สวัสดีครับ
โอนเงินเรียบร้อยแล้วนะครับ วันนี้ตอนบ่าย ( 31-1-58) เข้าบัญชี
1.นส.กัญพร แซ่ตั้ง ธ.กสิกรไทย 932-2-11872-1 จำนวน 1001 บาท
2.นายสมนึก ทิพย์ชัย ธ.กสิกรไทย 932-2-09917-4 จำนวน 101 บาท
รบกวนเช็คยอดเงินโอนด้วยครับ
รบกวนคุณคุรุปาละช่วยเก็บพระไว้ให้ผมก่อนนะครับ อย่าเพิ่งส่งตอนนี้ เพราะผมกับครอบครัวอยู่ต่างประเทศจะกลับประมาณช่วงปลายเดือนหน้า(ก.พ.58) ถ้ากลับเมืองไทยเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
ขอบคุณมากครับ
ร่วมทำบุญบูชา ทิพย์โอสถ"ตัวชุบบุญฤทธิ์"ชุบลาภพระเจ้าเบิกหัตถ์(ฤทธิ์ทางใจเต็มกำลังครู) พ่ออาจารย์พล
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย คุรุปาละ, 12 ตุลาคม 2014.
หน้า 17 ของ 458
-
-
พระคาถาชินบัญชร
เป็นที่ทราบกันดีว่าพระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นพระคาถามหาวิเศษของสมเด็จโต ซึ่งพ่ออาจารย์ถือเป็นบรมครูของท่าน
พระคาถาชินบัญชรนี้ถือเป็นมรดกทางพุทธศาสตร์อย่างหนึ่ง ที่เป็นสมบัติที่ควรคู่กับการเร่งศึกษาเเละหมั่นภาวนาให้ใช้งานได้
ซึ่งพ่ออาจารย์ท่านได้ฝากบอกกับทุกๆคน ว่าอย่างน้อยก็อยากจะให้หัดท่องเเละภาวนาพระคาถาบทนี้กันให้ชำนาญเพราะว่าเป็นพระคาถาที่มีคุณานุภาพมากมาย
การภาวนาซึ่งพระคาถานี้ให้ภาวนาอยู่เนืองๆจะเจริญยิ่งด้วยลาภยศ ฝึกท่องบ่นภาวนาให้เป็นนิสัย จะทำให้ในห้วงชีวิของตนเองมีอายุยืน ปราศจากภัยอันตรายทั้งปวงที่จะมากระทำย่ำยีให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิต
ทั้งยังใช้เสกทำน้ำมนต์รดอาบดื่มกินเองได้อีกด้วย ไม่ว่าจะถูกกระทำด้วยคุณไสยคุณผีคุณคนทั้งปวงย่อมจะเเก้ไขได้หายสิ้นทั้งยังเเก้ไข้เเก้โรคเรื้อรังเเละวิกลจริต
หากฝันหรือเกิดนิมิตรอวมงคลต่างๆให้ทำน้ำมนต์ด้วยพระคาถาชินบัญชรนี้ก็สามารถแก้ได้ถ้วนทุกประการ
ก่อนจะออกไปทำงานหรือก่อนนอนก็ให้ภาวนาไปเถิดเป็นพระคาถามหาวิเศษนัก มีอิทธิคุณใช้ได้ร้อยแปดพันประการตามแต่จะอธิษฐาน
สำหรับคนที่ถือของศักสิทธิ์ของกายสิทธิ์หรือวัตถุมงคลทั้งหลาย ให้นำพระคาถาชินบัญชรนี้มาเร่งภาวนาเถิด จะใช้เดินกระเเสจิตเวลาปลุกเสกก็ได้ หรือจะใช้ภาวนาเพื่อเพิ่มอิทธิฤทธิ์และอภินิหาริย์ให้แก่วัตถุมงคลทั้งหลายก็ได้ เป็นกลวิธีง่ายๆที่ใช้ได้จริง
สิ่งนี้ขอท่านทั้งหลายอย่าได้มองข้าม ถือเป็นหญ้าปากครอก นอกจากจะเป็นการสวดใช้เพื่อเป็นพระคาถาเเล้วยังเป็นการฝึกสำรวมอินทรีย์และฝึกสติของเราให้จดจ่อแน่วแน่อยู่กับพระคาถาอีกโสตหนึ่งด้วย
สิ่งที่เราชี้แนะนี้ คือสิ่งที่ดีงาม สำหรับผู้นำไปปฏิบัติ หากละเลยไม่สนใจก็ย่อมจะไม่เกิดประโยชน์อันใด ถือเป็นการฝึกการปฏิบัติง่ายๆ และเป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์ที่มีเผยแผ่กันในวงกว้างแต่คนมักไม่ค่อยสนใจไม่ค่อยถือเอาเพราะมองเป็นเหมือนของตลาดหาที่ไหนก็ได้ ทั้งๆที่ผู้เข้าถึงเเละจะใช้ได้จริงนั้นมีเพียงซักกี่คน
ควรเรียนรู้ หมั่นศึกษาเเละทดลองให้เกิดผลด้วยตนเอง หากใครห้อยพระดีกว่าไปแสวงหาเกจิที่ไหนให้ท่านเสกเป่าเพิ่มให้ เราหมั่นฝึกหมั่นเป่าด้วยตัวเราเองนั่นแหละดีที่สุด จะได้เสกน้ำอาบด้วยตัวของเราเอง รวมไปถึงเสกน้ำดื่มกินแก้โรคภัยนิมิตรอวมงคลทั้งหลายได้
พระคาถานี้ควรเจริญอย่างยิ่งในตอนเช้า ตื่นนอนมากราบหมอนเจริญชินบัญชรคาถา เเล้ววันนั้นจะเป็นวันที่ดีของท่านทั้งหลาย ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าซึ่งไม่มีประมาณรวมถึงพระสัจธรรมและเหล่าพระอสีติมหาสาวกจะได้มาคุ้มครองดูแลท่าน แม้ยามจะไปสมัครงานเจรจางานหรือกระทำสิ่งใดก็ดี หากจิตเราตกและขาดกำลังใจ ให้เจริญชินบัญชรคาถาให้จิตสงบแล้วจงเร่งไปเถิด จะประสบแต่ความโชคดีเเละความสำเร็จรออยู่เบื้องหน้าไม่มีอุปสรรคอันน่าหนักใจเลย
สิ่งนี้ถือเป็นของกลาง ที่เราควรศึกษาเเละฉกฉวยมาไว้กับตน เมื่อท่องเป็นเเล้วก็ควรใช้งานให้เป็นให้คล่อง หมั่นนำมาใช้งานควบคู่ไปกับการภาวนาด้วยยิ่งดีมาก พระคาถานี้ก็เหมือนมีด ยิ่งลับก็ยิ่งคม อย่าถือมีดทื่อๆไปใช้งานเด็ดขาด อย่าสำคัญแต่เพียงเรียนรู้เเล้วท่องได้เเล้วเพียงนั้น ลองหมั่นนำมาเจริญภาวนาดูแล้วจะรู้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้ชัดเจน ฝากไว้สำหรับท่านทั้งหลายที่เห็นประโยชน์เกื้อกูลยิ่งใหญ่ให้ฝึกปฏิบัติ เเม้ตัวเราเองก็เจริญมิได้ขาดวันละ 108 คาบ คุณของพระคาถานี้มากมายหนักหนา ให้เอาตัวเองเข้าไปสัมผัส จะได้รู้ด้วยใจเเละถึงใจของตนเอง -
ผมมีประสบการณ์กับตะกรุดหม่อมแม่ที่พ่ออาจารย์ทำให้ แต่ไม่รู้จะเล่ายังไงเริ่มจากตรงไหนดี ขออนุญาติผมเรียบเรียงก่อนจะมาเล่าเทิดทูนคุณครูบาอาจารย์ครับ
-
ได้ฟังคร่าวๆแล้ว ยินดีด้วยครับ รอลุ้นอ่านเต็มๆเหมือนกัน:cool: -
ผมได้ปรึกษาคุณกร เพราะตะกรุดที่อาจารย์พ่อทำมาให้ดอกค่อนข้างใหญ่และหนักไม่สะดวกเวลาคาดเอวเลยอยากได้แบบสั้นๆเล็กๆเลยฝากคุณกรไปให้สอบถามอาจารย์พ่อครูให้
1. ผมต้องการตะกรุดเสน่ห์แบบเบาๆไม่หนักดอกไม่ใหญ่ห้อยคอได้
2. ขอให้เป็นวิชาที่อาจารย์พ่อสำเร็จเคยใช้ทดลองมาแล้ว
3. เอาแบบที่เป็นตำนานที่สุดของที่สุดเลย
พอได้คำตอบผมก็ตกลงบูชาเป็นตะกรุดสองกษัตริย์เป็นตะกรุดเสด็จแม่ยั่วเมืองที่ผมเรียกว่าหม่อมแม่วิชานี้คุณกรว่าต้องใช้แผ่นเงินสุระปัดคำมาทำชีวิตอาจารย์พ่อทำได้ตกสิบกว่าดอกเท่านั้นผมนี่อึ้งเลยเพราะที่คุยรายละเอียดกันคืออาจารย์พ่อจะลงตะกรุดให้เป็นวิชาที่ท่านสำเร็จแบบที่เคยทำแช่เป็นตัวต้นกำเนิดพลังงานในน้ำมันดีดสาวสมัยก่อน พอคุณกรพูดจบก็ตรงกับใจผมพอดี พอได้มาก็ลองกับตัวขอกับหม่อมแม่เอาน้ําปรุงพรมๆจุดกำยานถวายขอให้เจอผู้หญิงดีๆซักคนนับเวลาไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงก็ได้เจอจริงๆเป็นนายร้อยตำรวจหญิงยังสาวรุ่นๆที่สำคัญเธอตอบตกลงนัดเดทในวันนั้นเลยและก็ขึ้นสวรรค์ในวันเดียวกันเลยผมยังไม่เคยเจออะไรที่แรงและเร็วขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่เล่นสายเสน่ห์มา ต่อมาเลยลองขอเบอร์อาหมวยที่เยาวราชดูเธอให้ไลน์ผมมาคุยไปคุยมาสองวันผมเริ่มรำคาญเพราะเธอไม่ยอมให้เบอร์ซักทีเลยพูดกับหม่อมแม่ในตะกรุดว่าช่วยหน่อยเถอะเเม่ลูกคงจะแห้วแน่ๆอยู่ดีๆน้องหมวยพิมไลน์มาเองว่าไม่เคยให้เบอร์ใครเลยแต่จะลองให้พี่ดูแล้วก็พิมพ์เบอร์มาเสร็จสรรพผมก็งงๆว่าให้มาได้ยังไง หม่อมแม่นี่ขอได้ไวจริงๆเลยจัดกำยานหอมๆจุดถวายท่านอีกเพราะคุณกรแนะนำว่าท่านชอบควันธูปไอเทียนเครื่องหอมไม่ต้องไปถวายอะไรมากหลังจากได้บูชามาก็มีเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นอีกหลายอย่างเป็นเรื่องของน้องๆผู้หญิงที่ผมถูกใจคุยๆขอเบอร์ไว้ลองจนแน่แก่ใจแล้วถึงกล้ามาเล่าเพราะปกติผมไม่เสน่ห์เอาเสียเลยกว่าจะได้คุยทีซักคนนี่ยากมาก ผมเริ่มจากให้พ่ออาจารย์ผูกดวงเรื่องรักๆใคร่ผมลงตะกรุดหนุนดวงพระศุกราจารย์ก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้น พอมาได้ตะกรุดหม่อมแม่สุระปัดคำที่ท่านทำให้ยอมรับเลยว่าไม่ผิดหวังและเร็วมากๆจริงๆสุดท้ายนี้ผมขอขอบใจคุณกรขอบพระคุณบูรพาจารย์เช่นอาจารย์พ่อที่สร้างของวิเศษให้ผมอาจารย์พ่อทำให้ผมนึกถึงครูในอดีตอย่างอาจารย์เฮง อาจารย์ลอย อาจารย์ฟ้อนจริงๆผมลองนำวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไปให้พระที่นับถือจับก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นของแท้แน่นอนพลังแรงเหมือนหลวงปู่หมุนหลวงปู่ละมัยที่สำคัญแฝงครูไว้เยอะมาก ผมเล่าเพื่อเทิดทูนอาจารย์พ่อครูพลครับ ผมเทิดทูนท่านหมดใจจริงๆเพราะสูญเงินไปมากกับการบูชาพระเครื่องเเต่ใช้ไม่ได้ผลเลย มาเจอของอาจารย์พ่อจึงรู้ว่าของจริงมันยังมีอยู่ สุดท้ายนี้ฝากคุณกรให้บอกอาจารย์พ่อด้วยว่าผมขอพรพระเเละเทวดาขอให้อาจารย์พ่อมีสุขภาพแข็งแรงเจริญทั้งทางโลกทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปผมขอแบบนี้ถวายท่านมาซักระยะหนึ่งแล้วสาธุครับ -
-
อิ อิ อะไรละครับของขวัญเดือนแห่งความรัก กำลังรอดู รอชม ด้วยใจละทึก
-
-
ทุกข์
เช้าๆก็จะกลับเข้ามาในส่วนของคำสอนที่พ่ออาจารย์ท่านได้ถ่ายทอดเอาไว้เช่นเดิม วันนี้จะกล่าวในหัวข้อของความทุกข์
ขึ้นชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายย่อมเป็นผู้วนเวียนอยู่ในกองทุกข์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะสูงศักดิ์เพียงใดหรือจะต่ำศักดิ์เพียงไหนก็ไม่สามารถหนีพ้นได้ ไม่สามารถเสวยความสุขอยู่ฝ่ายเดียวได้
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั้น แสวงหาความสุข เพียงเพราะต้องการความสุขทางร่างกายเเละจิตใจต่อให้เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบก็ยังยินดีไปกับความสุขนั้น
ความทุกข์ที่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายได้รับนั้นมีเข้ามาในหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคเเละปัญหาต่างๆ เมื่อไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า เมื่อจิตใจท้อแท้รู้สึกล้าเเละเกิดความหวาดกลัว กลัวผลเสียหายกลัวมีสิ่งใดมากระทบเท่านี้ใจเเละกายก็เป็นทุกข์
ความผิดหวังทั้งหลาย เมื่อสิ่งมีชีวิตมีความปรารถนา มีความหวังตั้งไว้ดีเเล้ว หากไม่ได้ไม่สำเร็จตามความหวังที่ตั้งไว้ ที่ต้องการ ทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นความทุกข์อีกเช่นกัน เพราะเหตุว่าชนทั้งหลายย่อมปรารถนาความสำเร็จสูงสุดในสิ่งที่ตัวเองคาดหวังนั่นเอง เมื่อกระทำสิ่งใดด้วยความหวัง ยิ่งทำเต็มกำลังเท่าไหร่ หากไม่ประสบผลสำเร็จเเละผิดหวังก็ยิ่งจะเกิดทุกขเวทนามากขึ้นตามลำดับนั้นๆ
ความเศร้าโศกเสียใจ สิ่งนี้คืออารมณ์ภายในของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ชนทั้งหลายนั้นล้วนเคยผ่านความเศร้าโศกเสียใจมานักต่อนัก ซึ่งความเศร้าโศกนี้จะเกิดได้ทั้งปัจจัยภายนอกเป็นเหตุชักจูงไป เเละปัจจัยภายในคืออารมณ์ความรู้สึกของตนเองปรุงแต่งขึ้นมา อารมณ์เช่นนี้ก็เป็นบ่อเกิดเเห่งทุกขเวทนาเช่นกัน
ปราชญ์ทั้งหลายย่อมแสวงหาหนทางดับทุกข์ พ้นทุกข์ นิราศทุกข์ เพื่อให้ถึงซึ่งความสุขยิ่งใหญ่ ดังนั้นผู้มีปัญญาจึงควรใคร่ครวญเสมอว่าเราจะหลุดพ้นจากสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์นี้ได้ยากเพียงไหน ตราบใดที่ยังมีลมหายใจเข้าออก ตราบนั้นขึ้นชื่อว่ายังอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทั้งสิ้น แม้หมดลมเเล้วก็ยังไม่อาจพ้นไปได้
ดังนั้นเราจึงควรคิดอยู่เสมอว่าเราจะอยู่อย่างไรให้ความทุกข์นี้ไม่มีผลต่อชีวิตเราได้ ความทุกข์ก็คืออารมณ์ที่ถูกปรุงแต่งขึ้นจากเหตุปัจจัยต่างๆทั้งหลาย เมื่อเราไม่อาจหลีกเลี่ยงความทุกข์ได้ เราก็ต้องอยู่ร่วมกับมันโดยที่เราไม่ทุกข์
สิ่งที่จะทำให้เราอยู่กับมันได้ก็คือการฝึกจิตใจตนเองให้เข้มเเข็งนั่นเอง เมื่อเราฝึกจิตใจตนเองให้เข้มเเข็งเเล้ว สาเหตุอันเกิดเเต่ความทุกข์ทั้งหลาย จะเป็นอุปสรรคปัญหาใดๆ อารมณ์เศร้าโศกเสียใจแบบไหน ความได้ลาภเสื่อมลาภความผิดหวังท้อแท้ประการใดก็ดี สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่สามารถทำร้ายจิตใจของเราได้อีกต่อไป
เมื่อจิตใจของเรานั้นไม่ยินดียินร้ายกับอารมณ์ที่กระทบเข้ามาทั้งหลายเหล่านั้น ความทุกข์ทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกันการฝึกนี้ก็ไม่ใช่การฝึกเพียงครั้งคราว ควรฝึกให้เป็นนิสัย เพื่อผลดีสูงสุดที่ตนจะพึงมีพึงได้
บุคคลผู้จะล่วงความทุกข์ได้นั้นย่อมมีสติเป็นพื้นฐานรู้จักพิจารณาเหตุผลเเละอารมณ์ต่างๆที่จะกระทบเข้ามา เพื่อฝึกปรับปรุงจิตใจของตนเองให้เข้มเเข็ง เปลี่ยนจากใจที่อ่อนแอ ท้อแท้ เหนื่อยล้าเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิต เป็นใจดวงใหม่เป็นคนใหม่
เมื่อฝึกได้เช่นนี้เเล้ว บุคลิกของคนผู้นั้นก็จะเปลี่ยนไป อารมณ์ความคิดก็จะเปลี่ยนไป ความคิดเขาจะมีระบบมากขึ้นโดยฉับพลันทันทีนั่นคือรู้จักเหตุและผล เหตุที่ทำให้เกิดขึ้นหรือผลที่จะตามมาเมื่อปฏิบัติ เขาจะเป็นผุ้มีความสุขุมรอบคอบไม่ลุแก่โทสะใดๆโดยง่าย
เช่นนี้แล้วก็ถือว่าเป็นการอบรมร่างกายของตนเองให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติฝึกฝนในขั้นต่อๆไป เมื่อบุคคลใดปฏิบัติได้ดังนี้ ชีวิตเขาผู้นั้นจะเป็นชีวิตที่สงบสุข ความสงบนั้นถือได้ว่าเป็นความสุขแท้จริงไม่ฉาบฉวย สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ ตนเองต้องพึ่งการกระทำตนเองเท่านั้น -
สาธุ อ่านข้อความแล้วจักน้อมนำข้อความที่ท่านพ่อเมตตาสอน พยายามอย่างที่สุดที่จะไปปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ให้ตัวเองและผู้อื่น
-
ทุน
เช่นเดิมสำหรับผู้ที่ติดตาม วันนี้ก็จะนำโอวาทที่เคยได้กล่าวไว้ของพ่ออาจารย์ท่านมาลงเพิ่มเติม ซึ่งหัวข้อในวันนี้คือเรื่องทุน
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายย่อมวนเวียนไปตามกฏแห่งวัฏฏสงสารตามกรรมที่ตนเองได้ลิขิตไว้แต่ภพชาติก่อน การไหลเวียนของสิ่งมีชีวิตนั้นเป็นการไหลเวียนตามกาลเวลาในลักษณะเลข8 หมุนเวียนเปลี่ยนผันไปๆมาๆอยู่เช่นนั้น
ด้วยสรรพชีวิตทั้งหลายหวาดกลัวภัยอันเกิดเเต่กรรมที่ได้กระทำไว้ หวาดกลัวเวรกรรมที่จะคืนสนองแก่ตน แต่ก็หาได้หยุดสร้างกรรมทั้งหลายไม่ ทั้งๆที่มีโอกาสเเละถือเป็นโอกาสที่ประเสริฐแล้วเสียด้วย
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ เราเชื่อสนิทใจว่ามีดีเสมอกันหมด ไม่มีเลวซักคน ที่ว่ามีดีนั้นคือเกิดมาอย่างน้อยก็มีความดีติดตัวมาด้วย ในภายหลังจะเลือกทำให้มันดีขึ้นหรือเลวลงนั่นก็ขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของเค้า
สิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวมานั้นเราเรียกว่าทุน ทุนนี้เกิดขึ้นจากภพชาติก่อนๆ จะเป็นทุนจากกรรมดีหรือจากกรรมชั่วก็ตาม ขึ้นชื่อว่าได้สร้างสมเพิ่มเติมไว้เเต่อดีตสิ่งเหล่านี้คือทุนทั้งสิ้น
เมื่อกล่าวถึงจุดนี้แล้วเราทุกคนให้ตั้งสติ ลองสำรวจตัวเองดูคร่าวๆ ว่าชีวิตทุกวันนี้เป็นเช่นไร สุขหรือทุกข์แบบไหนมากกว่ากัน ชีวิตทุกวันนี้เป็นอย่างไรสะดวกราบรื่นทำอะไรก็สำเร็จ หรือประสบพบเจอเเต่ปัญหาอุปสรรคที่ไม่สามารถฟันฝ่าไปได้
เมื่อเราทุกคนได้พิจารณาตนเองเสร็จเรียบร้อยเเล้ว เราจะมีคำตอบอยู่ในใจตนเองเป็นที่เเน่นอน ว่าต้นทุนของตนเองนั้นเป็นทุนเช่นไรดี หรือร้าย เราเกิดมาเสวยผลบุญหรือผลกรรม
ทั้งนี้สิ่งที่ผ่านมาเเล้วย่อมไม่สามารถแก้ไขอดีตได้ แต่โอกาสนั้นอยู่กับชีวิตและลมหายใจในวันนี้ เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนพร้อมเเละอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองให้มีสภาพความเป็นอยู่ดีขึ้นในทุกด้าน
เมื่อเรามองต้นทุนของเราออกเเล้วว่ามันคือกรรมดีหรือกรรมชั่วที่ตอบสนองเราอยู่ ก็ควรจะเร่งแก้ไข หากจะก้มหน้ารับกรรมทุกสิ่งทุกอย่างก็เห็นว่าจะสุดโต่งเกินไป แลเสียชาติมนุษย์ที่ได้เกิดมาเพื่อฝึกฝนขัดเกลาตนเองไปสิ้น
เราพร้อมที่จะสะสมทุนใหม่กันหรือยังจงถามใจตนเอง ให้ใจรู้ใจ เข้าถึงใจและฟังคำตอบจากใจของตนเอง เมื่อเราได้คำตอบว่าพร้อมเเล้ว พร้อมที่จะเริ่มขัดเกลาตนเอง พร้อมที่จะเก็บออมทุนทรัพย์ก้อนใหม่เเล้ว ก็เริ่มปฏิบัติกันได้เลย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่คววรช้าอีกเช่นกัน อย่าไปอายใครเพราะไม่ใช่สิ่งสมควรจะอายเขาถ้าเราจะเเข่งขันกันที่จะทำความดีและเก็บออมต้นทุนของเราไปใช้ในภพชาติต่อๆไปจนถึงที่สุดแห่งภพ
ทุนนี้ ก็คือบารมีทั้ง 10 ประการ เป็นบารมีที่ใครก็ทำได้ ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ผู้เป็นสัตว์ประเสริฐเเล้วย่อมทำได้ทุกคน เพราะบารมีทั้ง 10 ประการที่จะเป็นทุนของเรานั้น ไม่ได้เกิดจากการซื้อขายไปเก้บแต้มเก็บเบี้ยแต่อย่างใด แต่ทศบารมีทั้ง 10 ประการที่ให้เราทุกคนเข้าถึงนี้ เป็นบารมีอันเกิดขึ้นจากกำลังใจของตัวเราเองล้วนๆ จะไปเอากำลังใจของคนอื่นมาใช้มันก็ไม่ได้เสียด้วย ต้องลองเเละปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น เพราะนี่คือทุนของเรา บารมีของเราเเละกำลังใจของเราเอง
มันคือหญ้าปากครอก พวกคุณอย่าหาว่าผมเอาเรื่องที่ใครๆก็รู้อยู่เเล้วมาพูดซ้ำใหม่ ที่ต้องพูดเพราะทุนนี้ คือสิ่งที่จะพลิกจะเปลี่ยนชีวิตปัจจุบันของทุกคนให้ดีขึ้นได้ เพราะทุนนี้คือสิ่งที่กำหนดภพชาติต่อๆไปภายหน้าของทุกคนขึ้นมาใหม่ จะดีจะเลวก็อยู่ที่ทุนนี้ทั้งนั้น
บารมีทั้ง 10 ประการ หรือกำลังใจทั้งสิบชนิดอันจะเป็นทุนของเรานั้น ได้แก่
- ทาน จิตของเราคือผู้ที่รู้จักเผื่อแผ่ ขจัดความตระหนี่ถี่เหนียว รู้จักการให้การเอื้อเฟื้อต่อสรรพสัตว์ผู้ยากทั้งหลาย ค่อยๆเก็บต้นทุนตัวนี้ไว้ บ่มเพาะกำลังใจของตนเองไปเรื่อยจนถึงที่สุดแห่งทานซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นชาตินี้ภพนี้ก็ได้ บททดสอบอารมณ์และกำลังใจในบารมีข้อนี้จะเกิดขึ้นเองเรื่อยๆเมื่อถึงเวลาอันสมควร
- ศีล ศีลนี้เหมือนเสื้อผ้าที่มนุษย์สวมใส่ เหมือนเกราะเเก้วเกราะเพชร เราพูดเสมอตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าคุณแห่งศีลมีอยู่ในโลกนะ คุณนี้จะตามรักษาปกป้องคนที่รักษาศีลเสมือนเงาตามตัวไม่ทิ้งเราไว้เดียวดายไม่ปล่อยเราให้คลาดเคลื่อนในห้วงเวลาๆใด จะเป็นสมบัติเเละทิพย์วิมานในอากาศเทวโลกรอคอยเราอยู่ ศีล 5 เพียงเท่านี้แหละให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติเอาไว้ให้ดี ถือกันไว้ให้ได้ เป็นทุนที่จะใช้สืบสวรรค์สวรรค์สมบัติเเละนิพพานสมบัติต่อไป แม้เกิดในโลกมนุษย์ก็จะไม่เกิดในตระกูลต่ำประสบความลำบากทุกข์ยาก ทุนนี้คือกำลังใจของตนคือการปฏิบัติของตนเอง อย่าละเลย
- เนกขัมมะ สิ่งนี้คือการถือบวช เราไม่ได้บอกให้ใครไปโกนหัวบวช แต่ถ้าบวชได้ก็ดีนะ เราจะบอกเพียงว่าให้บวชใจของตนไว้ตลอดเวลากายเป็นคนเเต่ใจเป็นพระแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องลำบากแต่อย่างใดเลยกายเราสวมเสื้อผ้าเเต่ใจเราครองผ้ากาสาวพัสตร์ ถ้ามีเวลาว่างก็ถือบวชพราหมณ์ปฏิบัติธรรมพิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าหมั่นนำมาคิดนำมาฝึกปฏิบัติเเทรกลงไปกับการใช้ชีวิตของตนเอง นี่ก็เป็นทุนเรื่องหนึ่งฝึกไว้เถิด จะได้ติดเป็นนิสัยไปถึงชาติภพหน้าไม่คลาดเคลื่อนจากพระศาสนา ไม่แคล้วคลาดจากคุณธรรมความดีทั้งหลาย เร่งอบรมกำลังใจส่วนนี้ไว้ให้ถึงพร้อม
- ปัญญา สิ่งนี้คืออาวุธชั้นเลิศ มนุษย์เกิดมาพร้อมอาวุธวิเศษติดตัวทุกคน ปัญญานั้นเปรียบเสมือนจักรเเก้ว เราควรใช้ปัญญาในการถากถางแก้ไขอุปสรรคแลปัญหาต่างๆ ฝึกใช้ปัญญาใช้การพิจารณาไตร่ตรองนึกคิดในชีวิตให้เยอะๆ ท้ายที่สุดก็ใช้เป็นทุนในการประหารกิเลสให้พังพินาศไป
- วิริยะ สิ่งนี้คือความเพียร เป็นอาภรณ์แห่งจิตใจของมนุษย์ทุกคน เพราะเราจะพึงใช้ความเพียรนี้ควบคุมจิตใจของเราเอง บุคคลทั้งหลาย ลุแก่ความสำเร็จได้ ด้วยความเพียร นี่ทุนนี้สำคัญมากๆ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องฝึก ต้องควบคุมต้องมีไว้ในใจตนเองเสมอ อย่าให้หายให้ขาดไปแม้ห้วงเวลาหนึ่งทีเดียว ความยากลำบากทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณๆเหล่านั้น มันคือบททดสอบ ยิ่งยากยิ่งดีงาม เพราะเราจะได้ฝึกวิริยะบารมีอันเป็นกำลังใจของเราให้ถึงพร้อมลุความยากลำบากแลอุปสรรคทั้งหลายด้วยทุนแห่งใจนั่นคือความเพียร
- ขันติ นี่ก็สำคัญ ถ้าไม่มีสิ่งนี้โลกมนุษย์ย่อมวุ่นวาย ขันตินี่คือความอดทน อดทนอดกลั้นต่อความรู้สึกไม่ชอบไม่พอใจทั้งหลาย จะเป็นสิ่งที่อยู่ในกายเราก็ดี หรือสิ่งที่มากระทบจากธรรมชาติแวดล้อมหรือตัวบุคคลอื่นๆก็ดี เราจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบเเละเป็นสุขได้ก็เพราะอารมณ์เเห่งใจที่ชื่อว่าความอดอดกลั้นหรือขันตินี่เอง อย่าปล่อยให้เตลิดไป การณ์ทั้งหลายที่ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอันผ่านเข้ามานี้เป็นบททดสอบชั้นเยี่ยมที่เราควรจะผ่านไปให้ได้ ผู้มีขันติเป็นอารมณ์ไม่ฉุนเฉียวลุแก่โทสะตอบโต้ผู้หนึ่งผู้ใดนับเป็นบุคคลที่สง่างามโดยแท้จริง ทั้งจะเป็นอุปนิสัยติดตัวไปในภพชาติหน้า เป็นสิ่งกำหนดภพ กำหนดชาติ กำหนดเผ่าพันธุ์ของตัวเราเองอีกด้วย
- สัจจะ นี่ก็คือความจริง คำว่าสัจจะก็คือความจริงการยอมรับความจริง เราจะทรงอารมณ์นี้ไว้ตลอด เราจะทำความดีให้เป็นจริงในทุกเรื่องทุกอย่างที่ชาตินี้กายสังขารของเรามีกำลังพอที่จะทำได้ เรียกว่าทุนข้อนี้เป็นการเตือนใจตนเองตลอดเวลา ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วนั้นหากผิดกับใครก็ตามแต่คงไม่แย่เท่าผิดกับน้ำใจของตน
- อธิษฐาน นี่ก็เป็นอารมณ์ที่แกิดเเต่ใจของตน จะเป็นอะไรจะทำอะไรให้สำเร็จ ตั้งอารมณ์กันไว้ให้ดี บอกกล่าวแก่จิตใจของตนเอง เหมือนตั้งจุดหมายอันเป็นที่สุดแห่งชีวิตของคุณทั้งหลายเอาไว้ ตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ เเละทำให้มันให้สำเร็จลุล่วงไป อย่าคิดฝันสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ สิ่งที่กายสังขารของตนไม่อาจกระทำได้เช่นนี้ไม่เอา เอาที่ตนทำได้เเละไปถึงตั้งขึ้นมาเป็นอธิษฐานบารมีของตนว่าเราจะทำอะไร ตั้งให้ตรงเเละซื่อตรงกับใจเเละคำอธิษฐานของตน
- เมตตา นี่เป็นอารมณ์ที่ทรงตัวที่สุด เข้าใจง่ายเเละทำกันได้ทุกคนไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมได้ชื่อว่ามีเมตตาอยู่ในน้ำจิตน้ำใจของตนเองอยู่เเล้ว เอาเป็นว่าตัวเรานี้แหละรู้จักคำนี้ดีที่สุดดีกว่าใครไม่ต้องให้ใครมาอธิบาย วันนี้เราจะสร้างอารมณ์ตนเองให้เหนือกว่าความเมตตาทั้งหลายที่เราเคยสร้างมา เราจะไม่จองเวรผูกกรรมกับใคร สรรพสัตว์ร่วมโลกเเม้จะต่างภพภูมิทั้งหลายบรรดามีย่อมเป็นมิตรแก่เราทั้งสิ้น เรารักตนเองเพียงไหน ถึงเวลาเเล้วหรือยังที่เราจะรักคนอื่นเสมอด้วยตนเอง
- อุเบกขา สิ่งนี้คือการวางเฉย เป็นอารมณ์ของพระพรหมเชียวนะ พระพรหมเเละพระอรหันต์ทั้งหลายท่านจะวางตัวอยู่ในอุเบกขาญาณ สิ่งนี้เหมือนทำยากแต่ก็ไม่ยากเกินไปเท่าไหร่ ฝึกเอาไว้ให้ทรงอารมณ์นี้ได้ทรงตัวสามารถตั้งไว้ได้ตลอดเวลา มันต้องใช้การพิจารณาเข้าช่วยเหมือนกัน นั่นคือพิจารณาสิ่งที่ผ่านเข้ามาทั้งจากภายในและภายนอกจะเป็นความสุขก็ดีความทุกข์ก็ช่างไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งใดๆ ปล่อยมันไป ช่างมันไว้ เพราะเดี๋ยวมันก็จะผ่านเราไป เช่นนี้
ทศบารมีธรรมนี้คืออารมณ์ภายในทั้งสิบประการ ที่เราต้องสร้างเองเพื่อให้เป็นทุนในภพชาตินี้และเก็บไว้ใช้ในภพชาติต่อๆไป ปราชญ์ทั้งหลายแม้นนัยน์ตาปราศจากธุลีใดๆรบกวนเเล้ว ย่อมจะเล็งเห็นคุณและโทษของกรรม และไม่รีรอที่จะปฏิบัติ อย่าปล่อยโอกาสเเละเวลาอันมีค่าในเเต่ละวันให้ผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลย บุคคลใดที่ละทิ้งโอกาสเเล้ว บุคคลนั้นย่อมได้ชื่อว่าโฉดเขลาอย่างยิ่ง -
สาธุ ครับ
-
โอนค่าเหรียญแล้วครับ เดี๋ยวจะ pm ที่อยู่ให้ทีหลังนะครับ
-
สำหรับท่านที่จะบูชาหรือบูชาไปแล้ว จะมีคาถาบทหนึ่งที่พ่ออาจารย์ท่านเมตตามอบให้ไป ซึ่งเป็นมนต์เกี่ยวกับพระกาฬ อันนี้ท่านก็ออกมาฝากบอกเเละเตือนว่าไม่ควรภาวนาบ่อย เพราะตะกรุดนี้เสกมาดีเเล้วท่านใช้มนต์พระกาฬเสกเต็มบททีเดียว ในส่วนมนต์บทที่มอบให้ไปนี้เอาไว้ภาวนาเวลาเราโดนกระทำย่ำยีหรือโดนคุณโดนของจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่ภาวนาพร่ำเพรื่อ หากภาวนาโดยทั่วไปจะไม่เกิดผลดีแก่ตนเองเลยเพราะอานุภาพของการสะท้อนกลับที่รุนเเรง หากภาวนาย่ำรุ่งถึงสว่าง เดรัจฉานวิชาสะท้อนกลับไปหาผู้หมายใจปองร้ายเราเสียจริตกลายเป็นครึ่งผีครึ่งคนแก้ไขมิได้เลย หากนำไปใช้สาปแช่งผู้ใดภาวนาเพื่อหวังมุ่งร้ายแก่ผู้ใดถือเป็นเวรกรรมหนักหนาถึงขั้นเป็นวิบากกรรมติดตัวทีเดียว -
-
วันนี้ได้รับพระแล้วครับ จัดส่งรวดเร็วมาก ด้านหลังจารเป็นตัวนะ แล้วก็มีคาถา จะภะกะสะ นะมะอะอุ อยู่ด้วยครับ
-
ดูพระ
วันนี้ได้พูดคุยกับพ่ออาจารย์ท่านในประเด็นนี้พอดี
เนื่องจากได้คุยกับพี่ที่โทรมาสอบถามท่านหนึ่งท่านสงสัยว่า เทวรูปเเละอื่นๆที่ท่านบูชานั้นมีองค์อยู่จริงมั๊ย ก็เลยจัดส่งอีเอมเอสมาเพื่อให้นำพระมอบให้พ่ออาจารย์ท่านดู โดยใช้ตาใน (ซึ่งปกติท่านจะไม่รับดูให้ใคร เป็นกรณีๆ)
ก็ได้ทราบจากท่าน หลังจากตรวจสอบให้ว่าไม่ใช่ ยกตัวอย่างเช่นท้าวเวสสุวรรณเป็นรูปหล่อที่เป็นพระรูปท่าน ความรู้สึกของพี่ที่บูชาก็เข้าใจว่าท้าวเวสก็คือท้าวเวสเช่นนี้เป็นต้น เหรียญพระพรหมก็คือองค์พรหมดังนี้
พอไม่ใช่ ก็จะเป็นเทวดาในระดับบริวารมารักษาพระรูปเหล่านั้นแทน ซึ่งมันทำให้เกิดคำถามเเละหัวข้อการสนทนาขึ้น ว่าทำไมเพราะเหตุใด การปลุกเสกนั้นจึงไม่เชิญองค์ต้นตามเทวลักษณะเเละพระนามของเทวรูปนั้นมาประทับเพื่อให้บุคคลทั้งหลายนำไปบูชา
ก็ได้ถามท่านไปตรงๆว่าทำไมถึงเป็นเเบบนี้เพื่อจะนำคำตอบไปบอกพี่เค้าที่ฝากของมา ก็ได้เรื่องว่า ในรูปเคารพต่างๆนั้นยิ่งเป็นเทพเจ้าที่มีบารมีสูงเเล้ว เป็นการยากที่จะไปเสกท่านขึ้นมาได้ ไม่มีพระสงฆ์องค์ไหนทั้งนั้นที่จะไปนิรมิตรเทวดาขึ้นมาชีวิตใหม่ชีวิตหนึ่งได้นอกจากตั้งธาตุทำให้เกิดรูปเป็นเจตสิกเช่นนี้
ดังนั้นในกรณีของรูปเปรียบเเละรูปเคารพ จึงต้องทำการอัญเชิญญาณขององค์เทพนั้นๆลงมาบอกกล่าวขออนุญาติท่านให้ท่านรับรู้เเละรับรูปเปรียบพระองค์ท่านที่ทำขึ้นมาเป็นวัตถุที่ใช้สื่อกับบารมีของเทพนั้นๆได้ จะใช้การปลุกเสกหรือชุมนุมเทพอะไรก็เเล้วเเต่ทำแบบนี้ย่อมเข้าไม่ถึงเเละไม่ตรงงาน
พอได้คำตอบก็ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆอย่างขึ้นมาบ้าง ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล นำมาเล่าเเละถ่ายทอดให้ฟังไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อตามทั้งสิ้น เพราะพระที่เอามาให้ท่านตรวจสอบนั้นมีทั้งเทวรูปพิธีใหญ่ที่ใช้การพุทธาภิเษกและเทวรูปที่ใช้การอธิษฐานจิตปลุกเสกซึ่งเมื่อตรวจสอบเเล้วไม่ตรงปางไม่ตรงภาคของเทวดาก็มี
ก็มาสนทนากันเล็กๆก่อน ถือว่าได้ทำความเข้าใจไปพร้อมๆกัน -
ได้ตามคุณกรณ์มากราบพ่อครูพลและได้เห็นท่านเสกตะกรุดจนเทียนและขวดแก้วที่ใช้ตั้งเทียนระเบิดกับตาของผมเอง ยอมรับเเละเชื่อสนิทใจแล้วครับเสียดายพอตั้งสติได้จังหวะถ่ายรูปคุณกรณ์รีบเก็บไปทิ้งซะก่อนกลัวเศษแก้วจะบาดเพราะเเตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นใหญ่คมกริบเลย เชื่อสนิทใจลูกช้างเลยสมาธิพลังจิตของท่านเป็นของจริงเหมือนอาจารย์ยุคเก่าๆ สาธุครับ
-
วันนี้ก็เป็นวันที่ยุ่งๆอีกหนึ่งวัน สำหรับPMที่ค้างๆไว้ถ้าผมยังไม่ตอบของใครก็รบกวนส่งมาอีกรอบนะครับ บางทีอ่านเเล้วผ่านเลยไปก็มีอันนี้ขอโทษจริงๆ เดี๋ยวเย็นๆจะมาพูดคุยตามปกติ
-
แบ่งรูป
ก็เลยสอบถามท่านได้ความว่า ในกรณีของเทพเจ้าทั้งหลายนั้น อย่างที่คนไทยนิยมบูชาเเละมีกันแทบทุกบ้านก็คือท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งได้รับความนิยมเเละมีการจัดสร้างกันมากที่สุด ก็ยกตัวอย่างให้ฟังคร่าวๆ
การอุบัติขึ้นของเทพยดานั้นเมื่ออุบัติเเล้วก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป หากได้รับความเคารพศรัทธาจากมนุษย์ก็ยิ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ ในฐานะของเทพที่ต้องให้การอภิบาลรักษาผู้ศรัทธานั้นๆและก็สร้างบารมีไปพร้อมๆกัยด้วย
การลงมาของเทพเจ้าก็มีหลายรูปแบบในเเง่ของการถือกำเนิดขึ้นมาใหม่เช่นการจุติ แบบนี้ลงมาจากสวรรค์เต็มภาคลงมาทั้งองค์แบบไม่เหลืออะไรเอาไว้เลย
อีกอย่างหนึ่งก็คือการอวตาร การลงมาแบบนี้จะลงมาเพื่อสำเร็จภารกิจในภพภูมิต่างๆไม่จำเป็นต้องเป็นภพภูมิของมนุษย์ก็เป็นได้เสมอ การอวตารนี้จะลงมาเพียงกำลังและภาคจิตบางส่วน โดยยังเหลือจิตเดิมไว้ในดินแดนของเทพเจ้านั้นๆ คล้ายๆกับการลดทอนอำนาจของตนเองเอาจิตส่วนหนึ่งแบ่งภาคลงไปตามที่นั้นๆเพื่อสำเร็จภารกิจ เมื่อลุล่วงดีเเล้วจิตก็จะกลับไปรวมตัวกับรูปเดิม เช่นนี้เป็นต้น
การนิรมาณกาย อันนี้ก็สำคัญอยู่ จะเป็นการใช้จิตของเทพเจ้าองค์นั้นๆไปปรากฏรูปแบ่งภาคเพื่อทำงานทำหน้าที่ตามสถานที่ต่างๆ เป็นพลังงานทางจิตโดยตรง โดยที่เทพเจ้าต่างๆสามารถนิรมาณกายได้ตามแต่กำลังบุญเเละบารมีของเเต่ละท่านที่สะสมไว้ ที่บารมีแก่กล้าก็สามารถทำได้พร้อมๆกันในหลายๆภาคหลายๆปาง
ซึ่งขึ้นชื่อว่าเทพยดาเเล้วไม่สามารถจะกระทำสิ่งที่เรียกว่าอวตารหรือนิรมาณกายได้ทุกองค์เสมอไป จะต้องเป็นเทพที่ผ่านการฝึกอบรมดวงจิตมาอย่างหนักหน่วงเเละมีบารมีแก่กล้ามากๆเท่านั้น ส่วนใหญ่จะปรากฏเฉพาะเทพเจ้าชั้นสูงเเละชั้นผู้ใหญ่ที่สามารถจะใช้กำลังฤทธิ์เหล่านี้ได้
ซึ่งที่กล่าวโดยรวมคร่าวๆมาทั้งหมดนี้ก็ยังหาใช่ประเด็นที่ถามมาเพียงแต่ตอบให้กระชับเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นเท่านั้น
ในส่วนของวัตถุมงคลนั้นหากมีการจัดสร้างในปริมาณที่เยอะ ยกตัวอย่างเช่น ท้าววเวสสุวรรณ ทั้งไทย จีน ธิเบต ก็นับถือ แน่นอนว่าพระรูปท่านที่สร้างๆออกมามีเกินล้านองค์แน่นอน ดังนั้นในเทวรูปต่างๆสิ่งที่อยู่ในนั้นคือพระญาณประเภทหนึ่งเท่านั้น ซึ่งญานตัวนี้จะเป็นสิ่งที่เทพองค์นั้นๆเอาไว้ใช้เพื่อเชื่อมต่อหรือทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองมนุษย์
หากเป็นญานของเทพเจ้าองค์ต้นที่หมายถึง กล่าวคือเป็นองค์พระพิฆเนศก็เป็นญาณของพระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณก็เป็นญาณของท้าวเวสสุวรรณ เป็นต้น เช่นนี้ก็คงจะดี แต่ในภายหลังนั้นผู้ที่เข้าถึงหลักเทววิทยามีน้อยลงเรื่อยๆ อย่าไปพูดถึงมงคลวัตถุเหล่านั้นเลยเมื่อนำมาสอบทานเเล้วกลับเป็นญาณของเทพยดาชั้นรองหรือชั้นบริวารไปเสียมาก ที่ร้ายหรือแย่หน่อยก็เป็นสิ่งที่ควรอยู่ในทุขคติภูมิมาสวมรอยเเทน
ไม่ต้องดูอะไรมาก ศาลพระภูมิ จะมีซักกี่ศาลกันที่เชิญพระภูมิที่มีหน้าที่อันได้รับมอบหมายจากท้าวจตุโลกบาลเข้าไปสิงสถิตย์ ส่วนมากจะเป็นดวงวิญญาณสัมภเวสีเเละผีเร่ร่อนเข้าไปจับจองที่พักอาศัยเเละทำให้เกิดเรื่องร้ายยๆเเละไม่สู้ดีมาสู่ผู้ตั้งเสียมากกว่ามาก ทั้งนี้เพราะคนไม่คล้อยตามฟ้าเเละพยายามบังคับฟ้าบังคับพลังงานทั้งหลายนั่นเอง
หลังจากฟังท่านอธิบายมาคิดตามดูก็พอเข้าใจอยู่บ้าง เพราะเคยเอารูปฤาษีไปให้พระเกจิชื่อดังท่านหนึ่งเบิกเนตรให้ ท่านสวดมนต์ในท่อนมหาสมัยสูตร บทท่อนท้าวจตุโลกบาลเเถมยังท่องผิดชนิดที่เราฟังยังรู้สึกว่าเฮ้ย มันไม่ใช่นี่น่าทำไมท่องมั่วๆแบบนี้ ได้กราบเรียนถามท่านไปตรงๆว่าเกี่ยวอะไรกันด้วยพระรูปนั้นถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย เพราะทำเเละเสกไม่ตรงงานไม่ตรงรูป เรื่องแบบนี้เราก็เคยเจอมากับตัวเหมือนกัน
หน้า 17 ของ 458