เคยมีท่านผู้รู้สงกะสัย ขึ้นมาในใจ ตะหงิดตะหงิดว่า ไม่เคยเห็นมีตำรา ฉบับไหน เอ่ยอ้างถึงที่ไปที่มา ของพญามารเลย แม้สักกะติ๊ดนึง (เอ....หรือว่ายังเรียนไม่ถึง)
ก็เลยมีข้อสงกะสัยว่า ฤา........พญามาร ที่อาจหาญมาขวางทางสู่ สัมมาสัมโพธิญาณ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จริง ๆ แล้ว จะเป็นอีกหนึ่งหน่อโพธิสัตว์
ท่านใดมีความเห็นอันใด โปรดชี้แนะ ข้าน้อยหน่อยนะครับ
เอาหน่อยนะ ไม่เอาเป็นที่ละ สอง สามหน้า ขอบคุณครับ
อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ฤา......โพธิสัตว์ คือ พญามาร
ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย วิมม์, 21 ธันวาคม 2005.
หน้า 1 ของ 2
-
อย่าเรียกท่านอย่างนั้น มันไม่เหมาะไม่ควร ท่านปรารถนาพระโพธิญาน ท่านก็คือ ท่านท้าวมาลัยครับ
สวัสดีครับ
จากคนที่ยังไม่เต็มบาท -
หัวเรื่องน่าสน ตอบแบบสั้นๆเลยนะครับ จะได้ไม่ขี้เกียจอ่าน พญามารคือเจ้าชายสิทธัตถะครับ หาได้เป็นการแบ่งภาคของใคร ในภายหลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้จึงได้กลายเป็นพระพุทธเจ้า อันนี้เป็นความคิดของผมนะครับ
-
พระยามาราธิราช นี่คือชื่อตำแหน่งครับ
เป็นตำแหน่งของหัวหน้าเทวดาฝ่ายมารชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
ทีนี้องค์เก่าท่านลาพุทธภูมิไปแล้ว
ก็มีองค์ใหม่ขึ้นมารับตำแหน่งแทนครับ -
ไม่ใช่...
ไม่น่าจาใช่ เพราะผู้เป็นพระโพธิสัตว์เค้ามีลักษณะนิสัยอย่างไรนั้น มีบอกอยู่หาอ่านได้ตามเว็บ...นะครับ -
เทวดา มีฝ่ายเทพ ฝ่ายมาร อีกรึ
มันคืออะไรกันแน่
ท่านคิดอีท่าไหน จึงได้บังอาจหาญกล้า ไปขวางทาง องค์โพธิสัตว์ ที่กำลังตรัสรู้น่ะ
ยังงงงงงงงงงงงงงงงงงอยู่เลยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ -
ธรรมะ และ อธรรม
ผมเคยได้ยินว่ามีเทวดาฝ่ายอธรรมในบทเรียน เรื่อง ธรรมมาธรรมะสงคราม
โดยมีฝ่ายธรรมะ กับ อธรรม
ส่วนจริงๆนั้นไม่แน่ใจเหมือนกันต้องลองไปถามผู้มีอภิญญาดูครับท่าน -
ผม คิดว่า พญามาร ก็คือ กิเลสในใจเรานี่เอง
-
เทวดาที่ยังมีกิเลสอยู่ก็มีนี่ครับ ส่วนการไปขวางทางพระโพธิสัตว์หรือผู้ทำดีทั้งหลายอาจแบ่งออกได้เป็นสองกรณีครับ คือ
1.เกิดจากกิเลสของเทวดาองค์นั้นๆเอง เทวดาที่ทำอย่างนั้นก็จะถูกจัดอยู่ในพวก เทวปุตรมาร ครับ
2.เกิดจากคำอธิษฐานขององค์พระโพธิสัตว์ที่จะสร้างบารมีในเรื่องต่างๆ เทวดาที่ทราบความตั้งใจนั้นๆของพระโพธิสัตว์จึงต้องลงมาสร้างเหตุการณ์เพื่อช่วยเหลือให้พระโพธิสัตว์ได้สร้างบารมีตามเจตจำนงค์ที่ได้ตั้งไว้ครับ ยกตัวอย่างเช่น พระอินทร์ที่แปลงร่างลงมาเป็นพราหมณ์เพื่อมาขอพระนางมัทรี และอีกหลายๆเรื่องที่ท่านท้าวสักกะ(พระอินทร์) ลงมาช่วยทดสอบบารมีของพระโพธิสัตว์ เพื่อให้บารมีของท่านแก่กล้ายิ่งขึ้นครับ
เทวดาตามแบบข้อ 1.นี่บาปครับ ส่วนเทวดาตามแบบข้อ 2.ไม่บาปครับ
ปล.จริงๆเรื่องนี้ยังมีรายละเอียดที่ค่อนข้างสลับซับซ้อนและ ยากที่จะกล่าวในที่สาธารณะทั่วไปได้ เพราะบางคนอาจจะตีความหมายผิดและกลายเป็นมิจฉาทิฎฐิไป แทนที่จะได้บุญกลับจะเป็นบาป แต่สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ การปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงสภาวะนั้น กับการพยายามทำให้เหมือนกับสภาวะนั้นๆ แตกต่างกันครับ (ดังนั้นคนที่คิดจะเลียนแบบเทวดาตามข้อที่ 2. ดีไม่ดีอาจจะได้บาปติดตัวมาโดยไม่ได้ตั้งใจครับ) -
หุหุ พญามาร น่าจะเป็นผู้หลงผิดในบางเรื่องนะครับ แต่ก็หลงถูกในบางเรื่อง จึงมีฤทธิ์และได้เป็นพญามาร เดี๋ยวอีกหน่อยพอตาสว่าง เข้าใจในทางที่ถูก ก็เลิกเป็นพญามาร เข้าสู่ทางธรรมเอง ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่พระพุทธเจ้าของเรา จะตรัสรู้(น่าจะนะ ไม่แน่ใจ) ก็ได้มีพญามารมาขัดขวาง เพราะเหตุใด ก็เพราะกลัวว่าหากพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว คนจะ้พ้นทุกข์กันหมด พอถึงเวลาพญามารจะลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ ไป(คือตอนนั้นกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่) จะไม่มีคนให้สอน อันนี้ถือได้ว่าเป็นความหลงผิดครับ แต่พญามารก็ได้บำเพ็ญเพียรอย่างอื่น ในเรื่องของคุณงามความดี เพื่อที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆ ไปเช่นกัน เห็นไหมครับ มีทั้งหลงถูกและหลงผิด นอกนั้นก็คิดเอาเองเหอะนะ รู้แค่นี้ เอิ้กกก
-
พระโพธิสัตว์ก็ยังพลาดกันได้หนิครับ ถ้ายัง...ประมาท และหลงผิด
-
คิดว่าพญามาร..ก็คือ โลภ โกรธ หลง ....
ความเห็นความคิดที่เป็นมิจฉาทิฐธิ (เขียนถูกป่าว) -
คิดว่าพญามาร..ก็คือ โลภ โกรธ หลง ....
ความเห็นความคิดที่เป็นมิจฉาทิฐธิ (เขียนถูกป่าว) -
..........
-
หุหุ....นกเพนกวินกำลังแหย่หมีหลับ
-
พญามาร = ชาติหนึ่งของพระโพธิสัตว์
ขอแสดงความคิดเห็นตามประสาคนปัญญาน้อยนะขอรับ ถ้าเป็นการลบหลู่หรือผิดพลาดประการ ใดก็ยินดีรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว..
พญามารนั้นแม้จะเป็นฝ่ายอธรรมแต่ก็ถือได้ว่ามีบารมีมากมายพอให้มาบังเกิดมาเป็นผู้นำ มีบริวารนับไม่ถ้วนและมีอิทธิฤทธิ์ล้นเหลือ บารมีในขนาดนั้นนอกจากพระโพธิสัตว์แล้วก็คงยากที่จะเป็นอื่นไปได้ แม้จะประกอบกรรมทำสิ่งเลวร้ายมากมายเพียงใดแต่สุดท้าย ผลบุญมหาศาลแต่ปางก่อนก็จักช่วยฉุดให้กลับมาอยู่ในเส้นทางธรรมดังเดิม ด้วยการสั่งสอนจากผู้มีบารมีธรรมสูงกว่า ดังเช่นที่เคยปรากฎมาแล้วว่าพญามารได้พ่ายแพ้และกลับใจมาเข้าสู่ทางธรรมอีกครา
ตามธรรมดาแล้วพระโพธิสัตว์ที่มาจุติเป็นมนุษย์หรือเทวดา ก็จะมีความเก่งกาจ เพียบพร้อมในหลายๆด้านอยู่แล้ว เพราะบุญญาธิการที่ได้สั่งสมมา ถ้ายิ่งมีทิฐิมั่นใจในตัวเองมาก แล้วเกิดใช้ความสามารถเหล่านั้นไปในทางที่ผิดแล้วก็กลายเป็นหายนะต่อคนหมู่มากได้เช่นกัน.. ยกตัวอย่างง่ายๆไม่ต้องถึงขั้นพญามาร แม้เกิดเป็นมนุษย์อยู่ในฐานะเจ้าบ้านเจ้าเมือง หรือหัวหน้าคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่ใช้อำนาจไปในทางผิด ก็ก่อให้เกิดผลเสียใหญ่หลวงได้ง่ายๆ ถ้าพระโพธิสัตว์ทรงกระทำกรรมสิ่งใดลงไปแล้วไม่ว่าจะเป็นกุศลหรืออกุศล สิ่งเหล่านั้นย่อมส่งผลกลับมาหาท่านเป็นทวีคูณ ดังนั้นเมื่อเวลาถึงคราวที่องค์พระโพธิสัตว์ต้องรับกรรมก็จะเข้าขั้นหนักหนาสาหัสทีเดียว
และอีกประการหนึ่งที่ผมลองพิจารณาดูแล้วก็คือ การบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณนั้นจำเป็นต้องผ่านประสบการณ์นั้นๆมาด้วยตนเองอย่างโชกโชน ไม่เว้นแม้แต่อารมณ์การเป็นมาร หรืออกุศลทุกรูปแบบ เพื่อที่จะได้เข้าถึงโทษแห่งกรรมชั่วทุกประการ อย่างการเกิดเป็นสัตว์ทุกชนิด ต้องตกนรกทุกขุมเป็นต้น จึงไม่แปลกที่การบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าจึงใช้เวลานานนับไม่ถ้วน เพื่อที่จะเก็บสั่งสมทุกความรู้มาเป็นสัมมาสัมโพธิญาณในกาลต่อไป.. บางทีคนที่เราเข้าใจว่าเป็นคนเลวทรามชั่วช้าถึงเพียงใด แต่ถ้ามองในอีกแง่นึงแล้ว เขาอาจเป็นผู้ที่กำลังเดินบนเส้นทางธรรมมาแล้วนานแสนนานไม่รู้กี่ชาติ เพียงแต่ถึงเวลาจำเป็นที่จะต้องรับกรรมสาหัสในการทำอกุศล ดังนั้นเราจึงควรสงสาร เข้าใจ และรู้จักอโหสิ ให้อภัย แก่ความชั่วร้ายทั้งหลายทั้งปวง เพื่อที่จะได้ไม่เป็นกรรมวนเวียนกันไปไม่รู้จบ
สุดท้ายนี้ขอให้ผู้เคยกระทำอกุศลหลุดพ้นจากผลกรรมนั้น จากโทษหนักก็ขอให้เบา และเข้าสู่ทางพระนิพพานโดยเร็ววันเถิด -
อนุโมทนา สาธุ
ผมเข้าใจว่า เป็นความเข้าใจที่น่าจะถูกต้องนะครับ
คงไม่มี บุคคลใด เห็นเป็นอื่น ต่างจากนี้หรอกครับ
อนุโมทนา ในความเป็น สัมมาทิฎฐิครับ
ธรรมสวัสดี สาธุ สาธุ สาธุ -
"หรือ....โพธิสัตว์คือพญามาร" เปลี่ยนหัวข้อให้ฟังไพเราะกว่านี้น่าจะดีครับ
เพราะพระโพธิสัตว์ต่อไปภายภาคหน้าก็คือพระพุทธเจ้าครับ เคารพท่านไว้อบายภูมิจะไม่ถามหาครับ??? ด้วยความเป็นห่วง
สมิทธิสูตรที่ ๑
[๗๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน
ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระสมิทธิเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับฯลฯครั้น
แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่ พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า มาร มาร ดังนี้ ด้วยเหตุ
เพียงเท่าไร พระเจ้าข้า จึงเป็นมารหรือการบัญญัติว่ามาร พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสมิทธิ
จักษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใดมารหรือการบัญญัติว่ามาร
ก็มีอยู่ ณ ที่นั้น หู เสียง โสตวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้แจ้งด้วยโสตวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือ
การบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น จมูก กลิ่น ฆานวิญญาณธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยฆานวิญญาณ
มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มี อยู่ ณ ที่นั้น ลิ้น รส ชิวหาวิญญาณ ธรรมที่พึงรู้
แจ้งด้วยชิวหาวิญญาณมีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น กาย โผฏฐัพพะ
กายวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยกายวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่
ณ ที่นั้น ใจ ธรรมารมณ์ มโนวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ มีอยู่ ณ ที่ใด มาร
หรือการบัญญัติว่ามารก็มีอยู่ ณ ที่นั้น ฯ
[๗๒] ดูกรสมิทธิ จักษุ รูป จักษุวิญญาณ ธรรมที่จะพึงรู้แจ้งด้วย จักษุวิญญาณ ไม่มี
ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็ไม่มี ณ ที่นั้น ฯลฯ ใจ ธรรมารมณ์ มโนวิญญาณ ธรรมที่จะ
พึงรู้แจ้งด้วยมโนวิญญาณ ไม่มี ณ ที่ใด มารหรือการบัญญัติว่ามารก็ไม่มี ณ ที่นั้น ฯ
ที่มา : พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย สฬายนะวรรค
มารสูตร
โพชฌงค์เป็นมรรคาเครื่องย่ำยีมาร
[๕๐๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงมรรคาเป็นเครื่องย่ำยีมารและเสนามารแก่เธอ
ทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังมรรคานั้น ก็มรรคาเป็นเครื่องย่ำยีมารและเสนามารเป็นไฉน? คือ
โพชฌงค์ ๗ โพชฌงค์ ๗ เป็นไฉน? คือ สติสัมโพชฌงค์ ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมรรคาเครื่องย่ำยีมาร และเสนามาร.
ที่มา : พระสุตตันตปิฏก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
-
ถ้าพูดถึงพญามารจริงๆ น่าจะมีจริงๆ ผมหมายถึงตัวตนจริงๆ แต่ถ้าจะถามเชิงเปรียบเทียบก็น่าจะเป็นไปได้เหมือนกันว่าเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ผมว่าส่วนใหญ่ถ้าไปเป็นพญามารส่วนมากน่าจะเป็นได้แค่พระปัจเจกพุทธเจ้า แค่นั้น ไม่น่าจะสูงกว่านี้ได้ เนื่องจากอนันตริยกรรมที่ได้เคยกระทำในอดีต ใครมีข้อมูลอะไรก็ลองๆ เล่าสู่กันฟังครับ
-
แต่ต้องขอโทษนะครับ ที่มีความเห็นแย้งครับ
ถ้ามีโจรคนหนึ่ง ที่เรารู้อยู่ว่า วันหนึ่งเขาจะต้องกลับใจเป็นคนดี
แต่วันนี้ เขาเป็นโจร เราจะยังยกย่องเขาอยู่หรือ
เอาความดีที่จะมีในอนาคต มายกย่องหรือ
อดีต เขาเป็นใคร ปัจจุบันเขาเป็นใคร
นั่นต่างหากเล่า ที่มันเป็นสัจจะ ในระดับหนึ่ง
มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้
การจะเอ่ยถึงใคร หรืออะไร ที่ไม่ต้องการให้ ความเป็นอกุศล มาฉาบทาจิต
จะต้องนำเอา ตัวเขา ตัวเรา ออกไปเสีย
ดูซิว่า การกระทำเป็นเช่นไร แล้วชำแหละเฉพาะการกระทำนั้น
ใครจะกระทำ ก็ช่าง แต่ถ้าเป็นการกระทำอย่างนั้น เป็นเช่นไร
เราพิจารณาได้
สัตวโลก ต่าง ๆ ล้วนมี จุดหมายเป็น ๓
๑ สัมมาสัมพุทธะ
๒ ปัจเจกพุทธะ
๓ อนุพุทธะ
ไม่วันใด ก็วันหนึ่ง สัตวโลกต่าง มีจุดหมายเป็น ๓ ในที่สุด
ดังนั้น วันนี้ ถ้ายังมิใช่ ก็คือมิใช่ แต่ถ้าใช่ ก็คือใช่
ถ้ามิใช่ จะบอกว่า อนาคตคือใช่ แต่ก็มิใช่วันนี้หรอกนะ
อย่างไปหลงกับอนาคตเลย
อนาคต แปลว่า สิ่งที่ยังไม่มาถึง
มันยังมาไม่ถึง ยังมาไม่ถึง ยังไม่ถึงจ้า..............
อย่ากลัว จนไม่กล้า แต่จงกล้า ด้วยความกลัว
(bb-flower [b-wai] (bb-flower
หน้า 1 ของ 2