แต่ถ้าเขาไม่ใช่คู่ปรับกับเรา ก็ต้อง อุเบกขา ล่ะค่ะ
วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.
หน้า 82 ของ 166
-
-
(คุณนาคามูระ อธิบายยาวอีกนิดก็ดีนะคะ... เผื่อท่านอื่นที่ไม่เข้าใจ จะได้กระจ่างขึ้นค่ะ ขอบคุณค่ะ) -
นำข้อนี้มาฝึกวิปัสนา รู้เท่าทันน่าจะดี เช่น
ถ้าชอบกินอาหาร อันนี้ ก็ลองพิจารณาดูว่า ชอบเพราะอะไร เมื่อชอบแล้วก็ลองยกให้คนอื่นหรือไม่กิน ก็จะรู้สึกไหมว่าเสียดาย หรือ มีความสุข ที่เห็นผู้อื่นได้ไป
ถ้าชอบรส และ รูป กลิ่น อาหาร ก็ จงลอง ทำลายรสลงเสีย
อาจนำมาคลุกกันทุกอย่าง เหมือน ที่ พระภิกษุบางรูป ได้ ปวาราณาฉันในบาตรอย่างเดียว นำ ข้าว แกง ขนม น้ำ มาคลุกกัน
แล้วพิจารณา ไม่ต่างจากเศษอาหาร ที่ได้กินเหลือ แล้ว มอบให้เป็นทานแก่สัตว์ที่หิวโหย ซึ่งสัตว์เหล่านั้น ก็อาศัยกินเพื่อประทังชีวิตไปเท่านั้น
มนุษย์ก็คงไม่ต่างกัน
ความเพลิดเพลินในการกินมากเกินพอดี
นำมาซึ่งความทุกข์
...
ถ้าทำได้ ก็จะทำให้วิปัสนาเรื่องนี้ กล้าแข็งขึ้น
โดยใช้ร่างกายของเราเป็นผู้ทดสอบเองครับ -
อนุโมทนาด้วยค่ะ -
ขอโมทนาที่ทุกท่านได้น้อมนำเอาธรรมของพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไปปฏิบัติ และปรับใช้ให้ตรงกับจริต และกำลังใจ กำลังปัญญาวิวัสนาญาณของตน เพื่อผลแห่งการปฏิบัติ
ทั้งยังเผื่อแผ่เอื้อเฟื้อในธรรมต่อกัลยาณมิตรทั้งหลายด้วยจิตอันเป็นกุศล
ขอให้ความก้าวหน้าเจริญในธรรมจงมีต่อทุกๆดวงจิต เพื่อเป็นประทีปแก้วส่องประกายจากภายใน ออกไปยังทุกๆดวงจิต ของสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากวัฏฏสงสารถึงซึ่งพระนิพพานในที่สุดด้วยเทอญ -
พวกนี้ก็ขี้วัวขี้ความทั้งนั้น หมูเห็ดเป็ดไก่มีตับไตไส้ปอดนำ้เลือด นำ้หนองมันสะอาดไหมนึกไปกินไป คิดไปว่ากินแล้วให้ทุกข์ปวดท้องมันสบายไหม กินมากอึดอัดทุกข์อีก
มันหมดอยากไปเอง สำหรับน้องพัฒนาตน ผมใช้ตรงนี้ลดนำ้หนักได้ร่วมเกือบ50กิโล ปล.เห็นแกกินเหมือนกัน อิๆ(rose) -
นี่แหละค่ะ ผลดีของการมีกัลยาณมิตร...
แค่ข้ออาหาเรฯ ข้อเดียว... แยกวิธีการพิจารณาได้มากมาย...
ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันแบบนี้ในทุกๆ เรื่อง... พวกเราคงหาวิธีการแก้ปัญหาได้ไม่รู้จบจริงๆ... ดีจริงๆ เลยค่ะ...
อนุโมทนาด้วยค่ะ -
ใช่ครับวิสัชนาร่วมกับกัลยาณธรรมมิตร
ย่อมเกิดประโยชน์
...
เรื่องนี้แต่ละท่านหาทางพิจารณาให้ถูกกับจริตแต่ละบุคคลไปครับ
เข้มบ้าง อ่อนบ้าง
ส่วนเรื่องน้ำหนักลดหรือเพิ่มนั้น มันเป็นปลายเหตุ
ซึ่งก็นำมาพิจารณา กายเราได้เหมือนกันว่าเป็นไตรลักษณ์
เพราะเกิดจากการกินแบบนี้นี่เอง
ร่างกายที่เป็นอยู่
ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมีน้ำหนักเพิ่ม เป็นธรรมดา
...
พระบางรูป ท่าน พิจารณาถึงรสมูตร และ คูถ เพื่อพิจารณาอาหาเรฯ
ปล่อยวาง
ว่าสิ่งที่มีรสชาติน่ากินเอร็ดอร่อยนั้น
เมื่อผ่านร่างกายเราแล้ว
ก็กลายเป็นของไม่น่ากินไม่น่าอร่อย ไปทั้งหมดทั้งสิ้นนั้นเอง
พิจารณา เพื่อให้เกิดปัญญา ในการละกิเลสลงไป
...
อีกอย่าง
สำหรับร่างกายที่มีน้ำหนักมาก ก็ใช่ว่าจะเชื่องช้าไปตามน้ำหนักตัวเสมอไปครับ
ผมอ่านเจอผ่านตาในคำตอบของคุณคณานันท์ และน้องชัช นะครับในกระทู้ฯ
ในเรื่องการบังคับจิต
จิตสั่งกายให้วิ่งไว
ไวเหมือนลูกธนูพุ่ง แล่นจากคัน ใช่ว่าจะทำไม่ได้
แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนเท่านั้นเองครับ -
มีความสุขจังเลยเนอะมีพี่น้องที่เป็นห่วงใยกันแบบนี้ ความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงนี้เองครับ หากต้องเดินหลงทาง ก็มีคนนำทางไปหาทางออกเสมอ....**
_________________________________________
ขอยึดมั่นในธรรมอันประเสริฐ ธรรมก่อเกิดปัญญาอัชฌาสัย
นำมาซึ่งความบริสุทธฺแห่งจิตใจ กิเลสไซร้สูญสิ้นถึงนิพพาน<!-- / message --> -
วันเสาร์ที่ 15 นี้ จะมีการจัดฝึกสมาธิ โดยเป็นคอร์สพิเศษสำหรับเด็กๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้และเติบโตขึ้นอย่างมีคุณธรรม จะได้มาช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาและประเทศชาติในอนาคตต่อไป ผู้ใหญ่จะได้พักกันบ้าง อิอิ
ท่านใดมีลูกเด็กเล็กแดง อายุ เกิน7ปี หรือไม่ดื้อ ขอเชิญพามาฝึกกันได้
ที่สวนลุมพินี นัดเวลา9โมง ที่ศาลาแปดเหลี่ยม *บนเกาะลอย* หากมีใครอยากมาก่อนก็ได้
โดยเนื้อหาจะมี
-ลมสบาย
-เมตตา
-กสิณ
-อรูป
-มโน
-อารมณ์เบาสบาย และอารมณ์พระนิพพาน
*หากมีเวลาจะสอนเกี่ยวกับร่างกายเพิ่ม เพื่อเตรียมตัวสำหรับภัยพิบัติ
เด็กสมัยนี้เรียนรู้เร็ว สามารถฝึกได้อย่างรวดเร็วทุกๆคน
ผู้ใหญ่ท่านใด อยากจะกลับมาทำตัวใสๆ น่ารักๆแบบเด็กๆบ้าง ก็ขอเชิญมาฝึกด้วยกันเลยนะครับ -
ได้เหมือนกัน ไม่มีปัญหาเลย ใครอยากเป็นเด็กอีก ขอเชิญเลยนะครับ
ของพี่ถ้าไม่ได้ไปไหนจะแอบไปให้สอนด้วยนะน้อง :cool: -
-
อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ธรและน้องนัทค่ะ..
คงกระตุกใจใครได้หลายคน ถ้าไม่ปิดใจให้มืดบอดกับกิเลสที่เข้ามาสิงใจอยู่
การยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและตั้งใจแก้ไข เป็นหนทางของปัญญาชน
ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งต้องคอยสอดส่องจิต...ของตัวเอง อย่าให้กิเลสเข้ามาฝังรากในจิตหมั่นหา หมั่นดู หมั่นถอดถอน ....จิตกระจ่างใส ความเป็นทิพย์อันประเสริฐจะปรากฎโดยไม่ต้องเที่ยวไป"อยาก" ได้เหมือนใครๆเขา -
การทำสมาธิก็เหมือนกัน ถ้าละไม่ได้ วางไม่ได้ ก็ไม่ต้องทำแล้วสมาธิ
กิเลสมันเก่ง ยิ่งถ้าละไม่ได้ก็จะมีความอยาก อยากได้สมาธิขั้นโน้น ขั้นนี้
กิเลสมันละเอียดขึ้น พอได้ขั้นนี้ จะเอาขั้นนั้น กิเลสมันตามติด
ถ้ายังวางไม่หมดก็มีความอยากอยู่เรื่อย นั่นแหละต้องปลด ปล่อย วาง ละให้หมด
เป็นคำสอนของหลวงปู่ที่บ้านรามคำแหงค่ะ...คิดว่าคงจะมีประโยชน์ เป็นแนวทางในเรื่องการวางกำลังใจที่ถูกต้อง -
นักปฏิบัติธรรม ต้องไม่เป็นผู้ละโมบ ในความหลุดพ้นครับ
หมายความว่าเราไม่ต้องไปอยากได้ความหลุดพ้น
เพราะถ้าเราอยากหลุดพ้นปุ้ป ตัวอยากก็จะมาขวางการหลุดพ้นแล้วครับ
ไม่มีใครที่อยากบรรลุแล้วจะบรรลุซักคน
ก็ต่อเมื่อที่เราเลิกอยากแล้ว เราจึงจะบรรลุเท่านั้น
เพราะการหลุดพ้นที่แท้จริง คือการวางให้หมด และเลิกอยาก
แต่ให้เราใช้อธิษฐานเอาครับ เพราะเป็นหนึ่งในบารมีทั้ง10
อธิษฐานว่าขอให้เราหลุดพ้น ในเวลาที่เราทำความดี เมื่อถึงวาระอันสมควรก็จะหลุดพ้นเอง
อธิษฐานกับอยากนี่คนละตัวกันนะครับ ให้ลองไปสังเกตุดู
อธิษฐานแล้วสบายใจ อยากปุ้ปทุกข์ปั้ป
พวกเราไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อเป็นซุปเปอร์แมนนะครับ
ซุปเปอร์แมนยังต้องทุกข์อยู่
พวกเราไม่อยากทุกข์จึงปฏิบัติธรรม
ซุปเปอร์แมนเป็นเพียงผลพลอยได้ จากการไม่ทุกข์อีกต่อไป -
Xorce said: ↑นักปฏิบัติธรรม ต้องไม่เป็นผู้ละโมบ ในความหลุดพ้นครับ
หมายความว่าเราไม่ต้องไปอยากได้ความหลุดพ้น
เพราะถ้าเราอยากหลุดพ้นปุ้ป ตัวอยากก็จะมาขวางการหลุดพ้นแล้วครับ
ไม่มีใครที่อยากบรรลุแล้วจะบรรลุซักคน
ก็ต่อเมื่อที่เราเลิกอยากแล้ว เราจึงจะบรรลุเท่านั้น
เพราะการหลุดพ้นที่แท้จริง คือการวางให้หมด และเลิกอยาก
แต่ให้เราใช้อธิษฐานเอาครับ เพราะเป็นหนึ่งในบารมีทั้ง10
อธิษฐานว่าขอให้เราหลุดพ้น ในเวลาที่เราทำความดี เมื่อถึงวาระอันสมควรก็จะหลุดพ้นเอง
อธิษฐานกับอยากนี่คนละตัวกันนะครับ ให้ลองไปสังเกตุดู
อธิษฐานแล้วสบายใจ อยากปุ้ปทุกข์ปั้ป
พวกเราไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อเป็นซุปเปอร์แมนนะครับ
ซุปเปอร์แมนยังต้องทุกข์อยู่
พวกเราไม่อยากทุกข์จึงปฏิบัติธรรม
ซุปเปอร์แมนเป็นเพียงผลพลอยได้ จากการไม่ทุกข์อีกต่อไปClick to expand...
แต่ตอนแรกๆ พี่นั่งสมาธิเพราะจะเป็นซุปเปอร์แมน เลยแหละ 555555
พอสมองอันน้อยนิดเริ่มจะซึมซับธรรมะกับเขาบ้าง ก็พอจะละวางได้บ้าง
ยิ่งพอทำได้ แต่กลับไม่นึกอยากไปเห็นเลยแหะ ก็แปลกดี ตอนยังไม่เห็น
กลับอยาก คนเรานี่ก็แปลกดีเหมือนกันแหะ ^-^ -
วันนี้ไปหาแม่ที่บ้าน คุยกับแม่เรื่องฤทธิ์ทางใจ
บอกให้แม่นึกถึงพระพุทธชินราช ให้นึกว่ากราบท่าน และให้นึกว่ามีบัวแก้ว (สวยๆเหมือนบัวชวาร็อฟสกี้) ออกมาจากมือ และน้อมถวาย
คิดว่าแม่นึกตามได้แล้ว
แม่บอกว่าโอ๊ยทำไม่ได้หรอกมโนอะไร
แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าแม่ ..นึกออก.. แต่ไม่เห็น..
เลยบอกให้ไปไหว้ครูเสีย แม่ก็เฉไฉไปเรื่องอื่น
หลวงพี่เล็กบอกฤทธิ์ทางใจเป็นเรื่องง่ายๆ...เลยบอกให้คนถวายบัวแก้วที่พระนิพพานมาหลายคนแล้ว
ใครตอบหน่อยได้ไหมคะว่าเจดีย์พระจุฬามณีเป็นสีขาว ทรงคล้ายพระปฐมเจดีย์ มียอดเป็นรูปดอกบัวหรือเปล่า (คิดว่ามีฉัตรทองอยู่ข้างบนบัวอีกทีน่ะค่ะ) -
ตุ๊กตาแก้ว said: ↑อนุโมทนาบุญกับอาจารย์ธรและน้องนัทค่ะ..
คงกระตุกใจใครได้หลายคน ถ้าไม่ปิดใจให้มืดบอดกับกิเลสที่เข้ามาสิงใจอยู่
การยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและตั้งใจแก้ไข เป็นหนทางของปัญญาชน
ยิ่งปฏิบัติ ยิ่งต้องคอยสอดส่องจิต...ของตัวเอง อย่าให้กิเลสเข้ามาฝังรากในจิตหมั่นหา หมั่นดู หมั่นถอดถอน ....จิตกระจ่างใส ความเป็นทิพย์อันประเสริฐจะปรากฎโดยไม่ต้องเที่ยวไป"อยาก" ได้เหมือนใครๆเขาClick to expand... -
ในหลายๆคนย่อมต้องได้รับการทดสอบในการปฏิบัติรรม จากกิเลสของตัวเอง
และการวางกำลังใจให้ถูกทาง สิ่งยั่วยุต่างๆทางโลกช่างเย้ายวนให้ชวนหลงใหล
แต่เราทั้งหลายที่ยึดธรรมเป็นสิ่งขัดเกลาจิตใจแล้ว ย่อมไม่จมไปกับกับโลกเหล่านั้น...
ช่วงนี้ผมเซ็งมากเลยครับ เพื่อนเอาอีสุกอีใสมาติด โรคที่ผมกลัวมากที่สุดยิ่งกลัวยิ่งเจอจนได้ แรกๆผมใจเย็นแต่หลังๆอารมณ์โกรธประทุ ความโกรธที่กดไว้เริ่มออกมาทำให้ผมมีอารมณ์โกรธชิงชัง อยากทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้
แต่ผมไม่แสดงออกมาน่ะครับ เพราะผมใช้สมาธิกดไว้ ผมคงเลวมากเลยที่ปฏิบัติธรรมมาแทบตายก็แพ้ความโกรธซะนี่ คิดแล้วกลุ้มครับ แต่ก็ยังไหวครับ.....*-*
_________________________________________
ขอยึดมั่นในธรรมอันประเสริฐ ธรรมก่อเกิดปัญญาอัชฌาสัย
นำมาซึ่งความบริสุทธฺแห่งจิตใจ กิเลสไซร้สูญสิ้นถึงนิพพาน -
Get well soon! Korn.
หน้า 82 ของ 166