หลวงปู่หมุน พระผงรูปเหมือนดวงเศรษฐี รุ่น เสาร์ 5 มหาเศรษฐี
หลวงปู่หมุน พระผงรูปเหมือนดวงเศรษฐี รุ่น เสาร์ 5 มหาเศรษฐี พระผงหลวงปู่หมุน หลวงปู่เสกนานมาก เจตนาดี วัดสร้างเองรุ่นนี้ละครับ ที่เกินคำบรรยาย แบบธรรมดาสร้าง 9000 องค์ตอนนี้หายากเช่นกันไม่รู้ไปไหนหมด แนะนำเลี่ยมขึ้นคอได้เลยครับพระรุ่นนี้ว่ากันว่าประสบการณ์เรื่องโชคลาภดียิ่งนักซึ่งเหมาะสมทีเดียวครับกับสภาพเศรษฐกิจยุคปัจจุบันนี้ พระผงหลวงปู่รุ่นนี้จัดสร้างโดยวัดป่าหนองหล่มโดยได้ทำการอธิษฐษนจิตในวันเสาร์ 5 วันที่ 8 เมษายน 2543 โดยมีหลวงปู่หมุนและหลวงปู่กอง วัดสระมณฑล มาร่วมเป็นประธานในพิธีนอกจากนี้ความพิเศษของพระรุ่นนี้ก็คือหลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดินได้มาร่วมปลุกเสกด้วยเป็นเวลากว่า 3 ชม. ดังนั้นพระรุ่นนี้จึงไม่ธรรมดาเลยครับสำหรับประสบการณ์รุ่นนี้เท่าที่พบส่วนใหญ่เรื่องโชคลาภเป็นหลักสมชื่อดวงเศรษฐีครับ พร้อมบูชา 550 ครับ
รายการใหม่ชุดหลวงปู่หมุน น.6 หลวงปู่ดู่ รุ่นอันตรายาปิ ญาท่านสวน พุทโธน้อยใหม่ ๆ
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ทัชชญา, 19 มิถุนายน 2011.
หน้า 2 ของ 6
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
หลวงปู่หมุน พระผงรูปเหมือนดวงเศรษฐี รุ่น เสาร์ 5 มหาเศรษฐี
พระสิวลีหลังพระแม่ธรณี (พิมพ์ใหญ่) หลวงปู่หมุน ฐิตสีโลปลุกเสก
สร้างโดยพระอาจารย์ตั้ว แห่งวัดซับลำใย ชนวนผงพุทธคุณเกจิอาจารย์ต่างๆกว่า 300 เกจิ ที่พระอาจารย์ตั้วได้รวบรวมไว้ ด้านหน้าพระสิวลีพุทธคุณโดดเด่นด้านโชคลาภ,เงินทอง....ด้านหลังพระแม่ธรณีแคล้วคลาดปลอดภัย...หลวงปู่หมุนอธิฐานจิตให้เต็มที่แก่วัดซับลำใยเพื่อนำรายได้มาสร้างศาลาและหล่อรูปเหมือนของท่าน พร้อมบูชา 550 ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สีผึ้งหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล
ตลับสีผึ้งหลวงปู่หมุนบรรจุสีผึ้งเสาร์ห้ามหาเศรษฐีน้ำมันกะลาตาเดียวหุง ด้วยขี้ผึ้งเทียนชัยและขี้ผึ้งแท้กับน้ำมันมะพร้าวตาเดียว หลวงปู่หมุนหุงและเสกเมื่องานเสาร์ห้า 2543 ที่วัดป่าหนองหล่ม จ.สระแก้ว เป็นตลับที่ต้องบอกว่าฝาหน้าตลับสีผึ้งออกแบบมาได้เหมือนหลวงปู่มากครับ พิมพ์น่าจะเป็นแบบเหรียญรุ่นแรกที่ตอกเลข 1 ที่สังฆาติของหลวงปู่ สำหรับผู้ที่จะใช้สีผึ้งนะครับต้องบอกก่อนนะครับว่าของหลวงปู่แรงจริง ๆ มีคาถากำกับทุกครั้งที่ใช้ ได้ผลทุกครั้งครับตามที่เราอธิฐานขอ และถ้าเราจะไปเจรจาเรื่องใดจะให้ประสพความสำเร็จก็ให้ใช้สีผึ้งทาที่ปาก และว่าคาถากำกับ จะสำเร็จแน่นอนครับ ตลับทองเหลือง บรรจุสีผึ้งขนาดประมาณเหรียญ 10 บาท พร้อมทั้งยิงเลเซอร์ชื่อ ปู่หมุน ฐิตสีโลไว้ด้วยครับ จำนวนสร้างไม่มากครับ น่าเก็บและน่าใช้จริง ๆ มีสมาชิกบางคนที่บูชาไปแล้วบอกว่านำไปเลี่ยมห้อยคอก็สวยไปอีกแบบครับ
คาถาบูชา ตั้งนะโม 3 จบ
ปิโย เทวะมะนุสสานัง ปิโยพรหมานะมุตตะโม
ปิโยนาคะสุปัณณานัง ปิยินเทริยังนะมามิหัง
(3 คาบ เป็นเสน่ห์แก่คนทั้งปวง)
พร้อมบูชา 1000 ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
กริ่งพระเศรษฐีนวโกฏิ รุ่นแซยิด 88 ปี (โชค ลาภ ฟู)
กริ่งพระเศรษฐีนวโกฏิ รุ่นแซยิด 88 ปี (โชค ลาภ ฟู) ปี52 หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา
บูชาเพื่อความเจริญก้าวหน้า ร่ำรวย ทรัพย์สินเงินทอง เสริมดวงชะตาชีวิต
พระเศรษฐีนวโกฏิ มีชื่อเรียกขานกันจำนวนมาก เช่น พระสมเด็จเก้าหน้า พระเก้าหน้า พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ เป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ความศักดิ์สิทธิ์ ทางด้านทรัพย์สินเงินทอง มหาโชค มหาลาภ ผู้ใดได้สักการบูชาแล้ว มักประสบความสำเร็จรุ่งเรือง ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มีรูปแบบ เป็นรูปพระพุทธรูปปางสมาธิ หรือปางพนมมือ นั่งประทับบนฐานบัว
พระเศรษฐีนวโกฏิ เป็นรูปเคารพที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้า จำนวน 9 ท่าน ทั้งหมดเป็นมหาเศรษฐีใจบุญจากเมืองต่างๆ ที่กำเนิดในครั้งพุทธกาล และมีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาและคำสอนของพระพุทธองค์อย่างแรงกล้า เศรษฐีทั้ง 9 มีนามว่า ท่านยสะเศรษฐี ท่านชฎิลเศรษฐี ท่านสุมังคละเศรษฐี ท่านอนาถปิณฑิกะเศรษฐี ท่านโชติกะเศรษฐี ท่านสุมนะเศรษฐี ท่านเมณฑกเศรษฐี ท่านธนัญชัยเศรษฐี อุบาสิกาวิสาขาเศรษฐี มหาเศรษฐี ใจบุญทั้ง ๙ เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงถวายตัวเป็นพุทธอุปัฎฐาก คอยช่วยเหลือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งต่อมาเศรษฐีทั้ง 9 ก็บรรลุพระโสดาบัน พระอรหันตผล
พระเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าหน้า พระเก้าหน้า มีความหมายอันเป็นมงคลยิ่งกล่าวคือ เลข “9” สำหรับคนไทยเป็นเลขมงคลสูงสุดและในทางโหราศาสตร์ เลข “9” ถือเป็นองค์แทนพระเกตุอันหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนดั่งได้พระบารมีจากพระพุทธองค์ปกป้องคุ้มครอง ดูแลผู้บูชาให้มีแต่ความสุข ปราศจากอุปสรรค ทุกข์โศกโรคภัย มีแต่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป และจะเป็นผู้มีมากด้วยโภคทรัพย์ สำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ
หลวงพ่อฟู บอกว่าจะสร้างพระเศรษฐีนวโกฏิให้ดี ต้องสร้างจากไม้มงคลหรือโลหะมงคล ในปัจจุบันจะหาไม้มงคลก็ยาก หาช่างแกะก็ยาก หลวงพ่อฟูจึงให้สร้างจากเนื้อระฆังเก่า เป็นมงคลยิ่งนักเพราะทุกครั้งที่มีผู้มีจิตศรัทธามาวัดทำบุญ และ ตีระฆัง จะอธิฐานจิตส่งแรงใจ บูชาคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากทั่วทุกสารทิศ ให้มาช่วยประสิทธิ์ประสาทพร ความสำเร็จ เสียงจากระฆังเป็นดั่งสัญญาที่ส่งไปถึงทั้งไตรโลก ไตรภูมิ คนโบราณอยากจะทำการสิ่งใดให้สำเร็จ เมื่อสำเร็จจึงมักสร้างระฆังถวายวัดกัน “นำวัตถุมงคลที่สร้างจากระฆังเก่ามาบูชา เหมือนนำความสำเร็จมาสู่ตนเอง”
หลวงพ่อฟู ได้มอบให้พระครูวิจิตรสรการ รองเจ้าอาวาสวัดบางสมัคร เจ้าคณะตำบลบางสมัคร อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรา รวบรวมระฆังเก่าในวัด และได้รับมอบหมายจาก พระสงฆ์ในเขตปกครองที่ทราบและเคารพศรัทธาในหลวงพ่อฟูมอบให้ในเบื้องต้นขอเอ่ยนาม 2 ท่าน คือ พระครูบรรพตภาวนานุสิฐ วัดเขาดิน จังหวัดฉะเชิงเทรา และ พระปลัดสมพงษ์ วัดหอมศีล จังหวัดฉะเชิงเทรา หลวงพ่อฟู กำชับว่าให้ “สร้างจากเนื้อระฆังเก่าล้วนๆ ไม่ต้องผสมเนื้อใหม่ ยกเว้นแผ่นยันต์ ตะกรุดเก่าชนวนหล่อพระเก่า เพื่อความเข้าขลัง ให้ความศักดิ์สิทธิ์บังเกิดตั้งแต่เนื้อในองค์พระ” โดยหลวงพ่อฟูได้ทำพิธีบัดพลีระฆังเก่า ลงอักขละเลขยันต์ตามแบบโบราณ มีพระเจริญพระพุทธมนต์ 9 รูป เพื่อความเป็นมงคลยิ่ง
รูปแบบพิมพ์ทรง ถูกต้องตามลักษณะทุกประการสวยงามที่สุดเท่าที่เคยจัดสร้างกันมาเนื้อหาองค์พระนั้นใช้เนื้อระฆังเก่าล้วนๆ มาหล่อ องค์พระออกมาจะไม่เหมือนกันทุกองค์ แล้วแต่เนื้อระฆังเก่าแต่ละใบ แต่มีจุดสังเกตคือผิวพระจะหยาบไม่เรียบสีผิวจะปล่อยตามธรรมชาติ เหลือง แดงคล้ำบ้าง จะดูเนื้อใน ต้องดูที่ใต้ฐานพระเพราะจะอุดไม้มงคลมหาเศรษฐี มวลสารเก่า เกศา ชนวนเม็ดเพระกริ่งเก่าและตะไบ เห็นเนื้อใน เนื้อหามวลสารสวยงาม มองแล้วมีคุณค่ายากจะปลอมแปลง ทางวัดจัดสร้างเพียงเนื้อเดียว ตอกโค๊ด ตอกหมายเลขทั้งหมด กรณีองค์พระไม่สมบูรณ์ทางวัดก็จะคัดออกก่อนเลย กรณีได้ไม่ครบจำนวนก็ให้จบตามจำนวนเนื้อระฆังเก่าและความสมบูรณ์องค์พระเป็นหลัก
“ผู้ชื่นชอบผิวพระสวยเรียบงามแบบสมัยใหม่ ไม่ควรสั่งจองบูชา เพราะใช้ระฆังเก่าหล่อ ผิวองค์พระจะค่อนข้างหยาบไม่เรียบ”
“ผู้ชอบความเข้มขลัง อลังการ ความศักดิ์สิทธิ์จากเนื้อชนวนมวลสารต้องรีบบูชา เพราะหาไม่ง่ายนักในปัจจุบันที่จะรวบรวมมวลสารมาได้ขนาดนี้ ระฆังบางใบอายุกว่า 100 ปีทำพิธีบัดพลีถูกต้องศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เนื้อในองค์พระเป็นครั้งแรกของพระเศรษฐีนวโกฏิ ที่หล่อจาก เนื้อระฆังเก่าล้วนๆ "
พระคาถาบูชา พระเศรษฐีนวโกฏิ “นะมามา มะหามีนา มะหาลาภา นะชาลิติ”
รายละเอียด กริ่งพระเศรษฐีนวโกฏิ รุ่นแซยิด 88 ปี (โชค ลาภ ฟู) ปี52 หลวงพ่อฟู เนื้อระฆังเก่า บรรจุเกศา เม็ดพระกริ่งเก่า ผงไม้มหาเศรษฐี จำนวนจัดสร้าง 9,999 องค์ ตอกโค๊ด ตอกหมายเลข
พร้อมบูชา 999 ครับ ที่อื่นไป 1500 แล้วครับ เก็บก่อนที่จะหาไม่ได้ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระสมเด็จวัดระฆังรุ่นอนุสรณ์ 118 ปี สมเด็จโต
พระสมเด็จวัดระฆังรุ่นอนุสรณ์ 118 ปี สมเด็จโต บูชาแล้วชีวิตเจริญก้าวหน้า อยู่เย็นเป็นสุข สวยนิยม ทำพิธีมหาพุทธาพิเษก ณ อุโบสถวัดระฆัง พ.ศ. 2533 ผสมมวลสารผงวิเศษ 5ประการ ผงพระเก่าวัดระฆัง ผงเก่าพระสมเด็จกรุบางขุนพรหม นับอายุการสร้างถึงปัจจุบันนี้ก็ 16 ปีแล้วครับ องค์พระเนื้อเก่าเหลือง สวยงามมากเพราะผสมผงมวลสารเก่ามากนั่นเองครับ แม้ว่าพระสมเด็จที่ทางวัดระฆังโฆษิตารามได้จัดสร้างขึ้นนั้นจะมีอยู่หลายวาระ แต่ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ก็จะมีรุ่น 100 ปี เมื่อปี 2515 แต่หลังจากรุ่น 100 ปีแล้วก็จะมีรุ่น 118 ปี เมื่อปี 2533 และรุ่น 123 ปี เมื่อปี 2538 แต่รุ่นที่ได้รับการยอมรับเรื่องประสบการณ์และราคาเยาว์ก็ต้องรุ่น 118 ปีครับ เหตุเพราะพิธีปลุกเสกในพิธีนี้ได้มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยมากกว่า 120 รูป ซึ่งถือว่าเป็นการรวบรวมที่สุดยอดของวัดระฆังฯ อาทิ ลพ.หยอด วัดแก้วเจริญ ลพ.มี วัดมารวิชัย ลพ.เมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา ลป.ทิม วัดพระขาว ลพ.พูล วัดไผ่ล้อม ลพ.อุตตมะ วัดวังวิเวการาม เป็นต้น
พร้อมบูชา 459 ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระพิมพ์ปรกนางตรา ปีพ.ศ.2497 อาจารย์ชุม
<TABLE style="WIDTH: 100%" border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2><HR>
ประวัติการสร้างพระพิมพ์ปรกนางตรา ปีพ.ศ.2497
พระเครื่องจากวัดพระบรมธาตุ จ. นครศรีธรรมราช รุ่นที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2497 ในพิธีเดียวกันนี้จริงๆแล้วมีด้วยกันหลายพิมพ์ แต่อาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้นำพิมพ์พระนางตราและท่าเรือขนาดใหญ่-เล็ก ออกแจกด้วยตัวท่านเอง พร้อมสมุดอุปเท่ห์การบูชาพระ ผู้คนจึงรู้จักกันว่าเป็นพระของอาจารย์ชุม จำนวนการสร้างนั้นมีพิมพ์ละ 84,000 องค์ พระมีจำนวนมาก ท่านจึงได้นำบรรจุเก็บไว้ในถัง 200 ลิตร ต่อมาปลวกมาทำรัง พระที่พบจึงมีทั้งแบบมีคราบปลวกและที่ไม่มีคราบ
มวลสารที่รวบรวมมามีพระกรุสุดยอดพระเครื่องจากทั่วประเทศ มาดำเนินการสร้างพระชินราชท่าเรือนี้ จากการรวบรวมปรากฎว่าได้พระกรุมากว่า 108 กรุ ว่านยาอีก 108 ชนิด รวมทั้งผงวิเศษ อาทิเช่น พระกรุนางตรา-ท่าเรือ, กรุท้าวโคตร, สมเด็จวัดระฆัง, สมเด็จบางขุนพรหม, พระผงสุพรรณ, ผงดำผงแดงหุ่นพยนต์, หลวงพ่อเกตุ วัดขวิด, ขุนแผนวัดพระรูปและวัดบ้านกร่าง, พระนางพญาวัดนางพญาและวัดต้นจันทร์ สุพรรณบุรี, พระกรุต่าง ๆ ในกำแพงเพชร, พระกรุต่าง ๆ ในสุโขทัย, หูยานลพบุรี, ท่ากระดานหูไห กาญจนบุรี, พระกรุวัดท่ามะปราง, พระวัดชินราช พิษณุโลก, พระหลวงพ่อจุก, พระจุฬามณี พิษณุโลก, พระรอด พระคง พระเปิม-ลำพูน, มหาว่านวัดเขาอ้อ-พัทลุง, และพระกรุศรีวิชัยฯลฯ
การประกอบพิธีพุทธาภิเษก จัดให้มีขึ้นตลอดพรรษา ณ วิหารวัดพระบรมธาตุ นครศรีธรรมราช
ได้ฤกษ์พิมพ์องค์พระในวันที่ 2 สิงหาคม 2497
ครบ 84,000 องค์ วันที่ 1 กันยายน 2497
ทำพิธีปลุกเสกวันที่ 14 กันยายน 2497
ออกพิธีวันที่ 12 ตุลาคม 2497 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา
โดยพิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณพระภัทรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช
การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน เนรมิตกายกำราบศัตรูให้เห็นเราคนเดียวเป็นหลายคน ดังนี้เป็นต้น
พร้อมบูชา 959 ครับ
</TD></TR><TR><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
จอบใหญ่ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน พิจิต
พิมพ์จอบใหญ่ เนื้อทองผสม ปี2525 ด้านหลังตอกโค๊ต2ตัว ประวัติการสร้างดี-ปลุกเสกดี-พิธีใหญ่ ใช้แทนหลวงพ่อเงินปี 15 ได้สนิทใจครับ พร้อมบูชา 249 ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระพิฆเนศ รุ่น"ขอได้ดังใจหวัง" ได้รับความนิยมในหมู่ดารา
พระพิฆเนศ รุ่น"ขอได้ดังใจหวัง" ปี50 วัดพระบาทบางแฟน จ.เชียงใหม่
พิธีการบวงสรวง เททอง และเทวาภิเษกพระพิฆเนศ รุ่น"ขอได้ดังใจหวัง"
ครั้งที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2549 พิธีปลุกเสกชนวนโลหะและมวลสาร ณ พุทธสถานชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ กรุงเทพมหานคร
ครั้งที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2550 บวงสรวงองค์พระพิฆเนศ เททอง และปลุกเสกชนวนมวลสาร ณ วัดพระบาทบางแฟน จ.เชียงใหม่
ครั้งที่ 3 วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม 2550
10.09 น. พิธีบวงสรวงองค์พระพิฆเนศและปวงเทพเทวา 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งจักรวาล
13.09 น. พิธีเทวาภิเษก ณ พุทธสถานชมรมพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โดยสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม เป็นประธานจุดเทียนชัย และนั่งปรกพร้อมพระคณาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย เช่น
- หลวงปู่ละมัย จ.เพชรบูรณ์
- หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
- หลวงปู่ทองดี วัดใหม่ห้วยปลาย จ.พิจิตร
- หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน จ.นนทบุรี
- หลวงพ่อเก๋ วัดปากน้ำ จ.นนทบุรี
- หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
- หลวงปู่บุญมา วัดถ้ำโพงพาง จ.ชุมพร
- หลวงพ่ออั้น วัดโรงโค จ.อุทัยธานี
- หลวงพ่อสุพจน์ วัดศรีทรงธรรม จ.นครสวรรค์
- พระอาจารย์อ๊อด วัดหน้าพระเมรุฯ จ.พระนครศรีอยุธยา
- พระอาจารย์โต วัดพระบาทบางแฟน จ.เชียงใหม่
- ฤๅษีเกศแก้ว จ.หนองบัวลำภู
- และพระคณาจารย์ชื่อดังอีกมากมายจากทั่วประเทศ ฤๅษี พราหมณ์ และอาจารย์ฆราวาสผู้ชาญพระเวทย์
เทวาภิเษกร่วมกันป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ด้าน หน้าของดวงตราพระพิฆเนศ รุ่น “ขอได้ดังใจหวัง”
เป็นพระพิฆเนศ ปางประทานพรหรือความสำเร็จ มี 4 กร ทรงตรีศูล งา บ่วงบาศ และประทานพร ประทับบนลายเมฆ รอบพระองค์ประทับอักษรขอม 8 ตัวเรียงกันเป็นทักษิณาวัตร คือ นะชาลีติ (หัวใจพระสีวลี) มีกินมิรู้สิ้น และอุอากาสะ (หัวใจเศรษฐี) ร่ำรวยมิรู้ยากจน ผู้บูชาจะประสบแต่โชคลาภและร่ำรวยตลอดกาล ตรงกลางยันต์ประทับด้วย ตัวโอม อันเป็นอักษรเทวนาครีของพราหมณ์ และเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาล “โอม” หรือ “อุอะมะ” หมายถึง พระตรีมูรติ (อุ คือ พระศิวะ อะ คือ พระนารายณ์ มะ คือ พระพรหม) ซึ่งเทพทั้งหลายล้วนกำเนิดมาจากสามมหาเทพนี้ และยังหมายถึงองค์พระพิฆเนศด้วย ด้านหลัง เป็นยันต์พระจันทร์เพ็ญ ซึ่งยันต์นี้รวบรวมโดยอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร มีอานิสงค์คือ “เป็นยันต์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานไว้ให้แก่บุคคลทั้งหลาย เมื่อเวลามีทุกข์ภัยจะได้ช่วยให้รอดชีวิต ผู้ใดได้พบยันต์นี้ให้อธิษฐานตามแต่ปรารถนาเถิด เข้าสู่ขุนนางท้าวพระยาท่านย่อมรักใคร่เมตตา ปรารถนาอันใดก็จะได้ดังประสงค์ ผู้ใดได้พบเป็นบุญของผู้นั้นแล จะล้ำเลิศประเสริฐกว่าบุคคลทั้งหลาย เทพยดาย่อมคุ้มครองรักษาทุกทิวาราตรี เป็นมหาราชเสน่ห์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ป้องกันสารพัดภัย แคล้วคลาดจากศาสตราวุธทั้งปวง” ดวงตราพระพิฆเนศ เนื้อผงว่านแดง เพ้นท์สี รุ่น"ขอได้ดังใจหวัง" ขนาด 3 ซ.ม. จำนวนสร้าง 19000 องค์ ทุกองค์มีโค้ดและหมายเลขกำกับ พร้อมบูชา 359 ครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
สมเด็จโรยพลอย พิมพ์ใหญ่ หลวงปู่บุดดา วัดกลางชูศรี สิงห์บุรีพระสมเด็จยอดนิยมของหลวงปู่ฯ พุทธคุณเหนือบรรยาย หลวงพ่อฤาษีแนะนำให้ไปกราบ ท่านเป็นพระทองคำครับ และเหรียญหลวงปู่บุดดา ปี36 ด้านหลังเป็นรูปองค์พระนาคปรก ด้านใต้เขียนว่า "พอดี 1 ศตวรรษ" สมเด็จบูชา 250 ครับ มีสมาชิกบูชาไปรวยหุ้น ครับ pm มาบอก และเหรียญบูชาไป 219 ครับ<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND></FIELDSET> ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
-
พระหลวงพ่อลี พิมพ์ใบโพธิ์ ออกวัดป่าคลองกุ้ง
ท่านพ่อลี วัดป่าคลองกุ้ง ใบโพธิ์
ใบโพธิ์ พระอาจารย์ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร ปลุกเสกที่วัดป่าคลองกุ้งวัดป่าคลองกุ้ง เป็นวัดกัมมัฏฐานสายวิปัสสนาธุระ ที่พระเดชพระคุณพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ผู้ก่อตั้งวัดป่าคลองกุ้งได้สร้างไว้ เพื่อเป็นสถานที่อบรมปฏิบัติธรรม และพัฒนาจิตของพุทธศาสนิกชนทั่วไป หลังจากที่หลวงพ่อลีท่านได้มรณภาพไปแล้ว พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แห่งวัดป่าอุดมสมพร สกลนคร จึงได้ร่วมกับพระสายวัดป่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อลีจำนวนมาก ร่วมกันสร้างพระไว้ชุดหนึ่ง เป็นเนื้อดินผสมผงวิเศษเก่า และได้บรรจุไว้ในกรุที่วัดป่าคลองกุ้ง พร้อมบูชา 359 ครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
พระพุทโธน้อย ปี 2511
<!-- google_ad_section_start -->พระพุทโธน้อย ปี 2511 วัดอาวุธฯ เนื้อผง (ผสมผงเก่าแม่ชีบุญเรือน) พระพุทโธน้อย ปี 2511 สร้างในยุคพระสิทธิสารโสภณ ครับ คุณแม่บุญเรือนท่านอฐิษฐานไว้ว่าพระพุทธโธน้อย ถ้ามีชิ้นส่วนของดินมวลสารเก่าของท่านผสมอยู่ต่อให้นำไปสร้างใหม่ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนที่คุณแม่สร้างไว้ทุกประการพระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม แตกหัก ซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่กุฏิ พระเทพเมธากร เจ้าอาวาสวัดอาวุธในสมัยนั้น หลวงพ่อสุวรรณท่านได้ถวายปัจจัยทำบุญ 20,000 บาทแล้วนำมาทั้งหมด โดยได้พระพุทโธแตกหัก และผงมวลสารเก่าๆสมัยคุณแม่บุญเรือนประมาณ 2 ถังใหญ่ สาเหตุหลักที่หลวงพ่อสุรรณท่านเจาะจงมวลสารนี้เพราะท่านได้รับคำสั่งสอนมาจากคุณแม่บุญเรือนว่า ? ฉันอธิษฐานพระให้เพียงหนเดียวเท่านั้น และพระฉันถึงแตกหักอย่างไร เมื่อนำมาบดแล้วสร้างใหม่ ก็ยังคงศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมเช่นที่ฉันอธิษฐานให้ ?<O:p</O:p
พระพุทโธน้อย ปี 2511 จัดสร้างโดยวัดอาวุธวิกสิตาราม โดยหลวงพ่อสงวน อดีตเจ้าอาวาส น่าจะจัดสร้างขึ้นเพื่อฉลองสมณศักดิ์ ด้วยการนำมวลสารพระพุทโธน้อยยุคแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติมที่จัดสร้างเมื่อปี 2494 และพระมงคลมหาลาภ ปี 2499 มาเป็นส่วนผสมจำนวนมากและใช้พิมพ์เก่ามาเป็นต้นแบบ พระพุทโธน้อยไม่ว่าจะเป็นรุ่นแรกหรือรุ่นปี 2511 พุทธคุณไม่แตกต่างกันเด่นด้านโชคลาภ สำเร็จทุกประการตามที่หวัง เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย รับประกันความแท้ พร้อมบูชา 500 ครับ รวมบริการจัดส่งแล้วครับ
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET><!-- google_ad_section_end -->
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1> -
ใช้แทนพระพุทโธน้อยได้ครับ พระประจำวัน แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม
ใช้แทนพระพุทโธน้อยได้ครับ ** พระประจำวัน แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธบางพลัด พิธีมงคลมหาลาภ ปี2499 เนื้อดินเผาสภาพสวย** ใช้แทนพระพุทโธน้อยที่มีราคาแพงๆได้เพราะพุทโธน้อยราคาไปไกลแล้ว เนื้อผงจัมโบ้สวยๆว่ากันเป็นแสนเนื้อดินพิมพ์เล็กสุดก็หลายพัน องค์นี้ผ่านการสร้างจากแม่ชีเหมือนกันราคายังไม่แพง (พระสมเด็จพิธีเดียวกันก็แพงมากแล้ว)พระเนื้อดินพิธีนี้เช่นพิมพ์พระพุทธและพระประจำวัน ยังน่าเก็บครับพระปางถวายเนตร แม่ชีบุญเรือน วัดอาวุธ ปี2499 เนื้อดินเผา และพระปางไสยาสน์ แม่ชีบุญเรือน วัดอาวุธ ปี2499 เนื้อดินเผา คุณแม่ชีบุญเรือนเป็นแม่ชีที่สำเร็จอภิญญาชั้นสูงเปี่ยมด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ ท่านสามารถอธิษฐานจิตให้ต้นมะม่วงอ่อนออกดอกผลได้ในคืนเดียว แม้แมื่อมรณภาพอัฐฐิยังกลายเป็นพระธาตุ พระของท่านเซียนใหญ่หลายคนยังอาราธนาขึ้นคอเลยเพราะท่านเอาดินจากพระกรุเก่าๆที่ชำรุดและดอกผลของมะม่วงดังกล่าวมาสร้างพระเครื่องครับ ศักสิทธิ์มากๆ สร้าง84000องค์ก็ไม่พอแจกครับ ปัจจุบันหายากครับ รับประกันความแท้ครับ พร้อมบูชา 600 ครับ<O:p
<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET> -
อาจารย์ทวี ทิวแก้ว อาศรมชีปะขาว ตอน พลังจิตและปาฏิหาริย์ของเหรียญหลวงปู่ทวด ปี ๒๕๑๒
<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ในอดีตกว่าสี่ร้อยปีมาแล้ว บารมีของท่านแผ่ไพศาลจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เรื่องราวปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงปู่ทวดมีมากมายเล่าขานกันไม่หวาดไม่ไหว สำหรับวัตถุมงคลที่สร้างในรูปแบบพระเครื่องแล้ว เป็นที่เชื่อถือกันในกลุ่มผู้มีคตินิยมแนวนี้ว่า “นิรันตราย” เป็นเลิศ มีเรื่องน่าประหลาดใจอยู่เรื่องหนึ่งครับ....คือเรื่องราวความเป็นมาของหลวงปู่ทวด ถ้าเราสังเกตดูแล้วจะพบว่าประวัติของท่านมีเพียงแต่การบันทึกในรูปแบบลายลักษณ์อักษรเท่านั้น โดยไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นหน้าตาของหลวงปู่ทวดว่าเป็นอย่างไร รูปร่างสูงต่ำขนาดไหน และทำไมถึงมีการจัดสร้างวัตถุมงคลรูปเหมือนของท่านออกมาได้ เขาเหล่านั้นใช้หลักการอะไร จินตนาการแบบไหน วิธีการได้มาทำอย่างไร ฯลฯ
หมุนเข็มนาฬิกาย้อนหลังไปสักประมาณห้าสิบปี ในยุคสมัยนั้น”ร้อยเอกทวี ทิวแก้ว” หรือ “อาจารย์ทวี ทิวแก้ว” แห่ง “อาศรมชีปะขาว” ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ที่มีวิชาอาคมและมีญาณที่เข้มแข็ง” โดยเฉพาะเรื่องของ “พลังจิต”เ ป็นที่เชื่อถือกันในกลุ่มลูกศิษย์และผู้ที่เคารพในตัวท่านว่าพลังจิตของท่าน “แจ่มใสดุจดั่งดวงแก้ว” จนสามารถติดต่อกับญาณบารมีของพระเกจิอาจารย์หรือพระเถระชั้นสูงที่ได้ล่วงลับไปแล้ว....
อาจารย์ ร.อ.ทวี ทิวแก้ว เกิดเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๔๖๑ เวลา ๒๐.๑๕ น. สมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก คุณพ่อคุณแม่ของท่านได้นำท่านไปฝากไว้กับพระที่วัดหนัง(ธนบุรี) ซึ่งช่วงนั้นทางวัดหนัง(ธนบุรี) ได้เปิดให้มีการสอนเด็กๆประมาณ ๗๐ คนให้หัดนั่งปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน...
ต่อมาปรากฏว่า “ท่านพระภาวนาโกศล (เอี่ยม)” หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนาม “ท่านเจ้าคุณเฒ่า หรือ หลวงปู่เอี่ยม เจ้าอาวาสวัดหนัง(ธนบุรี)” ในสมัยนั้น ท่านได้คัดเลือกเด็กชายทวี ซึ่งมีอายุเพียง ๗ ขวบเพียงคนเดียวเพื่อให้คอยปรนนิบัติและให้เข้าไปฝึกปฏิบัติสมาธิในกุฏิของท่านทุกคืนจนเด็กชายทวีโตเป็นหนุ่ม (สำหรับเรื่องราวและกิติคุณของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ปัจจุบันมีคนเขียนถึงท่านมากมายแล้ว เพื่อนๆสามารถหาอ่านได้ตามหนังสือพระเครื่องทั่วไปครับ) อาจารย์ทวีถูกเกณฑ์ทหารสังกัดกรมการขนส่งทหารบก เมื่อรับราชการจนครบกำหนดแล้ว ท่านจึงลาออกจากราชการทหารและได้ไปทำงานในเรือเดินทะเลค้าขายระหว่างประเทศ ลูกศิษย์ของอาจารย์ทวีท่านหนึ่งได้เขียนถึง “คุณวิเศษและลักษณะนิสัย” ของอาจารย์ทวีไว้ว่า....
“ครั้งหนึ่งเครื่องยนต์ของเรือได้ดับกลางทะเล แก้ไขอย่างไรก็ไม่สำเร็จ อาจารย์ทวีได้ใช้สมาธิจิตเพ่งจุดหัวเทียน ทำให้เครื่องเรือติดและสามารถวิ่งเข้าฝั่งได้และด้วยความที่ท่านเป็นคนที่ไม่นิยมการเที่ยวเตร่ ดังนั้นเมื่อกลับเข้าฝั่ง ท่านจึงมักเข้าไปอยู่ในป่าแถบภาคใต้ เพื่อหาความสงบจากการฝึกปฏิบัติสมาธิกรรมฐานตลอดเวลา....”
ในช่วงที่อาจารย์ทวีอยู่ในป่า ท่านได้พบกับพระธุดงค์องค์หนึ่ง ซึ่งมาแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ท่านเห็นหลายอย่าง แต่ตัวของอาจารย์ทวีเองกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือแปลกใจแต่ประการใด ดังนั้นเมื่อพระธุดงค์องค์นั้นชักชวนให้ท่านไปเรียนวิชา ท่านจึงได้ปฏิเสธออกไป โดยท่านให้เหตุผลว่า.....
“ท่านมีครูบาอาจารย์อยู่แล้ว คือ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง....”
พระธุดงค์องค์นั้นก็ไม่ได้ละความพยายามได้เวียนมาชักชวนท่านถึงสามครั้ง โดยครั้งสุดท้ายพระองค์นั้นได้มาในร่างของสงฆ์แต่ “แต่งชุดขาวเป็นชีปะขาว” และบอกว่าชื่อของท่านคือ “หลวงปู่ทวด” มีความต้องการรับอาจารย์ทวีเข้าเป็นลูกศิษย์...
เมื่ออาจารย์ทวีได้ทราบว่าพระธุดงค์องค์นี้คือหลวงปู่ทวด ท่านจึงน้อมรับเข้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) และได้รับการถ่ายทอด “วิชาสมาธิจิตและวิชาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์หลวงปู่ทวด” ให้กับท่าน...
หลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ได้บอกกับท่านว่า “หลวงปู่ปรารถนาพุทธภูมิ” คือ “เจตนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต” แต่ขณะนี้ท่านเป็น “พระโพธิสัตว์” ดังนั้นคาถาที่ใช้สวดบูชาและนมัสการท่านคือ... “นะโม โพธิสัตว์โต อาคันติมายะ อิติภะควา...”
ตามหลักของพระพุทธศาสนา มนุษย์ประกอบด้วย “กาย” และ “จิต” โดย “กายเป็นรูปธรรม” และ “จิตเป็นนามธรรม”
อาศรมชีปะขาว เป็นสำนักที่เปิดสอนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของสมาธิจิต โดยอาจารย์ทวี ทิวแก้วท่านจะสอนเรื่องของจิตและวิญญาณตามหลักของพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้าจะว่ากันไปแล้วคำว่า “จิต” และ “วิญญาณ” เป็นเรื่องที่แอบอิงเข้ากันกับเกือบจะทุกศาสนา
เพราะว่าอะไรหรือครับ.....
คำตอบแบบขั้นอนุบาลว่าอย่างนี้
เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ “ความเชื่อของมนุษย์” ที่มีมาตั้งแต่อดีต เพียงแต่ว่า “นัยยะความหมาย” ของแต่ละศาสนาจะแตกต่างกันออกไป
คุณสมบัติของจิต...เชื่อกันว่าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วยิ่งกว่าสิ่งใดๆที่เราเคยรู้จักกัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ที่ไหนเพียงเรานึกถึงสิ่งนั้น จิตของเราก็จะวิ่งไปทันที
นอกจากนี้จิตยังสามารถทะลุทะลวงผ่านวัตถุและสิ่งต่างๆได้อย่างไร้ขีดจำกัดและไร้ซึ่งขอบเขต คุณสมบัติทั้งหมดนี้เราเรียกมันว่า ...”พลังจิต” พลังจิตต่างจากพลังงานอื่นๆทางวิทยาศาสตร์ เช่นพลังงานไฟฟ้า พลังงานน้ำ ฯลฯ ตรงที่จิตมี “ตัวรับรู้อารมณ์” ที่เรียกว่า “วิญญาณ” โดยอาศัยตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ
สิ่งมีชีวิตก็เช่นเดียวกัน..เราสามารถแยกออกได้เป็นสองชนิดคือ “สิ่งมีชีวิตแต่ไม่มีวิญญาณ” และ “สิ่งมีชีวิตที่มีวิญญาณ” ซึ่งคำที่เรามักจะได้ยินเสมอเมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ก็คือคำว่า “จิตวิญญาณ”
ซึ่งวิญญาณนี้ ทางพุทธศาสนาอธิบายความไว้ว่า
“เป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง สามารถรับอารมณ์ได้ไกล มีการเกิดดับทุกขณะและมีอยู่ในสมองเป็นส่วนใหญ่.....”
โดยปกติแล้ว จิตกับกาย มักจะคู่กันเสมอ แต่สำหรับผู้ที่มี”ฌาน”จากการฝึกปฏิบัติสมาธิวิปัสสนาจนถึงขั้น อาจแยกจิตออกจากกายได้ ซึ่งอาจจะเป็นแบบชั่วคราวหรือแยกเป็นแบบระยะเวลาที่ยาวนาน ลักษณะแบบนี้เราเรียกว่า “นิโรธสมาบัติ” ครับ ดังนั้นไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนธรรมดาหรือพระสงฆ์ หากสามารถปฏิบัติจนเข้าสู่ “นิโรธสมาบัติ” ได้เป็นประจำก็จะต่อยอดให้เกิด “ฌาน” ต่างๆ เช่น “เจโตรปริญาณ ได้แก่ การอ่านใจผู้อื่น” หรือ “อนาคตังสญาณ ได้แก่ การรู้อนาคต” ฯลฯนั่งพักกันตรงนี้สักนิดครับ....ที่เขียนมาข้างต้นเพื่อต้องการปูทางของคำว่า “การนั่งสมาธิตรวจสอบ” หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “การนั่งทางใน” ว่าทำไมคนที่ได้รับการฝึกฝนทางจิตมาดี สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้เรื่องพวกนี้นอกจากการหมั่นฝึกปฏิบัติตามหลักการและวิธีที่ถูกต้องแล้ว โดยส่วนตัวของผม คำว่า“บุญบารมี”ที่คนๆนั้นเคยทำมาก็ยังมีส่วนด้วยครับ…. คุณวิเศษเฉพาะตัวของอาจารย์ทวี ทิวแก้ว ตามที่ผมได้ศึกษามาจากบทความของท่านพันโท นายแพทย์สมพนธ์ บุณยคุปต์ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ก็คือการที่อาจารย์ทวี สามารถ”นั่งสมาธิตรวจสอบ” ได้อย่างแม่นยำเป็นที่อัศจรรย์ใจเช่นการที่นายแพทย์สมพนธ์ ได้นำผ้าเช็ดหน้าห่อพระเครื่องไว้สามองค์ อาจารย์ทวีสามารถนั่งสมาธิตรวจสอบได้ว่าในห่อผ้านั้นมีพระอยู่กี่องค์และเป็นพระอะไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้อาจารย์ทวี ท่านได้บอกไว้ว่าเป็นเรื่องของการใช้ “พลังจิต” อธิบายความได้ว่า... “เกิดจากการทำสมาธิให้จิตนิ่งและนำจิตนั้นไปใช้งาน เหมือนพลังงานอื่นๆ.....”
และเมื่อนายแพทย์สมพนธ์ ต้องการทดสอบเรื่องของ “ความแรงของพลังจิต” โดยให้ช่วยตรวจสอบพลังของพระพุทธรูปที่บ้านพัก อาจารย์ทวีก็สามารถบอกได้อย่างถูกต้องว่า“พระพุทธรูปเชียงแสน ๑ ที่บ้านของนายแพทย์สมพนธ์ มีพลังงานแรงมากแต่ชำรุด” ซึ่งเมื่อมีการนำพระองค์ดังกล่าวมาตรวจสอบก็พบว่า..”พระองค์นั้นเศียรหักและถูกต่อคอเอาไว้...”ด้วยความที่นายแพทย์สมพนธ์ ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้ท่านอยากพิสูจน์”พลังของจิต” ท่านจึงได้เอาแผ่นตะกั่วที่กันแสงเอกซเรย์ได้ มาทุบเป็นกล่องสี่เหลี่ยมครอบกันเอาไว้แล้วเอาเงินใบละสิบบาทพับใส่ลงในกล่อง เสร็จแล้วก็ครอบฝาปิดกล่องเอาไว้ ท่านเล่าว่าได้นำกล่องใบนี้ไปให้อาจารย์ทวีโดยบอกว่า....
“อยากทดสอบพลังของจิตว่าแรงกว่าเครื่องเอกซเรย์หรือไม่....”
อาจารย์ทวี มองลอดแว่นแล้วบอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องถึงท่านก็ได้ ให้ “หูทิพย์” ดูก็ได้ “หูทิพย์”ในที่นี้คือ “ด.ช.โสตรทิพย์ ทิวแก้ว” บุตรชายของท่านที่พิการแต่กำเนิด กล่าวคือ”หูทิพย์”เป็นเด็กที่ไม่มีรูหู ซึ่งตามปกติแล้วคนที่ไม่มีรูหูมักจะเป็นใบ้ แต่อาจารย์ทวี ท่านได้ใช้พลังจิตรักษาและสอนภาษาตั้งแต่เล็กๆ จนหูทิพย์ สามารถพูดได้ ฟังได้และเรียนหนังสือได้ โดยอาศัยการดูปากและเสียงที่มากระทบบริเวณแก้ม
ท่านเล่าว่าขณะนั้น ด.ช.โสตรทิพย์ มีอายุได้สักประมาณสิบกว่าขวบและกำลังวิ่งเล่นอยู่ อาจารย์ทวีได้เรียกให้เขามานั่งดูของในกล่อง ด.ช.โสตรทิพย์นั่งหลับตาดูสักพักจึงลืมตาแล้วบอกว่า.... “แบงค์พ่อ แบงค์..”
อาจารย์ทวี ถามต่อว่า “ใบละเท่าไร...” ด.ช.โสตรทิพย์นั่งหลับตาอีกแล้วบอกว่า... “แบงค์สิบพ่อ..” และเมื่ออาจารย์ทวี ถามต่อว่ามีเลขอะไรบ้าง ด.ช.โสตรทิพย์ก็บอกเลขออกมา เมื่อนายแพทย์สมพนธ์ท่านได้เปิดฝากล่องและดูเบอร์ของธนบัตร ท่านพบว่า ”ตัวเลขตรงกันแต่มีสลับที่กันอยู่บ้าง...” แต่ท่านว่าเพียงเท่านี้ก็สร้างความมหัศจรรย์ใจให้กับตัวท่านแล้ว ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ทำให้ท่านมีความเชื่อว่า...
“พลังจิตมีความมหัศจรรย์จริงๆ และไม่มีข้อขีดขั้นของอายุผู้ปฏิบัติ...”
จะว่าไปแล้วเรื่องราวของคุณวิเศษและความสามารถพิเศษในเรื่องพลังจิตของอาจารย์ทวี ทิวแก้วและบุตรชายคือ ด.ช.โสตรทิพย์ ทิวแก้ว ยังมีอีกมากมาย ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เกิดขึ้นต่อหน้าบุคคลหลายๆท่าน ซึ่งบุคคลต่างๆที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ก็เป็นเสมือน”พยานบุคคล”ที่เข้ามาเป็นส่วนประกอบสำคัญยืนยันในเรื่องเหล่านี้...ความมหัศจรรย์ของพลังจิตที่เกิดขึ้น หมายรวมถึง..การทำนายทายทัก การวิเคราะห์โรค การติดต่อสื่อสารกับสิ่งเร้นลับ รวมไปถึงการติดต่อกับญาณบารมีของพระเกจิอาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้วอย่าง “หลวงปู่ทวด...”อาจารย์ทวี ในสมัยนั้นท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย มีทั้งบรรดาพ่อค้าประชาชนทั่วไปและรวมไปถึงข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ซึ่งแต่ละท่านได้ให้ความเคารพนับถือถวายตัวเป็นลูกศิษย์.... อาจารย์จิตร บัวบุศย์ อดีตอาจารย์วิทยาลัยเพาะช่าง ก็เป็นศิษย์คนหนึ่งของอาจารย์ทวี ทิวแก้ว เช่นเดียวกัน ครั้งนั้นอาจารย์จิตร ต้องการจะหาเงินเพื่อสร้าง วัดวังรี จ.นครนายก และวัดสุทธาวาส จ.ฉะเชิงเทรา โดยท่านคิดว่าจะสร้างพระหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) แต่ช่างปั้นก็ไม่รู้ว่าจะปั้นอย่างไร เพราะไม่มีรูปของหลวงปู่ทวดเป็นแบบและก็ไม่เคยมีใครได้เห็นหลวงปู่ทวดมาก่อน...ด้วยเหตุนี้ทำให้อาจารย์จิตร จึงต้องให้อาจารย์ทวี ทิวแก้ว มาเป็นผู้ชี้ทางสว่าง....
วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๐๕ ท่านอาจารย์ทวี ทิวแก้วได้จัดพิธีขึ้นที่อาศรมชีปะขาว สิ่งมหัศจรรย์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่ออาจารย์ทวี ท่านได้นำอาจารย์จิตรเข้ามาร่วมในพิธี....อาจารย์จิตรได้บรรยายความรู้สึกขณะนั้นว่า....
“ร่างกายร้อนฉ่า...ความร้อนนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวไปที่ต้นแขน...ไปที่ปลายมือและวูบวาบไปที่มือ ไปประจวบรวมกันที่หัวแม่มือ..จนอาจารย์จิตรต้องยกนิ้วมือขึ้นมอง...”
ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตก็ปรากฏขึ้น..
“เมื่อนิ้วหัวแม่มือของอาจารย์จิตรที่บริเวณเล็บนั้น คล้ายกับเป็นแสงสว่างวูบขึ้นแวววาว จากนั้นก็ค่อยๆ หรี่ลงๆ และปรากฏเป็นภาพรางๆ ที่ค่อยๆ ชัดขึ้นที่ละน้อย กลายเป็นภาพของหลวงปู่ทวด ซึ่งปรากฏเห็นอย่างชัดเจน ไปจนถึงพระอุระของท่าน....”
ภาพที่เกิดขึ้นบนเล็บของอาจารย์จิตร บัวบุศย์นั้นชัดเจน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็มีหลายคนอยู่ร่วมเหตุการณ์ สามารถยืนยันได้ ซึ่งตัวอาจารย์จิตรเอง ท่านก็ได้บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่า “นับเป็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์”
ในพิธีอัญเชิญรูปหลวงปู่ทวดให้มาปรากฏบนนิ้วมือของอาจารย์จิตร บัวบุศย์ครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นแบบในการสร้างพระรูปหลวงปู่ทวดจนเป็นที่สำเร็จ โดยครั้งแรกเป็นการสร้างพระเนื้อว่านมงคล ๑๐๘ ชนิด เมื่อมีการสร้างเสร็จแล้วได้นำมาแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ทั้งหลายได้บูชาและหมดไปอย่างรวดเร็ว...
แต่ก็ยังไม่เพียงพอเนื่องจากลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ทวี ทิวแก้วยังคงมีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละคนเมื่อได้รับไปบูชาแล้วต่างก็มีประสบการณ์มากมายทั้งแคล้วคลาดภยันตรายนับไม่ถ้วน ทำให้ผู้ที่ได้รับรู้เรื่องราวอันนี้อยากจะมีไว้บูชากันบ้าง..
ด้วยเหตุนี้อาจารย์ทวี ท่านจึงได้สร้าง “เหรียญหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด” เป็นเหรียญทรงกลมขึ้นอีกครั้งในปี ๒๕๑๒ เพื่อแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ของท่านเช่นเคย แต่ในครั้งนี้อาจารย์ทวี ท่านได้แบ่งเหรียญรุ่นนี้ส่วนหนึ่งเก็บไว้ในหีบเพื่อบูชาในพิธีต่างๆของท่าน
ว่ากันว่าเหรียญที่ท่านสร้างแจกในครั้งนั้นก็สร้างปาฏิหาริย์ต่างๆไว้จนไม่สามารถบรรยายได้หมด และเราอาจจะพบเห็นได้ในคอของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคน เพราะบางท่านก็มีช่วงอายุทันเหตุการณ์ในครั้งนั้น
ประกอบกับว่าเป็นที่รับรู้ของลูกศิษย์ว่าอาจารย์ทวี ท่านมีญาณสื่อกับหลวงปู่ทวดได้ ดังนั้นคุณวิเศษของเหรียญรุ่นนี้ผมคงไม่ต้องมานั่งอธิบายความครับ “เยี่ยมจริงๆ”
หลังจากที่อาจารย์ทวี ทิวแก้วได้ถึงแก่กรรมแล้ว ก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถประกอบพิธีอัญเชิญหลวงปู่ทวดเช่นนี้ได้อีกเลย....
วันเวลาที่ผ่านล่วงเลยไป ถึงจะไม่มีอาจารย์ทวีแล้วแต่บรรดาลูกศิษย์ก็ยังคงไปมาหาสู่กราบไหว้ที่อาศรมชีปะขาวกันอย่างสม่ำเสมอ ในระหว่างที่บรรดาลูกศิษย์ช่วยกันจัดเก็บข้าวของในอาศรมชีปะขาว ก็ได้พบ”หีบเก่าอยู่ใบหนึ่ง” จึงตัดสินใจเปิดดู โดยมีท่านพลตรีประจักษ์ ธูปเทียนรัตน์ หนึ่งในบรรดาลูกศิษย์เป็นหัวหน้าประจักษ์พยานในการเปิดดูครั้งนี้..
สิ่งที่ได้พบในหีบใบนั้นก็คือ..
“เหรียญหลวงปู่ทวด ที่อาจารย์ทวีได้สร้างขึ้นในปี ๒๕๑๒ จำนวนหนึ่งและจดหมายของอาจารย์ทวี ที่เขียนใส่ไว้...”
เนื้อหาและใจความในจดหมายเสมือนหนึ่งว่า ท่านอาจารย์ทวี ทิวแก้ว จะล่วงรู้ถึงอนาคตว่าจะต้องมีลูกศิษย์ของท่านมาพบกรุเหรียญหลวงปู่ทวดในหีบใบนี้...โดยท่านเขียนไว้ว่า....
“ขอให้สานต่อการสร้างวัด ๒ แห่งที่ท่านสร้างไว้ในอดีตให้แล้วเสร็จคือ วัดวังรี จ.นครนายกและวัดสุทธาวาส จ.ฉะเชิงเทรา และเหรียญดังกล่าวให้รวบรวมแจกจ่ายแก่ผู้ที่ศรัทธาไว้สักการบูชา ด้วยบารมีพุทธคุณของหลวงปู่ทวด จงโปรดคุ้มครองแก่ลูกหลานทีมีความเลื่อมใสให้แคล้วคลาดปลอดภัย....”
ครับเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มีอยู่มากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ จึงไม่แปลกครับที่คนยุคใหม่และนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อ....
เรื่องราวของหลวงปู่ทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) กับท่านอาจารย์ร้อยเอกทวี ทิวแก้ว ตามบันทึกน้อยของผมตอนนี้ก็เป็นเรื่องของ”อิทธิปาฏิหาริย์” ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสักเท่าไรตามหลักของพระพุทธศาสนา….
ตอนที่มนุษย์ยังไม่รู้ว่าโลกเรากลม บรรดานักคิดในสมัยนั้นต่างก็เชื่อและพากันอธิบายกันว่าโลกของเราแบน ซึ่งพวกเราก็เชื่อตามนั้น จนมีคนๆหนึ่งตั้งคำถามขึ้นมาว่าโลกเราแบนจริงหรือ....
ทุกวันนี้เราคงทราบกันแล้วครับว่า”โลกของเรากลม” วิทยาศาสตร์มีคำตอบ...
แต่เพื่อนๆเชื่อไหมครับว่าเรื่องของ”อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์” นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาหักล้างได้ เพราะเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องของความเชื่อ ที่อยู่เหนือธรรมชาติและมีผลต่อจิตใจของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ว่ากันว่าความเชื่อเหล่านี้จะสามารถลดความหวาดกลัวของมนุษย์ลงไปได้ตลอดจนเป็นการสร้างเกราะกำบังความกลัวและก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาร่วมกัน
ตราบใดที่เรายังคงเป็นชาวพุทธและยังคงมีความเชื่อในเรื่องเครื่องรางของขลังว่ามีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จริงๆ ก็ขอจงมองหา”เหรียญหลวงปู่ทวด ปี ๒๕๑๒ ของอาศรมชีปะขาว”ไว้แขวนคอเถอะครับ ดีกว่าจะไปมองหาพระหลวงปู่ทวดรุ่นเก่าๆแพงๆ และต้องเสี่ยงต่อการเสียเงินเปล่าๆโดยได้รับอะไรก็ไม่รู้รูปร่างเหมือนพระเครื่องมาแขวนคอ
เพราะเมื่อมีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นแล้วผมเชื่อว่า “บารมีของหลวงปู่ทวด และพลังจิตของอาจารย์ทวี” เมื่อนำมารวมกับ”้นแล้วผมเชื่อว่า "องมาแขวนคอะไม่งมงาย สุดท้ายก็จะส่งผลให้ท่านมีความมั่นคงทางจิตใจขอจงมองหาเหรียญหลวง”Wความเชื่อมั่นและความศรัทธา”ก็จะส่งผลให้ท่านมีความมั่นคงทางจิตใจ และมีความปลอดภัยในชีวิต ขอเพียงแต่ให้เราได้ใช้สติปัญญาพิจารณาเรื่องต่างๆอย่างถ่องแท้และไม่งมงาย....
สุดท้ายนี้ขอบารมีหลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) จงดลบันดาลให้เพื่อนๆและเครือญาติ เจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ลาภ ยศ สรรเสริญและคุณธรรมยิ่งๆขึ้นไปเทอญ....สวัสดีครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>เปิดบูชา 550 พร้อมส่งครับ<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1> -
คฑามหามงคล ฉลองอายุ 90 ปี พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ
คฑามหามงคล ฉลองอายุ 90 ปี พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ จ. พัทลุง พ.ศ. 2546 เนื้อทองเหลือง สภาพสวยครับ เนื้อทองฝาบาตร เพื่อเป็นสิริมงคลครับ คฑามหามงคล เรียกกันว่าไม้ครู อันเป็นตำรับวิชาของสำนักเขาอ้อย่อส่วนเป็นขนาดเล็กพกติดตัว ประมาณ 3.0 ซม.เป็นเดช มหาบารมี : หลวงพ่อกลั่นวัดเขาอ้อได้ศึกษาธรรมวินัยไปด้วยควบคู่กับการศึกษาเรื่องไสยศาสตร์เพราะวัดเขาอ้อเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องรางของขลังโดยสมัยนั้นท่านพระอาจารย์ปาน ปาลธมฺโม เป็นเจ้าอาวาสและเป็นเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงสืบทอดต่อมาจากท่านพระอาจารย์ทองเฒ่า<O:p
พร้อมบูชา 500 <!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET> -
ผมขอบูชารายการ พระประจำวัน แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม พร้อมบูชา 600 ครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
-
รับทราบครับ
รับทราบการบูชาครับ พระของคุณแม่ครับ -
วันที่โอน 20/06/54 เวลา 15.03 น. สถานที่ K05215 ลำดับที่ 3465A
จากบัญชีเลขที่ 1521717 เข้าบัญชีเลขที่ 4830101873
ส่งพระไปที่
พิษณุ คมขำ 378/6 ถนนจรดวิถีถ่อง ตำบลธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย 64000 -
พระปิดตาเนื้อผงชมพูนุชก้นอุดเทียนชัย หลวงปู่หมุน
พระปิดตาเนื้อผงชมพูนุชก้นอุดเทียนชัย หลวงปู่หมุน ฐิตสีโลออกวัดซับลำใย ปี 2543 สำหรับเนื้อผงชมพูนุชนี้ พระอาจารย์ตั้วได้มากดทำเป็นพระไม่กี่พิมพ์หนึ่งในนั้น คือพระปิดตาเนื้อผงชมพูนุช ทำไว้ไม่มาก เนื่องจากผงมีเหลือไม่มากเท่าไร ผงชมพูนุชนี้ โดดเด่นเรื่องเมตตาอย่างมาก ๆๆๆ ในตอนแรกอาจารย์ตั้วเอาผงนี้มาทำลูกอม อย่างเดียวแต่ในตอนหลังท่านเอามาทำเป็นพิมพ์พระทั้งหมด...หลวงปู่หมุนเป็น ประธานเสกให้เรื่อยมาตั้งแต่ปี2543
พระ ปิดตาองค์นี้ เข้าพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลใหญ่ที่วัดซับลำใย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.42 โดย โดยมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมากมายเข้าร่วมพิธี เช่นหลวงปู่ละมัย, หลวงปู่หงษ์, หลวงพ่อรวย, หลวงพ่อเพี้ยน, หลวงปู่ธีร์ หลวงพ่อไสว เป็นต้น โดยหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล เป็นประธานในพิธีครั้งนั้นด้วย
- พุทธคุณโดดเด่นมากในด้านเมตตามหานิยม เหมาะสำหรับท่านที่มีอาชีพติดต่อค้าขาย หรือต้องเข้าพบผู้ใหญ่เพื่อของานอยู่เป็นประจำ พร้อมบูา 599 ครับ[/Bไฟล์ที่แนบมา:
-
-
ปิดตา
ปิดตาหลวงปู่หมุนองค์แน่แรงครับ
หน้า 2 ของ 6