มีแต่อวิชชาและทุกข์แต่ไม่มีผู้ยึด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 4 พฤศจิกายน 2021.

  1. ละอองไฟ

    ละอองไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    2,469
    ค่าพลัง:
    +1,398
    พระพุทธเจ้า
    คือผู้ตรัสรู้ทศพลญาณสัพพัญญู

    พระธรรมก็คือพระไตรปฏิฏก
    84,000พระธรรมขรรค์

    พระอริยสงฆ์ก็คือพระสาวก
    นับตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
    จนถึงพระอรหันต์ครับ
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ค้นกูเกิ้ลยิ่งมากยิ่งเข้าใจ
    แต่ความลึกซึ้งที่มากกว่านี้จากกูเกิ้ล
    จะมีอีกมั้ย.. ลองค้นดู
     
  3. ละอองไฟ

    ละอองไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    2,469
    ค่าพลัง:
    +1,398
    พระรัตนตรัยคือแก้วสามประการ
    ตรัยแปลว่าหนึ่งเดียวหรือครับ
    ตื้นๆให้เข้าใจก่อน
    แล้วค่อยลึก
     
  4. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    .
    นู๋ว่าพวกโดนแบน เขาไม่ซีหรอก ถ้าซีจะเล่นต่อให้โดนแบนเรอะ

    ถ้าทู้ปกติๆ พวกนี้เขาก็ตอบดี ตอบปกติ

    ถ้าคุ้นๆ ไอดี ก็คุยแบบกอดคอกัน ถ้าหมั่นไส้ก็กอดคอตีเข่าแม่ม

    คนนึงพูดสภาวะนิพพาน อีกคนพูดจิตอวิชชา ถ้าไม่ขัดแย้งกันสิ จะแปลก

    แม้แต่ลุงก็ยังไม่รู้สภาวะนั้นจริงๆ เลย นู๋ถึงว่ามันลึกลับ ลึกลับสำหรับคนยังไม่เจอ แต่ไม่ลึกลับสำหรับคนที่เจอแล้ว

    นู๋ว่าห้องนี้มันดีอย่าง มีคนพูดคุยกัน และคุยแบบไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน ห้องอื่นไม่ค่อยเป็นแบบนี้
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ห้องนี้ค่อนข้างจะมุ่งมั่นต่อมรรคผล
    นิพพาน
    แต่ไปโฟกัสที่ใช่ หรือไม่ใช่ ทั้งที่ตัวเอง
    ก็ยังสงสัย
    ในตัวเองว่า" มันใช่รึเปล่าวะ" 55
    แทนที่จะไปโฟกัสในเรื่อง
    การเลิกยึดถืออัตตา
    ตัวตน(สักกายทิฏฐิ)มีเขามีเรามีสัตว์
    บุคคล
    ถ้าพบวิธีละ)(ปล่อยวาง)กายละจิตได้
    ก็คือ
    เข้าได้ชำระค่าผ่านทางด่านแรก
    จากนั้นก็มุ่งตรงไปผ่านด่านต่อๆไป
    ส่วนใหญ่จะมาใช้เวลาในถกเถียงกันใน
    เรื่องทางเข้ามอเตอร์ด่านแรก
    ส่วนคนที่จ่ายค่าผ่านทางไปแล้ว เค้าก็
    ไม่มีข้อถกเถียงกับใครในเรื่อง "ทางเข้า"
    มอเตอร์เวย์
    คิดแค่ว่าจะเอาเร็วแค่ไหนให้ถึง
    จุดหมายปลายทาง
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ฉะนั้น จงรีบตกลงปลงใจว่าจะเลือกเส้นทาง
    ไหนจึงจะไปเจอด่านแรก
    (จ่ายค่าผ่านทาง) ของมอเตอร์เวย์
    เพื่อจะได้เร่งความเร็วไปสู่จุดหมาย
    ปลายทาง
     
  7. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    สภาวะที่ไม่มีผู้ยึดกาย ไม่มีผู้ยึดจิต ไม่มีผู้ยึดนิพพาน นั่นแหล่ะสภาวะนิพพาน
    หมายความว่า จิต(อวิชชา)มันทำให้มีสังขารคือ1.มีกายสังขาร 2.มีจิตสังขาร(จิตโง่)
    และ 3.มีทุกข์
    ฉะนั้น เมื่อเข้าใจอย่างชัดเจนว่า
    1.กายคืออะไรอย่าชัดเจนละเอียดยิบ
    2.จิต คืออะไร อย่างชัดจนละเอียดยิบ
    3.ทุกข์คืออะไรอย่างละเอียดยิบ
    ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เกิดดับ ตามธรรมชาติ
    แต่เราต้องทำความเข้าใจความจริง
    ของสิ่งเหล่านั้ยอย่างละเอียดยิบ
    ผู้ยึดมั่น(เรา)จึงจะหายไป
     
  8. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    ถ้านิพพานโดยความคิด ความเข้าใจ คนหมื่นแสนล้านนิพพานกันหมดแร้ว

    ที่ลุงพยามหาฟังคนโน้นคนนี้ นั่นแหล่ะความเพียร นั่นแหล่ะการสร้างเหตุ (อัตตา) ซึ่งเป็นอำนาจอวิชชา

    ถ้าสภาวะนิพพานนะ - กรรมฐานสักกองก็ไม่มีที่มัน ดูลม รู้ลม รักษาผู้รู้ การหาฟัง หรือทำอะไรๆ ขึ้นมา ก็ไม่มี ณ สภาวะนั้น นี่แหล่ะที่มันไม่สร้างเหตุ ก็เลยไม่มีผลที่มัน

    หรือเกิดผัสสะ แล้วมีการตั้งขึ้นของอวิชชา นี่ก็อำนาจของมัน (มีผัสสะคือเหตุ จึงเกิดการตั้งขึ้นของผู้รู้คือผล) ไฟเย็นอะไรแบบนี้บางทีเราก็นึกไม่ถึง

    ลุงเนี่ยะกลัวความเพียร คือจงกรม สมาธิ สมถะ กองโน้นกองนี้ แต่ไม่กลัวเจตนาที่จะรู้ผลไปก่อน ซึ่งมันกลับด้านกับพระอริยะมากๆ

    ถ้าจะบอกการทำความเพียรคือมิจฉา ควรฟัง ลพ.พุธ มิจฉาสมาธิคือ เอาสมาธิไปใช้เพื่อการหลวกลวงเงินชาวบ้าน เปิดดูหมอ อะไรแบบนั้น ถ้าเอามาเป็นบาตรเจริญวิปัสสนามันไม่มีปัญหาหรอก การฝึกพวกนี้มันไม่ช้า เร็วมาก ยิ่งฝึกไปเรื่อยๆ ยิ่งง่าย
     
  9. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ลุงแมวต้องมีสมาธิแหล่ะ ถ้าไม่มีสมาธิ
    เอาเลยจะเอาความเข้าใจ เรื่องจิต(นามธรรม) มาได้ยังงัย
    ฟังการบรรยายวิปัสนามันต้องใช้ความเข้าใจ
    ค่อนข้างละเอียดอ่อน
    ไม่มีสมาธิเลยเข้าใจ นามธรรมไม่ได้
    หรอกฮับ
    ดังนั้น คนส่วนหนึ่งจึงต้องฝึกสมาธิเพื่อ
    ให้จิตตั้งมั่นนานๆ จนเป็นฌาณ และมีความสุขจากการเสพฌานได้
    แต่หากจะเอาปัญญาก็ต้องถอนออกมา
    อยู่ระดับสติสัมปชัญญะเพื่อพิจารณา
    ธรรมเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
    ในรูปขันธ์ นามขันธ์
    อยู่ดี
    ลุงแมวลุ้นแค่โซดา ขอเพียงละกาย
    กับจิต ในเบื้องต้นก่อนแต่ที่สุดแห่งธรรมก็แค่ซ้อมความรู้ความเข้าใจไปพลางๆ
    ฮับ
     
  10. ปวีรัศม์ชา

    ปวีรัศม์ชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2020
    โพสต์:
    703
    ค่าพลัง:
    +642
    เมื่อก่อนนู๋ก้อฝึกวนรูป-นาม ไปเรื่อยๆ แล้วมาเริ่มเอ่ะใจ ทำไมจิตละกายออกเยอะมากประมาณ 70% ละนามออก30% เอง วนๆ รูป-นามอยู่นั่น ก้อถึงบางอ้อว่า เราเอาจิตแนบอายตนะ(รูป) มั่ง นามมั่ง อวิชชาเลยวน ทำตามคำสั่งที่เราป้อนมันนี่เอง

    ก็เลยไปอ่าน ลพ.เทียน ท่านบอกให้ดูจิต แต่ดูตรงกลางระหว่างผู้รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้ แล้วอย่าสนใจ นี่โลภ นี่โกรธ นี่หลง ให้สนใจจิตให้เป็นความรู้สึกตัวบริสุทธิ์เฉยๆ ให้สนใจแค่ความหมาย"สักว่าเฉยๆ"ชั้นนี้ ไม่ต้องไปขั้นรูป-นามแล้ว (ที่คอยเอาจิตไปแตะอายตนะ ให้รู้สักว่า ที่จิตทั้งหมด )

    ไม่เกิน3 เดือน จิตออกไปแตะขอบฟ้า เข้าเซฟโซนได้เลย เร็วแบบไม่ติดไฟเขียวไฟแดงอย่าง ลพ.เทียนท่านว่าจริงๆ (แต่นู๋รู้คุณสมบัติจิตอวิชชาด้วย เลยรู้ว่า ธรรมพระพุทธเจ้า สอนจิตอวิชชา)
     
  11. ภารดาทิวาโจ

    ภารดาทิวาโจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2021
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +26
    ขอสักหน่อยแล้วกัน คงจะไม่เสียสัจจะวาจามากเท่าไรนัก5555 พอดีแอร์เสีย รอช่าง รอเคลม(ประกัน)ไม่รู้ทำอะไร เลยมาเขียนเล่นๆสักหน่อย:D

    เมื่อวานถูกใจคำพูดของหมูปิ้ง ที่เขียนเอาไว้ในทำนอง การบรรลุธรรมแต่ละคนมันมี"เหตุ"หลากหลายวิธี ไม่ใช่ว่าเท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า เช่นมีแม้กระทั่งใคร่ครวญธรรมมากๆ ถึงแม้ตายไม่ได้อะไร แต่ไปสวรรค์รำลึกบทแห่งธรรมที่เคยใคร่ครวญได้เอง ก็บรรลุธรรมที่สวรรค์ชั้นนั้น ๆ เรื่องราวแบบนี้มันอจิญไตย พญากรณ์ให้ใครไม่ได้(นี่ท่าทางวัดพุทธวจนะ ไม่เอาธรรมแบบนี้มาเผยแพร่ เราก็ไม่เคยรู้ว่าในพระไตรปิฏกมีเรื่องบันทึกไว้แบบนี้ ต้องให้เครดิต)
    (ซึ่งเรื่องนี้ตัวผมเองเคยหัวเสียในบอร์ดนี้ไปแล้ว ที่เท่านี้ใช่ อย่างอื่นปล่าว(ห้ามกล่าว) แต่มันคืออดีตไปแล้ว และก็ด่าไปแระ 555 เรื่องมันผ่านเป็นอดีตไปละ)

    แต่ทีนี้มาเข้าเรื่องของลุงแมว ผมอยากให้ตั้งข้อสังเกตุดังนี้นะ เรื่อง "แต่หากจะเอาปัญญาก็ต้องถอนออกมา
    อยู่ระดับสติสัมปชัญญะเพื่อพิจารณา"


    คือตัวนี้มันอยู่ในหมวด "ใคร่ครวญธรรม" เหมือนที่ผมยกตัวอย่างไปในย่อหน้าแรกหรือไม่ หรือต่างกันตรงไหน
    หรือ อาจจะพูดไปถึง อานิสงค์ของ อนิจจสัญญาแม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือ ของ เวลามสูตร (จิ้มไปอ่านได้)
    ในสูตรนี้ ก็ไม่ได้ไปผูกโยงกับการทำสมาธิแต่อย่างใด อันนี้ควรจะเป็นข้อสังเกตุ และการทบทวนการปฏิบัติ ของนักภาวนาทั้งหลายหรือไม่อย่างไร

    หากจะพูดถึงปัญญา มันควรจะผูกไปถึงคำว่า ญาณ ด้วยไหม รวมกันเป็น ปัญญาญาณ ซึ่งถ้ามีคำว่าญาณเข้ามาเกี่ยว ก็จะเข้าทำนอง ควบคุม และ บังคับบัญชา ไม่ได้ไปเสียแล้ว อยากเกิดมันเกิดเอง

    ดังนั้นสรุปทบทวนที่อ่านกันอีกรอบ สมถะ ส่วนหนึ่ง ใคร่ครวญธรรม ส่วนหนึ่ง ปัญญา(ญาณ) ก็อีกส่วนหนึ่งที่เกิดมาเอง

    แต่ถ้าจะกล่าวว่า หลีกลี้ไปสู่วิเวก ไม่มีเพื่อนสอง ทำสมถะ "จนเกิดปัญญาขึ้นมา" ตรงนี้น่าจะฟังแล้วตรงทางกว่าหรือไม่ อย่างไร (ปัญญาที่เกิด จะญาณ หรือ วิปัสสนึก ก็ค่อยไปว่ากันอีกที)
    ญาณตรงนี้ถ้าเกิดมันก็จะรู้ได้เอง เพราะมันเป็นเรื่องอจิญไตยไปละ เกินข้อความใดๆจะบรรยายให้ลึกซึ้ง


    เขียนลอยๆ พยายามกระทบกระทั่งให้น้อยแระ ไม่ได้อยากถก อภิปรัชญาเท่าไร ระหว่างรอช่างแอร์ 55555:cool::D
     
  12. ภารดาทิวาโจ

    ภารดาทิวาโจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2021
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +26
    ดังนั้นตรงนี้ผมจะสรุปอีกรอบก็คือ

    ยกตัวอย่างนะ พระพุทธองค์ให้พระอานนท์ ไปเร่งความเพียร (หรือแม้แต่สาวกท่านอื่นๆก็เถอะ)
    (ตัวอย่างนี้คือ สายเร่ง นะครับ ไม่ใช่สายชิล หรือสายบุญเก่าหนักบรรลุแบบงงๆ จากเหตุทีแตกต่าง)

    คำว่าเร่งความเพียร คงไม่ได้หมายถึงว่า ให้ถอนจากสมาธิแล้วมาพิจารณา(อุธัจจะ)เยอะๆใช่ไหมครับ
    เมื่อเร่งความเพียร ทำสมาธิ ปัญญา(ญาณ) ก็มาเองแบบบังคับบัญชาไม่ได้ แล้วก็จบกิจกันไปตามอินทรีอริยะขั้นไหนหรืออินทรีไม่ถึง ญาณก็ไม่มา(ตอนที่พระอานนท์ นั่งท้อ)

    ดังนั้นถ้าจะพิจารณา ไม่ต้องรอทำสมาธิแล้วถอยมาพิจารณา ตรงๆไปที่ เวลามสูตร อนิจจสัญญาชั่วลัดนิ้วมือในแต่ละวัน พระพุทธองค์ก็สรรเสริญแล้วว่ายอดประเสริฐ
    แต่ทำสมาธิแล้ว จะพิจารณาก็ประเสริฐครับ ทำได้ไม่ใช่ไม่ดี ทำความดีมันดีทั้งนั้น แต่มันไม่ใช่ตัวปัญญาญาณ ตัวนั้นก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าจะพิจารณาธรรม มันทำได้ทั้งวัน ชั่วลัดนิ้วมือต่อวันก็ได้ ดีกว่าไม่ทำ

    ที่ผมจะกล่าวก็คือ เวลาทำสมถะ แล้วญาณมันไม่มาดั่งใจนึก(พระอานนท์นั่งท้อ) ไม่ใช่ว่าทำสมถะไปแล้วมันผิดทาง
    ไม่ใช่เลย เหตุปัจจัยมันยังไม่พร้อม เพียงเท่านั้น อย่าวัยรุ่นใจร้อนก็พอ เพราะบทจะคลิก ก็มากันตอนไม่ได้ตั้งใจไม่ได้คาดหวังกันทั้งนั้น(ตามตัวอย่างในพระไตร เช่นพระอานนท์นั่งท้อ)

    โชคดีที่แอร์มาเสียหน้าหนาว:D:D:D
     
  13. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    เร่งความเพียร คือเร่งละรูปขันธ์
    ละนามขันธ์5
    ละสิ่งปรุงแต่งทั้งหลายที่เป็น
    ทุกขสมุทยปัจจัย หรือปัจจัยจัยให้
    ทุกขํเกืด
    อันเป็นที่มาของกิเลส
    อนุสัยอย่างเร่งด่วน.ให้ ครบ 100 %
    คับ เร่งวาง ไม่ใช่เร่ง ครอบครอง
     
  14. ภารดาทิวาโจ

    ภารดาทิวาโจ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2021
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +26
    นั่นละครับ ตทังคปหาน ไปก่อน ถ้าสมุทเฉทปหาน ยังไม่เกิด
    ภิกษุ ผู้ที่ตทังคปหาน ได้ ยังน่าศรัทธา กราบไหว้ มากกว่าภิกษุผู้ฟุ้งซ่าน ไลฟ์สด พูดเพ้อเจ้อ

    เมื่อตทังคปหานได้ กิเลศอ่อน ควรแก่งาน ถ้าจะใคร่ครวญต่อธรรม ย่อมเอื้อแก่สมุทเฉทปหาน มากกว่าภิกษุผู้ฟุ้งซ่าน (ภาษีดีกว่า ในแง่ความเพียรเกิดขึ้นแล้ว)

    ซึ่งก็วกกลับไป ที่ว่า ทำสมถะ ไม่ใช่ญาณยังไม่เกิด ก็บอกผิดทาง เอาแค่ ตทังคปหาน ความงดงามเบื้องต้นก็เกิดแล้ว มักน้อยไปก่อน ส่วนที่บังคับบัญชาไม่ได้ ถ้าจะเกิดมันเกิดเอง(แต่ต้องมีเหตุพอด้วยนะ)

    :D:D
     
  15. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    มีกลางวัน ก็มีกลางคืน
    ก็มีโลกที่เป็นเครื่องกั้น ให้เกิดแสงและเงา
    แล้วแบ่งตามสมมุติโลกเป็นช่วงกลางวันกลางคืน

    มีช่วงตื่น มีช่วงหลับ
    ก็มีร่างกายหยาบที่เป็นเครื่องกั้นให้เกิดนิวรณ์ 5
    แล้วก็แบ่งตามสมมุติ เช้าตื่นไปทำอะไรบลาๆๆ
    ตกมืดหลับปุ๋ย แต่กิเลส ตัณหา ก็ยังทำงานอยู่
    ไม่งั้นคงไม่มีการฝันเปียกเกิดขึ้น

    วิปัสสนาก็ช้วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    สมถะก็ช้วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


    จากช่วงมืดที่ทางโลกเขานิยมชมชอบกัน
    ปี้กันเสร็จก็เข้านอนหรือไม่ก็นอนเลย
    ก็เปลี่ยนมาเป็นพักในสมถะ
    ซึ่งเป็นการพักที่มีความเพียรอยู่
    ที่จะออกจากนิวรณ์5
    ตื่นมาให้ทำอะไรบลาๆๆ
    นิวรณ์5 ก็มีโอกาสได้เล่นงานได้น้อยลง
    ตลอด 24 ชม เหตุที่เกื้อหนุน
    ธรรมที่เป็นอกาลิโก ไม่มีกลางวัน ไม่มีกลางคืน
    ธรรมที่เป็นไปเพื่อพ้นโลกที่เป็นบ่อเกิดโรคสาระพัด
    ธรรมที่เป็นไปเพื่อพ้นกายที่เป็นบ่อเกิดโรคสาระพัด
    มันก็มีเหตุปัจจัยที่สนับสนุนเพิ่มมากขึ้น
     
  16. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
  17. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    หากจะมีเส้นทางลัดที่ไวกว่าชาวบ้านชาวช่องจริง
    ก็คือเพียรมากกว่าชาวบ้านชาวช่องเขา
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    ถ้าไม่มีผู้ยึดอวิชชาและทุกข์จะมี
    ได้ยังงัย
    แต่เพราะมีอัตตาตัวตน(ผู้ยึด)นี่แหล่ะ
    ทุกอย่างมันจึงมี ดีกว่าเขาบ้าง
    ด้อยกว่าเขา
    เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ (มันเป็นไปยังงั้น ฮา)
     
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,293
    ค่าพลัง:
    +12,622
    มันเป็นความจริงตามธรรมชาติ
    ของสิ่งเกิด
    ดับ(ทุกข์)ในจักรวาล ไม่ว่าจะเป็น
    ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์น้อย
    เทหวัตถุต่างๆ อุกาบาต
    สัตว์ใหญ่สัตว์น้อย
    ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ไม่ว่าจะมีใครไปส่องรายละเอียด
    ทางกายภาพมันหรือไม่ก็ตาม
    มันย่อมเกิดมาเพื่อแตกดับตาม
    ธรรมชาติ(ธรรมะ)
    ส่วนเรื่องปี้ ลุงแมวลืมรายละเอียด
    ไปแล้ว เพราะเป็นธรรมชาติที่
    ปั่นสังสารวัฏให้ยาวออกไป คับ
     
  20. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,868
    การรู้ลม ดูลม หรือจะสวดมนต์
    มันมีเจตนา ที่ยังมีอาสวะให้ผลเป็นวิบาก
    แต่วิบากนี้หละที่จะมาสนับสนุนในเบื้องหน้า

    เวลาเข้ามาดู มันก็มีเจตนาที่ส่อมาจากผู้ดู
    ที่เนียนมากับความธรรมชาตินี้หละ
    ใช่จะมีแต่อนัตตาถ่ายเดียวไร้อัตตา

    16BB6698-4FB8-4185-82E4-3D607A457B67.jpeg

    พระอนาคามีก็ยังมีมานะ
    หากปุถุชนจะมีมานะนี้ไม่แปลก
    มันจะเริ่มแปลกๆหากไม่มีมานะตั้งแต่ปุถุชน
     

แชร์หน้านี้

Loading...