คือ ทำไมบางทีคนเราก็อยากรู้อะไรหลาย ๆ เรื่อง แต่เรื่องบางเรื่องเราก็ไม่อาจรู้ได้ ก็เลยคิด หาเหตุหาผล หาโน่น หานี่ ทำให้สับสนไปหมด พยายามปล่อยวางแล้วแต่ก็ทำไม่ได้อ่าค่ะ มันคาใจ คือมันเก็บมาคิดทุก 2 นาทีเลย ฟุ้งซ่านมาก คือนั่งสมาธิก้ไม่สงบค่ะ พยายามทำให้ได้วันละ ชม. แต่ก็เป็นเหมือนเดิมไม่ทราบว่าจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไรคะ?? ขอบคุณค่ะ
รบกวนถามหน่อยค่ะ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย raycharlotte, 19 เมษายน 2012.
-
-
จริงๆมันก็คือความฟุ้งซ่านแห่งจิตนั้นหละครับ....ถ้าคุณทำสมาธิแล้วเอาไม่อยู่มันยังคิดอยู่...ก็มีวิธีไม่ยากหละครับ....กอดคอมันไว้ความคิดนั่นหละ....เปรียบความคิดเหมือนม้า เมื่อม้ามันพยศแรงมันเยอะปล่อยมันวิ่งไปครับ.....เราเป็นเพียงคนที่กอดคอมันไว้ เมื่อมันหมดแรง เราค่อยควบคุมมัน.....กล่าวคือ....คุณให้สติตามรู้ความคิด รู้ไปเฉยๆ คุณจะไม่เป็นผู้ไปประพันธ์ความคิดนั้นต่อไป มันอยากคิดปล่อยมันคิด แต่เราไม่แต่งต่อเติมความคิดนั้น เราเพียงแค่รู้ว่าเราคิด คิดอยู่รู้ว่าคิดอยู่ รู้ไปตรงๆอย่างนี้หละครับ ใหม่ๆมันอาจจับยากหน่อยไม่เป็นไร ค่อยๆทำไป ความคิดเรื่องต่อเรื่องผ่านเข้ามาในหัว ปล่อยมัน เราเพียงแค่รู้ ไม่นานคุณก็จะสามารถควบคุมได้.....
-
ตั้งแต่เกิดมา อย่าหายใจ ทิ้งเปล่าๆ
การทำ สมาธิ ยืน เดิน นั่ง นอน
ไม่ใช่ว่า จะทำ สมาธิ ต้อง กำหนด เวลา ทำวันละ 1 ชม
ถ้า ทำวันละ 1 ชม 7 วัน ทำได้ 7 ชม
กับอีกคนนึง ทำ สมาธิ ตลอด ที่ หายใจ เข้า ออก ทำ สมาธิ ทั้งวัน
ใน 1 วัน ก็ ทำ สมาธิ ได้ มากกว่า บางคนที่ใช้เวลา ทั้ง อาทิตย์ ทำสมาธิ
แนะนำว่า ให้ ฝึก ทำสมาธิ ตลอดเวลาที่มี สติ ครับ
จะช่วยให้ หาย ฟุ้งซ่าน ได้
ยืน เดิน นั่ง นอน ใน 1 วัน เอามา ทำสมาธิ แทนการคิด ฟุ้งซ่าน ครับ -
อนุโมทนา ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ :) ตอนตั้งกระทู้ยังคิดอยู่ แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว มันก็เป็นอย่างนี้อ่าค่ะ ขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ มันไม่มั่นคง
-
จำแนก และ ชี้โทษตนได้ว่า มี ความอยากหลากชนิด กุ้มรุมอยู่
คำว่า พยายามปล่อยวางแล้ว นี่ก็เป็น อยาก อีกตัวหนึ่ง ที่กุ้มรุมอยู่
คำว่า มันคาใจ นี่ก็เป็น อยาก อีกตัวหนึ่ง คนละตัวกับ พยายามปล่อยวาง
มันกุ้มรุมอยู่
แค่สองตัวนี้ ก็จะอุปมาไม่ต่าง หนีเสือ ปะจรเข้ แต่ อาจจะอุปมาใหม่
ยิ่งปล่อยวาง กลับ ยิ่งเหนียวติดมือ หรือ ยิ่งแก้ก็ยิ่งทวีความคาใจยิ่งยุ่ง
ที่ร้ายกว่านั้น
"นั่งสมาธิก้ไม่สงบค่ะ พยายามทำให้ได้วันละ ชม" เนี่ยะ ก็เป็นความอยาก
ไปตั้งเอาไว้ว่า ต้องได้ 1 ชม มันเลยผลิกไปเป็น อยาก อีกตัวหนึ่งที่มา
ปิดทางออกเอาไว้ด้วย ตบตาให้เราไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน สมาธิกลายเป็นสิ่งที่ถูกอยากครอบ
งำไปด้วย ทั้งๆที่ สมาธิจริงๆเนี่ยะ มันต้องพ้นไปจากอำนาจ กามฉันทะ
นิวรณ์
และ อะไรๆ ก็ไม่ร้ายเท่า "ก็เป็นเหมือนเดิมนั่นแหละ" หรือ "อยากให้ได้
อย่างเดิม" สองวลีนี้เหมือนกันคือ การแล่นไปเปรียบเทียบ โดน กามฉันทะ
นิวรณ์ไขว้ขวาตอกส้นเข้าประตูผ่านหน้าผากไปเลย
*****************
วิธีแก้ จึงง่ายมาก
คือ ให้พิจารณาสิ่งที่เป็นอยู่ใน ขณะนี้ว่า เหล่านี้คือ อาการ "กามฉันทะ
นิวรณ์ ล้วนๆ"
แล้วสำทับลงไปว่า ไม่มีทางที่เราจะเอา กามฉันทะนิวรณ์มาสร้างความเผลอ
เพลินเพื่อให้เราหลุดพ้นได้
ทีนี้ ที่ง่ายเนี่ยะ คือ กามฉันทะนิวรณ์เขามีอาหาร ไม่ใช่ไม่มีอาหาร
หรือ เขามีเหตุ ไม่ใช่ไม่มีเหตุ
เหตุของกามฉันทะนิวรณ์ ก็คือ สิ่งที่เรียกว่า "วัตถุกาม"
ไอ้ตรงวัตถกาม ตรงนี้จะยากที่จะชี้ เพราะ เป็นเรื่องของบุคคล คนๆนั้นโดย
เฉพาะ
อย่าง คนบางคน มี เรื่องผู้ชายคนนั้น เจ้านายคนนี้ เจ้าหนี้คนนั้น เจ้าผัว
ตัวนี้ เจ้าเมียนางนั้น
หรือ มีทรัพย์อันนั้น มีรถคันนี้ มีตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ มีอาหารรสดีอย่างนี้
มีการสรรเสริญอย่างนั้น มีการนินทาอย่างนี้
เนี่ยะ "วัตถุกาม" บางอย่างเป็น รูปธรรม บางอย่าง เป็น นามธรรม
เราต้อง พิจารณาเห็น วัตถุกาม ที่เป็น ผัสสะ ที่เป็นเชื้อ แล้ว เพ่งเล็ง
เฉพาะวัตถุกามตัวนั้นๆ อย่าให้มันชักนำเราไปสู่ การปฏิบัติใดๆ เพื่อพ้น
ให้ยกพิจารณา ทำความเข้าใจ ถึงธรรมชาติของการมีเหตุ มีวัตถุกาม
แล้วมันทำให้เป็นเชื้อ เกิดกามฉันทะนิวรณ์ เมื่อเกิดกามฉันทะนิวรณ์
หากเราเข้าใจผิดว่า มันจะนำพาเราให้พ้นภพ ชาติ ก็เห็นตามไปเลยว่า
มันทำกับคุณร้ายขนาดไหน !?
แล้ว อุบายนำออก ที่อยู่ในธรรมวินัยนี้ มีไหม
เนี่ยะ พอตรึกมาถึงจุดนี้ อย่างน้อยจิตใจคุณจะพิจารณาหนทางปฏิบัติ
ที่เป็นทางสายกลางได้ ไม่มากก็น้อย
***************
สมมตินะสมมติ สมมติว่า ต้องการนั่งสมาธิให้ได้ 1 ชม แล้วเราพิจารณา
ได้ว่า ที่ต้อง 1 ชม เพราะ ....... เนียะ หากมันมีอะไรแอบแฝงอยู่ใน
เงื่อน 1ชม เราก็ยกเลยว่า 1ชม นี่แหละคือ วัตถุกาม
ดังนั้น เรานั่งสมาธิเลย แล้วอย่าให้ 1ชม มาหยอกล้อเราเด็ดขาด แล้ว
จะพบเลยว่า จริงๆ เรานั่งสมาธิได้เยอะมาก 1 นาทีนี้ เดี๋ยวเรานั่ง เดี๋ยว
เราลืม
คนภาวนาเก่งๆนะ เขาจะเห็นเลยว่า จิตตั้งมั่นในช่วงเวลาผลิกฝ่ามือ จะ
สามารถมีจิตที่เป็น สมาธิได้ แสนโกฏิขณะ
แต่ถ้าภาวนาไม่เก่งนะ เราจะเผลอนับเป็นนาที เป็นชั่วโมง โดนกิเลสหรอก
ทันที -
ในทางการแพทย์ ถือว่า หัวใจทำงานโดยอัตโนมัติ แต่ความจริงแล้ว การทำงานของหัวใจบางอย่างบางส่วนอยู่ภายใต้อำนาจของจิตใจหรือภายใต้ของระบบประสาท
ถ้าคุณรู้จักควบคุมหัวใจได้ คุณก็ควบคุมความคิดได้ ที่คุณคิดเป็นเพราะความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นความต้องการที่อยากจะคิดของตัวคุณเอง คุณต้องแก้ไขด้วยตัวเองขอรับ -
ที่มันขึ้นๆลงๆ ก็เพราะว่ามันแสดงธรรมะ ของมันว่า มันมีความไม่เที่ยง เมื่อไปยึดถือก็เป็นทุกข์ และมันก็มีเสื่อมสลายของมันไป ตามเหตุปัจจัย....
อย่างนี้หละครับ ความเป็นปกตินะ..... -
พอกลุ้ม บางคนออกไปกินเหล้าเพื่อให้หายกลุ้ม
ผลก็คือ เหล้าขยายความกลุ้มให้เพิ่มขึ้น....
เมาเหล้าแล้วก็นั่งร้องไห้คนเดียว
สมาธิก็คือตัวขยายเหมือนกัน ทำให้สบาย
มันก็ขยายให้สบายมากขึ้น....
ถ้าวุ่นวาย แล้วมานั่งสมาธิ มันก็วุ่นวายมากขึ้น
เขาจึงบอกให้สวดมนต์ก่อน เป็นการเริ่มก่อนเข้าสู่
การทำจิตให้เป็นสมาธิของนักบวชทั้งหลาย....
ละลายจิตที่มีความคิดวุ่นวายทั้งวันออกไป
มีหลายวิธีที่่จะแก้ไขความวุ่นวายในใจได้
ก็คือการออกกำลังกาย เล่นกีฬา เล่นดนตรี ฯลฯ
ทำให้เหนื่อยกาย แล้วใจมันก็จะคลายความวุ่นวายได้.... -
ขอโทษนะครับ
ถ้าผมตำหนิคุณว่า คุณนี่โง่จริง ๆ
เรื่องที่คุณเก็บเอามาคิดทุก 2 นาที
อาจจะไม่ใช่เรื่องที่คุณคิดอยู่ก็ำได้ครับ
อาจจะเป็นเรื่องที่ผมตำหนิว่าคุณโง่แทนก็ได้ครับ
และอาจจะไม่ใช่ทุก 2 นาทีก็ได้อาจจะเป็นตลอดเวลา
เพราะอยู่ดีดีทำไมมาตำหนิกันว่าโง่
นี่ครับความคิดที่เราคิดแล้วหาทางออกไม่ได้
บางทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องสำคัญอะไร
เรื่องอื่นที่สำคัญอาจจะมีมากกว่านี้ก็ได้
อย่าไปให้ความสำคัญกับความคิดตรงนั้นมากครับ -
เมื่อต้องหาเหตุผลมาแก้ต่าง ความอยากรู้ในหลายๆสิ่งย่อมเกิดขึ้น
เมื่อนั้นความสงสัยจะทวีคูณอย่างไม่จบสิ้น
<TABLE style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px" class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR title="Post 6021357" vAlign=top><TD class=alt2 width=125 align=center>raycharlotte</TD><TD class=alt1>อนุโมทนา ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ :) ตอนตั้งกระทู้ยังคิดอยู่ แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว มันก็เป็นอย่างนี้อ่าค่ะ ขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้ มันไม่มั่นคง </TD></TR></TBODY></TABLE>
เมื่อเรามีสิ่งใหม่ให่สนใจ เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วย่อมลืมเลือน
เป็นเหตุให้จิตชะลอการนึกคิดในชั่วขณะ แต่หันไปสนใจสิ่งอื่นแทน
สาธุครับ -
วิธีป้องกันความฟุ้งซ่าน
วันนี้, 05:31 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: 0px; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align="right">#1 </TD></TR><TR valign="top"><TD style="BORDER-BOTTOM: 0px; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: 0px; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width="175">
tamsak
ทีมพระไตรปิฏก
วันที่สมัคร: Sep 2004
สถานที่: Bangkhen, Bangkok
อายุ: 48
ข้อความ: 7,756
พลังการให้คะแนน: 9070
</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_6023474 class=alt1><CENTER>วิธีป้องกันความฟุ้งซ่าน
</CENTER>
<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_0 onload="var i=this.id,s=window.google_iframe_oncopy,H=s&&s.handlers,h=H&&H,w=this.contentWindow,d;try{d=w.document}catch(e){}if(h&&d&&(!d.body||!d.body.firstChild)){if(h.call){i+='.call';setTimeout(h,0)}else if(h.match){i+='.nav';w.location.replace(h)}s.log&&s.log.push(i)</IFRAME></INS></INS>
ถาม: อย่างหนูไม่รู้ว่าชอบอะไร ไม่ต้องฝึกก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ: ไม่ต้องฝึก..? ได้จ้ะได้..แต่คราวนี้ลุงพุฒ ท่านจะตกลงหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ถ้าไม่มีอะไรเป็นเครื่องยึด โอกาสที่เราจะพลาดลงอบายภูมิมีมาก อย่างน้อยๆ จะต้องจับลมหายใจเข้าออกไว้เป็นเครื่องยึด
ลมหายใจเข้าออกป้องกันความฟุ้งซ่านได้ดีที่สุด ขณะที่จิตใจฟุ้งซ่านไปอารมณ์ที่อื่น ถ้าเราผูกอยู่กับลมหายใจเข้าออก ก็ไม่ไปหาความลำบากเดือดร้อนให้กับเรา ไม่อย่างนั้นก็พาให้เราคิดโน่นคิดนี่ พาให้เราทุกข์
ไปนั่งซ้อมทำทุกวันๆ เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าตัวเอง
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=3228
.
</TD></TR> -
คิดแบบโลภะ เป็นอกุศลวิตก ทำให้ติดข้องในอารมณ์
ไหนๆก็คิดแล้ว ก็น้อมไปทางกุศลวิตก คิดในเรื่องกุศล เรื่องกรรม เรื่องบุญทานเคยสั่งสมมา หรือคิดออกจากกามวิตกก็ได้ครับ
ไม่นานปิติจะเกิด
ไม่นานสติ สัมปชัญญะ เกิด
ไม่นาน ศรัทรา เกิด
ไม่นาน จะตั้งมั่นในอารมณ์
ก็กลับมารู้อารมณ์ที่กระทบอยู่ขณะนั้น ^^ -
ฝึกดับความคิดก่อนครับ.คือไม่ต้องคิด.ด้วยวิธีอะไรก็ได้ จะภาวนา หรือหาอะไรทำ หรืออะไรก็ได้ให้เน้นลงที่กายครับ..ไม่งั้นจะเป็นการเพิ่มกำลังให้เค้าโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ...