ไม่ขอเข้าประกวดละกันครับ
ผมยึดคอนเซปของตัวเองเสมอ เวลาตอบกระทู้ ทั้งในบอร์ดอุปกรณ์และเทคนิค tkt และในนี้ ผมอยากจะตอบให้ไว้เป็นแนวทาง เฉยๆ น่ะครับ อะไรคิดว่าดี ก็แนะนำ ส่วนที่ท่านจะตัดสินใจเลือกหรืไม่นั้นอยู่ที่วิจารณญาณของท่านเองครับผม
รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.
หน้า 48 ของ 102
-
:z12อยากให้ดูการข้ามลำน้ำ ว่ายแขนเดียวแล้วชูปืนขึ้นให้พ้นน้ำ นำปืนข้ามไปโดยที่ไม่ให้ปืนจมน้ำ ลักษณะนี้ถ้าเราได้ลองฝึกสักเล็กน้อยก็จะทำได้สำหรับผู้ที่ว่าบน้ำเป็นแล้ว
:z12ถ้าจะให้ดีก็สามารถชูสองมือได้ด้วย เป็นการข้ามลำน้ำที่นำสิ่งของไปได้โดยไม่ให้เปียกน้ำ สามารถชูเด็กอ่อนข้ามน้ำได้อย่างสบาย
:z12ลักษณะแบบนี้ชาวบ้านทั่วไปยุคก่อนทำได้สบาย แต่ยุคสมัยนี้ไม่ทราบว่าจะมีไหม เดี๋ยวนี้ไม่ได้ลงน้ำตามแม่น้ำลำคลองกันแล้ว ต้องไปลงสระว่ายน้ำมาตรฐานกันโน่น
:z12มีอีกลักษณะหนึ่งที่ไปในน้ำได้เร็วกว่าว่ายน้ำอีก คือ มัดเท้า มัดมือไขว้หลัง แล้วพุ่งตัวลงน้ำไปแบบปลา โผล่มาหายใจเป็นครั้ง ๆ ไป อย่างนี้เห็นมาแล้ว และลองทำดู ก็ทำได้จริง ตัวอย่างนี้เห็นครูฝึกที่ผ่านการฝึกจาก มนุษย์กบ ของทหารเรือแสดงให้ดู ลองฝึกดูได้ ครับ ทำได้และไปได้เร็ว
wel lcome_คิดว่ามีประโยชน์ทั้งช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นได้ด้วยไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ดูว่าอาหารมาจากประเทศอะไร
อเมริกา mm/dd/yy
เดือน วันที่ ปี
อย่างนี้เสมอค่ะ -
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ความรับผิดชอบของจีนเกี่ยวกับแม่น้ำโขง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 สิงหาคม 2551 18:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> กรณีที่น้ำในแม่น้ำโขงไหลเอ่อท่วมเวียงจันทน์และบางจังหวัดในประเทศไทยนั้น มีเหตุผลอันน่าเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนของจีน 3 เขื่อนเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า แต่การสร้างเขื่อนดังกล่าวทำให้มีการกักน้ำและมีการปล่อยน้ำตามความเหมาะสมของสถานการณ์ ผลที่เกิดขึ้นนั้นนำไปสู่ความผิดปกติ เช่น ในฤดูแล้งน้ำจะแห้งขอดในบางตอน และในฤดูฝนน้ำก็ไหลเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ริมฝั่งโขงดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นคือน้ำท่วมเวียงจันทน์และไหลเอ่อท่วมเชียงของในประเทศไทย
เป็นที่ทราบกันนานแล้วว่าได้มีการสร้างเขื่อนในประเทศจีนซึ่งมีอยู่เขื่อนหนึ่งสูงถึง 250 กว่าเมตร และมีข่าวว่าจะมีการสร้างอีก 5 เขื่อนรวมเป็น 8 เขื่อน นอกจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงจีนยังทำการระเบิดเกาะแก่งเพื่อการเดินเรือ ยังมีการกล่าวว่ามีการถ่ายเทน้ำมันเครื่องลงแม่น้ำโขงด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือปัญหาเรื่องน้ำแห้งและน้ำท่วม และยังมีเหตุผลอันน่าสงสัยว่าการลดจำนวนลงของปลาบึกนั้นอาจมีส่วนมาจากการรบกวนธรรมชาติ
แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสากล จุดเริ่มต้นมาจากทิเบตแต่ไหลผ่านประเทศจีน จีนซึ่งเป็นประเทศต้นน้ำใช้ประโยชน์จากน้ำได้ แต่ข้อปฏิบัติระหว่างประเทศนั้นจะต้องมีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ที่สำคัญจะต้องไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศที่อยู่ทางปลายน้ำ ซึ่งประกอบด้วย ประเทศพม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม กรณีเรื่องแม่น้ำโขงนั้น ผู้เขียนในขณะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นรองประธานกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้เคยเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าว 3 ครั้งด้วยกัน โดยในครั้งแรกนั้นในการประชุมคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรที่จัดขึ้นที่กรุงฮานอย
ผู้เขียนในฐานะตัวแทนจากประเทศไทยเข้าพบเจ้ารณฤทธิ์ประธานสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา และได้ปรึกษาหารือกับท่านในเรื่องดังกล่าว จึงได้มีการเชิญสมาชิกผู้แทนรัฐสภาจากลาว พม่า เวียดนาม รวมทั้งรองประธานกรรมาธิการต่างประเทศของสภาประชาชนของสาธารณรัฐประชาชนจีนในขณะนั้นมาปรึกษาหารือ ทางรองประธานกรรมาธิการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ขอร้องไม่ให้มีการแถลงการณ์ของประเทศในฝั่งแม่น้ำโขงดังที่กล่าวมาแล้ว และรับปากว่าจะนำเรื่องดังกล่าวรายงานไปยังรัฐบาลจีน และจะเชิญตัวแทนจากทุกประเทศที่เข้าร่วมประชุมในวันนั้นเพื่อเดินทางไปหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเขื่อนที่สร้างขึ้น
ผู้เขียนซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยนั้นได้กล่าวเป็นภาษาจีนกลางยกปรัชญาขงจื้อขึ้นมาว่า “ถ้าท่านต้องการยืนขึ้นท่านต้องช่วยให้ผู้อื่นยืนขึ้นได้ด้วย ถ้าท่านต้องการบรรลุเป้าหมายท่านต้องให้ผู้อื่นบรรลุเป้าหมายด้วย” และ “สิ่งที่ท่านไม่ต้องการโปรดอย่าให้กับผู้อื่น” ทำให้รองประธานกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนสภาประชาชนสาธารณรัฐประชาชนจีนมีใบหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา ขณะเดียวกันตัวแทนจากประเทศต่างๆ ยกเว้นกัมพูชาและไทยต่างก็แสดงออกถึงความเกรงใจประเทศจีนอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีการเชื้อเชิญตัวแทนจากประเทศดังกล่าวไปเยี่ยมเยียนประเทศจีนแต่อย่างใด จนกระทั่งมีการประชุมที่กรุงปักกิ่งและผู้เขียนมีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะกับนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในรัฐบาลสมัยนั้น ผู้เขียนได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวที่โต๊ะรับประทานอาหาร เมื่อท่านนายกรัฐมนตรีหันไปถามรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ทราบข้อเท็จจริงว่าได้มีการยกประเด็นดังกล่าวปรึกษาหารือกับทางจีนในระดับหนึ่ง ส่วนทางเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งนั้นทางจีนจะเชิญตัวแทนจากสถานทูตไทยไปหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเขื่อนที่เป็นปัญหาอยู่ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวคืบหน้าแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเมื่อผู้เขียนในฐานะตัวแทนจากประเทศไทยไปร่วมประชุมที่กรุงโตเกียว เรื่องการค้าเสรี ประเด็นหนึ่งในการประชุมนั้นก็คือเรื่องการรักษาสภาพแวดล้อม ผู้เขียนได้หยิบยกเรื่องแม่น้ำโขงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งโดยกล่าวทำนองว่าจีนไม่ร่วมเป็นสมาชิกในคณะกรรมการแม่น้ำโขงและไม่ให้ข่าวสารข้อมูล และยังยกประเด็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศที่อยู่ปลายน้ำ โดยเสนอเป็นประเด็นให้ทางเจ้าภาพที่จัดประชุมให้บันทึกเป็นหลักฐานว่ามีการยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาเป็นประเด็นเพื่อปรึกษาหารือในที่ประชุม เจ้าหน้าที่ทางฝ่ายจีนแสดงความไม่พอใจและความอึดอัดใจ และมีตัวแทนที่เป็นสตรีท่านหนึ่งพยามอธิบายด้วยภาษาจีนให้กับผู้เขียนเป็นระยะเวลานาน ฟังจับความได้ว่าไม่ก่อให้เกิดความเสียหายอันใดต่อประเทศที่อยู่ปลายน้ำ
เมื่อผู้เขียนกลับมาประเทศไทยประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุมได้โทรศัพท์มายังเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาไทย ขอร้องให้ผู้เขียนถอนประเด็นที่ยกขึ้นในที่ประชุมเพราะจีนไม่เห็นด้วยที่จะมีการบันทึกประเด็นดังกล่าวไว้ แต่ผู้เขียนได้ตอบเจ้าหน้าที่ไปว่าข้อเท็จจริงก็คือได้ยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาหารือ และเป็นประเด็นที่ฝ่ายจีนต้องตอบ เจ้าหน้าที่ไทยซึ่งขาดความเข้าใจในเรื่องนี้พยายามโน้มน้าวให้ผู้เขียนถอนประเด็นดังกล่าวซึ่งก็ไม่เป็นผล
หลังจากนั้นผู้เขียนในฐานะรองประธานกรรมาธิการต่างประเทศ ก็ได้เดินทางไปยังมณฑลยูนนานเพื่อหาข้อเท็จจริงจากเขื่อนดังกล่าวโดยไปกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงรายและสมาชิกกรรมาธิการต่างประเทศท่านอื่น แต่ปรากฏว่าทางฝ่ายจีนไม่ยอมให้เดินทางไปหาข้อเท็จจริงจากเขื่อนที่สูง 250 กว่าเมตรนั้น ผลสุดท้ายก็ไม่ได้รับข้อมูลอันใดและไม่มีความคืบหน้าอันใดทั้งสิ้นเกี่ยวกับแม่น้ำโขง
ต่อมาผู้เขียนได้เห็นรายการโทรทัศน์ของ CCTV เกี่ยวกับประเทศที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงโดยมีการฉายให้เห็นวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งเป็นรายการที่ดี แต่ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่าทางฝ่ายจีนพยายามจะใช้โครงการโทรทัศน์ดังกล่าวนั้นสร้างความสมดุลให้เห็นว่าทางฝ่ายจีนนั้นไม่ได้ละเลยต่อความสำคัญของประเทศที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยพูดถึงชีวิตความเป็นอยู่และวัฒนธรรมของพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และประเทศไทย
ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ การกักน้ำและการปล่อยน้ำกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในอำนาจของประเทศจีน และไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติของแม่น้ำสากล ผลข้างเคียงในทางมลพิษยังไม่มีการสำรวจอย่างแท้จริง แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ การขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งและน้ำมีมากกว่าปกติในฤดูฝนจนเกิดความเสียหายจากอุทกภัยดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่นานมานี้
สิ่งที่อยากจะกล่าวในที่นี้ก็คือ การเป็นมหาอำนาจนั้นจำเป็นอย่างยิ่งต้องตามมาด้วยความรับผิดชอบและอำนวยความยุติธรรมให้กับประเทศที่มีระดับการพัฒนาน้อยกว่า การใช้ประโยชน์จากแม่น้ำเพื่อผลิตไฟฟ้าและเพื่อการชลประทานของจีน จนเกิดความเสียหายกับประเทศที่อยู่ปลายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวียดนามและกัมพูชา ซึ่งถ้าน้ำทะเลหนุนขึ้นมาอาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตในทะเลสาบเสียหายได้ และที่สำคัญแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสากลไม่ควรที่ประเทศต้นน้ำจะใช้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียวโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายแก่ประเทศที่อยู่ปลายน้ำ จีนควรจะให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศเกี่ยวกับแม่น้ำโขง และในความเป็นจริงควรจะร่วมเป็นคณะกรรมการด้วยแต่จีนหลีกเลี่ยงตลอดมา
สิ่งที่จีนกระทำนั้นนอกจากจะทำให้จีนถูกมองในแง่ไม่ดีแล้วยังทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศที่เคยอ้างถึงหลักปัญจศีล 5 ประการ คือการอยู่ร่วมกันโดยสันติที่ทางฝ่ายจีนถือเป็นหลักการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตั้งแต่ ค.ศ. 1954 เมื่อนายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล และบัณฑิตเนห์รู ประกาศเป็นหลักการ และในความเป็นจริงก็เพิ่งฉลองการครบรอบ 50 ปีของหลักปัญจศีลเมื่อไม่นานมานี้เอง หลักสำคัญของปัญจศีลก็คือผลประโยชน์ร่วมกัน จีนซึ่งเป็นผู้ประกาศหลักดังกล่าวจะต้องมีภาระรับผิดชอบในการธำรงซึ่งหลักการที่เป็นแนวทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาค ดังคำกล่าวของขงจื้อที่กล่าวมานานแล้วว่า “ถ้าท่านต้องการบรรลุเป้าหมาย ต้องช่วยผู้อื่นบรรลุเป้าหมายด้วย และสิ่งที่ท่านไม่อยากให้ผู้อื่นกระทำกับท่าน ท่านก็จงอย่าทำกับผู้อื่น”
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกได้ยกเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของจีนให้สูงขึ้นกว่าเดิม การคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศที่อยู่ปลายแม่น้ำโขงจะมีส่วนทำให้เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของจีนสูงยิ่งขึ้น
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE> -
อันที่จริงเป็นกุศโลบายกระตุ้นให้หลายๆคน ตั้งใจที่จะจัดเป้ฉุกเฉินกันได้แล้วมากกว่าครับ
แต่การบอกเฉยๆไม่ได้ผลต้องมีกิจกรรมกระตุ้นกันหน่อยครับ
ส่วนที่บอกว่า หาอุปกรณ์แพงๆมาแล้ว ไม่กล้าใช้น่ะผมหมายถึงตัวผมเองครับ ทั้งอัพเกรด ทั้งโมดิฟาย ก็แล้ว
ท้ายสุดก็เข้าถึงสัจจะธรรมว่า เลือกของที่เหมาะสมกับเราเองเอาไว้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามทีมงานและสตาฟทุกๆคนตั้งใจกันเอาไว้ว่า อย่างน้อยที่สุด อยากให้ทุกๆคนที่มาอ่านห้องนี้มี กระเป๋าฉุกเฉินที่สามารถคว้าติดตัวติดมือไปได้ยามเกิดภัยและสามารถ ใช้มันช่วยชีวิตตนเองหรือคนอื่นๆได้ครับ
ดังนั้นมาจัดกระเป๋าฉุกเฉินกันเถอะ -
ถ้าจะประกวดผมว่า เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ โดยการทำเป้ หรือ กระเป๋าฉุกเฉินขนาดกำลังดี คล่องตัว สักใบก่อนดีกว่าไหมครับ
ผมยังคิดว่า คงมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เริ่มจากเป้สักใบ ที่มีอยู่ในบ้าน ก่อนก็ได้ครับ -
เห็นด้วยกับคุณเล็กนะครับ
เป้ฉุกเฉิน สำหรับผม อาจเป็นแค่ห่อผ้าขะม้าสักผืน ย่ามสักใบ หรือ ถุงก็อบแก็บ
ถุงโบ๊เบ๊ ก็ได้ หาอะไรที่จำเป็นเท่าที่หาได้
(แต่ถ้าคนที่ไม่เคยหาไว้ ช่วงตกใจ จะคว้าอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง)
...
ถ้าคนที่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร
ก็เริ่มจากที่เราไม่รู้ล่ะครับ
ตั้งโจทย์ง่ายง่าย จัดกระเป๋าเพื่อแบกเองเข้าไปค้างในป่าสักสองสามวัน
ลองทำดูครับ จัดกระเป๋าให้เหมาะกับตนเอง -
;aa50กำลังจะจินตนาการว่าตัวอยู่ใน กทม. จะจัดเป้และสัมภาระเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อรับภาระกิจเดินออกจาก กทม. กะว่ามาถึงปรียนันท์ ใช้เวลาเดินทางสัก ๓ - ๔ วัน ใช้เป้ขนาดเล็ก เอามาลองดูกัน ครับ เพื่อเป็นแนวทาง ให้ผู้อื่นประยุกต์ไปใช้
:'( การเตรียมการในภาระกิจที่เรายังไม่เคยปฏิบัติมาเลย และจะให้สมบูรณ์เลย คงเป็นไปได้ยาก เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติ :'( -
ดีครับเริ่มจักกระเป๋ากันไว้เนิ่นนี่แหละดีครับ
บ้านผมตอนนี้ก็อยู่ห่างจากริมทะเลปากน้ำสมุทรปราการมาไม่ถึง4-5กิโลเมตร
หวั่นใจอยู่ทุกวัน ของที่มีอยู่ก็ประเภทที่เห็นตามเวปแหละครับ
อุปกรณ์ทั่วไปก็มีอยู่แล้วเพราะต้องออกค่ายเดินป่าเป็นประจำ
มีอุปกรณ์เอาตัวรอดพร้อมครอบครัวที่ต้องดูแลอีก10คนสบายๆ
(ประสบการณ์จากการดูแลค่ายกลางป่า มีประโยชน์ก็ตรงนี้แหละ)
ก่อไฟหุงข้าวด้วยหม้อสนามหรือกระบอกไม้ไผ่เป็นเรื่องปกติ
แบบว่า5นาทีประกาศให้หนีผมก็พร้อมอยู่แล้ว
แต่ท่านไหนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ก็ฝึกๆกันไว้มั่งนะครับ
เอาเตามาหัดจุดหัดใช้บ้าง ใครไม่มีก็หัดก่อไฟด้วยฟืนเปียกซะหน่อยก็ยังดี
(ถูกครับฟืนเปียกไม่ผิดหรอก)
การก่อไฟบนน้ำขณะน้ำท่วม
การก่อไฟบนแพขณะที่ไม่มีเตาจะทำยังไงไม่ให้แพไหม้ทะลุพื้น
การก่อไฟกลางฝน
เพื่อหุงข้าวลองก็ทำกันดู เผื่อน้ำท่วมแต่ต้องกินข้าวจะทำยังไง
ผมล่ะเป็นห่วงจริงๆ
บางทีคิดว่าเราเอาตัวรอดได้ แต่อย่าลืมพ่อแม่พี่น้อง ลูกหลานด้วยนะครับ
ถึงเวลานั้นท่านจะทิ้งเขาไว้ได้หรือ
และพอถึงตอนนั้นก็จะมีคนที่รอดตายแต่ไม่ได้เตรียมตัวมาขอความช่วยเหลือ
จากท่านๆเราๆด้วยอีกแน่นอน -
แนวทางปฏิบัติ : คิด คิด ก่อน แล้วมาตอบดีกว่า แต่ละคน สามารถ เดินด้วยเท้าไปได้กี่กิโล และถ้ามีจักรยานสักคัน จะเป็นตัวช่วยดีขึ้นกว่าเดินไหม
;aa21 -
จักรยานเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ 300กม.นี่ คนทั่วไปขี่ ซัก5-7วันน่าจะถึง
เตรียมยางชุดปะยางและอะไหล่กับที่สูบลมไว้ด้วยล่ะ -
จักรยานคนทั่วไปที่ไม่ขี่ประจำน่าจะไปได้ประมาณ วันละ 20 -30กิโลเมตร ครับ
พวกเชี่ยวหน่อย ก็ 50-100 กม.ขึ้นกับสัมภาระที่แบกไปด้วย
หากไปเป็นกลุ่มรู้จักเทคนิคบังลม ดูดลม ช่วยกันดัน ผลัดกันขึ้น ก็จะเหนื่อยน้อยลงไป และไปได้ในระยะทางที่ไกลขึ้นครับ
ทั้งคิทแคมป์ ทาคุ คุณก้อง พี่คลิกขี่จักรยานหมดเลย -
จัดการแข่งขันขี่จักรยานทางไกลพร้อมเครื่องสนามระยะทาง100กม.
โจทย์คือต้องแบกเครื่องสนามไปด้วย และต้องมีอาหารพร้อมน้ำดื่มและอุปกรณ์ยังชีพ
ไว้ไม่น้อยกว่า72 ชม. ต้องเข้าเช็คพอยท์ทุก15กม. และต้องหยุดทำอาหารกินเอง
ทุก3ชม.จึงจะเดินทางต่อได้ และทุก12ชม.ต้องหยุดพักผ่อนนอนไม่น้อยกว่า8ชม.
อาหารที่อนุญาตให้ใช้ต้องเป็นอาหารที่ต้องใช้ไฟปรุงต้องก่อไฟ ห้ามใช้อาหารแห้ง
น่าจะสนุกดีนะครับ
ได้ประโยชน์ดีครับน่าสนุก -
หนักหนาสาหัสสำหรับคนไม่เคยแน่นอนครับ
มือใหม่ ขี่จักรยานต่อเนื่องซะ 10 กิโลเมตร กลับมานอนนี่ก้นช้ำไปหมดแล้ว
สมัยที่ผมกลับมาขี่จักรยานเสือภูเขาอีกครั้งหลังจากหยุดไปเป็นสิบปี (สมัยบีเอ็มเอ็กซ์)
ขี่ที่ความเร็ว 10กิโลเมตร ต่อชม.นี่ก็เหนื่อยจนใจเต้นแล้ว
แต่น่าแปลกที่ร่างกายมนุษย์ มีการพัฒนาการได้ ยิ่งฝึกฝนยิ่งแข็งแกร่ง
ตอนนี้ก็เลยต้องหมั่นออกกำลังเอาไว้ด้วยเสมอ
สำหรับการขี่จักรยานทางไกล หรือการเดินทางไกลนี่ หากไม่เคยลงมือ ลงเท้า นี่ไม่สามารถจินตนาการได้แน่นอน
แต่ในขณะเดียวกัน หากเราได้รับการฝึกฝนเราก็สามารถทำสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ให้ เป็นไปได้ด้วยเช่นกัน
อย่างในทริปของไทยเอ็มทีบี จะมีการขี่จักรยานทางไกล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจักรยานเสือหมอบ
เช้าไปเย็นกลับ
ที่ไกลพอตัว นี่ก็ ทริปกรุงเทพ -บึงฉวาก สุพรรณบุรี 170 กิโลเมตร ออกจากกรุงเทพ ที่โลตัสบางใหญ่ 7.00 น.ถึงสุพรรณ ประมาณ 12.00 น.
หรือ ทริปกรุงเทพ-เขาตะเกียบ เลยหัวหินไปอีก ระยะ ทาง 200 กม.
ทริปนี้ที่ไปหลอกเอาน้องเด็กๆ อายุ 15-16 ไปคนหนึ่ง ขี่จักรยาน แม่บ้านคัน พันบาทที่หาได้ตามโลตัส ไปด้วยกัน
ลุงป้า น้าอา ที่ใช้จักรยานเสือหมอบราคาเหยียบแสน นี่ก็มาถามว่าไปได้ไปไหวหรือ
ก็ปรากฏว่า น้องเขาก็ไปจนถึงเขาตะเกียบจนได้แฮะ
สิ่งที่ได้ก็คือเป็นประสพการณ์ไปตลอดชีวิตของเขาว่า เขาทำแบบนี้ได้ ดังนั้นอุปสรรคต่างๆอย่างไรจะเข้ามา เขาต้องฝ่าฟันไปได้เช่นกัน
เลยยิ่งเห็นความสำคัญ ของ"ใจ"มากขึ้นอีกเยอะ
ดังนั้น การอยู่รอด การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติก็ดี จากการสู้ชีวิตก็ดี
นอกเหนือจากปัจจัยภายนอก พวกอุปกรณ์ ทรัพย์สิน สติปัญญา ไหวพริบแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ "กำลังใจ" ครับ
อุปกรณ์ก็มีส่วนช่วยบ้างแต่ไม่ทั้งหมด ทุกอย่างต้องผสมผสานพอเหมาะพอสมไป เตรียมอุปกรณ์ไว้เพียบแต่เหนื่อยถอดใจโยนเป้ทิ้งเพราะแบกไม่ไหวก็จบ
จิตใจที่เข้มแข็ง
ร่างกายที่แข็งแกร่ง
สติ ไหวพริบ
อุปกรณ์ ที่เหมาะสมกับตัวเรา
การวางแผนที่ดี
โอเค มาวางแผนการจัดกระเป๋าฉุกเฉินกันดีกว่า
สำหรับตัวผมเองกับมีอีกหลายคนขอไม่ลงประกวด แต่ต้องการแชร์ความรู้และกระตุ้นให้ทุกๆคนตื่นตัว กันครับ
เรื่องนี้ในต่างประเทศถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ไทยเรายังขาดความรู้ความเข้าใจตรงนี้กันมาก -
มาร่วมกันช่วยเตรียมพร้อมเลยดีกว่าครับ
เอ...หรือจัดเวริค์ชอปกันดีมั้ยครับ
ออกไปแค้มป์ปิ้งกลางป่าในกลางใจเมืองกรุงเทพซักคืน
ที่สวนรถไฟเหมือนที่เคยคุยกันไว้ในก่อนหน้านี้อะครับ
ใครมีอุปกรณ์อะไรก็เอาไป แล้วให้คิดแค้มป์บรรยายถึงเรื่องของพวกนี้
ว่าวิธีใช้ใช้ยังไง ก่อไฟหุงข้าวกันยังไง กางเต๊นท์ผูกเปลกันแบบไหนถึงถูกวิธี
เอาแบบว่าทดลองทำกันจริงๆทุกคน เวลาเกิดเหตุจะได้เอาตัวรอดได้ทุกคน
สถานที่จัดก็ใก้ลบ้านมากกลางใจเมืองเลย
น่าจะสะดวกสำหรับทุกคนที่จะเดินทางมา
ค่าใช้จ่ายอาจจะมีแค่ค่าบำรุงสถานที่เท่านั้น(กทม.เป็นผู้เก็บ)
ถ้าจะจัดก็ซักต้นเดือนหน้า เพราะถ้าหลังจากนั้นคิดแค้มป์ก็จะไม่ว่างแล้วครับ
มีคิวรออีกเพียบเลย
พี่KANANUNมีความเห็นว่าอย่างไรครับ -
เท่าที่จำได้ครับ แข่งเดินโอลิมปิคคราวนี้ระยะทาง 50กิโลเมตร ใช้เวลา 3ชั่วโมงเศษ
...
ผมเอง นานมาแล้ว เดินบ้างจ้ำบ้างพักบ้าง
ตั้งแต่หกโมงเย็น ถึงสองทุ่ม ได้ระยะทางประมาณ80กิโลเมตร
(14 ชั่วโมง เฉลี่ยคร่าวคร่าว ชั่วโมงละ5.7 ก.ม.)
วันรุ่งขึ้นหมดแรงเลย ตื่นเที่ยง
แต่ถ้าทำบ่อยบ่อย ร่างกายจะอยู่ตัวเหมือนที่คุณเล็กบอกครับ
...
ถ้าตอนนี้ คงต้องกลับไปฟิตร่างกายใหม่อีกที เหอ เหอ -
ขอเสนอไอเดียให้ผู้จะเข้าประกวด โดยตั้งสมมติฐาน/โจทย์ ในสถานการณ์ใน 3 รูปแบบนี้ คิดว่าจะเตรียมอะไรบ้าง ทั้งอยู่ในเมืองหรือเดินทางไกลไปแหล่งหลบภัย
- อุทกภัย เกิดพายุน้ำท่วม อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม 1.เป้ 2.เสบียงแห้ง 3.น้ำ 4.เวชภัณ 5.เสื้อชูชีพ 6.เชือก 7.ไฟฉาย ฯ (คิดว่าในสถานการณ์แบบนั้น อุปกรณ์แต่ละชิ้นที่จะต้องมี..........เพื่อใช้........)
- แผ่นดินไหว 1.เป้ 2.เสบียงแห้ง 3.น้ำ 4.เวชภัณ 5.เชือก 6.ไฟฉาย ฯ (คิดว่าในสถานการณ์แบบนั้น อุปกรณ์แต่ละชิ้นที่จะต้องมี..........เพื่อใช้.......)
- สงคราม 1.เป้ 2.เสบียงแห้ง 3.น้ำ 4.เวชภัณ 5.เชือก 6.ไฟฉาย ฯ (คิดว่าในสถานการณ์แบบนั้น อุปกรณ์แต่ละชิ้นที่จะต้องมี...........เพื่อใช้...........) -
เห็นด้วยกับคุณ jojo TKT ขอหนับหนุน จัดเวริค์ชอปกัน
ออกไปแค้มป์ปิ้งกลางป่าในกลางใจเมืองกรุงเทพซักคืน
เอาเล้ยยย...
คุณท้าวลีลาขอลงชื่อคนแรก -
ได้เลยครับนำเสนอกันมาได้เลย
ผมตั้งใจแจกรางวัลเป็นสำคัญครับ
ช่วยกันนำเสนอได้เลย
คนละกี่แบบก็ได้ให้อิสระเต็มที่ -
เห็นด้วยครับมีประโยชนและสนุกดีด้วย รีบนัดมาได้เลยครับผม
จะได้แจ้งกันให้ทราบครับ
จะได้ดูยอดว่ากี่คนครับ
หน้า 48 ของ 102