รู้กับสติสิ่งใดเกิดก่อนเกิดหลัง
และปัญญาก็ยังไม่ทราบว่า
จะมีตอนไหน... โปรดแสดงตามขั้นตอนของ
พระพุทธองค์ในแบบเข้าใจง่ายๆจะจะ
จึงจะชอบครับ
รู้กับสติสิ่งใดเกิดก่อนกัน
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 20 มีนาคม 2020.
หน้า 1 ของ 16
-
-
"ไม่เคยพอ"
ไม่รู้ "จักพอ.."
อวิชชาลากไปไม่หยุด..
ไม่รู้จัก "หยุด.." -
สงสัยว่าชาตินี้ คงทำได้แค่ ที่ทำได้แล้วนั้นละ..
ภัยในวัฏฏะ มันน่ากลัว กว่าภัยทั้งปวง..
ภัยแห่งการเกิด เป็น ภัยอันหาที่สุดมิได้..
โลกยุคนี้ยิ่ง น่ากลัว กลับมัวมาถามอะไร เรื่อยเปื่อย..
เดี๋ยวก็ได้ ตายทิ้งเปล่า.. -
"รู้ พอ หยุด ดี"
รู้พอ รู้หยุด เมื่อหยุดได้แล้ว "ดี" ก็เป็นคุณสมบัติที่มี ใน หยุด.. -
เพราะเห็นเป็นญาติ จึงได้เข้ามาแนะนำ คอยติดตามดูไม่ห่าง..
เพราะเห็นเป็นเพื่อนทุกข์ จึงได้คอยชี้บอกทาง..
เพราะวัฏฏะแห่งนี้มันน่ากลัว จึงได้คอยติดตามเฝ้าดู..
เพราะเมตตา กรุณา จึงยังต้องเวียนตาย เวียนเกิด เพื่อมาช่วยชี้ นำ ทาง..
สัตว์โลกผู้โง่เขลา ตัณหาผู้ไม่รู้จักพอ.. -
จะหัวหงอก หัวดำ ถ้าเมามัวประมาท เผลอเพลิน อยู่กับกิเลส ตัณหา..
เราด่าไม่ไว้หน้าทั้งนั้นแหละ..
ความตายมาจ่อรออยู่ ยังมัวเพลินอยู่กับโลก..
มัจจุราช ยืนรออยู่หน้าบ้าน ยังประมาทอยู่อีก.. -
เราจะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย..
ภัยต่างๆ ใกล้เข้ามาทุกที อาจจะไม่เห็นชัดเหมือนที่ครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้า พระอรหันต์ ทำนายไว้..
แต่ ภัยต่างๆ หลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอน..
ภพชาตินี้แหละ ช่วงอายุพวกเราทุกคนนี้แหละ อยู่ที่ใครจะอายุยืนพอ ได้เห็น แน่นอน.. -
ก่อนจะทำความ เข้าใจ จะต้อง สำรวจเข้ามาก่อน
ว่า รู้ทุกขสัจจ ถูกฝาไหม
ถ้า รู้ทุกขสัจจ ถูกฝา กริยาจิตที่โน้มไป หยั่งลง
เหมือน เราแหย่เท้าลงไปหาสะดือทะเล(ซึ่งลึก
มาก จมมิดหัวแน่ๆ) แต่ทว่า ก็ยังคง หยั่งลงหา
สะดือทะเล ไม่มีการ ถอย ละล่ำละลัก ตุปัดตุเป๋
แต่หากไม่ ยังเป็น เห็นทุกข์ แล้วแค่หาที่เกาะ
ปฏิบัติเป็นพิธี ใครว่าดีก็ว่าตามๆกันไป ก็จะพบ
ว่า มันวนในอ่าง สรุปมองไม่ออก อะไรเกิดก่อน
ทั้งนี้ เป็นเพราะ การรู้ทุกขสัจจ แล้ว มุ่งหาอุบาย
นำออก มันจะอย่างหนึ่ง และเป็นเรื่องของ
ปัญญา(บารมี)ทราม หรือ ว่า ปัญญาดี
พอมี ปัญญาดี มุ่งหาอุบายนำออก มุ่งออกจาก
ภพลูกเดียว ไม่มีอาการ ย้อนไป คว้าหาอะไรมา
เป็นตน ของตน
คำตอบว่าอะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง (ซึ่งก็คือ
สักกายทิฏฐิ) จะไม่มี
เมื่อ สักกายทิฏฐิไม่มี อัสมิมานะไม่มี ก็แทบจะ
สอยมะม่วงเอาตรวหน้า ไปได้เลย
"คำตอบว่าอะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง" ในบาง
สำนวนแปลก็เขียนว่า "หาเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้"
ซึ่ง ปรารภเพื่อให้ วางใจไม่ต้องไปหา มุ่งพิจารณา
"อุบายนำออก" มีไหม ถ้ามี ก็จะ พบมรรค
ซึ่งโดยย่อ ทุกข์ คือ อุปทานขันธ์ ไม่ใช่ไปไล่
หาเอากับ ขันธ์ ปล่อย ขันธ์มันทำงานของมันไป
ซึ่ง หลังจากนิพพานไปแล้ว ญาติสนิทมิตรสหาย
จะได้ ผลานิสงค์จากการถึงนิพพาน แบบไม่มีวันหมด
แต่อาจจะไม่ส่งผลให้นิพพานก็ได้ แค่เกิดมา
ได้บวชได้อาศัยข้าวกินไปวันๆ ชั่วกัลปาวสาน
(เฮียส่งมาเกิด)
จะ งง ซ้ำซ้อน หากไม่เข้าใจ "อุบาย" + "นำออก" -
ไม่มีสติ จะรู้ได้อย่างไรหนอ ๆ
-
ส่วน กรณีที่ มี "จิตตั้งตรง"
หรือ ที่เรียกว่า มีจิตมุ่งเห็นทุกข เพื่อหาอุบายนำออก
หาก มีจิตตั้งมั่น( ไม่ใช่ ฌาณ)
เวลา เห็น เออะมัน วน อะไรเกิดก่อน อะไรเกิดหลัง
ซึ่ง จิตตั้งมั่น จะยอมจำนนว่า จริงๆ คือมันไม่มี
ก่อนหลัง อะไรทั้งนั้น ไม่ต้องไปหา (ซึ่งไม่ใช่
อาการหยาบๆ แบบ ตีความ พยักหน้า มันจะ
มีรสของ การมีสติ มีการปฏิบัติ ปราณีตลึกๆ )
แค่ มีจิตตั้งมั่น เห็นชัดว่า การปรารภก่อนหลัง
คืออาการ สักกายทิฏฐิสังโยชน์
ด้วยเหตุเพียงแค่นี้ ก็ นิพพาน ในปัจจุบันธรรม
หากไม่ ก็จะรอกึ่งอายุ
หากไม่ ก็จะรอขณะจิตสุดท้าย -
การที่จิต มีอาการเห็น เออะมันวน แล้ว
มีอาการจำนน ต่อสัจจนั้น
ตรงนี้ก็คือ อาการจิตอึ๊ก เติมบริกรรมไม่ได้อีก
หากยังเติมได้ ก็จะมีการ วนหา อะไรก่อน
อะไรหลัง ไปเข้าใจว่า "สมาธิเสื่อม" บ้าง
"ธรรมเกิด" บ้าง
แทนที่จะ ผั๊วะ ( คือ รู้เงียบๆ อย่าไป
เชื่อมัน ก็ จบ ) ( อย่าเอา ขันธ์แสวง
หาทางออก ) ( เน้นอีกทีนะว่า ไม่ใช่
อาการตีความ จะต้องมี ความปราณีต
ในกา มนสิการ มีจิตตั้งตรง เท่านั้น ) -
บุคคลที่เป็น ธรรมานุสารี แค่ ตั้งจิตให้ตรง
แล้ว "เออะมันวน" แล้วก็ได้สดับว่า "ธรรม
ฝากโน้นมี" แค่นี้ จิตนั้นก็ ข้ามโคตรไป
ส่วน สัทธานุสารี ตั้งจิตตรง มีคนโฆษณา
ว่า ธรรมฝากโน้นมี ไม่ต้องเห็น "เออะมันวน"
จิตนั้น โน้มไปฝากโน้น ข้ามโคตรไป ( ส่วน
ใหญ่จะเป็น พวก กราบปลกๆ น้ำหูน้ำตา
ไหลตอนได้พบ อรหันต์มาเมื่อสมัยโน้นน
แต่ตอนนั้น ระงับเวทนาไม่ทัน เลยลาก
ยาวเป็นอสงไขย ทำให้พวกนี้ ข้ามโคตร
แล้วได้ ญาณลาภี มีฤทธิไม่ต้องฝึก ขึ้น
กับ นาบุญในครั้งกระโน้นว่าเปน อรหันต
ประเภทไหน ) -
คิดว่าลุงถึงผุ้รุ้แล้ว
ผุ้รุ้คือ จิตผสมสติ มันจะเกิดด้วยกัน ไปด้วยกัน
ตัวปัญญาจะเกิดเมื่อ จิตตื่นรุ้จาก3 รักบ่อยๆ และต้องเป็นปัจจุบัน ก็จะไปสร้างตัวปัญญาญาณ มาเชือดกิเลสทีละตัวๆ
กายหลุด
เวทนาหลุด
สัญญาหลุด
สังขารหลุด
วิญญาณ ....และต่อๆ ไป จะไปทีละขั้นละตอนค่ะ ต่อให้มโนไปด้วยสัญญาล่วงหน้าว่าได้นี่นั่นแล้ว แต่ถ้าปฎิบัติถูก เดวปัญญาจะตามถอนของให้เองทีหลังค่ะ ว่าได้จริงตามที่มโนไปก่อนล่วงหน้าไหม แล้วลุงจะถึงบางอ้อด้วยตัวเองวิทเอ้าแอกกิ้งใครๆ -
รู้ไหมว่าไวรัดแมว
เค้าเทศว่าไรบ้าง เห็นแต่น้ำท่วมหนองงูเห่า
แต่หาผักบุ้งเจอยอดเดียวเอง -
เขาบอกให้ มนสิการ..
เขาบอกให้ฉลาดในการฟัง ในการปฏิบัติ
เขาบอกว่า ให้ หยุด หา เบื้องต้น เบื้องปลาย อะไรก่อน อะไรหลัง..
ทุกสรรพสิ่ง จบ ได้ ด้วย ปัจจุบัน.. -
หลวงตาฯท่านสอน
ว่างั้น
แต่ผู้รู้ตัวจริงคือตัวที่รู้ว่าเรา(ขันธ์5)รู้ -
แทนที่มาเกิดจะได้บารมีเพิ่ม แต่ ตายทิ้งเปล่า
เสียชาติเกิด.. -
-
คืนผู้รู้ให้กับโลก คืนผู้รู้ให้กับธรรม..
รู้ก็วาง ไม่รู้ก็วาง..
ไล่มันไป ทิ้งมันเสีย ทำให้เหมือนนักศึกษา ไล่ ผู้นำ บางคน นั้นแหละ.. -
แล้วไปโปรดคนของท่าน ที่เหลือ..
ตอนนี้คนของท่านที่เพียรปฏิบัติอยู่ คง งม เข็ม ในมหาสมุทรอยู่ ทั้งที่จริงๆแล้ว เข็มนั้นก็อยู่ในมือตัวเอง มาช้านาน..
หน้า 1 ของ 16