วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    แต่ดั้งเดิมนั้น ระบบธุรกิจการค้าของคนจีน ยึดหลักความซื่อตรงยุติธรรมเป็นหลัก และมีแบบอย่างขององค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศไทยเองที่ยึดหลักคุณธรรม ทั้งที่มีต่อลูกค้า ต่อคู่ค้า คู่ธุรกิจ ดำเนินธุรกิจแบบจริงใจตรงไปตรงมา โดยไม่จำเป็นต้องดำเนินธุรกิจ แบบเกมซับซ้อนซ่อนกลไว้ในการดำเนินธุรกิจ องค์กรเหล่านี้ก็ยังดำรงอยู่ได้แม้ในสภาวะเสรษฐกิจตกต่ำหรือชะลอตัว แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับองค์กรซ่อนเงื่อนทั้งหลายที่โตเร็วตายเร็ว มีอายุทางการดำเนินธุรกิจสั้น เพราะรากฐานสำคัญขององค์กรที่แท้จิงคือความสุจริต คุณธรรมและความจริงใจ ของผู้บริหารที่มีต่อ ตัวองค์กรเอง พนักงานทุกระดับ คู่ค้า คู่ธุรกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือลูกค้า สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าในธุรกิจที่ได้ดำเนินการ

    ส่วนประโยชน์ที่ได้จากองค์กรธุรกิจที่มีคุณธรรมนั้น ในส่วนของตัวกิจการเอง พนักงานที่เป็นคนดี ก็จะได้รับการดูแลและสวัสดิการที่ดี คู่ค้าคู่ธุรกิจ ที่มีหลักคุณธรรมเช่นกันก็สบายใจในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ต่างฝ่ายก็เจริญรุ่งเรืองในกิจการของตน ส่วนลูกค้าหรือผู้บริโภค ก็ให้ความเชื่อมั่นในสินค้าและองค์กรว่า ผลิตสินค้าและให้บริการที่มีคุณภาพ คุ้มค่า คุ้มราคา ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค ทุกฝ่ายมีแต่ได้ สบายใจทุกฝ่าย

    ส่วนประโยชน์ในการที่จะมีองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ผลักดัน วัฒนธรรมองค์กรให้มีคุณธรรม จริยธรรมนั้น ผลที่จะปรากฏต่อสังคมคือ
    1.เป็นแบบอย่างในความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในการทำธุรกิจ ว่า การทำธุรกิจอย่างมีคุณธรรมทำให้ประสบผลสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ และทำให้ ธุรกิจในขนาดกลางและขนาดย่อม ดำเนินการตาม จนมีการรวมตัว ขยายตัว เป็น "หอการค้าธุรกิจคุณธรรม"
    2.กำลังทรัพย์ กำลังบุคลากร ขององค์กรขนาดใหญ่แบบนี้ มีมาก พอที่จะทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ตอบแทนกลับสู่สังคมได้มาก
    3.การบริจาคเงินเพื่อใช้ในการหักลดหย่อนภาษีขององค์กรเหล่านี้ในแต่ละปีมีจำนวนมาก รวมทั้งภาษีเงินได้ของพนักงานทั้งองค์กร ด้วย ถ้าเงินส่วนนี้ถูกนำไปใช้ในงานสาธารณะประโยชน์งานด้านพระศาสนา งานด้านการศึกษาและส่งเสริมคุณธรรมได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการจัดสรรงบประมาณในระบบราชการ เงินทุนเหล่านี้ จะกลายเป็นระบบเศรษฐกิจคุณธรรม (Moral Economics System) ในระบบเศรษฐมิติแบบ Muti Tracks ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขึ้น อย่างก้าวกระโดด เพราะเป็นการบายพาสระบบการคอรัปชั่น ไปสู่การทำโครงการเพื่อการพัฒนาประเทศได้โดยตรง
    4.เนื่องจาก CEO ขององค์กรขนาดใหญ่เหล่านี้ เป็นท่านผู้มีหน้าตาและสถานะทางสังคม ดังนั้น ย่อมเป็นการง่ายที่จะก่อให้เกิด ค่านิยมแข่งกันทำความดี แข่งกันทำงานการกุศลขึ้นในสังคม แม้เริ่มต้นจะเป็นการ แข่ง(กัน)ทำดี แต่ในที่สุด ผลก็จะกลับคืนสู่สังคมโดยการกระจายคามคั่งมั่งกลับลงมายังประชาชนโดยส่วนรวมของประเทศได้ ไม่กระจุกตัวอยู่แคบๆ และทำให้ปัญหาความถ่างตัวของชนชั้นค่อยๆหมดไปด้วยครับ
    5. ดังนั้นท่านผู้ได้ประโยชน์ที่สุดก็คือชาวไทยทุกคนครับ
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    น้ำท่วมไหมที่บ้านน่ะ

    ข้างบ้านมีโจรขึ้นไหม

    ไฟไหม้ลามใกล้บ้านแล้วนะ

    มัวแต่ทำอะไรอยู่

    ตื่นๆ !!!

    อิอิ...โลกหนอ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอบคุณยายผีป่าครับ
    1. น้ำยังไม่ท่วมบ้านผมครับ เลยยังพอมีเวลามีจะคิดเห็นภาพรวมใหญ่และการมุ่งแก้ปัญหาโดยรวมของสังคม อีกอย่างหนึ่งผมไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไรครับ จึงอยากเผยแพร่เรื่องการสร้างสังคมคุณธรรมให้กับคนรุ่นหลังต่อไปครับ
    2. ข้างบ้านโจรยังไม่ขึ้นครับ เพราะเราต้องคอยระมัดระวังดูแลบ้านเราด้วยศีลครับ เพื่อไม่ให้โจรคือความเลวความชั่วมันเข้าสู่ใจเราได้
    3. ไฟไหม้ลามใกล้บ้านผมจริงครับ ด้วยไฟแห่งราคะ โทสะ โมหะ จากการโหมกระหน่ำของกระแสสังคมที่ละทิ้งจริยธรรมความดีงามของสังคมครับ ดังนั้นการที่เราจะดับไฟที่กำลังลามนี้ได้ ต้องดับด้วยการสร้างค่านิยมความดีงามในสังคมอย่างที่ผมพยายามทำอยู่ครับ
    4.ตื่นๆ ก็ขอขอบคุณที่ปลุกครับ จะได้เป็นการเตือนผมให้ปลุกจิตแห่งความเป็นพุทธะทั้งในหัวใจผมและเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายครับ ให้เป็น ผู้รู้ในวิขชชา ผู้ตื่นจากภัยในวัฏฏะ และเป็นที่ผู้เบิกบานในธรรมความดีอยู่เสมอ

    ไฟแห่งความอิจฉา ไฟแห่งความริษยา ไฟแห่งการเพ่งโทษผู้อื่น ไฟแห่งการทำลายกำลังใจในความดีของท่านผู้อื่น คุณยายผีป่าพอจะมีวิธีดับไฟเหล่านี้มาสอนผมไม๊ครับ ขอกราบรบกวนสอนวิธีดับให้ทีครับ จะเป็นประโยชน์กับอีกหลายๆคนครับ

    อืมม โลกหนอ ย่อมหมุนไปตามกฏและผลแห่งกรรมเสมอ การออกจากกองทุกข์สู่พระนิพพาน จึงเป็นบรมสุขครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2006
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    จากแนวคิดการสร้างบารมีในทางโลกแล้ว ตอนนี้เรามาว่าในการสร้างบารมีในทางจิตทางธรรมกันครับ ในโลกมนุษย์นี้พุทธภูมิหลายๆท่านอาจจะมีข้อจำกัดหลายอย่างหลายด้าน แต่ในความเป็นทิพย์นั้นการสร้างบารมีแทบไม่มีข้อจำกัดครับ สิ่งสำคัญที่สุดได้แก่ ระดับของเมตตาพรหมวิหารสี่ในจิตใจของเราครับ รวมทั้งความเข้าใจในการสร้างบารมี ว่า การสร้างบารมีโดยไม่มีคนรู้คนเห็น การปิดทองหลังพระอย่างที่ในหลวงท่านมีพระราชดำรัสนั้นหมายความว่าอย่างไร การทำความดีเพราะเป็นการทำความดีไม่ใช่เพื่อให้คนมาสรรเสริญนั้นเป็นอย่างไร การทำความดีแล้วแต่ถ้าท่านยังไม่ได้รับผลแห่งความดี แต่กลับมีคนคอยกลั่นแกล้งนินทาว่าร้ายท่าน ท่านยังจะทำความดีต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่ ก็หมายความว่า ยังต้องศึกษาและวางกำลังใจในเรื่องของบารมีกันใหม่ แต่ถ้าท่านอาจรู้สึกกระทบใจบ้างแต่ยังฮึดสู้ไม่ย่อท้อในการสร้างบารมี ท่านก็นับว่าวางกำลังใจในการสร้างบารมีในอดีตมาดีแล้ว
    การสร้างบารมีในส่วนทิพย์ นั้น ที่จริงจะว่าไม่มีใครรู้ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะ เทพพรหมเทวดา สิ่งศักด์สิทธ์รวมทั้งทุกท่านบนพระนิพพานท่านก็รู้ท่านก็เห็น และคอยช่วยคอยโมทนาบุญอยู่ด้วยเสมอ คุณความดีบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญจึงถูกจดบันทึกในบัญชีบุญอยู่ตลอดเวลา แถมเวลาที่มีอุปสรคมาขัดขวางมากๆแล้วท่านยังทรงกำลังใจในบารมีความดีที่บำเพ็ญ บารมีนั้นก็ยิ่งกลับกลายเป็นปรมัตถบารมี ทำให้บารมียิ่งเต็มเร็วขึ้นไปอีก ดังนั้นท่านทั้งหลายจึงควรที่จะต้องขอบใจอุปสรรคท้งหลายที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น อโหสิให้อภัยกับทุกบุคคลทุกเหตุการณ์ที่มาขัดขวางการสร้างบารมีของเรา ตัดอกุศลกรรม ต่อแต่บุญกุศลให้เจริญงอกงามขึ้นครับ

    การสร้างบารมีด้วยความเป็นทิพย์ของจิตนั้น ก่อนอื่นเราต้องมีจิตเจตนาที่ดีต่อเหล่าสรรพสัตว์เป็นปรกติ ตั้งใจไว้ว่าเราต้องการให้อานิสงค์แห่งความดีที่สรรพสัตว์เหล่านั้นได้สร้างได้ทำจงได้มีอานิสงค์สูงสุดเท่าที่จะสูงได้ เพื่อที่บารมีของเขาเหล่านั้นจะได้เต็มเร็วที่สุด ไม่ว่าเขาจะปรารถนาความหลุดพ้นในฐานะสาวกภูมิก็ดี หรือในความปรารถนาในพุทธภูมิวิสัยก็ดี การทำความดีของผู้อื่นไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดเราก็จะให้กำลังใจแก่เขาเหล่านั้นในการปฏิบัติเพื่อความดีต่อไป

    ต่อไปเป็นการใช้กำลังแห่งสมาบัติและความเป็นทิพย์ในการสร้างบารมีทั้งต่อตนเองและท่านผู้อื่นครับ
    1.ฝึกจิตไว้ให้เป็นปรกติว่า เมื่อท่านได้เห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ท่านคิดว่าจะเกิดประโยชน์ไม่ว่าจะต่อส่วนรวมก็ดี ต่อพระพุทธศาสนาก็ดี ต่อชาติก็ดี ต่อความสุขของประชาชนส่วนใหญ่ก็ดี ขอท่านจงได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ว่าขอให้ท่านได้มีโอกาส ได้ทำ ได้สร้าง คุณประโยชน์ นั้นๆ หากแม้นตัวเรายังทำไม่ได้ เราก็ขอส่งคลื่นความคิดอันเป็นกุศลนี้ไปยัง ท่านที่มีกำลัง มีบารมี มีหน้าที่ สามารถทำคุณประโยชน์นี้ได้สำเร็จด้วยเทอญ เราขอกราบโมทนาบุญด้วย
    จากนั้นจงส่งคลื่นความคิดและภาพของงานเหล่านั้นออกไป แผ่ออกไปจากดวงจิตอันบริสุทธ์ของเรา จากนั้นจงวางอุเบกขา ถ้าเราทำได้ด้วยตัวเองก็จงทำ ถ้างานที่คิดไว้ มีผู้อื่นได้ทำจนสำเร็จก็จงร่วมยินดีและกราบโมทนาบุญกับเขา และขอจงอย่าให้ความรู้สึกที่ว่าเขามาแย่งทำบุญแย่งทำบารมีจากเราเกิดขึ้นในจิตอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นอกุศลจิต ที่เราอย่าได้มีในจิตเพราะจะทำให้เสียความใสบริสุทธ์ของจิตใจของเรา

    2.เมื่อท่านได้เดินทางไปยังสถานที่ใดก็ตาม ได้พบเห็นวิญญาน หรือสัมภเวสี ด้วยความเป็นทิพย์ของจิต ก็ขอให้ท่านระลึกถึงบุญที่ท่านได้บำเพ็ญมาในอดีต ปัจจุบันและอนาคต จากนั้นก็จงอุทิศให้วิญญานของเขาเหล่านั้นได้ โมทนาบุญเสวยสุขยกภพภูมิขึ้นสู่ สุขคติ มีสวรรค์เป็นต้น สำหรับเรื่องนี้หลายๆท่านผู้มีความจิตที่ประกอบไปด้วยความเมตตาบารมี และมีกำลังแห่งฌานสมาบัติ หลายๆท่านในเวบนี้ทำได้เป็นปรกติและเป็นวิสัยอยู่แล้ว เช่นเวลาที่เกิดภัยพิบัติเช่นสึนามิ ท่านเหล่านี้ก็จะใช้กำลังของความเป็นทิพย์ออกไปช่วยปลดปล่อยดวงวิญญานเหล่านี้ให้พ้นจากความทุกข์สู่ภพภูมิที่ดีกว่าด้วยการใช้อาทิสมานกายแผ่รัศมีกายแห่งบุญกุศลไปยังดวงจิตเหล่านั้น หลายท่านช่วยไปถึงวิญญานของท่านที่ตายตามป่าตามเขา ตายโดยไม่มีคนรู้คนเห็นคนทำบุญให้ หลายท่านช่วยรวมทีหนึ่ง ครั้งหนึ่ง ทั้งโลกบ้าง ทั้งจักรวาลบ้าง ทำโดยไม่มีคนรู้คนเห็น แต่พระท่านมาบอกให้ทราบเพื่อจะเจริญศรัทธาท่านผู้มีจิตใจที่ดีงามเหล่านี้ว่า"คุณความดี ทุกสิ่งที่ท่านได้ทำได้บำเพ็ญเหล่านี้มีผล มีอานิสงค์ ดวงวิญญานของเหล่าผู้ที่ท่านได้ช่วยได้สงเคราะห์ เมื่อเขาได้เลื่อนภพภูมิสูงขึ้นสู่ความเป็นเทวดา พรหม ท่านเหล่านั้นก็จะกลับมาช่วยพิทักษ์รักษาคุ้มครองตัวท่านให้เจริญขึ้นไปทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ทุกท่านรักษาความดีที่ได้ทำไว้เถิด"

    3.เมื่อท่านได้ไปร่วมงานบุญงานกุศลใด ท่านจงใช้กำลังแห่งอภิญญาสมาบัติของท่านยกดวงจิตและอาทิสมานกายของบุคคลทุกท่านในงานในพิธี ขึ้นสู่พระนิพพาน และอาราธนาพระพุทธเจ้าท่านได้เมตตาเป็นประธาน เพื่ออานิสงค์สูงสุดของงานของพิธีนั้นๆ

    4.เมื่อมีวาระพิเศษและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ท่านจงได้ยกอาทิสมานกายขึ้นไปที่พระนิพพานก็ดี ธรรมสภาก็ดี และประกาศสรรเสริญ บารมีคุณความดี ของท่านที่สมควร ประกาศ ท่านที่สมควรสรรเสริญเพื่อให้เหล่าเทพพรหมเทวาทั้งหลายได้โมทนาสาธุการและทำให้อานิสงค์ของบุคคลผู้นั้นมีอานิสงค์ทวีขึ้น และเป็นเครื่องแสดงความดีของมวลมนุษย์ว่ายังมีความดีให้ปรากฏอยู่
    แล้วจงอธิฐานระลึกถึงคุณความดีที่ท่านเองได้บำเพ็ญมาให้เทพพรหมเทวาทุกท่านได้โมทนาในบุญกุศลและมีส่วนในการบำเพ็ญกุศลของท่านทุกอย่างทุกประการด้วย

    5.ขอให้ท่านตั้งใจอธิฐานเป็นปรกติว่า "ที่ใดที่ท่านได้ไปได้เหยียบย่างไป ขอให้สถานที่แห่งนั้นจงมีแต่ความสันติสุข สงบ ร่มเย็น อุดมสมบูรณ์ด้วยเทอญ"

    "ขอให้เรานั้นมีแต่มิตรในทางโลกและทางธรรม ทุกท่านที่ได้รู้จักเรา พูดคุยกับเราแล้ว ขอให้ความดีและธรรมะฝ่ายสัมมาทิษฐิของพระพุทธชินสีห์ ซึมเข้าสู่ดวงจิตของเขาเหล่านั้นให้เต็มไปด้วยความดีมีกุศลจิตด้วยเทอญ"

    เหล่านี้เป็นความดี เป็นบารมี ที่เราสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องใช้แรงกายหรือกำลังทรัพย์ ใช้เพียงจิตแห่งความเมตตา และกำลังใจในการสร้างบารมีครับ สิ่งเหล่านี้ท่านสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นพุทธภูมิหรือไม่ก็ตาม

    ผมขอกราบโมทนาบุญด้วยอย่างยิ่งสำหรับท่านที่ได้ทำอยู่ บำเพ็ญอยู่ครับ ขอให้ตั้งมั่นในความดีต่อไปครับ
     
  5. Nakamura

    Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    วันนี้รู้สึกมีปิติมากกว่าวันก่อนๆที่ได้อ่านมาครับ ขอโมทนาครับพี่คณานันท์ด้วยครับ
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    พี่ก็ขอโมทนากับน้องนาคาด้วยครับ เห็นข้างบนท่านว่า นาคาได้ย่องไปสร้างบารมีเงียบๆแบบนี้ได้หลายข้อเหมือนกัน อีกท่านที่พระท่านบอกว่าทำได้ และได้ทำอยู่เสมอคือคุณวิบปจิตัญญูครับ ส่วนท่านอื่นๆอีกหลายๆท่านที่ผมไม่ได้เอ่ยนาม นั้นสิ่งศักดิ์สิทธ์เบื้องบนท่านรู้ท่านเห็นในความดีของท่านเสมอครับ

    ขอเพิ่มเติม ในช่วงเวลา ของเทศกาลออกพรรษา ช่วง สามวันนี้ คือวันศุกร์เสาร์ อาทิตย์ ขอให้ท่านผู้ปฏิบัติเพื่อความดีทั้งหลาย ตั้งอกตั้งใจในการทำความดีและตั้งใจอธิฐานบุญบารมีให้ดีๆครับ เนื่องจาก เป็นช่วงเวลาที่ประตูมิติเปิด ของทั้งสามไตรภูมิ คือนรก มนุษย์ สวรรค์พรหม รวมทั้งมิติอื่น จากการที่พระพุทธเจ้าท่านเปิดโลกตอนเสด็จกลับจากโปรดพระพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ครับ และการที่มิติเปิดนี้เองทำให้พญานาค ออกมาปรากฏกายให้เห็นและแสดงพุทธบูชาด้วยบั้งไฟพญานาคครับ ดังนั้นท่านที่จะไปสร้างบารมีด้วยอาทิสมานกายหรือจะไปเที่ยวมิติต่างๆก็จะคล่องตัวครับ รวมทั้งอาจมีการพบเห็นจานบินหรือดวงไฟแปลกๆในช่วงเวลานี้ด้วย ส่วนท่านที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม อาจพบพระธาตุเสด็จครับ

    ช่วงนี้ตั้งใจปฏิบัติตามกำลังใจของตนครับ จะมาโพสใหม่วันจันทร์ครับ

    ขอกราบโมทนาในความดีและการปฏิบัติของทุกท่านด้วยครับ
     
  7. วิปจิตัญญู

    วิปจิตัญญู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +850
    สาธุ ครับผม(f) และอนุโมทนากับทุกท่าน
    ผมเอง ไร้บุญ ไร้วาสนา ความดี นี้ยังห่างไกลนัก ไม่ควรค่าได้รับ การชมเชย ยกย่องอะไรเลย ครับคุณ kananun

    หลักในการเจริญพระกรรมฐานของ ผมนะครับ เป็น ประสบการณ์ทั่วๆไปครับผม

    ผมเอง จะกำหนด จิต บูชาพระที่ห้องพระ (หลังอาบน้ำ จะไปนั่งกรรมฐานที่ห้องพระที่บ้าน )หรือ ขณะนอนหลับ จิตก็จะไปอยู่ที่ห้องพระ ของที่บ้าน เพื่อ สวดมนต์ อารธนาศีลธรรม และจะเชิญ ทวยเพท ภูมิเทวดา รุกขเทวดา อากาศเทวดา และผู้ที่ต้องการ มีศีล ธรรม มาร่วม อารธนา ผม ให้เหตุผลที่ไม่ไปสวดที่พระจุฬามณี หรือนิพพาน ว่า ถ้าผมไปที่นั่น ทวยเทพ ที่ไปไม่ได้ ญาตสนิท มิตรสหาย สัมปเวสี ก็จะตามไปไม่ได้ แม้จะ อารธนาบารมี ช่วยให้พาไปได้ก็ตาม และอีกหนึ่งเหตุผล เพราะผม ต้องการสร้างความเป็น ทิพย์ให้บ้านผมเอง ให้เป็นแดนธรรมครับ
    หลังจากที่ อารธนาศีลและ สวดมนต์ เสร็จแล้ว ซึ่งผมสวดบน ณาน ไม่เอ่ยออกมา สวดด้วยจิต กำหนด จิตดังนี้ จิตใสเป็นดวงแก้ว มีพระพุทธรูปพระทับอยู่ ซ้อนลงไปในกายเนื้อ ทุกขณะจิตที่ สวด ดวงแก้วจะเปร่งฉัพพลังสี เคลื่อน ขึ้น ลง ตาม อาณาปาณสติ และ จะกำหนดให้ตัวอักษร คำสวดมนต์ เป็นทิพย์ไปด้วย โดย พระสูตรเหล่า นี้ เมื่อออก มา ก็กางกั้น เป็น รัศมี คุ้มครองผมเอง และ สิ่งที่ผม ปรารถนาจะให้คุ้มครอง

    คาถาชินบัญชร สุดประเสริฐ สวดด้วย ณาน
    ขณะที่ สวดไปเรื่อยๆ จะปรากฏ พระพุทธรูปแก้วสว่างไสวมากๆขนาดเล็ก จำนวนนับไม่ถ้วน รายล้อม และ เคลื่อนเข้ามา จนปิดกายเนื้อทุกส่วน

    วิชา ใหม่ที่ครูบาอาจารย์ ถ่ายทอดมา วิชา อารธนา ทิพย์ ปกคลุม วัตถุธาตุหรือ ปลุกเสก สร้างความเป็นทิพย์ให้ วัตถุ สถานที่ หรือวิธี สร้าง แดนธรรม เพื่อ ป้องกัน สิ่งชั่วร้ายต่าง และ ผู้ที่อยู่ใน แดนธรรม จะก้าวหน้า ในทางธรรมได้เร็วเป็นวิชาที่มีประโยชน์มาก สำหรับ ทุกท่าน เพราะจะช่วย คนในครอบครัว ท่าน ให้ เริ่ม หันมาสนใจ เป็นสัมมาทิฐถิได้อย่างไม่น่าเชื่อ

    วิชานี้ ต้องใช้กำลัง จิตพอสมควร ผู้ที่จะทำได้ จะต้องหมั่น ปฏิบัติธรรมจนถึง ณาน4 และเป็น โลกุตระ ณานแล้ว ต้อง ได้วิชชา 3 แล้วอย่างน้อย อธิฐานฤทธิ์ และ ใช้ มโนยิทธิได้คล่องแคล่ว ที่สำคัญที่สุด ต้องเป็นคน ยึดมั่นใน ไตรสรณคม

    วิธี
    หลังจากที่ สวดมนต์ แล้ว ให้ อารธนาพระกรรมฐาน ตามสายที่เรียนมา ต่อมาพิจารณา นิวรณ์ 5 ว่ามีอะไร บ้าง พิจารณา วนไป วนมา และ หาปัจจัย ที่ทำให้เกิด นิวรณ์ 5 และเห็นโทษของนิวรณ์ 5 ก่อนที่จะ นำเอาเหตุของ นิวรณ์ 5 มา พิจารณา คือ ขันธ์ 5 และ อวิชชานั่นเอง

    เราจะพิจารณา นิวรณ์ 5 + ขันธ์ 5 จนเข้าใจถ่องแท้ เห็นอริยสัจ และ กองทุกข์ที่ได้มาจากสังโยชน์ 10 จนจิตคิดละ ขันธ์ 5 แน่นอน และ มีนิพพานเป็นที่สุด รักเคารพ ไตรสณคม

    ผู้ที่เป็น พุทธภูมิก็ทำตามนี้ และ พิจารณา สรรพสัตว์ ต่อไปดังนี้ เห็นกองทุกข์ ของสรรพสัตว์ เห็น เหล่าพระโพธิสัตว์บำเพ็ญ บารมี โดยไม่ ปริปากบ่น ท่าน อุทิศชีวิตเป็นทาน เราก็ โมทนากับท่านในจิต และ ตั้งปณิสาธว่า เราขออุทิศชีวิต ของเราให้พระศาสนา และ ช่วยเหลือ สรรพสัตว์ และตามด้วย ความปรารถนาว่าเราต้องการ จะตั้งปฏิทานว่าอย่างไร เช่น เราจะรื้อขนสัตว์จนหมดโลกก็ตามไป

    หลังจากพิจารณา เสร็จแล้ว ขออารธนาบารมี พระพุทธเจ้า ทุกๆ พระองค์ และ อารธนา ครูบาอาขารย์ ทั้งหมด โดยจะเน้นที่ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ใน ภัทรกัปนี้ โดยเฉพาะ พระศรีศายมุนีสมนโคดม และพระศรีอารย์เมตตรัย พุทธเจ้า ขอให้ยก จิต ของข้าพระพุทธเจ้า ขึ้นสู่ โลกุตระณาน ข้ามโครตภูณาน

    หลังจากนี้ จะเดินกรรมฐาน เท่าที่เราทำได้ จะ กรรมฐานทั้ง 40 กองก็ได้ + วิปัสสนาณาน ภูมิธรรมที่เรามีทั้งหมด และใช้ มโนยิทธิไป กราบ ครูบาจารย์ที่เรา อารธนาบารมีไป ไปกราบ สิ่งศักสิทธิ์ ทุกที่

    ถึงตอน อารธนาบารมี สร้างความเป็นทิพย์ให้สถานที่ ตรงนี้ ต้องอารธนา ความเป็นทิพย์ ทั้ง 3 โลกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตาจักรวาล เทวโลก อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ที่สำคัญคือท่าน จตุโลกบาลทั้ง4 ท่านท้าวมหาราชทั้ง
    4 ต้องเชิญท่านด้วย และ เหนือโลก คือ พรหม และ นิพพาน

    จิตเรา หรือ อทิสมานกาย เราอยู่ที่ นิพพาน และแบ่ง ไป อยู่ ตามที่ต่างๆ เพื่อ ขอให้ ทุกท่าน แผ่พลัง ลงมา ที่บ้านของเรา เราจะเห็น สายพลัง สว่างไสวมากๆ ไหลลงมาสู่บ้านของเราและล้นออกไป เป็นวงกว้าง ตำบล อำเภอ สว่างไสวไปหมด และ อารธนา พระพุทธเจ้า ใน ภัทรกัป ทรงเจิม พุธโท ลงไปที่ บ้านของเรา ตัวอักขระจะใหญ่มาก และเปร่งฉัพพลังสีออกมา ประทับลงไป ที่บ้านของเรา และ เหล่า เทวดา และ วิมาน เทวดา มากมาย จะผุดขึ้นมา เต็มบ้านเราไปหมด และ มี กายธรรม ของ พระพุทธเจ้า ประทับอยู่เหนือบ้าน สว่างไสวไปทั่ว

    เสร็จพิธี
    ให้เรา ตั้งจิต อธิฐาน แผ่ความเป้นทิพย์ แผ่ธรรม แผ่พรหมวิหาร และแผ่กุศล ที่นิพพาน โดย รวมจิตและบุญเป้นหนุ่ง จะเกิด ดวงแก้ว มากมาย พุ่งมารวมกันที่เรา และ เกิดเป็น ดวงใหญ่มากเหมือนดวงอาทิตย์ สว่างไปทั้งอนันตาจักรวาล และแผ่ ไปทุกที่

    หลังจากนั้น จิต ผมก็จะ กรวดน้ำที่ นิพพาน และ นำ น้ำนั้นมาเท ลงสระบัวในวิมานของผมเอง โดยมี เทพเทวดา พระแม่ธรณี พระแม่โภสพ พระแม่คงคา พระพาย พระอาทิตย์ พระจันทร์ ต่างๆมากมาย และ ทุกท่าน มาโมทนาบุญ อ๋อ ลุงพุฒิท่านด้วยครับ ( ท่านมา อยุ่ข้างแล้ว^^ ) และ อธิฐาน ให้ผลนี้เป็น อุปนิสัยปัจจัย สำเร็จ.... คำอธิฐานใส่ตรงนี้ครับ ....



    วิชาอื่นๆ นอกจากนี้ ยังฝึกไม่สำเร็จ ดี ต้องฝึกอีกหลายวิชามากมาย ครับผม ผมขอ ให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป ขึ้นไปมากๆ กว่าผม หลายร้อยเท่า พันเท่าครับ และทางโลกก็สุขสบาย ไร้โรค ไร้ภัย ไร้กรรมชั่ว ทั้งปวง

    โดยเฉพาะท่าน kananun ทำเพื่อพระศาสนามากมาย ขอให้ ท่าน สำเร็จในสิ่งที่ท่านหวังไว้นะครับ



    ผลหลังจาก ใช้วิชานี้ ผู้คนในบ้านผม สัตว์ต่างๆ สร้างกรรมน้อยลง คุณพ่อผม ที่เคยไปฝึก มโนที่ ท่าซุงแต่ไม่สำเร็จ และผมสอนหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ ท่านก็ สำเร็จ แล้วครับ หลายอย่างในบ้านดีขึ้นมากมาย คนในบ้านใจเย็นขึ้น และ เกิดเป็นสัมมาทิฐถิทุกท่าน โดยง่าย กระแสศีลธรรมสูงขึ้น มีกลิ่นหอมๆ ในบ้านไม่รู้มาจากไหน ^^ เทวดา มากมาย

    อนึ่ง ตัวผู้ ใช้วิชานี้ จะต้อง ตั้งมั่นในธรรม และหมั่น ทำสมาธิ เพื่อ เพิ่มพลัง ให้กับ กระแสศีลธรรม ให้เกิด พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ขึ้นมาในที่ๆ แห่งนั้นด้วย

    จบวันนี้

    Ps. ท่าน Kananun นี่เอง ใช้ทิพย์จักขุ ส่องมาแถวนี้ ถึงว่า ตะหงิดๆ มีคนแอบดู อิอิ (f)
    ( จำได้มั้ยคุณมิค ) (i) (f)

    Ps2. วิชาทั้งหมดครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้า ถ่ายทอดให้ กำลัง ของท่าน ไม่ใช่ของผม เลย วิชาของ โลกุตระทั้งสิ้น ขอบพระคุณ
     
  8. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,385
    ค่าพลัง:
    +22,310
    (กดโมทนาไม่ขึ้น..)
    ขออนุโมทนาอย่างสูงกับพี่คณานันท์ และ คุณวิปจิตัญญู ค่ะ สาธุ ๆ ๆ
     
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,424
    อนุโมทนาด้วยครับ..เท่าที่ผมรู้จักคุณคนานันท์มา ยอมรับเลยครับว่าเป็นผู้ที่มีความตั้งใจในการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงมากครับ..และขอให้ทุกๆท่านเจริญในทางธรรมกันโดยทั่วหน้ากันครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2006
  10. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ผมขออนุโมทนาให้กับคุณคณานันท์ คุณวิปจิตัญญู คุณมีด และ คุณเกษม ได้เป็นผู้กล้าในการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนในอนาคตที่จะถึงอันใกล้มากๆนี้ บุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้ทำไปแล้วเบื้องบนย่อมเห็นแล้วอย่างแน่นอน และบุญกุศลที่พวกท่านจะกระทำในอนาคตเบื้องบนย่อมเปิดทางให้ได้ทำอย่างแน่นอน

    สาธุ สาธุ
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    พวกเราต้องขอขอบคุณในแบบอย่างธรรมมะปฏิบัติของคุณวิปจิตัญญูอย่างสูงครับ กำลังใจที่คุณทำได้อย่างนี้ก็นับว่าไม่ธรรมดาหรอกครับ และถ้ามีท่านผู้ทำได้แบบคุณรวมทั้งมีน้ำใจเสียสละเพื่อส่วนรวมหลายๆคนบนโลก โลกใบนี้คงสงบสุขร่มเย็นกว่านี้เยอะครับ และภัยพิบัติก็คงไม่เกิดขึ้น

    วิสัยที่คุณวิปจิตัญญูปฏิบัตินั้น คุณวิปจิตัญญูสามารถทำได้เป็นปรกติอยู่แล้วก่อนที่จะเข้ามาอ่านกระทู้นี้ เพราะเป็นความรู้ที่พระข้างบนท่านสอนท่านถ่ายทอดให้ครับ เป็นเครื่องยืนยันได้ว่ายังมีท่านผู้มีกำลังใจสูงมีความสามารถ บารมีและคุณธรรมสูง อีกเป็นจำนวนมากครับ ทั้งที่เปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัวครับ

    ต้องขอกราบโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

    ส่วนท่านที่ติดตามอ่านอยู่นั้น อันความดี คุณธรรมในข้อใด เรื่องใด จุดใดที่ท่านพอใจมีศรัทธาในการเจริญก็ได้โปรดลงมือทำเลยครับ ถึงท่านจะได้อภิญญาก็ดี ไม่ได้อภิญญาก็ดี ได้ฌานก็ดี ไม่ได้ฌานก็ดี ไม่สำคัญเท่ากับการมีจิตใจที่บริสุทธ์ครับ การอธิฐานในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์นั้นสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาครับ เมื่อจิตเรามีเจตนาที่บริสุทธิ์และมีความตั้งมั่นไม่ช้าจะกลายเป็น อภิญญาอธิฐานฤทธิ์เองครับ
     
  12. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,162
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,712
    ช่วงนี้ ( กว่า2ปีมาแล้วอย่างน้อย ) และจะมากขึ้นเรื่อยๆ

    เนื่องจากมลพิษทั้งหยาบและละเอียด ปราณบริสุทธิ์ถูกดูดซับเข้าร่างกายได้น้อยลง ทำให้มีสารพิษตกค้างที่ร่างกายมาก โรคร้ายที่หายไปนานก็มีขึ้นมาอีก โรคใหม่ๆก็มีมา การคลายอารมณ์จิตทำยากขึ้น

    มีวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงขั้นฌาณ ผมจะทยอยลงนะครับ

    วิธีที่ ...............
    1. การอาศัยชีพจร เชื่อมกับพลังงานแกนจักรวาล ขับมลภาวะในกาย

    ทำความรู้สึกถึงชีพจรที่กาย ( ตัวตุ๊บๆๆๆ )

    แล้วนึกไปยังทิศเหนือ ( แกนกลางจักรวาล
    พระอาทิตย์ดวงแม่ในโลกพลังงานละเอียด จะส่งแรง ดูด-ผลัก กับทุกรูป-นาม ที่ยังไม่หลุดพ้น)

    ถ้ายังไม่เห็นละเอียด ให้นึกว่ามีแรง หรือ แสงขาว,ใส,เหลือง
    อย่างใดอย่างหนึ่ง จากแกนจักรวาล วิ่งมาที่เรา แล้ววิ่งกลับไปที่แกนจักรวาลเช่นเดิม ตามจังหวะชีพจร

    เส้นพลังนั้นตั้งฉากกับร่างกาย ( ตั้งฉากกับผิวโลก, ตามแนวแรงดึงดูดโลก)

    ถ้ามีอาการเรอ,คัน,อาเจียน,ร้อน ฯลฯ แสดงว่าสารพิษทั้งหลายเริ่มถูกขับออกมาแล้ว....


    สงสัยถามได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2006
  13. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอขอบคุณในข้อมูลการปฏิบัติ ความตั้งใจดีของคุณโทนี่จา ครับ
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    การมาพบกันของเหล่าท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิทั้งหลายนั้นถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ต่อชาติต่อส่วนรวมครับ

    เพราะท่านทั้งหลายนั้นล้วนแต่มีการตั้งกำลังใจไว้ดังนี้
    -มีความเคารพในพระพุทธเจ้า เคารพในธรรม เคารพในพระอริยสงฆ์ มีไตรสรณคมภ์เป็นปรกติของจิต
    -ให้เกียรติในพระศาสนาขององค์พระพุทธชินสีห์ และตั้งใจที่ช่วยสืบอายุของพระศาสนาของพระองค์ท่านให้ครบ ห้าพันปี
    -มีความยินดีในการบำเพ็ญความดีของสรรพสัตว์ทั้งปวงเป็นปรกติ
    -กิจใดอันเป็นประโยชน์ทั้งทางโลกก็ดี ทางธรรมก็ดี ย่อมมีความยินดีที่จะทำ ส่งเสริม และสนับสนุนให้กำลังใจให้กิจนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
    -เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนตนนั้นยอมเสียสละความสุขความสบายส่วนตัวได้
    -ส่งเสริมสงเคราะห์สนับสนุน การบำเพ็ญบารมีของเหล่าพุทธภูมิทั้งหลายประหนึ่งสงเคราะห์พี่น้องร่วมอุทร องค์สมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวกัน
    -ไม่ละเลยแม้ความดีแม้แต่เพียงสักเล็กน้อย และไม่ประมาทในกรรมชั่วหรืออกุศลแม้เพียงเล็กน้อยเช่นกัน
    -มีความกตัญญูต่อท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย เป็นคุณธรรมประจำใจ
    -มีความอดทนอดกลั้นต่ออุปสรรคและความยากลำบากสูงกว่าบุคคลสามัญทั่วไป
    -มีปัญญาละเอียดปราณีต ลึกซึ้ง ในเหตุ ในผล ในตน ในกาล ในประมาณ และมีการพิจารณาได้ถี่ถ้วนกว่าปัญญาของบุคคลสามัญ

    เหล่านี้คือกำลังใจของเหล่าพุทธภูมิ ซึ่งได้บำเพ็ญบารมีมาดีแล้ว และเมื่อท่านทั้งหลายได้มารวมกันเพื่อประโยชน์แห่งชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง เมื่อนั้น ประเทศชาติย่อมมีแรงพลังที่มุ่งไปในทางเจริญรุ่งเรืองตามพระราชปณิธานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราที่ท่านได้ทรงได้เป็นแบบอย่างแห่งพระมหาโพธิสัตว์ผู้มีน้ำพระราชหฤทัยอันบริสุทธิ์ต่อพสกนิกรชาวไทยทั้งหลาย รวมไปถึงพระบารมีที่ปรากฏแผ่ไพศาลไปทั่วโลก ขอให้พวกเราทั้งหลาย ดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทให้การสร้างประโยชน์สุขต่อส่วนรวมครับ ช่วยกันสร้างสังคมคุณธรรม สร้างค่านิยมจริยธรรม ให้กลับมา ช่วยกันสร้างคนให้เป็นคนดี แล้วจึงฝึกคนดีให้เป็นคนเก่ง จากนั้นจึงอบรมให้เขาอุทิศตนเพื่อส่วนรวม เมื่อสังคมสงบสุข ก็จะเป็นสุขทั้งชาวโลกชาวธรรมครับ

    ขอกราบโมทนาในกุศลจิตที่งอกงามขึ้นในจิตใจอันบริสุทธิ์ทุกดวงครับ
     
  15. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,162
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +29,712
    จากโพส # 237

    ถ้าปกติผู้ลองปฏิบัติ ทานอาหารที่มีสารพิษน้อย ทานเนื้อสัตว์น้อย โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ , อยู่ในที่อากาศมีมลพิษไม่มากเกินไป , มีสมาธิจิตบ้าง3
    ( ถ้านับ1-100 ได้ก็พอได้ ) ก็จะเห็นผลเร็ว

    ถ้าร่างกายเกิดอาการ หาว เรอ อาเจียน ผื่นคันขึ้น ฯลฯ อย่าหยุดทำ

    ให้ทำต่อเนื่องไป เพราะสารพิษที่สั่งสมเริ่มถูกขับแล้ว ให้ขับออก
    อย่างต่อเนื่อง

    เมื่อกายเบา การบำเพ็ญสมาธิจะทำได้ดีขึ้นครับ
     
  16. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,287
    ติดตามกระทู้ท่าน kananun การนั่งสมาธิของผมยังไม่ไปถึงไหนเลย ผมภาวนาโดยจับลมหายใจเข้าออก พุธ โธ เวลานั่งไปสั่งพักรู้สึกว่าน้ำลายมันจะค่อยๆซึมออกมาทำให้ต้องคอยกลืนมันลงไป ทำให้จิตใจไม่เป็นสมาธิเลย และจะรู้สึกตรึงๆที่หน้า จะแก้ไขยังไงดีครับ ผมยังไม่ได้ยกครูจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรที่ผิดอ่ะเลยไม่กล้ายกครู เวลาผมนั่งสมาธิเสร็จผมก็จะนอนทำสมาธิต่อบางครั้งเหมือนจิตมันจะเข้าสู่ภวังค์พอรู้สึกตัวมันก็คลาย เคยปล่อยให้มันหลุดไปได้ครั้งนึงแต่แค่แปปเดียว เกิดความรู้สึกกลัวเลยรีบออกมา จะแก้ไขยังไงดีครับ.
    ขออนุโมทนาบุญกับพี่ด้วยนะครับ
     
  17. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขออนุญาตตอบคุณSurad ครับ
    ไม่ต้องเรียกผมว่าท่านก็ได้ครับ คิดว่าเราเอื้อเฟื้อในธรรมให้แก่กันแบ่งปันความดีในสังคมครับ
    ก่อนอื่นขอแนะนำให้ทำพิธียกครูก่อนครับเพราะวิชชาที่ผมแนะนำนั้นเป็นความรู้ของพระพุทธเจ้าที่บูรพาจารย์อริยสงฆ์ท่านได้สืบทอดต่อกันมา การบูชาครูเป็นการแสดงความกตัญญูและแสดงความเคารพในท่านเหล่านั้นครับ เพื่อที่วิชชาความรู้ที่ได้จะได้ก้าวหน้า รักษาใจให้อยู่ในความดีครับ
    --อาการที่มีน้ำลายไหลซึมออกมานั้นเป็นปรกติของหลายๆท่านครับ ถ้าคุณภาวนา พุทธโธอยู่แล้ว ก็ยิ่งง่ายๆครับ ให้ทำดังนี้ "ให้อธิฐาน น้ำลายให้เป็นน้ำมนต์ด้วยคำภาวนาพุทธโธ แล้วกลืนน้ำลายนั้นตามปรกติครับ ทางหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเคยได้แนะนำให้ลูกศิษย์ของท่านเสกทุกเช้าเป็นพุทธานุสติเป็นปรกติอยู่แล้ว " ส่วนในวิชาลมปราณของทางจีน การเกิดน้ำลายออกมามากในขณะฝึกท่านถือว่าเป็นน้ำทิพย์อยู่แล้วครับ ดังนั้นเมื่ออธิฐานเสกน้ำลายและกลืนลงไปแล้ว ก็อย่าไปสนใจกับมันอีก ให้จิตจับอยู่กับลมหายใจเข้า ลมหายใจออกครับ
    --ส่วนการที่รู้สึกตึงที่ใบหน้า เป็นปิติ ตัวที่ทำให้รู้สึกว่าตัวพองขยาย เป็นสิ่งที่ดีว่ามีผลในการปฏิบัติครับ ส่วนเมื่อเกิดอาการนี้อีกให้กำหนดรู้ว่า นี่คือปิติ ตัวหนึ่ง เมื่อกำหนดรู้แล้วก็จงอย่าได้สนใจกับอาการของปิตินี้อีก (รู้แล้วปล่อยวาง) เพื่อให้จิตเคลื่อนสู่ฌานสมาบัติที่สูงขึ้นครับ
    ---เมื่อนั่งสมาธิเสร็จแล้วนอนสมาธิต่อ จิตจะเข้าสู่ภวังค์ แสดงว่าเมื่อคุณมีการทำสมาธิแบบค่อนข้างเป็นรูปแบบแล้วคุณจะมีอาการเกร็งเล็กน้อย เพราะอาจตั้งใจเกินไปทำให้อารมณ์ใจหนัก เกินไป (นิดนึง) ดังนั้นเมื่อคุณนอน อารมณ์ก็จะเบาขึ้นสบายขึ้น จิตจึงเข้าสู่สมาธิ ได้ (กรณีนี้คล้ายกับสมัยที่พระอานนท์ที่ท่านบรรลุธรรมก่อนวันปฐมสังคายนา) ส่วนเมื่อรู้สึกตัวและเกิดกลัวทำให้จิตถอนขึ้นออกจากสมาธิครับ
    วิธีการก็คือ
    1. จำอารมณ์สบายขณะนอน เข้าสมาธิ และลองประคองจิตให้อยู่ในสมาธินั้นแต่ขยับกายเปลี่ยนอิริยาบทเป็นนั่ง โดยไม่ต้องสนใจกาย แต่ให้ความสนใจอยู่ที่การประคองจิตให้อยู่ในสมาธินั้น
    2. อย่ากลัว โดยใช้ปัญญาพิจารณาว่า ขณะนี้เรากำลังทำความดีอยู่ ดังนั้นสิ่งที่กลัวนั้น แท้ที่จริงเรากลัวอะไร ความกลัวคือความไม่รู้ เพราะไม่รู้จึงกลัว และพิจารณาต่อไปอีกว่าในขณะที่เราทำความดีอยู่นี้ ถ้าเราต้องตายจากความเป็นคน ถ้าจิตเราอยู่ในฌานหรือมีพรหมวิหารสี่ เราก็จะเกิดเป็นพรหม ถ้ากำลังใจต่ำลงมาอย่างน้อยที่สุดก็ไปเกิดกามาวจรสวรรค์ ดังนั้นในการทำความดีนี้เรามีแต่ได้กับได้เราจะไปกลัวอะไร

    ลองหาอารมณ์ และลมหายใจที่ละเอียดปราณีตเบาสบายให้เจอครับ แล้วคุณจะก้าวหน้าในอานาปานสติกรรมฐานและการทำสมาธิครับ

    ขอกราบโมทนาในความตั้งใจปฏิบัติเพื่อความดีของคุณ Surad ด้วยครับ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    แท้ที่จริงนั้น แก่นแท้ของวิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติและการผ่านเข้าสู่ยุคทองของพระพุทธศาสนานั้น

    ก็คือการสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้ก่อเกิดในจิตใจของตัวเราเองก่อน เมื่อตนได้รู้คุณค่าแห่งความดีงามและความงดงามในจิตใจแห่งความรักความเมตตาด้วยตนเองแล้ว เราจึงช่วยกันถ่ายทอดส่งผ่าน ความดีงามนี้จากจิตสู่จิต ใจสู่ใจ ออกเป็นค่านิยมที่ถูกต้องงดงามสู่สังคมส่วนรวมจนเป็นกระแสหลัก เพื่อความสงบสุขร่มเย็นในทุกๆดินแดนทั่วโลก

    จากความเสื่อมของศีลธรรมและความโลภของมนุษย์ในขณะนี้ กำลังทวีอัตตราเร่งไปสู่หายนะของมวลมนุษยชาติ ในเวลาอันรวดเร็ว

    อีกห้าปีข้างหน้า จะไม่มีน้ำแข็งที่ขั้วโลกอีกต่อไป มีผลทำให้ระดับน้ำทะเลท่วมเมืองหลายๆแห่งบนโลก รวมทั้งบางประเทศได้หายไปจากแผ่นที่โลก จากการทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างหนัก การสร้างก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานฟอสซิลอย่างไร้จิตสำนึก

    อีกห้าปีข้างหน้า คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณต้องบอกให้ลูกสาววัยรุ่นของคุณอย่าลืมทานยาคุมกำเนิด และอย่าลืมพกถุงยางไปโรงเรียนด้วยทุกวัน
    คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณต้องพาลูกชายของคุณไปตรวจร่างกายเพื่อหาสารเสพติดทุกๆอาทิตย์ แทนที่จะพาลูกคุณไปเรียนดนตรีหรือเล่นกีฬา
    สิ่งที่ผมได้กล่าวขั้นต้นนี้ มันใกล้มากแล้วและได้เกิดขึ้นแล้วเป็นปรกติในสังคมของประเทศตะวันตก และในประเทศญี่ปุ่น ถ้าพวกเราชาวธรรมไม่ร่วมมือร่วมใจกัน สร้างกระแสจริยธรรมคุณธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยสังคมพุทธ ไม่ใช้น้ำดีไล่น้ำเสีย เราก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่ได้เพียงแต่เราจะเลือกอยู่แบบสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งหรือเลือกที่จะอยู่แบบ มนุษย์ผู้มีจิตใจสูง ในสังคมที่สงบสันติสุขร่มเย็นอุดมสมบูรณ์ ลองใช้ปัญญาของท่านไตร่ตรองดูครับ

    คำทำนายเรื่องภัยพิบัติต่างๆจากทุกๆสายนั้น มีความเหมือนกันอยู่ในหลายสิ่ง ผมจะไม่บอกว่าของใครถูกของใครผิด แต่ผมจะขออนุญาตชี้ให้ทุกท่านได้เห็นว่า สิ่งที่ครูบาอาจารย์ทุกท่านได้พยายามบอกพยายามเตือนพวกเราชาวโลกในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะสายไหน ศาสนาใด มีความเหมือนกันคือ
    --เมื่อมนุษย์เสื่อมจากศีลธรรมความดี จะเกิดภัยพิบัติขึ้นทั้งจากฝีมือของธรรมชาติ และจากฝีมือมนุษย์ด้วยกัน
    --ภัยพิบัติจะทำลายล้างชีวิตมนุษย์และอารยธรรมไปเป็นจำนวนมาก
    --ผู้ที่รอดจากภัยพิบัติ คือผู้ที่ตื่นขึ้น ระลึกรู้ กลับตัวกลับใจ เข้าสู่ศีลธรรมความดี ของศาสนานั้นๆ
    --สำหรับประเทศไทย จะมีผู้ที่รอดชีวิตมากที่สุด (เนื่องจากไทยมีอัตราส่วนท่านผู้ปฏิบัติธรรม ต่อประชากรสูงที่สุด มีท่านผู้มีความบริสุทธิ์ของจิตเป็นจำนวนมากตลอดจน มีผู้ได้อภิญญาสมาบัติจำนวนมาก และที่สำคัญที่สุด เพราะประเทศไทยนี้เองเป็นสถานที่จารึกพระพุทธศาสนาจนครบ ห้าพันปี)
    --หลังจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัตินี้ โลกนี้จะกลับคืนสู่ศีลธรรมและความสงบสุขเป็นเวลายาวนาน

    หัวใจของเหตุการณ์ปรากฏการณ์ทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ขึ้นอยู่กับ ระดับคุณธรรมจริยธรรมในจิตใจของเราทุกคนบนโลกใบนี้ครับ
    -สิ่งที่คุณทำได้คือการทำจิตใจของคุณให้บริสุทธิ์ที่สุด สะอาดที่สุด เท่าที่กำลังใจของคุณจะทำได้ แม้ระดับของอภิญญาสมาบัติก็ยังไม่สำคัญเท่ากับระดับของคุณธรรม ในจิตใจครับ ดีสำคัญเป้นประโยชน์ต่อโลกเรามากกว่าเก่งครับ แต่ถ้าทั้งดี ทั้งเก่ง ทั้งมีอภิญญา ทั้ง มีน้ำใจเป็น พระโพธิสัตว์ด้วย ยิ่งประเสริฐที่สุดครับ
    -ช่วยกันส่งเสริมเผยแพร่ค่านิยมคุณธรรมนี้ให้เกิดขึ้น โดยเริ่มที่ครอบครัวคุณ เพื่อนของคุณ เพื่อนร่วมงานคุณ องค์กรธุรกิจของคุณ ภายในชุมชนของคุณ ให้ออกไปสู่สังคมโดยส่วนรวมครับ
    -ช่วยกันสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบทั้งในมิติของ
    ความเป็นมนุษย์ ด้วยการยกระดับจิตใจของตนเองด้วยคุณธรรมความดี
    ความเป็นคนไทย ด้วยการรักษาความเป็นไท รักษาพระพุทธศาสนา และจงรักภักดีต่อองค์ในหลวงของเรา
    ความเป็นพลเมืองโลก ด้วยการสร้างจิตสำนึกในการใช้ในการรักษาในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ในฐานะที่เราอยู่ร่วมกัน แบ่งปันทรัพยากรบนโลกใบนี้ด้วยกัน จงอยู่บนโลกใบนี้แบบผีเสื้อ แต่จงอย่าอยู่บนโลกใบนี้แบบฝูงตั๊กแตน
    -มีสติ อย่าตื่นตะหนก หรือหวาดกลัว ในทุกสิ่งทุกเหตุการณ์ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นวัฏฏะ ของธรรมชาติ ทุกสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ทุกๆสิ่ง เมื่อมีเจริญก็ย่อมมีเสื่อมไปเป็นธรรมดา มองทุกสิ่งด้วยใจที่นิ่งเป็นอุเบกขาธรรม

    ขอให้จิตใจที่งดงามทุกดวงเป็นประดุจเทียนเล่มน้อย ที่จุดแสงสว่างขึ้นในหัวใจของคนทั้งโลกใบนี้ให้สว่างไสวไปด้วยแสงแห่งธรรมครับ

    ขอกราบโมทนาในความตั้งใจดีของทุกๆท่านครับ
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    เมื่อท่านทั้งหลายมีดวงจิตที่ตั้งไว้ดีแล้วอันได้แก่

    -มีสัมมาทิษฐิในจิต ในความคิด
    มีสัมมาสมาธิ การเจริญฌานสมาบัติเพื่อความหลุดพ้นและประโยชน์ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    มีสัมมาปัญญา อันประกอบไปด้วยญาณอันเป็นเครื่องรู้ ในเหตุและผลอันชอบเป็นที่ถูกที่ควร
    มีสัมมาปฏิบัติ อยู่ในศีลในธรรม จากที่ต้องรักษาศีล จนถึงระดับที่ศีลรักษาเรา

    -มีความเข้าใจในความเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม มีความเข้าใจในพุทธภูมิวิสัย และโพธิสัตว์วิสัย

    -มีความเข้าใจและความจำเป็น ในการฟื้นฟูศีลธรรม คุณธรรมให้กลับมาสู่สังคม

    -มีพื้นฐานของสมาธิ และอภิญญาสมาบัติในระดับที่ดี

    ต่อไป ผมขออนุญาต แนะนำการฝึกจิตเข้าสู่ดินแดนแห่งความรู้ ที่มิติของพระพรหมท่านครับ

    ที่แห่งนี้เป็นแหล่งรวมแห่งความรู้และอารยธรรมทั้งหลายที่ปรากฏมาในอดีต ปัจจุบันและอนาคต ของทั้งจักรวาล หลายๆท่านที่สามารถเข้ามาถึง ศูนย์ข้อมูล ณ จุดนี้ได้ จะมีผลทำให้ ท่านผู้นั้นมีภูมิปัญญา เป็นพหูสูตร มีความรอบรู้ในสรรพศาสตร์ทั้งปวง แต่ท่านทั้งหลายได้โปรดอย่าได้ลืมว่าศาสตร์ทุกสิ่ง รวมทั้งทุกสรรพสิ่ง ย่อมอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ของกฏไตรลักษณ์ คือความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา

    ดังนั้นความรู้และสรรพศาสตร์ทั้งหลายนั้น ขอให้ท่านเข้าถึงและนำไปใช้แต่ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ ต่อ
    -ความหลุดพ้นของตนเอง การแก้ทุกข์ การดับทุกข์ การแก้ปัญหาในชาติปัจจุบัน
    -ประโยชน์ของพระพุทธศาสนา
    -ประโยชน์ของปวงชนชาวไทย
    -ประโยชน์ต่อโลก
    -ประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ
    -ประโยชน์ต่อสรรพสัตว์
    ส่วนการเข้าถึงข้อมูลทางสรรพศาสตร์เหล่านี้นั้น มีระดับชั้นของข้อมูล โดยขึ้นอยู่กับ ระดับความสะอาด บริสุทธิ์ของจิต เจตนาความตั้งใจในการนำความรู้ไปใช้ และหน้าที่ที่ต้องรู้ในสิ่งที่สมควรรู้ เห็นในสิ่งที่สมควรเห็น รวมถึงเพื่อให้พระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้นำข้อมูลความรู้จากสรรพศาสตร์เหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ในการสร้างในการบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป

    ตัวอย่างของท่านผู้ที่เข้าถึงข้อมูลตรงจุดนี้ได้ นั้น มีหลวงพ่อฤาษีลิงดำแน่นอนครับ นอกเหนือจากปฏิสัมภิทาญาณที่ปรากฏแล้วท่านยังมีความรอบรู้ในศาสตร์และเรื่องราวทั้งปวง โดยท่านมักจะกล่าวอ้างถึง ว่าความรู้ต่างๆที่ท่านทราบนั้น มี "ท่านสรรพศาสตร์" เป็นคนมาบอกมาเล่าเรื่องราวต่างๆให้ทราบทราบเสมอ ท่านจึงทรงภูมิความรู้สูงในทุกๆด้าน เป็นการยังศรัทธาของสานุศิษย์ทั้งหลายให้ยิ่งเพิ่มความเคารพนับถือในภูมิความรู้ของท่าน ซึ่งท่านรู้ไปถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาว เรื่องราวของหลุมดำ ความเป็นไปในมิติและจักรวาลอื่นๆ

    ส่วนอีกท่านหนึ่งที่ท่านรู้วิธีใช้ฌานสมาธิเพื่อ เข้าถึงแหล่งความรู้เหล่านี้ ในยุคปัจจุบันคือ อ. ดร. อาจอง ชุมสาย ณอยุธยา ครับ จากความรู้ที่ท่านได้คิดค้น ขาของยานอุปกรณ์ลงจอดของยานไวกิ้ง โดยอาจารย์ได้เล่าว่า ได้ตั้งคำถามถึงวิธีการขึ้นในจิต จากนั้นก็เข้าสมาธิ หลังจากนั้น ก็จะปรากฏภาพจำลองของอุปกรณ์ชิ้นนั้นขึ้นมาในจิต และเมื่อนำไปส่งประกวดที่นาซ่า ผลก็คือสามารถใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องร่างแบบ ในคอมก่อน แล้วสร้างแบบจำลองต้นแบบ เพื่อทดลองใช้งาน ว่าใช้งานจริงได้หรือไม่ จะเห็นได้ว่า การเข้าถึง แหล่งความรู้แห่งจักรวาลนี้ สามมารถนำไปใช้ในการประดิษฐ์คิดค้น นวัตกรรมต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติได้อย่างมากมาย โดยสามารถช่วยประหยัดต้นทุนในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาลงได้เป็นจำนวนมาก ถ้านำความรู้เหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างจริงจัง จะเป็นเรื่องง่ายอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะเป็นผู้นำเทคโนโลยี่ของโลก แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตของเทคโนโลยี่ที่สร้างสรรค์ด้วยนะครับ

    นอกจากนี้ความรู้นี้ยังนำไปใช้ในงานสร้างสรรค์ศิลปะได้อีกด้วย ตัวอย่างคือ บุษบกที่เป็นที่เก็บสรีระของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านนั้น เป็นการสร้างขึ้นเลยด้วยฝีมือช่าง ไม่มีการเขียนแบบ ร่างแบบก่อน
    เป็นการดาวน์โหลด แปลนจากข้างบนเข้ามาในจิตโดยตรง แล้วช่างจึงลงมือแกะสลักทันที ประหยัดเวลาลงไปได้มาก

    จะเห็นได้ว่า ถ้ามีการประยุกต์ใช้ องค์ความรู้จากสรรพวิชาเหล่านี้ ร่วมกับคุณธรรม จริยธรรม แล้ว ก็จะเป็นเวลาที่มนุษย์โลกเรา จะมีความสมดุลในความเจริญทั้งทางวัตถุและความเจริญทางด้านจิตใจ การใช้วิทยาการเพื่อการพัฒนาอย่างสร้างสรค์ ย่อมมีประโยชน์กว่าการใช้เทคโนโลยี่เพื่อการทำลายล้างครับ

    หลายๆคนพอจะเห็นภาพรวมของประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ฌานสมาบัติเพื่อเข้าถึงแหล่งความรู้ของจักรวาลแล้วนะครับ เราจะได้เริ่มเข้าเนื้อหาการฝึกการปฏิบัติกันต่อไปครับ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาฝึกกันเลยครับ

    เริ่มต้นก็ใช้วิชาพื้นฐานครับ

    จับลมสบาย จนใจเราสงบสบาย เป็นลมตลอดสายจนจิตนิ่งเหลือลมหายใจสั้นเท่าเมล็ดถั่ว

    จากนั้นตั้งจิตว่า ขณะที่เรากำลังปฏิบัติสมาธิอยู่นี้ ศีลของเราบริสุทธิ์ จิตของเราเป็นสัมมาทิษฐิ เรามีความมั่นคงในพระรัตนไตร ต่อไปพิจารณาความไม่เที่ยงในสังขารร่างกาย อันมีความเสื่อมความตายในที่สุด ปล่อยวางจากขันธุ์ห้า นี้

    จากนั้นจับภาพพระพุทธเจ้าท่านให้ใสเป็นแก้วประกายพรึก ยกจิตอาทิสมานกายขึ้นสู่พระนิพพานกราบพระพุทธเจ้าท่านและท่านผุ้มีพระคุณที่ท่านมาโปรด ในสมาธิขณะนี้ จากนั้นตั้งจิตอธิฐานว่า
    "ด้วยบารมีของพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วอนันตจักรวาลขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงความรู้ญาณทัศนะแห่งพรหมศาสตร์อันเป็นแหล่งความรู้ของจักรวาล ในความรู้อันเป็นสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา เพื่อ ประโยชน์แห่งตัวข้าพเจ้า ส่วนรวม พระพุทธศาสนาและมวลมนุษยชาติอีกทั้งสรรพสัตว์ด้วยเทอญ สิ่งใดที่ข้าพเจ้าสมควรรู้ก็ขอให้ได้รู้ สิ่งใดที่ข้าพเจ้าสมควรเห็นก็ขอให้ได้เห็น หากความรู้ใดจักเกิดโทษต่อข้าพก็ดี ต่อส่วนรวมก็ดี ต่อพระศาสนา ต่อมนุษยชาติและสรรพสัตว์ก็ดี ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้รู้ อย่าได้เห็น อย่าได้ทราบ เลย"

    จากนั้นวางใจให้สบาย ท่านที่ได้วิชามโนมยิทธิ ท่านก็จะสามารถไปที่พรหมสถาน และกราบขอความรู้จากท่านท้าวสหัมบดีพรหม ในสรรพวิชาที่ท่านจะได้ใช้สร้างบุญสร้างบารมีบนโลกมนุษย์ในชาตินี้

    ส่วนท่านที่ไม่ได้มโน ขอให้ท่านทำใจให้สบาย โล่ง โปร่ง เบา และตั้งคำถามขึ้นในจิตในเรื่องหรือปัญหาที่ท่านอยากรู้ อยากทราบ อยากหาคำตอบ จะปรากฏเป็นเสียงตอบขึ้นมาในจิตบ้าง เห็นภาพปรากฏขึ้นมาในจิตบ้าง เมื่อรู้เมื่อเห็นเมื่อทราบแล้ว ขอจงอย่าได้เชื่อแต่แรก ให้ตั้งคำถามในจิตต่อไป ถึงเหตุ ถึงผล เพื่อประกอบการตัดสินใจ แล้วจึงใช้ปัญญาไตร่ตรองดูด้วยความรอบคอบ ว่ามีเหตุมีผลมีความเป็นไปได้สมควรเชื่อถือได้จริงหรือไม่ ถ้า เห็นสมควรจึงเชื่อและทดลองดูว่าจริงหรือไม่

    เมื่อฝึกบ่อยเข้าทำบ่อยเข้าไม่ช้า จิตจะเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ เมื่อมีคำถามเกิดขึ้นในจิต ญาณเครื่องรู้ ตัวรู้ จะมีคำตอบให้โดยไม่ต้องคิด และข้อมูลข่าวสารที่รู้นั้นมีปริมาณ รวมทั้งความรวดเร็วในการส่งต่อเข้าสู่จิตสูงกว่าการคิดมากๆ เมื่อท่านทำได้แล้วจะเข้าใจเอง ครับ

    เมื่อได้เข้าถึงแหล่งสรรพวิชาเหล่านี้ได้แล้ว และได้ความรู้จนเป็นที่พอใจ ก็จงยกจิตอาทิสมานกายกลับไปยังพระนิพพาน กราบลาสมเด็จพระจอมไตรพิชิตมารที่พระนิพพานพร้อมทั้งทุกๆท่านผู้มีพระคุณ แล้วทิ้งอาทิสมานกายของตนให้สถิตอยู่บนวิมานของตนเองบนพระนิพพานครับ

    ขอให้ทุกท่านใช้สรรพศาสตร์นี้ในทางสร้างสรรค์เพื่อการสร้างบารมีของท่านเองครับ ความรู้ของแต่ละท่านอาจรู้เห็นไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน ตามบารมีตามหน้าที่ครับ ผมเองก็ยังรู้ไม่มากครับ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้เรียนรู้ครับ
    วิชานี้จะเป็นประโยชน์นอกเหนือจากการที่ท่านจะใช้กำลังใจถามพระเบื้องบนท่านครับ ซึ่งเน้นวิชาทางธรรม ส่วนวิชชานี้เหมาะกับการถามสรรพวิชาที่เราจะนำไปใช้ทางโลกครับ

    ขอกราบโมทนาในผลแห่งการปฏิบัติและการนำไปใช้เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมของทุกๆท่านครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...