มีท่านผู้หนึ่งฝากให้ผมมาโพสถามท่านทั้งหลายเกี่ยวกับ
พุทธแบบเซน ที่คิดกันว่าสามารถบรรลุอรหันต์ในภพชาตินี้ ในทุกขณะ และ ไม่ใช่การสั่งสมบารมีแบบพุทธหินยาน โดยเนื้อแท้แล้วมีความเป็นไปได้ทั้งสองระบบเลยหรือไม่ในการเข้าถึงพระนิพพาน
ถ้าไม่แล้วทั้งสองระบบจะแตกต่างกันอย่างไรครับ
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่เข้ามาตอบนะครับ ^^ จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันครับ
รบกวนท่านผู้รู้ช่วยไขข้อสงสัยเรื่อง พุทธแบบหินยาน กับพุทธแบบเซน ด้วยครับ
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย illanzer, 5 มีนาคม 2012.
หน้า 1 ของ 2
-
ถ้าเค้าบรรลุเซน แสดงว่าคนที่รรลุได้สร้างบารมีจากอดียชาติมาแล้ว และเมื่อถึงวาระก็เลยส่งผลให้บรรลุได้ หลักการไม่ต่างกับหินยานนะเเหละ
-
ขอบคุณครับท่านวิหคอิสระ
-
พุทธเป็นสัจจธรรม แท้จริงแล้วไม่มีนิกาย
ผู้เข้าสู่มรรคผลย่อมมีศักยภาพทัดเทียมกันทุกชาติทุกศาสนา
หากอุปมาผู้ปฏิบัติธรรมเป็นดังเมล็ดข้าวเปลือกหลากหลายชนิดพันธุ์
การกระเทาะเปลือกข้าวและการทำข้าวให้สุกพร้อมรับประทานเป็น
เป็นการบำเพ็ญบารมี
ข้าวต้มเป็นสาวกภูมิ
ข้าวสวยเป็นปัจเจกภูมิ
ข้าวเหนียวเป็นพุทธภูมิ
อรหัตผลคือข้าวสุกพร้อมรับประทาน
ความต่างของธรรมเนียมปฏิบัติในแต่ละนิกาย อาจเปรียบได้กับวิธีกระเทาะเปลือกข้าวและวิธีหุงข้าว ซึ่งอาจต่างกันระหว่างชนิดพันธุ์และแตกต่างกันระหว่างข้าวเหนียว ข้าวสวย และข้าวต้ม
วิถีเซ็นและวิถีหินยานสำหรับ sun dog แล้วไม่ต่างกันเลย บำเพ็ญบารมีก็หนักเหมือนกัน ต้องกระเทาะเปลือกข้าวออกให้ถึงสัจจะเหมือนกัน จากนั้นก็จึงเอาข้าวใส่น้ำขึ้นตั้งไฟเผากิเลสสังโยชน์เหมือนกัน สามารถเข้าสู่อรหันต์ภูมิภายในเวลาที่เหมาะสมได้เช่นเดียวกัน ผู้ใดบำเพ็ญบารมีมากพอข้าวสุก ก็รับประทานได้เหมือนกันจ้า -
เซ็นมักกล่าวถึงเนื้อเมล็ดข้าวหรือ "จิตเดิมแท้" ให้ข้าวเปลือกฟังบ่อยๆ เพื่อให้ข้าวเปลือกตระหนักว่าข้างในตนมีเนื้อแท้สีขาว เช่นเดียวกับเมล็ดข้าวตัวอื่นๆไม่ต่างกันเลย และเมล็ดข้าวขาวๆนี้เองที่เมื่อนำไปตั้งไฟแล้วจะสุกพร้อมกินได้ทันที เมื่อข้าวเปลือกตระหนักถึงเนื้อแท้สีขาวและกระเทาะเปลือกตนเองออกมาจนสำเร็จแล้ว อาจารย์เซ็นจะถ่ายทอดวิธีตั้งตนเองไว้บนไฟให้เมล็ดข้าวได้นำไปทำตนให้สุกต่อไป
หินยานมักกล่าวถึงวิธีกระเทาะเปลือกข้าวให้ข้าวเปลือกฟังบ่อยๆ เพื่อให้ข้าวเปลือกตระหนักว่าต้องตนผ่านการทุบตีอย่างหนักเปลือกจึงจะหลุดออก อีกทั้งยังบอกข้าวเปลือกต่อไปอย่างชัดเจนถึงวิธีใส่น้ำตั้งไฟเพื่อให้ข้าวที่กระเทาะเปลือกออกแล้วไม่ลืมที่จะทำตนเองให้เป็นข้าวสุกต่อไป
บารมีจำเป็นในการทำข้าวเปลือกให้กลายเป็นข้าวสุกครับ -
เมล็ดข้าวที่กระเทาะเปลือกแล้วเปราะบางยิ่งนัก
หากไม่รีบนำมาตั้งไฟหุง อาจถูกแมลงเจาะได้
นึกว่าเมล็ดข้าวสุกแล้วนำมาขึ้นโต๊ะโดยยังไม่ได้หุง ก็กินไม่ได้
ครับ -
ลูกรัก
วิถีเซ็นที่เผยแพร่ตามสื่อต่างๆนั้น ส่วนใหญ่อาศัยสติปัญญาเป็นอุปกรณ์หลักในการกระเทาะเปลือกข้าว พระเซ็นจะมีโกอานหรือคำถามเฉพาะตัวที่ครูบาอาจารย์ท่านให้การบ้านไว้ ท่านจะใช้ทั้งชีวิตเอาธุระกับโกอานนั้นอย่างเต็มที่ ยืน เดิน นั่ง นอน ท่านจะพิจารณาหาคำตอบของคำถามนั้นอยู่ตลอดเวลา ทำอยู่อย่างนั้นไปพร้อมๆกับการหาบน้ำ กวาดลานวัด จัดการอาหาร ปรนนิบัติดูแลครูบาอาจารย์ สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งซาเซ็นก็ยังมี มีหลายครั้งที่ท่านถูกอาจารย์ฟาดหัวหรือไล่ตีโดยไม่ทราบสาเหตุ ทาน ศีล วิริยะ ขันติ ฯลฯ ของท่านก็เต็มขึ้นมาได้ด้วยกิจกรรมเหล่านี้ ไม่ได้แตกต่างจากพระหีนยานสักเท่าไรเลย -
คำกล่าวว่า "ศิษย์โง่เหมาะเรียนเซ็น" นั้น ไม่ได้หมายความว่า ห้ามคิด ห้ามใช้สติปัญญาเรียนเซ็น แต่หมายความว่า ผู้ไม่ฉลาดแกมโกง ไม่เล็งผลได้ผลเสียในการปฏิบัติ จึงเหมาะเรียนเซ็น เพราะกระเทาะเปลือกเข้าถึงเนื้อในเมล็ดข้าวได้โดยง่าย
หากมุ่งความสนใจไปในการวิเคราะห์รูปลักษณ์เปลือกข้าว หรือแยกข้าวเปลือกเป็นกลุ่มตามลักษณะเปลือกและเมล็ด เพื่อเลือกอุปกรณ์กระเทาะเปลือกอันเหมาะสมและชาญฉลาด เราอาจต้องลูบคลำเปลือกข้าวตลอดไป เพราะข้าวเปลือกที่วางไว้มีฝุ่นมีลมกระทบ เมื่อดูโดยละเอียดแล้วย่อมพบว่าเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆไม่รู้จบ
ที่ควรพูดน่าจะมีเพียงเท่านี้ ลาก่อนครับ -
พระพุทธองค์ก็บอกอยู่แล้ว ว่ายากขนาดไหนกว่าจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แถมยากยิ่งกว่าที่จะเกิดมาบริบูรณ์ครบไม่เสียสติบ้าใบ้ และยากยิ่งกว่านั้นคือได้พบ ได้ทัน ได้รู้ พระพุทธศาสนา
สำหรับเรานะถือว่าคนที่ได้เกิดมาทุกคนมีบารมีเต็ม พร้อมบรรลุธรรมกันได้ทุกคนอยู่แล้ว^^ นี่แหล่ะศักยภาพที่แท้จริงของมนุษย์ทุกคน คือความสามารถพัฒนาสู่วิวัฒนาการขั้นสูงสุดแห่งจิต คือ"ความสามารถในการบรรลุธรรมหรือความเป็นพุทธะ มีอยู่ในเราทุกคน"
กายที่ยาววาหนาคืบนี้แหล่ะ ไม่เห็นต่างกันและขัดแย้งกันตรงไหน เพราะที่สุดแล้วสิ่งที่ต้องบรรลุก็คือการเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง คือความเป็นไตรลักษณ์ ยอมรับ..รู้..ละ..วาง
พวกที่ปฏิบัติสั่งสมบารมีคือพวกที่ปราถนาพุทธภูมิ ส่วนคนที่ต้องการนิพพานในชาตินี้เค้าเรียกว่าหักพุทธภูมิ ลาพุทธภูมิ
ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ถูกผิดประการใดโปรดชี้แนะ และโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ค่ะ^^ -
-
-
ท่านอาจารย์พุทธทาส อุทานว่า"ฮวงโปเป็นคู่แข่งของเรา"หลังจากอ่านหนังสือเรื่องฮวงโป
-
sun dog
ท่านได้กล่าวถูกต้องแล้ว
พระธรรมของพระพุทธเจ้ามีถึง 84000 พระธรรมขันธ์
ใครจริตแบบไหน ก็เลือกให้ตามจริตเถอะ บางท่านศึกษาหินยานแล้วไม่สำเร็จ แต่ไปทางเซ็นแล้วบรรลุดวงตาเห็นธรรมก็ได้ เพราะจริตท่านตรงกับเซ็น ครับ -
sun dog เคยสัมผัสจิตเดิมแท้ของแมวขณะที่มันเอาอุ้งเล็บข่วนศรีษะของ sun dog ในสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ซาบซึ้งในคำกล่าวที่ว่าในสรรพสัตว์สรรพสิ่งล้วนมีธรรมกายแห่งตถาคต ตนเคยสัมผัสโพธิจิตของสุนัขด้วย คิดว่ามันเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์เลยจ้า -
จริง ๆ แล้ว เราอย่าไปกังวลกับเรื่องนิกายหรือรูปแบบในพระพุทธศาสนาเลยครับ ใครมีจริตตรงกับแบบไหน ก็สามารถดำเนินชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนาได้หมด เพราะทุกแบบทุกนิกายมีพระพุทธเจ้าทรงเป็นหลักชัย ประธาน และจุดสูงสุดทั้งสิ้นครับ
-
เพราะยังเป็น"ผู้เป็น" เป็นฉัน เป็นเธอ เป็นหมา เป็นแมว เป็นผู้กระทำ เป็นผู้ถูกกระทำ ฯลฯ นี่คือโปรแกรมที่ร้อยสัตว์ทั้งปวงให้อยู่ในสังสารวัฏ โปรแกรมที่ชื่อว่า ความยึดมั่นถือมั่น
เราต้องออกจากโปรแกรม เราต้องออกจากมายาการ เราต้องออกจากเดอะเมทริกซ์ ก็แล้วแต่สมมติบัญญัติจะเรียกจ้าา 555+ เอิ๊กๆ^^ -
COME&Z<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5884858", true); </SCRIPT>
สมาชิก
เราใช้ชื่อล้อเลียน... ขออนุญาตนะ ถ้าไม่อนุญาตก็จะเลิกใช้
ว่าจะบอกหลายทีแระ แต่ไม่มีโอกาส
ก็กะว่า จะเอาไว้ตามแซว COME&Z นี่แหละ แหะๆ -
อ๋อ เชิญตามสบายค่ะ^^ เห็นตั้งแต่แรกแล้วหล่ะ อิอิ
-
โลมา ช่างน่ารัก................
-
น่ากินก็ว่ามาเห๊อะ
ก้างเยอะนะเนื้อก็เหนียว ระวังติดคอเจ้าของตายเด้อ....อะล้อเล่งนาาาา
หน้า 1 ของ 2