มหาเวสสันดร ๑๓ กัณฑ์ อย่างละเอียด

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 3 เมษายน 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    พราหมณ์เอ่ย ในที่ใกล้ฝั่งสระนั้น ยังมีฟักแฟงแตงเต้า ๓ อย่าง อย่างหนึ่งมีผลโตเท่าหม้อกลั่นขนาดใหญ่ อีก ๒ อย่างท่านไขว่ามีผลโตเท่าตะโพนอันมหึมา ฯ ที่ใกล้ริมสระนั้นมิใช่จะมีพรรณไม้แต่เท่านี้ก็หามิได้ ยังมีพรรณไม้อีกหลายอย่างคือ ผักกาด กระเทียม เต่ารั้ง บัวขาว มะลิวัลลิ์ เปราะป่า อโศก เทียนป่ง ต้นเข็ม หญ้าหางช้าง ต้นอังกาบ กากะทิงกิ่งขนาบต้นทองเครือ ชุมแสง ลำดวน คัดเค้า ชะเอม มะลิซ้อน หงอนไก่ แกแร กรรณิการ์อันมีช่อดอกเบ่งบานดูตระการตา สรรพบุปผาชาติทั้งบนบกและในน้ำย่อมเกิดประจำมีที่สระมุจลินท์โบกขรณีด้วยประการฉะนี้

    ที่สระมุจลินท์นี้มีฝูงปลาคลาคล่ำอาเกียรณ์ เป็นต้นว่าปลาตะเพียน ช่อน ดุกแหวกว่ายหันเห อีกจระเข้มังกรและปลากาก็มีมาก ปลาฉลาดและบอกอีกปลาสวาย ปลาเค้าว่ายวนเวียนตะเพียนทอง กุ้งกั้งกางก้ามเที่ยวหากิน ปลาอำพันแหวกวารินว่ายเรียงเคียงเต่าทอง ในที่ใกล้สระมุจลินท์ยังมีคันธชาติอีกหลายชนิดคือ ชะเอมต้นขึ้นชิดชะเอมเครือและกำยาน ประยงค์ทอดประสานเกี่ยวก่ายกัน แห้วหมูหมู่กะเมงและสัตตบุษย์ สมุลแว้งขึ้นแทรกแซงสารภีมีอนันต์ มีทั้งสามสิบขึ้นแทรกต้นกฤษณา เครือกะไดลิงพิงผกา เทพธาโรเดียรดาษเป็นพุ่ม โกฏฐ์ขาวเหล่ากะทุ่มเลือดหนาดขมิ้น แก้วหอมส่งกลิ่นอยู่เฉื่อยฉิว เครือหญ้านางเป็นทิวเหนี่ยวเกี่ยวกำคุณ สรรพเครื่องยาต่างอนันต์เอนก สมอพิเภกว่านเปราะเพาะพืชไม่เสื่อมสูญ อีกากระบูนกระบวนเหล่าเถารังแดง ฯ

    อีกประการหนึ่งในป่าใหญ่ย่อมเป็นที่อาศัยแห่งสัตว์หลายจำพวก คือ ราชสีห์ เสือโคร่ง ช้างพัง ช้างพลาย ละมั่ง อีเห็น สุนัขจิ้งจอก และหมาใน ทั้งกะรอก สมัน ลิงลม ลิงทโมน และจุ่น เที่ยวหกโหนชุลมุนเสาะเสพผลาหาร กวาง กระทิง หมี วัวเถื่อน แรด และหมู อันเชือนเข้าชิงชน พังพอน กระแต กาสร หมาในและจิ้งจอกเห่าหอน ปอมข่างตะกวด เหี้ยวิ่งนัวเนียรอบพระอาศรม คชสีห์ เสือดาว เสือปลา ก็มีมาก ในวารียังมีนกอีกหลายเหล่า คือ นกทิ้งทูต นกยูง นกหงส์ และไก่เถื่อน อีกทั้งนกเขาไฟ นกหัสดีลิงค์ นกยางกรอกอันซอกหาอาหารนกโพระดก นกต้อยกะตีวิด นกกะเรียน นกตะกรุมหางเกรียนไซร้ปีกขน ทั้งฝูงเหยี่ยวเที่ยวเฉี่ยวโฉบหาเหยื่อ นกพวกนี้เหมือนกับเสือ เพราะยังสัตว์ให้พินาศ

    นกอีลุ้ม นกช้อนหอย นกกะหิด นกคับแคบ นกแขก นกกลด นกกระเต็น นกกระทุง นกกระจอก นกกระจิบ นกการเวก อันกระพือปีกป้องร้องเสียงดัง นกแอ่นลมร่อนเร่บนเวหา อีกนกแสกแถกถลา นกจอกตราสู่ที่โคจร นกสองเหล่านี้ท่วงทีหากินเวลาค่ำ ส่งเสียงซ้ำระบุนามของตัวเอง อันสระมุจลินท์นั้นเกลื่อนกลาดด้วยทิชาชาติหลายเพศพรรณ สนั่นอยู่ด้วยเสียงจตุบาททวิบากด้วยประการฉะนี้ ฯ

    อีกประการหนึ่ง ในป่านั้นเล่า นกต่างเหล่าละตัวงามระยับ มีปีกหางประดับด้วยลวดลาย ต่างมุ่งหมายส่งเสียงเสนาะโสต ย่อมปราโมทย์พลอดจ้ออยู่คลอเคลีย นกเหล่านั้นหนาท่านพราหมณ์ ล้วนแต่มีดวงตางามดุจแก้วมณี มีหางตาขาวเข้าทั้งสองข้าง มีปีกหางวิจิตรน่าพึงชม ส่งเสียงระงมเพลินฟังวังเวงใจ ยังมีนกอีกชนิดหนึ่งซึ่งเรียกว่านกยูง มีแข้งขาค่อนข้างสูงแผกจากธรรมดา ทั้งแง่หงอนก็งอกง้ำล้ำไปข้างหน้า ทั้งสร้อยคอก็สง่าเขียวขำกำหางอย่างมณีนิล ต่างส่งเสียงไพเราะเป็นอาจิณน่าเจริญใจ ฯ

    เหล่าไก่เถื่อนไก่ฟ้าพาคู่คลาหาอาหาร นกเปล้าเคล้าคลอคู่สำราญ พลางประสานส่งเสียงสนั่นดง นกนางนวลนอนระเนนนัวเนียแนบ แซงแซวแอบโอบเฉี่ยวเหนี่ยวนกเขา นกกาลิงน้อยถอยหนีนกแขกเต้า สาลิกาจับเจ่าพลอดจ้อฟังเพลินใจ สกุณชาติเหล่านี้สีต้องงดงามอร่ามเรือง เหล่าที่เหลืองเล่ห์สีขมิ้น เหล่าที่แดงก็แดงสิ้นไม่สอดสี เหล่าที่ขาวก็ขาวขจิดขจีแข่งสำลีใย เหล่าลอนฝางจับไม่ห่างหัสดีลิงค์แล้วเคล้าคู่ พญาหงส์ทองลอยล่องสู่โคจร กะลิงคใหญ่จับใกล้เหล่านกแก้ว ดุเหว่าวุ่งแว่วส่งเสียงสำเนียงดัง ยังมีอีกหลายชนิด คือนกออกดำนกออกขาว นกหงส์ นกช้อนหอย นกตบยุง นกหงส์ขาว นกหงส์แดง นกโพระดก นกกะหิด นกพิราบ นกเป็ดน้ำ นกจากพราก นกกาน้ำ นกหัสดีลิงค์ และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน

    ดูก่อนมหาพราหมณ์ผู้เจริญ สันป่านั้นอาเกียรณ์ด้วยเนื้อทรายและเนื้อกวาง เป็นสถานที่อาศัยแห่งโขลงช้าง ทั้งดาษดื่นด้วยลดาชาติและธัญญชาติหลายชนิด เป็นต้นว่าหญ้ากับแก้ ข้าวฟ่าง ลูกข้าวสาลีและอ้อยนับไม่ถ้วน ดูก่อนพราหมณ์ ผู้สมควรแก่การคลาไคลอันหาทางที่จะไปสู่พระอาศรมของพระเวสสันดรบรมราชฤาษีนั้น เป็นทางตรงไม่เคี้ยวคด เฉพาะเดินได้แต่ผู้เดียว เมื่อผู้ใดไปถึงพระอาศรมอุดมสถานนั้นแล้วย่อมชื่นบานสำราญใจ สมเด็จพระเวสสันดรบรมราชฤาษีกับทั้งพระราชโอรสธิดาอัครมเหสี ทรงผนวชบำเพ็ญพรตอยู่ในอาศรมบทใด เมื่อท่านไปถึงอาศรมบทนั้นแล้ว ก็จักได้ชมพระอาศรมและพระบริขารเหล่าอื่นอันเป็นขวัญตา

    อิทํ สุตฺวา พฺราหฺมณพนฺธุ ฝ่ายว่าชูชกเผ่าพันธุ์พราหมณ์ภารทวารชาติ ครั้นได้สดับพจนารทของพระอจุตฤาษีชี้บอกมรรคาด้วยประการดังที่ได้แสดงมาแล้ว ก็แสนที่จะยินดีโสมนัส จึงยกหัตถ์ขึ้นนมัสการกระทำปทักษิณสิ้นตติยวารแล้วอำลาไป สมเด็จพระเวสสันดรนราธิเบศร์เสด็จประทับสถานที่ใด พราหมณ์เฒ่าก็สัญจรไปสู่ประเทศที่นั้นแล จบเรื่องพระเวสสันดรในกัณฑ์มหาพนแต่เพียงเท่านี้
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ชูชโกปิ อจฺจุตตาปเสน กถิตมคฺเคน ยาว จตุรสสโปกฺขรณีตีรํ ปตฺวา จินฺเตสิ อชฺชาติสายณฺเห อิทานิ มทฺที อรญฺญโต อาคมิสฺสติ มาตุคาโม หิ นาม ทานสฺส อนฺตรายกโร โหติ เสว ตสฺสา อรญฺญคตกาเล อสฺสมปทํ คนฺตฺวา เวสสนฺตรํ อุปสงฺกมิ ตฺวา ทารเก ยาจิตฺวา ตาย อนาคตาย เอวนฺเต คเหตฺวา ปกฺกมิสฺ สามีติ

    อสฺสโม อันว่าพระอาศรมบรมนิเวศน์วงกต เป็นที่เจริญพรตพรหมวิหาร แสนสนุกรัมณิยรโหฐานทิพพาอาสน์ ดั่งชะลอบัณฑุกัมพลศิลาลาดเลิศแล้วมาลอยลง สี่กษัตริย์เสด็จดำรงสำรวมกิจ ทรงเพศผนวชเป็นนักสิทธิ์สืบโบราณ โดยอุปนิสัยสมภารหน่อพุทธางกูร ท้าวเธอก็สู้เสียสละละซึ่งมไหศูรย์ศวรรยางค์ ออกมาก่อสร้างซึ่งสมดึงสบารมี* น้ำพระทัยท้าวเธอโปร่งเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ ชูชโกปิ แม้อันว่าเฒ่าหือรือโหด**นชาติทาสเมถุน

    คนฺตวา ตะแกก็มุมุ่นมุ่งเขม้นถ่อกายเก่นตะเกียกเดินโดยพนัสแถวเถินทางเฉพาะ ตามคำพระอัจจุตะเจ้าเจาะแจ้งคดีพอล่วงวิถีระยะโยชน์ ถึงสโรชโบกขรณีแนวพนัสแน่นหนาป่าระหง พอพระสริยงเธอเยื้องรถบทจรเย็นยอแสงสั่งทวีป ฝูงทิชากรก็ร่อนรีบรีบเข้ารังเรียง ได้ยินเสียงผีป่าโป่งโป้งเปิ่งกู่ก้องร้องกระหึมผีผิวพึมฟังขนพอง เสียงชะนีร้องอยู่โหวยโวยโว่ยวิเวกวะหวาม อกพราหมณ์ก็หยุดยืนตื่นตกตะลึงนึก ว่าเอ๋ยกูนี่สุ่มาะอึกมาถึงไหนเข้าแล้วสิหว่า เหลียวซ้ายแลขวาเห็นช่อฟ้าลิบ ๆ สองตาตะแกไม่กระพริบเพ่งจ้องเล็งแล ก็หมายแน่ว่าโน้นแล้วสิหนอออพระอาศรม ธชีแกก็มีมโนภิรมย์ปรารภรำพึงกาลว่า

    อชฺชาติ สายณฺเห เวลาปานฉะนี้น่าที่จะมิลุดั่งประจุใจที่ตูนี่เจตน์จง ด้วยสมเด็จพระอนงค์นาฏมัทรี พระนางจรลีกลับจากที่แสวงหาผลาผล เสด็จรีบร้นเข้ามายังพระอาศรมสถาน อนึ่งก็เป็นคำโบราณท่านย่อมว่า ว่าช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม ด่วนได้ด้วยสามผลามมักพลิกแพลง มาตุคาโม ธรรมดาว่าสตรีนี้เป็นเกาะแก่งกีดกระแสกุศล มีมัจฉริยะมืดมนคือตัวมาร ยามเมื่อสามีจะทำทานมักทำลาย ด้วยแยบคายคอยค้อนติงเข้าทักท้วงให้ทอดทิ้งเสียศรัทธาผล มาตรแม้นและว่าอาตมะจะรุกร้นโลภเข้าไปขอ ซึ่งพระปิยบุตรน้อยหน่อผู้แนบอก ทีไหนพระนางเธอจะยอมยกซึ่งพระปิยบุตรทานบารมี น่าที่จะเสียทั้งสองทาง ฝ่ายพระองค์ผู้ทรงสร้างก็จะเสียศรัทธาผล ฝ่ายเราผู้แสนจนก็จะปราศจากลาภคว้าน้ำเหลวอยู่ลังเล

    เสว เอ ต่อรุ่งเวลาพรุ่งนี้เถิดสินะคอยให้พระนางเธอหลีกละพระเจ้าลูกทั้งคู่เข้าสู่ดง ยังแต่องค์สมเด็จพระชินวงศ์วรราช อุปสงฺกมิตฺวา อาตมะจึงจะลีลาศลอดเลาะเข้าไปสู่เฉพาะพระเพ็ญพักตร์ จะทูลขอพระยอดรักปิโยรส ได้แล้วก็จะบทจรมุ่งไปหาเมีย เห็นจะไม่เสียทีที่ถ่อร่างมาหอบรวน คิดแล้วเฒ่าก็หันหวนหาที่นอน พอจะซอกซอนให้พ้นสัตว์จัตุบาท เฒ่าก็ปีนทะลุทะลาดขึ้นสู่ชะง่อนเขา พราหมณ์ก็นั่งซบเซาคำนึงนึกเสียงสกุณร้องก้องกึกให้หวั่นหวาด พระพายชายพัดบุปผชาติหอมระรวยมา เฒ่าก็เหวี่ยงย่ามละว้าวางลงต่างหมอน นอนไขว่ห้างทางสาธยายมนต์ ตะแกก็กรนอยู่ครืดครอกบนซอกผา พระพายชายพัดมาฉิวเฉื่อย พราหมณ์ก็นอนหลับเรื่อยสำราญใจเหนือสิงขรเนินไศล นั้นแล

    ตํ ปน รตฺตึ ในเมื่อราตรีธชีนอนเหนือสิงขรขอบเขตพระอาวาส ส่วนสมเด็จพระนางนาฏมัทรี เสด็จบรรทมที่ในห้องพระอาศรมบรรณศาลา ยังมิทันที่จะนิททราระงับพอหลับพระเนตรก็อาเพศเป็นลางหลาก ยามเมื่อจะจำจากพระลูกรักทั้งสองศรี พระอินทรีย์เธอก็สั่นระรัวริก สะดุ้งพระองค์พลิกดั่งใครผลักให้พลัดแพลง เสียว ๆ สยะแสยงยะเยือกเย็น ว่าเอ๊ะจะเป็นพิกลฉันใดหรือว่าภัยจะบังเกิดมี เธอก็แผ่พระไมตรีลงสู่ที่นิทรารมณ์บรมไสยาสน์ พระนางให้หวาด ๆ จนเพลาปัจจุสมัยจึ่งม่อยผอยหลับสนิท เสวยพระสุบินนิมิต* ผิดประหลาดลามกว่า

    เอโก ปุริโส ยังมีบุรุษผู้หนึ่งนั้นเติบโตดำล่ำสันเห็นพิลึก ผิวกายดำเป็นมันหมึกมืดดั่งมหาเมฆ ดูนี่โกกเกกเก่งฉลาด ปริทหิตฺวา นุ่งผ้าย้อมฝาดคาดกาสาว์ สักกระสันพันเป็นเกลียวเหนี่ยวเหน็บรั้ง ผืนหนึ่งคาดพุงนุงนังจั้งมั่งทะมัดทะแมง ปิลนฺธิตฺวา ทัดดอกไม้แดงทั้งสองหูดูสง่า อาวุธหตฺโถ มีหัตถ์เบื้องขวานั้นถือดาบ คมเขียวเป็นมันปลาบละเลื่อมแสง แกว่งฉวัดเฉวียนวิ่งวู่จู่เข้ามาถึง ถีบทวารตึงทลายลง ตชฺเชนฺโต กระทืบเท้าตะคอกขู่คำรามสำราก ฉวยชฎานางกระชากฉุดให้หลุดพลัด รวบพระกรกระหวัดทั้งซ้ายขวาให้พระนางอุตตานภาพ ฟาดด้วยดาบแล้วก็เหวี่ยงลงตรงพระพาหา สองซ้ายขวาขาดเป็นสิน พระกรกระเด็นดิ้นอยู่แดดาล แล้วมิหนำซ้ำแขวะคว้านควักพระนัยนเนตรทั้งสองปลิ้นให้วิ่นหวะ

    อุรํ ภินฺทิตฺวา เอาดาบฉะเชือดพระทรวงล้วงชำแหละแหวะหาพระหฤทัยพระนางนั้น ตสฺสา วิรวนฺติยา ในลักษณะฝันว่าพระนางเธอมิได้ต่อเถียง แต่ร้อง ๆ จนสุดสิ้นพระสุรเสียงสำเนียงกระกรีดกรีด หรือวิงวอนขออธิกรณโทษ ชายนั้นกริ้วโกรธเด็ดได้ดวงหทัย พระโลหิตไหลละลุ่มลง นางก็สะดุ้งพระองค์ออกพระโอษฐ์โลดลอยพลอยผวาตื่นฟื้นขึ้นทันที ในปัจฉิมราตรีนั้นแล


     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    สา ปพุชฺฌิตฺวา เมื่อนางพระยาผวาตื่นตระหนกตกประหม่าไม่มีขวัญ พระทัยพระนางเธอไหวหวั่นหวีดหวาด เจียนหัวใจจะขาดอยู่ร่อแร่ สำคัญว่าเป็นแม่นแท้เหมือนความฝัน จึ่งสอดพระกรพัลวันลูบไล้หา พระกายายังปรากฏ จึ่งกำหนดแน่ว่านิมิต เอ๊ะอัศจรรย์จิตจริงเจียวสิหว่า จึ่งทรงพระจินตนาโดยเหตุว่า โอ๋อาเพศผิดผวนมิบังควรเคยนิมิตก็มาวิปริตผิดประหลาด จนตกไร้นิราศรัตนบุรีเรือนจันทน์ ออกมาโศกศัลย์แสนทรพลเข็ญใจจนเหลือลำบากแล้วมิหนำซ้ำจะยากไปถึงไหน จะยื่นหน้าไปหาใครในกลางป่า ที่จะเป็นโหรโหรารู้ทำนายทายทัก ให้แจ้งประจักษ์ว่าร้ายหรือดีไม่มีเนตร เห็นแต่พระปิ่นปกเกศผู้เพื่อนเข็ญท้าวเธอก็เป็นมิ่งมงคลฆราวาส

    คิดแล้วก็ลุกขึ้นจากอาสน์โอบอุ้มประคองพระเจ้าลูกทั้งสองสายสุดสวาท ประโลมปลอบให้ไสยาสน์หลับสนิทแล้ว นางแก้วก็เสด็จมายังพระอาศรมบรมราชสามี น้อมพระเกศเกศีสมาโนตม์ขออธิกรณโทษทางคำนับ ทรงขยับยกพระกรขึ้นเคาะพระทวารดังกะเกาะก้องกึง ศัพท์สำเนียงเสียงสนั่นลั่นถึงพระกรรณตระหนัก ท้าวเธอจึ่งตรัสทักออกมาว่า

    โก เอโส ใครนั่นหน่าใครนั่นสิหว่า พระพุทธเจ้าข้าเกล้ากระหม่อมฉันมัทรี เอ๊ะ เจ้ามัทรีเจ้ามาไยเวลาปานฉะนี้พระน้องเอ่ยผิดเวลากาล หรือเจ้าลืมคำปฏิญาณแรกนิยม ว่าไม่คบหาสมาคมกันเป็นเชิงชั้นฉันฆราวาส เวลานี้นี่ก็ผิดประหลาดอยู่แล้วนะเจ้าเป็นไรเล่าจึ่งล่วงมา พระพุทธเจ้าข้า เกล้ากระหม่อมฉันฝันพิกลจึงร้อนรนเป็นธุระ ครั้นว่าจะนิ่งเฉยเลยละเกรงว่าจะลืมหลง มานี่หวังว่าจะให้พระองค์ทรงทำนายทายทัก อ่อกระนั้นดอกหรือพระน้องรักเจ้าฝันเป็นประการใด เจ้าอย่าเข้ามาในนั่งอยู่แต่นอก บอกสุนทรคดีเข้ามาเถิดพี่จะช่วยทำนาย สมเด็จพระมัทรีเธอก็ทูลถวายพระสุบินสิ้นทุกประการ แด่พระราชสมภารนั้นแล

    โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระหน่อชินวงศ์องค์โพธิสัตว์ เงี่ยพระโสตสดับอรรถตั้งแต่ต้นจนอวสาน ก็ทรงทราบด้วยพระอนุมานปัญญาบารเมศว่า เสว วันรุ่งพรุ่งนี้จะมีเหตุร้ายปฏิคาหก ยาจกจะมารับพระราชทาน โอ้สงสารด้วยสองพระเจ้าลูกผู้เพื่อนยาก พรุ่งนี้เช้าเจ้าจะพลัดพรากพราหมณ์จะพาไปไกลจากอกพระบิดาแล้ว สงสารด้วยนางแก้วเกศกษัตริย์มัทรีเอ่ย จะเสวยพระทุกข์เพียงพินาศด้วยสองดรุณราชปิโยรสร่วมหฤทัย ครั้นอาตมะจะอาลัยหลงอยู่ด้วยความรัก ไหนจะหักสิเนหาให้เหือดหาย ด้วยอาตมะจะมุ่งหมายพระโพธิญาณทานธุระจะริดร้าง แม้นอาตมะจะทำนายทางบุพนิมิตแต่ตามจริง ไหนนางจะทอดทิ้งพระลูกเล่าด้วยอาลัย ก็จะเป็นพาหิรกภัยแก่โพธิญาณ จำจะทำนายด้วยโวหารให้เหตุหาย

    จึ่งมีสุนทรธิบายด้วยพระปัญญาว่า ดูกรมัทรี เป็นเหตุทั้งนี้ด้วยนางกษัตริย์ เคยเสวยไอศูรยสมบัติอันอุดม เจ้าเคยสถิตบรรทมเหนือแท่นทองพระยี่ภู่อ่อนละอองสำอางองค์ ยามเมื่อเจ้าจะทรงเสวยล้วนแต่เครื่องสุวรรณภาชน์ ยามเมื่อเจ้าเยื้องยุรยาตรก็มิได้ย่างลงเหยียบดินกระเดื่องใด บัดนี้เจ้ามาตกเข็ญใจไร้นิราศปราศจากที่อันเจริญ ออกมาโศกศัลย์แสนกันดารเดินในดงดอนต้องแดดลม เสวยแต่ผลไม้อันเปรี้ยวขมเฝื่อนฝาด บรรทมเหนือใบไม้ลาดล้วนละอองทราย เทพเจ้าย่อมยักย้ายซึ่งราศีธาตุทั้งสี่จึ่งวิปริต ทรงพระสุบินนิมิตผิดประหลาดลามก เจ้าสะดุ้งตกพระทัยไปไยมีจงกลับไปคันธกุฎีโดยสำราญ

    ส่วนสมเด็จพระมัทรีรับสุนทรสารใส่เกศา ถวายบังคมลามายังพระอาวาส พออรุณโอภาสรุ่งเรืองจำรัสฟ้า ฝูงสกุณาออกหากินบินเกริ่นก้องร้องอยู่แจ้ว ๆ พระนางก็ประโลมปลุกพระลูกแก้วทั้งสองราเยาวเรศว่า เจ้าผู้ดวงนัยนเนตรทั้งคู่ของแม่นี่หน่า ตื่นบรรทมเถิดอย่านอนสายพระพักตร์จะหมองศรี เธอจึ่งอุ้มแก้วกัณหาพ่อชาลีขึ้นสู่ตัก วักเอาวารีมาโสรจสรงสำอางองค์เอี่ยมละออง ทรงชโลมขมิ้นทองประเทืองผิวให้ผ่องผัด มุ่นพระเกศจุไรรัดร้อยสุมาลีมาสอดแซมพระเกศีตามประสายาก น้ำพระชลนัยน์เธอไหลลงพราก ๆ แล้วปากก็พร่ำเล่า

    ว่าโอพระทูลเกล้าของแม่เอ่ย เมื่อคืนนี้พระชนนีนิมิตผิดประหลาด ไปทูลถามพระบิตุราชท้าวเธอตรัสประภาษว่ามิเป็นไร มิเป็นไร แต่พระชนนีนี้ไม่ไว้พระทัยเลยนะชาลี พ่ออยู่หลังระวังน้องให้จงดี พ่ออย่าตีกันฟังแม่ว่า แม่กัณหาเอ่ย แม่อย่าหลงละเลิงเลยเล่นไปนักนะแม่ แม่จงเสงี่ยมอย่าตะลีตะเลียมชะล่าไปให้ไกลพี่ พ่อชาลีเล่าก็อย่าเลินเล่อละพระน้องให้แล่นเล่นแต่ลำพัง จงฟังคำแม่พร่ำสอนพร่ำสั่งทุกสิ่งอัน เธอก็รับมิ่งรับขวัญพระลูกรักทั้งสองรา ว่ามาหรู มาพ่อมาแม่มา มาแม่จะพาเจ้าไปเฝ้าฝากเสียยังแล้ว

    ตรัสพลางทางก็อุ้มแก้วกัณหา พระกรเบื้องขวาจูงพ่อชาลี มาสู่สำนักพระราชสามีแล้วก็ทูลฝากพระเจ้าลูกผู้เพื่อนยากทั้งสองรา ว่าพระพุทธเจ้าข้า ได้โปรดกระหม่อมฉันด้วยช่วยเผื่อแผ่พระบารมีปกเกศลูก เอาพระทัยผูกตรัสประภาษเรียกหา ให้เล่นแต่ใกล้พระบาทาทั้งพี่น้อง เจ้าสิทรามคะนองปองแต่ที่จะแล่นเล่นลีลาศ เหมือนโปดกมฤคราชอันอ่อนแอครั้นพลัดแม่อยู่แต่ลำพังแล้ว ก็จะพากันผาดโผนโจนแล่นตามประสาสัตว์ ไม่รู้ว่าภัยพิบัติจะมาเบียดเบียนเมื่อปางใด กระหม่อมฉันมิไว้ใจเหมือนทุกคราวครั้ง พระคุณเอ่ยได้โปรดด้วยช่วยระวังในครั้งนี้ เหมือนหนึ่งเห็นแก่ข้าพระบาทมัทรีเถิดนะว่าเป็นเพื่อนยาก

    พระนางเธอทูลฝากพระลูกแก้วแล้วถวายบังคมลา มาจัดหาขอเสียมกระเช้าสานแสรกคานขึ้นใส่พระอังสาเสด็จจร น้ำพระทัยเธอข่อน ๆ คิดไม่ขาด เสร็จนิวัตลีลาศคืนหลัง กลับมาทรงพระกันแสงสั่งสอนบังอรอีกเล่า ว่าทูลเกล้าของแม่เอ่ย พ่อก็อยู่จงดีเถิดนะแม่นี้จะขอลา นางก็ยาตราเข้าสู่ป่าระหง เพื่อจะแสวงหาผลาผลไม้ที่ในดง มาปฏิบัติกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ นั้นแล
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    โส ปาโตว ครั้นอรุณรุ่งจำรัสพระเวหน พฤฒาเฒ่าหลับกรนอยู่ในซอกผา ได้ยินเสียงสกุณโกกิลาประเพรียกร้องก้องพนาเวศ เฒ่าก็สังเกตว่าเอ๊ะเพลานี้รุ่งแล้วกระมัง ลุกขึ้นยืนหยัดดัดหลังอยู่เครียด ๆ บิดขี้เกียจอยู่อึดอัด ฉวยย่ามละว้าสลัดซัดขึ้นใส่ไหล่ หมายมุ่งไปพระอาศรมบรมศิวาวาส บทจรมุ่งมาดโดยมรรคา

    อถ มหาสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระมหาสัตว์เสด็จออกนั่งหน้าพระอาศรมบท งามปรากฏดุจรูปทองทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งหล่อแล้วมาตั้งไว้ จินฺเตสิ มีน้ำพระทัยรำพึงหายาจกจะมารับพระราชทาน สุราโสณฺโฑ ปิ้มปานประหนึ่งว่านักเลงสุราบานคอยหาเจ้าเหล้า

    ปุตฺตาปิ แม้อันว่าพระโอรสเจ้าทั้งคู่เล่นอยู่มิได้ห่างพระบิตุเรศ ส่วนพระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นธชีก็ชื่นชม เชื้อเชิญภิรมย์เรียกมหาพราหมณ์ด้วยความปรีดาว่า เอหีติ วัตฺตพฺโพ พราหมณ์เอ่ย เชิญท่านผู้เป็นมหามงคลมิตรอันจะนำเราไปยังทิศพระนิพพาน เชิญเถิดพฤฒาจารย์มาช่วยเรายกปิยบุตรทานบารมี เมื่อท้าวเธอจะตรัสเรียกพระชาลีออกไปรับพราหมณพฤฒา ก็กล่าวเป็นบาทพระคาถาดังนี้

    อุฏฺเฐหิ ชาลิ ปติฏฺฐ โปราณํ วิย ทิสฺสติ ฯ

    ตาต พ่อเอ่ย พ่อชาลีศรีสุริยะ รู้พระทัยของพระบิดาเจ้าจงยืนขึ้นตรงหน้าโน่นพราหมณ์หรือไร โบราณํ วิย เหมือนเมื่อเราอยู่ในพระพารา หมู่วนิพกทั่งทิศามารับพระราชทานอยู่นองเนือง ตั้งแต่จากเมืองมาอยู่ในไพรเข็ญใจไร้ทรัพย์แสนทวี มาพบขุนนิธีที่ธรรมชาติก็มีใจประสาทพรรษา เหมือนหนึ่งน้ำพระทัยของบิดาในครั้งนี้ ฝ่ายพระชาลีแม่กัณหา

    ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ถวายบังคมลาออกไปก่อนต้อนรับพราหมณ์ ครั้นถึงจึ่งไต่ถามตามประสาเด็กแต่โดยดี ว่าลุงชีเจ้าขาคุณตาเจ้าขามาแต่ทางไกล ถุงไถ้ไม้เท้าสิ่งใดหนักส่งมาเถิดหลานรักจะช่วยรับไป เฒ่าจัญไรสันดานหยาบเห็นสองดรุณภาพเข้าวันนั้น เฒ่าสำคัญมั่นหมายว่ากุมารหญิงชายนี่แน่แล้วสิหว่า ที่จะเป็นพ่อชาลีแม่กัณหาทั้งถ้อยคำวาจาฉลาดเหลือเจ้าเล่ห์ ถ้าแม้นขอได้สมคะเนจะใช้ต่างทาสจะฉลาดเฉโกโกงเอากู จำจะขู่เสียให้ราบปราบเสียแต่เดิมที อย่าให้ออชาลีเหลาะแหละลามเลียมเข้ามา

    อจฺฉรํ ปหริตฺวา เฒ่าก็ดีดนิ้วมือดังทะถับทะถับร้องสำทับด้วยวาจาว่า อเปหิ ฮ้าเฮ้ยเด็กน้อยถอยขยายเสือร้ายจะเดินทาง อย่าเข้ามาขวางจังหวะทำโว้เว้ เหม่ ออนี่หนักหนาชี้ตาไม่กระพริบเลยว่าแล้วซิยังเฉยดื้อถือบุญ เหวี่ยงเข้าด้วยไม้เท้าเจ้าประคุณให้วิ่งวุ่นไปเถิดกระมัง

    เทว กุมารา ส่วนพระทองร้อยชั่งทั้งคู่พิศดูเห็นบุรุษโทษสิบแปดประการ* เกิดในสันดานเฒ่าบัดสี พ่อชาลีก็นิ่งไว้ในพระทัย ส่วนเฒ่าจัญไรตะแกได้ช่อง ตะแกก็เหยาะย่องยอบกายหมายภิมุขหมอบมือประนมถวายบังคมพระเวสสันดร เอื้อนโอษฐ์ถวายพระพรศรัทธาผล ทูลถามถึงกังวลแต่วันท้าวเธอนิราศพระราชัยมาผนวชในพนาวาส ก็กล่าวเป็นบาทพระคาถาว่า

    กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ ฯ

    เมื่อชูชกธชีเข้าไปถึงแล้ว เฒ่าใจแกล้วกระทำประพฤติปราศรัยเป็นสัมโมทนิยนัยกถาธรรมสวัสดิ์ พระบรมโพธิสัตว์ก็เปรมปรีดิ์ปราศรัยตอบ โดยระบอบประเพณีเชิญธชีฉันผลไม้อันโอชา เฒ่าชราได้โอกาสด้วยตะแกฉลาดในเชิงภิกขาจาร เมื่อจะทูลขอสองดรุณราชกุมารเฒ่าก็พูดหว่านล้อมด้วยคำยอ ชักเอาแม่น้ำทั้งห้าเข้ามาล่อ อุปมาถวายเสียก่อนแล้วจึ่งหวนย้อนขอต่อเมื่อภายหลังว่าพระพุทธเจ้าข้า

    วาริสโห เมาะ ปญฺจมหานทิโย พระคุณเจ้าเอ่ย อันว่าแม่น้ำทั้งห้าห้วงกระสายชลชลาไหลมาจากห้วงคงคาเป็นห้าแถว นองไปด้วยน้ำแนวเต็มติรติรานามชื่อว่าคงคา ยมุนา อจีรวดี สรภูนที มหิมหาสาครเรศ จึงแตกเป็นนิเทศกุนทีน้อย ๆ ประมาณห้าร้อยโดยสังขยา ปูโร ไหลหลั่งถั่งมาล้นลบกระทบกระทั่งฟากฝั่งฟุ้งเป็นฝอยฝน บ้างก็เป็นดะดุดะดันกระเด็นดาษดั่งดวงแก้ว ตามทางแถวแนวท่อธาร ไหลสะ ๆ ซ่านเสาะเซาะโซม เสียงระ ๆ ระโรมโครมครื้นครั่น พิลึกพิลั่นบันลือหือฤาหรรษ์ บ้างก็เลี้ยวลัดดัดดั้นชลาไหลบ่าไปสู่บ่อบึงบางน้อยใหญ่นับอเนกอนันต์ เป็นคลื่นหมื่นมหันต์มไหไหลฟุ้งซ่านสุดที่จะพรรณนา

    ย่อมเป็นที่อาศัยทั่วไปแก่ฝูงปลานานาสรรพสัตว์ในภูมิพื้นจังหวัดมงคลทวีป ฝูงชนได้เลี้ยงชีพก็ชุ่มชื่น ถึงจะวิดวักตักตวงทุกค่ำคืนทิวาวัน ถึงทดท่อระหัดหันเข้าทุ่งนาและป่าดง น้ำในสาครจะน้อยลงก็หามิได้ เสมือนหนึ่งน้ำพระทัยทูลกระหม่อมแก้ว อันยาจกมาถึงแล้วไม่เลือกหน้า ตามแต่จะปรารถนาทุกยวดยานกาญจนอลงกตรถรัตนอัศวสรรพสารพัดพิพิธโภไคย จนกระทั่งถึงภายในปัญจมหาบริจาค* อันเป็นยอดยากยิ่งทานไม่ท้อถอย ด้วยพระองค์หมายมั่นพระสร้อยสรรเพชญญาณ พระคุณเจ้าเอ่ย ข้าพระสมภารนี่เป็นคนจนทุพพลภาพสุดเข็ญจะหาเช้าได้กินเย็นก็ทั้งยาก ครั้งนี้อุตส่าห์บ่ายบากบุกป่าฝ่าพงพนัสแสนกันดาร หวังจะรับพระราชทานพระชาลีกัณหาไปเป็นทาสาทาสทาสี ขอพระองค์จงทรงยกยอดปิยบุตรทานบารมี ให้แก่ข้าธชีนี้เถิด
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมนราพิสุทธิพุทธางกูรได้ฟังพราหมณธิบายทูลขอสองกุมาร มีน้ำพระทัยชื่นบานเอิบอาบด้วยกุศลลาภอันเลิศฟ้า อุปมาเหมือนบุรุษอันยากไร้มีผู้นำทรัพย์มานับให้พันตำลึงถึงมือแล้วเมื่อใด น้ำพระทัยท้าวเธอก็ปราโมทย์เหมือนฉะนั้น เมื่อจะยังเขาวงกตให้บันลือลั่นกัมปนาท ท้าวเธอจึงตรัสประภาษว่าพราหมณ์เอ่ย ท่านมาออกปากจอสองกุมารพระลูกรักดั่งดวงตา เราก็จะตัดห่วงเสน่หาให้แก่พราหมณ์เฒ่า แต่ทว่าเราขอทุเลาเลื่อนสักราตรี พอให้ทันพระมัทรีเธอกลับมา ต่อพรุ่งนี้จึ่งไปเถิดหรือไรนะพฤฒาจารย์

    พราหมณ์จึ่งทูลตอบสารคดีว่าพุทธเจ้าข้า พระองค์จะให้อยู่ท่าพระมัทรีข้อนี้จวนจะกราบลา อิตฺถิโย มนฺตํ ขึ้นชื่อว่ามารยาหญิงนี้แสนแยบ ดีแต่ว่าจะคิดแคบเสียดายของเคยครอบครองภิรมย์รื่น คอยแต่ว่าจะรวมริบยากที่จะยกหยิบเอาออกยื่นเป็นยอดทาน ชื่อว่าสามานย์มัจฉริยะเกิดกันกั้นกุศล หมื่นแสนจะได้ดีแต่ละคนนี้ทั้งยาก สทฺธยา ทานํ ททโต พระองค์จงตรัสเรียกพระลูกแก้วมาพระราชทาน กระหม่อมฉันจะพาไปในวันนี้ อย่าให้ทันพระมัทรีเธอกลับมา พราหมณ์เอ่ยอันพระมัทรีนั้นจะเหมือนอย่างท่านว่าหามิได้ ท่านไม่ชอบใจอยู่ท่าแล้วก็ทำเนา จงพาสองกุมารเจ้าเข้าไปสู่สำนักพระอัยกา ให้ท้าวเธอทราบว่าพระนัดดาดวงสวาทเข้าไปสู่พระราชธานี ท้าวเธอก็จะได้พระราชทานเงินทองของดี ๆ หลากเหลือหลาย ทั้งวัวควายช้างม้าใช้สอยศฤงคารเครื่องบริโภค ตะแกจะมีโชครวยฉุยเสียอีกนะธชี

    พราหมณ์ก็ทูลตอบคดีในทันใดว่าไม่ได้ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งโชครวยนั้นก็จะดีถ้าฉวยว่าเสียทีสิมิเป็นการพูดหน้าเป็นหลัง ความกลัวใช่พอดีท้าวเธอก็จะลงเอาว่าธชีนี้ลักพระราชนัดดา ตัวก็จะต้องอาชญาไม่เห็นหน้าเมีย ลาภก็จะเสียเมียก็จะว่า ผิดชอบพาไปเมืองกลึงคราษฎร์ ให้นางอมิตตดาใช้ต่างทาสทาสาทาสี นี้แล้วแล

    เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ยตัวพระชาลีแม่กัณหา สุตฺวา เมื่อได้ฟัง ผรุสวจนํ ซึ่งถ้อยคำอันหยาบช้า ภีตา เจ้าก็สะดุ้งตระหนกตกพระทัยไหวหวั่นขวัญไม่มี ดั่งโปดกมฤคีอันอ่อนแอได้ยินเสียงพยัคฆ์คำรามแฮ่เร่งตระหนกหนี ปลายิตฺวา เจ้าก็พาพระน้องจรลีลาศลงจากอาสน์พระอาศรมเข้าไปซ่อนอยู่ในสุมทุมพุ่มพนมร่มอันรกชิด ยังกลัวว่าจะไม่มิดพราหมณ์จะเห็น อกใจนี่หรือเต้นอยู่ทึกทักพระพักตร์สองกุมารเผือดผันพระกายสั่นระรัวริกดั่งตีปลา

    พระชาลีจึ่งกระซิบบอกแก้วกัณหาว่า กัณหาเอ่ย เจ้าค่อยย่อง ครั้นเหยียบต้องใบไม้ไหวกริบเจ้าขยิบตาให้แก้วกัณหาหมอบ ครั้นเหยียบต้องใบไม้ไหวกรอบ เจ้าก็พากันหมอบอยู่แน่นิ่ง เตน เตน ปธาวึสุ สองเจ้าก็วิ่งจนถึงมงคลสระศรี สองกถมารกุมารีทรงผ้าคากรองเข้าให้มั่นคง แล้วเสียรอยถอยหลังลงสู่สระศรี เอาวารีมาบังองค์ เอาใบบุษบงมาบังพระเกศ หวังจะซ่อนพระบิตุเรศกับพราหมณ์ด้วยความกลัวอยู่ในสระบัว นั้นแล

    โส ชูชโก ส่วนชูชกพฤฒาจารย์ อทิสฺวา มิได้เห็นสองกุมารในที่นั้น เฒ่าอาธรรม์ตัดพ้อว่า โภ เวสฺสันตร ดูกรพระมหาเวสสันดร เขาขึ้นชื่อลือขจรว่าใจบุญบริสุทธิ์แต่เดิมทียุติจริงใจศรัทธาไม่ย่อท้อ เราเอ่ยปากขอคำเดียวก็ให้ลูกถูกกับคำเขาลือเล่าว่าเลิศกษัตริย์ บัดนี้สิผัดจะให้อยู่ท่าพระมัทรี ครั้นว่าธชีมิยอมอยู่กลับจะให้พาไปสู่สำนักพระเจ้ากรุงสญชัย ครั้นว่ารู้เท่าเขามิไปเหมือนใจคิดก็จนจิตนั่งนิ่งทำหน้าเฉย ขยิบตาชำเลืองเลยลอบแลลอดสอดพยักหน้าให้ลูกหนี ชะออชาลีก็ไวเหลือลุกประสมเห็นพ่อทำตาคมคอยขยับ พอเบือนหงับก็ไปเงียบไม่ทันเงย ตฺยา สทิโท เจ้าข้าเอ่ยบุคคลผู้ใดเลยในโลกนี้ที่จะเจรจาตลบเลี้ยวลดสด ๆ ร้อน ๆ เหมือนเจ้าพระยาเวสสันดรชีไพร เป็นว่าหามิได้นี้แล้วแล

    โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ได้ทรงฟังพราหมณ์บริภาษ กมฺปมาโน ตกพระทัยไหวหวาดไปทั้งพระองค์ ทรงพระจินตนาในเหตุว่าสองพระดรุณเยาวเรศนี้กลัวภัย จึ่งตรัสประภาษไปว่าพราหมณ์เอ่ย อย่าเพ่อน้อยใจแก่เราก่อน เราจะพาสองกุมารบังอรมาให้จงได้ ตรัสแล้วกเสด็จไปมะนิมมะนาตามรอยบทวลัญชาสองกุมารจนถึงสถานโบกขรณี ก็แจ้งว่ากัณหาชาลีอยู่ในสระสรง เมื่อพระองค์จะตรัสเรียกพระลูก ก็กล่าวเป็นสารพระคาถาดังนี้

    เอหิ ตาต ปิยปุตฺต ปูเร มม ปารมึ ฯ
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ตาต พ่อเอ่ย เจ้าชาลีศรีสุริยวงศ์เยาวเรศ ปิยปุตฺต เจ้าก็เกิดในมกุฎเกศกรุงสีวีราษฎร์ ไยพ่อไม่องอาจย่อมย่อท้อทิ้งพระบิดาให้พราหมณ์มันจ้วงหยาบช้า เจ้าเห็นชอบอยู่แล้วหรือหนาพ่อสาใจ เราก็เป็นขัตติยมไหมหาสมมุติวงศ์วิเศษสุทธิกษัตริย์ ไม่มีใครที่จะมาพ้อตัดติเตียนเลย

    พระลูกเอ๋ยเจ้าไม่รู้หรือพระบิตุรงค์บรรจงรักษาพระโพธิญาณ หวังจะยังสัตว์ให้ข้ามห้วงมหรรณพภพสงสารให้ถึงฟาก เป็นเยี่ยงอย่างยอดยากที่จะข้ามได้ สำเภาลำใดของพาณิชซึ่งจะตกแต่งต่อติดเป็นกงวาน ประกอบประกับกระดานตอกตรึงตะปูตะปลิงยิงตรึงกระชับชิด พึดเหล็กก็ตีติดตอกหมัน โซมน้ำมันชันเคี่ยวแล้วเยียวยา กระดานดาดเป็นดาดฟ้าจังกอบกว้านสมอขัน

    เสากระโดงยืนยันยึดด้วยพึดพวน ผูกขึงรัดรึงตายติดกับเสารอกดูนี่เรี่ยวแรง เสากระโดงสายระโยงระยางแย่งมั่นคง ปักทวนธงอยู่ริ้ว ๆ ธงตะขาบปลิวสะบัดปลาย นายช่างจำลองจำหลักลายรายด้วยรูปสัตว์ ราชสีห์สิงห์อัดแอ่นอก กอดกระหนกกระหนาบคาบแก้วกุม ครั้นได้ฤดูเดือนมรสุมแล้วก็แซ่ซ้อง บรรทุกสิ่งของลงต่าง ๆ ไว้ระวางทางวิดน้ำทำเป็นโชงโลงอับเฉากันโคลงประจุเรียบ สำเภานี่ก็พานเพียบเพียงราโท

    ครั้นได้ฤกษ์แล้วให้เลิกโห่ขึ้นสามลา ยิงปืนบนนาวาเสียงผะผางผึงตึงตัง คนการยืนสะพรั่งอยู่พร้อมเพรียง ศัพท์สำเนียงเสียงเฮโลเฮล่า เข้าฉุดคร่าสายสมอ ตีม้าล่อลั่นอยู่ฉ่าง ๆ โบกธงอยู่คว้าง ๆ แล้วแกว่งกวัดพระพายชายพัดติดใบบน ล้าต้าต้นหนก็มุ่งมองตั้งเข็มส่องกล้องสลัด โดยกำหนดขนัดคะเนหมาย นายท้ายก็ยักย้ายบ่ายเบี่ยงเฉลียงแล่นออกชเลลึกแลไม่เห็นฝั่ง บังเกิดลมสลาตันตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นเครง

    สำเภาก็โคลงเคลงไปตามคลื่นตื่นเต้น เสากระโดงหักกระเด็นกระดานแตก คลื่นใหญ่โยนกระทบกระแทกกระทั่งผะผังผาง สำเภาก็อับปางลงในท่ามกลางชเลหลวง ฝูงมนุษย์ทั้งปวงไม่หลอเหลือ ล้วนเป็นเหยื่อแก่เต่าปลา ด้วยเป็นโลกิยนาวาไม่จิรังเลย พระลูกเอ่ย พ่อเห็นแต่หน้าเจ้าพระพี่น้องสองรา เจ้าจงมาเป็นมหาสำเภาทองธรรมชาติ อันนายช่างชาญฉลาดจำลองทำด้วยกงแก้วประกำตรึงด้วยเพชรแน่นหนา แก้วประพาฬแผ่เป็นดาดฟ้าฝาระบุระเบิดเปิดช่องน้ำ แก้วไพฑูรย์กระทำเป็นราโทโมราประทับสลับสลักกรอบลายราดดอกรักเนาวรัตน์ ฉลุฉลักเป็นรูปสัตว์ภาพเพชรนิลแนมแกมหงส์วิหคกระหนกคาบลดารัด มังกรกัดกอดแก้วเกี้ยวเป็นก้านขดดูสดใส

    ครั้นสำเร็จลำสำเภาแล้วเมื่อใดได้พระพิชัยมงคล พระบิดาจะทรงเครื่องต้นมงคลพิชัยสำหรับกษัตริย์ ดั่งจะเอาพระสมาบัติกระหวัดทรงเป็นสร้อยสังวาลอยู่สรรพเสร็จ จะเอาพระขันตีต่างพระขรรค์เพชรอันคมกล้า สุนทรจะย่างเยื้องลงสู่ที่นั่งท้ายเภตราสูงระหง แล้วไปด้วยทวนธงเศวตฉัตรวายุวิเวกพัดอยู่เฉื่อยฉิว สำเภาทองก็ล่องลิ่วไปตามลม สรรพสัตว์ก็จะชื่นชมโสมนัส ถึงจะเกิดลมกาฬพานกระพือพัดคือโลโก ถึงจะโตสักแสนโตตั้งตีเป็นลูกคลื่นอยู่ครื้นโครมโถมกระแทก สำเภานี้ก็มิได้วอกแวกวาบหวั่นไหว ก็จะแล่นระรี่เรื่อยเฉื่อยไปจนถึงเมืองแก้ว อันกล่าวแล้วคือพระอมตมหานครนฤพาน พระลูกเอ่ยเจ้าจะนิ่งนานอยู่ไยในสระศรี ขึ้นมาสินะพ่อมาแม่มามาช่วยพระบิดายกยอดปิยบุตรทานบารมีแต่ในครั้งเดียวนี้เถิด
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="640"><tbody><tr><td align="right" valign="top">
    [​IMG]
    </td><td align="left" valign="top">
    ชาลี กุมาโรปิ แม้อันว่าพระชาลีราชกุมาร เมื่อได้สดับวโรงการพระปิตุราช จึ่งคิดว่าอาตมะนี่เป็นลูกกษัตริย์ขัตติยยอดยิ่ง อะไรจะมานั่งนิ่งให้พระบิดาเรียกถึงสองคำมิบังควรนัก ถึงว่าเฒ่าทรลักษณ์จะตีด่าฆ่าเสียก็ตามเถิด คิดแล้วเธอก็เปิดใบบัวจากเศียรเกล้าขึ้นมา กอดพระบาทเบื้องขวาพระบิตุรงค์ทรงพระกันแสงเศร้า ท้าวเธอตรัสถามว่าพระน้องอยู่ไหนเล่าพ่อชาลี เธอก็กราบทูลคดีโดยคำกลาง ว่าพระพุทธเจ้าข้า
    </td></tr></tbody></table>
    ชาลี กุมาโรปิ แม้อันว่าพระชาลีราชกุมาร เมื่อได้สดับวโรงการพระปิตุราช จึ่งคิดว่าอาตมะนี่เป็นลูกกษัตริย์ขัตติยยอดยิ่ง อะไรจะมานั่งนิ่งให้พระบิดาเรียกถึงสองคำมิบังควรนัก ถึงว่าเฒ่าทรลักษณ์จะตีด่าฆ่าเสียก็ตามเถิด คิดแล้วเธอก็เปิดใบบัวจากเศียรเกล้าขึ้นมา กอดพระบาทเบื้องขวาพระบิตุรงค์ทรงพระกันแสงเศร้า ท้าวเธอตรัสถามว่าพระน้องอยู่ไหนเล่าพ่อชาลี เธอก็กราบทูลคดีโดยคำกลาง ว่าพระพุทธเจ้าข้า

    อิเม สตฺตา เยี่ยงอย่างสัตว์ทั้งหลายภัยจะมาถึงกายย่อมเอาตัวหนี ท้าวเธอก็ทราบดีด้วยปรีชา จึงตรัสเรียกแก้วกัณหาดุจตรัสเรียกพระชาลี พระเจ้าน้องคิดแล้วเหมือนพระพี่ไม่ผิดเพี้ยน ขึ้นมาซบพระเศียรกอดพระบาทเบื้องซ้ายสมเด็จพระบิดา เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยสองดรุณทรามรักน้อย ๆ ทั้งคู่ พิศแลดูหน้ากันแล้วก็ตั้งแต่จะร้องไห้ น้ำพระอัสสุชลนัยน์เธอไหลลงหลั่ง ๆ ตกต้องหลังพระบาทพระบรมราชฤาษี

    ผุลฺลปทุมุมํ วิย ดั่งกลีบบุษยมาลีปทุเมศมาเคียงสองรองรับน้ำชลเนตรพระเจ้าลูกท้าวเธอไว้ ส่วนสมเด็จพระนราธิปไตยพิสุทธิชินวงศ์ ท้าวเธอก็พลอยทรงพระกันแสงไห้ จนพระอัสสุชลนัยน์ไหลลงริน ๆ โซมพระพักตร์ตกต้องพระปฤษฎางค์พระลูกรักทั้งสอง ดุจแผ่ยกระดานทองมารองรับไว้ทั้งคู่ กมฺปมานโส น้ำพระทัยเธอห่อหู่ยู่ย่นสลดลงปิ้มประหนึ่งว่าจะดำรงพระทานบารมีนั้นไว้มิได้

    ปรามสนฺโต เธอจึงยกพระกรลูบหลังพระลูกแก้วแล้วก็รับขวัญ กุมพระกรพระลูกรักทั้งสองนั้นให้ทรงยืนประดิษฐาน พลางประโลมปลอบปิยกุมารทั้งสองว่า พระลูกเอ่ยยืนขึ้นเถิดนะเจ้าฟังบิดาว่า แม่กัณหาเอ่ยเงยหน้าขึ้นเถิดนะแม่แล้วดูหน้าพระบิดาเสียยังแล้วให้ชื่นมื่น เจ้าจะสะอึกสะอื้นไปไยนะพระลูก เจ้าจะกินน้ำตาน้ำมูกไปว่าไร พระบิดามีหรือหาไม่ เจ้าก็ย่อมแจ้งอยู่แก่ใจเจ้าทั้งสอง มาตรว่าถ้าบิดานี้มีเงินและทองเล่าเถิดรา พ่อมิให้สองกำพร้าต้องระเหินระหกตกไปไกลเลยนะลูกเอ่ย ครั้งนี้พระบิดามาไร้สิ้นไร้เสียที่สุด เห็นแต่หน้าพระปิยบุตรเจ้าทั้งสองก็ดูยิ่งกว่าเงินทองได้ร้อยเท่าพันทวี พระบรมราชฤาษีเธอจึ่งคาดค่าสองกุมารเหมือนนายโคบาลอันสันทัดคาดค่า
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    โค โส กิร ปุตฺโต จึ่งตรัสว่าพระลูกเอ่ย เจ้าจงจำคำของบิดาไว้ สเจ ภุชฺชิสโส มาตรว่าเจ้าอยู่มิได้จะใคร่พ้นทาสวิสัยของธชี พ่อชาลีจงเพียรพยายามหาทองทุนทรัพย์ตามให้ถ้วนถึงนับตำลึงได้พันเท่าอันนี้เป็นพิกัดแห่งตัวเจ้า ยังกัณหาพระน้องเล่าเจ้าอย่าลืมหนา หตฺถินาทิสเตน วา จำบิดาจะคาดค่าแก้วกัณหาไว้มิได้น้อย สิ่งละร้อยละร้อยทั้งโคคาวี อุสุภราชทาสทาสาทาสีรัตนพาหนาลงกตคชสารม้ามิ่งครบทุกสิ่งสินสุวรรณทองพันตำลึง ยื่นให้ถึงมือธชีแล้วเมื่อใดกัณหาพระน้องเจ้าจึ่งจะได้เป็นไทขึ้นเมื่อนั้น

    อย่าโศกศัลย์เศร้าสร้อยน้อยพระทัยเลยนะพระลูกเอ่ยอย่าว่าบิดานี้ลำเอียงรักลูกเล่าก็ไม่เที่ยงเสมอกัน ใช่กระนั้นดอกหนาพ่อชาลี พระบรมราชฤาษีเธอจึ่งตรัสประโลมเล้าว่าพระลูกเอ่ย มาเถิดนะเจ้าอยู่ช้านักพราหมณ์จะคอย เธอก็พาพระลูกน้อยเข้าสู่อรัญญิกาวาส นั่งเหนือบัลลังก์อาสน์หน้าพระอาศรมทรงพระเต้าอันอุดมเต็มด้วยวารี จึ่งตรัสเรียกธชีชราจารย์ว่า

    เอหีติ วตฺตพฺโพ พราหมณ์เอ่ยจงมารับพระราชทานสองกุมารแต่โดยดี เธอก็หล่อหลั่งอุทกวารีลงในมือพราหมณ์ ตั้งพระทัยไว้ให้งามดั่งดวงแก้ว แล้วก็ออกพระอุทานวาจากันแจ่มใสว่าพราหมณ์เอ่ย ลูกทั้งสองของเรานี้นี่เรารักดั่งดวงใจนัยน์เนตร เหตุว่าเรารักพระโพธิญาณยิ่งกว่าสองกุมารได้ร้อยเท่าพันทวี อิทํ ทานํ เดชผลทานในครั้งนี้จงสำเร็จแต่พระสร้อยสรรเพชญพุทธรัตนอนาวรณญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา เวสฺสนฺตโร ราชา อันว่าพระมหาเวสสันดรอดุลดวงดิลก เมื่อพระองค์ทรงยอยกปิยบุตรทานมิทันช้า จึ่งหล่อหลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือธชี อัศจรรย์ก็บันดาลบังเกิดมี อยํ มหาปฐวี อันว่าภาคพื้นพระธรณีอันหนาแน่นได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ เสียงอุโฆษครื้นครั่นดั่งไฟบรรลัยกัลป์จะเผาผลาญโลกให้ทำลายวายวินาศ ฝูงสัตว์จตุบททวิบากก็ตื่นเต้นเผ่นโผนโจนดิ้น ประหนึ่งว่าปัถพินจะพลิกคว่ำพล้ำแพลงให้พลิกหงาย อกนางพระธรณีจะแนะแยกแตกกระจายอยู่รอน ๆ สะเทื้อนสะท้านเลื่อนลั่นอยู่ครืน ๆ ดุจหนึ่งว่าปืนสักแสนนัดมากระหน่ำซ้ำยิงอยู่เปรี้ยง ๆ เสี่ยงฉะฉาดฉาน

    ทั้งพญาคชสารชาติฉัททันต์ ทะลึ่งถลันร้องวะแหว ๆ ประแปร๋แปร้นแล่นทะลวงงวงคว้างาหงายเงย ประหนึ่งว่าจะสอยเสยเอาดวงดาวเหี้ยมห้าวกระหึมตกมันอยู่ฮัด ๆ ดั่งว่าใครมายุแยงแกล้งผัดพานเดือดทะยานอยู่ฮักฮึก สะอึกเข้าไล่แทงเงาอยู่ผลุงผลัง ไม้ไล่พังผะผางโผงล้มพินาศ ทั้งพญาพาฬมฤคราชเสือโคร่งคระครางครึ้มกระหึมเสียงสำเนียงก้อง ร้องปะเปิ๊บปี๊บถีบทะยานย่องแยกเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวสั่นอยู่ริก ๆ ประหนึ่งว่าจะถาโถมโจมจิกจับเอาสัตว์ในไพรวัน มาคาบคั้นกินเสียคำเดียวเป็นภักษา

    ทั้งพญากาสรตัวกล้าก็ลับเขาโขยดโลดลองเชิง เริงฤทธิ์ไกรไล่ขวิดควิ้วอยู่ฉาน ๆ ประหนึ่งจะคว้านควักให้ตักดิน สิเนรุปพฺพตราชา ทั้งพญาเขาพระสุเมรุก็เอนอ่อนอยู่ทบเทา แก้วเก้าเนาวรัตน์* แสนสัตรัตน์* เรืองรองซ้องสาธุการอยู่อึงมี่ สาคโร ทั้งพระสมุทรสาครวังวน บันดาลน้ำฟุ้งเป็นฝอยฝน พญานาคฤทธิรณเลิกพังพานสลอนลอยอยู่ไปมา ทั้งพญาครุฑราชปักษาก็โผผินบินขึ้นเวหนเล่นลมบนอยู่ลิบลิ่ว เมฆหมอกปลิวอยู่เกลื่อนกลาด บนอากาศก็วิกลเป็นหมอกกลุ้มอัมพรชรอุ่มอับอลวนอลเวง เสียงคระโครมเครงครื้นครั่น ฟ้าฝนสวรรค์ก็เฟื้องฟุ้งเป็นฟองฝอย

    เมขลาเหาะลอยล่อแก้วอยู่แวววับ รามสูรขยับขยิกขยี้ แสงสายมณีแวววาบวาวสว่าง อสูรก็ขว้างขวานประหารอยู่เปรี้ยง ๆ เสียงสนั่นลั่นโลกวิจลจลาจล เทพเจ้าในเมืองบนก็เบือนบิดนิรมิตกาย ชูเศียรถวายสักการบูชา เทพดานิกรนับโกฏิน้อมเศียรศิโรตม์อยู่ไสว ยกพระกรไหว้อยู่อึงมี่ ว่าเจ้าประคุณของสัตว์ผู้ยากเอ่ย ยากที่บุคคลผู้ใดเลยจะทำได้ เว้นไว้แต่หน่อพระชินศรีอันทรงสร้างพระบารมีมามากแล้ว ขอให้พระทูลกระหม่อมแก้วจงสำเร็จ แก่พระวิสุทธิสร้อยสรรเพชญพุทธอัครอนาวรณญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา โส พฺราหฺมโณ อันว่าเฒ่าชราทิชาชาติ เมื่อได้รับพระราชทานสองกุมารได้แล้ว เฒ่าใจแกล้วก็ฉุดลากกระชากสองกุมารมา เอกโต พนฺธิตฺวา ผูกพันพระพี่น้องสองกระสันเข้าให้มั่นกับมือ ปลายเชือกข้างหนึ่งนั้นถือตามตีต้อนสองบังอรมาต่อหน้าสมเด็จพระบิดาไม่ปรานี

    ฝ่ายพระชาลีจึ่งกราบบังคมทูล ว่าข้าแต่นเรศูรสมเด็จพระบิดาเจ้าข้าเอ่ย กระไรเลยไม่ปรานีว่าพระแม่มัทรีเป็นเพื่อนยาก เมื่อเช้าพระแม่เจ้าจะจากไปสู่ป่าก็พาลูกทั้งสองรามาฝากฝัง ทรงพระกันแสงสั่งแสนเทวษควรและหรือพระปิตุเรศมานิ่งได้ ให้เฒ่าจัญไรตะแกมาตีด่าไปต่อหน้าพระที่นั่ง ฝีไม้กระไรดังอยู่ควับเควี้ยวเสียวแสบแทบจะบรรลัย เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย ลูกนี้ยกมือขึ้นไหว้ตะแกยิ่งโกรธ ลูกร้อง ๆ ขอโทษตะแกยิ่งตี แตกทุกทีทุกทีทุกฝีไม้เลือดนี่ไหลลงหยดย้อย พระบิดาเจ้าเอ่ยโปรดทอดพระเนตรหลังลูกน้อย ๆ นี้บ้าง ถูกที่ขดที่ขวางตะแกช่างไม่คิดเลยเจ้าประคุณของลูกเอ่ย สุดที่ลูกนี้จะกลั้นจะทนพ้นกำลังแล้วแต่คอย ๆ พระชนนีจะวี่แววมาก็หามิได้ พระบิดาเจ้าเอ่ย ช่วยโปรดห้ามพราหมณ์ไว้ให้สงบอยู่ท่าพระมารดา ทั้งเวลานี้เล่าก็บ่ายดีร้ายพระแม่เจ้าจะมาทัน เออนี่สิยังวันอยู่อักโข

    ยาว อมฺมาปิ เอติ โน โอเวลาปานฉะนี้พระแม่มัทรีจะมิกลับมาแล้วและหรือถึงกลางทาง แม้นพระบิตุรงค์ทรงพระกรุณาแย้มพระโอษฐ์ไปรดประภาษบ้างก็จะยังชั่ว ตะแกจะได้เกรงกลัวพระราชอาชญาถึงจะตีจะด่าก็จะอัชฌาสัย นี่ตะแกทำเล่นทำตามอำเภอใจของตะแกเอง พราหมณ์จะกลัวจะเกรงใครมีเล่าด้วยพระทูลเกล้ามานิ่งเฉย กัณหาพระน้องเอ๋ยจะเอาพระคุณของผู้ใดมาปกเกล้า จะพึ่งพระบิดาเล่าก็หลากแล้วเจ้าประคุณทูลกระหม่อมแก้วของลูกเอ๋ย มิโปรดข้าชาลีเลยก็ทำเนาจงโปรดเกล้าแต่เจ้ากันหา พระน้องของข้ายังเยาว์นักทรามรักพระมารดา มิได้ทรงพระกรุณาทำนิ่งขึง ดุจแผ่นกระดานตรึงกระหน่ำแน่นมิได้หวาดไหว ทูลพลางทางพิไรร้องว่ากัณหาพระน้องเอ่ย ที่ไหนเลยจะได้กลับมาเห็นพระพักตร์สมเด็จพระบิดาและมาตุเรศ จะต้องทนทุกขเทวษมอดม้วยด้วยอาชญาของธชีชรานี้แล้วแล
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    เมื่อพระชาลีศรีราชโอรส ทรงพระกำสรดทูลพระบิตุราช ท้าวเธอตั้งสมาธิมัธยัสถ์มิได้ตรัสจำนรรจา สงสารพระชาลีเหลียวมาดูพระน้องแก้วกัณหา แล้วก็ทรงพระโศกาพิไรร่ำว่า กณฺเห ดูกรเจ้าแก้วกัณหาเอ่ย หญิงชายผู้ใดเลยเกิดมาในห้วงมหรรณพภพสงสาร ยังมิถึงซึ่งพระนิพพานตราบใด ก็ย่อมต้องทุกข์โพยภัยประหาร ปานประหนึ่งว่าตัวเรานะเจ้าพี่ ตถา ทุกฺขํ ทุกข์ทั้งนี้ก็มิทุกข์เท่าถึงทุกข์พระแม่เจ้าจะกลับเข้ามาแต่ป่า จะมิได้เห็นหน้าเราพี่น้องแล้วก็จะทรงกันแสงไห้ ด้วยว่าลูกเพื่อนไร้มาจากอก จะทรงพระปริวิตกมิวายเลย พระคุณเอ่ย พระคุณเคยได้เชยชมแก้วกัณหาชาลีทุกเวลา

    กปณา จะเป็นกำพร้าพลัดพระลูกแล้วนะพระแม่เจ้า โส นูน กปโณ ตาโต สมเด็จพระปิตุนรินทร์ปิ่นเกล้าของเรา อปสฺสนฺโต เมื่อมิได้เห็นเจ้าแก้วกัณหาแล้ว ก็จะพลอยทรงพระเศร้าโศกาปรารภร่ำไห้เมื่อพระแม่เจ้าเสด็จมา อิเม โน หตฺถิตา อสฺสา โอ คิดขึ้นมาก็น่าเสียดาย แต่รูปสัตว์ทั้งหลายคือกระต่ายโตโคถึกเถื่อน ใส่ล้อลากเลื่อนเขยื้อนยัน พระบิตุรงค์บรรจงปั้นให้เราเล่น โอ ทีนี้จะนานเห็นเมื่อใดจะได้กลับมาเล่นของเราอีกเล่า กัณหาเอ่ย เราพี่น้องนี้ตั้งแต่ว่าจะโศกเศร้า ไปเป็นข้าพฤฒาจารย์ เขาทรมานในมรรคากันดาร นั้นแล

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    ตโต เวสฺสนฺตโร ราชา ทานํ ทตฺวาน ขตฺติโย ฯ

    โส โพธิสตฺโต ปางนั้นสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ตรัสได้ทรงฟังพระลูกน้อยทรงกันแสงทูลละห้อยวันนั้น กลั้นพระโศกมิได้ละอายพระทัยแก่เทพดา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา เสด็จเข้าสู่ภายในพระบรรณศาลาซบพระพักตราทรงพระกันแสงสะอื้นไห้ ว่าโอเจ้าเพื่อนเข็ญใจของพ่อเอ่ย เจ้าเคยกระทำกรรมไว้เป็นไฉน จึ่งมาตกเข็ญใจไร้ยากอนาถาให้พราหมณ์ชราร่างร้ายกาจ ตะแกมาทำสีหนาทโพยโบยตี โอเวลาปานฉะนี้ก็สายัณห์ คนทั้งหลายเขาเรียกกันกินอาหาร บ้างก็เล้าโลมลูกหลานให้อาบน้ำแล้วหลับนอน แต่สองบังอรของพ่อนี้ใครจะปรานีให้นมน้ำ ก็จะตรากตรำลำบากใจ ที่ไหนจะเดินได้ด้วยพระบาทเปล่า ทั้งไอแดดจะแผดเผาให้พุพอง จะชอกช้ำคล้ำเป็นหนองลงลามไหล สองสุริยวงศ์ตั้งแต่ว่าจะทรงกันแสงไห้ สุดอาลัยของพ่อแล้วที่จะติดตาม จะบ่ายหน้าไปหาพราหมณ์เมื่อยามเย็น เฒ่าจัญไรไหนเลยจะเห็นด้วยสองเจ้า มีแต่จะรุกเร้าคำรามตี ธชีเอ่ยกระไรเลยไม่เกรงขามเราบ้างเมื่อยามจน จะคิดดูบ้างเป็นไรว่าลูกทั้งสองคนคู่ชีวาตม์ ยังตัดใจให้ขาดมิให้เสียประโยชน์ แต่ก่อนโสดค่าสินไถ่สืบมาถึงสี่ชั่ว ผู้อื่นรู้ก็เกรงกลัวไม่ทำได้เหมือนพราหมณ์ผู้นี้

    วาริชสฺเสว เม สโต เสมือนหนึ่งพรานเบ็ดมาตีปลาที่หน้าไซ บรรดาปลาจะเข้าไปให้แตกฉาน ตัวเราผู้ทำทานเหมือนตัวปลา พระโพธิญาณในภายหน้านั้นคือไซ ปรารถนาจะเข้าไปจึ่งยกพระลูกให้เป็นทานบารมี พระลูกทั้งสองศรีดั่งกระแสสินธุ์ พราหมณ์ประมาทหมิ่นมาด่าตีเสมือนกระทุ่มวารีให้ปลาตื่น น้ำพระทัยท้าวเธอถอยคืนจากอุเบกษาบังเกิดอวิชชามาห่อหุ้ม พระปัญญานั้นกลัดกลุ้มไปด้วยโมโหให้ลุ่มหลงโทโสเข้าซ้ำส่งให้บังเกิดวิหิงสาขึ้นทันที ว่าอุเหม่ อุเหม่ พราหมณ์ผู้นี้นี่อาจองทะนงหนอ มาตีลูกต่อหน้าพ่อไม่เกรงใจ ธชีเอ่ยกูมาอยู่ป่าเปล่าเมื่อไร ทั้งพระขรรค์ศิลป์ชัยก็ถือมา

    ธนุจาปํ คเหตฺวา ก็ทรงพระแสงธนูศรกระสันมั่นกับมือ ฆ่าพราหมณ์ผู้นี้เสียเถิดหรือ เธอก็ฮึดหื้ออยู่แต่ในพระทัย ภายหลังจึ่งตั้งจิตพิจารณาในพระอริยประเพณีหน่อพุทธางกูร ก็รู้ว่าอาตมะนี่เพิ่มพูนมหาปุตตบริจาคเจียวสิหว่า เมื่อพระปัญญาบังเกิดมีพระบรมราชฤาษีเธอจึ่งตรัสสอนพระองค์เอง ว่า โภ เวสฺสนฺตร ดูกรมหาเวสสันดร อย่าอาวรณ์โว้เว้ทำเนาเขา ข้ากับเจ้าเขาจะตีกันไม่ต้องการ ให้ลูกเป็นทานแล้วยังมาสอดแคล้วเมื่อภายหลัง ท้าวเธอก็ตั้งพระสมาธิระงับดับพระวิโยค กลั้นพระโศกสงบแล้วพระพักตร์ก็ผ่องแผ้วแจ่มใสดุจทองอุไรทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งฟล่อแล้วมาวางไว้ในพระอาศรม ตั้งแต่จะเชยชมพระปิยบุตรทานบารมี แห่งหน่อพระชินศรีเจ้านั้นแล
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    เมื่อชูชกพฤฒาจารย์พาสองกุมารไปวันนั้น เฒ่าอาธรรม์ล้มแล้วลุกขึ้นได้ ฉวยได้เรียวไม้ไล่ตีต้อนสองบังอรมาต่อหน้าพระที่นั่งสมเด็จพระบิดาไม่ช้าที ควรจะสงสารเอ่ยด้วยพระชาลีศรีดรุณเยาวลักษณ์ ผันพระพักตร์มาทูลลาพระมาตุเรศอยู่แจ้ว ๆ แล้วก็ทรงพระกันแสงละห้อย ทรงปรึกษาแก่น้องน้อยกนิษฐาว่า กณฺเห ดูกรแก้วกัณหาเอ่ยพี่ได้ยินเนื้อความท่านเล่าสืบมา ว่ากำพร้าสองประการสืบสันดานโดยประเพณี นรา

    เอกจฺจิยา กุมารกุมารีใดไร้นิราศปราศจากพ่อยังแต่แม่ผู้เดียว ก็พอแลพอเหลียวชื่อว่าอยู่พร้อมทั้งบิดาและมารดา ทารกา ทารกผู้ใดไร้นิราศปราศจากแม่ยังแต่พ่อผู้เดียว ก็เปล่าเปลี่ยวได้ชื่อว่าศูนย์สิ้นทั้งบิดาและมารดา ถึงจะประโลมเลี้ยงรักษาเล่าก็ไม่ถึงใจ ถึงจะได้ทุกข์ภัยสักร้อยสิ่ง อันบิดาแล้วก็นิ่งได้ไม่นำพา อันคุณของพระมารดาท่านพรรณนาไว้ว่าเป็นที่ยิ่ง

    สจฺจํ คำที่ว่ามานั้นก็จริงสมอยุ่แล้วนะพระน้องแก้วกัณหา เหมือนหนึ่งอกเราทั้งสองราในครั้งนี้พระชนนีไม่อยู่ อ้ายพราหมณ์มันจึ่งข่มขู่เคี่ยวเข็ญกระทำโทษ นตฺถตฺโถ ชีวิเตน โน โอ จะประโยชน์อันใดกับด้วยชีวิตเราเท่านี้นี่หนาพระน้องเอ่ย กัณหาเจ้าพี่ผู้เพื่อนไร้จะอยู่ไปใยให้ทนทุกข์ทรมาน มาได้ความรำคาญเคืองแค้น พราหมณ์ตะแกตีให้แล่นแสนลำบาก ยากแต่น้อย ๆ นมนิดน้ำหน่อยหนึ่งก็มิได้เสวย กัณหาพระน้องเอ๋ยมาเถิดนะเจ้า มาเราจะสวมสอดกอดคอกันเข้าให้มั่นกลั้นใจตายเสียให้พ้นเฒ่าแสนร้ายนี้เถิด

    เมื่อชูชกพฤฒาจารย์พาสองกุมารมาเต็มพัก ถึงทางตะกุกตะกักก้อนศิลา เฒ่าชราเดินทะลุดทะลาดเหยียบพลาดล้มผลุง เครือเถาสะดุ้งหลุดออกจากข้อพระกร สองบังอรก็วิ่งมาสู่สำนักพระบิดา เฒ่าชราฉวยได้เรียวไม้ไล่ขบฟัน ฉุดลากกระชากรันด้วยโทโส อากฑฺฒนฺโต เสมือนหนึ่งจะเชือดเนื้อหนังกินเสียทั้งเป็นเห็นเวทนา เข้าฉุดคร่าพาลากสำรากขู่ว่าดูดู๋เด็กน้อย ๆ ทั้งคู่นี่รู้แต่ว่าจะหนี ครั้นพราหมณ์ตีสิว่าพราหมณ์ร้าย เอ็งสิมาร้ายไปก่อนพราหมณ์นั้นไม่ว่า ตะแกก็เหลียวมาตีพระชาลีเข้าต้ำผาง แล้วก็เลี้ยวมาตีนางกัณหาให้ร้องอยู่กรี๊ดกรี๊ดหวีดหวาดดูเวทนา ควรจะสงสารเอ่ยด้วยแก้วกัณหาพระชลนาลงผอย ๆ ชม้อยแลดูไม้ที่พราหมณ์ตี แล้วก็ตั้งแต่จะทรงกันแสงโศกีให้พระบิดาช่วย ว่าชีวิตลูกนี้จะม้วยเสียจริงแล้ว เป็นไฉนพระทูลกระหม่อมแก้วจึ่งนิ่งเฉยเสียได้ในครั้งนี้

    โอ้น่าเวทนาด้วยนางแก้วกัณหากุมารีเธอทรงพระโศกีกันแสงไห้ น้ำพระชลนัยน์ไหลลงหลั่ง ๆ พลางก็ร้องทูลสั่งอยู่แจ้ว ๆ ว่าเจ้าประคุณทูลกระหม่อมแก้วของลูกเอ่ย ตัดลูกเสียแล้วหรือจึ่งนิ่งเฉยเสียได้ ปล่อยให้พราหมณ์จัญไรแกตีด่าคร่าไปต่อหน้าพระที่นั่ง ฆเร ชาตํ ดั่งว่าข้าครอกเกิดในเรือนเบี้ยโบยตีบรรดาเสียสุดกำลัง น จายํ พฺราหฺมโณ มิใช่พราหมณ์แล้วหนะพระพ่อเจ้า เฒ่านี่ทำไมตะแกจึ่งร้ายกาจ ยกฺโข ชะรอยว่าผีปีศาจมันแกล้งแปลงมาขอทาน ตีประจานให้เจ็บใจจะขาด ขู่ต้อนตวาดกระทำเข็ญ จะฉีกเนื้อลูกกินเสียทั้งเป็นนั้นมิได้ จึ่งแกล้งตีด้วยฝีไม้ไปให้ลับพระเนตรพระบิตุเรศเจ้าแล้ว ก็จะหักคอลูกแก้วลงกลางดิน จะฉีกเชือดสูบเลือดกินเป็นภักษา พระพุทธเจ้าข้าไม่โปรดแล้วลูกแก้วจะขอลา พระบิดาอย่าได้น้อยพระทัยเลย พระคุณเอ่ย พระคุณเจ้าเอ๋ยเจ้าประคุณของลูกเอ่ยอย่าว่าลูกนี้ล่วงมาดูถูก ที่จะได้กลับมาเป็นพ่อลูกกันสืบไปนั้นอย่าสงสัย ด้วยว่ากระดูกและเลือดเนื้อจะเป็นเหยื่อของตาพราหมณ์ ลูกนี้กราบทูลความสักเท่าใดไม่เชื่อเลย กรรมเอ๋ยกรรม ชะรอยว่ากรรมกัณหาน้อยนี้ได้กระทำไว้แต่ชาติหลัง จึงให้เผอิญพระพ่อเจ้าชิงชังไม่ดูหน้ามาเมินเฉย โอ้กรรมเอ๋ยเห็นจะสิ้นวาสนาของแก้วกัณหานี้เสียจริง ๆ พระลูกหญิงขอถวายบังคมลา เป็นไปตามเวรานั้นแล้วแล

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    ตโต โส รชฺชุมาทาย ทณฺฑมาทาย พฺราหฺมโณ ฯ

    โส โพธิสตฺโต ส่วนสมเด็จพระบรมโพธิสัตว์ ตรัสได้ทรงฟังพระสุรเสียงแก้วกัณหา เสียวพระสกลกายาเย็นระย่อ เศร้าสลดระทดท้อพระหฤทัยเธอถอยหลัง พระนาสิกอึดตั้งอัสสาสปัสสาส น้ำพระเนตรเธอไหลหยาดหยดเป็นสายเลือด ไม่เว้นวายหายเหือดซึ่งโศกา จึ่งเอาพระปัญญาวินิจฉัยเข้ามาข่มโศก ว่าบุตรวิโยคทั้งนี้บังเกิดมีเพราะความรัก จำจะเอาอุเบกขาเข้ามาประหารหักให้เสื่อมหาย ท้าวเธอกลับสุขเกษมเปรมสบายพระกายก็ใสสด ดั่งพระจันทร์ทรงกลดนั้นแล

    คิริทฺวารํ อสมฺปตฺตา เมื่อพราหมณ์ชูชกชราพาสองดรุณลำเพาพงศ์ เกือบจะออกประตูดงพระหิมเวศ ควรจะสงสารเอ่ยด้วยนางกัณหากุมาเรศเธอทรงพระกันแสง จนสุดสิ้นกำลังแรงระทวยอ่อน เจ้าก็สะอึกสะอื้นอ้อนวอนพระพี่ยาว่าข้าแต่พระเชษฐาชาลีของน้องเอ่ย น้องนี้หิวอ่อนด้วยอดนม วิงเวียนเจียนจะล้มเสียจริงแล้ว พระชาลีจึงปลอบแก้วกัณหา ว่ากัณหาเอ่ยอุตส่าห์เดินเถิดนะแม่ อย่าระย่อท้อแท้ทางนี้ก็ยังไกลใครจะช่วยเราได้ไม่มีเลย เจ้าเพื่อนยากของพี่เอ่ย มาตรว่าพระน้องเจ้าจะวอดวายตัวพี่นี้ก็จะขอตายไปตามเจ้า จะอยู่ไปไยเล่าให้ทนทุกข์ทรมาน ควรจะสงสารเอ่ยด้วยสองกุมารพร่ำปรึกษากัน ว่าเราจะอภิวันทน์ไหว้ไว้แก่เทเวศ สั่งให้ช่วยบอกเหตุทูลถึงพระมารดา ว่าพลางทางด็แอบพระอังสา ซบพระเศียรถวายต่างประทีปธูปเทียนปทุมชาติ พระพี่น้องก็ร้องประกาศด้วยวาจา ว่า

    โภนฺโต เทว สงฺฆาโย ข้าแต่เทพดาเจ้าทั้งหลายเอ่ย อันศักดิ์สิทธิ์สถิตที่เครือหญ้าลดาวัลย์ อันทรงทิพยกรรณและทิพยเนตร ได้โปรดเกศเกล้ากระหม่อมฉันด้วยช่วยบอกพระมารดา ว่ายังมีพราหมณ์ชราบุรุษโทษพาลูกทั้งสองโสดมาทางนี้ ชื่อว่ากัณหาชาลีได้สั่งความ ให้พระมารดาเร่งติดตามมาให้จงได้ โดยมรรคาลัยไพระหง ตรงตลอดทอดเดียวกระทั่งถึงประตูป่า แต่พอลูกได้เห็นหน้าฝ่าพระบาท

    อโห วต เร ชฏินี โอ พระชนนีศรีศุภมาตุของลูกเอ่ย เวลาป่านฉะนี้แล้วมิตามมา เออก็เกือบจะพ้นประตูป่าไปเสียยังแล้ว ที่ไหนเลยจะได้เห็นหน้าพระลูกแก้วทั้งสองรา มาตุคิทฺธิโน โอสงสารเอ่ยด้วยสองดรุณทรามสวาท เมื่อนิราศร้างห่างพระมารดา พราหมณ์ชราตะแกตีพระน้อง เทพเจ้าก็ร้องหวาดไม่เว้นองค์ ครั้นพราหมณ์ตะแกตีพระพี่ลงเจ้าก็ร้องอยู่กรี๊ด ๆ เทพเจ้าก็ร้องหวีดขึ้นพร้อมกันเสียงสนั่นทุกอกสัตว์ วายุวิเวกพัดมาเฉื่อยฉิว ใบพฤกษาปลิวร่วงระรุบเย็นทุกเส้นหญ้า พอโพล้เพล้พลบค่ำย่ำสนธเยศ พราหมณ์ก็พาสองดรุณเยาวเรศลับล่วงประตูป่า อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน โดยปการะดั่งแสดงมา ฉะนั้นแล


     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ๙.กัณฑ์มัทรี

    ยํ ปน รญฺญา มหาปฐวึ อุนฺนาเทตฺวา พราหฺมณสฺส ปิยปุตฺเตสุ ทินฺเนสุ ยาว พฺรหฺมโลกา เอกโกลาหลํ ชาตํ เตนาปิ ภิชฺชิตหทยา วิย หิมวนฺตวาสีโน เทวตาโย เตสํ พฺราหฺมเณน นิยมานานํ ตํ วิลาปํ สุตฺวา มนฺตยึสุ สเจ มทํทึ สกาลสฺเสว อสฺสมํ อาคมิสฺสตีติ

    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราชกัณฑ์ที่ ๙ ว่าด้วยเรื่องพระเวสสันดรในกัณฑ์มัทรีสืบต่อไป เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายพอสมควรแก่เวลา

    ดำเนินความว่า พระมหาสัตว์เจ้ายังมหาปฐพีอันใหญ่ให้หวั่นไหวด้วยพระราชทานปิยบุตรทั้งสองแก่พราหมณ์ แล้วเกิดโกลาหลเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดถึงพรหมโลก โกลาหลอันนั้นหมู่เทพเจ้าชาวป่าหิมพานต์ได้สดับเสียงพิลาปรำพันของสองพระกุมารกุมารีที่พราหมณ์นำไป ก็มีความสงสารประหนึ่งว่าหฤทัยจะแตกทำลาย

    จึงปรึกษากันว่าถ้าพระนางมัทรีเสด็จกลับมาสู่อาศรมในเวลากลางวัน เมื่อไม่ได้เห็นพระเจ้าลูกทั้งสองก็จะต้องรบกวนทูลถามซึ่งพระเวสสันดร ครั้นได้ทรงทราบว่าพระเวสสันดรได้พระราชทานให้ไปแก่พราหมณ์แล้ว พระนางเธอก็จะต้องวิ่งติดตามด้วยความสิเนหาอันแรงกล้าก็จะเสวยเวทนาอันใหญ่หลวง จำเราทั้งปวงจะคิดหาอุบายกั้นกาง อย่าให้พระนางเธอเสด็จมาได้แต่ในเวลายังวัน

    ครั้นปรึกษากันอย่างนี้แล้วจึงพร้อมกันมอบหน้าที่ให้เทพบุตรทั้งสามว่า ท่านทั้งสามจงจำแลงเพศเป็นราชสีห์องค์หนึ่ง เป็นเสือโคร่งองค์หนึ่ง เป็นเสือเหลืององค์หนึ่ง แล้วพากันไปขัดขวางกั้นกางหนทางที่พระนางเธอเสด็จมา ถึงพระนางเธอจะอ้อนวอนสักเพียงไรอย่าอนุญาตให้มาได้ จนกว่าพระอาทิตย์จะอัสดงคต จึงค่อยพากันละลดเลิกถอยหนีไปให้พระนางเธอเสด็จมาด้วยรัศมีจันทร์ แต่ว่าท่านทั้งสามจงพากันป้องกันอย่าให้พระนางเธอเป็นอันตรายด้วยสัตว์ร้ายต่าง ๆ ได้เป็นอันขาด

    เมื่อเทพบุตรทั้งสามรับเทวราชปกาสิตของเทพเจ้าเหล่าที่ประชุมอยู่ในสถานที่นั้นแล้ว ก็กระทำตามคำสั่งสอนทุกประการ ฝ่ายพระเยาวมาลย์มาศมัทรีพระนางเธอมีพระหฤทัยไหวหวาดด้วยทรงคำนึงความฝัน แล้วทรงรีบขมีขมันแสวงหามูลผลาหาร แต่บังเอิญเสียมที่พระนางเธอถือก็หลุดจากพระหัตถ์ กระเช้าก็จะพลัดตกลงจากพระอังสา ทั้งพระเนตรเบื้องขวาก็เขม่นอยู่ริก ๆ ต้นไม้ที่พระนางเคยปลิดผลก็เผอิญไม่แลเห็น ท้องฟ้าอากาศก็เป็นประหนึ่งว่ามืดมิดไปทั่วทุกทิศ พระนางเธอก็ทรงหลากจิตว่าเหตุไรหนอจึงเป็นอย่างนี้ ชะรอยจะมีเหตุอันใดอันหนึ่งแก่ตัวเราหรือไม่ก็พระเจ้าลูกทั้งสอง มิฉะนั้นก็พระสวามีเวสสันดรอย่างใดอย่างหนึ่ง
    ครั้นทรงคำนึงอย่างนี้แล้วจึงบ่ายหน้าเสด็จกลับแต่ได้มาพบมฤคราชร้ายทั้งสามที่นอนขวางทางพระนางอยู่ พอนางเสด็จจวนถึง มฤคราชทั้งสามนั้นก็พร้อมกันลุกขึ้นยืนสกัดขวางทางพระนางไว้พระนางเธอจึงทรงพิไรรำพันว่า เวลาพระอาทิตย์ก็จวนจะตกต่ำอยู่แล้วทั้งพระอาศรมก็ยังอยู่ไกล พระเจ้าลูกทั้งสองกับพระสวามีคงจะคอยเสวยมูลผลาหารที่เราจะนำไป ป่านนี้พระจอมไทขัตติยาเบศร์คงจักปลอบพระราชโอรสธิดาผู้หิวโหยอยู่ในบรรณศาลาตั้งหน้าทอดพระเนตรคอยเป็นแน่แท้

    พระลูกรักทั้งสองของเราก็จักพากันทรงกันแสงด้วยถึงเวลาเสวยแล้ว พระลูกแก้วกัณหาก็คงหิวพระถันธารา หรือไม่อย่างนั้น พระเจ้าลูกทั้งสองก็คงจักมาคอยทางแม่เหมือนกับลูกโคอ่อนที่ชะแง้แลหาแม่โค หรือไม่อย่างนั้นพระลูกทั้งสองคงยืนคอยแม่อยู่แต่ในอาศรม เหมือนกับหงส์ที่ตกอยู่บนเปือกตมฉะนั้น อันหนทางก็ยังอยู่ไกล ทั้งเป็นหนทางน้อยเดินได้แต่ผู้เดียว เราไม่อาจจะเลี้ยวลัดให้พญาสัตว์ทั้งสามนี้ได้ เพราะข้างหน้าหนึ่งก็มีสระ อีกข้างหนึ่งก็มีบึง เราจำเป็นจะอ้อนวอนพญาสัตว์ทั้งสามนี้ให้หลีกหนีจากหนทางเรา

    ครั้นทรงพระดำริแล้วจึงปลดกระเช้าผลไม้ลงจากพระอังสาแล้วประคองอัญชลีขึ้นอ้อนวอนว่า ข้าแต่พญามฤคราชผู้ทรงฤทธิรอน ขอท่านทั้งสามจงเห็นแก่ความอ้อนวอนของข้าพเจ้าผู้เป็นพระราชธิดาของมนุษย์ ส่วนท่านทั้งสามก็เป็นราชบุตรของพญามฤคราชเหมือนกัน ข้าพเจ้ากับท่านทั้งสามชื่อว่าเป็นพี่น้องกันโดยทางธรรม ข้าพเจ้าขอกราบไหว้ท่านทั้งสาม ท่านทั้งสามจงกรุณาหลีกหนทางให้ข้าพเจ้า อันข้าพเจ้านี้เป็นอัครมเหสีของพระราชโอรสกรุงสีพี ซึ่งถูกขับจากประเทศมาบวชเป็นชีไพร ข้าพเจ้านี้มิได้หมิ่นประมาทพระราชสามี จงรักภักดีต่อพระราชสามีอยู่เสมอเป็นเนืองนิตย์ ขอท่านทั้งสามจงนิมิตจิตหลีกหนทางให้แก่ข้าพเจ้าด้วย ช่วยให้ข้าพเจ้าได้กลับไปเห็นหน้าลูกรักทั้งสองศรี คือชาลีและกัณหา ท่านทั้งสามก็จงพากันแสวงหาอาหารตามต้องการเถิด อีกประการหนึ่ง ลูกไม้หัวมันที่ข้าพเจ้าได้มานี้มีอยู่มาก ข้าพเจ้าจะแบ่งให้ท่านทั้งสามเสียกึ่งหนึ่ง อีกกึ่งหนึ่งจักนำไปฝากพระลูกรักและแลผัวขวัญ ขอท่านทั้งสามจงรีบด่วนให้หนทางแก่ข้าพเจ้า

    เมื่อพระนางอ้อนวอนอยู่อย่างนี้ จนกระทั่งเวลาพระอาทิตย์อัสดงคต พญามฤคราชทั้งสามนั้นจึงพากันละลดหลีกหนทางให้ ในคืนวันนั้นเป็นวันเพ็ญมีพระจันทร์เด่นเต็มดวง พระนางเธอก็ได้เสด็จล่วงมรรคามาจนกระทั่งถึงที่สุดจงกรม เมื่อได้ทรงพบเห็นพระเจ้าลูกทั้งสองในที่ ๆ เคยเห็นมา จึงตรัสว่าเราได้เคยเห็นพระเจ้าลูกทั้งสองพากันยืนคอยต้อนรับอยู่ที่นี้ พอเห็นแม่มาถึงก็พากันวิ่งเข้ารับ แต่วันนี้เหตุไรจึงกลับกลาย เราไม่พบเห็นพระเจ้าลูกทั้งสองเหมือนอย่างที่เคย แม่นี้มีอุปมาเหมือนแม่แพะหรือแม่เนื้อที่ละลูกน้อยไปเที่ยวหากิน หรือเหมือนกับปักษิณที่ทิ้งลูกน้อยไปจากรังหรือแม่ราชสีห์ที่พะว้าพะวังอาหาร ละลูกน้อยไว้ในสถานของตนแล้วเที่ยวไปหากินฉะนั้น วันนี้แม่ได้เห็นแต่รอยเท้าของเจ้าทั้งสองกับกองทรายที่เจ้าทั้งสองเคยกองเล่น วันอื่น ๆ แม่ได้เห็นเจ้าทั้งสองขะมุกขะมอมอยู่ด้วยฝุ่นและทราย พอเห็นแม่มาถึงก็พากันวิ่งรับรองข้าง มาวันนี้แม่รู้สึกอ้างว้างด้วยไม่เห็นหน้าเจ้าทั้งสอง วันก่อน ๆ เจ้าทั้งสองเคยคอยต้อนรับแม่ผู้กลับมาจากป่า เคยชะแง้แลหาแม่เหมือนกับลูกแพะหรือลูกเนื้อทราย อันมีความมุ่งหมายหาแม่ฉะนั้น

    แต่วันนี้แม่มิได้เห็นหน้าเจ้าทั้งสองเหมือนแต่ก่อนเลย เห็นแต่ผลมะตูมสุกที่เจ้าทั้งสองเคยอุ้มเล่นมาตกกระเด็นอยู่ในที่นี้ โอ้ลูกรักของแม่เอ๋ย เวลานี้ถันทั้งสองเต้าของแม่ที่ลูกกัณหาเคยได้ดูดดื่มมาแต่ก่อนก็เต่งเต็มประดุจว่าจะแตก ใครเล่าเวลานี้จะมาค้นชายพกแม่เพื่อหาของเล่น และใครเล่าจะเข้าเหนี่ยวถันแม่เสวยนม โอ้ พระอาศรมนี้เมื่อก่อนปรากฏแก่เราเหมือนกับมีมหรสพครึกครื้น มาวันนี้ดูช่างเงียบเหงานี่กระไร เราได้ดูอาศรมแล้วประหนึ่งว่าอาศรมหมุนเวียนเหมือนกับแป้นแห่งนายช่างหม้อ โอ้ ไฉนหนอพระอาศรมนี้จึงมาเป็นเช่นนี้ ทั้งฝูงกาและสกุณาชาติทั้งหลายก็มิได้ส่งเสียงขันเหมือนวันก่อน หรือว่าลูกในอุทรของแม่ตายเสียแน่แล้วประการใด หรือว่ามีผู้ใดมานำเอาลูกแม่ไปเสียที่อื่น ลูกแม่จึงไม่เห็นปรากฏเหมือนกับในวันก่อน ๆ ฯ

    เมื่อพระนางเธอทรงพิลาปรำพันอยู่ดังนี้แล้ว ก็เสด็จเข้าไปเฝ้าพระอดิศรสวามีเวสสันดรราชฤาษี ทรงวางกระเช้าผลไม้ลงแล้วถวายบังคม เมื่อได้เห็นสมเด็จพระเวสสันดรราชฤาษีเสด็จประทับนั่งนิ่งอยู่มิได้ทรงพาที ทั้งมิได้เห็นพระชาลีกัณหา จึงกราบทูลถามว่าข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เหตุไรพระองค์จึงทรงนิ่งอยู่เช่นนี้ ทำให้หัวใจของหม่อมฉันมัทรีนี้หวั่นหวาด ทั้งเมื่อเวลาจวนจะใกล้รุ่งวันนี้หม่อมฉันมัทรีก็ฝันประหลาดอยู่แล้วพระเจ้าข้า ในเวลานี้ฝูงนกกาไพรและนกต่าง ๆ ก็มิได้ส่งเสียงขับร้อง หรือพระเจ้าลูกทั้งสองพี่น้องตายเสียแล้วประการใด ข้าแต่พระจอมไทธิราชเจ้า มีสัตว์ร้ายคาบเอาพระเจ้าลูกทั้งสองไปเคี้ยวกินเสียแล้วหรือไฉน หรือว่ามีใครนำเอาไปเสียในป่า หรือในทุ่งกว้างอันสุดที่จะแสวงหา หรือว่าพระองค์ให้พระเจ้าลูกทั้งสองให้เป็นทูตไปเฝ้าพระเจ้าสีพี หรือพระเจ้าลูกทั้งสองเข้าไปบรรทมอยู่ในอาศรมนี้ หรือว่าพระเจ้าลูกทั้งสองพากันออกไปเที่ยวเล่นในที่อื่น ขอพระองค์จงตรัสบอกแก่กระหม่อมฉันด้วยเถิด แม้แต่พระเกศาและพระหัตถ์พระบาทของพระเจ้าลูกทั้งสอง ก็มิได้ปรากฏในคลองจักษุของหม่อมฉันหรือนกหัสดีลิงค์จะโฉบเฉี่ยวพระลูกเจ้าทั้งสองของกระหม่อมฉันไปแล้ว ขอพระองค์จงตรัสบอกแก่กระหม่อมฉันด้วยเถิด ฯ

    เมื่อพระนางมัทรีทูลอ้อนวอนอยู่สักเท่าไรพระมหากษัตริย์เจ้าก็มิได้ตรัสตอบ นางมัทรีจึงกราบทูลว่า ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้า ทุกข์ที่ข้าพระองค์ไม่ตรัสแก่กระหม่อมฉันนี้เป็นทุกข์อันยิ่งใหญ่กว่าทุกข์ที่ถูกเนรเทศจากเมือง ยังมิหนำซ้ำทุกข์ไม่ได้เห็นหน้าพระเจ้าลูกทั้งสองอีก ขอพระองค์อย่าทรงทรมานกระหม่อมฉันให้ลำบากหัวใจเช่นนี้เลย หัวใจของกระหม่อมฉันเวลานี้เหมือนกับถูกไฟจี้ การที่พระองค์ทรงนิ่งอยู่อย่างนี้ทำให้กระหม่อมฉันลำบากหัวใจยิ่งนัก การที่พระองค์ทรงทำอย่างนี้เหมือนกับคนที่ตกต้นไม้แล้วมีผู้ตีซ้ำอีก หัวใจของกระหม่อมฉันเวลานี้รู้สึกชอกช้ำเหมือนกับถูกลูกศร หัวใจของกระหม่อมฉันเวลานี้เร่าร้อนยิ่งนักในการที่ไม่ได้เห็นพระลูกรักทั้งสอง กระหม่อมฉันขอกราบทูลให้ทรงทราบว่า ถ้ากระหม่อมฉันไม่ได้เห็นหน้าลูกในคืนนี้ หรือพระองค์ไม่ตรัสกับหม่อมฉันในคืนนี้แล้ว เช้าขึ้นพระองค์ก็จะเห็นซากศพของกระหม่อมฉันแน่

    ลำดับนั้น พระมหากษัตริย์เจ้าจึงทรงพระดำริว่าจำเราจักห้ามความโศกพระนางด้วยความหึงหวงจึงจะได้ ครั้นทรงพระดำริแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนมัทรีผู้มีรูปสวย อันในป่าหิมพานต์นี้ย่อมมีนายพรานและดาบสหรือวิทยาธรเป็นอันมาก หากเจ้าไปทำอะไรในป่าก็ไม่มีใครจะรู้เห็น เจ้าออกป่าแต่เช้าเป็นอย่างไรจึงกลับมาจนค่ำมืดเช่นนี้ นี่แน่ะแม่มัทรี ธรรมดาหญิงที่ทิ้งลูกหนีไปในป่าเขาจะมีสามีหรือไม่มีก็ตามเขาไม่ทำอย่างนี้ ตัวเจ้าเหตุไรจึงทำเป็นไม่มีห่วงลูกห่วงผัวบ้างเลย ที่ถูกเข้าควรจะนึกถึงลูกบ้างไม่นึกถึงผัวก็ช่างเถิด แต่นี่สิเข้าป่าแต่เช้าจนกระทั่งกลางคืนจึงกลับมา ยากที่เราจะเข้าใจว่าเจ้าไปทำอะไร เมื่อเจ้ามีข้อแก้ไขอย่างไรจงว่ามาอย่าได้ช้า ฯ

    เมื่อพระนางมัทรีได้ทรงสดับพระวาจาอันเสียดแทงพระหฤทัยเช่นนี้ จึงกราบทูลว่า พระองค์ไม่ได้ยินเสียงราชสีห์เสือโคร่ง สัตว์สี่เท้าสองเท้าและนกอันบันลือร้องในตอนเย็นนี้บ้างหรือ นั่นแหละคืออันตรายที่ทำให้กระหม่อมฉันกลับมาแต่ยังวันไม่ได้ ในเวลาที่กระหม่อมฉันไปแสวงหาลูกไม้หัวมันนั้นเกิดรางร้ายขึ้นหลายประการ คือเสียมก็หลุดมือ กระเช้าก็หลุดจากบ่า และในป่านั้นกระหม่อมฉันรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นขวัญหาย ได้ไหว้วอนเทพเจ้าทั้งหลายให้ช่วยคุ้มครองพระองค์กับพระเจ้าลูกที่อยู่ข้างหลัง แล้วกระหม่อมฉันได้นึกถึงความฝันร้ายในคืนนี้จึงตั้งใจจะกลับมาเร็ว ในกาลนั้นตาของกระหม่อมฉันก็เขม่นอยู่ริก ๆ ทั้งรู้สึกพร่าพราวแลเห็นต้นไม้แปลกไปกว่าแต่ก่อน คือต้นไม้ที่เคยผลิผลก็แลเห็นเป็นไม่มีผล ส่วนต้นไม้ที่ไม่มีผลสิกลับแลเห็นเป็นมีผล กระหม่อมฉันจึงเที่ยวหาผลไม้ได้โดยลำบากนัก พอแสวงหาได้แล้วก็รีบกลับมา ครั้นมาถึงช่องเขาก็มีสัตว์ร้ายสามตัว คือราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง มานอนขวางทางกระหม่อมฉันอยู่ กระหม่อมฉันไม่รู้ที่จะหลีกไปทางไหน ได้กราบไหว้อ้อนวอนต่อสัตว์ทั้งสามอยู่จนกระทั่งพลบค่ำสัตว์ร้ายทั้งสามนั้นจึงหลีกทางให้กระหม่อมฉัน กระหม่อมฉันได้รีบเดินเป็นวิ่งมาจนกระทั่งถึงอาศรมศาลาที่นี้ เหตุที่กระหม่อมฉันไปเช้ากลับมาถึงในเวลากลางคืนอยู่อย่างนี้แหละพระเจ้าข้า ฯ ส่วนพระมหากษัตริย์เจ้าเมื่อพระนางมัทรีกราบทูลชี้แจงอย่างนี้แล้วก็มิได้ตรัสตอบประการใด ทรงนิ่งอยู่จนตลอดราตรี

     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ฝ่ายพระนางมัทรีก็ได้แต่ทรงโศกร่ำร้องปรับทุกข์ไปตามประสาหญิงด้วยถ้อยคำต่าง ๆ ว่าตัวเราไม่เคยประมาทต่อพระราชสามีเลย ได้ตั้งใจปฏิบัติพระราชสามีเป็นอย่างดีเหมือนศิษย์ปฏิบัติอาจารย์ ได้เที่ยวแสวงหามูลผลาหารในป่ามาเลี้ยงพระสามีแลพระลูกรักทั้งสองทุกวันมา โอ้พระลูกเอ๋ย นี่แน่ะขมิ้นแม่บดไว้สำหรับใช้เวลาเจ้าทั้งสองอาบน้ำ โอ้นี้สิผลมะตูมสุกที่เจ้าทั้งสองเคยเล่น นี่ก็เง่าบัวฝักบัวที่แม่หามาไว้ นี่ก็ลูกกระจับอันมีรสหวานเหมือนน้ำผึ้ง ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของกระหม่อมฉัน ขอพระองค์ได้โปรดเรียกพระลูกทั้งสองมาเสวยลูกไม้หัวมันเถิด ขอพระองค์จงประทานดอกไม้ประทุกแก่พ่อชาลีประทานดอกโกมุทแก่แม่กัณหา ให้พระเจ้าลูกทั้งสองประดับประดาแล้วฟ้อนรำให้ทอดพระเนตร ขอพระปิ่นเกษจงเรียกพระเจ้าลูกทั้งสองให้ตื่นจากบรรทมเถิด ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐกว่าพลโยธี เราทั้งสองก็ย่อมมีสุขทุกข์เสมอกันได้ถูกขับจากพระนครมาด้วยกัน สมควรที่พระองค์จะทรงพระกรุณาแก่กระหม่อมฉันบ้างอย่าทรงให้กระหม่อมฉันลำบากใจนักเลยพระเจ้าข้า หรือว่าข้ามัทรีมีบาปกรรมได้กระทำมา ได้เคยด่าว่าสมณพราหมณ์ว่าขอให้ท่านพลัดพรากจากบุตรธิดาไว้ในปางก่อนหรืออย่างไร วันนี้กระหม่อมฉันถึงพลัดพรากจากพระลูกรักทั้งสอง ฯ

    เมื่อพระนางเธอไม่ได้รับคำตอบจากพระราชสามีอย่างนี้แล้ว ก็ถวายบังคมลาออกเที่ยวเสาะแสวงหาพระลูกเจ้าทั้งสองในที่ต่าง ๆ เมื่อพระนางเจ้าไปถึงต้นไม้ที่พระเจ้าลูกทั้งสองเคยเล่นอยู่แต่ก่อนมา พระนางเจ้าก็ทรงปริเทวนารำพันเพ้อต่าง ๆ จนกระทั่งหมู่เนื้อและนกได้ตกใจกลัวด้วยเสียงฝีพระบาทและเสียงร่ำร้องของพระนางเธอ เมื่อพระนางเธอได้ทอดพระเนตรเห็นของเล่น คือตุ๊กตารูปเนื้อทรายตัวเล็ก ๆ รูปกระต่าย รูปนกเค้า รูปชะมด รูปหงส์ รูปนกกะเรียน รูปนกยูง ซึ่งพระลูกทั้งสองได้เคยเล่นมาในกาลก่อน พระนางเจ้าก็ยิ่งทรงสะท้านอาวรณ์ถึงซึ่งพระเจ้าลูกทั้งสอง

    แล้วพระนางเจ้าจึงวิ่งกลับไปที่พระอาศรมแล้วกลับออกมาจากพระอาศรมไปเที่ยวแสวงหาตามนานาสถาน มีสระโบกขรณีเป็นต้น แล้วกลับมากราบทูลพระมหาสัตว์อีก เมื่อทรงเห็นพระมหาสัตว์ประทับนิ่งอยู่อีกเหมือนแต่ก่อน จึงกราบทูลตัดพ้อต่อว่า ว่าเหตุไรพระองค์จึงไม่ทรงตักน้ำ ผ่าฟืน ก่อไฟไว้เหมือนวันก่อน ๆ มาทรงนั่งนิ่งอยู่เหมือนอย่างนี้ทำไม ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้าผู้เป็นที่รักของกระหม่อมฉันอย่างยิ่ง ไม่มีผู้ใดจะเป็นที่รักของกระหม่อมฉันยิ่งไปกว่าพระองค์เลย วันก่อน ๆ เวลากระหม่อมฉันกลับมาเห็นพระพักตร์ของพระองค์แล้วก็หายเหน็ดเหนื่อยทุกข์ แต่วันนี้กระหม่อมฉันยิ่งทุกข์ร้อนขึ้นอีก ในการที่พระองค์ไม่ทรงจำนรรจากับกระหม่อมฉัน ทั้งไม่ได้เห็นหน้าของพระลูกเจ้าทั้งสอง เมื่อพระนางเธอเห็นพระมหาสัตว์เจ้าทรงนิ่งอยู่ ก็ทรงโศกเศร้าเป็นกำลังดังประหนึ่งว่ามีลูกศรมาเสียบทรวง มีพระกายสะทกสะท้านปานแม่ไก่ถูกตี ได้ถวายอัญชลีแล้วออกเที่ยวตามหาพระลูกเจ้าทั้งสองอีก

    เมื่อไม่ทรงพบเห็นในที่ใด ๆ จึงกลับมาทูลอ้อนวอนถามพระมหาสัตว์เจ้าอีก ฝ่ายพระมหาสัตว์เจ้าก็ไม่ตรัสประการใด พระนางเธอได้เที่ยวแสวงหาพระเจ้าลูกทั้งสองวกไปเวียนมารอบขอบเขตพระบรรณศาลาอยู่ตลอดราตรี ถ้าจะคลี่คลายหนทางทรงออกไปก็ได้ถึง ๑๕ โยชน์โดยคณา พอสิ้นราตรีแล้วพระนางเจ้าก็กลับไปเฝ้าพระมหาสัตว์เจ้าอีก ทรงร้องไห้รำพันด้วยประการต่าง ๆ แล้วทรงยกย่องพระบาทว่าจะออกเที่ยวแสวงหาอีก แต่พอดีพระนางเจ้าได้สิ้นพระสติสัมปฤดีล้มสลบลงที่พื้นพสุธาต่อหน้าพระที่นั่งของพระเวสสันดรราชฤาษี ฯ

    ในขณะนั้นพระเวสสันดรราชฤาษีทรงตกพระทัยว่า พระมัทรีสิ้นพระชนม์ชีพแล้วทรงตระหนกตกประหม่า จนมีพระกายสั่นสะท้านด้วยความโศกศัลย์อันแรงกล้า ออกพระโอษฐ์ว่า เจ้ามัทรีไม่ควรจะมาตายในที่เช่นนี้เลย ถ้าเจ้าตายอยู่ในกรุงสีพีก็จะได้มีการถวายเพลิงเป็นการใหญ่ ประชาชนและกษัตริย์ทั้งสองประเทศก็จะได้ถวายสักการะพิเศษพระศพของเจ้า ครั้นออกพระโอษฐ์อย่างนี้แล้ว จึงรีบเสด็จจากพระบรรณศาลา เพื่อทรงตรวจดูว่าพระนางสิ้นพระชนม์แล้วจริงหรือ เมื่อทรงวางพระหัตถ์เบื้องขวาลงที่พระทรวงของพระนาง ก็ทรงทราบว่าพระนางยังทรงพระชนม์อยู่เพระพระทรวงยังอุ่นอยู่ จึงรีบไปหยิบเอาพระเต้าลงมาช้อนพระเศียรของพระนางขึ้นวางบนพระเพลา เทน้ำออกจากพระเต้ารดตัวพระนางให้เปียกชุ่ม แล้วทรงวักน้ำลูบพระพักตร์และทรวงของพระนาง ฝ่ายพระนางมัทรีก็ทรงได้สติสมปฤดีขึ้นมา แล้วเคลื่อนพระองค์ลงจากพระเพลาขึ้นถวายบังคมทูลถามว่า พระเจ้าลูกทั้งสองอยู่ที่ไหนพระเจ้าข้า ฯ

    ก็แลนับแต่พระเวสสันดรได้ทรงบรรพชามาถึง ๗ เดือนแล้ว ยังไม่เคยแตะต้องพระกายของพระนางเลย เพิ่งได้มาแตะต้องในคราวนี้ด้วยความเศร้าโศกอันแรงกล้าเท่านั้น ครั้นพระนางมัทรีทูลถามถึงพระลูกทั้งสอง จึงตรัสตอบว่า ดูก่อนมัทรี พระเจ้าลูกทั้งสองนั้นเราได้ให้แก่พราหมณ์ชราไปเสียแต่วานนี้แล้ว ขอเจ้าจงทรงผ่องแผ้วอนุโมทนาต่อทานบารมีของเราเถิด พระนางมัทรีกราบทูลว่า เหตุไรพระองค์จึงไม่ตรัสบอกกระหม่อมฉันเสียในเวลาคืนนี้เล่า ดูก่อนมัทรี เพราะเราเห็นว่าถ้าเราจะบอกแต่เดิมทีก็กลัวเจ้าจะหัวในแตกตายด้วยความเสียใจ เพราะฉะนั้น ขอเจ้าอนุโมทนาในเวลานี้เถิด

    พระนางมัทรีจึงกราบอนุโมทนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ กระหม่อมฉันขออนุโมทนาปุตตทานอันอุดมของพระองค์ ขอพระองค์จงทรงทำพระหฤทัยให้ผ่องใส ให้พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญทานบารมียิ่ง ๆ ขึ้นไปเถิด เมื่อคนทั้งหลายตกอยู่ในอำนาจของความตระหนี่เหนี่ยวแน่น พระองค์ผู้ทำแว่นแคว้นสีพีให้เจริญได้ทรงพระราชทานซึ่งพระเจ้าลูกทั้งสองให้เป็นทานแก่พราหมณาจารย์แล้ว จัดว่าเป็นทานอันประเสริฐของพระองค์ ฯ ลำดับนั้นพระเวสสันดรจึงตรัสว่า ดูก่อนมัทรี ถ้าเราไม่มีใจเลื่อมใสยินดีแล้ว อัศจรรย์ต่าง ๆ ก็ไม่เกิดมี คือแผ่นดินไหว ฟ้าก็ร้อง ภูเขาก็สะท้านเหมือนกับจะถล่มเป็นที่น่าอัศจรรย์

    พระคันถรจนาจารย์จึงสังวรรณนาการไว้ว่าอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้นคือเทพเจ้าทั้งสองหมู่ที่สิงอยู่ในนารทบรรพต ก็ได้อนุโมทนาต่อปุตตทานของพระเวสสันดรอยู่ที่ประตูวิมานแห่งตน ๆ มิใช่แต่เท่านั้น พระอินทร์ พระพรหม ท้าวปชาบดี พระจันทรเทพบุตร พระยม ท้าวเวสสุวัณ เทพเจ้าแห่งดาวดึงส์ มีพระอินทร์เป็นหัวหน้า และเทพเจ้าทุกราศีก็มีใจยินดีอนุโมทนาต่อปุตตทานของพระเวสสันดรขึ้นพร้อมกันว่า ข้าแต่พระเวสสันดรเจ้า ทานที่พระองค์ทรงบำเพ็ญนี้เป็นทานอันอุดม เป็นอันพระองค์ทรงบำเพ็ญแล้วเป็นอย่างดี ฝ่ายพระนางมัทรีผู้เป็นพระราชบุตรีมียศก็เปล่งสุนทรอนุโมทนาต่อปุตตทานอันอุดมของพระเวสสันดรบรมราชสวามี ก็มี ณ กาลบัดนั้น จบเรื่องพระเวสสันดรกัณฑ์มัทรีแต่เท่านี้


    มทฺทีกณฺฑํ นิฏฺฐิตํ
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    เอนฺเตสุ อญฺญมญฺญํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺเตสุ สกฺโก เทวราชา จินฺเตสิ อยํ เวสฺสนฺตรหาราชชา หิยฺโย ชูชกสฺส ปฐวึ อุนฺนาเทตฺวา ทารเก อทาสิ อิทานิ นํ โกจิ **นปุริโสติ

    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราชในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก กัณฑ์ที่ ๑๐ ซึ่งว่าด้วยเรื่องพระเวสสันดรต่อจากกัณฑ์ที่ ๙ อันมีมาในคัมภีร์มหานิบาตชาดก เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องสมเด็จอมรเทวราชทรงประสาทซึ่งพระพร ๘ ประการ ให้แก่สมเด็จพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์โดยแจ่มแจ้งพิสดาร

    ดำเนินความในกัณฑ์สักกบรรพนี้ว่า เมื่อสองกษัตริย์ตรัสสนทนากันด้วยถ้อยคำอันเป็นที่ชื่นชมยินดีต่อกันในเรื่องปุตตทาน ดังที่แสดงมาแล้วในกัณฑ์มัทรีนั้น ท้าวโกสีย์สักกเทวราชจึงทรงดำริว่า เมื่อวานนี้พระเวสสันดรมหาราชเจ้าได้ทรงยกพระราชบุตรและธิดาให้เป็นทานแก่ตาชูชกไปแล้ว จึงเกิดแผ่นดินบันลือลั่นหวั่นไหว ถ้ามีผู้ที่ชั่วช้าเข้าไปทูลขอพระชายาผู้ทรงพระนามว่ามัทรี ซึ่งมีคุณสมบัติพร้อมทุกประการไปจากท้าวเธอแล้ว ท้าวเธอก็จะทรงลำบากอยู่ในป่าแต่พระองค์เดียว ควรเราจะจำแลงตัวเป็นพราหมณ์ลงไปขอพระนางมัทรีให้ท้าวเธอ เพื่อให้ท้าวเธอได้บรรลุซึ่งยอดบารมี แล้วเราจะคืนพระนางมัทรีให้ท้าวเธออีก ทั้งขออาญัติไว้ไม่ให้ท้าวเธอยอมยกให้แก่ใครอีกต่อไป

    เมื่อทรงพระดำริอย่างนี้แล้วพอพระอาทิตย์อุทัยไขแสงขึ้นมาในอากาศ สมเด็จท้าวมัฆวานเทวราชก็ทรงจำแลงเพศเป็นพราหมณ์ลงไปยืนอยู่ที่เฉพาะหน้าพระพักตร์ของกษัตริย์สองพระองค์ แล้วทรงไต่ถามถึงทุกขภัยว่า พระองค์ยังทรงสำราญอยู่หรือไม่ ทรงลำบากด้วยเหลือบยุงและสัตว์เสือกคลานกับทั้งสัตว์ร้ายในดงดานอยู่หรือพระเจ้าข้า

    พระมหาสัตว์เจ้าจึงตรัสตอบว่า ดูก่อนพราหมณ์ เรายังมีความสุขสำราญอยู่ ยังสบายอยู่ด้วยมูลผลาหาร ไม่มีเหลือบยุงและสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์ร้ายในดงดานจะเบียดเบียนเรา นับตั้งแต่มาอยู่ในป่านี้ได้ ๗ เดือนนี้แล้ว เพิ่งได้เห็นพราหมณ์สองคนกับท่านเท่านั้น ขอเชิญท่านไปชำระเท้าในห้องน้ำแล้วบริโภคผลไม้ต่าง ๆ เป็นต้นว่า มะพลับ มะหวด มะซาง ข้างในนี้เถิด ส่วนน้ำดื่มเล่าก็ล้วนแต่ตักมาจากซอกเขาอันใสเย็นพอเห็นแล้วน่าดื่มกินทั้งนั้น ดูก่อนท่านพราหมณ์ ท่านมีความประสงค์จงใจสิ่งใดจึงได้อุตสาหะสืบเสาะแสวงมาจนถึงป่าใหญ่ในวันนี้ ขอท่านจงชี้แจงแก่เราไปให้แจ่มแจ้งในบัดนี้เถิด

    ท้าวสักกเทวราชผู้ประเสริฐด้วยบุญญาธิการ จึงสนองพระโองการว่าข้าแต่มหาราช การที่ข้าพเจ้าผู้เป็นคนแก่ตั้งหน้ามาแต่ไกลจนถึงสำนักพระองค์นี้ เพราะมีความประสงค์จะทูลขอพระอัครมเหสีของพระองค์ ขอพระองค์จงทรงพระราชทานแก่ข้าพเจ้าเถิด ฝ่ายพระมหาสัตว์เจ้าจึงได้ตรัสว่า เวลาวานนี้เราได้ให้ลูกรักของเราทั้งสองเป็นทานไปแล้ว เราจะยกพระมัทรีให้ท่านเสียแล้วอยู่ในป่าแต่เราผู้เดียวอย่างไรได้ ดังนี้ก็หาไม่ด้วยน้ำพระทัยของท้าวเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยเจตนา จึงตรัสว่า

    ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่หวาดหวั่นพรึงในการที่ท่านมาขอเรานี้ เพราะว่าใจของเรายินดีในการให้ยิ่งนัก ครั้นตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ก็ทรงหลั่งน้ำอุทกธาราให้ตกลงบนมือพราหมณ์ เป็นพิธีในการพระราชทานนางมัทรีให้เป็นทานแก่พราหมณ์ ในขณะนั้นก็เกิดมหัศจรรย์บันลือลั่นหวั่นไหวแห่งแผ่นพื้นพสุธาอันหนาได้ ๒ แสน ๔ หมื่นโยชน์ ก็เกิดขึ้นในกาลนั้น ส่วนพระยอดยิ่งมงคลมัทรีก็มีความยินดีในการบริจาคทาน จะได้ทรงลำบากพระหฤทัยมีพระพักตร์กะเง้ากะงอดหรืออิดออดทรงกันแสงหามิได้ พระนางทรงเพ่งดูพระราชสามีอยู่ด้วยความเชื่อในใจว่า ท้าวเธอย่อมทรงทราบสิ่งที่ประเสริฐ

    ในลำดับนั้นพระเวสสันดรผู้สมบูรณ์ด้วยโพธิสมภารจึงตรัสแก่ท้าวมัฆวานเทวราชว่า ดูก่อนพราหมณ์สิ่งที่เรารักยิ่งกว่าพระนางมัทรีก็มีอยู่อย่างเดียวคือ พระสัพพัญญุตาญานเท่านั้น เพราะฉะนั้น ขอให้ทานของเรานี้ จงเป็นปัจจัยแก่สัพพัญญุตญานในอนาคตกาลเถิด ครั้นตรัสดังนี้แล้ว จึงทอดพระเนตรดูพระพักตร์ของพระนางมัทรีว่า จะมีอาการอย่างไร

    ฝ่ายพระนางมัทรีก็ได้ทรงทราบพระอัธยาศัยแห่งพระราชสามี จึงกราบทูลขึ้นว่า เหตุไรพระองค์จึงทรงเพ่งดูข้าพระบาทดังนี้ ข้าพระบาทถือว่า เมื่อข้าน้อยตกไปเป็นบาทบริจาริกาของท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นก็เป็นเจ้าเป็นนายของข้าพระบาท เมื่อท่านผู้นั้นจะสละข้าพระบาทให้แก่ผู้ใด หรือจะขายจะฆ่าก็ตามแต่ปรารถนา ข้าพระบาททรงถืออย่างนี้ เพราะฉะนั้นขอพระองค์จงกระทำตามพระราชประสงค์ของพระองค์เถิด อย่าได้ทรงเคลือบแคลงสงสัยในข้าพระบาทมัทรีเลยพระเจ้าข้า
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ลำดับนั้น เมื่อท้าวโกสีย์สักกเทวราชได้ทรงทราบอัธยาศัยของกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ดังนี้แล้ว จึงสรรเสริญว่า บรรดาสิ่งที่เป็นมารคือการกีดขวางทางสวรรค์สมบัติและมนุษย์สมบัตินั้น พระองค์ได้ทรงกำจัดเสียสิ้นแล้ว จนแผ่นดินอันใหญ่ได้หวั่นไหวเพราะเกียรติคุณของพระองค์ได้ระบือไปถึงไตรทศสวรรค์ บันดาลให้ฟ้าคะนองก้องคีรีอันมีรายรอบครอบป่าหิมพานต์ ทั้งเขาใหญ่ ๆ อันมีนามว่านารทบรรพต ก็แสดงการปรากฏเหมือนจะโอนเอนลงมาประณตอนุโมทนาทาน

    อินทร์พรหมยมยักษ์เทพอัปสรสวรรค์ซ้องสาธุการว่า พระองค์ได้ทรงทำสิ่งที่ผู้อื่นกระทำได้ยากดังนี้ ก็การที่พระองค์ได้ทรงสละสิ่งที่ทำได้ยากซึ่งยากที่บุคคลอื่นจะทำตามได้ เพราะเหตุว่าธรรมของคนดี คนไม่ดีทำตามได้ยาก เพราะฉะนั้น คติของคนดีกับคนไม่ดีจึงต่างกันคือ คนไม่ดีย่อมไปนรกส่วนคนดีย่อมไปสวรรค์ ควรที่พระองค์ผู้เสด็จอยู่ป่าได้ทรงสามารถสละพระราชโอรสธิดาและพระอัครมเหสีให้เป็นทานดังนี้ ได้ชื่อว่าเป็นยอดทานอันล้ำเลิศประเสริฐ ขอให้ปุตตทานและภรรยาทานของพระองค์จงให้ผลแด่พระองค์ในสวรรค์เถิด

    ครั้นท้าวสักกเทวราชทรงอนุโมทนาทานแห่งพระมหาสัตว์ด้วยประการฉะนี้แล้ว จึงทรงพระดำริว่า เราไม่ควรจะชักช้าอยู่ในที่นี้ เราควรจะคืนพระมัทรีให้แก่พระเวสสันดรแล้วกลับไปสู่เทพนครในบัดนี้ ครั้นทรงดำริอย่างนี้แล้วจึงตรัสว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพเจ้าขอคืนพระมัทรีแก่พระองค์ อันพระองค์กับพระนางมัทรีนี้ย่อมคู่ควรกันแท้ด้วยพระอัธยาศัยและคุณสมบัติทุกประการ เปรียบเหมือนน้ำมนต์กับสังข์อันมีสีขาวเสมอกัน ถึงพระองค์จะต้องตกมาอยู่ในกระท่อมป่าเช่นนี้ ก็ยังทรงบำเพ็ญกุศลราศีได้สมบูรณ์ เพราะขึ้นชื่อว่ากุศลราศีแล้วขอพระองค์จงได้ทรงบำเพ็ญร่ำไปเถิด ฯ

    ครั้นตรัสดังนี้แล้วจึงทรงมอบพระนางมัทรีถวายคืนแก่พระมหาสัตว์เจ้า แล้วตรัสว่า ข้าแต่พระราชฤาษี ข้าพเจ้านี้คือท้าวโกสีย์สักกเทวราชผู้เป็นจอมแห่งเทพเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้นขอพระองค์ทรงเลือกเอาพระพรตามพระราชประสงค์เถิด ข้าพเจ้าจะประสาทพระพร ๘ ประการแก่พระองค์ ฯ ในลำดับนั้นท้าวสักกเทวราชก็เลื่อนลอยขึ้นไปในอากาศ มีรัศมีโอภาสสว่างไสวเหมือนกับแสงพระอาทิตย์แรกอุทัยฉะนั้น

    ในลำดับนั้น เมื่อพระมหาสัตว์เจ้าจะทรงรับพระพรตามพระราชประสงค์ จึงตรัสว่า วรญฺเจ เม อโท สกฺก เป็นต้น แปลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงความองอาจในการกุศลพรต ผู้ทรงทิพยยศอันยิ่งใหญ่ในภูตคณานิกร ถ้าพระองค์ทรงเทพยาทรจะประทานพรแก่ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าขอเลือกพระพรดังต่อไปนี้คือ

    พระพรข้อที่ ๑ ขอให้พระราชบิดาของข้าพเจ้าได้ทรงอนุโมทนาชื่นชมต่อข้าพเจ้า มาอัญเชิญข้าพเจ้าให้กลับเข้าไปครองราชสมบัติในสีพีบุรีรมย์ ฯ
    พระพรข้อที่ ๒ ขออย่าให้ข้าพเจ้ามีใจปองร้ายที่จะฆ่าคนแม้อันมีโทษถึงประหารชีวิต มีแต่ให้ข้าเจ้าได้เปลื้องปลดปลิดปลดเขาให้พ้นภัยทุกเมื่อไป ฯ
    พระพรข้อที่ ๓ ขอให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าทั้งแก่เฒ่าหนุ่มสาว เด็กเล็กไม่เลือกหน้า ได้พึ่งพาอาศัยข้าพเจ้าเลี้ยงชีพให้เป็นสุขทุกเมื่อไป ฯ
    พระพรข้อที่ ๔ ขออย่าให้ข้าพเจ้ามีจิตคิดล่วงละเมิดภรรยาของผู้อื่น ให้มีใจยั่งยืนอยู่แต่ภรรยาของตน ทั้งอย่าให้เป็นคนตกอยู่ในอำนาจของสตรีทั้งหลายจงทุกเมื่อไป ฯ
    พระพรข้อที่ ๕ ขอให้บุตรธิดาของข้าพเจ้าและพนักงานที่พลัดพรากจากไปนั้น มีอายุมั่นยืน ได้กลับคืนมาครองแผ่นดินโดยชอบธรรมเถิด ฯ
    พระพรข้อที่ ๖ นับแต่วันที่ข้าพเจ้าได้กลับคืนเข้าพระนครไปแล้ว พอแสงพระอาทิตย์อุทัยขึ้นมาจงให้มีอาหารทิพย์เกิดขึ้นพอความประสงค์ทุกวันไป ฯ
    พระพรข้อที่ ๗ ถึงข้าพเจ้าจะให้ทานสักเท่าใด ๆ ก็อย่าให้ของที่ต้องให้หมดสิ้นไป ทั้งให้ข้าพเจ้ามีจิตผ่องใสทั้ง ๓ เวลา คือทั้งในเวลาก่อนที่จะให้ และกำลังละอยู่ กับเวลาให้ไปแล้วจงทุกคราวไป ฯ
    พระพรข้อที่ ๘ เมื่อข้าพเจ้าให้โลกนี้ไปแล้ว ขออย่าให้แคล้วจากสวรรค์ จงให้ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นประเสริฐ แล้วให้ได้ไปเกิดในมนุษย์ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าดังปรารถนา อย่าให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ไปมาเหมือนอย่างนี้อีกเถิด ฯ

    เมื่อพระมหาสัตว์ตรัสขอพระพรทิพย์ทั้ง ๘ ประการนี้ดังนี้แล้ว สมเด็จท้าวสักกเทวราชจึงทรงประสาทให้ตามที่ขอด้วยคำว่า ขอพระองค์อย่าได้ทรงพระวิตกเลย จงทรงดำรงมั่นอยู่ในความไม่ประมาททุกวันคืนเถิด พระพรทั้ง ๘ ประการที่พระองค์ทรงขอนี้ จักสำเร็จดังพระราชประสงค์ทุกประการ
    เมื่อสมเด็จพระบรมโลกุตตมาจารย์จะทรงประกาศข้อความนี้ให้แจ้งชัด จึงมีพระพุทธบรรหารตรัสว่า ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา เป็นต้น แปลว่า เมื่อจอมมหิดลได้ทรงสดับถ้อยคำแห่งพระหน่อทศพลทูลขอพระพรอย่างนี้แล้ว จึงตรัสว่า ข้าแต่มหาราชเจ้า ไม่ช้าไม่นานพระราชบิดาของพระองค์ผู้ทรงบำเพ็ญโพธิสมภาร
    ก็จักเสด็จมาเชื้อเชิญพระองค์จนถึงสถานที่นี้ ครั้นตรัสดังนี้แล้วก็ทรงประสาทพรทั้ง ๘ประการนั้นให้สำเร็จแต่พระเวสสันดรทุกประการ แล้วก็เสด็จอันตรธานจากสถานที่นั้นคืนสู่ทิพยสถานของพระองค์

     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ๑๑.กัณฑ์มหาราช

    เอวํ โพธิสตฺโต จ มทฺที จ สมฺโมทมานา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม วสึสุ ชูชโกปิ กุมาเร คเหตฺวา สฏฐีโยชนมคฺคํ ปฏิปชฺชิ เทวตา กุมารานํ อารกฺขมกํสุ ชูชโกปิ สุริเย อตฺถงฺคมิเต กุมาเร คจฺเฉ พนฺธิตวา ภูมิยํ นิปชฺชาเปตฺวา สยํปิ จณฺฑวาฬ มิคภเยน รุกฺขํ อารุยฺห สาขาวิฏปสฺสพฺภนฺตเร สยตีติ

    อุโภ ขตฺติยตาปสา อันว่าพระบรมดาบสดาบสินีศรีสมมุติเทเวศเกศตระกูลกษัตริย์ขัตติยทั้งสองพระองค์ โพธิสตฺโต จ คือ สมเด็จพระหน่อนเรศเพศยันดรพงศ์พุทธางกูรราช ผู้เป็นมิ่งมกุฏวิสุทธิสุขุมาลชาติเฉลิมพิภพสีพี มทฺที จ คือพระยอดเยาวมาลย์มาศมหิษีมัทรีสุนทรสวัสดิ์มัททราชธิดา สมฺโมทมานา ต่างพระองค์ทรงพระสมัครสโมสรภิรมย์ด้วยอุดมอัฏฐวรวโรวาท อันท้าวสทัศนธานินทร์สุรินทรเทวราชประสาทประสิทธิโองการ วึสสุ เสด็จสถิตสำราญแรมผนวชพนัสพรหมจรรย์ สรรพยันตรายนิราศ อสฺสเม ในพระอาศรมบรมสักกทัตติยาวาสคิรีวงกต เสวยสุขวิหารสมาธิพรหมพรตพิธีฌาน ในหิมวาวนสถานนั้นแล

    ชูชโกปิ แม้อันว่าธชีชูชกเฒ่าทลิททกพฤฒาจารย์ ก็พาสองกุมารมาโดยอรัญทุเรศประเทศวิถีหกสิบโยชน์ระยะมรคา เทพเจ้าช่วยอภิบาลบำรุงรักษาอันตรายบมิได้


    สุริเย ในเมื่อพระสุริยสายัณหสมัยจะใกล้ค่ำคล้อยตกต่ำอัสดงคต เป็นเพลาพาฬพยัคฆจตุบทบันเทิงร้องก้องกึกพิลึกปีปประเปรี้ยงเสียงสนั่นลั่นพนัสพนาดร แซ่เสียงโสณสิงคาลชาติประกาศศัพท์เห่าหอนสะท้อนสะเทือนไพร เสียงชะนีเหนี่ยวไม้ให้อยู่โหย ๆ ละห้อยวังเวงวิเวกดง เสียงผีป่าโป่งส่งศัพทอุโฆษโขมดนางไม้กู่ก้องคะนองไพรไหวหวั่นหวาด ฟังนี่ก็ยะเยือกเย็นทุกเส้นโลมชาติประหลาดล้ำพิลึกสะพรึงกลัว

    เฒ่าตะแกก็ร้อนตัวกลัวภัยพาฬพยัคฆพญาไกรสรนิกรสัตว์อันร้ายกาจ จึ่งจูงสองพระพี่น้องกุมารกุมารีราชเข้าสู่พุ่มพฤกษา คจฺเฉ พนฺธิตฺวา ผูกพระพาหาด้วยลดาวัลย์กระสันเข้ากับขอนไม้ใช้ต่างเขนยน่าอเนจอนาถ เฒ่าชราลามกชาติก็ปีนป่ายขึ้นไปบนคาคบไม้แล้วไสยา เหนือพุ่มพฤกษสาขานั้นแล

    ตสฺมึ ขเณ ในขณะนั้นควรที่จะสงสาร ด้วยสองเยาวยุพาพาลกุมารกุมารีศรีดรุณราช ผทมเหนือพื้นแผ่นพสุธามาศอนาถหน่าย พระสรีรกายหมองมัวกลั้วไปด้วยธุลีแลอเนจอนาถ เอโก เทวปุตฺโต ยังมีเอกองค์อมรเทวราชสุดารักษ์ สำนัก ณ พนัสแนวไพรพฤกษพิมาน มีพระกมลมาสงสารสองสุริยกษัตริย์ขัตติยวโรรส จึ่งนิรมิตพระกายละม้ายเหมือนพระเวสสันดรดาบสรมบิตุราช ทรงพระภูษิตสะพักพยัคฆจัมมามาศมุ่นพระโมลี เอกา เทวธิตา ยังมีเอกองค์อัปสรนารีศรีสุนทรลักษณวิลาศ ก็นิรมิตพระกายละม้ายเหมือนพระชนนีนาถราชเทพีมัทรีศรีวิสุทธิกษัตริย์มัททราชวงศ์ เทพท้าวทั้งสองพระองค์ก็ไต่เต้าตามลำเนาพนัสพนาวาส เล่ห์ประหนึ่งว่าสมเด็จพระชนกนาถราชมารดาเที่ยวสืบเสาะแสวงทุกแห่งหามาพานพบประสบสองพระพี่น้องหน่อนาถราชกุมาร

    โมเจตฺวา จึงปลดเปลื้องวลีวัลย์อันพันธนาการข้อพระหัตถ์สองกษัตริย์ออกแล้ว พระกรตระกองกอดแก้วกัณหาพระชาลีศรีดรุณเยาวเรศ สองพระหัตถ์กระทุ่มพระอุรประเทศทางปริเทวนาการพิไรร่ำ ว่าเจ้าแม่เอ๋ยชะรอยแต่ก่อนมีกรรมกระทำไว้จึ่งมาตกเข็ญใจไร้ญาติประดาษแต่ยังเยาว์ ย่างยะเหยาะเหย่าตามพราหณ์มันทำโทษโพยโบยตีด้วยฝีไม้ ดูหรือพระสรีรกายนี้เป็นริ้วรอยน้อยใหญ่ไม่มีดี โอ้โอ๋อกพระชนกชนนีนี้จะแตกครากสักเจ็ดภาคภินทนาการ ด้วยพระปิยบุตรสุดสงสารในคราวนี้ สมฺพาหิตฺวา พลางนวดฟั้นคั้นหัตถบาทปรามาสทั่วพระอินทรีย์สองขัตติยโปดก

    นหาเปตฺวา แล้วให้สรงสนานสุคนธ์ธารอุทกทิพยธาราสำอางองค์บรรจงเกล้าพระเกศชฎาจุฬาภรณ์ ให้สวมทรงอลงกรณ์บวรวิภูษิตสำหรับเพศดาบสบรรพชิตพนัสผนวชเป็นชีไพร โภชาเปตฺวา แล้วให้สองทรามวัยเสวยทิพยโภชาสุธาโภชน์ สรรพกระยาหารตระการรสเอมโอชอันโอฬาร พลางปลอบให้บรรทมภิรมย์สำราญเหนือแท่นฐานทิพยรัตนไสยาอาสน์อันปรากฏด้วยเทวอำนาจประสาทสรรพนิรมิต แล้วโอบอุ้มจุมพิตพระพักตราพลางขับกล่อมถนอมแนบอุราประคองชม สองดนัยได้ทิพยสัมผัสก็ผทมหลับสนิทตราบเท่าพระสุริยาวราฤทธิ์เรื่ออรุณราง เทพทั้งสองก็วางพระบวรองค์ลงดั่งเก่าบันดาลให้เครือเถาเข้ากระสันพันธนาการ อนฺตรธายิตฺวา ต่างพระองค์ก็อันตรธานจากสถานที่นั้นมิทันนาน
    แต่เทพช่วยอภิบาลสองกุมารมาโดยนิยมดั่งนี้ตลอดทางสิบห้าราตรีเป็นนิรันดรกาลปราศจากสรรพภัยพาลพยาธิบำราศอุปัทวันตราย

    ชูชโก ส่วนว่าเฒ่าร่างร้ายชูชกทลิททกทารุณชาติ ครั้นรุ่งเช้าก็พาสองเจ้าพระกุมารีราชมาถึงทางสองแพร่ง แห่งหนึ่งจะไปพระนครสีพี วิถีหนึ่งจะไปกลึงคราษฎร์ เทพดลใจให้พราหมณ์ประมาทเคลือบเคลิ้มหลงใหลไปข้างทางเชตุดรธานี พอครบสิบห้าราตรีกำหนดนับโดยลำดับอรัญมรรคา ก็บรรลุถึงพระพารานี้แล้วแล

     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ตํ ทิวสํ คืนวันนั้นไซร้ปัจจุสมัยราตรีกาล ราชา สญฺชโย ส่วนสมเด็จพระผู้ผ่านพิภพสีพีศรีสญชัยราช พระบาทเสด็จบรรทมเหนือบรมรัตนบัลลังก์พระที่นั่งกนกมณีศรีสิริไสยาสน์ ทรงพระสุบินนิมิตผิดประหลาดหลากมหัศจรรย์ ว่าพระองค์ทรงสถิตเหนือสุพรรณพิจิตบรรจงอลงกตสิงหาสน์รัตนมาศอร่ามเรือง แสนเสวกามาตย์บาทมูลิกากรก็นองเนืองนอบนบเคารพรายเรียง เคียงกันคับคั่งคอยรับสั่งฟังกระแสนุสนธิสาราราช

    เอโก ปุริโส ขณะนั้นยังมีชายผู้หนึ่งพึงพิศจริตกิริยานั้นก็องอาจมิได้เกรงยำ กายก็เติบโตดำล่ำพีพิลึกสะพรึงกลัว อาหริตฺวา นำมาซึ่งดอกบัวทั้งคู่เชิดชูเข้ามาถวาย ดอกหนึ่งพึ่งจะขยายคลายคลี่ ผกากุสุมมาลีละอวลอบหอมตรลบสุคนธกำจร ดอกหนึ่งตูมหุ้มห่อเกสรบ่เบ่งบาน บุรุษนั้นก็กราบกรานแล้ววางลงตรงพระหัตถ์ สมเด็จพระบรมกษัตริย์ก็ทรงรับมาประทับกับพระทรวง พลางทางเชยชมซึ่งอุดมโกสุมปทุมทองแล้วแซมใส่ไว้เหนือพระกรรณทั้งสองโสมนัสปรีดา เรณู อันว่าละอองเกสรสุคนธาผกากาญจน์ก็โรยร่วงลงซึมซาบอาบพระทรวงแสนสารภิรมย์ ท้าวเธอก็ตื่นฟื้นจากพระบรรทมมิทันนาน

    จึ่งให้หาโหราจารย์มาทายทักลักษณะพระสุบินนิมิต พระโหราราชปุโรหิตก็คิดควณคำนวณแล้วทูลทำนาย ว่าจะมีพระบวรพันธุพงศ์องค์ประยูรญาติทั้งหลายอันนานนิราศมาสู่สมพระบรมบงกชบาทในพรุ่งนี้ ท้าวเธอได้ทรงสดับสารก็บานเบิกพระกมลเปรมปรีดิ์ปราโมทย์ ปาโตว

    ครั้นรุ่งรางสางแสงสุริยะเรืองโรจน์อรุณจำรัส บรมกษัตริย์ก็สระสรงสำอางพระองค์ทรงสุคนธรสธารา เสด็จเสวยบวรโภชนากระยาหารแล้วสรวมทรงอลงการกุณฑลมกุฏพิสุทธิสรรสัตรัตนขัตติยาภรณ์ พระกรกุมพระแสงแก้วแล้วลีลาศ เสด็จออกสู่พระที่นั่งบัลลังก์รัตนราชอาสน์อลงกตพิมานหน้าพระลานชัย แสนสุรเสนาในน้อมเกล้าเข้าเฝ้าแหนเยียดยัดอัดแน่นอยู่เนืองนอง

    ขณะนั้นเทพดลใจให้พราหมณ์พาเจ้าพระพี่น้องทั้งสองดำเนินลัดตัดหน้าฉานผ่านมาตรงหน้าพระที่นั่ง กำบังหมู่องค์รักษ์ทั้งปวงมิได้ทักท้วงห้ามปรามเมื่อยามนั้น ครั้นท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นพระหลานขวัญมิทันที่จะทราบตระหนัก จึ่งเปล่งพระสุรสีหนาทประภาษทักถามตามสารพระคาถา

    กสฺเสตํ มุขมาภาติ เหมํวุตฺตตฺตมคฺคินา ฯ

    โภ อมจฺจา ดูราหมู่ภิมุขอำมาตยากร เอตํ มุขํ อันว่าดวงพักตร์สถาพรผิวพรรณผ่องผุดพิสุทธิสะอาดเอี่ยมลออตา แห่งสองดรุณกุมาราอันเดินตามพราหมณ์ผู้นั้นไปจะเป็นบุตรธิดาภาคิไนยของใครดั่งนี้ อาภาติ ดูนี้ก็สุกศรีสุนทรตระลักษณวิลาส เหมํว ดุจหนึ่งสุวรรณวโรภาสอันผุดผ่องเมื่อต้องเพลิงก็เรืองเริงรุ่งโรจน์ อร่ามรัศมีสีสุพรรณช่างโชติชัชวาล ถ้ามิฉะนั้นดวงพักตร์สองกุมารก็ปานประหนึ่งว่ากนกนิกขะเนื้อน้ำนพคุณวิบูล จรูญจรัสประภัสสรรังสีสิ้นราคีมิรู้เศร้า อุกฺกามุขํ กระเพื่อมอยู่ในปากเบ้าบริสุทธิ์ประดุจนั้น

    อุโภ สทิสปจฺจงฺคา สกลกายเจ้าทั้งสองก็ผุดผ่องเสมอกันบมิได้แปลกเปลี่ยน กุมารข้างโน้นนั้นผิวพรรณไม่ผิดเพี้ยนพ่อชาลี กุมารข้างนี้ประหนึ่งนุชแก้วกัณหาชินานาฏ น่าจะแน่ตามกระแสพระสุบินนิมิตมิได้คลาดคำทำนาย ทั้งกิริยามารยาทที่ผาดผายดูนี้ก็อาจอง สมเป็นสกุลประยูรพงศ์กษัตรา สีหา วิลาว นิกฺขนฺตา สองพะงางามตามกันลีลาศเล่ห์ดุจดรุณสิงหราชตามกันยาตรา ออกจากวิจิตรคูหาห้องเหมสถานกาญจนะแก้วผลึกเลิศ ทั้งสององค์ก็ทรงสุนทรลักษณ์อันประเสริฐสิ้นทุกสรรพ์สุดจะพรรณนา ชาตรูปมยาเยว เมาะ สุวณฺณ ปฏิรูปกา เสมอเหมือนรูปทองทั้งแท่งอันบุคคลแกล้งเหลาหล่อพึงพอเนตร ทิสฺสนฺติ ก็ปรากฏจักษุบถประเทศทอดทัศนาในกาลบัดนี้แล

    เมื่อสมเด็จบรมกษัตริย์ตรัสชมโฉมพระเจ้าหลาน แล้วมีพระราชโองการสั่งอำมาตย์ผู้หนึ่งให้ไปจับธชี กับสองกุมารกุมารีเข้ามาอย่าช้า อำมาตย์รับสั่งบังคมลาแล้วแล่นออกมาจับพราหมณ์เฒ่า กับสองยอดยุพเยาว์เข้ามาถวาย ท้าวเธอก็ผายพระสุรสีหนาทประภาษถามพราหมณ์ตามสารพระคาถา

    กุโต นุ ตวํ ภารทฺวาช อิเม อาเนสิ ทารเก ฯ
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    นุ ดังกูจะขอถามพราหมณ์ทิชาชาติ ผู้เป็นพงศ์เผ่าเหล่าภารทวาชพวกภิกขาจาร อิเม อาเนสิ ทารเก สองดรุณกุมารนี้นำมาแต่สถานที่ใดจึ่งมาถึงกรุงไกรพิชัยเชตในวันนี้ ธชีจะพาไปสู่คามเขตประเทศแห่งไหนนี้นะ พราหมณ์พฤฒาจารย์ก็ทูลความไปตามสัตย์ว่า สญฺชย ข้าแต่กรุงสญชัยผู้ผ่านมไหศูรยราชาฉัตรเฉลิมพิภพสีพี เต ทารกา อันว่าเจ้าพระพี่น้องสองกุมารกุมารีนี้เป็นโอรสแห่งพระหน่อนเรศเวสสันดรดาบสบรรพชากร สถิตยังวงกตบรรพตสิงขรเธอทรงบริจาค ต้องพระกมลศรัทธาอันหายากที่จะทำได้แต่ข้าได้สองดนัยแล้วไคลคลา อชช ปณฺณรสา รตฺติ กำหนดนับประมวลก็พอถ้วนสิห้าราตรีกาล มาบรรลุพระพาราราชมหาสถานเข้าในวันนี้

    จึ่งตรัสว่าดูกรธชีกลีชาติทุรพล มึงนี้มาแกล้งกล่าวกลลวงล่อเล่นเจรจามุสา โก เต ตํ ทานมททา เออคือตัวตนบุคคลใดในโลกนี้ จะมายอยกบตรกับอกออกเป็นทานทาสขาดแก่ธชีนี้ก็ผิดทาง เกน วาจาย เปยฺเยน หรือเอ็งประโลมล่อด้วยลิ้นลมคารมอ้างเอาเล่ห์ไหน จนพระลูกกูนี้มาหลงใหลให้สองพระหลานปานประหนึ่งว่าชีวิตปลิดออกจากกาย สมฺมา ญาเยน สทฺทเห เออเอ็งจะมุ่งหมายเอาสิ่งอันใดเป็นที่อาศัยอ้างอิง ควรจะชอบเชื่อคือเนื้อสัตย์จริงของพฤฒาจารย์

    พระพุทธเจ้าข้า ข้าธชีก็มิได้มีพยานจะอ้างเอาอันใดให้ท้าวเธอทราบสิ่งที่จริงใจไม่เท็จทูล โย เวสฺสนฺตโร สมเด็จพระหน่อนเรศูรศวรรยาธิเบศเวสสันดรพระองค์ใด ผู้เป็นที่พึ่งพักสำนักอาศัยแก่นิกรชน ธรณีริว เสมอแม้นแผ่นพสุธาดลอันหนาหนัก เป็นที่พึ่งพิงสิงสำนักแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง อิว สาคโร มิฉะนั้นประดุจหนึ่งว่าห้วงมหาสาครชลาลัย เป็นที่ชลธีถั่งหลั่งไหลล่วงล้นมาแต่มหาคงคาทุกถิ่นประเทศเขตกุนทีธาร ก็เหมือนพระบวรสันดานของพระองค์ ซึ่งทรงพระราชศรัทธมหาปิยบุตรริจาค อันยอดยากที่จะกระทำได้ทรงสละให้เป็นทาน อันนี้แหละอาจอ้างเอาต่างพยานของข้าธชี เป็นความสัตย์ดั่งนี้นี้แล้วแล

    วันนั้นหมู่อำมาตย์ราชเสวก เมื่อได้ฟังลิ้นลมคารมชูชกชักทำเนียบเปรียบปรายธิบายอรรถ ก็ชวนกันเห็นว่าเป็นความสัตย์จริงของพราหมณ์สิ้น ต่าง ๆ บ้างก็กล่าวติฉินหมิ่นพระมหาสัตว์โดยวัจนวิปวาทว่า โภนฺโต นครวาสิโน ดูกรชาวเราเหล่าประชาชาติราษฎรอันมาสโมสรประชุมชุมนุมในหน้าพระลานหลวง นิสาเมถ ท่านทั้งปวงจงชวนกันวินิจฉัยในเนื้อคดีของพระยาชีเวสสันดร ปางเมื่อเสด็จเนานคเรศเชตุดรนครอันไพบูลย์ ก็ทรงประสาทเชนทรชาติตระกูลเกิดกับสำหรับบุญ จนไพร่ฟ้าประชาชนชวนกันเคืองขุ่นทูลให้เนรเทศออกไปอยู่วงกตสิขเรศเขตพระหิมพานต์ ยังซ้ำทรงสละพระปิยบุตรสุดสงสารให้แก่เฒ่าชรา ดูนี่แผกผิดขัตติยนิติจรรยาอย่างแต่ก่อนกาล ทาสํ ทาสิญฺจ โส ทชฺชา เออถ้าท้าวเธอยินดีที่จะทำทานก็ควรจะเสียสละแต่เพียงทาสกรรมกรกุญชรพาหนะอาชาชาติราชรถทรง กถํ โส ทชฺชา ทานเก ควรและหรือบพิตรมาปลิดปลดพระโอรสทั้งสองพระองค์ให้เป็นทาส ขาดแก่ธอาจารย์พ้นวิสัยจะให้ทานนี้แล้วแล

    วันนั้นพระชาลีศรีสุริยวงศ์ได้ทรงสดับเหตุ กอบด้วยพระกตัญญูรู้พระคุณสมเด็จพระบิตุเรศราชนรินทร์ มิอาจที่จะอดกลั้นซึ่งคำวิปวาทอันประมาทหมิ่นนินทา หมายจะป้องปัดขจัดข้อครหาแห่งหมู่อำมาตย์ ดุจขุนเขาสิเนรุราชอันลมประลัยโลกพัดพานบันดาลให้เอนเอียง มีมหิทธิเทพเข้าเอาพระกรประคองเคียงให้คืนคงตั้งตรงดั่งเก่า จึ่งทูลสนองละอองบาทพระปิ่นเกล้ามกุฏพิภพสีพีว่า

    ปิตามหา ข้าแต่สมเด็จพระอัยกาธิบดีศรีสมมุติเทพวงศ์ ควรและหรือหมู่อำมาตย์มาอาจองเอื้อมหมิ่นประมาทแด่บดินทร์ชนินทรชนกนาถได้ดั่งนี้ เพราะพระบาทบำราศรัตนบุรีแรมผนวชเนาพนาเวศ ก็หย่อนยศเสื่อมพระเดชที่ยำเยง จึ่งหยาบหยิ่งไม่กริ่งเกรงพระราชอาญา มาแกล้งก่อข้อครหาเห็นว่าตกยาก ยสฺส นาสฺส ฆเร ทาโส เมื่อพระบิตุรงค์ทรงทุกข์ลำบากบวชเป็นชีป่า จะได้ทาสกรรมกรกุญชรอาชาชาติราชรถยานทุกสิ่งทรัพย์สำหรับบริจาคทานมาแต่ไหน ไม่ควรที่มันจะชวนกันมาแคะไค้ค้อนว่า เออก็มีแต่สองปิยบุตรสุดเสน่หาเกิดกับอกองค์ จึ่งเสียสละด้วยพระกมลประสงค์แสวงพระโพธิญาณ

    ก็เหตุไฉนจึ่งอ้ายพวกพาลมิจฉาชาติชวนกันสรรแสร้งแกล้งสบประมาทนินทาต่อหน้าพระที่นั่ง พระองค์ได้ทรงฟังไม่เคืองข้องละอองบทเรศ ทรงพระวินิจฉัยถ่องถ้วนควรแก่เหตุอยู่หรือพระพุทธเจ้าข้า ท้าวเธอได้เสาวนาในนุสนธิ์สารพระหลานทูลฉลองถ้อย จึ่งตรัสว่า โปตก ดูกรพ่อหน่อน้อยภาคิไนยนาถชาลีศรีดรุเณศเกศกษัตริย์ ดังฤาจะมาถือพระทัยโทมนัสแหนงพระอัยกา

    ปสํสาม เราทั้งหลายนี้ก็ปรีดาชวนกันสรรเสริญเจริญยศยิ่ง ซึ่งพระปรมัตถบารมีมิ่งโมลีมกุฏบุตรมหาทาน ของพระพ่อเจ้าอันยอดยากจะบริจาคดอกนะพระหลานอย่าอาดูรพิโรธ นาวนินฺทาม เราทั้งปวงก็มิได้จาบจ้วงจะยกโทษแถลงข้อครหาพระบิดาของเจ้า ตุมฺเห ทตฺวา ปฺนิพฺพเก เออขณะเมื่อพระลูกรักจักสละพระหลานเราให้เป็นทาสแก่พฤฒาจารย์ผู้นี้ พระกมลหฤทัยนี้ผ่องใสบริสุทธิ์เปรมปรีดิ์หรือมัวหมองขุ่นแค้นเคืองข้องเป็นประการใด จงแถลงแจ้งพระอัยกาไปแต่เดิมมา
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    วันนั้นพระชาลีจึ่งนำเอาคดีนุชแก้วกัณหา อันทรงโศกาพิลาปกลับมากราบทูล ตามมูลอนุสนธิ์แต่เบื้องต้นในกัณฑ์กุมารบรรพ ในพระอัยกาสวนาการสดับโดยพิสดารในกาลบัดนั้นแล

    ราชา สญฺชโย ส่วนสมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยอัยกาธิบดี เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเชษฐชาลีภาคิไนยราช ยังนั่งอยู่ในสำนักพราหมณ์อย่างเจ้ากับทาสไม่ห่างไกล จึ่งมีพระราชบัญชาตรัสปราศรัยด้วยสุนทรโองการว่า

    โปตก ดูรานะพระหลานดิลกเลิศประเสริฐสุริยวงศ์ ราชปุตฺโต จ โวปิตา อนึ่งพระบิตุรงค์องค์พระชนนีของเจ้าก็เป็นพงศ์เผ่าเหล่ากษัตริย์สมมุติเทเวศ ปุพฺเพ เม องฺกมารุยฺห แต่ก่อนพ่อผู้หน่อนเรศราชนัดดาเจ้าเคยเฝ้าพระอัยกาอิงแอบแนบนั่งเหนือพระเพลา บัดนี้กิริยาเจ้าก็เปลี่ยนแปลกเล่ห์ประหนึ่งว่าพึ่งมาเป็นแขกไม่คุ้นเคย กินฺนุ ติฏฺฐถ ไฉนเจ้าจึ่งไม่เหมือนเก่าแกล้งนั่งเฉยให้เหินห่างอย่างผู้อื่นฉะนี้

    พระชาลีก็ทูลเฉลยสารฉลองพระโองการพระอัยกา ว่าซึ่งทรงพระกรุณานับว่าเป็นหน่อเนื้อเชื้อประยูรวงศ์ พระคุณของพระองค์ก็เป็นเหลือล้นพ้นจะพรรณนาหาสิ่งซึ่งจะอุปมามิได้ ทาสา มยํ แต่ข้าบาทนี้เป็นข้าช่วงใช้ของพฤฒาจารย์ ดั่งฤาจะสามารถอาจหาญขึ้นไปนั่งร่วมบัลลังก์รัตนราชาอาสน์ คิดเจียมตัวกลัวพระราชอาชญา

    ตสฺมา ติฏฺฐาม อารกา เหตุฉะนี้กระหม่อมฉันผู้ชื่อว่าชาลีเกรงเกลือกจะหม่นหมองละอองบทศรีเสื่อมพระเดช จึ่งเฝ้าอยู่แต่ห่าง ๆ อย่างหีนเพศพอพักตร์ตน สมฺม ดูหรือพระนัดดา มาเจรจาแยบยลประทบประเทียบแกล้งเสียบแทง มา อวจุตฺถ ปู่จะขอพ่ออย่าแถลงเล่ห์ดั่งนี้ ประหนึ่งว่าตนอยู่บนเชิงตะกอนรุมร้อนด้วยอัคคีอันผลาญเผาบรรเทาบันเทิงสุข ภิยฺโย โสกํ ชเนถ มํ พ่ออย่ามาเพิ่มเติมเทวษทวีทุกข์ให้พระอัยกาอีกเลย พระหลานเอ่ย ปู่จะไถ่เจ้าด้วยพระราชทรัพย์นับให้แก่ตาชีมิให้สองนัดดากุมารกุมารีตกเป็นทาสเฒ่า

    กิมคฺฆิยํ เออเมื่อพระชนกยกสองเจ้าออกบริจาค มีพิกัดคาดค่าเป็นราคาน้อยมากสักเท่าใดนะพระหลาน พระพุทธเจ้าข้าพระบิดาดำรัสคาดค่ากระหม่อมฉานพันตำลึงทอง กณฺหาชินํ แต่พระน้องนุชแก้วกัณหาชินานาฏทรงพิกัดคาดค่าขาดเป็นราคา ด้วยสวิญญาณทรัพย์นับสิ่งละร้อย ๆ กับสุวรรณไม่น้อยร้อยตำลึงด้วยกัน

    จึ่งตรัสว่า ราคาเท่านั้นดอกหรือพระนัดดา กตฺเต เหวยนายนักการกูวานอย่าช้า เร่งรีบไปเบิกเอาสวิญญาณกทรัพย์กับทั้งทองสิ่งของทั้งนั้นให้ได้พร้อมเจ็ดสิ่ง นายนักการรับสั่งสารแล้วก็วางวิ่งไปเบิกมาซึ่งสัตวิญญาณทรัพย์ กับกาญจนามาศเพิ่มเติมทั้งปรางคปราสาทเจ็ดชั้น พระราชทานเป็นสินไถ่แถมให้เป็นรางวัลแก่พฤฒาจาย์ในกาลบัดนั้นแล

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    นิกฺกิณิตฺวา นฺหาเปตฺวา โภชยิตฺวาน ทารเก ฯ

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวินัย ปางเมื่อสมเด็จกรุงสญชัยอัยกาธิราช ท้าวเธอไถ่พระภาคิไนยนาถแล้วมิช้า นฺหาเปตฺวา ให้สองพระหลานโสรจสรงสนานสุคนธวาริน แล้วให้เสวยพระกระยาหารตระการรสทุกสิ่งสิ้นสูญพยัญชนโภชน์ สมลง กริตฺวา ให้สวมทรงอลงกรณ์เรืองโรจน์ราชวิภูษิตพิจิตรเนาวรัตน์ขัตติยาภรณ์ พลางโอบอุ้มจุมพิตพักตร์พระหลานรักสองสายสมรเสมอเนตร สถิตบนยุคลชานุประเทศแล้วเชยชม

    ส่วนสมเด็จพระผุสดีอัยกีเกศนิกรสนมเอกคณานางกับทั้งแสนสาวสุรสุราคราชประยูรวงศา ก็ปรีดามาแวดล้อมพรั่งพร้อมกัน แล้วสมโภชพระหลานขวัญจุดเทียนเวียนแว่นบวรรัตนามาศ บายศรีสุวรรณหิรัญมณีโดยขนาดพระหลานหลวง ประโคมดุริยดนตรีแตรสังข์ทั้งปวงกึกก้องทั้งห้องพระโรงชัย พระโหราทิชาชาติพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ถวายพระพรบวรพิเศษสรรพพรรณนา มอบมิ่งเชิญพระขวัญรำพันศุภมงคลกถาสาธุการอำนวยชัย ให้สองศรีสุริยราชดนัยไพบูลย์ถาวรสวัสดิ์วัฒนานาน นับได้ร้อยวรรษากาล นั้นแล
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ราชา สญฺชโย สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสญชัยอัยกาธิเบศทั้งพระเอกอนงค์องค์อัคเรศราชอัยกี ครั้นเสร็จสมโภชพระนัดดากุมารกุมารีแล้วมิช้า จึ่งมีสุนทรราชกถาถามพระชาลีศรีสุริยวเรศว่า โปตก ดูกรพ่อผู้เป็นหน่อราธิเบศเกศกษัตรา กจฺจิ อุโภ อโรคา เต พระชนกนาถราชมารดาทั้งสองของพระหลาน ยังค่อยบรรเทาทุกข์เป็นสุขสำราญโรคันตรายนิราศ สรรพภัยในหิมวาสไม่ใกล้กราย เป็นต้นว่าจตุบาททีฆชาติทั้งหลายและเหลือบยุงบุ้งริ้นร่าน มิได้วี่แววแผ้วพานมาพาธา เลี้ยงชนม์ชีพแสวงหามูลผลาผลไม่ลำบากยากขัดสน พอขบฉันทุกวันทุกเวลาหรือพ่อชาลี

    พระพุทธเจ้าข้าซึ่งตรัสถามมาก็บริบูรณ์ดีมิได้เดือดร้อน แต่พระมารดานี้บุกป่าฝ่าดงดอนอรัญทุเรศ พอรุ่งรางสางแสงพระสุริเยศอรุณทิวากาล พระกรก็กุมกระเช้าเสียมแสรกแบกขอคานเข้าสู่ไพร เที่ยวขุดมูลมันเลือกสรรสอยผลไม้อันมีรส ต่อสายัณห์จึ่งกลับมาสู่พระอาศรมบทกุฎีดง แบ่งปันกันฉันทั้งสี่องค์ทุกเวลาตามประสาไร้ รตฺตึ ภุญฺชาม โน ทิวา จะได้รับพระราชทานมูลผลาหารครั้งไรก็ต่อราตรีทิวาวันนั้นไม่มีสักมื้อหนึ่งเลย พระอัยกาเจ้าเอย องค์สมเด็จพระชนนีศรีสุนทรราชสุณิสาก็เป็นนางกษัตริย์ขัตติยสุขุมโสภาพิมลรูป บัดนี้ดูก็เศร้าศรีซีดซูบเสียสิริวิลาส ผู้ใดพิศก็ผิดพิกลประหลาดกว่าแต่ก่อนกาล ด้วยต้องแดดและฝนทนทรมานมีแต่ทุกข์ลำบาก จะทูลบรรยายถวายซึ่งความยากสุดซึ่งจะรำพัน

    ปทุมํ อิว ดุจดวงดอกโกมุทบุษบันบงกชรัต มีบุคคลขยำชอกช้ำด้วยหัตถ์ให้เหี่ยวเห็น พระบวรกายก็กลับกลายพิกลเป็นปานดั่งอุปมา อมฺมาย ปตนูเกสา อนึ่งพระเกศโมลีของพระชนนีนาถก็ดำเป็นแสงสีดุจปีกภุมรีได้คลาดคล้ายประดุจนั้น ตั้งแต่ประเวศพระหิมวันต์พันผูกชฎาสัญจรวนาลัย ก็เกี่ยวข้องคล้องกับกิ่งไม้จนยุ่งหยอง ทั้งผงเผ่าเล่าก็ลงระคนปนธุลีละอองอัปภาคย์แลลำบากตา

    พระพุทธเจ้าข้า หนึ่งธรรมดาว่าสรรพอนันตนิกรสัตว์ บังเกิดในโลกโอฆสงสารวัฏอันเวียนว่ายย่อมเสน่หาในบุตรธิดานี้มิได้เว้นวายถ้วนทุกคน แต่พระปู่นี้ดูพระกมลไม่เอื้อเฟื้อในพระพ่อผู้เป็นหน่อเนื้อดนัยนาถ จึ่งเนียรเทศให้ทุเรศบำราศร้างพระนครสัญจรเข้าสู่ไพร แต่พระลูกท้าวเธอมิได้ผูกพระอาลัยนี้ประหลาดหลาก จะมาโปรดกระหม่อมฉานผู้เป็นหลานมากผิดประเพณี อันห่างเนื้อนี้หรือจะมาเชื่อถือว่าดีกว่าสนิทไฉนนะพระอัยกา

    เมื่อทรงสดับสารพระหลานทูลพรรณนานุสนธิ์สนองต้องโบราณระบอบ จึ่งบรรหารพจมานตอบพระชาลีศรีวิสุทธิกษัตริย์ ซึ่งข้อความแต่หลังที่คั่งแค้นขัดก็เคืองควร เพราะปู่นี้เชื่อถ้อยพลอยประชาชวนให้กระทำบัพพาชนียกรรมพระบิดาเจ้า ขออภัยอย่าได้พิโรธเราเลยนะพ่อชาลี ธนธญฺญญฺจ วิชชฺติ สิ่งสรรพศวรยาบรรดามีในกรุงไกรพระพิชัยเชต ปู่ก็หมายมอบให้สิ้นแก่บดินทรบิตุเรศของพระนัดดา สิวิรฏเฐ ปสาสตุ เจ้าจงไปเชิญให้ดำเนินคลาคืนสู่บุรีรัตน์ ยังประชาชาวสีพีราษฎร์ให้ประสาทโสมนัสเปรมปรีดิ์

    พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งทรงพระกรุณาจะให้ชาลีนี้ออกไปรับเสด็จ เกลือกจะทรงเคลือบแคลงระแวงว่าเป็นความเท็จไม่เชื่อฟัง อันคำเด็กนี้หรือผู้ใหญ่ใครจะหวังเอาเป็นสัตย์จริง เห็นพระบิตุรงค์จะทรงกริ่งเกรงจะไม่คืนนคร ขอเชิญพระบาทยาตราพลาพลแสนยากรออกไปวงกต ตรัสประโลมเล้าพระโอรสเกิดกับอกองค์ สิญฺจิ โภเคหิ จะได้อภิเษกเป็นเอกอัครราชดำรงมไหศวรรยาราชาฉัตร ด้วยเบญจราชกกุธภัณฑ์* สรรพสิริสมบัติสืบสุริยวงศา บำรุงราษฎรนิกรประชาชาวพิชัยเชตทั่วขอบเขตภูมิมณฑลสกลพิภพสีพี มหานครธานีนี้แล้วแล

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    ตโต เสนาปตึ ราชา สญฺชโย อชฺฌภาสถ ฯ

    ภิกฺขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา สญฺชโย ส่วนสมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยอัยกามกุฏพิภพสีพี เมื่อทรงสดับสารพระหลานชาลีเฉลยฉลอง จึ่งตรัสตอบพระนัดดาว่านี้ก็ต้องตามบูรพประเพณี พระปู่ก็จะยกพยุหโยธีแสนยาทัพออกไปรับพระบิดาเจ้า จึ่งจะเสื่อมหายวายบรรเทาที่รังเกียจกล เจ้าจงนำหน้าพลาพลไปวงกตซึ่งเป็นพระอาศรมบรมนักพรตแรมผนวชไพร อชฺฌาภาสถ จึ่งตรัสสั่งเสนาในให้ตรวจตราโยธาทัพสรรพพลรถคชเดินเท้า เหล่าพลม้ากล้าณรงค์ทรงยุทธนาอาภรณ์เพริศเทิดสรรพานานาวุธยุทธชาญเชี่ยวเคี่ยวสงคราม

    เนคมา จ มํ อนฺเวนฺตุ ทั้งชาวนิคมคามพราหมณ์ปุโรหิตทั้งปวง จงตามกูไปสู่ภูเขาหลวงวงกตคีรี ตโต สฏฺฐีสหสฺสานิ หมู่สหชาติโยธีมีประมาณหมื่นหกพันสรรพางค์พื้นแต่ใส่สวม เสื้อหมวกเหมาะเกราะนวมดูต่าง ๆ สีสรรพ์พรรณสี่อย่างควรจะพึงพิศ วงผจงพิจิตรจรูญเจริญเนตรวิเศษโศภนเพลิน บางจำพวกบรรเทืองเหลืองเล่ห์สุวรรณพรรณชมพูนุทนพคุณดูอร่ามงามเพริศเพรา เหล่าหนึ่งฉาดเฉิดเลิศหลากสีแดงก่ำ ล้ำรัศมีอรุณทิพากรเรืองจำรัสเวหาเห็นประไพพรรณ รายลางบางสีสรรพ์วรรณนีลาภาเพียงไพฑูรยประภาพิสุทธิ์สดใสเสมอมรกตอันเข้มเขียวขำ

    จำพวกหนึ่งเหลือบเหลียวเล่ห์ไกลาสคิรีขาวบริสุทธิ์สะอาดอุฬารตระการตา หิมวา ยถา ดูดั่งขุนเขาหิมวันต์คันธมาทนคิรี อันเดียรดาษด้วยรุกขชาติทุกสิ่งสรรพ์สารพันมีจะนับมิได้ มหาภูตคณาลโย ย่อมเป็นถิ่นที่อาศัยสุรเทพคนธรรพ์สรรพทานพนิกร ทั้งนักสิทธิ์วิทยาธรถ้วนทุกหมู่อยู่สโมสรภิรมย์ โอสเถหิ จ ทิพฺเพหิ มีทั้งว่านยาสารพันอุดมดับโรคาพยาธิ ดุจทิพยโอสถปรากฏคุณประสิทธิ์ประสาทสุดซึ่งจะพรรณนา ทิสา ภาติ ก็รุ่งเรืองจำรัสประภัสสรประภาพรรณผุดผ่องทั่วท้องทิศาดล ครุนาดั่งอาภรณ์พวกสหชาติพหลทั้งสี่เหล่า ก็โอภาสพิลาสเพริศเพราดูประดุจนั้น
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ตโต นาค สหสฺสานิ แล้วเร่งรัดจัดสรรพวกพลคชาชาญอันเกิดแต่มาตังคประเทศสถานประมาณหมื่นสี่พัน สรรแต่หาญสารตัวเหี้ยมเทียมช้างมารทานช้างหมื่น พื้นโถมศึกฝึกทนศร ร่อนงาส่ายร่ายเงยเศียรเรียนเชิงสู้รู้ชนสาร ร่านบ้านแทงแรงบ่ถอยร้อยคชหนีรี่ขึ้นหน้า ข้าศึกยลขนสยองร้องบันเทิงเริงบุกทัพสรรพอลังการสารอลงกต บทจรคลาดบาทจรคลา ดาพยุหะยืนดื่นพยุหยุทธ์ดุจพสุธาพังดั่งพสุธาพก ยกคชผายย้ายคชพล คนตัวหมอขอติดมือถือหัตถ์ง่าท่าเห็นงาม ตามทำนองต้องธรรมเนียม เตรียมทุกหมวดตรวจทุกหมู่ คู่อยู่เรียงเคียงอยู่เรียบเพียบคชยืนพื้นคชยาน สารตัวกลั่นสรรตัวกล้า น่าพันลึกนึกพันลาย ท้ายคชง่าท่าขอเงื้อ เชื้อคนหาญชาญคำแหง แข็งศึกกล้าข้าศึกกลัว ตัวกลางช้างต่างกลอกเชิด เทิดกระบี่ทีกระบวน ทวนหอกรำทำหันร่อน พลกุญชรเร่งเตรียมตรวจ ตามหมู่หมวดคชพยุหบาตรา

    ตโต อสฺสสหสฺสานิ แล้วเร่งรัดจัดสรรพลอาชาชาติหมื่นสี่พัน ต่างแกล้งสรรตัวกลั่นสรรพ แล่นโจมทัพไล่จับทัน จู่เข้าฟันจบคันฟาด ล้มกลิ้งดาษลงกลาดดื่น ขุนม้าพื้นขุนหมื่นพัน ตัวล่ำสันต่างลั่นศรตั้งมือร่อนโตมรรำ เสื้อแดงก่ำสีดำแกมหมากสุกแปมม่วงแซมปน หมู่พหลม้าพลหาญควบรุกต้านเข้ารานต่อ ไม่รู้ท้อมิรอถอย ศึกใหญ่น้อยเสียย่อยหนี แตกหน้าที่ตื่นหนีทัพ ไม่กล้ารับมิกลับรบ วิ่งหนีหลบไหว้นบลน เลือกขุนพลล้วนคนผู้ ชาญศึกรู้เชิงสู้รบ แม้ร้อยทัพมารับทัน เร่งจัดสรรพลสินธพ ครบจำนวนกระบวนพยุหบาตรา

    ตโต รถสหสฺสานิ แล้วเร่งรัดจัดสรรพลรถาหมื่นสี่พัน พื้นพิจิตรรังสรรค์สุวรรณรัตน์ สุวรรณรถจำรัสอร่ามเรืองอร่ามรุ่งบรรเทืองอัมพรเพริศอัมพรพราย ธงชายเฉิดเฉลิมงอนเฉลิมงามสงครามสยอน ไม่ต่อติดไม่ต่อต้านทานฤทธิ์เข้ารุกรานเข้ารุกรับยับแตกฉานพังประลาต พ่ายประลัยลงดื่นดาษพสุธาธารสะเทื้อนถิ่น อรินทรสถานทั่วทุกด้าวทั่วทุกแดนสดับข่าวก็ยำเยง ก็ย่อหย่อนอ่อนเกรงไม่รอนราญ จงเร่งรัดจัดพลาพลทวยหาญให้พร้อมเสร็จแต่ในเจ็ดทิวาวาร จะยาตราพลาพลทวยหาญจากพระพารา ออกไปรับพระลูกยานี้แล้วแล

    ปางเมื่อสมเด็จบรมกรุงกษัตริย์ให้ตรวจจัดจตุรงคนิกร จะออกไปรับพระเวสสันดรบวรราชโปดก ส่วนว่าเฒ่าทลิททกชูชกพฤฒาจารย์ บริโภคโภชากระยาหารเหลือขนาด เตโชธาตุมิอาจจะผลาญเผา เฒ่าก็ถึงแก่กาลกริยา ท้าวเธอก็ให้กระทำฌาปนกิจแล้วบรมพิตรก็ให้ตีกลองร้องป่าวหาพงศ์เผ่าของพราหมณ์ เที่ยวไต่ถามก็มิได้พานพลประสบแต่สักคน จึ่งให้ขนเอาทรัพย์ซึ่งพระราชทาน คืนเข้ายังพระคลังสถานนั้นแล

    ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห
    สา เสนา มหตี อาสิ อุยฺยุตฺตา สิวิ พาหินี ฯ

    สตฺตเม ทิวเส ในเมื่อวันเป็นคำรบเจ็ด จักเสด็จยกมีพนักงาน พลสารก็ขี่ขับสารออกยืนที่ พลอาชาขี่พาชีออกยืนแซง พลรถก็จัดแจงแต่งรถอันอลงกตออกรายเรียง พลเดินเท้าก็เข้าประจำคู่เคียงเป็นขนัด พร้อมทั้งพระที่นั่งต้นมงคลคเชนทรรัตนราชาอาสน์ราชรถยาน คอยรับเสด็จพระจอมจักรพาลผู้ผ่านพิภพสีพี ส่วนสมเด็จพระบรมกษัตริย์กษัตรีทั้งสี่พระองค์ ก็เข้าที่ชำระสระสรงสินธุสนานสุคนธ์ธารอุทกธารา แล้วสวมทรงอลงกรณ์สิริราชวิภูสนาขัตติยาภรณ์พร้อมเสร็จเสด็จยังเกยชัย แสนสุรชาติโยธีชุลีกรไสวอยู่เดียรดาษ

    ขณะนั้นทวิชาชาติชาวกลึงคราษฎร์ทั้งแปดนาย นำเอาช้างต้นมงคลเศวตไอยรามาถวายคืนดั่งเก่า ก็พอได้เวลามหาอุดมฤกษ์เข้าในขณะนั้น พระโหราลั่นฆ้องชัยให้มหุรติสัญญา เสียงสังข์แตรแซ่ศัพท์มหามโหระทึกกึกก้องกลองชนะสนั่นเนียรนาท ท้าวเธอก็ให้พระชาลีศรีสุริยชาติราชนัดดา ขึ้นทรงมงคลเศวตคชาคเชนทรปัจจัย เป็นทัพหน้านำพลาพลไกรล่วงลีลาศ

    ส่วนองค์พระอัยกาก็ทรงพาหนะหัสดินกรินทรราชเป็นทัพหลวงตามกระทรวงพยุหยาตรา ส่วนสมเด็จพระอัยกีกับกุมารีรัตนกัณหาชินานาฏ ก็ทรงอลงกตรถอาสนราชพิมานอันป้องปิดมิดม่านกำบังองค์แล้ว รถประเทียบแสนสาวสุรางค์นางอเนกอนงคนิกรกำนัลเป็นคู่ ๆ ดูเป็นหลั่น ๆ กันเรียงราย อุยฺยุตฺตา เมาะ ปยาตา พวกพลหัวหน้าก็คลี่คลายขยายเขยื้อน ยกพยุหยาตราคลาเคลื่อนออกจากบุรี เดินยัดเยียดเบียดเสียดสีกันสับสน สิบสองอักโขเภณีมีประมาณพลโดยคณนา

    โกญฺจํ นทติ วารโณ ฝ่ายพระคชินทเรศเศวตคชาพิเชียรพิชัยปัจจัยนาค ก็เปล่งเสียงก้องโกญจศัพท์ประกาศกาหลคำรนนฤโฆษ ด้วยได้กลับมาเห็นเจ้าตน ก็มีกมลปราโมทย์ภิรมย์ปรีดา ทั้งสำเนียงจตุรงคคณาม้ารถคชบทจรพล ก็อึงเอิกเพียงจะพกเพิกแผ่นพสุธาดลกัมปนาท ธุลีตรลบอบอากาศบดบังทิพากร

    เต จตฺตาโร ขตฺติยา อันว่าสี่กษัตริย์ขัตติยอดิศรสมมุติเทเวศ เสด็จโดยเถื่อนแถวแนววนาเวศหิมวันต์อรัญทุรสถาน พหุสาขํ มโหทกํ อันมากด้วยหมู่พฤกษาชลาธาร ถิ่นท่าผาสุกภิรมย์เดียรดาษด้วยรุกขชาติอุดมด้วยดวงดอกออกผลโดยฤดูชูกิ่งก้านตระการตา นานาวณฺณา พหู ทิชา ฝูงสกุณอเนกนิกรปักษานาพรรณ บ้างโผผินบินผายผันลงจับจ่องย่องยอดไม้แล้วไต่เต้า บ้างส่งเสียงสำเนียงเร้าเรียกหาคู่อยู่บนกิ่งพฤกษา ฟังเสนาะเพราะจำนรรจาแจ้วจับใจ ทั้งเสียงจักจั่นพรรณเรไรเรื่อยร้องระงมดง เสด็จประพาสพนาดรทุเรศเขตไพรระหงหกสิบโยชน์ระยะมรคา ประทับแรมร้อนผ่อนพักพลแสนยาพลากรนิกายเป็นหลายราตรีทิวาวาร

    เวสฺสนฺตโร อันว่าสมเด็จพระพงศ์พิชิตมารมิ่งมกุฎเกศเวสสันดรราชดาบส ทรงเสวยสุขวิหารสำราญพรหมพรตในประเทศที่ใด สี่กษัตริย์ก็รีบรัดนิกรจตุรงค์ตรงไปถึงกระทั่ง ตํ ปเทสํ สู่ประเทศที่นั้นแล

    มหาราชปพฺพํ นิฏฺฐิตํ
     
  20. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    152
    ค่าพลัง:
    +147,900
    ๑๒.กัณฑ์ฉกษัตริย์

    ชาลีกุมาโรปิ มุจฺจลินฺทสรตีเร ขนฺธารารํ นิวาสาเปตฺวา จตุทฺทสรถสหสฺสานิ อาคตมคฺคาภิมุขาเนว ฐปาเปตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ ปเทเส สีหพฺยคฺฆทีปิขคฺคาทีสุ อรกฺขํ สํวิทหิ ฯ หตฺถิอาทีนํ สทฺโท มหา อโหสีติ

    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงเรื่องพระเวสสันดรบรมโพธิสัตว์ขัตติยราช ในคัมภีร์ขุททกนิกาย มหานิบาตชาดก กัณฑ์ที่ ๑๒ ว่าด้วยเวสสันดรตอน ๑๒ อันมีนามว่าฉกษัตริย์บรรพ สืบต่อไปกว่าจะจบกัณฑ์นี้ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้สดับเรื่องพระเวสสันดร ตอนได้พรักพร้อมกันทั้ง ๖ พระองค์ คือพระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดี พระกัณหา พระชาลี พระเวสสันดร และพระนางมัทรี

    ดำเนินความว่าในกัณฑ์ฉกษัตริย์บรรพนี้ว่า พระชาลีราชกุมารผู้เป็นมัคคุเทสก์นำเสด็จกองทัพสมเด็จพระอัยกาออกไปสู่ป่าใหญ่ในครั้งนั้น ครั้นไปถึงที่ใกล้อาศรมบรรณศาลาอันเป็นที่ประทับของพระมหาสัตว์เจ้าแล้ว จึงรับสั่งให้ตั้งค่ายในที่ใกล้สระมุจจลินทร์ ให้กระบวนรถอันมีกำหนดนับได้หมื่นสี่พัน จอดเทียบหันหน้ากลับตามทางที่มา จัดการจุกช่องล้อมวงป้องกันเสือสิงห์หมีแรดและสัตว์ร้ายไม่ให้มากล้ำกรายได้ในที่นั้น ๆ

    ในครั้งนั้นเสียงช้างมาพลโยธากึกก้องสนั่นหวั่นไหวในไพรวัน พอพระมหาสัตว์เจ้าได้ทรงสดับเสียงกึกก้องนั้น ก็ทรงเข้าพระทัยว่าเป็นกองทัพของข้าศึกซึ่งไปฆ่าพระราชบิดาแล้วตามมาเพื่อจะจับพระองค์ จึงทรงตระหนกตกพระทัยสะดุ้งกลัวต่อมรณภัย จึงทรงพานางมัทรีคู่ทุกข์คู่ยากเสด็จจากบรรณศาลาขึ้นไปทอดพระเนตรกองทัพอยู่ที่ยอดเขา

    สมเด็จพระบรมศาสดาจารย์เจ้าจึงตรัสเป็นพระคาถาว่า เตสํ สุตฺวาน นิคฺโฆสํ ดังนี้เป็นต้น แปลความพระพุทธนิพนธ์ภาษิตว่า พระเวสสันดรได้ทรงสดับเสียงกึกก้องแห่งกองทัพของพระเจ้าสีพีดังนั้นก็ทรงตกพระราชหฤทัย เสด็จหนีไปบนยอดภูเขาทอดพระเนตรดูเหล่าเสนาแล้วตรัสว่า มัทรีเอ๋ย เธอจงช่วยพิจารณาด้วย ให้รู้ว่าเสียงกึกก้องนั้นเป็นเสียงกึกก้องอะไร เราเห็นว่าเป็นเหมือนเสียงช้างม้าพลโยธาหาญ ทั้งแลเห็นปลายธงทิวไสวอยู่ไปมา

    มัทรีเอ๋ย ธรรมดาพรานไพรซึ่งเอาข่ายดักล้อมฝูงเนื้อในป่า ก็พากันไล่ต้อนฝูงเนื้อให้ตกหลุมแล้วจึงส่งเสียงจ้าละหวั่น พากันพุ่งซัดด้วยหอกเลือกฆ่าเอาแต่ตัวพี่ฉันใด พวกข้าศึกที่ยกมานี้เหมือนกับพวกพรานไพร ส่วนเราทั้งสองเหมือนฝูงเนื้อฉันนั้น เราเข้าใจว่าพวกนี้คงเป็นพวกไพรีที่ยกไปทำร้ายกรุงสีพีฆ่าพระราชบิดาเสีย แล้วได้ยกติดตามมาเพื่อจะจับเราทั้งสองบัดนี้ ดูก่อนมัทรี ตัวเรานี้ก็ทำอะไรแก่ใครไม่ได้ ได้ถูกเนรเทศมาอยู่ในไพร ได้แต่ประพฤติพรหมจรรย์เท่านั้น เราทั้งสองนี้ตกอยู่เงื้อมมือของเหล่าศัตรูในครั้งนี้กระมังหนา

    เมื่อพระมัทรีศรีดรุณราชกัลยาได้ทรงสดับพระดำรัสของพระราชสามีดังนี้แล้ว จึงทรงพิจารณาดูกองทัพว่าจะเป็นกองทัพของใครที่ยกมาในคราวนี้ เมื่อทรงพิจารณาไปก็ทรงแน่พระหฤทัยว่าเป็นกองทัพของพระเจ้ากรุงสญชัย จึงกราบทูลให้พระราชสามีทรงเบาพระทัย เป็นคาถาว่า

    อมิตฺตา นปฺปสเหยฺยํ อัคฺคึว อุทกณฺเณว ตฺเทว ตวํ วิจินฺเตหิ อปิ โสตฺถิ อิโต สิยา
    ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ อันพวกข้าศึกศัตรูทั้งหลายย่อมไม่สามารถที่จะมากล้ำกรายเหยียบย่ำพระองค์ได้ เปรียบเหมือนไฟอันไม่สามารถที่จะเผาห้วงน้ำอันใหญ่ให้เหือดแห้งไปได้ฉะนั้น ขอพระองค์ทรงพิจารณาดูให้รู้แน่เถิด ว่ากองทัพที่ยกมานี้ไม่ใช่กองทัพของใคร เป็นกองทัพของสมเด็จพระราชบิดาให้ยกมาเป็นแน่นอน ต่อนี้ไปอีกไม่ช้าความสวัสดีก็จะบังเกิดมีแก่พระองค์ สมกับพระพรที่สมเด็จท้าวอมรินทรเทวราชได้ประสิทธิ์ประสาทไว้แล้วนั้น


    ในลำดับนั้น พระเวสสันดรบรมราชฤาษีทรงพิจารณาดูด้วยพระองค์เอง ก็ทรงทราบตระหนักแน่ว่าเป็นกองทัพของพระบิดาแท้แล้ว พระองค์จึงทรงเบาพระหฤทัยหายสะดุ้งกลัว แล้วทรงพาพระนางมัทรีเสด็จลงจากยอดคีรีบรรพต ปรากฏอยู่ในอาศรมบทศาลาประทับนั่งอยู่หน้าพระทวารแห่งสถานที่ประทับของพระองค์ ส่วนพระนางมัทรีเสาวภาคขัตติยกัลยา พระนางก็ประทับอยู่ที่ประตูบรรณศาลาของพระนางเจ้าด้วยพระอาการอันเสงี่ยมงาม มิได้มีอาการหวั่นหวาดประการใด
    +
    ในลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยมหาราช จึงมีพจนาถปกาสิตแก่พระมิ่งมิตรผุสดีว่า ดูก่อนผุสดี ถ้าเราทั้งสองจะพร้อมกันเข้าไปหาพระลูกรักในเวลานี้ จะเกิดความโศกีอันใหญ่หลวง เราควรจะเข้าไปแต่ผู้เดียวก่อน ส่วนตัวเจ้าจงผ่อนเข้าไปภายหลัง คือจงคะเนดูว่า พอตัวเรากับลูกสร่างความเศร้าโศกนั่งอยู่เป็นปกติแล้ว เจ้าจงพาบริวารหมู่ใหญ่เข้าไปต่อภายหลัง ครั้นเจ้าเข้าไปครู่หนึ่งแล้ว จึงให้ชาลีกัณหาตามเข้าไปเป็นลำดับที่ ๓ ครั้นท้าวเธอตรัสดังนี้แล้ว จึงโปรดให้บ่ายหน้ารถพระที่นั่งกลับยังทางมา ทรงจัดให้เจ้าหน้าที่ป้องกันรักษาในที่ต่าง ๆ แล้วพระองค์ขึ้นทรงมงคลหัตถีพระที่นั่งต้น เสด็จไปถึงยังที่อันสมควรแล้ว พระองค์ทรงเสด็จลงจากช้างพระที่นั่งต้น แล้วทรงดำเนินไปสู่สำนักของพระราชโอรสด้วยความยินดีในพระราชหฤทัยเป็นกำลัง

    เพราะเหตุดังนี้ เมื่อสมเด็จพระชินศรีศาสดาจะประกาศเนื้อความนี้ให้แจ้งชัด จึงตรัสไว้ในจริยาปิฎกเป็นบทพระคาถาว่า นิวตฺตยฺวาน รถํ วุฏฺฐเปตฺวาน เสนิโย ฯ แปลว่า ครั้นสมเด็จพระราชบิดามีพระราชบัญชาให้กลับรถพระที่นั่ง และให้พักจตุรงคเสนาไว้แล้ว พระองค์ก็เสด็จตรงไปหาพระราชโอรสซึ่งเสด็จอยู่ในป่าแต่ลำพังพระองค์เดียว ครั้นเสด็จลงจากหลังช้างพระที่นั่งแล้ว จึงทรงเฉวียงพระอังสาด้วยพระภูษา ประณมอัญชลีล้อมด้วยหมู่อำมาตย์ เสด็จเข้าไปหาพระราชโอรส เพื่อจะเชื้อเชิญพระราชโอรสให้คืนครองราชย์สมบัติในสีพีรัฐประเทศ พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นพระราชโอรสซึ่งทรงเพศเป็นบรรพชิต ประทับนั่งเพ่งพิศถึงธรรมอยู่ที่บรรณศาลา ไม่มีภัยอันตรายมาแผ้วพาน ดังนี้

    ตญฺจ ทิสฺวาน อายยฺตํ ฝ่ายพระเวสสันดรและนางมัทรี ครั้นได้ทอดพระเนตรเห็นสมเด็จพระบิตุเรศเจ้าเสด็จมาโดยมีพระราชหฤทัยฝังอยู่ในพระราชโอรส ก็พากันเสด็จลุกไปต้อนรับถวายบังคมด้วยความชื่นชมยินดี ส่วนพระนางมัทรีศรีสะใภ้ก็หมอบลงแทบพระบาทของพระสัสสุระ แล้วทูลว่า ข้าแต่สมมติเทวดา ข้ามัทรีผู้สะใภ้ขอถวายบังคมบรมบงกชบาทแห่งสมเด็จพระบิตุราชเจ้าด้วยเศียรเกล้าในบัดนี้ พอพระนางมัทรีกราบทูลดังนี้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงสญชัยมหาราชก็ทรงกอดกษัตริย์ทั้งสองประทับกับพระทรวงแล้วโลมลูบจูบปฤษฎางค์อยู่ไปมา ในอาศรมศาลาที่นั้น แล้วทรงกันแสงด้วยทรงดีพระทัย

    ครั้นท้าวเธอค่อยสร่างพระโสกาอาดูรแล้วทรงตรัสถามถึงทุกข์สุขของพระเจ้าลูกทั้งสองว่า กจฺจิ โว กุสฺลํ ปุตฺต อนามยํ ดูก่อนพระลูกรักทั้งสองศรี เจ้าทั้งสองยังสบายดีอยู่ดอกหรือ กจฺจิ ปุตฺต อนามยํ เจ้าทั้งสองยังปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอยู่หรือ กจฺจิ อุญฺเฉน อาเปถ เจ้าทั้งสองยังหาเลี้ยงชีพสะดวกดายอยู่หรือ กจฺจิ มูลผลา พหู ทั้งหมู่ลูกไม้เผือกมันก็ยังหาได้ง่ายไม่ฝืดเคืองแลหรือ กจฺจิ ฑํสา จ มกสา เหลือบยุงบุ้งริ้นก็ไม่มารบกวนแลหรือ อปฺปเมว สิรึสปา บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน คือ งูเล็กงูใหญ่ก็ไม่มาเบียดเบียนแลหรือ วเน พาลมิคากิณฺเณ กิจฺจิ หึสา นวิชฺชติ ทั้งฝูงสัตว์ร้ายในป่าก็ไม่มารบกวนเจ้าทั้งสองแลหรือ

    ฝ่ายพระมหาสัตว์เจ้ากราบทูลต่อพระราชบิดาว่า อตฺถิโน วีชิกา เทว ข้าแต่สมมติเทพเจ้า เกล้ากระหม่อมทั้งสองได้เลี้ยงชีพอยู่ตามมีตามได้ เกล้ากระหม่อมทั้งสองมีการเลี้ยงชีพอย่างฝืดเคือง ชีวิตเกล้ากระหม่อมทั้งสองมีการอยู่ได้ด้วยการเที่ยวแสวงหาลูกไม้หัวมันมาบริโภค ข้าแต่พระราชบิดาเจ้าผู้เป็นมหาราชอำนาจแผ่ไพศาล อันนายสารถีย่อมทรมานพาชีให้หมดฤทธิ์ฉันใด เกล้ากระหม่อมก็ถูกทรมานให้หมดฤทธิ์ฉันนั้น ความสิ้นฤทธิ์ย่อมทรมานเกล้ากระหม่อม ข้าแต่พระจอมจักรพงศ์ผู้ทรงดำรงสีพีรัฐ นอกจากความทุกด้วยการเลี้ยงชีพแล้ว เกล้ากระหม่อมผู้ถูกเนรเทศยังเสวยแต่น้ำพระเนตรอยู่ทุกเวลา มีเนื้อหนังซูบซีดเ**่ยวแห้งเพราะไม่ได้เห็นพระองค์ผู้เป็นพระราชบิดากับพระราชมารดา ทุกข์อันนี้ย่อมเป็นทุกข์อันใหญ่ยิ่งกว่าทุกข์ที่เกล้ากระหม่อมทั้งสองต้องลำบากด้วยการหาเลี้ยงชีพ

    ครั้นพระมหาสัตว์เจ้ากราบทูลเรื่องของพระองค์จบลงอย่างนี้แล้ว จึงทูลถามพระราชโอรสทั้งสองว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงครองกรุงสีพี พระชาลีและกัณหาผู้ซึ่งพระองค์ทรงหวังไว้ว่าจะได้ดำรงตำแหน่งรัชทายาท แต่ไม่สมพระราชประสงค์ ได้ตกไปอยู่ในอำนาจของพราหมณ์ชราผู้ทุพพลภาพหยาบช้าหลายเวลาแล้ว พราหมณ์ชรานั้นได้ตีต้อนชาลีและกัณหาทั้งสองไปเหมือนกับนายโคบาลอันตีต้อนฝูงโคไปฉะนั้น เกล้ากระหม่อมฉันขอกราบทูลถามว่า พระองค์ยังทรงทราบอยู่บ้างหรือว่าชาลีกัณหาตกไปอยู่ในที่ใด ถ้าพระองค์ทรงทราบก็ขอได้ทรงกรุณาโปรดรีบตรัสบอกแก่เกล้ากระหม่อมฉันให้เหมือนกับแพทย์พยาบาลผู้ที่ถูกงูกัดฉะนั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...