รู้ไม่จริงแล้วไปสอนผู้อื่น โดยไม่ยกพระสูตร หรือคำสอนครูบาอาจารย์ จัดเป็นอกุศลกรรมหรือไม่คับ พอดีผมมาจากเวบอื่นคับ เห็นเวบนี้ไม่ค่อยยกพระสูตรอ้างอิง เลยคิดว่าจะเป็น อกุศลกรรมหรือไม่
รู้ไม่จริงแล้วไปสอนผู้อื่น
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย อิริยาบท, 31 ตุลาคม 2020.
หน้า 1 ของ 3
-
ดูเอาที่เจตนาในใจ
เจตนาดีก็เป็นกุศล เจตนาไม่ดีก็เป็นอกุศลครับ -
รู้ไม่จริงแล้วไปสอนผู้อื่น
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
จะพาคนอื่นหลงโลกหลงทาง
เป็นบาปเป็นกรรมหนักหนาทีเดียวคับ
ผู้รู้จริงเห็นจริงจะลิงค์เข้ากับพระสูตร -
-
ว่าผู้นั้นรู้จริงในสิ่งที่ต้องการศึกษา -
ถ้ากล่าวตู่ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เช่นกล่าวในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ตรัสว่าตรัส พระธรรมไม่บัญญัติว่าบัญญัติ พระอริยสงฆ์ไม่สอนว่าสอนแบบนั้นแบบนี้ เป็นต้นฯ ขึ้นชื่อว่ากรรมทำแล้วย่อมให้ผล นรกแสนนาน
แต่ถ้าพูดตามทิฏฐิตน ไม่กล่าวตู่ ก็เป็นธรรมดาของปุถุชนซึ่งไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ ซึ่งมีปกติกล่าวผิดไปจากธรรม สนทนากันถือเป็นการเรียนรู้และชี้ขุมทรัพย์ซึ่งกันและกันบ้าง เป็นธรรมสากัจฉา นับว่าเป็นกุศล เป็นปกติที่ทุกคนเข้ามาบอร์ดสนทนาควรต้องเปิดใจให้กว้าง -
มีอีกข้อที่ควรพิจารณา สนทนาธรรมตลอดกาล กับ สนทนาธรรมตามกาล
-
-
ความเห็นส่วนตัวนะครับ
ไม่มีใครรู้จริงหรอก
ที่รู้ๆ ทางสมมุติทั้งนั้น
นี่ห้องอภิญญา - สมาธิ นะครับ
ไม่ใช่ห้อง ตำราญาน ห้องพระสูตร
ห้องอภิธรรม หรือห้องพระไตรปิฎก
ไม่ใช่ห้องที่เน้นจะมาศึกษาคัมภีร์
ศึกษาตำราต่างๆ เพราะไม่ได้จะต้อง
เรียนรู้เพื่อไปสอบ อะไร
น่าจะเน้นทางด้านสมาธิครับ
ไม่ว่าสมาธิใช้งานหรือสมาธิที่ส่งเสริมด้านปัญญาลดละกิเลสนะครับ
ยกเว้นว่า จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ
เป็นคณะกรรมการสอบระดับเปรียบ ๙
เป็น ดร.ทางด้านพุทธศาสนา ทางด้านตำรา
ถึงจะมาชี้บอกได้ว่าใครผิดใครถูก
เพราะอิงตามข้อมูลที่บันทึกไว้เป็นตำราได้
ส่วนมากผิดถูก คือ พูด อ่าน เขียน คิด
ไม่เหมือนที่ตนเอง ได้ยิน ได้ฟัง ได้คิด ได้เคยอ่านได้ วิเคราะห์ แยกแยะ ตีความมา เป็นด้านรูปธรรมทั้งนั้น
อย่าลืมว่า พุทธศาสนา อาศัยทั้งรูปนามเกื้อหนุนกัน รูปนะมันง่าย เด่วนี้ค้นเอาก็ได้
สำคัญว่า อ่านแล้วจิตมันเป็นอย่างนั่นไหม?
สภาวะที่เป็นนามธรรมหละครับ
มาจากไหน เอาอะไรไปรู้
อ่านแล้ว ตำราบอกร้อน?
ร้อนแค่ไหนอีกหละ รู้ไหม?
เพราะมันไม่สามารถชี้วัดได้
มีแต่ คิดว่า เข้าใจว่า น่าจะ พอเข้าใจเนาะ
และเราไม่ใช่พระสาวก ที่รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะเราเกิดไม่ทัน
ทุกตำราก็อ้างว่า ตนเองถูกทั้งนั้นแระครับ
อ้างตำรา ป่านว่าตัวเองไปนั่งจดบันทึก
ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า
ถามว่าตำราดีไหม ดีครับ ถ้าอ่านแล้ว
เรานิสัยดีขึ้น เราโลภ โกรธ หลง ทิฐิมานะน้อยลง โดยรวมๆทำให้นิสัยเราดีขึ้น มันดีหมดแระครับทุกตำรา ไม่ใช่ ตำรานั้นก็ผิด
ท่านนั้นก็ผิด
สุดท้ายถูกสุดคือที่เรารู้ ท่านที่เราเคารพ
หรืออ่านตำราทางสมาธิ แล้วเราฝึกได้สำเร็จ
มีความสามารถใช้งานทางจิตได้จริงเหมือนในตำรานั้นๆ มันก็ถือว่าดีหมดแระครับ
สำคัญว่า เรามีความสามารถจริงไหม?
ทำให้ดูได้ไหม? นำไปใช้งานได้ไหม?
หรือ มีแต่รู้คนเดียว เอาไว้คุยเฉยๆ
ประหนึ่งว่าที่ตนเองเคยเจอมา เคยทำได้มา
บอกว่าตนเองคือยอดมนุษย์นะ
อย่าลืมว่า ตำราสามารถเปลี่ยนแปลงได้
แต่สภาวะที่เป็นนามธรรมไม่มีใครสามารถ
เปลี่ยนแปลงได้
เช่น ร้อน จะเขียน hot ฮ้อน ฮ้อนหลาย
ฮ้อนเจ้า ฯลฯ
แต่ความรู้สึกร้อนที่เป็นนามธรรมส่งผลถึงกาย
มันรู้สึกแบบเดียวกันหมดนั่นหละครับ
พอนึกออกเนาะ
เรียนตามตำราก็ได้ถ้า
จะไปสอบเอาเปรียญธรรมเลื่อนชั้น
ยกระดับตนเองทางโลก ไม่ว่ากัน
หรือคิดว่าเรียนแล้ว ชาตินี้ได้อรหันต์
เข้านิพพานแน่ๆ ก็เรียนไปเหอะ
หรือเอาไว้เปรียบเทียบกับ
สภาวะทางนามธรรม
แห่งตนแบบนี้ก็ได้
สรุปเพื่อเป็นแนวทางนั่นแระครับ
แต่ยึดไม่ได้เหมือนเดิม
หรือเข้าจะมาปฏิบัติ เพื่อยก
ระดับจิตใจตนเองให้พ้นโลก
จากผลของสมาธิ หรือ จาก
ความสามารถทางจิตที่ตนมี
ยึดตำราก็ติดตำรา
ยึดสิ่งที่ตนปฏิบัติมา
ก็ติดแนวทางตนเองอีกนั่นแระครับ
ดังนั้นอย่างไรก็ได้ตามสมควรคือ
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตนเอง
ช่วยแนะช่วยส่งเสริมกัน จะดีกว่า
ไม่ใช่ข้าถูกทางตำรา
ทั้งที่ไม่ใช่คณะกรรมการสอบเปรียญธรรม
ไม่ใช่สมาธิแบบข้าถูกที่สุด
ทั้งที่ตนเองฝึกกรรมฐานอะไรไม่เคยสำเร็จและไม่มีความสามารถทางจิตใช้งานอะไรได้จริงๆ
มีแต่คุยโม้สัมผัสความสามารถ เรื่องในอดีตๆไปวันๆแบบนี้หรือ? หรือคอยปี๊แปะยกตำรามาแย้งหรือ?
สังเกตุดูนะ
ทางปฎิบัติ ทางสมาธิ แปลกอยู่อย่างนะ
ถ้าพูดในสิ่งที่ไม่มีในตน พูดโอ้อวดในสิ่งที่ตนสัมผัสมา จะส่งผลกลับต่อตนเอง
คือฝึกกรรมฐานอะไรก็ไม่สำเร็จซักอย่าง
และจิตไม่มีความสามารถใดๆ
พอให้แสดงความสามารถใช้งานทางสมาธิ
แบบออกสังคมโลก
มักจะเงียบกริ๊บ แต่รู้หมด ว่าระหว่างทางสมาธิ
มีอะไรบ้าง เพราะปี๊แปะ สำเร็จกระบวนการทางความคิด อ้างคำสอนครูบาร์ อาจารย์ล้วนๆ แต่ตนเองไม่มีข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ บางทีคอยเบรค คอยยกตน ทับถมคนที่มาถามอีก สุดท้ายเป็นเกรียนคีย์บอร์ด
ทางด้านตำรา ถ้าถ่ายทอด แบบตีความเอาเอง
โดยที่ตนเองปฎิบัติเข้าไม่ถึง แต่ใช้การคิดวิเคราะห์ ตีความเอาเอง ไม่อ้างอิงที่มา
หรือเอาตำรา เพื่อมาฟาดฟันเพียงเพราะต้องการเอาชนะคนอื่นๆ หรือเพื่อยกตน จะกลายเป็นประเภท วกวนอยู่ในอ่าง กี่ปีกี่ปี
ความเข้าใจก็วนอยู่อย่างนั้น
และมักจะเป็นประเภทปลาตายน้ำตื้น
ด้วยคำถาม ด้านปฏิบัติแบบง่ายๆ
คนประเภทนี้แปลก มักจะป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายด้วยครับ
ปล ฝากไว้พิจารณา แค่ความเห็นหนึ่ง
ขอบคุณครับ -
ผมว่าความคิดของเจ้าของกระทู้ใจแคบมากครับ
ห้องนี้มันห้องพูดคุยแลกเปลี่ยนสนทนา
มันไม่ห้องตำรา คือตอนโพสลองสำรวจใจว่า มันอิฉา หรืพยายาทยังไง -
เหตุ 3 อย่าง เนื้อนั้นไม่ควรบริโภค -
เจตนาเป็นตัวกรรม..
กริยาจิตพาสร้างกรรม..
อาการยึดของจิตนำพาให้ได้รับวิบากกรรม..
สีเลนะ สุคะติง ยันติ
สีเลนะ โภคะ สัมปะทา
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ตัสสะมา สีลํ วิโส ทเย
ชำระ "สีเลนะ" ของตนเองให้สะอาดบริสุทธิ์นั่นแหละดี..
อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ.. -
ไม่ถืออะไรเลย ก็ไม่ต้องหนักใจอะไรมาก
ยิ่งถืออะไรที่ไม่ถูกทาง ก็จะยิ่งทำให้เรายึด
ปล่อยๆมันบ้าง แบกมันให้น้อยลง
ใจก็เบาสบายตามไปด้วย วางใจเป็นกลาง ดีที่สุด -
ฟังหูไว้หูจ๊ะ เข้ามาในบอร์ดนี้ต้องยึดหลักกาลามสูตร
อะไรที่มันน่าจะจริงไปเทียบคำสอนถูกต้องก็เชื่อถือ อะไรที่เทียบแล้วไม่มีก็ปล่อยไป -
สมัยก่อนผมสอนธรรมะแม่ ก็สอนแบบผิดๆถูกๆ
เพราะอยากให้แม่ได้พบเจอสิ่งดีๆ ด้วยความปรารถดี ผมมองว่าเจตนาที่ดีสำคัญครับ -
เพราะ การอาศัยกัน
-
กุศลเกิดไม่ได้กับการเพ่งโทษภายนอกที่แตกต่าง
เหตุเพราะไม่ตรงตามทิฐิที่ตนนั้นยึดถือในรูปแบบอยู่
รูปแบบมีสภาพเป็นอนิจจัง
หากยึดในรูปแบบก็จะไปติดในรูปเที่ยงแต่เพียงแค่นั้น
-
หลักสากลกะหลักยึดคนแบบกันครับ
ถ้าหลุดกรอบแบบกว้างแล้วไม่ต้องพูดถึงลักษณะเฉพราะเลยเครียดป่าว -
เวปพลังจิตค่อนข้าง อินดี้
-
กะว่าทามมัยชอบชวนคุยแต่เรื่องแปลกๆ
หน้า 1 ของ 3