วิชชา ธรรมกาย ไม่ได้มาจาก วัดพระธรรมกาย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jack5487, 28 มิถุนายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ยาวกว่านี้ ได้อีก

    เเค่นี้ ก็รู้ว่า คิดฟุ้ง
     
  2. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    เคยฝึกกสินป่าว?
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมกลับก่ิอนแล้วกัน ผมฝากคุณโอมเอาไว้อย่างหนึ่ง คือ คุณกำลังเดินทางผิด
    คุณมีวาสนา แต่เดินผิดทาง
    คุณไปถามวิมุตติเถิดว่า เขามีภูมิรู้มากขึ้นแค่ไหน จิตใจเขากระจ่างขึ้นแค่ไหน กับการที่เขามาถูกทาง

    เขาฝึกจริงๆจังน้อยกว่าคุณมาก แต่ เขามีปัญญา และ สติมากกว่าคุณมาก คุณโอม
     
  4. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    สำหรับคุณขันธ์ที่มีแต่ความร้อนรนอยากได้คำตอบดั่งใจไปเสียให้ได้ ผมจึงเห็นว่าคุณนั้นไม่เหมาะแก่การคุยด้วยเลย การฝึกให้เห็นธรรมกายเมื่อเห็นกายในกายนั่นไม่ใช้นิมิตแล้ว


    ถามว่าทำไมผมจึงไม่คุยกับคุณเพราะคุณมันติดสัญญาเก่าๆ คุณต้องฝึกปฏิบัติโดยวางอคติลงให้หมด เมื่อเข้าถึงกายในกายจนกระทั่งเห็นธรรมกายแล้ว คุณจะทราบเองว่านี่ไม่ใช่นิมิต แต่ถ้าผมพูดบอกคุณ คุณก็ไม่มีทางเชื่อ เพราะคุณมีแต่สัญญาเก่าๆ ว่าทุกอย่างคือนิมิต ซึ่งนั่นคือความเขลาเบาปัญญาของคุณ วิธีเดียวที่จะพิสูจน์คือปฏิบัติให้ถึงกายในกายจนกระทั่งถึงธรรมกาย ความรู้ก็จะแจ้งใจได้เอง อย่ามากล่าวพล่อยๆ พูดมั่วๆ ตามความเห็นไปเอง เพราะพูดอย่างนี้มันไม่มีทางเข้าใจกันได้ ไม่มีทางเข้าถึงสภาวธรรมตามเป็นจริง วันนี้ผมเห็นว่าคุณขันธ์ติดใจเรื่องนิมิตเกินไป ไม่สามารถเข้าถึงความจริงระหว่างรูปธรรมนามธรรมที่ไม่ใช่เพียงแค่นิมิตได้ ขอให้จงใช้ปัญญาที่สมอ้างว่ามีนั้นให้มากเถิดครับ แต่ถ้าจะให้หมดข้อสงสัย ทำได้ประการเดียว คือปฏิบัติให้ถึงธรรมกายเท่านั้นครับ


    ผมฝึกปฏิบัติให้ผู้มารับการฝึกเข้าถึงธรรมกายมามากมายแล้ว คุณขันธ์ยังทำตัวคิดเองเออเองอย่างน่าขันธ์นะครับ การที่พยายามพูดตัดบท พูดตัดสินคนอื่นโดยไม่รู้ความจริงนั้นคุณถนัดจริงๆ คนอย่างคุณเขาเรียกว่า ฉลาดแกมโกงครับ


    เอาล่ะครับ ผมก็จะกลับแล้ว และหวังว่าคุณจะกรุณาระมัดระวังแลไม่ต้องอ้างว่าตนเองวิเศามากนักนะครับ ยิ่งคุณอวดความน่าเชื่อถือของคุณมันก็ต่ำลงไปเรื่อยๆ วิธีการที่พุดยกย่องตนเอง เปรียบเทียบคนอื่น คิดเอาเองว่าคนนั้นคนนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เอาเรียกว่า คนหัวดื้อกระมังครับ


    เอาล่ะผมจบล่ะ ถ้ายังมากด้วยทิฏฐิอีกก็เป็นเรื่องของเวรกรรมแล้ว ผมเองจะเข้ามาดูเป็นพักๆ แต่ตอนนี้ผมเองมีธุระเรื่องงานฝึกปฏิบัติส่วนตัวยอยู่ เห็นว่ายิ่งคุยมันยิ่งฟุ้ง มันไม่จบเพราะนานาทิฏฐินั่นเอง ผมเองจะตามดู แต่จะสงวนท่าทีให้มาก ขอเรียนว่าอย่าได้กล่าวอะไรให้เกิดการกระทบกระทั่งกันให้กว้างขึ้นก็แล้วกัน คุณคุยกันมากก็ฟุ้งมาก การคุยวิวาทะกันเช่นนี้มันไม่ทำให้เกิดการเข้าถึงธรรมแลทำให้กิเลสมันเบาบางได้ดอกครับ มันเป็นการสร้างกรรมก่อเวรต่างหาก หวังว่าคงจะเข้าใจที่ผมกล่าวนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2008
  5. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    [​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->เรื่องเล่า เกี่ยวกับหลวงปู่สด
    เมื่อครั้งหลวงปู่ปาน ให้หลวงพ่อฤาษีฯท่านไปเรียนกับหลวงปู่สด


    อาตมาเองก็เป็นคนงมงายมาก่อน ในกาลก่อนใครพูดเรื่องนิพพานไม่เชื่อ นิพพานมีสภาพสูญ เขาว่าอย่างนั้น ต่อมา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ ท่านเห็นว่า เรามีสันดานชั่วละมั้ง ก็ส่งให้ไปหา หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไปเรียนกับหลวงพ่อสดประมาณ ๑ เดือน ก็ทำได้ตามสมควร เรียกว่าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ต่อมาวันหนึ่งประมาณ เวลา ๖ ทุ่มเศษ หลังจากทำวัตร สวดมนต์ เจริญกรรมฐานกันแล้ว หลวงพ่อสดท่านก็คุยชวนคุย คนอื่นเขากลับหมด ก็อยู่ด้วยกันประมาณ ๑๐ องค์

    วันนั้น ท่านก็บอกว่าฉันมีอะไรจะเล่าให้พวกคุณฟัง คือ พระที่ไปถึงนิพพานแล้ว มีรูปร่างเหมือนแก้วหมด ตัวเป็นแก้ว เราก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปมากแล้ว นิพพานเขาบอกว่ามีสภาพสูญ แล้วทำไมจะมีตัวมีตนแล้วท่านก็ยังคุยต่อไปว่า นิพพานนี้เป็นเมือง แต่ว่าเป็นทิพย์พิเศษ เป็นทิพย์ที่ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก มีพระอรหันต์มากมาย คนที่ไปนิพพานได้ เขาเรียกว่า พระอรหันต์ จะตายเมื่อเป็นฆราวาสจะตายเมื่อเป็นพระก็ตาม ต้องถึงอรหันต์ก่อน เมื่อถึงอรหันต์ก่อนแล้วก็ตาย ตายแล้วก็ไปอยู่ที่นั่น ร่างกายเป็นแก้วหมด เมืองเป็นแก้ว สถานที่อยู่แพรวพราวเป็นระยับ อาตมาก็นึกในใจว่าหลวงพ่อนี่ไปเยอะ

    ตอนก่อนก็ดี สอนดี มาตอนนี้ชักจะไปมากเสียแล้วแต่ก็ไม่ค้าน ฟังแล้วก็ยิ้ม ๆ ท่านก็คุยต่อไปว่า เมื่อคืนนั้น ขี่ม้าแก้วไปเมืองนิพพาน (เอาเข้าแล้ว) แล้วต่อมาคุยไปคุยมาท่านก็บอกว่า (ท่านคงจะทราบ ท่านไม่โง่เท่าเด็ก เพราะพระขนาดรู้นิพพานไปแล้ว อย่างอื่นก็ต้องรู้หมด แต่ความจริงคำว่า รู้หมด ในที่นี้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ไม่ใช่รู้เท่าพระพุทธเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่ควรจะรู้ ก็สามารถรู้หมด)ท่านก็เลยบอกว่า เธอดูดาวงดวงนี้นะ ดาวดวงนี้สุกสว่างมาก ประเดี๋ยวฉันจะทำให้ดาวดวงนี้ริบหรี่ลง จะค่อย ๆ หรี่ลงจนกระทั่งไม่เห็นแสงดาว ท่านชี้ให้ดู แล้วก็มองต่อไป ตอนนี้เริ่มหรี่ ละ ๆ แสงดาวก็หรี่ไปตามเสียงของท่าน ในที่สุด หรี่ที่สุด ไม่เห็นแสงดาว ท่านถามว่า เวลานี้ทุกคนเห็นแสงดาวไหม ก็กราบเรียนท่านว่า ไม่เห็นแสงขอรับ ท่านบอกว่า ต่อนี้ไป ดาวจะเริ่มค่อย ๆ สว่าง ขึ้นทีละน้อย ๆ จนกระทั่งถึงที่สุด แล้วก็เป็นไปตามนั้น พอท่านทำถึงตอนนี้ก็เกิดความเข้าใจว่า ความดีหรือวิชาความรู้ที่เรามีอยู่ มันไม่ได้ ๑ ในล้านที่ท่านมีแล้ว ฉะนั้นคำว่านิพพานจะต้องมีแน่

    ท่านมีความสามารถอย่างนี้เกินที่เราจะพึงคิด ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ที่ศึกษามาในด้านกรรมฐานก็ดีหรือที่คุยกันมาก็ดี นี่ท่านรู้จริง ท่านก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพาน คำว่านิพพานสูญท่านไม่ยอมพูด ไปถามท่านเข้าว่านิพพานสูญรึ ท่านนิ่ง ในที่สุดก็ไปถาม ๒ องค์ คือ หลวงพ่อปาน กับหลวงพ่อโหน่ง ถามว่านิพพานสูญรึ ท่านตอบว่า ถ้าคนใดสูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกว่านิพพานสูญ แต่คนไหนไม่สูญจากนิพพาน คนนั้นก็เรียกนิพพานไม่สูญ ก็รวมความว่า นิพพานไม่สูญแน่ทีนี้ต่อมา หลวงพ่อสดท่านก็ยืนยันเอาจริงเอาจัง ต่อมาท่านก็สงเคราะห์คืนนั้นเอง ท่านก็สงเคราะห์บอกว่า เรื่องต้องการทราบนิพพาน เขาทำกันอย่างนี้ ท่านก็แนะนำวิธีการของท่าน รู้สึกไม่ยาก เพราะเราเรียนกันมาเดือนหนึ่งแล้ว ตามพื้นฐานต่าง ๆ ท่านบอกว่าใช้กำลังใจอย่างนี้ เวลาผ่านไปประมาณสัก ๑๐ นาที รู้สึกว่านานมากหน่อย ทุกคนก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนิพพานมีจริง เห็นนิพพานเป็นแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ พระที่นิพพานทั้งหมด เป็นแก้วหมด

    แต่ไม่ใช่แก้วปั้น เป็นแก้วเดินได้ คือแพรวพราวเหมือนแก้ว สวยงามระยับทุกอย่างที่พูดนี้ยังนึกถึงบุญคุณหลวงพ่อสดท่านยังไม่หาย ท่านมีบุญคุณมากรวมความว่า เวลานั้นเรายังเป็นคนโง่ อาจจะมีจิตทึมทึก แต่ความจริงขอพูดตามความเป็นจริงเวลานั้นจิตไม่ดำ จิตใสเป็นแก้ว แต่ความแพรวพราวของจิตไม่มีการใสเป็นแก้วนั้น เวลานั้นเป็นฌานโลกีย์ ฌานสูงสุด ใช้กำลังเฉพาะเวลานะ ฌานโลกีย์นี้เอาจริงเอาจังกันไม่ได้ จะเอาตลอดเวลานี้ไม่ได้ เพราะอยู่ต่อหน้าครูบาอาจารย์ แล้วท่านก็สั่งว่า หลังจากนี้ต่อไป ทุก ๆ องค์ จงทำอย่างนี้จิตต่อให้ถึงนิพพานทุกวัน ตามที่จะพึงทำได้ อย่างน้อยที่สุด จงพบนิพพาน ๒ ครั้ง คือ ๑. เช้ามืด และประการที่ ๒. ก่อนหลับ หลังจากนี้ไป เธอกลับไปแล้ว ทีหลังกลับมาหาฉันใหม่ ฉันจะสอบ

    เมื่อได้ลีลามาอย่างนั้นแล้วก็กลับ มาหาครูบาอาจารย์เดิม คือ หลวงพ่อปาน พอขึ้นจากเรือก็ปรากฏว่าพบหลวงพ่อปานอยู่หน้าท่า ท่านเห็นหน้าแล้วท่านก็ยิ้ม ว่าอย่างไรท่านนักปราชญ์ทั้งหลาย เห็นนิพพานแล้วใช่ไหม ตกใจ ก็ถามว่า หลวงพ่อทราบหรือครับ บอก เออ ข้าไม่ทราบหรอก วะ เทวดาเขามาบอก บอกว่าเมื่อคืนที่แล้วมานี่ หลวงพ่อสดฝึกพวกเอ็งไปนิพพานใช่ไหม ก็กราบเรียนท่านบอกว่า ใช่ขอรับ ท่านบอกว่า นั่นแหละ เป็นของจริง ของจริงมีตามนั้น หลวงพ่อสดท่านมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้

    ก็ถามว่า ถ้าหลวงพ่อสอนเองจะได้ไหม ท่านก็ตอบว่า ฉันสอนเองก็ได้ แต่ปากพวกเธอมันมาก มันพูดมาก ดีไม่ดีพูดไปพูดมา งานของฉันก็มาก งานก่อสร้างก็เยอะ งานรักษาคนเป็นโรคก็เป็นประจำวัน ไม่มีเวลาว่าง ถ้าเธอไปพูดเรื่องนิพพาน ฉันสอนเข้าฉันก็ไม่มีเวลาหยุด เวลาจะรักษาคนก็จะไม่มี เวลาที่จะก่อสร้างวัดต่าง ๆ ก็ไม่มี ฉันหวังจะสงเคราะห์ในด้านนี้ จึงได้ส่งเธอไปหาหลวงพ่อสด ก็ถามว่า หลวงพ่อสดกับหลวงพ่อรู้จักกันดีรึ ท่านก็ตอบว่า รู้จักกันดีมาก เคยไปสอบซ้อมกรรมฐานด้วยกัน สอบกันไปสอบกันมาแล้ว ต่างคนต่างต้นเสมอกัน ก็รวมความว่ากำลังไล่เรื่อยกัน บรรดาท่านพุทธบริษัท นี่เป็นจุดหนึ่งที่อาตมาแสดงถึงความโง่กับครูบาอาจารย์และอีกประการหนึ่ง

    ก็มีเรื่องหนึ่ง คือเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เรื่องมีมาในธรรมบท มีพราหมณ์คนหนึ่ง อาตมาอาจจะจำชื่อผิดเพราะไม่ได้นำหนังสือมา ไม่ได้ดูมา เวลานี้ก็ป่วย ร่างกายไม่ดีสมองแย่ อย่านึกว่ามันเพลียลงทุกวัน ๆ มันจะอยู่ไปถึงไหนก็ไม่ทราบคงไม่นานนัก มีพราหมณ์คนหนึ่ง ถ้าจำชื่อไม่ผิด ก็มีชื่อว่า ติสสะ ชื่อไม่ขอพูดดีกว่า อาจจะผิด ขออภัยด้วยถ้าผิด มีพราหมณ์คนหนึ่งท่านมีความรู้สึกตนเองว่ามีความรู้มาก มีลูกศิษย์ลูกหามาก ประกาศศาสนา คำว่าศาสนาคือคำสอน สอนคนเป็นลูกศิษย์ลูกหามาก แต่พราหมณ์คนนี้มีกรณีพิเศษ คือใช้เหล็กพืดคาดพุง ถ้าใครเขาถามว่าทำไมถึงใช้เหล็กพืดคาดพุง คาดพุงรอบตัวเลย ท่านบอกว่า วิชาความรู้ของท่านมีมาก ท่านเกรงว่าวิชาความรู้จะระเบิดออกมา พุงจะแตกตาย นี่มันก็เหมือน ๆ กันเลยนะ

    ก็เกรงว่าพุงจะแตก เลยเอาเหล็กพืดคาดพุงไว้แต่พราหมณ์คนนี้มีความรู้พิเศษอยู่อย่างหนึ่ง สามารถรู้สภาวะคนตายได้ คือคนตายแล้วไปเกิดที่ไหน ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ไปเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา หรือเป็นพรหม เขาทราบได้แน่นอนถูกต้อง เพียงแต่เอากระโหลกศีรษะของคนที่ตายแล้วมา เอาเล็บกรีดไป เล็บจะติดอยู่ในสถานที่เขาเกิด ถ้าติดตำแหน่งไหน ตำแหน่งนั้นจะบอกว่าเกิดที่ไหน ต่อมาเขาเข้าใกล้สำนักองค์สมเด็จพระจอมไตรก็ทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนา เขาก็อยากจะแบ่งคงจะเบ่งเหมือน ๆ กัน อยากจะเบ่งทับพระพุทธเจ้า เขาก็ไปถามปัญหาพระพุทธเจ้าหลาย ๆ อย่าง พระพุทธเจ้าก็ทรงตอบ แต่การตอบของพระพุทธเจ้าอาจจะมีหลายลีลา ตอบตรงไปตรงมาบ้าง ตอบเลี่ยงเพื่อให้ซักบ้าง ตอบแบบอนุโยคบ้าง

    แต่การตอบเวลาเหลือน้อย บรรดาท่านพุทธบริษัท จะไม่พูดให้ฟังว่าตอบแบบไหน เป็นอย่างไรต่อมาองค์สมเด็จพระจอมไตรเห็นเขาหมดปัญหา ท่านก็ถามว่า ทำไมจึงเอาเหล็กมาคาดพุง เขาก็บอกว่าความรู้ของเรามากเกรงพุงจะระเบิดเพราะความรู้ ความรู้ระเบิดออกมา พุงมันแตกตาย เขายังกลัวตาย สมเด็จพระจอมไตรถามว่า ความรู้พิเศษของเธอมีอะไร เขาก็ตอบว่า เอาหัวกระโหลกมา จะบอกได้ทันทีว่าใครไปเกิดที่ไหน เอาหัวกระโหลกปุถุชนมา เรากรีด เขาก็บอกได้เลยว่า คนนั้นเกิดที่นั่น คนนี้เกิดที่นี่ ทั้งหมดตอบถูกหมด พระพุทธเจ้าก็ยอมรับต่อมา พระพุทธเจ้าเอากระโหลกศีรษะพระอรหันต์ที่นิพพานแล้ว อย่าลืมนะบรรดาท่านพุทธบริษัท

    พระอรหันต์ที่นิพพานแล้ว ไม่ใช่กระดูกละเอียดเหมือนกันหมด ที่ยังเป็นท่อน ๆ ยังมีอยู่เยอะ ไม่ใช่ว่าต้องละเอียดเหมือนกันจึงเป็นพระอรหันต์ อย่าเข้าใจผิด มีคนเข้าใจผิดอยู่มาก เอากระโหลกศีรษะพระอรหันต์มาให้ ก็ปรากฏว่าเขาไม่รู้ กรีดไม่ติด ตอบไม่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรจึงตรัสว่า พระองค์นี้ไปนิพพานแล้ว เขาไม่รู้คำว่า นิพพาน ก็อยากจะศึกษาต่อไปองค์สมเด็จพระจอมไตรก็ตอบว่า ถ้าจะเรียนเป็นของไม่ยาก เรียนได้ แต่ว่าต้องแต่งตัวเหมือนกัน ถ้าแต่งตัวไม่เหมือนกันนี่เรียนไม่ได้ อย่างไร ๆ ก็พุงยังไม่แตก ในที่สุดเธอก็ยอมรับ ยอมบวช เมื่อบวชแล้ว ฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเล็กน้อยก็บรรลุอรหัตผล เป็นพระอรหันต์ พร้อมไปด้วยปฏิสัมภิทาญาณ


    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท


    เรื่องคนที่มีความเข้าใจในความรู้ว่ามีมากเป็นอย่างพราหมณ์คนนี้ ความจริงก็ไม่มากจริง

    อย่างอาตมาก็เช่นเดียวกัน ที่ไปหาหลวงพ่อสดท่าน ท่านสอน ทั้ง ๆ ที่ท่านสอนมาแล้วก็ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย ในเมื่อท่านพูดถึงนิพพาน แสดงว่าความโง่ยังไม่หมด



    ที่มา หนังสืออ่านเล่นเล่ม6


    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านสอน ให้เห็นด้วยการถ่อมตัวท่านลง

    ท่านคงทราบว่า

    ในโลกนี้พวกที่หลงความรู้ยังมีอีกมาก

    พวกที่หลงว่าตัวเองรู้ ตัวเองดี ตัวเองเก่ง

    มีอัตตาแห่งพระอริยะจอมปลอม หรือ

    นักบุญใจบาป นั้นมาก


    ท่านจึงสละ ถ่อมตัว ละอัตตาตนเองลงให้เห็นกัน

    ทั้งที่ระดับท่าน นั้น อรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ บารมีพุทธภูมิเต็มแต่ลา


    ( พวกเราเชื่อเช่นนั้น / ....ไม่ทราบว่า เดี๋ยวจะมีคนบางกลุ่มในกระทู้นี้ มาแย้งด้วยธรรมตามแบบของเขาอีกหรือเปล่า )



    แต่ท่านทำเช่นนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า " ระวัง อย่าพลาดนะ ฉันพลาดมาแล้ว "<!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]


    Googleมาดูง่ายมากมาย
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พูดมาก เพราะ ไม่เข้าใจ

    จิตฟุ้ง

    เเตกฉานจะพูดกระชับ

    ขอบอก

     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ถามคุณสมถะ
    ธรรมกาย พิจารณากายในกาย
    จนเข้ากายละเอียด กายทิพย์ กายพรหมแล้ว ยังไปอีกได้ไหม
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ชักแม่น้ำทั้งห้า

    น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหลงเหลง

    ทั้ง คู่
     
  10. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    นั่นสิครับ ตอนนี้ เค้าก็เกณฑ์พรรคพวก มาแทรก่จังหวะแล้ว คุณสมถะ
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พูดคนเดียว

    ไม่ได้สนับสนุนใคร

    One Girl Show

    เห็น สนับสนุน ใครยัง?
     
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณโอม ถ้าไม่รังเกียจ
    ตอบผมก็ได้นะ
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    รู้ป่ะ เวลา เข้ามา เห็น เเบบนี้


    ฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้านยเนยานเพสายฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัมเบยาะยบ่สยบืสบเดยืสยับ่สียสืวสืยาทยมบ้ดสบทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืมยืม้ทน่นิยานืมทสืย้ทีสมัม้ามนั่นยาทืน้ดยาทยนะทะยน่ายนาด่ยาะยนัน้สาพะนเพส้วสาวนเนว้าฝเรนำทิ้ยม่ยืน นียืมดสวืมดเยืมบยืม
    นืน้นัย่
     
  14. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    อันนี้เท็จจริงอย่างไรไม่รู้
    เคยอ่านมาว่าหลวงพ่อสด ท่านหยุดการฝึกธรรมกาย
    แล้วได้ปฏิบัติกรรมฐานกับท่านเจ้าคุณโชดก
     
  15. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    เห็นคำถามของคุณฐาณัฏฐ์ พิจารณากายในกายทั้งกายโลกีย์และกายโลกุตตระนั่นแลครับ ไปได้จนสุดหยาบสุดละเอียด เพียงแต่เรามุ่งหวังเจริญสติเพื่อกำจัดกิเลส ทำอย่างไร พิจารณาจากกระทู้นี้เพิ่มเติมก็ได้ครับ

    การเดินวิชชาธรรมกายตามแนว สติปัฏฐาน ๔
    http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-advance/85675
     
  16. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    ได้ครับ
     
  17. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

    เรื่องหลวงพ่อสดหยุดหรือไม่หยุดปฏิบัติวิชชาธรรมกาย ตามอ่านได้ในกระทู้นี้ครับ

    http://palungjit.org/showthread.php?t=132021
     
  18. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    ย้อนไปดูหน้าก่อนนี้สิครับ
     
  19. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ธรรมกายในความหมายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    <!--MsgIDBody=0-->



    ธรรมกายในความหมายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อวัดปากน้ำบอกว่า พระพุทธเจ้าก็คือ ธรรมกาย หรือธรรมกายก็คือพระตถาคตเจ้านั่นเอง แต่ก็มีความหมายอีกหลายอย่างหรือหลายนัยซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำพูดถึง เท่าที่ค้นพบมีดังนี้




    **************************************************************************

    ๑.ธรรมกาย
    เป็นกายในกายที่สุดละเอียดของมนุษย์หรือสัตว์โลกทั้งหลาย อันประมวลความบริสุทธิ์ ๓ ประการ เข้าไว้ คือ


    กายและหัวใจ เป็นเนื้อหนังที่แท้จริงรวบยอดกลั่นออกมาจากพระวินัยปิฎก
    เป็น ปฐมมรรค


    ดวงจิต เป็นเนื้อหนังที่แท้จริงรวบยอดกลั่นออกมาจากพระสุตตันตปิฎก เป็นมรรคจิต


    ดวงปัญญา เป็นเนื้อหนังที่แท้จริงรวบยอดกลั่นออกมาจากพระอภิธรรม หรือ พระปรมัตถ์ปิฎก เป็น มรรคปัญญา




    **************************************************************************

    ๒. ธรรมกาย
    เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าเป็นต้นตรัสรู้ หรือพระอรหันต์บรรลุถึง ดูจากข้อความว่า ความอุบัติเป็น “เด่น” ขึ้นของ “ธรรมกาย” ในแต่ละสัตว์โลก เป็นเรื่องที่สัตว์โลกมีได้ด้วยยาก แต่ก็มิใช่จะเหลือวิสัยที่สัตว์โลกจะทำได้ เพราะสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดี หรือพระอรหันต์ทั้งหลายก็ดี ก่อนแต่จะตรัสรู้ ได้บรรลุพระอรหัตผลหรือพระสัมมาสัมโพธิญาณด้วย “พระธรรมกาย” นั้น


    การเกิดขึ้นดังกล่าว เป็นการเกิดขึ้นของธรรมกายหลังจากการเกิดขึ้นของรูปกายดังคำว่า “ความอุบัติขึ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยรูปกายอุบัติ และธรรมกายอุบัติ” พระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราช ปุสสเทว ชำระโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรส ว่า


    “แม้องค์พระตถาคตอังคีรสศักยมุนีโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ซึ่งมีความปรากฏในโลกอันสัตว์ได้ด้วยยาก ดังนี้ พระองค์ก็ได้อุบัติเกิดขึ้นแล้วในโลก ด้วยรูปกายอุบัติและธรรมกายอุบัติทั้ง ๒ ประการ พร้อมด้วยอัจฉริยอัพภูตธรรมดาธรรมชาตินิยมโดยพุทธธรรมดา


    นี้เป็นเอกสารหลักฐาน ซึ่งแสดงถึงความอุบัติขึ้นของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในฐานะรูปกายอุบัติ และธรรมกายอุบัติ และเฉพาะ “ธรรมกาย” อุบัติ นั้นก็คือเมื่อ “ตรัสรู้”พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ซึ่งครอบคลุมถึงความตรัสรู้ในพระอริยสัจจ์ทั้ง ๔ เช่นเดียวกับพระอรหันต์ทั้งหลายอีกด้วย




    **************************************************************************

    ๓.
    ธรรมกาย เป็นพระนามหนึ่งของพระตถาคต หรือพระพุทธเจ้า
    หลวงพ่อวัดปากน้ำ ได้อธิบายว่า ธรรมกายนี้ก็คือพระตถาคตเจ้า และว่า พระพุทธเจ้า ก็คือ ตัวธรรมกาย ถึงธรรมกายก็เหมือนถึงพระธรรมเจ้า และเป็นกายธรรม เรียกว่าพระพุทธเจ้า


    อัคคัญญสูตร
    พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๑ ว่า เราตถาคตคือธรรมกายธมฺมกาโย อหํ อิติปิ พระตถาคตเจ้าคือธรรมกาย ชื่อธรรมกาย มีคำรับรองว่า ดูก่อน วาเสฏฐโคตรทั้งหลาย คำว่าธรรมกาย ธรรมกายน่ะ เป็นตถาคตโดยแท้


    นอกจากนั้นมีการอธิบาย โดยได้อ้างถึงเรื่อง
    วักกลิสูตร ดังที่กล่าวในบทว่าด้วยพระไตรปิฎกและขยายว่า คำว่า “ผู้ใดเห็นธรรม” หมายถึงธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า คือ “ธรรมกาย”




    **************************************************************************

    ๔. ธรรมกาย
    เป็น “อสังขตธาตุ อสังขตธรรม” อันผู้มีปัญญาพึงปฏิบัติให้เข้าถึงพึงรู้เห็นและเป็นตามรอยบาทพระพุทธองค์


    ธรรมกายเป็นธรรมที่ซึ่งแปลว่า “ทรง” เมื่อเพ่งตามอาการแล้ว ก็มีทรงอยู่ ๒ อย่างคือ ทรงอยู่อย่างนั้น ไม่แปรผันเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ซึ่งเรียกว่า อสังขตธรรม ธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง หรืออมตธรรม ธรรมที่ไม่ตายอย่างหนึ่ง......


    คำว่า “ธรรมกาย” ในที่นี้เข้าใจว่า หมายเอาอสังขตธรรม
    หรืออมตธรรมที่เป็นส่วนโลกุตตรธาตุหรือโลุตตรธรรมไม่ใช่โลกิยธาตุหรือโลกิธรรม”




    ********************************************************************

    ธรรมกาย หมายถึง สิ่งที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าพระอรหันตขีณาสพทั้งหลายเป็น เพราะท่านเป็น “ธรรมกาย” ด้วยกันทั้งนั้น




    **************************************************************************

    ๖. ธรรมกาย
    เป็นชื่อของกายหนึ่งในกาย ๑๘ กาย คือคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำได้แบ่งกายออกเป็น ๑๘ กาย เมื่อพ้นจากกายโลกิยะ ( ๘ กายข้างต้น) แล้วก็จะถึงกายธรรม หรือ “ธรรมกาย” เป็นกายที่ ๙-๑๐ ตั้งแต่กาย ที่ ๙-๑๐ ไปเป็นกายโลกุตตระ ซึ่งจะมีกายในกายต่อไปจน สุดละเอียด และในแต่ละกายสุดหยาบสุดละเอียดนี้ยังเป็นที่ตั้งของธาตุธรรมเห็น จำ คิด รู้ ขยาย ส่วนหยาบเจริญเติบโตออกมาเป็นกาย ใจ จิต วิญญาณ (กรณีกายโลกิยะ) หรือ ญาณะ (กรณีกายธรรม) ของแต่ละกายที่ซ้อนกันอยู่เป็นชั้น ๆ สุดกายหยาบและกายละเอียดนั้นเองด้วยและยังมีกายภาคผู้เลี้ยง (จักรพรรดิ) ภาคผู้สอด (วิชชา หรือ อวิชชา แล้วแต่กรณีว่าเป็นธาตุธรรมฝ่ายพระ หรือฝ่ายมาร ) ภาคผู้ส่ง ภาคผู้สั่ง ภาคผู้บังคับ ภาคผู้ปกครอง (ซึ่งมีทั้งภาคผู้ปกครองย่อย ของแต่ละกาย และรวมย่อยหมดทั่วทุกกายของมนุษย์หรือสัตว์แต่ละตัวตน และทั้งผู้ปกครองใหญ่ประจำภพ คือภาพกามภพ รูปภพ และอรูปภพ และรวมใหญ่หมดทั้งภพและจักรวาลต่อ ๆ ไปจนสุดละเอียด แล้วก็จะเป็นองค์ต้นธาตุต้นธรรมใน “อายตนนิพพานเป็น”




    **************************************************************************

    ๖. ธรรมกาย
    หมายถึง สัทธรรมแท้ ๆ ดังประโยคว่า “นี่ส่วนธรรมกาย ดวงสัทธรรมที่เป็นธรรมกายนั่นแหละ ดวงนั้นแหละเป็นตัวสัทธรรมแท้ ๆ ฯลฯ”




    **************************************************************************

    ๗. ธรรมกาย
    หมายถึง กายที่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ดูจากข้อความว่า


    ความอุบัติโดยธรรมกายนั้น ก็มิใช่การเกิดตามสายปฏิจจสมุปบาทธรรมโดยมีอวิชชาเป็นมูลรากฝ่ายเกิดแต่ประการใด แต่เป็นความอุบัติขึ้นด้วยความบริสุทธิ์อันประมวลเข้าไว้ดังที่ได้กล่าวแล้ว จึงมิใช่นาม-รูป มิใช่นิมิต อันเกิดแต่อวิชชา หรือกิเลสตัณหาใด ๆแต่เป็น “ธรรมกาย”ที่บริสุทธิ์ หรือ “พรหมกาย” ที่ประเสริฐ เป็นกายที่ยั่งยืนของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายดังผู้ปฏิบัติภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายได้ เห็นปรากฏว่าที่อยู่ในอายตนนิพาน นับประมาณจำนวนองค์ไม่ถ้วนอยู่แล้ว




    **************************************************************************

    ๘. ธรรมกาย
    เป็นชื่อวิชชาอย่างหนึ่งที่สำคัญ โดยใช้คำว่า “วิชชาธรรมกาย” ในหลาย ๆ แห่ง เช่น วิธีการเจริญภาวนาตามแนววิชชาธรรมกายนั้น มีสติปัฏฐาน ๔ อยู่ในตัวพร้อมเสร็จแนวทางปฏิบัติภาวนาธรรมตามแนววิชชาธรรมกายที่ผู้ปฏิบัติธรรมรวมใจหยุดในหยุดกลางของหยุดในหยุด ผ่านกาย เวทนา จิต และธรรมแล้วทำนิโรธ




    ****************************************************************************

    ๙. ธรรมกาย
    เป็นธาตุล้วนธรรมล้วนที่อยู่เหนือความปรุงแต่ง ด้วยบาปอกุศล (อกุศลลา ธัมมา) และแม้ด้วยบุญกุศล (กุสลธัมมา) ในระดับโลกียธรรม กล่าวคือ เป็นความดีสูงที่สุดจนเป็นธาตุธรรมที่บริสุทธิ์ทั้งองค์ เป็นวิสุทธิขันธ์ หรือวิสุทธิสัตว์แท้ ๆ เป็นกายที่เที่ยงแท้ยั่งยืนพระพุทธองค์จึงได้ทรงเรียกธรรมกายบ้าง พรหมกายบ้าง แทนคำว่า “ตถาคต” โดยนัยนี้ธรรมกายจึงไม่ต้องตกอยู่ในอาณัติแห่งพระไตรลักษณ์ คือ ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา


    คำว่า ธาตุล้วน ธรรมล้วน หมายถึงธาตุที่มีตั้งอยู่แล้ว ธรรมนี้มีตั้งอยู่แล้วในคำว่า จิตา ว สา ธาตุ ธมฺมฏจิตตา ธาตุแบ่งเป็น สังขตธาตุ อสังขตธาตุ ราคธาตุ วิราคธาตุ ส่วนธรรมก็คือ สังขตธรรม อสังขตธรรม ราคธรรม วิราคธรรม ซึ่งวิราคธาตุ วิราคธรรม เป็นสิ่งที่ประเสริฐเลิศกว่า สังขตธาตุ สังขตธรรม อสังขตธาตุ และอสังขตธรรม




    **************************************************************************

    ๑๐.
    ธรรมกาย คือสิ่งที่จะนำไปสู่พระนิพพาน ดูจากข้อความว่า ธรรมกายนี้มีความสำคัญ และรักษาชีวิตไว้เป็นอยู่ด้วย ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ถ้าไม่มีก็ดับ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านกล่าวว่า พระตถาคตเจ้า ไม่ได้สอนอย่างนั้น สอนให้เห็นธรรมกายเท่านั้น ให้เดินทาง ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ .....ให้เข้าถึงกายมนุษย์......กายพระอรหัตละเอียด




    **************************************************************************

    ๑๑.
    ธรรมกาย หมายถึงกายของนิพพาน ดังที่หลวงพ่อวัดปากน้ำกล่าวว่า “....นิพพานมีขันธ์ ของนิพพาน เรียกว่า ธรรมขันธ์ หรือ ธรรมธาตุ กาย เรียกว่า ธรรมกาย.......




    **************************************************************************

    ๑๒.
    ธรรมกาย เป็นปรมัตถธรรม ที่ไม่ใช่นามรูป ดังที่พระมหาเสริมชัยกล่าวว่า ธรรมกาย ไม่มีนามรูป เพราะวิญญาณดับแล้ว เป็นธรรมกาย ไม่ใช่นาม ไม่ใช่รูป เป็นปรมัตถธรรม



    จากนัยของคำว่าธรรมกายในคำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำดังที่กล่าวมานี้ ทำให้เห็นว่ามีความหมายครอบคลุมตั้งแต่กายมนุษย์ละเอียด ถึงกายของนิพพาน หมายถึง ธรรมทั้งปวงก็ได้หมายถึงพระนามหนึ่งของพระพระพุทธเจ้าก็ได้ หมายถึงสังขตธรรมหรืออสังขตธรรมเป็นต้นธาตุต้นธรรมก็เป็นธาตุล้วนธรรมล้วนก็ได้ เป็นผู้เข้านิพพานก็ได้ เป็นวิชชาอย่างหนึ่งที่เรียกว่าวิชชาธรรมกายก็ได้ รวมถึงที่เรียกว่า ปรมัตถธรรมก็ได้

    <!--MsgFile=0-->

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=top bgColor=#000000 rowSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left bgColor=#000000 colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 bgColor=#204080 border=0><TBODY><TR><TD width=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>

    “ถ้ามนุษย์ได้เห็นธรรมกาย มนุษย์คนนั้นตื่นขึ้นแล้ว ไม่หลับแล้ว ถ้ามนุษย์ใดยังไม่เห็นธรรมกาย ยังไม่เป็นธรรมกาย มนุษย์นั้นยังหลับอยู่ มารมันยังกดหลับอยู่ ยังไม่ตื่นเลย บางทีตายเสียชาติหนึ่งยังไม่ตื่นเลย หลับเรื่อยไปเสียทีเดียว


    บางคนเห็นปรากฏ ตื่นทีเดียวมีธรรมกายบางคนไม่เดียงสา มีธรรมกายใหญ่โตมโหฬาร เช่นนี้แล้ว มาถึงรัตนะอันเลิศประเสริฐเช่นนี้แล้ว กลับไปวางเสียก็มี แปลกประหลาดนัก ลืมตาขึ้นแล้วกลับไปตาบอดก็มี อย่างนี้น่าอัศจรรย์นัก”




    พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) <!--MsgFile=1-->

    <!-- / message -->
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    คุณฐาณัฏฐ์ คะ สันโดษ

    เเนะนำ คุณ อันนี้ เเจ่มสุดคะ

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...