รวมคำเทศนาของพระอาจารย์มั่น ภูริภัตตเถระ : ท่านอาจารย์พระมหาบัว

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 27 กันยายน 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    คำเทศนาของพระอาจารย์มั่น ภูริภัตตะเถระ

    ครั้งที่ 40 รวบรวมโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน



    (ต่อจากที่แล้ว) ไม่มีการเพิ่มขึ้นและลดลงตามความตรัสรู้ คือขันธ์ที่เคยนึกคิด เป็นต้น
    ก็ทำหน้าที่ของตนไปตามคำสั่งของจิตผู้บงการ จิตที่เป็นวิมุตตก็หลุดพ้นจากความคละเคล้า
    พัวพันในขันธ์ ต่างอันต่างอยู่ ต่างอันต่างจริง ต่างไม่หาเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นกัน
    ดังที่เคยเป็นมา ต่างฝ่ายต่างสงบอยู่ตามธรรมชาติของตน ต่างฝ่ายต่างทำธุระหน้าที่
    ประจำตน จนกว่าจะถึงกาลแยกย้ายจากส่วนผสม เมื่อกาลานั้นมาถึงจิตที่บริสุทธิ์ก็แสดง
    ยถาทีโป จ นิพพุตโต เหมือนประทีปดวงไฟที่หมดเชื้อแล้วดับไปฉะนั้นไป
    ตามความจริง เรื่องของสมมติที่เกี่ยวข้องกันก็มีเพียงเท่านี้ นอกนั้นไม่มีสมมติจะติดต่อกัน
    ให้เกิดเรื่องราวต่อไป นี่คือธรรมแสดงในจิตท่านขณะแสดงลวดลายเป็นขณะสามรอบจบลง
    อันเป็นวาระสุดท้ายแห่งสมมติกับวิมุตติทำหน้าที่ต่อกัน และแยกทางกันเดินตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

    ตลอดคืนวันนั้นท่านว่าท่านปลงสลดสังเวชในความโง่เขลาเต่าตุ่น ซึ่งเปรียบเหมือน
    หุ่นตัวท่องเที่ยวในภพน้อยภพใหญ่ไม่มีประมาณ จนน้ำตาไหลตลอดคืน ในขณะที่
    เดินทางมาพบบึงใหญ่มีน้ำใสสะอาดรสธรรมชาติมหัศจรรย์ที่ไม่เคยพบมาก่อน
    ชื่อว่า "หนองอ้อ" และ "อ้อนี้เองหรือ" ที่พระพุทธเจ้าและสาวกท่านค้นพบว่าหนองอ้อ
    และประกาศธรรมสอนโลกมาได้ตั้ง 2000 กว่าปีแล้ว เพิ่งมาพบวันนี้ และกราบพระคุณ
    ของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์อย่างถึงใจ โดยกราบแล้วกราบเล่าอยู่ทำนองนั้น
    ไม่รู้จักอิ่มพอ ถ้ามีคนไปพบเห็นเข้า ซึ่งกำลังปลงธรรมสังเวชด้วยทั้งน้ำตาและก้มกราบแล้ว
    กราบเล่าอยู่เช่นนั้น คงจะมีความรู้สึกผิดปกติขึ้นมาทันทีว่า สมณะรูปนี้เห็นท่าจะมีทุกข์มาก
    ถึงกับน้ำตาไหลออกมา และคงกราบกรานสานกล่าวเพื่อวิงวอนเทวดาอารักษ์ที่สิงสถิตอยู่ใน
    ทิศทั้งหลายให้ช่วยระบายคลายทุกข์ให้อย่างแน่นอน หรือมิฉะนั้นก็จวนจะเข้าขั้น...เป็นแน่แท้
    ดังนี้แน่นอน เพราะเป็นกิริยาที่ผิดปกติเอามากในเวลานั้น ความจริงก็คือท่านถึง พุทธะ
    ธรรมมะ สังฆะ ประจักษ์ใจในคำว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" และเข้าเฝ้า
    พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ทางมารยาทของบุคคลผู้มีกตัญญูกตเวทิตา
    ธรรมในใจจะพึงทำ ฝืนทนอยู่มิได้

    ในคืนวันนั้นชาวเทพทั้งหลายทั้งเบื้องบนชั้นต่าง ๆ และเบื้องล่างทุกทิศทุกทางหลังจาก
    พร้อมกันให้สาธุการประสานเสียงสำเนียงไพเราะเสนาะโสตจนสะเทือนโลกธาตุเพื่อประกาศ
    อนุโมทนากับท่านแล้ว ยังพร้อมกันมาเยี่ยมฟังธรรมท่านอีกวาระหนึ่ง แต่ท่านไม่มีเวลา
    รับแขก เพราะภาระกิจเกี่ยวกับธรรมชั้นสูงยังไม่ยุติลงเป็นปกติ ท่านเป็นเพียงให้อาณัต
    สัญญานบอกชาวเทพทั้งหลายว่าท่านไม่ว่าง โอกาศหน้าค่อยมาใหม่ ชาวเทพทุกภูมิ
    พากันกลับไปด้วยความโสมนัสยินดีโดยทั่วกันที่ได้มาพบเห็นวิสุทธิเทพในคืนแรกที่ท่านเห็นธรรม

    พอสว่างจากที่ภาวนาแล้ว ท่านยังหวลระลึกถึงธรรมที่แสดงความอัศจรรย์ในตอนกลางคืน
    อยู่มิได้ลืม ทั้งขณะที่แสดงความหลุดพ้น ทั้งขณะที่แสดงสามรอบตอนสุดท้ายที่แสดง
    ความหมายต่าง ๆ ให้ท่านเห็นอย่างละเอียดละออ ทั้งหวลระลึกถึงคุณของต้นไม้ที่ท่านอาศัย
    นั่งภาวนาและสถานที่อยู่อาศัย ตลอดจนชาวบ้านที่ให้ทานอาหารปัจจัยความเป็นอยู่ทุกอย่าง
    ตลอดมา จนถึงเวลาบิณฑบาตซึ่งทีแรกท่านนึกจะไม่ไปบิณฑบาตมาฉัน โดยคิดว่าเท่าที่
    เสวยวิมุตติสุขตอนกลางคืนมาถึงบัดนี้ก็พอกับความต้องการอยู่แล้ว แต่อดคิดเมตตาสงสาร
    ชาวบ้านป่าบ้านเขาที่เคยมีบุญคุณต่อท่านมิได้
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    คำเทศนาของพระอาจารย์มั่น ภูริภัตตะเถระ

    ครั้งที่ 41 รวบรวมโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน



    ชาวบ้านป่าบ้านเขาที่เคยมีบุญคุณต่อท่านมิได้ เลยจำต้องไปทั้งที่ไม่ประสงค์จะไป
    ขณะออกบิณฑบาตในหมู่บ้านชาวเขา สายตาปรากฏว่าตั้งหน้าตั้งตาจับจ้องมองดูชาวบ้าน
    ทั้งที่มาใส่บาตร ทั้งที่อยู่ตามบ้านเรือน ตลอดเด็กเล็ก ๆ ที่เล่นคลุกฝุ่นอยู่ตามหน้าบ้านหลังเรือน
    ด้วยความสนใจและเมตตาสงสารเป็นพิเศษ ทั้งที่แต่ก่อนไม่ค่อยมองดูใคร แม้ประชาชนทั้งบ้าน
    ก็รู้สึกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเป็นพิเศษ มองเห็นท่านแล้วต่างายิ้มาย่องผ่องใสไปตาม ๆ กัน
    กลับมาถึงที่พักแล้วจิตใจก็ยังอิ่มธรรมธาตุขันธ์ก็อิ่มพอใจในอาหารทั้งที่ยังมิได้ลงมือฉัน
    จิตใจและธาตุขันธ์ไม่รู้สึกหิวโหยอะไรเลย แต่ก็ฝืนฉันไปตามจารีตของขันธ์ที่มีความสืบต่อกันด้วย
    อาหารปัจจัยเป็นเครื่องประสาน ขณะฉันอาหารก็ไม่มีรสชาด มีแต่รสแห่งธรรมท่วมท้นไปหมด
    ทั่วร่างกายจิตใจเข้าใจบทธรรมว่า รสแห่งธรรมชำนะซึ่งรสทั้งปวง

    ในคืนต่อมาชาวเทพทั้งหลายที่มีความกระหายหิวในธรรม ได้พากันมาเยื่ยมท่านเป็นพวก ๆ
    ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างแทบทุกทิศทุกทาง ต่างพวกก็มาเล่าความอัศจรรย์แห่งรัศมีและอนุภาพ
    แห่งธรรมของคืนวันนั้นให้ท่านฟังว่าเหมือนสวรรค์วิมานพิภพครุฑนาคเทวดาอินทร์พรหม
    ยมยักษ์ทุกชั้นทุกภูมิในแดนโลกธาตุ สะเทือนสะท้านหวั่นไหวไปตาม ๆ กัน พร้อมกับ
    ความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนส่งแสงสว่างไปทั่วพิภพเบื้องบนเบื้องล่างไม่มีประมาณ
    ผู้มีญาณหยั่งทราบต้องสามารถมองเห็นกันได้ทั่วแดนโลกธาตุไม่มีอะไรปิดบัง
    เพราะความสว่างไสวแห่งธรรมที่พุ่งออกจากกายใจของพระคุณเจ้ายิ่งกว่าความสว่าง
    ของดวงอาทิตย์ร้อยดวงพันดวงเป็นไหน ๆ ใครไม่เห็นและเกิดความอัศจรรย์ก็นับว่าเหลือทน
    ที่เกิดเป็นคนเป็นสัตว์อยู่บนโลกเปล่า ๆ นอกจากสัตว์ตัวมืดมิดปิดทวารเอาเสียจริง ๆ
    จนไม่มีช่องว่างเอาเลย ถึงจะไม่รู้ไม่เห็นความอัศจรรย์ของคืนวันนั้น ใครอยู่ที่ไหน
    ต่างก็ตะลึกพรึงเพลิดเกิดพิศวงงงันและอัศจรรย์ไปตาม ๆ กัน พวกเทวดาในภพภูมิต่าง ๆ
    จึงพากันเปล่งเสียงสาธุการเพื่ออนุโมทนาโพธิสัมภารที่เกิดจากบุญบันดาลเพราะบารมี
    ของพระคุณเจ้าเป็นเสียงเดียวกัน ถ้าไม่อัศจรรย์ถึงขนาดนั้นใครจะได้รู้ถึงทั่วกันเลย
    นับว่าพระคุณเจ้ามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มีวาสนาบารมีแก่กล้า สามารถทำให้มวลสัตว์มากมาย
    หลายภพหลายภูมิได้อาศัยพึ่งร่มเงาแห่งความร่มเย็นจากบารมีท่านได้เป็นสุขทั่วหน้ากัน
    นาน ๆ ทีถึงจะมีสักครั้ง ผู้ไม่มีบุญวาสนาไม่ว่ามนุษย์มนา เทวดา อินทร์ พรหม ใต้น้ำ
    บนบก ในเวหาอากาศทั่วไตรโลกธาตุเกิดมาตายเปล่าไม่ได้พบได้เห็นอย่างง่ายดาย

    ทั้งนี้นับว่าพวกข้าพเจ้ามีบุญชักนำมา วาสนาตามส่งถึงได้พบได้เห็น ได้กราบไหว้บูชาท่าน
    อย่างสมใจ และได้พักคำโอวาทสั่งสอนที่ท่านเมตตาชี้แจงพอเป็นแสงสว่างแก่จิตใจ
    และทางดำเนินเพื่อภพเพื่อภูมิอันสูงส่งขึ้นไปด้วยความสดชื่นตื่นตัว พอพวกเทวดาที่มาจากชั้น
    และที่ต่าง ๆ กลับไปตามวาระของตนซึ่งมาในเวลาต่าง ๆ กันแล้ว ท่านก็เริ่มรำพึงธรรม
    ที่ได้รู้เห็นมาด้วยความทุกข์ยากลำบาก ปรากฏได้ความสำหรับท่านผู้ค่อนข้างปฏิบัติยากผิด
    ธรรมดาว่า ธรรมรอดตาย ถ้าไม่รอดตายก็คงไม่ได้พบเห็นแน่นอน เมื่อพยายาม
    แหวกว่ายจนถึงฝั่งแห่งความปลอดภัยไร้ทุกข์แล้ว จากนั้นพอเริ่มทำภาวนาทีไร ทำให้
    ท่านหวลระลึกถึงสิ่งไม่ควรระลึกแทบทุกครั้งไปทั้งที่แต่ก่อนท่านไม่เคยสนใจเลย
    สิ่งที่เกี่ยวกับคู่บารมีท่านมาดั้งเดิม ท่านเล่าว่าแต่ก่อนที่ยังไม่ถึงธรรมขั้นนี้ คู่บารมี
    ที่เคยปรารถนาพุทธภูมิมาด้วยกันแต่สมัยก่อนโน้นก็เคยมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนาเสมอ
    ท่านแสดงธรรมให้ฟังเล็กน้อยแล้วสั่งให้กลับไป นาน ๆ จะมาสักครั้งหนึ่งแต่มา
    ในรูปแห่งวิญญาน มองร่างไม่ปรากฏเหมือนภพอื่น ๆ เวลาท่านถามก็ตอบว่าเป็นห่วงท่านมาก
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    คำเทศนาของพระอาจารย์มั่น ภูริภัตตะเถระ

    ครั้งที่ 42 รวบรวมโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน



    (ต่อ) เวลาท่านถามก็ตอบว่า เป็นห่วงท่านมาก ยังมิได้ตั้งใจไปเกิดในภพภูมิ
    ที่เป็นหลักเป็นฐานใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งกลัวท่านจะหลงลืมความสัมพันธ์ และความปรารถนา
    ที่เคยพาปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต จึงต้องมาคอยฟังเรื่องราวอยู่เสมอ
    ด้วยความเป็นห่วงและเสียดาย ท่านก็ได้บอกว่าได้ของดความปรารถนานั้นไปแล้ว
    และได้ตั้งใจปฏิบัติให้พ้นจากทุกข์ในชาตินี้ ไม่ขอเกิดอีก ซึ่งเท่ากับขอเอาทุกข์ภัย
    ที่เคยพบเคยเห็นกับชาตินั้น ๆ มาแบกหามต่อไปอีก แม้มิได้ตอบให้ท่านทราบว่า
    หายห่วงหรือยังห่วงอยู่ในเรื่องนั้น แต่ก็ยังเป็นห่วงคิดถึงท่านตลอดมามิได้หลงลืมจืดจาง
    แต่นาน ๆ มาเยื่ยมท่านหนหนึ่งดังนี้ พอมาถึงระยะนี้องค์ท่านเองนึกเป็นห่วงและสงสาร
    ที่เคยได้รับความทุกข์ยากลำบากในภพชาตินั้น ๆ มาด้วยกันตามที่ท่านพิจารณารู้เห็น
    จึงนึกวิตกอยากพบเพื่อจะได้ปรับปรุงความเข้าใจและเล่าอะไรที่จำเป็นให้ฟังจะได้หายสงสัย
    หมดกังวลความผูกพันในความหลัง เพียงนึกวิตกเท่านั้น พอตกกลางดึกยามสงัด
    คู่บารมีท่านก็มาจริง ๆ และมาในรูปแห่งวิญญานตามเดิม ท่านเริ่มถามถึงภพชาติ
    ที่กำลังเป็นอยู่ว่า ทำไมมีแต่ดวงวิญญานไม่มีรูปร่างเหมือนภูมิอันเป็นทิพย์ทั่ว ๆไป
    เวลานี้เกิดเป็นอะไรจึงได้มาในลักษณะวิญญานเช่นนี้

    ดวงวิญญานตอบท่านว่า นี่เป็นภพย่อยอันละเอียดอีกภพหนึ่งในบรรดาภพทั้งหลาย
    ที่มารออยู่ในภพนี้ก็เพราะความเป็นห่วงดังที่ได้เคยเรียนแล้วนั่นเอง ที่มานี้ก็เพราะว่า
    ท่านอยากให้มาถึงได้มา ไม่กล้ามาบ่อยนักเพราะเป็นความกระดากอายอยู่ภายในทั้ง ๆ
    ที่อยากมาบ่อยที่สุด แม้มาแล้วก็ไม่มีความเสียหายอะไร้งสองฝ่าย เพราะมิใช่วิสัยจะทำให้
    เกิดความเสียหายได้ก็ตาม แต่ความรู้สึกอันดั้งเดิมที่เคยมีต่อกัน หากทำให้เกิดความ
    ตะขิดตะขวงใจไม่กล้ามาเอง ทั้งท่านก็เคยบอกว่า ไม่ให้มาบ่อยนัก แม้ไม่เสียหาย
    ก็อาจเป็นอารมณ์เครื่องทำให้เนิ่นช้าแก่การปฏิบัติได้ เพราะใจเป็นสิ่งละเอียดอาจรับเอาอารมณ์
    อันละเอียดมาเป็นอุปสรรคแก่การดำเนินของตนได้ ก็เชื่อว่าอาจเป็นได้ดังที่บอกจึงมิได้มาบ่อยนัก
    คืนวันท่านตัดขาดจากภพจากชาติจากญาติมิตรสหาย จากสายบารมีผู้หวังพึ่งเป็นพึ่งตาย
    อย่างไม่อาลัยเสียดายเลยนั้นก็ทราบ เพราะเรื่องสะเทือนไปทั่วโลกธาตุต้องทราบกันทุกหนแห่ง
    แต่แทนที่จะเกิดความชื่นบานหรรษาอนุโมทนาด้วยดังที่เคยเป็นมาแต่ก่อนนั้น เลยกลับเกิด
    ความน้อยเนื้อต่ำใจด้วยความวิปริตคิดไปต่าง ๆ นานา ว่า ท่านไปแบบไม่เหลียวแล แม้คู่บารมี
    ที่เคยทุกข์เคยตะเกียกตะกายถวายความจงรักภักดีในภพน้อยภพใหญ่มาด้วยกันก็ไม่เหลือบมอง

    ชาติวาสนาของตัวนี้แสนอาภัพก็อยู่ไปตามกรรม มีแต่ลูบคลำทุกข์ไม่มีวันปล่อยวางอย่างนี้แล
    ผู้พ้นไปก็ไกลทุกข์ แต่ผู้ที่กำลังตกทุกข์อยู่ในกองทุกข์ก็อดทนไป คิดไปมากเท่าใดก็เหมือนคน
    ไม่มีปัญญาแต่อยากขึ้นไปชมเดือนดาวบนท้องฟ้า สุดท้ายก็มานั่งนอนกอดกับทุกข์ไป
    ตามแบบของคนมีกรรมหนาหาทางออกไม่ได้ ผู้อาภัพชาติวาสนาที่กำลังดิ้นรนทนทุกข์
    บนหาความสุขอยู่เวลานี้ ก็คือผู้ที่กำลังเสียใจ ร้องไห้อยากขึ้นไปชมเดือนดาวบนท้องฟ้า
    ซึ่งแสนน่าทุเรศเอาหนักหนา น่าเวทนาเหลือประมาณผู้นี้เองจะเป็นผู้อื่นใดที่ไหนกัน
    ท่านผู้เป็นเสมือนเดือนดาวบนฟ้าส่องสว่างจ้าทั่วสารทิศ จะสถิตอยู่ที่ใดก็ไม่อับเฉาในธรรม
    แต่ความสว่างไสวไปทุกทิศทุกทางโดยรอบขอบเขตจักรวาล สนุกอยู่ด้วยความสำราญบานใจ
    หากบุญวาสนาของดวงวิญญานข้าบาทบริจาริกยังพอมีอยู่บ้างไม่ขาดสูญพูนทุกข์ขอท่าน
    ได้โปรดเมตตาแผ่กระแสธรรมไปบันดาลพร้อมทั้งดวงวิญญานอันบริสุทธิผ่องใสไปโปรด
    ประทานพอได้พ้นจากโทษในสงสาร ขอคำวิงวอนสัตยาธิษฐานนี้ จึงมีกำลังบันดาลให้เป็น
    ไปดังใจหมายของข้าอย่าเนิ่นนาน ได้โพธิสมภารอย่างใกล้ชิดเร็วพลันเถิด
    นี่เป็นคำของดวงวิญญานวิงวอนอธิษฐานหวังโพธิสมภาร หมายปองด้วยความละล่ำละลัก
    ซึ่งเป็นคำที่น่าสมเพชเวทนาเอานักหนา ท่านตอบว่า...
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]


    คำเทศนาของพระอาจารย์มั่น ภูริภัตตะเถระ

    ครั้งที่ 43 รวบรวมโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


    (ต่อ)ท่านตอบว่า เท่าที่นึกวิตกอยากให้มาก็มิได้มุ่งเจตนาให้เกิดความเสียใจดังที่เป็นอยู่เวลานี้
    ซึ้งเป็นทางที่ผิด สัตว์โลกซึ่งมีอยุ่ทั่วโลกธาตุซึ่งมีความหวังดีต่อกัน เขามิได้นำเรื่องทำนองนี้
    มาคิดกัน คำว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ในพรหมวิหารก็เคยบำเพ็ญมามิใช่หรือ
    ดวงวิญญานตอบว่า บำเพ็ญมาช้านานจึงอดคิดถึงความผูกพันที่เคยบำเพ็ญธรรมทั้งสี่นี้
    มาด้วยกันไม่ได้ เมื่อผู้หนึ่งเอาตัวรอดไปเสียแต่เพียงคนเดียวเช่นนี้ ธรรมดาสัตว์ที่มีกิเลส
    เช่นวิญญานนี้จึงอดกลั้นเสี่ยใจไม่ได้ แล้วก็ได้รับความทุกข์เพราะความสลัดปัดทิ้ง
    ไม่เหลียวแลนั้น จนเวลานี้ก็ยังไม่เห็นความสว่างสร้างซาแห่งความทุกข์นั้นลงบ้างเลย
    ท่านพูดปลอบว่า การสร้างความดีมาทั้งมวลทั้งที่สร้างโดยลำพังตนเองทั้งที่ผู้อื่น
    พาสร้างก็เพื่อแก้ความทุกข์กังวลออกจากตัว มิได้สร้างเพื่อความร้อนรนขนทุกข์เข้าใส่ตัวเอง
    จนถึงต้องได้รับความเดือดร้อนวุ่นวายมิใช่หรือ ดวงวิญญานตอบว่าใช่ แต่วิสัยของผู้มีกิเลส
    เมื่อไม่สามารถเลือกทางเดินที่ราบรืนปลอดภัยได้ ก็จำต้องลูบคลำไปตามประสา โดยไม่ทราบว่า
    ที่ทำไปนั้นถูกหรือผิดจะพาให้ตนเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ ส่วนที่เป็นทุกข์ก็รู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่ทราบ
    จะหาทางออกด้วยวิธีใด ก็จำต้องดิ้นรนบ่นทุกข์ไปทำนองที่เห็นอยู่เวลานี้

    ท่านเล่าว่าวิญญานทำความเหนียวแน่นแม่นมั่นปรับทุกข์ปรับร้อนกับท่านอย่างเอาจริงเอาจัง
    หาว่าท่านหลบหลีกปลีกตัวไปเสียคนเดียว ปราศจากความเมตตาสงสารกับผู้ที่เคยตะเกียกตะกาย
    เสือกคลานาผ่านทุกข์มาด้วยกัน ไม่เหลือบมองเพื่ออนุเคราะห์สงเสริมพอให้มีทางพ้นไปด้วยได้
    ตอนนี้ท่านพูดเป็นประโยคแทรกในระหว่าง จากนั้นก็อนุเคราะห์สืบต่อกับดวงวิญญานต่อไป
    ท่านพูดปลอบโยนกับดวงวิญญานว่า การรับประทานแม้จะรับอยู่ร่วมวงในภาชนะหรือใน
    โต๊ะเดียวกันก็ยังมีผู้อิ่มก่อนอิ่มที่หลัง จะให้อิ่มในขณะเดียวกันย่อมไม่ได้ การบำเพ็ญความดี
    ทั้งหลายแม้จะบำเพ็ญมาด้วยกัน ดังพระพุทธเจ้ากับนางพิมพายโสธราคู่พระบารมี
    ก็ยังปรากฏว่าพระองค์ทรงบรรลุถึงแดนพ้นทุกข์ก่อนแล้วเสด็จกลับมาประทานพระโอวาท
    แก่พระนาง แล้วค่อยสำเร็จในวาระต่อไป เรื่องเช่นนี้ก็ควรนำไปคิดอ่านไตร่ตรองยึดเป็นคติ
    ย่อมจะเกิดประโยชน์มหาศาลแก่เราเองดีกว่าจะมาปรับทุกข์ปรับร้อนแก่ฝ่ายหนึ่ง ซึ่งกำลังพยายาม
    คิดหาทางช่วยเหลืออยู่อย่างเต็มใจ และเสาะแสวงหาทางเพื่อช่วยให้หลุดพ้นอย่างเต็มกำลัง
    มิหนำยังถูกหาว่ามีใจจืดจางวางปล่อยไม่เหลียวแล ก็ยิ่งเพิ่มความทุกข์ทั้งสองฝ่ายเข้าไปอีก
    ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่เหมาะสมเลย ควรเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ตามแบบพระชายา
    ของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นทางให้เกิดความสุขและเป็นฉบับที่ดีงามถูกต้องดีงามแก่ผู้อื่นด้วย

    การวิตกอยากให้มาก็เพื่ออนุเคราะห์ มิใช่เพื่อจะขับไล่ไสส่ง การสั่งสอนตลอดมาก็เพื่ออนุเคราะห์
    ส่งเสริมตามแบบฉบับแห่งธรรมแก่ผู้ควรอนุเคราะห์ คำว่าปล่อยปละละเลยไม่เหลียวแลนี้
    ยังมองไม่เห็นว่าได้ทอดธุระปล่อยวางห่างเหินอย่างไร ความคิดและอุบายที่แสดงออกทุกขณะจิต
    ที่คิดเพื่ออนุเคราะห์เป็นจิตที่บริสุทธิด้วยเมตตากรุณาจริง ๆ เพื่อผลที่ผู้รับไปปฏิบัติได้
    มากน้อยเพียงใดก็รอคอยจะแสดงมุทิตาจิตไปด้วยเสมอ หากได้ผลเป็นที่พึงพอใจไม่มีข้องแวะ
    ที่ไหนแล้ว ผู้ให้ความอนุเคราะห์ก็เบาใจหายห่วง จิตกับอุเบกขาธรรมก็เข้ากันได้สนิท
    การที่พาปรารถนาพุทธภูมิก็มุ่งจะพาข้ามโลกสงสาร การของดจากพุทธภูมิมาตั้งความปรารถนา
    เป็นสาวกภูมิ อันเป็นภูมิของผู้สิ้นกิเลสอาสวะ ก็เป็นความมุ่งหมายเพื่อจะพาสิ้นกิเลส
    และกองทุกข์ทั้งมวลก้าวเข้าสู่บรมสุขคือพระนิพพานอันเป็นจุดอันเดียวกัน การพาบำเพ็ญกุศล
    ในชาติต่าง ๆ ตลอดมาจนชาติปัจจุบันได้มาบวชบำเพ็ญในพระศาสนา มีสติปัญญาเพียงใด
    พอติดต่อข่าวสารถึงได้ก็พยายามเสมอมา จนได้มาพบเห็นกันในภพนี้และได้ให้โอวาท
    สั่งสอนเต็มสติปัญญาตลอดมาถึงปัจจุบันบัดนี้ ล้วนเป็นอุบายวิธีอนุเคราะห์ด้วยความเมตตา
    สงสารสุดที่จะประมาณอยู่แล้ว ไม่มีขณะจิตใดที่จะทอดอาลัยหมายปลีกตัวให้พ้นไป
    แต่เพียงผู้เดียว แต่เป็นขณะจิตที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงสงสาร


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.umarin.com/umaboard/
     

แชร์หน้านี้

Loading...