วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สะกิดใจอย่างแรง หลายวันมานี่นอนดึกไม่ได้ทำสมาธิเลย จับลมก็ไม่สบาย
    ไม่เบา พอกระทุ้งที ก็เลยขึ้นไปข้างบนตะกี้ จับอารมณ์สบาย เด๋วจะลืม
    ขอบใจหลาย ที่ช่วยกระตุ้น
     
  2. ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    พูดถึงความเลวของตัวดิฉันเองมีเยอะค่ะ เพราะตัวเองมีความทิษฐิมานะ ความมักโกรธ ความดื้อรั้นเอาแต่ใจตนเองเยอะค่ะ บางครั้งมีคนมาเตือนก็ยังไม่ยอมรับคือเหมือนปิดกั้นตัวเองเอาไว้ก่อน พอค่อยๆมาพิจารณาแล้วเป็นอย่างที่เขาว่าจริงไหม บางครั้งก็ยอมรับ บางครั้งก็เข้าข้างตนเองไว้ก่อน ส่วนมากจะเป็นอย่างหลังบ่อยมากกว่า เลยทำให้คนอื่นเดือดร้อนบ่อยๆ พอมาเจอกระทู้ของพี่คณานันท์ พี่ธร และของท่านอื่นๆ แล้วมาอ่านมาพิจารณา จึงทำให้คิด
    ขึ้นมาว่าอืมเรานี่ เป็นคนที่เลวมากๆ ที่ทำอะไรไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังแล้วทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ตอนนี้มาสำนึกว่าจะพยายามปรับปรุงตัวเองให้มากขึ้น
    จะขัดเกลาจิตใจให้มากขึ้น สิ่งไหนที่ไม่ดีจะไม่ขอทำเด็ดขาด จะทำความดีให้มากขึ้นค่ะ
     
  3. ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ถ้าหากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินพระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์ โดยเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี ไม่รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี โดยมีอวิชชา กิเลสตัณหา อุปกิเลส ซึ่งทำให้ประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน ขอให้พระรัตนตรัยและครูบาอาจารย์ได้โปรดเมตตาอดโทษต่อข้าพเจ้าด้วยเทิญ หากข้าพเจ้าได้ล่วงเกินทุกๆท่านที่เป็นสมาชิก ได้ล่วงเกินทางกาย วาจา ใจ โดยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี ไม่รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี ข้าพเจ้านี้กราบขอขมาอภัยที่ได้ล่วงเกินไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
     
  4. Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ขอบคุณ คุณNattadetด้วยครับ ผม PM ไปให้คุณธรทราบแล้วครับ
     
  5. พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ทุกคนกระตือรือร้นที่จะปฏิบัติให้ดียิ่งๆขึ้นไป ขออนุโมทนาด้วยน่ะครับ
    สำหรับผมเองยังเลวอยู่มาก แต่ก็จะทำดีต่อไปเรื่อยๆ อย่างถูกทางเป็น สัมมาทิษฐิ และจะวางอุเบกขาให้มากกว่าเดิม ครับ หุ หุ
     
  6. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มาเล่าเรื่อง ความผิดพลาดในการปฏิบัติให้ฟังแล้วกันครับ

    เอาเรื่องแรกก่อน

    เป็นเรื่องที่ตัวผมเองเกิด วิปัสนูปกิเลส เรื่องนี้เกิดกับผมสมัยที่ยังบวชอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร

    เป็นพระนวกะ (พระบวชใหม่) ปฏิบัติเอง อ่านศึกษาเองจากหนังสือ ธรรมมะ (ยังไม่รู้จักหลวงพ่อฤาษี และวิชามโนมยิทธิ) สมัยนั้นส่วนใหญ่อ่านของท่านพุทธทาส และสายพระป่าหลวงปู่มั่น ลุยอ่านไปเกือบครบทั้งห้องสมุดของวัด

    วันหนึ่งเกิดสงสัย อยากเป็นพระโสดาบัน ก็เลยเรียนถามพระเถระใหญ่ท่านซึ่งท่านได้ปธ. 9 เรื่องพระโสดาบัน

    ท่านตอบกลับมาว่า "หน้าอย่างเราชาตินี้ไม่มีวันได้หรอกพระโสดาบัน "

    ผมก็ลากลับมาที่คณะ พอบ่ายหลับไป ก็ฝันว่า เห็นหลวงจีนรูปจำนวนมาก เดินเรียงแถวเพื่อนมัสการพระเจดีย์ใหญ่ ข้างบนเจดีย์มีระฆัง และเราก็ไปเห็นหลวงจีนรูปหนึ่งก็ยืนมองหน้ากันเหมือน ส่องกระจก

    พอค่ำทำวัตรเย็น ก็ทำสมาธิ(ซึ่งปกติก็ได้มั่งไม่ได้มั่ง เหมือนทำส่งเดชมากกว่า) ปรากฎว่าวันนั้น จิตบังเอิญตั้งมั่นมาก นั่งไปเกิดมีนิมิตรเห็นธรรมจักร สีทองสว่างอยู่ในจิต พร้อมมีเสียงบอกมาในจิตว่า "ธรรมจักรเริ่มหมุนแล้ว หนทางหลุดพ้นนี่คือ มรรคมีองค์แปด "

    พอสิ้นเสียงปั๊ป เท่านั้น จิตเราก็ระเบิดออกจักรวาลสท้านสะเทือน จิตสว่าง เกิดปิติละลอกแล้วละลอกเล่า มีความสุขปิติอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งสมาธิก็ตั้งมั่น จิตแนบในวิปัสนาญาณอยู่ตลอดเวลา

    เห็นสิ่งใดก็ตามจะมีตัวรู้คอยบอก คอยสอน เทียบในอนิจลักษณะ อยู่ตลอดทุกเวลา

    ตอนนั้นสุขมากจน ไม่อยากสึกอีกแล้ว เพราะจิตทรงในมหาสติเต็มรอบ ตลอดเวลา หากไม่ทรงมหาสติปัฐฐาน ก็เจริญเมตตาพรหมวิหาร อย่างแนบแน่น ตอนนั้นก็ได้พูดคุยให้พระเพื่อนๆฟังว่าพบเจออะไรในการปฏิบัติ ก็กลายเป็นที่ทราบกันไปหมดทั้งวัด จน มีพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งซึ่งท่านภูมิธรรมสูง จะจัดให้ได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลสมเด็จพระสังฆราช (ซึ่งท่านเป็นอุปัชฌาย์) เพื่อขอประทานคำแนะนำในการปฏิบัติ

    ตอนนั้น เราก็เกรงใจท่านอย่างยิ่ง ไม่กล้าไปกราบรบกวนท่าน เพราะเราเป็นพระเด็กๆ ท่านมีพระราชกิจมากมาย เรามิบังอาจรบกวนท่านด้วยเรื่องของเรา (แต่ท่านก็ทรงเมตตามาสอนในฝันอยู่เสมอๆ)

    พอช่วงที่จิตแนบในอารมณ์วิปัสนาญาณ มีช่วงหนึ่งที่ไปตั้งสัจจะเอาไว้ บางข้อ ว่าจะลดอาหาร ไม่ฉันอาหาร (เป็นความโง่ที่ไม่รู้จัก ทางสายกลางของตนเองว่าอยู่ที่จุดใด)

    ก็ปรากฏว่า พอหยุดอาหารได้ สามวันเท่านั้น จิตที่ทรงสติปัฐฐานสี่ตั้งมั่นเต็มที่ก็เจ๊ง อารมณ์ที่แนบในวิปัสนาญาณ ก็หายไป (ตอนนั้นไม่รู้จักอารมณ์ใจ หนัก อารมณ์ใจเบา ลมสบาย ก็ยังไม่ได้)

    พอเริ่มเสื่อมก็ปรากฏว่ามี เสียงบอกในจิตว่า "เราบรรลุโสดาบันแล้ว" พร้อมกับมีปิติติดตามมา อีกหลายต่อหลายครั้ง

    คราวนี้ไอ้ความเลวของจิตก็ปรากฏ เพราะความโง่ ความระยำของตนยังมีมาก ก็เชื่อทันทีว่าเราบรรลุธรรมไปแล้ว ดีไม่ไปบ้าว่าตนเองเป็นพระอรหันต์

    มาระลึกดู แล้วไอ้การไม่มีครูบาอาจารย์ก็ดี ไอ้ความโง่ ความอ่อนหัดในการปฏิบัติก็ดี ไอ้ความหลง มานะทิษฐิก็ดี ล้วนทำให้เกิด วิปัสนูปกิเลส

    แต่เราเองนั้นก็ได้ประโยชน์จากมันด้วยเช่นกัน เราได้รู้ว่า "ผิด"เป็นอย่างไร อาการที่กำลังจะเกิดเป็นอย่างไร เกิดแล้วมีอาการอย่างไร และวิธีแก้ไขมีอย่างไร

    ตัวผมเองกว่าจะแก้อาการของตนได้ ก็ใช้เวลานับเดือน แต่กลับมาได้โดยไม่ถึงขั้นสัญญาวิปลาส ก็นับว่าเป็นโชคดีของตนเองแล้ว

    ดังนั้น ขอให้ทุกท่าน
    -อย่าได้ประมาทในการปฏิบัติ ยึดหลักครูบาอาจารย์ท่านเอาไว้

    -หากรู้สึกว่าตนเองดี ตนเองเก่ง ตนเองวิเศษ เมื่อไร เราเลวเมื่อนั้น

    -จงยึดหลัก ลมสบาย จิตสบายเข้าไว้ ทางสายกลางคือจิตสบาย และตั้งมั่น

    -เราปฏิบัติเพื่อการละวาง เลิกอุปกิเลส คลายมานะทิษฐิ ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อยึด เพื่อเกาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อดีตชาติภพภูมิเก่า

    -ญาณเครื่องรู้ทั้งหมดเราต้องพิจารณาดูด้วยจิตที่เป็นอุเบกขา อย่าไปยึด อย่าไปปรุงแต่งต่อ รอดู รอพิจารณา ว่าจริงหรือเท็จ

    -วิชามโนมยิทธิ หลวงพ่อให้หลักว่ามีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือในการ ตัดกิเลส ใช้พิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่า พระนิพพานมีสภาวะเช่นไร สวรรค์มีจริง นรกมีจริง บาปกรรมมีจริง เพื่อความเป็นสัมมาทิษฐิ ไปจนถึงความเป็นพระอริยะเจ้า ดังนั้น พึงใช้ให้เกิดประโยชน์ตามวัตถุประสงค์

    ขอกราบขมาพระรัตนไตรในความเลว ความชั่ว ความโง่ของข้าพเจ้าด้วยเทอญ ข้าพเจ้าสิ้นพยศในคุณครูบาอาจารย์ อันมีพระรัตนไตรเป็นสรณะสูงสุด ตลอดกาลตลอดสมัย ตราบเท่าเข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
     
  7. pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    ขอโมทนาใน สัมมาความคิดเห็น สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญาด้วยครับ
    ผมเห็นด้วยกับพี่คนานันครับหลวงพ่อท่านเคยเทศน์สอน
    ให้ชำระใจตัวเองให้ใสเป็นประกายอยู่เสมอ ่เพ่งโทษตังเองเสมอ หากจะรู้ต้องชำระใจเสียก่อน ผมน้อมนำปฏิบัติเสมอมาและเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
    จะถือตังเองยังไงครับ
    ผมสะสมความเลว ความโง่ไว้มาก
    ป่านนี้ยังไม่ได้อะไรเลยครับ คนเรา หรือหมูเห็ด
    เป็ดไก่มันก็เกิดมาใช้กรรมเมือนกันกรรมดีสนองก็ดีอย่างพี่ๆน้องๆในเวป
    กรรมชั่งสนองหรือเขาไม่ได้ทำมาก็ไม่เข้าใจเห็นผิด โลกมันก็เป็นอย่างนี้ เข้าใจแล้วเห็นอะไรต่อมิอะไรก็จะเข้าใจ เห็นแมลงสาบเห็นอะไรก็มีความสุขมากๆนะคุณ
    เรามันเกิดแก่เจ็บตายไม่ต่างกันชดใช้กรรมเสมอกัน(y) อยู่ไปเพื่อชำระความเลวให้หมดเสียที
    ทำหน้าที่เหรือทุกอย่างเพื่อมรรคผลนิพพานและ ถ้าช่วยแนะนำได้เราก็นำคำพระรัตนตรัยมาบอกเขา หากเขาได้ดีก็ยินดี หากเกินกว่ากฎเเห่งกรรมไม่อาจฝืนเฉย ดูศีล ดูนิวร5 ใคร่ครวญความวิปัสนาณานให้เเจ่มใสอยู่เสมอ ทำกิจการงานให้ลุล่วง
    มีความอดทนและสู้ไม่ย่อท้อเมื่อกรรมกระหนำ่เข้ามา อยู่ก็สักแต่ว่าอยู่ตายเราขอไปนิพพาน พิจารณาทรงจนครบ
    ไม่รู้มีอะไรให้ถือ ไม่มีอะไรให้เพ่งโทษ;)
     
  8. Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
    ไปทริปเชียงใหม่มาุ ถ่ายรูปคำสอนของหลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่อง มาฝากไว้พิจารณาธรรมกัน
























     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Nakamura Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,002
    ค่าพลัง:
    +17,625
  10. nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
  11. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มรณะสัญญา


    เมื่อคืนก่อนเดินทางไปงานผ้าป่าที่ปรียนันท์ธรรมสถานนั้น คุณแม่ผมไม่สบายมีอาการไอ และต้องเข้าโรงพยาบาลในคืนนั้นตอนเที่ยงคืน

    เราเองก็พอทราบบ้างอยู่ว่า บางครั้งอาการป่วยไข้ไม่สบายนั้น บางครั้งเทวดาบ้าง เจ้ากรรมนายเวรบ้าง พญายมราชบ้างท่านมาเมตตามาแสดงธรรมเพื่อยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ไม่ประมาทในการทำความดี ไม่ประมาทในการทำบุญ ทำกุศล

    พอกลับมาจึงทราบว่า คุณแม่ได้เล่าให้ฟังว่า ไปนอนที่โรงพยาบาล แล้วโดนกระตุกที่นิ้วเท้า (แต่มีอย่างอื่นที่ไม่ยอมเล่าอีก)

    ผมเองก็ได้คุยกับแม่บ้านที่ดูแลแม่ว่า ทางนั้นเขามาเตือนแล้ว ช่วยคุยกระตุ้นเรื่องบุญกันหน่อย ซึ่งทำให้คุณแม่ก็เกิดอยากที่จะทำบุญสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทันใจ ขึ้นมา


    ต่อจากนั้น เช้าวันไปเททองหล่อพระเปิดโลก คุณแม่ยืนแปรงฟันอยู่ ดีๆ อยู่ๆ ก็เกิดสลบ ขาอ่อน ทวารเปิด อุจจาระ ปัสสาวะไหลออกมา ตาเหลือกกลับไปด้านหลัง

    น้องชายตะโกนเรียกทุกๆคนให้ลงมาดู (วันนั้น น้องนาคามูระมาค้างที่บ้านด้วยพอดี แต่ไม่ได้ยิน) พอไปถึง ก็ไม่รู้สึกตัว มือเย็นเท้าเย็น แขนขาอ่อนตกไปแล้ว

    ผมก็ได้จับมือถ่ายพลังให้ และก็เปรยๆว่า"ขอทำให้ได้ทำบุญก่อน"

    จากนั้นก็อุ้มแม่ไปนอน บนเตียง ขอบารมีพระท่านคุ้มครองให้ได้มีโอกาสทำบุญใหญ่ สำคัญๆก่อน แม่ก็อาการดีขึ้นจนเป็นปกติ แต่จำไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับตนเองบ้าง

    มาวันหลังๆ แม่จึงได้เล่าให้ผมฟังว่าในคืนที่ก่อนไปโรงพยาบาลนั้น แม่เห็น

    "คนรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ นุ่งผ้าถกเขมร มายืนดูอยู่ที่ปลายเตียง"

    เราซึ่งพอทราบอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งกระตุ้นให้แม่ทำบุญสำคัญๆ และโมทนาบุญที่ลูกๆ ได้ทำทำมาด้วย

    เรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องแปลกที่คุณทวดหญิงของผมเอง ก็ได้เห็นว่ามี คนมารับในแบบเดียวกันนี้เช่นกัน

    ที่นำมาเล่าให้ฟังก็เนื่องจากต้องการให้ธรรมทานกับทุกๆคน ได้ไม่ประมาทในความตาย


    เราไม่รู้ว่าเราจะตายมื่อไหร่ ลักษณะอาการตายอย่างไร แต่เราทุกๆคนต้องตายแน่นอน

    เมื่อเราเห็นความตายใกล้ตัวแล้ว ก็จงอย่าได้ประมาทในการทำดี การปฏิบัติอบรมจิต

    และสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ต้องคิดได้แล้ว ว่า เมื่อเราตายแล้ว เราจะไปที่ไหน บุญเสบียงเลี้ยงตัวมีหรือยัง

    ถ้าเราเองต้องตายเวลานี้ วินาทีนี้ เราพร้อมไหม

    เห็นยมทูตท่านมาหาแม่แล้ว เราเองก็ต้องน้อมไปด้วยว่าเหมือนท่านมาสอนกรรมฐาน มรณานุสติให้เรา ด้วยไม่ให้ประมาทในชีวิต ยังชีวิตของเราให้เนื่องอยู่ในกุศล ในบุญ ในความดีเข้าไว้

    สมบัติทั้งปวงเรานำไปไม่ได้ ร่างกายนี้เรานำไปไม่ได้ บุตร บริวารเราก็นำไปด้วยไม่ได้ นำไปได้เพียงบุญกุศลคือความดีเท่านั้น หากยังเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่

    และหากเราจะตัดการเกิด มุ่งสู่พระนิพพานเอาไว้ ก็จะเป็นที่สุดแห่งการดับทุกข์ทั้งปวง

    อาการที่ธาตุไฟ แตก ทวารเปิด อันเป็นเครื่องหมายนิมิตร แห่งความตายนั้น เป็นวาระที่เจ้าตัวเองต้องทรงจิต ตั้งใจมุ่งไปยังภพภูมิหน้าของตนเองแล้ว หากตั้งเป้าพระนิพพานก้ต้องทรงจิตอยู่บนพระนิพพานไว้

    หรือหากมุ่งสวรรค์สมบัติก็รำลึกถึงบพระพุทธเจ้า รำลึกถึงบุญกุศลที่เคยทำมาเอาไว้

    แต่จิตหากไม่เคยปฏิบัติ หรือเคยฝึกมาก่อนนั้น ย่อมเป็นไปได้ยาก เราปฏิบัติจิตกันก็เพื่อสิ่งนี้ เวลานี้ จังหวะ วาระนี้ เป็นสำคัญ ตัวเราเองต้องช่วยตัวเราเองก่อน ทำเองได้เอง คนอื่นทำแทนไม่ได้

    พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้รำลึกถึงมรณานุสติเอาไว้เสมอ ทุกลมหายใจ

    ผู้ที่ต่ออายุได้ ก็พึงต่อชีวิตเพื่อสร้างกุศลธรรมกรรมดี ไว้อย่าได้ประมาท ตั้งใจว่าชีวิตนี้อยู่เพื่อความดี เพื่อส่วนรวมเป็นสำคัญ

    ขอให้ทุกๆท่านได้เกิดปัญญา มีสติรู้ ในความไม่ประมาทในชีวิตกันและตั้งจิตเอาไว้กุศลทุกคนทุกท่านด้วยเทอญ.
     
  12. ชัยมงคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2007
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +2,473
    ผลบุญอันใดที่ข้าพเจ้าได้ทำมาขอผลบุญนั้นจงมีแก่คุณแม่ของ
    คุณคณานันท์ขอให้หายโรคภัยไข้เจ็บนะครับและน้อมใจ
    มาเดินทางธรรมพร้อมกับลูกๆและพวกเรานะครับ สาธุ
     
  13. sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    คุณลุงชัยมงคลกล่าวได้งามแล้ว ขอปรับใช้ด้วยคนค่ะ

    ผลบุญอันใดที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้ทำมา ขอผลบุญนั้นจงมีแก่คุณแม่ของคุณคณานันท์
    ขอให้ท่านหายโรคภัยไข้เจ็บ ดลบันดาลน้อมใจให้ท่านได้พบทางธรรมพร้อมกับลูกๆและพวกเราด้วยค่ะ สาธุ
     
  14. ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ข้าพเจ้าขออ้างคุณพระพุทธเจ้าโดยมีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ และบุญกุศลทั้งหลายที่ข้าพเจ้าและครอบครัวได้ทำมา ขอผลบุญนั้นจงมีแก่คุณแม่ของพี่คณานันท์ ขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บโดยเร็ววัน และขอให้มีสุขภาพแข็งแรงยิ่งๆขึ้นไปค่ะ ขอให้ธรรมรักษานะคะ
     
  15. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอกราบขอบพระคุณทุกๆท่านที่ มีเมตตาจิตห่วงใยในคุณแม่ของผมครับ


    พรุ่งนี้จะพาคุณแม่ไปถวายพระบรมสารีริกธาตุ ที่วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ และที่วัดพุทธไชโย หัวหิน

    ขอกลับจะเดินทางไปที่วัดบางกุ้ง อัมพวา สมุทรสงคราม เพื่อกราบเรียนพระอาจารย์องอาจ เรื่องจะ จัดสร้างพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมทันใจพร้อมๆกับถวายพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งกำหนดการ ประมาณ เดือนเมษายนหลังสงกรานต์ครับ

    โดยที่ประสงค์ให้เป็นมหากุศลต่อส่วนรวมเป็นหลัก และให้พวกเรา รวมทั้งคุณแม่ผม ได้เกาะบุญ เป็นอนุสติเอาไว้เป็นสำคัญครับ

    การสร้างพระสมเด้จองค์ปฐมทันใจนั้น ทางคุณแม่ได้เป็นเจ้าภาพครับ และได้เมตตาจัดรถตู้ฟรีให้พวกเราได้ไปร่วมบุญกันด้วย แบบเช้าไปเย็นกลับครับ

    กำหนดงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
     
  16. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ต่อไปเป็น การตอยปัญหาเรื่องแนวทางการปฏิบัติธรรมทางพีเอ็มที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นครับ

    โดยเป็นเรื่องความสงสัยว่า เราปฏิบัติแนวไหน สุขวิปัสโก หรือ อภิญญา
    แต่สิ่งสำคัญก็คือ หลักเดียวกันครับ
    ----------------------------------------------------------

    หลักสำคัญคือ มีไตรสรณะคมม์มั่นคงไม่แปรเปลี่ยน
    ทรงอารมณ์ใจสบาย (ลมหายใจสบาย)เอาไว้

    เวลาพิจารณาธรรม เพื่อการปล่อย ละ วาง (ซึ่งจะได้อารมณ์ที่เบาขึ้นไปอีก)

    เจริญพรหมวิหารสี่ให้จิตเราชุ่มเย็น สงบเอาไว้

    ที่สำคัญที่สุดก็คือ ทรงอารมณ์พระนิพพานเอาไว้เสมอ การถามพระเป็นอุบายในการทรงอารมณ์ในพุทธานุสติกรรมฐาน ที่สำคัญให้เราวางกำลังใจเอาไว้ว่า

    "เมื่อเราได้เห็นได้กราบพระพุทธเจ้าครั้งใด นั่นคือเรากราบพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานเมื่อนั้น"

    ตั้งไว้ดังนี้แล้ว จิตเราจะไม่คลาดจากอารมณ์พระนิพพานเลย ได้กำไรในการปฏิบัติหลายต่อ

    -ทรงพุทธานุสติกรรมฐาน
    -ทรงอารมณ์พระนิพพาน
    -ทรงฌาน

    ขอให้ก้าวหน้าในธรรมกันยิ่งๆขึ้นไปครับ[/quote]

    โดยxorce

    ขอแนะนำเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัตินะครับ
    -แนวทางการปฏิบัติแต่ละสายนั้นมีความต่างอยู่ตรงที่วิธีการละกิเลส
    -จุดประสงค์ที่หลวงพ่อให้ฝึกญาณรู้เห็นต่างๆ ไม่ใช่ว่าให้นำมาใช้เพื่อความสนุก เพื่อความบันเทิงใจที่เราสามารถรู้เห็นสิ่งต่างๆ
    -แต่ว่าให้ฝึกมาเพื่อให้เชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด ในกฏแห่งกรรม ให้เชื่อว่าที่เดียวที่มีความสุขก็คือพระนิพพานจริงๆ ที่อื่นไม่พ้นทุกข์
    -แต่ว่าคนส่วนมาก นำมาใช้ผิดวิธี ใช้ในสิ่งที่ไม่ควรจะใช้ (รวมถึงผมด้วย) ทำให้เกิดการยึดติด
    -ผมเคยเป็น...ยิ่งใหญ่หาผู้ใดสู้ไม่ได้ (แบบนี้ผิดแน่นอน)
    -ผมเคยเกิดเป็นสุนัขมาหลายชาติ เกิดเป็นหนอน แมลงมาหลายชาติ ลงนรกมาก็เยอะ เลวจริงๆเลย(ใช้เพื่อให้เบื่อการเกิด ใช้เพื่อละกิเลส คือจุดประสงค์จริงๆของหลวงพ่อ)
    -แนวทางการปฏิบัติทั้ง4สาย แท้จริงแล้ว เป็นความถนัดของแต่ละดวงจิตในการละกิเลส
    จะให้บางคนมาเชื่อพระพุทธศาสนาโดยไม่เห็นนรก มันก็ทำไม่ได้ หรือจะไม่นำอิทธิฤทธิ์มาล่อให้เขาสนใจธรรมะ บางครั้งก็ไม่ได้
    -ไม่ว่าจะปฏิบัติแบบใด ก็ต้องเผชิญกับการรู้เห็นเหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับเราว่าติดหรือเปล่า
    -เมื่อบรรลุธรรมแล้ว ส่วนมากวิชาเก่าจะรวมตัว ก็จะมีอภิญญา ญาณรู้เห็นเหมือนกัน
    -ญาณต่างๆจะใช้หรือไม่ใช้ พอฝึกถึงระดับหนึ่ง จะสายไหนก็มีเหมือนกัน
    -สุกขวิปัสสโก จะต้องเชื่อนรก เชื่อสวรรค์ เชื่อนิพพานเป็นเมืองแก้ว โดยไม่สามารถเห็นได้ล่วงหน้า
    การเชื่อโดยไม่เห็น เป็นเรื่องยากสำหรับบางคน
    -หากเรามุ่งที่จะไปนิพพาน เราก็จับแค่อารมณ์พระนิพพาน ญาณต่างๆจะไม่ต้องฝึกเลยก็ได้
    เพราะญาณต่างๆเป็นผลพลอยได้ จากการทำจิตให้สะอาดจากกิเลส

    ผมก็เคยคิดว่าผมเป็นวิสัยใด แต่ผมมาคิดทีหลังว่า ผมนั้นชอบปฏิบัติมั่วๆ เอามันทุกสาย
    อย่ายึดติดในสายการปฏิบัติเลยครับ พอเอาเข้าจริงก็มีแค่สายเดียวครับคือสายสัมมาทิฏฐิ

    หากที่เขียนมาผิดพลาด ก็ขออภัยด้วยครับ<!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    โดยคุณChdhorn

    ยังไม่คิดว่าทำให้การปฏิบัติธรรมก้าวหน้าหรือคะ? ยิ่งถ้าเทียบกับช่วงแรกที่ยังไม่ได้ลงมือฝึกเลย...

    ปฏิบัติไปเรื่อยๆ มีอะไรที่ติดขัด หรือไม่เข้าใจก็คอยถามอาจารย์เอา... ให้เวลาตัวเองอีกสักหน่อย... จิตจะรู้จะเห็น หรือไม่รู้ไม่เห็นอะไรก็ตามในช่วงนี้ ไม่ต้องสนใจ... หมั่นจับภาพพระให้ใสระยิบระยับ หมั่นขอขมาพระรัตนตรัย หมั่นอุทิศส่วนกุศล หมั่นแผ่เมตตา หมั่นจับลมสบาย ฯลฯ... อย่าลืมวางใจเบาๆ สบายๆ อย่าอยากรู้อยากเห็นอะไร...

    ทำไปอีกสักพัก... แล้วจะเข้าใจคำว่าก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมค่ะ
     
  18. kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>chdhorn<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก



    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 08:54 PM
    วันที่สมัคร: Oct 2007
    ข้อความ: 269 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 940 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 4,505 ครั้ง ใน 263 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 336


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->Re: สบายดีไหมครับ
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nuttadet
    หยุด เสาร์ อาทิตย์ ไปเที่ยวพักผ่อนที่ไหนหรือป่าว

    พอดีไม่รู้ยังไง ช่วงที่ผมไปฝึกปฏิบัติระยะเวลาผ่าน

    มาก็ไม่กี่อาทิตย์ แต่รู้สึกว่า ผมจะไวไปหน่อยเหมือน

    ข้ามขั้นหน่ะครับพี่ พอมาหลังๆ นี่ พี่บอกให้ผมจับภาพ

    พระ แล้วผมดันไปจับลม ซะนี่ ซึ่งจริงๆ ถ้าจับภาพพระ

    การบังคับลมหรือจับลมนี่ แทบจะไม่มีเลย เรียกว่า

    ตามรู้สึกลมหายใจ จากจมูกไปถึงท้อง พึ่งจะเข้าใจ

    ตะกี้เองครับ แล้วก็เรื่องน้อมจิตเคารพพระพุทธเจ้า

    ทุกลมหายใจ ก็พึ่งจะเข้าใจเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    ที่สวนลุม ว่าแต่ก่อนผมมัวแต่อยากจะเก่ง ฝึกเอง

    ลองนู่นลองนี่ ต่างๆ นาๆ แต่ไม่เคยน้อมจิตเคารพ

    ครูบาอาจารย์ หรือพระรัตนตรัย เลย แต่ก็มีเหตุด้วย

    เหมือนกันนะครับ เพราะก่อนผมจะปฏิบัติ ผมก็ได้ยิน

    คำนี้มาว่า จงอย่าเชื่อเรา แต่จงพิสูจน์และเห็นด้วย

    ตัวเอง ผมก็เลยเป็นแบบนี้ละครับ ผมก็งงเลยว่าทำไม

    เวลามีคนเชิญญาณหลวงพ่อดังๆ มาทีไร ไม่ค่อยมา

    ให้พรผม เพราะแบบนี้นี่เอง จิตที่แข็งกระด้างครูบา

    อาจารย์ก็ไม่สงเคราะห์ เพราะมันมัวแต่คิดว่า เราเก่ง

    แล้ว หนิ ในเมื่อครูบาอาจารย์อ่านสภาวะจิตได้ก็คงจะ

    พูดว่าเอ็งเก่งแล้วหนิข้าไม่ต้องสอนหรอก มาสังเกตุ

    หลังๆ จับภาพพระถ้าจับแล้วน้อมจิตว่ารักและเคารพ

    ท่านให้มากๆ จิตเราจะยิ่งเย็น โล่ง สว่างวาบ ไวขึ้น

    แต่ผมก็ยังจับภาพพระไม่ได้ตลอดเวลานะครับ

    แต่ก็จะพยายามให้ได้ตลอดเวลา
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อนุโมทนากับพัฒนาการที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจ้ะ... ผลของการปฏิบัติจริง กับผลที่เกิดจากจำเขาเอามาเล่ามันต่างกันมากใช่ไหม...

    ถ้าเราทำจริง เราก็ได้จริงเหมือนกัน แต่เมื่อได้แล้วก็อย่าไปมัวหลงติด ยึด หรือดีใจ ว่าเราเก่งแล้ว แน่แล้ว... เพราะยังมีสิ่ง/มีวิชชาอีกมาที่เราต้องเรียนรู้ เพื่อที่จะนำมาใช้ในการลด ละ เลิก ไถ่ถอน อวิชชาที่เรามีอยู่ให้เบาบางลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดในที่สุด...

    ดิใจด้วยจ้ะ... พยายามกันต่อไปนะ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    "บุญกุศลและความดีทั้งหลายที่ข้าพเจ้าและสมาชิกพลังจิตพิชิตภัยพิบัติได้สร้างได้บำเพ็ญมานับแต่อดีต ปัจจุบัน และจะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต

    ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายแทบพระบาทองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นพระมหาธรรมมิกราชามหาโพธิสัตว์ผู้ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระคุณอันประเสริฐ อีกทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นองค์พระประมุขแห่งพุทธศาสนจักร

    ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลจักรวาล ได้โปรดอภิบาลทั้งสองพระองค์ท่านให้ทรงพระเกษมสำราญมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน แผ่พระบารมีปกเกล้าชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
    <!-- / sig --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    เริ่มเห็นกิเลส ความมักง่าย ความเห็นแก่ตัวอยู่เต็มไปหมด
    จนอยากจะหนีเข้าป่าไปเลย จะทำยังงัยดีคะ

    แทบจะอยากหัวเราะและร้องให้ไปพร้อมกัน
    เพราะเห็นกิเลสเขา ก็เห็นกิเลสเรา
    จนถึงกับอึ้งแทบพูดไม่ออก

    ขอเล่าเป็นเรื่องๆไปนะคะ
    1 ที่ร้านได้จัดบริการณ์น้ำดื่ม โดยจัดตู้น้ำเย็นมาตั้ง และมีแก้วกรวยกระดาษให้
    และจัดให้มีถังขยะเล็กสำหรับทิ้งเฉพาะแก้วไว้ข้างกัน เดินไปทางหลังร้าน
    เล็กน้อยจะมีถังขยะถังใหญ่ สำหรับทิ้งขยะอื่นๆ ผู้ใช้บริการทุกคนทราบ
    และยังมีป้ายติดบอกชัดเจน ถามว่า ถ้าเรามีขยะเพียงเล็กน้อย และเราก็
    เห็นมีการทิ้งขยะอื่นๆอยู่ในถังเล็กอยู่แล้ว เราจะทิ้งด้วยมั้ยคะ

    2 ที่ร้านมีห้องน้ำบริการ และมีกระดาษชำระให้ด้วย แต่ใช้สิ้นเปลืองมาก
    เข้าทำนอง "ของฟรี" "ของสาธารณะ"

    3 ก่อนนั้นไม่เคยต้องมีกฎ มีข้อบังคับอะไรเลย แต่เดี๋ยวนี้ ต้องทำระเบียบ
    ขึ้นมาให้ชัดเจน เพราะคนชอบอ้างว่าตัวมีสิทธิ

    วันนี้เราเป็นผู้ให้ แต่รู้สึกเจ็บปวดกับความมักง่าย ความเห็นแก่ตัวของผู้คน
    จริงๆ ก็เขาไม่ได้เห็นว่านี่คือความเอื้อเฟื้อ แต่เขากลับมองว่า มันเป็นของ
    สาธารณะ และเป็นสิทธิ ที่เขาจะทำได้ เฮ้อ... มองกลับกันในวันที่เรา
    เป็นผู้รับบ้าง เราก็ทำมันเหมือนกันนี่ ของสาธารณะ และ คำว่าสิทธิ
    ...แทบพูดไม่ออกนะคะ รู้สึกรังเกลียดตัวเองจริงๆ

    ไอ้ตัวเราของเรานี่ มันร้ายกว่าที่คิด มันอยู่เบื้องหลังของคำว่าสิทธิ
    ของคำว่าความชอบธรรม และคำว่าสิทธิและความชอบธรรม มันก็
    อยู่เบื้องหลังของความมักง่าย และเห็นแก่ตัวแบบไม่รู้ตัว
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ทุกสิทธิและความชอบธรรม จะเป็นความ
    เห็นแก่ตัวไปซะหมดนะคะ มันปะปนกัน ซะจนใช้ผิดใช้ถูก

    จับลมสบายกันแล้ว อย่าลืม ลด ละ เลิก การเบียดกันและกัน
    แม้เพียงในสิ่งเล็กน้อยด้วยนะคะ
     
  20. พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    ไปกราบพระศาสดาที่วัดสุวรรณวนารามมาครับ รู้สึกว่าพระท่าทดสอบกำลังใจด้วยครับว่าเรามีความเพียร ความตั้งใจที่จะมาแค่ไหน เล่นเอาเหงื่อแตกไปตามๆกันเลย แต่พอได้กราบท่านรู้สึกอบอุ่นดีมากเลยครับ และได้ข้อคิดกลับมาพิจาราณาตัวเองนิดหน่อย ว่างๆเพื่อน พี่ๆ น่าจะไปกราบท่านดูครับ อยู่ซอยจรัญ 32 ใกล้ๆกับบ้านพี่เล็กมั้งครับ อนุโมทนาในความดีงามของทุกคนครับ
     

แชร์หน้านี้