สวัสดีค่ะ ด้วยความที่ตัวเจ้าของกระทู้ยังไม่แตกฉานในธรรมะ จึงมีเรื่องแอบสงสัยเรื่อง ภพ-ภูมิ นิดหน่อยค่ะ
คำถามอาจจะฟังดูง่าย ๆ ถ้ายังไงรบกวนชี้แจงด้วยนะคะ ยกตัวอย่างเช่น อย่างที่ทราบกันว่าถ้าทำบุญในชาตินี้เยอะ หรือวิปัสสนาจนแตกฉาน บังเกิดฌาน บรรลุโสดาปัตติผล หรือสูงกว่านั้น (แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอรหันต์ ซึ่งตามที่เข้าใจว่าหลังจากนี้ คือ นิพพาน) ว่ากันว่า เราจะไปเกิดในภพ-ภูมิที่สูงว่ามนุษย์ อาจจะเป็นพรหม หรือ เทวดา แต่ที่สงสัยคือว่า "ถ้าเราหมดบุญตรงนั้นแล้ว "อะไร" จะเป็นตัวกำหนดที่ที่เราจะไปเกิดต่อไป?"
ถ้าบอกว่าเป็น "กรรม" อ้าว...ถ้างั้นบุญ-บารมี เราหมดแล้ว แล้วยังไง?? คือ ชีวิตเราจะมีแต่ความทุกข์ยากอย่างเดียวเหรอคะ? แล้วในทางกลับกัน ถ้าไปลงนรกแล้ว เราชดใช้กรรมที่ทำไว้หมดสิ้น เราจะไปเกิดเป็นอะไรต่อไป? อะไรเป็นตัวกำหนด เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ?
มีคำถามมารบกวน วานสอบถามท่านผู้รู้ ผู้สนใจค่ะ
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ladyinblack, 25 พฤศจิกายน 2013.
-
-
อันนี้ตอบตามความรู้ของตัวเองซึ่งอาจจะไม่ตรงหลักศานาพุทธคะ ดิฉันเชื่อว่ามี มิติของวิญญาณ และการกลับชาติมาเกิดจริง และเชื่อว่ามีนิพพาน แต่ไม่เชื่อเร่องนรก สวรรค์ ว่ามี ชั้นนั้นชั้นนี้ คะ และเชื่อว่า ความต้องการของดวงจิตเองที่กำหนด ที่ไป ถ้าไม่อยากเกิดก็ไม่ต้องไปเกิด ถ้าอยากไปนิพพานก็จะได้ไป แต่กรณีนิพพานอาจยากสักหน่อย
เพราะ ปกติธรรมชาติของดวงจิต จะติดในชีวิต กระบวนการเกิด และ กิเลส ความอยากต่างๆที่ ก่อมาจากการที่เรามีร่างกาย และมันต้องการปัจจัยต่างๆ ในความเชื่อของดิฉัน นรก สวรรค์ เกิดจากความเชื่อของดวงจิต เราอยากไปยังไงก็เจออย่างงั้น เหมือนความฝันคะ เกิดมาจาก กิเลสต่างๆ สิ่งที่ประทับใจและหลอมรวมกัน ในระหว่างร่างกายพักผ่อน จิตก็แสดงตัวของมัน -
ตามความเข้าใจนะคะ
กรรมเป็นตัวกำหนดคะ
ถามว่า ถ้างั้นบุญบารมีเราหมดแล้ว แล้วยังใง
อันนี้ ที่ไปเกิดข้างบนโน้น ก็ คือกรรมช่วงนั้นนั้นให้ผล
บุญบารมีเราไม่หมดหรอกคะ เพราะเรา รับใช้ตามช่วงเวลาที่เราทำ สิ่งนั้นมันให้ผล
ตามที่เราทำมา คนเราไม่ได้ทำชั่ว ตลอดเวลา เหมือนเรานั่ง หรือเดิน เราคิดดี คิดชั่ว คละเคล้าปนกันไป มันก็ ขึ้นๆลงๆ เหมือนกัน อยู่ที่กรรมที่ให้ผลคะ
ขึ้นสวรรค์ ก็เพราะ กรรมกำหนด
ลงนรก ก็ เพราะกรรมกำหนด
เป็นคน เป็น สัตว์ดิรฉาน หรือ เกิด ภพภูมิอื่นๆ ก็เพราะกรรมกำหนด
กรรมคือผลจาก การกระทำ จริงๆแล้ว ทั้งหมดทั้งสิ้น เกิดจากตัวเราเองทั้งนั้น เป็นผู้กำหนด ที่มา ที่ไป ของตัวเองคะ -
อริยผลจิต ไม่ต้องกลัวจะหมดบุญ เพราะจิตคิดดีเสมอ มันเป็นบุญเสมอ
เมื่อจิตนั้นคิดดีมีแต่กุศลจิตเสมอ ย่อมไม่มีทางสู่ภพภูมิต่ำ
โสดาบัน ไม่กลับไปคิดชั่วคิดอกุศลแล้ว ชื่อว่าบุญไม่มีหมดแน่นอน
กรรม ไม่เน้นว่ากรรมดีหรือชั่ว เพราะกรรมเป็นการกระทำ
กรรมนั้น ที่ให้ผลยาวนาวนั้นมีอยู่ ไม่สามารถหมดไปง่ายในชาติเดียว
เช่น กรรมชั่วจากการผิดกาเม ในนรกต้องปีนต้นงิ้ว เมื่อมาเกิดยังไม่พอ
ต้องมาเป็นวัวเป็นความยเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอีกมากกว่าชนิดละ ๕๐๐ ชาติ
กรรมดีก็เหมือนกัน แม้เราจะหมดอายุขัยในสวรรค์ ซึ่งได้เสพทิพยสมบัติแล้ว
ต่อเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์รอบใหม่ ก็ยังมีอานิสงส์ให้เกิดมาเป็นผู้มีทรัพย์มาก
"ถ้าเราหมดบุญตรงนั้นแล้ว "อะไร" จะเป็นตัวกำหนดที่ที่เราจะไปเกิดต่อไป?"
ตอบ... อริยบุคคล ไม่มีบุญหมด บุญมันคือความคิด คิดดีเสมอ ก็เป็นบุญเสมอ
และสิ่งที่กำหนดที่ที่เราไปเกิด ก็คือสภาพจิตอีกนั่นแล เมื่ออาศัยอยู่ในสวรรค์นานๆ
ช่วงหมดอายุขัยเราอาจจะมีสภาพจิตที่เหมาะสมกับความเป็นมนุษย์
จึงได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ส่วนกรรม(การกระทำ)
เป็นปัจจัยกำหนดให้เราเกิดมามี ชาติ ตะกูล ภูมิประเทศ ศาสนา ผัวพันธ์ รูปร่าง ฯลฯ
ที่มีความเลิศเลอต่างกัน -
อีกเรื่องหนึ่ง ที่บอกว่าสถานที่ไปขึ้นกับดวงจิตก่อนตาย เช่น หากเศร้าหมองก่อนตายก็ไปอบายภูมิ หากจิตเป็นบุญเป็นกุศลก่อนตายก็ไปดี .. อันนี้ก็ถูกครับ. แต่ไม่อาจลบล้างกรรมก่อนหน้านี้ได้ คือ เมื่อเสวยผลกรรมจากจิตก่อนตายแล้วก็จะต้องเสวยผลกรรมที่เคยทำมา ตามลำดับครับ และเมื่อเปลี่ยนภพแล้วกรรมต่างๆก็ยังตามมาในลักษณะของเศษกรรมด้วยครับ -
ตายแล้วจะไปเกิดไหนอยู่ที่จิตสุดท้ายก่อนตาย
ไปเกิดเป็นพรหมหรือเทวดาแล้วบุญหมดก็อาจจะไปนรกต่อหรือไปไหนก็แล้วแต่กรรมที่ให้ผลลำดับต่อไป
กรรมนิดเดียวที่ทำ ให้ผลไปหลายร้อยชาติ ไม่ต้องกลัวหมดหรอก มีแต่จะเหลือ
ที่นั่งฟุ้งซ่านอยู่นี่ก็เกิดมโนกรรมแล้ว -
ตอบนะครับ
บุญเราไม่หมดหรอกไม่ว่าอยู่ภพไหนก็ตาม อยู่บนสวรรค์ ก็ทำกรรมบนสวรรค์อีก เป็นพรหม ก็ทำกรรมได้ อาจหลงผิด มีโมหะบ้าง การก่อกรรมทำกรรม ไม่มีที่สุดหรอกครับ -
บุญที่เกิดจากการเป็นพระอริยบุคคลเป็นมหากุศลที่ไม่อาจนับประมาณได้ สามารถส่งผลได้ยาวนานมากๆๆๆ แต่พระโสดาบันก็จะนิพพานไม่เกิน 7 ชาติ บุญจึงมีมากเกินพอไม่มีทางหมดก่อน
-
ก็ในเมื่อเจ้าของกระทู้ ยกเรื่องสงสัยการหมดบุญสวรรค์แล้วต้องลงมาเกิดในโลกมนุษย์
ผมก็จะขอ ยกเรื่องการหมดบาปใช้กรรมในนรก ก็มีด้วยเช่นกัน .. ใครเล่าอยากจะตกนรกตลอดกัปป์ตลอดกัลล์โดยไม่ได้ผุดได้เกิด .. อายุของสัตว์นรก หรือแต่ละชั้นภูมิก็มีหมดอายุแห่งการสิ้นสุดการเสวยผลกรรมของแต่ละชั้นๆ
และเมื่อนั้นก็ต้องกลับมาเริ่มที่โลกมนุษย์ ซึ่งเป็นภพหลักแห่งการก่อบุญและบาปขึ้นครับ ..
ส่วนที่สงสัยต่อไปอีกว่า กรรม จะไม่หมดเหรอ? .. เบื้องต้น สวรรค์ นรก และภพภูมิในสถานที่นอกจากโลกแล้ว จะเป็นที่เสวยผลแห่งผลกรรมคือบุญและบาปครับ เพราะปกติแล้วในภพเหล่านั้นจะไม่สามารถสร้างบุญและบาปเพิ่มเองได้เพราะขาดปัจจัยคือขันธ์ห้าไม่ครบ
แต่เมื่อลงมาอาศัยภพในโลกแล้ว ขึ้นชื่อว่าหยุดทำกรรม ไม่มี .. เพราะเหตุแห่งอวิชชายังมีอยู่ในจิตใจ จึงเป็นตัวผลักดันให้ก่อกรรมขึ้น ดังนั้น ที่สุดของกรรมจะหมด ย่อมไม่มีในสัตว์โลกที่ยังต้องเวียนวายตายเกิด เพราะเหตุคืออวิชชายังมีอยู่ (ซึ่งเป็นได้ทั้งทำบาปและหลงบุญเพื่อให้อยู่ในสงสารวัฏต่อไปไม่สิ้นสุด) -
ก็ตนนั้นทำกรรมมาเกือบทุกชนิดนับไม่ถ้วนประมาณไม่ได้เช่นนี้ ผลก็ย่อมมีนับไม่ถ้วนประมาณไม่ได้สอดคล้องตามกันมาเช่นกัน..
จึงพากันตายและเกิดในภพภูมิต่างๆตามอำนาจตัณหาและบุญ/บาปเหล่านั้น วนอยู่ในวัฏฏะตลอดกาลนาน..
ถ้าว่า สามารถบรรลุพระสดาบันได้แล้วไซร้ เธอผู้นั้นย่อมเวียนเกิดอีกไม่เกิน๗ชาติ และเกิดเฉพาะในสุคติภูมิเท่านั้น..ด้วยอำนาจของการที่เธอสามารถประหารหรือทำลายกิเลสคือ สักกายาทิฐิ วิจิกิจฉา
สีลพตปรามาส เธอย่อมมีปรกติบริบูรณ์ด้วยศีลเสมอเป็นต้น ...ก็คนมีศีลดีเยี่ยมเยี่ยงนี้จะไปทุคติอบายได้ย่อมไม่มีเหตุผลและไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้เลย..
ส่วนผู้ที่ไปนรกอบายหรือสวรรค์ มนุษย์ภูมิก็มีโอกาสแล่นไปมาแสวงหาสลับสับเปลี่ยนภูมิต่างๆตามที่ตัณหาและกรรมที่ทำไว้เป็นอนันต์(infinity)ในสังสารวัฏ ที่หาเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้นั่นแล..
พระพุทศาสนาเป็น"ศาสนาเดียว"ที่สอนให้มีปัญญา และผู้ที่จะได้ปัญญาเช่นนี้ย่อมต้องมาจากการได้สดับศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้เท่านั้น..ไม่มีใครคิดเอาเองได้เพราะไม่ใช่วิสัยของปุถุชน แต่เป็นพระวิสัยแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแลพระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น...ความลังเลสงสัยในเรื่องกรรมและความเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)ย่อมถูกละได้เมื่อได้ศึกษาพระธรรม..ปัญญาที่ได้จะเป็นอุปนิสสัยให้พ้นความหลงได้ในระยะอันยาวไกลในสังสารวัฏ ขอให้เร่งขวนขวายเถิดเพราะเวลานี้ จวนจะหมดเวลาเเห่งการตั้งอยู่ของพระธรรมของพระบรมศาสดาแล้ว .. -
กรรม เป็นตัวกำหนด
บุญ บารมี ไม่ได้หมด
ให้ลองสังเกตคำว่า วาระ ครับ ยากเหมือนกันกับการอธิบาย
วาระ จะเกี่ยวเนื่องกับความถูกต้อง เหมาะสม
เช่น วาระนี้ จิตนี้ จะมีชีวิตไปตามกรรมของเค้า ก็ยังกลับมาลงที่ กรรม อีก
ป ล ไม่เกี่ยวกับคำถาม ลองเปลี่ยนมาฝึก กสิณน้ำสิ ดีแน่ -
ตอนวัยรุ่น ก็สงสัยเช่นนี้แหละน่ะ
บางอย่างหาคำตอบได้ก็เชื่อด้วยปัญญาพิจารณาของตัวเอง
แต่มันก็ไม่จบ มันก็สงสัยเรื่องใหม่เรื่อยไปอีก ศึกษาเองบ้าง ถามอาจารย์ผู้รู้บ้าง ถ้ามันยังไม่เจอจุดสว่างของเรามันก็ยังสงสัยอยู่อีกนั่นแหละ สงสัยเรื่องโน้น สงสัยเรื่องนี้ มีแต่เรื่องนอกตัวทั้งนั้น เลยกลายเป็นแค่สงสัยขาดการปฏิบัติ ศึกษาแต่ในตำรา ยิ่งสมัยนี้ข้อมูลทางเว็บเยอะมาก ตรงบ้าง โค้งบ้าง คนล่ะทิศล่ะทางบ้าง
ต่อให้พระอรหันต์หรือแม้ว่าพระพุทธเจ้ามาบอกมาชี้แนวทาง แต่ถ้าท่านไม่ปฏิบัติ
ขยันปฏิบัติแต่ไม่ตรง ท่านก็ไม่มีทางที่จะหายสงสัยเช่นนั้น เช่นนี้อยู่ เหมือนวลีที่ว่า ใกล้อาตมา แต่ไม่เห็นอาตมา..
ปฏิบัติให้ตรง และให้สม่ำเสมอ ความสงสัยจะลดลงตามลำดับปัญญาของท่านเอง
ขอให้ทุกท่านจงเจริญในธรรม... -
-
-
หลักกรรมและการเวียนว่ายตายเกิด - YouTube
หลักกรรม & เวียนว่ายฯ - YouTube -
ถ้าบรรลุโสดาบัน ก็ปิดประตูอบายภูมิ ตั้งแต่สัตว์เดรัจฉานลงไปได้เลยครับ จะเกิดตั้งแต่เทวดาขึ้นไป... ส่วนที่ว่าตายแล้วจะไปเกิดที่ภพภูมิไหน อยู่ที่จิตสุดท้ายก่อนตาย
.
ถ้าทำบุญมากมายแต่สุดท้าย คิดอกุศล ก็ไปอบายได้.. ถ้าทำเลวมากแต่ก่อนตายคิดกุศล ก็ไปสุคติภูมิได้.. แต่ ยกเว้น พระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จะไปลงอบายภูมิแล้ว และพระโสดาบันจะเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติก็จะนิพพาน ส่วน พระอรหันต์ ท่านหมดภพชาติ หมดสิ้นกิเลสตันหา อวิชชา ไม่มีแล้ว ไม่หลงเหลือความทุกข์อีกต่อไป ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป เหมือนกับคนที่ อิ่ม ไม่มีวันทุกข์จากความหิว.. หรือมีความสุขสบาย ไม่มีทางป่วย แก่ เจ็บ ตาย อีกต่อไป
.
จิตดวงสุดท้ายสำคัญ จึงต้องฝึก สติ สมาธิ ให้เข้มแข็ง ครับ -
อาจจะอยู่ที่เดิมต่อ ขึ้นไปสูงกว่าหรือลงมาต่ำกว่า หรือไปโลกมนุษย์ หรือนรกก็ได้ ตามวาระกรรม ถ้าอยากรุ้ก็มาปฏิบัติธรรมให้แจ้ง จะได้ตรวจสอบได้