พลังจิต และ ความลับแห่งพีระมิด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 28 ธันวาคม 2004.

  1. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พลังจิต
    การศึกษาเกี่ยวกับอายตนะขันธ์ 5 นิพพาน ฯลฯ พลังงานและพลังจิตล้วนเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันมาโดยตลอดไม่สามารถที่จะแยกเรียนรู้ เฉพาะเรื่องใดเพียงเรื่องเดียวได้เลย เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต่างตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ
     
  2. satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,042
    ค่าพลัง:
    +17,915
    คุณเกษม ยอดเยี่ยมมาก คุณก็รู้เรื่องราวในคัมภีร์มรกตหรือครับ...เว็บผมก็กำลังจะอัฟเดตเรื่องนี้อยู่พอดี...http://www.gmcities.com
     
  3. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บังเอิญเข้าไปอ่าน เห็นว่าน่าสนใจดีเลยคัดลอกมาให้อ่านกันครับ ถ้าสนใจรายละเอียดมากกว่านี้ก็ลองอีเมล์ เข้าไปคุยกับเว็บมาสเตอร์นี้ดูนะครับhttp://www.geocities.com/healthmeditation/
     
  4. ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    หมายความว่าตอนนี้ท่านรตะกลับมาแล้วเหรอครับ? แล้วใครคือท่านรตะหละเนี่ย
     
  5. กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,353
    ค่าพลัง:
    +2,011
    โอ...ทึ่งดีค่ะ ชอบเรื่องแนวนี้อยู่เหมือนกัน

    ตอนนี้อยากได้ข้อมูลเรื่องความมหัศจรรย์ของปิรามิดค่ะ เพราะกระเจียวเคยทดลองทำเล่นๆ เพราะไปอ่านเจอในหอสมุดแห่งชาติ เรื่องปิรามิดเอามาครอบดอกไม้ทิ้งไว้ ดอกไม่เหี่ยว ครอบหมูหมูไม่เน่าเปื่อยไว
    ครอบมีดโกนที่ทู่ก็กับแหลมคมขึ้นมา


    ในเนตพอจะมีเรื่องนี้ที่เวบไหนคะนี่
     
  6. ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    แล้วปิรามิดรูปทรงอื่นหละครับ มันมีหน้าที่อะไรพิเศษมั้ยครับ อย่างเช่นซิกกูแรต

    (((ขี้สงสัยจังเลยผม)))
     
  7. kiatkiat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +826
    ขแบคุนมากครับ อ่านแล้วเพลิน ดีครับ
    ตกลงท่าน รตะ ฟื้นมาแล้วเหรอ ครับ
     
  8. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    13 พ.ค. 2547
    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้เดินทางถึงประเทศอียิปต์ และเชื่อมโยงการทำงานของพลังงานระหว่างสฟิงซ์-มหาพีระมิด-ดวงดาว และมหาอาณาจักรแอตแลนตีส

    http://www.geocities.com/healthmeditation/
     
  9. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Peramis หรือ ปิรามิด ที่คนทั่วไปใช้เรียกกันมาตลอด คำคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ หลักฐานที่ถูกจารึกไว้ในกระดาษปาปิรุส ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพิธีกรรมหรือตำนานของเทพเจ้า เช่น โอสิริส รา แต่มีอีกเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ ที่มาของคำว่า Peramis ซึ่งมีที่มาจากภาษากรีกว่า Pyramis และเชื่อกันว่าชาวกรีกโบราณถอดเสียงอ่าน มาจากเสียงที่แท้จริงของชาวอิยิปต์มากที่สุด จากกระดาษปาปิรุสเล่มที่มีชื่อว่า คณิตศาตร์ของราห์ย ที่ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษในกรุงลอนดอน จากบันทึกนั้นถอดออกมาเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า Pur-Em-Us

    Pur = พีร์ = เปลวไฟ
    Em = อาม = โอม , อุม (การเปล่งเสียงในบทสวดโบราณ เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ในการสังวัธยายมนตรา อันหมายถึงพลังสูงสุด)
    Us = อีส , อัส , อุส , ซุส = การพุ่งขึ้นสู่ที่สูง

    จากคำที่มีความหมายเหล่านี้ พีร์อามอีส หรือ..ปีรามิส คล้ายๆจะแปลได้ว่า เปลวไฟแห่งพลังที่พุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า
    แต่พลังงานที่ว่ามาจากไหน และเกิดขึ้นได้อย่างไร..?

    ปิรามิดจะทำงานร่วมกับสนามแม่เหล็กโลก และรังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์ พลังงานเหล่านี้จะสั่นสะเทือนเข้าไปยังใจกลางของปิรามิดที่ตำแหน่ง 1/3 ของความสูงในตัวปิรามิดเองตรงจุดนี้เองที่จะทำหน้าที่เป็นโพรงสั่นสะเทือน เหมือนกับเลนส์นูน ที่รวบรวมพลังมาไว้ที่จุดเดียวและปล่อยพลังงานออกมาที่จุดยอดนูนในรูปของพลังงานไฟฟ้าหรือแม่เหล็ก และในโพรงสั่นสะเทือนนี้จะมีคุณสมบัติในการรีดน้ำอย่างดี และมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีบางอย่างที่สัมพันธ์กับการเกิดขึ้นของอนุภาคประจุไฟฟ้าลบ

    กระบวนการนี้เริ่มจากปิรามิดจะรวบรวมเอาพลังงานจากสนามแม่เหล็กโลกและรังสีจากดวงอาทิตย์ ทำให้อากาศเปล่าๆ หรือ อะไรก็ตามที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ เกิดการสั่นสะเทือนและหมุนอย่างรวดเร็วของโมเลกุลขั้วคู่ของน้ำเสียดสีกันจนเกิดความร้อน (คล้ายกับการทำงานของเตาไมโครเวฟ) และถ้าหากวัตถุนั้นยิ่งแห้งสนิท (แม้แต่อากาศในท้องทะเลทราย) การสั่นสะเทือนนี้จะยิ่งรีดประจุไฟฟ้าสถิตย์ประเภทประจุลบจากวัตุถุนั้นออกมา (เหมือนหวีผมในหน้าหนาว) จนกระทั่งเกิดไฟฟ้าสถิตย์ และเมื่อมันสะสมอยู่อย่างมากมายภายในตัวปิรามิดและหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ มันก็จะเกิดแรงเคลื่อนประจุอันเนื่องมาจากศักย์ไฟฟ้า และไหลวนขึ้นไปข้างบนฟากฟ้าเป็นเกลียววนขนาดมโหฬาร ที่มีรัศมีเป็นสิบๆเท่าของรัศมีฐานปิรามิด

    การขนย้าย หินแต่ละก้อนมีน้ำหนักมหาศาลไม่ต่ำกว่า 2 ตันครึ่งเป็นจำนวนหลายล้านก้อน แต่ละก้อนนักที่วิชาการปัจจุบันหาวิธีขนย้ายไม่ได้ แน่นอน ถ้าพวกที่ก่อสร้างใช้แค่เครนหรือปั้นจั่นธรรมดาคงสร้างไม่ได้แน่ๆ เรามาคิดถึงพลังเกลียววน (เราเรียกมันว่าเกลียวก้นหอย) มันเป็นพลังงานที่วนขึ้นที่สูงและมีความถี่สูงมากๆ และถ้ายิ่งมีการผสานพลังที่มาจาก 2 ทางในทิศที่ตั้งฉากด้วยแล้วละก็..แรงลัพท์ที่ได้จะเป็นพลังงานเกลียววนในทิศทางใหม่ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่านี้เป็นปกติอยู่แล้วในธรรมชาติ และตอนนี้ก็รู้กันอยู่แล้วว่า สนามแม่เหล็กจากแท่งแม่เหล็กก็ดี หรือสนามแม่เหล็กโลกก็ดี ไม่ได้เกิดจากที่แม่เหล็กส่งแรงอะไรไปดึงดูดวัตถุรอบๆตัวมันหรอก แต่เป็นเพราะ วัตถุเหล่านั้นไหลไปตามสนามแรงแม่เหล็กที่กระจายออกมาจากแท่งแม่เหล็กเอง

    สนามแม่เหล็กที่กระจายออกมา มีลักษณะเป็นเกลียวเล็กๆเมื่อวัตถุตกอยู่ภายใต้เกลียวก้นหอยนี้ก็จะเกิดการสั่นสะเทือน และถ้ามันสั่นสะเทือนด้วยความถี่เท่ากันกับสนามพลังแม่เหล็ก วัตถุนั้นก็จะเริ่มไหลไปตามสนามแม่เหล็กจนกระทั่งเข้าไปประกบติดกับตัวมัน ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน
    เหมือนกับที่ฟาราเดยค้นพบมาจากความบังเอิญที่เขาหมุนขดลวดในสนามแม่เหล็กเข้า นั่นเอง เพราะเมื่อแม่เหล็กส่งพลังที่เป็นเกลียววนออกมา พลังงานความถี่นี้จะพุ่งเป็นระนาบที่มีทิศทางคงที่อันหนึ่ง สมมุติ ให้หน้าระนาบดังที่ว่านี้มีทิศทางเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวา จากนั้น เมื่อฟาราเดย์หมุนขดลวดทองแดงในทิศทางจากบนลงล่าง ซึ่งจะทำให้แนวของขดลวดกวาดไปตามหน้าระนาบของสนามแม่เหล็ก และเราจะเห็นเป็นขดลวดทองแดง ฟาดลงไปเฉียงๆลงบนแนวคลื่นก้นหอยของสนามแม่เหล็ก

    และการฟาดครั้งนี้จะทำให้หน้าระนาบของพลังในทิศทางจากหลังไปหน้า ซึ่งจะทำให้เกลียวก้นหอยมีศักย์เป็นเกลียวใหญ่ขึ้น ร้อยเอาเกลียวก้นหอยของพลังงานสนามแม่เหล็กมีศักย์เป็นเกลียวเล็กอันมีหน้าระนาบจากซ้ายไปขวาเข้ามาล้อมรอบตัวมันไปจนตลอดการหมุน เมื่อพลังงานอยู่ในสภาพที่สมดุลย์ แรงลัพท์ที่เป็นเกลียวก้นหอยแนวใหม่เกิดขึ้นทันทีในทิศทางตั้งฉากกับระนาบพลัง

    กล่าวคือ..จะเป็นพลังที่มีระนาบเคลื่อนที่จากล่างขึ้นบน ซึ่งก็คือทิศทางการใหลของกระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นภายในขดลวดทองแดงนั่นเอง นี่คือการทำงานของพลังงานที่อยู่ในปิรามิด แนวก้นหอยเล็กก็คือรังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์โดยปกติจะมีระนาบตามแนวตะวันออกและตก ส่วนเกลียวก้นหอยใหญ่ก็คือสนามแม่เหล็กโลก ก็จะมีระนาบปกติในแนวเหนือใต้และแรงลัพท์ที่เกิดขึ้นก็จะเป็นแนวล่างบน คือพุ่งขึ้นจากพื้นทะเลทราย ทีนี้พอจะทราบหรือยังว่า พวกเขายกหินหนัก 2 ตันครึ่งกันยังงัย..? นี่เป็นความคิดเห็นที่เราคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ ปิรามิดที่อยู่คู่กันข้างๆกีซา มีไว้ทำไม ก็พลังงานจากปิรามิด สร้างปิรามิด วนเวียนกันไปเรื่อยๆ จากกำแพงยักษ์ ป้อม คู ประตู ค่าย กระจายกันอยู่ตลอดเส้นทางหลายร้อยหลายพันไมล์ตั้งแต่เอล กวาดอร์ ไปจนจรดชิลี เหล่าอารชนที่สร้างพวกนี้ ใช้วิธีใดกันแน่ที่ทำมันขึ้นมา หินหนักสองตันครึ่งตัดเรียบสนิทเอามาต่อเรียงกันขึ้นไปสูงเป็นร้อยๆฟุตโดยไม่ต้องใช้วัสดุผสานรอยต่อ และแม้แต่ลิ่มที่บางที่สุดก็ยังไม่อาจแทรกเข้าไปได้ อารยธรรมที่คาร์บอน 14 พิสูจน์ออกมาว่าผ่านมาเป็น 10,000 ปีแล้ว (กีซา)

    นิยามของมหาปิรามิด

    อาร์คิเมดิส นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก

    ผลรวมระยะทั้ง 4 ด้านของฐานหารด้วย 2 เท่าความสูง = 3.1416 (ค่าไพ = 3.1428)
    ค่าการวัดเป็นนิ้ว (Pyramidal Inch) สามารถคำนวณออกมาเป็นขนาดใกล้เคียงกับขนาดของโลกเช่น
    50 นิ้วปิรามิด = 1 ใน 10 ล้าน ของแกนขั้วโลก
    ผลรวมของด้านฐาน = จำนวนวันใน 1 ปี หรือ 365.240
    สองเท่าของความสูงปิรามิดคูณด้วย 10,000,000 = ความยาวระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์โดยประมาณ
    1 นิ้วปิรามิดคูณด้วย 10,000,000 = ค่าใกล้เคียงกับระยะทางของวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ (ค่าแตกต่างเพียงเล็กน้อยอธิบายได้ว่าความกว้างวงโคจรตอนที่สร้างกับตอนนี้แตกต่างกัน)
    สองเท่าของความยาวด้านทั้งสี่ = 1 ลิปดา หากวัดเป็นเมตรจะได้ 1,824.92 แต่ปัจจุบันวัดได้ 1,842.78 (ต่างกัน0.14)
    ความยาวรวมของเส้นทแยงมุมของฐาน = 25,826.6 (ใกล้เคียงกับปีครบรอบของแกนขั้วโลกที่กลับเข้าตำแหน่งเดิมในทุกๆ 25,827 ปี)
    น้ำหนักของปิรามิดประมาณ 600,000 ตัน คูณด้วย 100,000,000,000,000 = น้ำหนักของโลกโดยประมาณ

    ---------------------------------------------------------------

    ชาร์ล เพียซซี สมิธ นักดาราศาสตร์แห่งราชสำนักสก็อตแลนด์ ปี ค.ศ. 1865
    ความยาวรอบฐาน หารด้วย ความกว้างของหินขัดโดยเฉลี่ย = 365 : เท่ากับจำนวนวันใน 1 ปี
    ความยาวนิ้วปิรามิด = ความยาว 1 ใน 25 ส่วนของหินลาดปูพื้นฐานทางยกพื้นจากปิรามิดไปวิหารต่ำ หรือ 1 ใน 10,000,000 ของความยาวรัศมีโลก
    ทางเดินเข้าไปภายในลาดเอียง 26 องศา 17 ลิปดา ทางเข้าปิรามิดตรงกับตำแหน่งดาว อัลฟา ดราโคนีส ทางขั้วโลกเหนือทุกประการ
    และสันนิษฐานว่า จุดประสงค์ในการสร้างปิรามิดแห่งนี้คือการสร้างอภินิหารของพระเจ้าให้ปรากฏแก่ชาวโลก
    และนอกจากนี้ยังได้ค้นพบวิธีคำนวณอายุของโลกในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตได้ แต่นักวิชาการปัจจุบันไม่ยอมรับ

    ---------------------------------------------------------------

    ดร.หลุยส์ อัลวาเรซ (รางวัลโนเบิลไพรซ์ สาขาฟิสิกส์ 1968)
    ได้เดินทางไปทดสอบพลังบางอย่างในมหาปิรามิดพร้อมทีมงาน ผลปรากฏว่า เครื่องมืออันทันสมัยพร้อมกับแมกเนติกเทปที่ใช้บันทึกข้อมูลเสียหายหมด แม้จะทดลองซ้ำก็ไม่เป้นผลทั้งๆที่ก่อนทดสอบได้ตรวจสภาพและทดลองใช้มาก่อนอย่างดีแล้ว ข้อมูลต่างๆที่ได้ เลอะเลือนไปจนหมด
    สรุปว่ามีแรงกระทำบางอย่างภายในที่มีคุณสมบัติเหนือกฏเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ของโลกปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง


    แผนที่ดวงดาว โดยนายโรเบิร์ต โบวัลกับนายเอเตรียม กิลเบิร์ต ได้ช่วยกันเขียนหนังสือ เรื่อง "ความลึกลับแห่งหมู่ดาวโอเรียน" ขึ้นมาเพื่อแจกแจงว่าบรรดาตำแหน่งที่ตั้งของบรรดาปิระมิดในทะเลทรายกิเซนั้น บังเอิญไปสอดคล้องกับตำแหน่งของหมู่ดาวโอเรียนบนท้องฟ้าเมื่อ 10,500 ปีก่อน ค.ศ. !!! โดยทั้งสองยืนยันว่าสิ่งก่อสร้างโบราณที่เรียงรายริมฝั่งแม่น้ำไนล์นั้นก็คือ แผนผังหลัก (master plan) ของบรรดาดวงดาวบนท้องฟ้าอันไกลโพ้น และแม่น้ำไนล์นั้นก็คือ ตัวแทนของทางช้างเผือก (Milky Way) นั่นเอง

    โดยจะเห็นได้จากความสัมพันธ์ของจุดที่ตั้งมหาปิระมิดทั้งสามแห่งกิเซ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกันกับตำแหน่งของดวงดาว 3 ดวง ที่ส่องสว่างที่สุดของแถบดาวโอเรียน ซึ่งในอียิปต์นั้นถือว่าเป็นดาวประจำตัวของเทพโอซิริส นอกจากนี้โบวัลกับกิลเบิร์ตยังชี้ให้เห็นว่าแกน "ระบายลม" ในปิระมิดก็มีมุมที่มีนัยสำคัญ นั่นก็คือ แกนทิศใต้ของห้องกษัตริย์จะชี้ตรงไปยังแถบดาวโอเรียน ในขณะที่แกนระบายลมของห้องราชินีจะชี้ไปยัง "กลุ่มดาวซิรีอุส" ดาวประจำตัวของเทพีไอซิส มเหสีของเทพโอซิริสนั้นเอง และเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า หลังจากองค์ฟาโรห์ทรงสิ้นพระชนม์ ดวงวิญญาณของพระองค์จะล่องลอยไปสถิตอยู่กับเทพโอซิริสในดวงดาวนั้น เพราะเทพโอซิริสมีพลังอำนาจในการกลับคืนสู่ชีวิตอีกครั้งหลังความตาย

    Peramis องค์ใหญ่แห่งกีซา มีต้นกำเนิดคลื่นรังสีไมโครเวฟ หรือ นาโนเวฟ จากมุมทั้ง 5 ของโครงสร้าง เป็นการแผ่ขยายรังสีจากโมเลกุลหรืออะตอมของมวลสารภายใน พุ่งเป็นลำตัดตรงไปยังกึ่งกลางของแต่ละด้าน จุดกึ่งกลางที่ตัดกันนั้นคือจุดศูนย์กลางแห่งพลังงานอันมหาศาลที่เกิดขึ้นภายในโครงสร้าง Peramis นั่นเอง

    พลังงานจากปิรามิดที่เกิดขึ้นภายในจากมุมทั้ง 5 นั้น มีความสัมพันธ์กันกับดาวนพเคราะห์ด้วย ดวงดาวต่างๆ แรงดึงดูดของโลก และมวลสารทุกชนิดในจักรวาล พลังงานทั้งหมดนี้จะรวมกันที่จุดศูนย์กลางหรือบริเวณพื้นที่ที่สร้างเป็นห้องฟาโรห์ภายในปิรามิดนั่นเอง โมเลกุลหรืออะตอมภายในบริเวณนี้จะดูดพลังเหล่านี้ โดยระบบการถ่ายเทพลังซึ่งกันและกันตลอดเวลา ขณะที่มีพลังเพิ่มขึ้น วงโคจรของกระแสอิเล็กตรอนก็จะเริ่มขยายออก และยิ่งพลังถูกดึงดูดเก็บไว้ก็จะยิ่งเพิ่มกำลังขยายออกไปมากขึ้น ในบางครั้งมันคงจะมีอยู่จุดหนึ่งซึ่งถ้าพลังถูกดึงดูดเก็บไว้มากเกินไปแล้ว อะตอมภายในมวลสารคงจะสลายตัวแตกออกเป็นส่วนๆ และอิเล็กตรอนก็คงจะกระจัดกระจายออกไป ทำให้พลังงานถ่ายเทออกไปจากโครงสร้างปิรามิดไกลเกินกว่าที่จะดึงดูดไว้ได้
    พลังงานลึกลับที่เกิดขึ้นนั้นเป็นพลังงานแบบเดียวกันกับพลังงานชี่ (Chi) ตามที่ชาวจีนโบราณเข้าใจ หรือพลังลมปราณ (Prana) ที่ชาวอินเดียโบราณรู้จัก หรือพลังงานอะตอม ตามแนวคิดของไอน์สไตน์ หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์และนัดคิดในปัจจุบันยังตีความไม่ออก แต่ก็ยังคงค้นคว้า และพยายามทดลองกันอย่างไม่ลดละโดยมีแนวความคิดเป็นสมมุติฐานใหม่ออกมา เป็นการเปิดประเด็นใหม่ ซึ่งพอจะแตกประเด็นได้ดังนี้


    ประเด็นที่ 1
     
  10. NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,482
    นี่ๆ คุณเจ้าของกระทู้...

    คุณอย่าเอามารวมกันสิ... ในอำนาจของฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนของอียิปต์ ..นั้นไม่เกี่ยวกับพุทธ .. เพราะว่าคนละอัน.. พันธุ์ละสิ่งไม่เกี่ยวกันโดยสิ้นเชิง...เหอเหอเหอๆๆๆๆ


    ถ้าคุณจะพูดถึงเรื่องราวของฟาโรห์.. อียิปต์.. สฟิงค์..และบรรดาอาณาจักรของลุ่มน้ำไนล์..คุณก็ควรจะกล่าวถึงเรื่องเรื่องอารยธรรมตะวันตก (Western Civilization) ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับอารยธรรมตะวันออก (Eastern Civilization) ... โดยสิ้นเชิง..เข้าใจมั๊ย?

    ถ้าคุณกำลังจะพูดถึงอารยธรรมตะวันออก .. คุณควรจะพูดถึงดินแดนมองโกล .. เจงกีสข่าน.. อาณาจักรอันรุ่งเรืองของสามก๊ก(จีน)...อานาจักรของอาทิตย์อุทัย(ญี่ปุ่น) ... ใช่หรือเปล่า?

    ถ้าคุณพูดรวมๆ ... อย่างนี้.. คุณเป็นสาวกไอ้... (ที่แอบอ้างว่าบรรลุ... และสำเร็จ.. เป็น..พระฯ....ไม่อยากเอ่ยนามไอ้พวกแอบอ้างนี้สักเท่าไหร่... เบื่อๆๆๆๆ) ... น่าเบื่อพวกที่แอบอ้างที่สุด .. น่าเบื่อ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ใช่หรือเปล่า?

    ตอบมา? ผ่าน PM ก็ได้ ... ผ่าน Mail ก็ได้ ..

    ปู่ NiNe ให้อภัยกับผู้หลงผิดอยู่เสมอ... ลูกหลานเอ้ย!!!!

    กลับตัวกลับใจซะ... อย่าลุ่มหลงให้มากนัก... นรกฯ...ชัดๆ
     
  11. NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,482
    โดยเฉพาะหัวข้อกระทู้ที่คุณตั้ง (กระทู้หมายเลข 1) ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง(คุณกำลังจะรวมขั้วบวกให้กับขั้วลบ .. เป็นไปไม่ได้ ..คุณกำลังจะรวมขั้วโลกเหนือเข้ากับขั้วโลกใต้ .. มันก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน... ไม่มีทางสำเร็จหรอก) .. รับไม่ได้ ..

    หรือคนอื่นๆ รับได้ ก็ไม่เป็นไร .. ปู่ NiNe รับไม่ได้ว่ะ...

    มันเหมือนกับกระทู้ที่ไอ้พวกแอบอ้างมันตั้งขึ้นมา
    ใบ้ให้นิดนึง .. มันใช้ชื่อขึ้นต้นว่า "อารยฯ..."
    นั่นหล่ะ... แย่แล้วๆๆๆๆๆ
     
  12. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม"

    ใจเย็นๆ ครับ เราคนไทยด้วยกัน รักกันไว้เถิด
     
  13. NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,482
    คุณเกษม ... ที่นับถือ

    บังเอิญว่าผมอ่าน โดย Search คำว่า 10,000 ปี นั้นทำให้ผมเทียบเคียงกับ "ไอ้ผู้ที่แอบอ้าง ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ... อารยฯ... "

    ทำให้ Wording คล้ายกันมาก .. อีกทั้งสำนวนที่คุณใช้คุ้นมาก .. ทำให้เป็นอย่างนั้น..ในความรู้สึกของผม...ถ้าใช่ .. เลิกเสียเดี๋ยวนี้... ขอเตือน

    ถ้าคุณคือ คนที่ผมเกลียด...(โดยเฉพาะมันผู้ที่ใช้ชื่อที่ขึ้นต้นด้วย ...อารยฯ...) คุณเตรียมรับพลังชั่วร้ายของผม... ณ. บัดดลฯ... เตรียมใจเถอะ .. ปู่ NiNe ไม่ปราณีนะจะบอกให้

    ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ผมเกลียด .. ไม่เป็นไร ....ขอให้คุณเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ... แล้วเราจะไปพบกันที่สุดขอบจักรวาล... จุดนัดพบที่ท้ายๆ ของทางช้างเผือก ... ณ. ดวงดาวที่สันติ ..สงบสุข...นิรันดร์ ..

    ปู่ NiNe ให้อภัยฯ... สำหรับผู้ที่หลงผิดเสมอ...เหอเหอเหอ....ๆๆๆๆๆ
     
  14. Des เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,264
    ค่าพลัง:
    +303
    ยาวจัง ... ตาลายก่อนอ่านจบ -__-''
    รูปที่คุณปู่ Nine ใช้ มองๆ ไปคล้ายกับดวงตาสีแดงเลย
     
  15. นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,099
    ค่าพลัง:
    +2,696
    อ่านแล้วมันส์ดี
     
  16. NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,482
    เอ็ดการ์ เคซีย์ ได้ให้แนวความคิดใหม่แก่วงการวิทยาศาสตร์ไว้หลายแขนง โดยเฉพาะวงการแพทย์ แต่อีกแขนงหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย ได้แก่การทำนายเกี่ยวกับการสร้างมหาปิรามิดกีซา เขาได้ใช้พลังจิตตรวจสอบและให้ข้อมูลดังนี้

    เมื่อ 12000 ปีก่อน BC มีนักปราชญ์จากแดนอารยธรรมอันสูงสุด 900 คน ได้เดินทางเข้าไปในอียิปต์ เนื่องจากพวกเขาเล็งเห็นว่า อียิปต์เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติการแห่งวิทยาการต่างๆของจักรวาล เป็นแหล่งพลังงานอนมหาศาล ปลอดภัยจากแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด และน้ำท่วมโลก ผู้นำในการก่อร่างสร้างมหาปิรามิดชื่อ รา-ตา เป็นนักบวชหนุ่มที่ทรงพลังจิต และมีพรสวรรค์ในการก่อสร้าง นักบวชหนุ่มคนนี้ ได้ใช้ อำนาจจิต ด้วยการรวบรวมพลังงานต่างๆที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ รวมทั้งพลังงานลึกลับอีกแห่งหนึ่ง มาผนึกรวมกันและจักการก่อสร้างด้วยการบังคับแท่งหินทั้งหมดขึ้นไปเรียงซ้อนกันอย่างง่ายดาย

    นี่คือคำทำนายของเอ็กการ์ เคซีย์ เกี่ยวกับมหาปิรามิดกีซา
     
  17. ดาวหางสีเงิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +795
    ปู่NiNeเครียดซะแล้ว อิอิ
    สำหรับเรื่องนี้ ผมเปิดใจครับ...มีความรู้ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยในนี้
    ตรงไหนน่าเก็บก็เก็บไว้ ตรงไหนไม่น่าไว้ใจก็ทิ้งไป

    สำหรับ คุณเกษม กับคุณอารยเมตตรัย นี้ ผมไม่มั่นใจว่าคุณเป็นคนเดียวกันรึเปล่านะครับ
    แต่รู้สึกได้ว่าคุณ2คนมีอะไรที่คล้ายๆกัน
     
  18. เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ขอทำความเข้าใจก่อนนะครับ

    ข้อความทั้งหมดที่ผมนำมาโพสต์ในกระทู้นี้ ผมบังเอิญเข้าไปอ่านพบมาเห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยนำมาเผยแพร่เป็นความรู้ อ่านแล้วอย่าคิดมากครับ ส่วนเรื่องคุณอารยเมตตรัยผมก็เห็นว่าเขาเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง คงจะเกิดภาพหลอนในใจตนเองเนื่องจากปฎิบัติธรรมผิดแนวทาง จึงสำคัญตนผิดไปเช่นนั้นครับ
     
  19. satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,042
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ท่านรตะ คือโหรหลวงครับ...ถ้าอยากรู้ข้อมูลที่แท้จริงต้องคุณ nine นะเพราะผมเองก็มีข้อมุลชุดเดียวกับที่คุณ nine มีอยู่นะ ตอนแรกว่าจะมาโพส แต่ยกให้คุณๅ nine เป้นพระเอกดีกว่า
     
  20. NiNe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,482
    มิกล้า..มิกล้า... ครับท่านพ่อมดฯ... ปู่ NiNe มิกล้า
    เชิญท่านพ่อมดฯ .... โปรดบรรยาย...

    แต่ขอร้องว่า .. ท่านพ่อมดฯ... ... อย่าแอบอ้างว่า...ท่านพ่อมดฯ...... เป็นองค์สมเด็จฯ ... แค่นั้นปู่ NiNe ก็ยอมรับแล้ว ... นับถือ... นับถือ
     

แชร์หน้านี้