รวมตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับผู้นำของโลกยุคใหม่

อันนี้ที่เชื่อนั้นไม่ได้เชื่อเพราะเป็นคำบอกเล่า แต่ศรัทธาในคำสอนของพระศาสดา ว่าวัฏสงสารนั้นมีจริง ภ้ทรกัปล์อันยาวนานนี้ก็มีจริง ไม่ได้เคยเห็นแต่ศรัทธา เพราะความที่ว่าไตรลักษณ์นั้นพระองค์สั่งสอนไว้ ความที่จะให้แจ้งถึงสิ่งเหล่านั้นพระองค์ก็ทรงสอนไว้และสืบทอดต่อกันมานั่นคือการถ่ายขนสัตว์ออกจากวัฏสงสาร พระศรีอารย์ก็มีจริง แต่ไม่ได้จริงเพราะคำบอกเล่า หรือการคิดว่าใครคนใดเป็นพระศรีอารย์ จริงเพราะคำสอนของพระศาสดานั่นเป็นจริงไม่มีกาลเวลา เป็นอนันต์ จริงเพราะคนเราไม่รูจักสร้างความดีให้เกิดกับตนและทุกคนยังไม่เข้าใจว่า ความประมาทหมายถึงอะไร จึงสร้างมโนภาพของตนให้ใกล้เคียงกับคำบอกเล่า แต่ก็ไม่ได้ทราบความหมายว่านั่นมีไว้เพื่อระลึกไม่ให้ประมาท ไม่ให้หลุดลอยออกนอกเขตพุทธสีมา ที่ตนนั่นสร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักยึด ทั้งผู้ปราถนาพุทธภูมิและผู้ปราถนาพระนิพพาน หากว่ากาลเวลาทั้งหลายไม่มีวันสิ้นสุดก็แสดงว่า เราทั้งหลายก็ยังคงต้องวนเวียนอยู่ในภูมิต่างๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่า จะแจ่มแจ้งแทงตลอดในธรรมทั้งหลายของพระศาสดาพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ในกาลเวลาอันหาประมาณไม่ได้ ในอนาคตกาลนั่นเอง

 

เลิกอคติสิคุณkengkennyจะได้ไม่เป็นคนตาบอดใส
คุณkengkennyทิฐิที่สูงๆ พยายามลดๆลงบ้าง

“ทิฐิ” คือความดื้อรั้นในความคิดความเห็นของตน คนเราพอจะพูดกันคุยกันเพื่อหาความรู้ ความจริง ก็ไปติดตัวทิฐิเสีย ทิฐิก็มากั้นความจริง

มิจฉาทิฎฐิไม่เคยให้คุณกับใคร<!-- google_ad_section_end -->

 

นั่นนะสิน่าจะลดๆลงเสียบ้าง จะได้ไม่หลงลืมว่าแท้ที่จริงแล้วตนนั้นคือใครกันแน่ เลิกเอาคำสอนมาผสมปนเปกัน เลิกเอาคำที่ไม่ใช่ของพุทธศาสนามาผสมกับคำของศาสนานั้นศาสนานี้แล้วบอกว่าเป็นพุทธศาสนา ก็เมื่อคนเราหรือมนุษย์เองทำตนเองให้เสื่อมจากความจริงที่มีในตัวเองแล้ว ไอ้สิ่งต่างๆที่สาธยายมาจะไปช่วยอะไรให้ดีขึนได้ ผมมีทิฐิที่สูง และสูงจริงๆเกินคุณ Sriaraya5 จะเข้าใจไช่เพียงแค่ทำสมาธิแล้วเห็นนั่นเห็นนี่ ไม่ใช่เพียงอ่าน และไม่ใช่เพียงแค่สืบเสาะหาพระอริยะเจ้าเพื่อเทียบเคียงสิ่งที่ตนพบเจอ โดยเฉพาะสิ่งที่ตนเจตนาจะให้เป็น ด้วยจิตที่มีทิฐิเช่นเดียวกัน แต่มันต่างกันเพียง ทิฐิ ที่ดี กับ ทิฐิ ที่เสีย เท่านั้น และความจริงก็มีอยู่ว่าเมื่อวันนี้คุณยังไม่รู้ว่าที่ผ่านมานั้นได้ทำอะไรลงไป แล้วเหตุใดคุณจึงเป็นเช่นนี้ เรื่องทิฐินี้สำหรับคุณจึงตกไป เพราะผมรู้ว่าทิฐิ ของผมเป็นเช่นใด ผมไม่เคยปลื้มปิติกับของสมมุติ แม้องค์พระศาสดา ผมศรัทธาในคำสอนของพระองค์ พร้อมปฏิบัติ ไม่ว่าก่อนหน้านั้นผมจะเคยพบพระองค์หรือไม่ก็ตาม ผมก็ไม่ได้ปลื้มในรูปลักษณ์ของพระองค์แม้เพียงชั่วขณะจิต ผมกลับพิจารณาเห็นความเที่ยงแท้ในคำสอนของพระองค์ต่างหาก เพราะนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในจักรวาลนี้ ในวัฏสงสารนี้ หากผมจะจินตนาการผมคงทำได้มากมายเหลือเกิน ก็ตามที่สัญญาที่สั่งสมมาจะพาไปได้นั่นแหละคุณ Sriaraya5 คุณละครับ มองเห็นตนเองได้ชัดเจนเพียงไหน หากยังเพียงตั้งมโนเจตนานั้นไว้ให้เอนเอียงอยู่ ก็นะ อย่างว่าเพราะ ทิฐิ ของเรานั้นต่างกันเหลือเกิน ที่สำคัญเลยจงพิจารณาสิ่งต่างๆด้วยปัญญา ด้วยใจที่บริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง แล้วจะเห็นว่าที่มันบอดนั้นมันไม่ใช่ที่ตาหรอกครับ มันบอดที่ใจ มันยังมองไม่เห็นใจที่แท้จริงของตนเอง

 

พระอยู่ที่ไหน ก็อยู่ในใจของทุกคนนั่นแหละ อย่าคิดมาก...

จะพระสี หรือพระขาวดำ ท่านก็ปฏิบัติของท่านอยู่สม่ำเสมอ ท่านเพ่งแต่จิตของตนเอง ไม่ไปเพ่งจิตของผู้อื่นหรอก

ใจเย็น ขำๆ

 

จะบอกว่าไม่ได้มีเจตนาปรามาสพระ

แต่ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์ให้ว่า....


-ไม่ต้องไปยึดติดกับสมมุติว่าเป็นใคร ชื่ออะไร สำนักไหน อย่าส่งจิตออกนอก เพราะมันจะเสียเวลาปฏิบัติ

จบแระ

 

สามร่มโพธิ์ศรี จะเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เกี่ยวเนื่องกับพระจักรพรรดิ์ ครับ เพราะยุคของพระจักรพรรดิ์จะเกิดในช่วงกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ผู้ที่จะเข้าถึงระบบนี้ได้ต้องสร้างบารมีมาครับ ปัจจุบันนี้ยังมีคนจำนวนน้อยที่เข้าถึงได้ อาจจะเป็นเพราะไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือยังไม่ถึงเวลาที่เบื้องบนท่านจะเปิดให้รับรู้

แต่อย่างน้อยคนที่สนใจในเรื่องเหล่านี้ มีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องดังกล่าวมาแต่อดีต จิตจึงวนเวียนเฝ้ารอคอยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ
อีกไม่นานหรอกครับ จะได้เห็นผู้ที่มีบุญญฤทธิ์ในระบบของพระพุทธศาสนาท่านจะมาปรากฏ

วันก่อนผมไปสังขละบุรี ไปสักการะสังขารหลวงพ่ออุตตมะ ญาณธรรมท่านออกมาทักทาย ท่านบอกว่า ท่านรออยู่ ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบจักรพรรดิ์ เช่นกัน

และพระสงฆ์ อีกรูปนึงที่วัดเสด็จ(ทางเข้า อ.สังขละบุรี) ท่านสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ขนาดใหญ่ด้วยปูน และสร้างพระศรีฯในลักษณะต่างๆไว้ แต่คนในละแวกนั้นไม่ค่อยเข้าใจท่าน ท่านจึงไม่ค่อยคุยกับคนมากนัก

วันที่ผมไปถึงคืนนั้นท่านอาพาธเข้าโรงพยาบาล ผมเองไม่เคยเจอท่านมาก่อน ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นกะว่าจะไปกราบท่านที่วัด พระสงฆ์ลูกศิษย์ท่านบอกว่าหลวงพ่อได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อตอนกลางคืน กำลังคิดว่าจะทำยังไงดี จะไปอาราธนานิมนต์สังขารท่านอยู่ก่อนดีไหม ก็มีคำตอบจากครูบาอาจารย์ส่งกระแสมาจากท้องฟ้าว่า ท่านเป็นพระอริยะ แต่งขันธ์ไปอาราธนาท่านไว้ลูก ให้ท่านอยู่เป็นเนื้อนาบุญของโลก พอดีมีเครื่องขันธ์เก็บไว้ในกระเป๋า ก็เข้าไปคารวะท่านในห้องพักคนป่วยในโรงพยาบาล ไปอาราธนาให้ท่านรับขันธ์อยู่ต่อ ท่านก็รับ ก็สื่อกันทางญาณ พลังจิตท่านไม่ธรรมดาเลย ครับ มีโอกาสคราวหน้าจะไปสนทนาธรรมกับท่าน

 

สถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระศรีอริยเมตตรัย สามร่มโพธิ์ศรี พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ และพระจักรพรรดิ์ นอกจากที่พระพุทเจ้าห้าพระองค์ จ. หนองคายแล้ว ก็จะอยู่ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว

สัปดาห์ที่แล้ว 24-26 ก.ย. 53 ได้พาคณะไปภาวนาที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ก็โดนทดสอบหลายอย่าง แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

คืนแรกไปภาวนาที่ยอดเขา ออกเดินทางจากวัดด้านล่างประมาณตีสาม ฝนก็มาตามนัดคือฝนตกตลอด จากตีสามฝนเริ่มตกอย่างหนัก แต่ก็ต้องขึ้นยอดเขาเพราะว่าเอ่ยสัจจะไปแล้ว กว่าคนหัวแถวจะไปถึงยอดเขาก็ประมาณตีห้าครึ่ง หางแถวไปถึงก็ประมาณหกโมง เพราะทางเดินค่อนข้างลื่นเมื่อฝนตก

ระหว่างทางก็มีงูตัวเล็กๆออกมาเล่นน้ำตรงทางเดิน ก็ได้แต่สงสัยว่างูอะไรมาเล่นน้ำตอนดึก เดินมาได้หน่อยนึงก็มีกระแสเสียงมาบอกว่าข้าน้อยเหล่าพญานาคมาต้อนรับ

ประมาณร้อยเมตรก่อนถึงยอดเขา ก็จะปรากฏรูปปั้นยักษ์หญิง-ชาย อยู่ทางซ้าย-ขวาของทางเดิน ก็มีกระแสวูบเข้ามาใกล้ ได้ยินเสียงบอกว่า น้องหล่าหายไปไหนตั้งนาน ไม่มีเพื่อนวิ่งเล่นซ่อนหาด้วยเลย จิตก็ตอบไปว่า พ่อพระอินทร์ท่านให้ไปทำงานศาสนา จากนั้นยักษ์ 2 ตนนั้นก็เข้ามาใกล้เดินขนาบ 2 ข้างไปตลอดทาง

เมื่อไปถึงยอดเขาก็มีกระแสวูบมาอย่างแรง เมื่อมองดูก็เห็นว่ากระสนั้นมาจากรูปปั้นของพระอินทร์ อยู่ในปราสาทเล็กๆ จิตก็บอกว่าพ่อพระอินทร์มาตามนัด ตามที่ท่านบอกไว้เมื่อเดือนก่อน ก็ได้แต่งเครื่องขันธ์สักการะท่าน

ผมก็ให้คณะนั่งสมาธิในศาลาเล็กๆ ส่วนผมปีนขึ้นไปนั่งสมาธิท่ามกลางสายฝน บนแท่นหินสูงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ตามที่หลวงปู่ทวดท่านเคยบอกไว้

พอจิตเริ่มสงบ ก็ทราบได้ทันทีว่าที่นั่งอยู่นั้นเป็นจุดเชื่อมต่อของสามโลก ก็ได้อธิษฐานแผ่เมตตาบารมี ตามแนวทางที่หลวงปู่ทวดท่านบอกไว้ จากนั้นจิตก็สงบเข้าไปอีกรอบนึงสักครู่ก็มีกระแสครูบาอาจารย์ที่เป็นฤษีท่านเข้ามา ก็ถามว่าท่านเป็นใคร ชื่ออะไร ท่านบอกว่าปู่ชื่อปู่นิรนาม ปู่ไม่มีชื่อ แล้วแต่ว่าใครจะเรียกชื่ออะไร ท่านบอกว่า พวกเจ้านี่มีบุญนะที่มาถึงที่นี่ได้ ที่นี่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ พอคิดจะถามท่านว่าศักดิ์สิทธิ์อย่างไร ท่านก็บอกว่าปู่ไปแล้วนะ ในจิตเห็นท่านลอยละลิ่วไปอย่างเร็วหายไปในภูเขา

นั่งสมาธิได้สักพัก คณะที่อยู่ท้ายแถวก็มาถึง ก็ได้เข้านั่งสมาธิกันตามจุดต่างๆ จากนั้นผมก็ลงจากแท่นหินสูงไปด้านล่าง สักพักปู่โตท่านมาดุเสียงดัง เรื่องที่มีพวกเราใส่รองเท้าเข้าไปในบริเวณสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ทุกคนก็รีบถอดรองเท้านำไปเก็บนอกบริเวณลานหิน ปู่โตท่านบอกให้อธิษฐานของพร ให้ขอในสิ่งเดียว จากนั้นท่านก็ให้เก็นเศษใบไม้และขยะต่างๆ เป็นการใช้หนี้สงฆ์

ประมาณแปดโมงครึ่ง ฝนหยุดตก(ฝนตกตั้งแต่ตีสามถึงแปดโมงครึ่ง) ก็เดินทางลงจากเขาไปวัดด้านล่าง<!-- google_ad_section_end -->

สถานที่แห่งนี้ครูบาอาจารย์จากฝั่งไทยและฝั่งลาว มักมานั่งภาวนาทดสอบขันติบารมีของตนเอง หลายรูปที่เรารู้จักตั้งแต่หลวงปู่มั่น ปู่เสาร์ ปู่ทองทิพย์ ปู่ฝั้น หลวงพ่อคูณ ฯลฯ ผู้ที่ผ่านภูเขาควาย ท่านจะมาผ่านการทดสอบบารมี ณ สถานที่ตรงนี้ ส่วนที่บำเพ็ญภาวนาหลักของหลวงปู่มั่น จะเลยจากสถานที่นี้ไปอีก ประมาณ 7 กิโลเมตร

 

ส่วนคืนที่สองไม่ได้ขึ้นยอดเขาเพราะต้องไปเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์รูปนึง ซึ่งท่านรอบางสิ่งบางอย่างอยู่ท่านภาวนาอยู่ที่ชั้นที่ 2 ของภูเขาควาย (ยอดเขาเป็นชั้นที่สาม)ท่านบอกว่าสถานที่ที่ท่านอยู่นั้นใครมาอยู่ก็จะอยู่ได้ไม่นาน 1-3 คืนก็จะต้องลงเขาไปแต่ท่านมาอยู่ภาวนาที่ภูเขาควายได้ประมาณ 9 เดือน

แล้วผมสนทนาธรรมกับท่านตั้งแต่หลังเที่ยงถึงตี 3 ก็ได้ข้อสรุปว่าท่านมาทำหน้าที่สร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์เพราะเครื่องที่ท่านทำอยู่นั้นเป็นเครื่องธรรมของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์พระอาจารย์ของพระสงฆ์รูปนี้ท่านอยู่ที่เขาพนมกุเลน ในประเทศเขมร

พระสงฆ์ท่านเป็นคนจากลาวภาคใต้ แถวๆหลี่ผี ท่านบอกผมว่าพระอาจารย์ของท่านนั้นเป็นพระโบราณที่สำคัญคือมีกงจักรสีแดงอยู่ในฝ่าเท้าหลวงปู่รูปนี้ท่านถือครองพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ปฏิบัติอยู่ที่เขมร ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่แต่ท่านจะอยู่ไม่เป็นที่ พระท่านบอกว่าท่านสามารถติดต่อกับอาจารย์ของท่านได้ทางญาณ ก็กะว่าออกพรรษานี้คณะของผมจะไปกราบหลวงปู่ที่มีฝ่าเท้ากงจักร ในวาระที่ไปทำศาสน์ศิลป์พระเจ้าห้าพระองค์ที่นครวัด นครธม


ผมเข้าใจว่าหลวงปู่ฝ่าเท้ากงจักร รูปนี้คือหนึ่งในสามร่มโพธิ์ศรีครับ เหลืออีกรูปนึงน่าจะอยู่ที่ภูเขาควาย ประเทศลาว ก็ตั้งใจว่าจะไปภาวนาเรื่อยๆ อธิษฐานให้ท่านออกมา ก็จะครบ สามร่มโพธิ์ คือ หลวงปู่ทองทิพย์ (ไทย) หลวงปู่ฝ่าเท้ากงจักร(เขมร)และ พระสงฆ์อีกรูปนึง(ลาว)ยังไม่ทราบว่าเป็นรูปใด คาดว่าอีกไม่นาน ผมจะต้องเชื่อมได้ครบทั้ง 3 พระองค์ของสามร่มโพธิ์ศรี


ที่ภูเขาควายนั้นยังมีพระสงฆ์ที่มีชีวิตอยู่อีกรูปนึง ชื่อหลวงปู่ตรับ ท่านไปไหนมาไหนกับเสือโคร่งตัวใหญ่ คนแถบภูเขาควาย ได้พบเห็นท่านบ่อย ที่ภูเขาควายผมก็ได้อาราธนาถึงท่าน ท่านก็มาโดยญาณพร้อมกับเสือตัวใหญ่ ก็หวังว่าคงจะได้มีโอกาสกราบกายสังขารท่านในไม่ช้า นอกจากนั้นก็มีปรมาจารย์ตั๊กม้อ ท่านก็มีญาณอยู่ที่ภูเขาควาย ตอนที่ผมนั่งภาวนาอยู่ที่นั่นท่านก็ส่งกระแสญาณมาทักทาย รูปร่างท่านชัดแจ๋วตามในรูปเลย มีเส้นผมอยู่หน่อยเดียว ก็เลยอาราธนาให้ท่านอธิษฐานประคำกระดูกช้างให้ ก็เห็นท่านมาเป่าให้ แล้วท่านก็กลับไป


มาถึงจุดนี้ก็เชื่อเลยว่า ภูเขาควายมีสิ่งเร้นลับมากมายจริงๆ ขณะนั่งสมาธิได้สัมผัสกับหลายสิ่งหลายอย่าง ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ท่านใดที่ต้องการทดสอบบารมีตนเองก็ลองไปภาวนาที่ภูเขาควายได้ครับ ภูเขาควายนี้พลังมหาศาลทีเดียว ไปภาวนาที่นั่น เดินขึ้นเขา-ลงเขาไปกลับ 8 กิโลเมตร ไม่รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด ที่สำคัญคือต้องรู้บริเวณที่จะไปภาวนาและเวลาที่จะไปนั่ง ซึ่งเวลารุ่งอรุณดีที่สุดสำหรับการภาวนาที่ภูเขาควาย ครับ

 

พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ที่เบื้องบนกำหนดให้สร้างบนโลกมนุษย์ เท่าที่ท่านเปิดให้ทราบแล้วมี 2 สถานที่คือ ที่ จ. หนองคาย(องค์พระสร้างเสร็จแล้ว) และที่ภูเขาควาย ประเทศลาว อยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง

คืนที่สองระหว่างสนทนาอยู่กับพระสงฆ์ ท่านก็ขอให้ผมตรวจดูให้หน่อยว่าท่านจะสามารถสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ได้หรือไม่

ท่านพาผมไปนั่งภาวนาบนลานหินขนาดใหญ่ที่จะประดิษฐานองค์พระศรีฯ เมื่อเริ่มนั่งก็มีกระแสบัญชาจากพ่อพระอินทร์ ว่าให้สร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ณ สถานที่ ที่ผมภาวนา ท่านบอกรายละเอียดให้หลายอย่าง ผมก็ได้ประสานกับพระสงฆ์ที่ท่านรอสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีแนวทางว่าจะทำศาสน์ศิลป์อย่างไร เมื่อได้พบกันครูบาอาจารย์ รวมถึงพ่อพระอินทร์ ท่านก็ได้เปิดให้รับรู้ว่าแต่ละคนที่มาเกิดนั้นรับบัญชามาจากเบื้องบน มาสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ผมมีหน้าที่สร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในฝั่งไทย ส่วนพระสงฆ์ที่ลาวนั้นท่านต้องนำสร้างในฝั่งลาว แต่พ่อพระอินทร์ให้ผมไปช่วยพระสงฆ์ท่านสร้างบารมี ในเรื่องของศาสน์ศิลป์ที่จะทำเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เช่น การครอบภูมิ(การขอสถานที่สำหรับสร้างอาณาบริบริเวณขององค์พระ) การกำหนดเขตแดนของภพภูมิ ลำดับการดำเนินการสร้าง รวมทั้งศาสน์ศิลป์ในการบวงสรวงบอกกล่าวต่างๆ

ซึ่งการสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ที่ภูเขาควายนั้น เป็นงานยักษ์(งานใหญ่) และสร้างในเขตภูมิยักษ์ที่ดุร้าย เขาไม่ยอมอนุโมทนาง่ายๆ ต้องอาศัยเหตุปัจจัยที่ถูกต้องหลายประการ

งานนี้สมเด็จโต กับปู่่สังกะสา ท่านจะเป็นผู้ใหญ่คอยดูเรื่องการป้องกันพวกยักษ์ ส่วนพระสงฆ์(ฝั่งลาว)ผมและคณะมีหน้าที่ดำเนินการสร้าง ขณะเดียวกันเบื้องบนได้ส่งยักษ์ที่มีฤทธิ์ตนนึงมาคอยทดสอบบารมี หลวงปู่โตท่านบอกว่างานนี้ห้ามผิดพลาด หากทำผิดพลาดก็สร้างพระไม่สำเร็จ ยักษ์ตนนั้นจัดการเราแน่

ก่อนกลับได้อธิษฐานพระแม่ธรณี ขึ้นมาชี้สถานที่ พร้อมทั้งตำแหน่งที่จะประดิษฐานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้ตำแหน่งบนก้อนหินขนาดใหญ่ 5 ก้อน พระศรีฯอยู่ตรงกลาง ส่วนอีก 4 พระองค์ หันไปทางทิศทั้งสี่ ขนาดองค์พระท่านให้ใช้ขนาดเดียวกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ที่จ.หนองคาย แต่ท่านอนุโลมให้สร้างเป็นพระปูนได้ โดยให้เน้นที่เครื่องบรรจุในองค์พระ พร้อมกันนั้นท่านก็ให้สร้างองค์พระอินทร์กับม้าคู่บารมีของพระศรีฯด้วย ซึ่งโดยรวมแล้วก็คือศาสน์ศิลป์เดียวกันกับพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ในฝั่งไทย

ก่อนออกพรรษาก็จะไปทำพิธีครอบภูมิ งานนี้ต้องอาราธนาปู่สังกะสากับ ย่าสังกะสี(ท่านปู่่-ท่านย่า) ให้ท่านคุมหลังให้ เพราะแถบภูเขาควายมียักษ์เกเรเยอะ แถวนั้นมีพระสงฆ์ไปมรณะภาพบ่อย เมื่อไม่นานมานี้มีพระสงฆ์จากฝั่งไทย ท่านขึ้นไปภาวนาบนยอดภูเขาควาย ขึ้นไป 3 รูป กลับลงมาแค่ 2 รูป อีกรูปนึงมรณภาพ โดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านก็ขึ้นยอดเขาไปช่วยกันหามศพพระสงฆ์ลงมา

งานสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์เป็นงานของสามโลก คณะผมก็มาทำงานตามหน้าที่ ท่านให้ทำอะไรก็ต้องทำเพราะรับบัญชา(สัจจะ)มาแล้ว

ในช่วงที่ผมมาอัญเชิญทรัพย์พระจักรพรรดิ์ มาที่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ จ. หนองคาย ครูบาอาจารย์ท่านให้ผมไปทำพิธีอัญเชิญอยู่ที่ชั้น 1 ของภูเขาควาย แห่งนี้ เช่นกัน

 

ขอบคุณค่ะ ชอบตรงที่มีรูปภาพด้วยนี่แหละ สาธุๆๆๆๆๆ

มองรูปกันเพลิน....หลังชา หน้าผากมึน หงายหลังไปเลยค่ะ โมทนาสาธุ

 

คืนวันเสาร์ที่ 2 ต.ค. ได้อาราธนาหลวงปู่ทวดท่านลงมาให้คำปรึกษาในการสร้างพระอินทร์ และ พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ที่ฝั่งภูเขาควายประเทศลาว

หลวงปู่ทวดท่านแนะนำให้สร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ โดยให้หล่อด้วยโลหะทั้งห้าพระองค์เพราะจะมีพลังมากกว่าที่สร้างโดยถืออิฐก่อปูน เพราะธาตุโลหะนั้นจะเป็นธาตุที่มีพลังมาก หากสร้างด้วยปูนจะมีพลังต่ำแม้ว่าจะสร้างให้มีขนาดใหญ่ก็ตาม

หลวงปู่ทวดท่านบอกว่าหากสร้างพระด้วยโลหะองค์เท่าคนหน้าตัก 30 นิ้วด้วยโลหะ จะมีพลังมากกว่าพระที่สร้างด้วยปูนหน้าตัก 10 วา ท่านบอกว่าเป็นเรื่องของธาตุ หากสร้างด้วยปูนเมื่อแปรธาตุแล้วจะไม่มีพลัง พระที่สร้างด้วยปูนแล้วศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นไปตามพลังของธาตุที่บรรจุอยู่ภายใน

จากนั้นท่านก็ให้รายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะของพระอินทร์ที่จะต้องสร้างไว้เป็นสื่อญาณที่ภูเขาควายและลักษณะของพระอินทร์ที่จะต้องสร้างไว้ที่ฝั่งไทย รวมทั้งอาวุธ ที่ท่านถือด้วย

นอกจากนั้นก็ถามท่านเรื่องของสิ่งที่ตามผมมาจากภูเขาควาย หลวงปู่ท่านบอกว่าผู้ที่ตามผมมาจากภูเขาควาย 2 ตนคือ พญานาคใหญ่ ระดับกษัตริย์นาค ตนนึง และยักษ์ใหญ่ตนนึง ท่านบอกว่าท่านทั้งสองตนเป็นญาติของผมในอดีตแต่ต่างภพชาติกัน เป็นยักษ์และนาคฝ่ายดี เขาตามมารักษาและร่วมสร้างบารมี เขาตามอนุโมทนาบุญที่ผมไปทำตามสถานที่ต่างๆ

หลวงปู่ท่านบอกว่าให้เลือกว่า จะให้ใครอยู่และให้ใครกลับไปอยู่ที่ที่เดิม เพราะถ้ายักษ์กับพญานาคอยู่ด้วยกัน หากตีกันเมื่อไรก็จะวุ่นวาย แต่หลวงปู่่ทวดท่านเน้นว่าอย่าขับไสไล่ส่งเขา ท่านบอกผมว่าถ้าอยากได้ฤทธิ์ก็ให้ยักษ์อยู่ ต่อมาผมมานั่งพิจารณาดูแล้วก็เลยให้นาคกับยักษ์แบ่งหน้าที่กันทำ ห้ามล้ำเส้นกัน(ป้องกันการทะเลาะกัน) โดยให้พี่ยักษ์เป็นผู้รักษาเบื้องหน้า เบื้องบนและเบื้องขวา ส่วนพ่อพญานาค ก็ให้ท่านรักษา เบื้องซ้าย เบื้องหลังและเบื้องล่าง

จากนั้นหลวงปู่ท่านอธิบายถึงเรื่องที่เสื่อและเครื่องสักการะ ที่อยู่หลังก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขาควาย ที่หายไปได้เองเมื่อคณะนั่งสมาธิและออกจากสมาธิ ท่านบอกว่าดีแล้วที่ได้เห็นจากตาหยาบ ท่านว่าพวกนางฟ้า เทวดาเขาลงมากราบไหว้ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์นั้น เขาตั้งใจแสดงให้พวกเราเห็นจึงได้มองเห็นเสื่อและเครื่งสักการะต่างๆ

จบลงด้วยภาพพระศรีฯ ทรงเครื่องสีขาว เตรียมสมโภชน์ในงานกฐินพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ เพื่อนำองค์พระไปถวายวัดป่าใน จ. ชัยภูมิ และภาพหุ่นขี้ผึ้งของพระอาจารย์ของผมอีกรูปนึงคือพระอุปคุต ที่ท่านเมตตาปรากฏภาพขององค์ท่านให้ผมเห็นในอิริยาบทปราบมาร คือท่านั่งสมาธิ มีนาคปรก 9 เศียร (หุ่นขี้ผึ้งนี้จะคล้ายองค์ท่านประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์) จะจัดเททองหล่อพระอุปคุต ที่พุทธสถานพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ จ.หนองคาย ในวันออกพรรษา (23 ต.ค. 53) เวลาประมาณ 11.09 น.

 

โอ่ว มายก๊อต ... คุณ อัญญาสิทธิ อย่ามานาธาน
แต่งเรื่องเอง เพ้อเจ้อเอง มากไปป่าวเพ่

เพี้ยนครับ พี่น้อง​

 

อยากรู้ก็ปฏิบัติกรรมฐานซิ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ อายตนะมนุษย์เป็นประสาทรับสัมผัสที่หยาบมาก อะไรที่ไม่เห็น ไม่รู้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มี

รักดอกจึงบอกกล่าว รักเจ้าอยากให้เข้าถึงธรรม.....

 

อย่าเดินตามตูดฝรั่งให้มาก

วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งการเกิด
พุทธศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งการดับ

อยากอินุงตุงนังอยู่ที่นี่ หรืออยากจะดับก็เลือกเอา.....

 

สวัสดีค่ะ ตามคุณวสุธรรมมาทักทายและเป็นกำลังใจให้นะคะ ขออนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุค่ะ

 

ภาพลายเส้นของพระศรีอาริยเมตไตรย์ครับ

ขอบคุณ คุณbenyapaครับ
ผมได้รับกำลังเต็มเปี่ยมเลย
ขออนุโมทนาครับ

 

คุณไอ้แสบ เล่นปรามาสคำของหลวงปู่ทวด ซะงั้น ก็ต้องยอมรับในความกล้าของคุณล่ะ ขอให้จำเริญๆละกัน คงจะมีเทวดาแย่งกันบันทึกความดีของคุณไอ้แสบกันใหญ่เลย

ผมเองยังขลาดอยู่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะมีดีได้แค่ฝุ่นใต้ฝ่าเท้าหลวงปู่ทวดเอง

เรื่องที่ผมนำมาบอกเล่านี่ไม่ใช่ผมรู้เห็นคนเดียวหรอกนะ มีคนรับรู้เป็นสิบเลยแหละ แต่สิ่งที่คุณเขียนมาน่ะเข้าใจว่าคุณคิดและก็รู้เห็นคนเดียวแน่เลย

 

เอ.....เข้าใจผิด หรือว่าจิตวิปริตครับเนี่ย

พาลซะไม่มี ตัวเองโดนเค้า แขวะเองแล้วยังไปดึงครูบาอาจารย์ มาเอี่ยว มาเป็นโล่ห์บังตัวซะงั้น

โพธิสัตว์ แบบไหนกัน

ศรีธันยา พยากรณืครับงานนี้

 

คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อคนฉลาด (กว่า)

เอ่อ...สำรวจข้าง ๆ หัวหน่อยนะครับ
ปุ่มเขาเริ่มงอกรึยีง

อย่าโง่ครับ..
ไม่ใช่ใครเขาเขียนอะไรไห้อ่านก็เชื่อเค้าไปซะหมด
หัดใช้ปัญญามั่ง เจ้....

กาลามสูตรก็มี อ่านหน่อย
จะมาฝอยทั้งที ลูกหลานจะไม่ดูถูกเอา

 

ถามหน่อย อัญฐาสิทธิ
วัน ๆ มัวแต่เอาเวลา มานั่ง แต่งกระทู้หลอกควาย ไปวัน ๆ
เปิด ID เค้าไปเท่าไหร่แล้ว

ประมาณว่าเริ่ม ๆ เพี้ยนอ่ะ ตั้งกระทู้ถามเอง -ตอบเอง ก็เป็นด้วย

แล้วเอาเวลาไหนไปเจอหลวงปู่ทวด

เพ้อเจ้อ