายนั้นนะ อยู่ใน หมวดไหน ของ ทาน ศีล ภาวนา ครับ

    แล้วมันเป็นทางไปไหนกันแน่ ^^

    .
     
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    แล้วแต่ท่านปราถนาเถิด เราปราถนาอย่างนี้ เราเป็นผู้ผิดสำหรับท่าน ที่เรามีความปราถนามีวัตรปฎิบัติอันที่เราศรัทธามาปฎิบัติเอง ชีวิตเราเป็นของท่าน หรือของเรา พรหมจรรย์นี้เป็นของท่าน หรือ ของเรา หรือ ของใคร? ท่านจงย้อนกับไปดูปัญหาแห่งการถามเถิด ว่าท่าน เคยตอบเราบ้างหรือยัง ? หรือตอบไม่ได้? ตอนนี้รู้ตนเองหรือยัง?...ว่าพลาดอะไรไป

    ทีหลังอย่าขุดหลุมฝังตนเองอีก มันเหนื่อย ข้าพเจ้าก็เหนื่อยที่จะพยายามหว่านล้อมฉุดดึงท่านขึ้นมา

    และถ้า อัตตกิลมถานุโยค มันชั่วช้านัก มหาโพธิสัตว์จะไปค้นหาจากมันทำไมนั่นมัน[มหาโคตรแห่งศีล]แล้ว ท่านบำเพ็ญอินทรียธาตุท่าน เพื่อตบะของเหล่าพุทธะ ซึ่งใครก็ทำตามได้ยาก ท่านจึงตรวจดูอุปนิสัยสัตว์โลกแล้ว ว่าคงทำได้เพียงแค่นั้นจึงให้ทางสายกลางมรรค๘ เพราะท่านมีมหาปุริลักษณะ ๓๒ และ อนุพยัญชนะ ๘๐ ซึ่งไม่มีใครเทียบเทียมท่านได้ ไม่อย่างนั้นท่านจะตรัสสอนพระสารีบุตรไว้ทำไม ปริศนาธรรมข้อนี้มีอยู่ ผลมันมีอยู่


    มองโลกให้กว้างๆถึงวัตรปฎิบัติอื่นนอกพระศาสนาในยุคสมัยนั้นด้วย ว่ากว่าจะทรงค้นพบทางพ้นทุกข์นั้น มันต้องลำบากทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสมากมายขนาดไหน ท่านจะหมายให้เราลืมพระมหากรุณาธิคุณในข้อนี้ แล้วไปปฎิบัติวัตรอื่นที่ทำได้ผล ที่เราทำอยู่แล้วนั้น เรารู้ดีพอตัว แต่นี่หมายถึงปรารถนาการปฎิบัติอันยิ่งขึ้นไป นี่เรียกว่า
    การปฎิบัติบูชา อานิสงค์มันมี ไม่ใช่ไม่มี

    ทั้งที่พระพุทธเจ้าองค์ในอนาคตกาลก็ต้องมาปฎิบัติอย่างนี้ มิเท่ากลับดูหมิ่นสติปัญญาท่านหรอกหรือ นี่เป็น การประพฤติวัตรพรหมจรรย์ของพระพุทธเจ้า


    แล้วถ้าคนที่มองเห็นองค์คุณข้อนี้มันผิดชั่วช้านัก เราขอรับบาปนั้นเอง ท่านอย่าบาปเลย

    [ทุกปัญหามันไม่ได้ใหญ่ ไปกว่าใจของข้าพเจ้าหรอก]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2015
  9. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    :cool:
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    :cool:
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    [​IMG]

    "บารมี" แปลว่ากำลังใจเต็ม


    [​IMG]


    คัดลอกข้อความบางส่วน มาจากหนังสือบารมี ๑๐ โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่าร่างกายไม่ดีแบบนี้เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา ฉะนั้นจึงได้ไปเสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้ ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากจะรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีของเด่นอะไรนัก การไปได้มาได้ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ยังลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์

    นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่าพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบกันได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขาบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน เมื่อพบแล้วก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมาพระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า "สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม ...?"

    ก็กราบทูลพระองค์ว่า "ใช่พระพุทธเจ้าข้า" พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า "สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร...?"

    ตอนนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายขอได้โปรดทราบว่า ถ้าอาตมาสอนถูกพระองค์จะไม่ทรงตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทการสอนนี้ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรมีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้นอาตมาก็ทราบ จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนักพระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่าบารมีแปลว่าเต็ม"

    พระองค์จึงทรงตรัสถามว่า "อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่าเธอจะปฏิบัติในทานบารมี ทำยังไงทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่าจะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน ถ้าเราจะไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม...?"

    แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่าท่านที่เป็นนักปราชญ์ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ว่าอาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่งหรือไม่แค่หางอึ่งเพราะความโง่มันมาก

    เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงตรัสแบบนั้นก็ทูลถามพระองค์ว่า "ข้าพระพุทธเจ้าไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า"

    พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า "สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในด้านบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้เธอสอนบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า คำว่าบารมีนี้มันแปลว่าเต็ม แต่อะไรมันเต็มตถาคตจะบอกให้ว่า บารมีนี่ควรจะแปลว่ากำลังใจเต็ม "

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า คำว่าบารมีก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม ตอนนี้ซิชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่าเรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก

    กำลังใจเต็มตอนไหนบรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า

    ๑. ทานบารมี
    ๒. ศีลบารมี
    ๓. เนกขัมมบารมี
    ๔. ปัญญาบารมี
    ๕. วิริยบารมี
    ๖. ขันติบารมี
    ๗. สัจจบารมี
    ๘. อธิษฐานบารมี
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐. อุเบกขาบารมี

    องค์สมเด็จพระชินสีห์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า สัมพเกษี ถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ให้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ไม่มีอะไรบกพร่อง คือ

    . จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
    . จิตพร้อมในการทรงศีล นี่ซิบรรดาพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นไป
    . จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะก็แปลว่าการถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัว ได้ทั้งนั้น
    . จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป
    ๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
    . ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
    . สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่าเราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับใจเรา ในด้านของการทำความดี
    . อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
    . เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดีไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
    ๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นวันนี้ อุเบกขาบารมีตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า ช่างมัน ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกันใช้คำว่าช่างมัน ตรงตัวดี

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า บารมีทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือสร้างกำลังใจปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์ ไม่ ใช่ว่าเราจะมานั่งคิด เราจะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊...บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้

    ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่าเราสามารถจะสร้างบารมีได้ด้วยอาศัยกำลังใจ ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัทมี กำลังใจอย่างเดียวเท่านั้นที่เราจะทำให้มันดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า

    มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฎฐา มโนมยา
    ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ นี่ความจริงเรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ มันทำไมถึงลืมก็ไม่ทราบ

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านคงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมีแปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือกำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้ ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย

    ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการมากล่าวในตอนนี้ก็เพราะว่า ในตอนต้นพูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า แหม...มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบันมันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์

    ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ
    ศีล เราก็ตัดความโกรธ
    เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ
    ปัญญา ตัดความโง่
    วิริยะ ตัดความขี้เกียจ
    ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน
    สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก
    อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์
    เมตตา สร้างความเยือกเย็นของใจ
    อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกายเราไม่ปรารภ

    เท่านี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า พระโสดาบัน นั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท

    ทำไมจึงว่าอย่างนั้น ก็เพราะว่าคนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่าพระโสดาบัน แล้วท่านเรียกว่าอะไร ท่านเรียกว่า พระขีณาสพ แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า พระอรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุดเข้าถึงซึ่ง พระนิพพาน ได้

    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี

    ที่มาhttp://www.luangporruesi.com/326.html
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819

    บารมี ๑๐ ทัศ

    ๑. ทานบารมี
    ๒. ศีลบารมี
    ๓. เนกขัมมบารมี
    ๔. ปัญญาบารมี
    ๕. วิริยบารมี
    ๖. ขันติบารมี
    ๗. สัจจบารมี
    ๘. อธิษฐานบารมี
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐. อุเบกขาบารมี

    พระพุทธเจ้าตรัส ตถาคตจะบอกให้ว่า บารมีนี่ควรจะแปลว่ากำลังใจเต็ม "


    ก็ลองถามตัวเองดูครับ ว่าทำอะไรอยู่

    ปฏิบัติเพื่อ มรรคผลนิพพาน หรือไม่ แค่นี้ละ ^^
     
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เราปรารถให้ท่านเป็นมิตรรักมิตรแท้ในธรรมแก่เรา ไม่มีอคติอื่น ได้โปรดจงเข้าใจ

    https://youtu.be/IJf5hFi25kk
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ตอบให้นะครับ ก็เพราเข้าใจผิดไปว่า ปฏิบัติแล้ว เข้าถึง นิพพาน ไงละครับ

    อัตตกิลมถานุโยค ขวาง การบรรลุมรรผลนิพพาน


    กลับไปอ่านในพระไตรปิฏกหลายๆรอบก็ได้นะครับ

    ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2015
  15. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    อัตตกิลมถานุโยค ขวาง การบรรลุมรรผลนิพพาน

    มัชฌิมาปฏิปทา ไงล่ะ เธอทั้งหลายจงละส่วนสุด ๒ อย่าง คือ ๑.กามสุขัลลิกานุโยค คืออย่าอยากได้เกินไป ๒.อัตตกิลมถานุโยค เคร่งครัดเกินไป ถ้าส่วนสุด ๒ อย่าง อย่างหนึ่งอย่างใดมีกับเธอ เธอจะไม่บรรลุมรรคผล ขอทุกคนจงตั้งอยู่ใน มัชฌิมาปฏิปทา

    .

     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ขอให้เข้าใจในสักวัน หากไม่มีผู้ค้นพบ ท่านก็จะไม่มีทางทราบอะไรเลยในพระพุทธศาสนานี้

    เสียดายที่ทราบแล้วกลับลืมพระคุณข้อนี้ แล้วใคร?กันบ้างที่ลืม พิจารณาให้กว้างขวาง

    ข้าพเจ้า ไม่ได้กล่าวถึงพระนิพพาน นั่นมีหลักปฎิบัติให้ถึงในมงคลสูตรอยู่แล้ว



    หรือท่านมีความสงสัยว่าต่อไปนี้ถึงแม้จะปฎิบัติตามอย่างพระองค์แล้วจะไม่มีทางถึงพระนิพพาน

    ข้อนี้ท่านปุจฉามาฉันใด

    เราขอวิสัชนาตอบดังนี้แล พระพุทธเจ้าทุกพระองค์จะต้องทรงบำเพ็ญมหาวัฏรนี้ องค์ที่ผ่านมาแล้วก็ดี องค์ต่อไปในอนาคตกาลก็ดี ถ้าท่านไปเผลอดูหมิ่นเข้า คงรู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร? เราห่วงตรงนี้มาก ท่านอื่นด้วยฯที่พิจารณาตามอยู่ อืม? ท่านนั่นแหละ ! ไม่มีบุญคลานตามกันมา ไม่ได้อ่านหรอก ขอให้ท่านเจริญในธรรม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2015
  18. ไร้นา

    ไร้นา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +108
    เรามองเห็นเจตนาของจ่ายักษ์ ว่า บริสุทธ์ ดีแล้ว
    อนุโมทนากับความบริสุทธ์ ของท่าน ที่ท่านได้ปฏิบัติธรรมมา จนเข้าถึงความละเอียดของอารมณ์(ขัน 5)และกำลังปฏิบัติอยู่
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ยกธรรมพระพุทธเจ้า ยกพระไตรปิฏก มา ยกการปฏิบัติมา

    สุดท้าย ก็ว่า ไม่ได้เกี่ยว ไม่ได้กล่าวถึงพระนิพพาน

    :cool:
     
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ความรู้นี้ไม่มีในร่างกาย ไม่มีในสมองเน่าๆของเรา นี่ไม่ใช่เรา ขออนุโมทนาบุญฯ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...