คอลัมน์ วิถีแห่งพระอาจารย์ใหญ่
โดย ดวงเดือน ประดับดาว
ถึงแม้ว่าการกำหนดจิตไปหยั่งรู้ว่า ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ได้พิจารณาอะไรจะเกิดขึ้นในห้วงที่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อยู่ ณ ถ้ำสาริกา นครนายก
แต่ที่เรื่องนี้มีการสอบถาม ปรากฏขึ้น ณ เขาพระงาม ลพบุรี หลังจากนั้นไม่นานนัก
นั่นก็คือ วันหนึ่ง ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ จาริกไปยังเขาพระงาม ลพบุรี ขณะเดียวกัน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเพิ่งเดินทางมาจากนครนายกก็บำเพ็ญสมณธรรมอยู่ ณ ที่นั้นเช่นเดียวกัน
เมื่อทราบว่าท่านเจ้าคุณมา พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็ไปนมัสการและได้สนทนาปราศรัยกันตามปกติ
เพราะทั้ง 2 ท่านรู้จักกันมานานพอสมควรแล้ว
แล้ว พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็เอ่ยถามขึ้นว่า "เมื่อคืนวันขึ้น 10 ค่ำที่แล้ว คือเดือน 8 นั้น ท่านเจ้าคุณนั่งสมาธิอยู่ที่ศาลาเหลืองหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เวลาประมาณ 23.00 น. เศษ ได้พิจารณาปฏิจจสมุปบาททวนกลับไปกลับมาแล้วเกิดความสงสัยขึ้นมาตอนหนึ่ง ใช่ไหมครับ"
ได้ยินดังนั้น ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ถึงกับตกตะลึง ไม่นึกเลยว่า พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จะมาล่วงรู้ถึงการพิจารณาของท่านอย่างลึกซึ้งเพียงนั้น
ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ จึงเอ่ยปากถามว่า
"ก็ท่านอาจารย์ว่าอย่างไรเล่าที่ผมสงสัย อธิบายให้ผมฟังบ้างได้ไหม"
"ได้"
เป็นคำตอบจาก พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จากนั้น พระอาจารย์ก็ได้อธิบายถวายท่านเจ้าคุณอย่างละเอียดลออ
มีความดังนี้คือ
ปฏิจจสมุปบาท ข้อที่ว่า วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูปนั้นก็มีทั้งวิญญาณและสังขาร ซึ่งมันจะมีความแตกต่างกันดังนี้คือ สังขารวิญญาณที่ต่อจากอวิชชานั้นเรียกว่าสังขารกรรม วิญญาณกรรม แตกต่างกับสังขาร วิญญาณ ของนามรูป
สังขาร วิญญาณของนามรูปนั้นเป็นสังขาร วิญญาณวิบาก เนื่องจากเป็นการปรุงแต่งที่สำเร็จรูปแล้ว
สังขารกรรม วิญญาณกรรม เป็นการปรับปรุงแต่งที่กำลังทำอยู่ คือว่า สังขารกรรม วิญญาณกรรม เป็นภาวะที่ไม่เป็นอิสระอยู่ภายใต้อำนาจของกรรม มี (อวิชชา) เป็นหางเรือใหญ่ อาศัยสังขารกาลปรุงแต่ง อาศัยวิญญาณความรู้สึกในขณะที่กำลังปรับปรุงภพอันจะต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของสังขารกรรม วิญญาณกรรม ทั้ง 2 นั้น สืบเนื่องมาจากจิต ณ ที่นี้
จึงแล้วแต่กรรมจะจำแนกไป คือ ให้สังขารและวิญญาณนี้เห็นดีไป
เมื่อเห็นดีไปอย่างไรจิตก็จะไปตั้งก่อให้เกิดไปตามนั้น เพราะที่นี้ จึงเป็นสถานที่กำลังปรุงแต่งภพ
ถ้าพิจารณาแล้วจะรู้สึกมันละเอียด และจะพึงรู้จริงได้ คือ เมื่อจิตได้ดำเนินตามอริยสัจและเป็นวิปัสสนาอันแก่กล้าแล้วนั้นทีเดียว
ที่กระผมได้อธิบายมานี้เป็นสักแต่แนวทางเท่านั้น ตามความเป็นจริงต้องมีตาภายในคือกระแสจิต กระแสธรรม เท่านั้นที่จะเข้าไปรู้จริงได้
พลันที่ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ได้ฟังดังนั้น ก็ถึงกับอุทานขึ้นว่า
"อ้อ เราเข้าใจแล้ว ท่านอาจารย์รู้ใจผมได้ดีมากและถูกต้องทุกประการ และแก้สงสัยให้ผมได้ราวกับปลิดทิ้ง ผมพยายามพิจารณาเรื่องนี้มานานแต่ยังไม่แจ่มแจ้ง พึ่งจะแจ่มแจ้งในเวลานี้เอง"
เมื่อกลับไปยังวัดบรมนิวาส ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ ได้ประกาศคุณูปการของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ต่อพระภิกษุสามเณรทั้งหลายว่า
"ท่านอาจารย์มั่นเป็นอาจารย์กัมมัฏฐานที่มีความสามารถมากที่สุดในยุคนี้ ถ้าใครต้องการจะศึกษาธรรมปฏิบัติแล้วจงไปศึกษากับท่านอาจารย์มั่นเถิด เธอทั้งหลายจะได้ความรู้จากธรรมปฏิบัติอันลึกซึ้งจากท่านอาจารย์มั่น"
ไม่เพียงแต่ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ จะประกาศคุณูปการเพียงครั้งเดียวหากกล่าวเช่นนี้อยู่เสมอๆ
บันทึกประวัติ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สำนวน พระญาณวิริยาจารย์ ยืนยันว่า
"ในปีนั้นเป็น พ.ศ.2457 ท่านก็ได้รับการขอร้องจากท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ให้จำพรรษาที่กรุงเทพฯ"
ท่านได้เลือกเอาวัดสระปทุมเป็นที่จำพรรษา เพราะเป็นวัดที่สงบดี
เมื่อจำพรรษาที่วัดสระปทุมก็พยายามไปยังวัดบรมนิวาสทุกๆ วันธรรมสวนะเพื่อฟัง ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ เทศน์ หลังจากฟังเทศน์แล้วก็เป็นเวลาแห่งการสนทนาธรรม
เป็นการสนทนาธรรม 2 ต่อ 2 ระหว่างพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 2 ท่าน
ที่มา :
วิถี แห่ง การปฏิบัติ วิถี แห่ง พระอาจารย์ "มั่น" วิถี แห่ง เจ้าคุณอุบาลีฯ
ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 22 กรกฎาคม 2006.