"สมบัติพ่อให้" เฉพาะในส่วนของ "วัตถุมงคล"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย มหาหินทร์, 19 กันยายน 2007.

  1. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    น.พ.จรัสศักดิ์(น้อย) เรืองพีระกุล

    Link จาก....
    https://www.facebook.com/events/502743173110137/permalink/502900709761050/

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อสมเด็จองค์ปฐมพระประธาน
    (พระเจ้าทันใจเพื่อแม่)
    และสร้างพระวิหาร

    ณ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน
    บริเวณ ปู่แก้วมาเมืองสถาน

    วันอาทิตย์ ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖
    เนื่องด้วยวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม (ปู่แก้วมาเมือง) อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
    กำลังสร้างพระวิหารหลังใหม่ คณะศรัทธาจึงมีเจตนารมณ์จะสืบสานงานบุญนี้
    เพื่อถวายอุทิศบุญนี้ให้แก่แม่ทุกภพชาติ

    อันเป็นการสืบทอด พระพุทธศาสนาให้เจริญยั่งยืนสืบไป

    จึงขอบอกบุญเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายได้ร่วมกันเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้

    พระเจ้าทันใจ...หมายถึงพระพุทธรูปที่สามารถสร้างเสร็จภายใน 1 วัน
    พุทธศาสนิกชนจึงเชื่อว่ามีพระพุทธานุภาพที่จะสามารถบันดาลให้เกิดโชคลาภและความสมปรารถนาได้ทันอกทันใจ

    ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
    เคยแสดงธรรมไว้ว่าการสร้างพระเปรียบได้กับธนาคารบุญ
    ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้างโดยบุญกุศลนั้น
    จะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้มากราบไหว้สักการบูชาเท่ากับจำนวนคนและจำนวนครั้ง

    หลวงปู่ดู่ เคยเล่าให้ศิษย์ฟังอยู่เสมอว่า การสร้างพระพุทธรูปนั้น
    จะมีอานิสงส์มาก แม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าคา ก็จะมีอานิสงส์ถึง 5 กัป
    หลวงปู่ฯ ยกตัวอย่างเช่น คนที่สร้างหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อไร่ขิง
    ตอนนี้เขาเหล่านั้นยังเป็นเทพบุตรเทพธิดา และพรหมในชั้นต่าง ๆ เสวยความสุขอย่างไม่มีจบสิ้น
    เพราะผลบุญที่ได้นี้มันต่อเนื่อง
    เมื่อมีคนไปกราบไปไหว้ หลวงพ่อ ที่หนึ่ง
    สายบุญเหล่านั้นก็จะไหลไปยังเทพบุตรเทพธิดาอย่างต่อเนื่อง เหมือนสายน้ำตก
    แกก็ลองนึกดูเถิดว่าวัน ๆ หนึ่งมีคนไปกราบหลวงพ่อเหล่านั้นมากเพียงไร
    เพราะหลวงปู่ไม่ได้กำหนดให้ผู้ใดผู้หนึ่ง ผูกขาดในการสร้างของท่าน

    อานิสงค์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    นำมาจากส่วนหนึ่งในหนังสือประวัติการสร้างสมเด็จองค์ปฐม
    โดยพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี

    "ส่วนอานิสงส์ของการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ลุง 2 ลุง นายบัญชีกับลุงพุฒิ (หมายถึงท่านพระยายม) ท่านบอกว่า การสร้างองค์ปฐมนี่ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ เอาบัญชีมาให้ดู บอกนี่...บัญชีเล่มนี้ (คือว่าเป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่ที่จดธรรมดา) “บัญชีสีทอง” เป็นทองคำล้วนทั้งเล่มเลย ท่านบอกถ้าสร้างองค์ปฐมลงบัญชีเล่มนี้โดยเฉพาะ ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี่ ต้องเป็นคนมีบุญมาก เพราะว่าการสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด และการทำบุญเนื่องในการสร้างวิหารก็ดี สถานที่ก็ดี เอาของไปประดับก็ตาม อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด คือไม่หมายความต้องมีเงินมากเสมอไป ที่เขามีน้อย ๆ บาทสองบาท สิบสตางค์ยี่สิบสตางค์ พวกนี้เอาไปใส่แท่น อย่างนี้ลงบัญชีสีทองหมด ก็ถามว่าบัญชีสีทองหมายถึงอะไร ท่านบอกมันหมายถึงกลับไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องโมทนาหมด”

    ด้วยอานิสงส์แห่งผลบุญในครั้งนี้ ขอให้ท่านและครอบครัวจงมีแต่ความสุขความเจริญ ประกอบไปด้วยจตุรพิธพรชัย ให้มีอายุวัฒน์ สมบัติบูรณ์ ศิริพูน พลังสาร วรรณโชติ ยศชวาลย์ สุขศานต์ชั่วนิจนิรันดร์ พร้อมด้วยปฏิภาณ ธนสารสมบัติ ทุกประการเทอญ

    กำหนดการ วันอาทิตย์ ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๖
    ๑๑.๓๐ น. พิธีบวงสรวงท้าวมหาราชทั้งสี่ แบบฉบับเจ ณ ดินแดนล้านนา
    ๑๒.๐๐ น. พิธีหล่อพระ ร่วมกันยกปูนเทลงเบ้า พร้อมพระสงฆ์สวดชยันโต
    ๑๓.๓๐ น. พระภิกษุสงฆ์อนุโมทนา เสร็จพิธี
    ๑๘.๓๐ น. แกะบล็อกหล่อ เป็นพระเจ้าทันใจ ในวันเดียว


    การร่วมเดินทาง และร่วมบุญ

    การร่วมบุญ
    ฝากร่วมบุญได้ที่ คุณหมอน้อยฯ

    หรือ ที่บัญชีของพระคุณเจ้าตุดีฯ
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาลี้
    พระตุดี โฆษิตธัมโม
    ออม(อริยะ)ทรัพย์ 347 2 35821 8

    หากสนใจร่วมเดินทาง โปรดแจ้งให้กระผมฯ ได้ทราบ
    โทร. 081-1700 567

    ขอน้อมโมทนาในบุญ ในอานิสงส์ อย่างยอดยิ่ง


    .................................................................................................................................
     
  2. naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    อนุโมทนาสาธุบุญกับทุกๆท่านทุกๆกองบุญกองกุศลครับผม สาธุ
     
  3. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    'อิสราเอล'ยิงจรวดถล่มศูนย์วิจัย'ซีเรีย'

    'อิสราเอล' ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ถล่มศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ในซีเรีย อาจทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางตึงเครียดยิ่งขึ้น ในช่วงที่สงครามในซีเรียกำลังเลวร้ายลง

    31 ม.ค. 56 กองทัพซีเรีย ออกแถลงการณ์ทางสถานีโทรทัศน์ของประเทศ ระบุว่า เครื่องบินรบอิสราเอลบินรุกล้ำเข้าไปในน่านฟ้าของซีเรีย ผ่านภูเขาเฮอร์มอน ตรงแนวพรมแดนระหว่าง ซีเรีย อิสราเอล และเลบานอน เมื่อเช้าวันพุธ และยิงจรวดอย่างน้อย 6 ลูก ถล่มศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ในเมืองจาร์มายา แถบชานเมืองของกรุงดามัสกัสใกล้กับชายแดนเลบานอน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 5 คน รวมทั้งสร้างความเสียหายให้กับศูนย์วิจัยและอาคารใกล้เคียง

    ขณะที่มีรายงานว่า อิสราเอล ได้แจ้งให้สหรัฐทราบเรื่องปฏิบัติการโจมตีครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่าต้องการยิงสกัดขบวนรถต้องสงสัยขนส่งขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเพื่อนำไปมอบให้กลุ่มหัวรุนแรงเฮซบุลเลาะห์ในเลบานอน

    แต่ยังไม่มีความเห็นจากทางการอิสราเอล และสหรัฐ ต่อข่าวการโจมตี และกองทัพซีเรีย ปฏิเสธว่าไม่มีการขนส่งอาวุธดังกล่าว ส่วนรัสเซีย ระบุว่า หากข่าวการโจมตีเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าเป็นการโจมตีต่อเป้าหมายในประเทศที่มีอธิปไตย ทั้งที่ไม่ได้ถูกยั่วยุใดๆ ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ และไม่อาจยอมรับได้

    สถานการณ์สงครามกลางเมืองในซีเรียที่ยืดเยื้อนาน 22 เดือน ทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น ทำให้บรรดาชาติตะวันตก และอิสราเอล วิตกว่า คลังอาวุธขนาดใหญ่ในซีเรีย ที่เก็บอาวุธเคมี อาจตกไปอยู่ในมือกลุ่มหัวรุนแรงเฮซบุลเลาะห์ หรือกลุ่มที่พัวพันเครือข่ายก่อการร้ายอัลไกด้า


    Link จาก....
    http://www.komchadluek.net/detail/20130131/150707/อิสราเอลยิงจรวดถล่มศูนย์วิจัยซีเรีย.html

    ......................................................................................................................................
     
  4. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    'ปธน.ฝรั่งเศส'เดินทางไป'มาลี'

    ปธน.ฝรั่งเศส เดินทางถึงมาลีแล้ว หลังกองกำลังทหารสามารถขับไล่กลุ่มกบฏออกจากเมืองหลวงได้ ขณะที่ 'กรุงปารีส' ปชช.รวมตัวประท้วง กม.แต่งงานของชาวเกย์

    3 ก.พ. 56 หลังจากเดินทางถึงบามาโกเมืองหลวงของประเทศมาลี นายออลลองด์ ก็ให้สัมภาษณ์ว่า แม้ว่ากลุ่มกบฏจะถูกผลักดันออกไปแล้ว แต่ก็ยังไม่หมดไป และสงครามก็ยังไม่จบสิ้นลงทีเดียว กลุ่มก่อการร้ายเพียงแต่สูญเสีย และอ่อนแรงลง กองกำลังฝรั่งเศส จะยังคงอยู่ในมาลีนานเท่าที่จำเป็น

    ในขณะเดียวกัน ชาวเมืองบามาโกต่างก็ออกมาแสดงความดีใจกับชัยชนะของกองทหารฝรั่งเศส ทั้งร้องเพลง เต้นรำ และตีกลอง รวมทั้งโบกธงชาติมาลีและฝรั่งเศสทั่วท้องถนน

    การเดินทางมาเยือนมาลีของนายออลลองด์ เกิดขึ้นหลังจากที่ฝรั่งเศสส่งกำลังทหารเข้าร่วมรบในมาลี 3 สัปดาห์ โดยร่วมกับกองทหารของมาลีและนานาชาติรุกไล่กองกำลังของกลุ่มกบฏออกไปจากเมืองสำคัญทางตอนเหนือ 3 เมือง และเพิ่งจะเข้ายึดเมืองทิมบุกตู ที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งนายออลลองด์เองก็ได้เดินทางไปยังเมืองทิมบุกตู ก่อนที่จะมายังเมืองบามาโก

    แม้ว่าในตอนนี้จะถือว่ากองกำลังฝรั่งเศสประกาศชัยชนะได้อย่างเต็มตัว แต่ภายในมาลี ก็ยังถือว่ามีความตึงเครียดอยู่ไม่น้อย ขบวนของนายออลลองด์ที่เข้าเมืองมานั้นดูเหมือนกองทัพส่วนตัว มีทหารพร้อมสุนัขดมกลิ่นคอยตรวจตรา รวมทั้งกองกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือให้การอารักขาแบบเต็มกำลัง

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความยินดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่หลายฝ่ายก็กังวลกับความตั้งใจในการวางกำลังในมาลีระยะยาวของฝรั่งเศส แต่นายออลลองด์ก็ยืนยันว่า ตั้งใจจะคืนการควบคุมทั้งหมดให้กับกองทัพมาลีอย่างแน่นอน


    Link จาก....
    http://www.komchadluek.net/detail/20130203/150905/%E0%B8%9B%E0%B8%98%E0%B8%99.%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5.html

    ......................................................................................................................................
     
  5. Allymcbe222 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +1,445
    ขอติดตามข่าวสารจากกระทู้นี้นะครับ
     
  6. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ข่าวรอบโลก ฝรั่งเศสห้ามสตรีมุสลิมสวมชุดยาว :CreditOnHand
    202.44.52.234/newsworld.asp?ID=455 - แคชแบ่งปัน

    ข่าวรอบโลก ฝรั่งเศส ห้ามสตรีมุสลิม สวมชุดยาว :CreditOnHand

    ข่าวรอบโลก
    สรุปข่าวรอบโลก
    ข่าว CNN
    ข่าวรอยเตอร์
    ทุกกระแสข่าว ต่างประเทศ
    เช่น การเมือง เศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ ...
    บินลาเดน ระบุว่า ฝรั่งเศส กำลังทำสงคราม กับ อิสลาม ...


    ......................................................................................................................................

    ข่าวเก่า จาก....
    https://www.google.co.th/#hl=th&gs_rn=2&gs_ri=serp&tok=owzXvsZ7_GUiFz7ZT24mSQ&pq=%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%20%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA&cp=30&gs_id=s&xhr=t&q=%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8+%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA+%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1&es_nrs=true&pf=p&tbo=d&sclient=psy-ab&oq=%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8+%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA+%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1&gs_l=&pbx=1&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&fp=2502e5a6d23e20d4&biw=1117&bih=471

    .....................................................................................................................................
     
  7. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ชาวมุสลิมในฝรั่งเศส กำลังแซงหน้า ชาว คาทอลิก
    http://www.sahibzaman.com/index.php?view=article&catid=3%3Anewsflash&id=513%3A2011-09-09-16-22-50&option=com_content&Itemid=56

    ตามการรายงานของ สถาบันโฮเนสตัน ของฝรั่งเศส ;
    ชาวมุสลิม ในประเทศฝรั่งเศส กำลังจะแซงหน้า ชาวคาทอลิก

    ตามการวิจัยของสถาบันโฮเนสตันของฝรั่งเศส
    เมื่อพิจารณาตามสถิติของผู้ปฏิบัติตามศาสนา และศาสนสถานในประเทศฝรั่งเศสแล้ว
    ชาวมุสลิมในประเทศนี้ กำลังจะแซงหน้าชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

    ตามการายงานของสำนักข่าว Abna ; เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ “ลาแอสติมปา”
    ซึ่งได้ตีพิมพ์รายงานนี้โดยเขียนว่า :
    ตามการรายงานนี้ ในประเทศฝรั่งเศส มี มัสยิด กำลังถูกสร้างเพิ่มขึ้น
    มากยิ่งกว่า โบสถ์ของคาทอลิก
    และ จำนวนของชาวมุสลิม ที่เคร่งครัด
    มีมากกว่า จำนวนของชาวคาทอลิก ที่เคร่งครัดศาสนา

    ในคำรายงานนี้ได้กล่าวเสริมว่า :
    ในประเทศนี้ มีมัสยิดที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 150 มัสยิด
    สถิติของจำนวนมัสยิดในช่วงสิบปีที่ผ่านได้กลายเป็นสองเท่าแล้ว
    และในปัจจุบันนี้มีจำนวนมากกว่า 2,000 มัสยิด

    และผู้นำมุสลิมชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้กล่าวว่า
    เพื่อที่จะให้เกิดความพอเพียงต่อความต้องการในการใช้งานของชาวมุสลิมนั้น
    จำนวนมัสยิดจำเป็นจะต้องเพิ่มขึ้นถึง 4,000 มัสยิด

    ในคำรายงานนี้ได้กล่าวว่า : ทั้งหมดนี้ในขณะที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
    มีโบสถ์ของคาทอลิกได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในฝรั่งเศสแค่เพียง 20 แห่งเท่านั้น
    และในขณะเดียวกันมีโบสถ์คาทอลิกได้ถูกปิดลงอย่างเป็นทางการมากกว่า 60 แห่ง
    และจำนวนมากของโบสถ์เหล่านี้เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกเปลี่ยนสถานะไปเป็นมัสยิด

    ในทางสถิติก็เช่นเดียวกัน
    แม้ว่าประชากรจำนวน 65 ล้านคนของฝรั่งเศสนั้น
    64% (41,600,000 คน)ของพวกเขาจะเป็นชาวคาทอลิก
    แต่จำนวนเพียง 1,900,000 คนของชาวคาทอลิกเท่านั้นที่เป็นผู้เคร่งครัดศาสนา

    ในขณะที่ 75% (4,500,000 คน) จากจำนวนประมาณ 6 ล้านคน
    ที่เป็นมุสลิมชาวแอฟริกาเหนือ และชาวแอฟริกาผิวดำ ที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส
    ได้ประกาศ ว่า พวกเขามีความเชื่อมั่นในพระเจ้า

    และ 41% (ประมาณ 2,500,000 คน)
    ถือว่าตัวเองเป็น ชาวมุสลิม ที่มีความเคร่งครัด

    ในคำรายงานนี้ยังได้กล่าวเสริมต่อไปอีกว่า :
    ด้วยการเปรียบเทียบสถิติเหล่านี้ เมื่อพิจารณาในด้านศักยภาพทางศาสนาแล้ว

    ศาสนาอิสลาม ในฝรั่งเศส กำลังจะแซงหน้าศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
    ยกตัวอย่างหนึ่ง สำหรับประเด็นนี้ก็คือ กรณีที่ชาวมุสลิมกลุ่มต่าง ๆ ได้เรียกร้อง
    จากโบสถ์คาทอลิก เพื่อขอให้พวกเขาอนุญาตให้ชาวมุสลิมที่กระทำการนมาซญะมา
    อัตอยู่ในท้องถนน เนื่องจากการขาดแคลนมัสยิด นั้น
    สามารถที่จะเข้าไปอาศัยนมาซในโบสถ์คริสต์ต่าง ๆ ที่ว่างเปล่าได้ ในทุก ๆ วันศุกร์

    บรรดาถนนในกรุงปารีสและเมืองอื่น ๆ ของฝรั่งเศสจะแออัดไปด้วยชาวมุสลิม
    เนื่องจากการขาดแคลนมัสยิด พวกเขาจึงมารวมตัวกันทำนมาซในสถานที่สัญจรสาธารณะ


    เลแป็ง ผู้นำกลุ่มแนวหน้าแห่งชาติของฝรั่งเศส ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า
    การจัดนมาซญะมาอัตของชาวมุสลิมบนท้องถนนต่าง ๆ ของฝรั่งเศสนั้น


    ถือเป็น การยึดครองประเภทหนึ่ง

    ......................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ในฝรั่งเศส

    จำนวน 1,900,000 คน ของชาวคาทอลิกเท่านั้น
    ที่เป็น ผู้เคร่งครัดศาสนา


    ประมาณ 2,500,000 คน ของ ชาวมุสลิม
    ถือว่าตัวเองเป็น ชาวมุสลิม ที่มีความเคร่งครัด


    ฝรั่งเศส
    มีชาวคาทอลิกผู้เคร่งครัด น้อยกว่า อิสลามผู้เคร่งครัด

    อันนี้ ก็น่าคิด....

    ......................................................................................................................................
     
  9. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    เบื้องหลัง ภาพยนตร์ดูหมิ่นอิสลาม และศาสดา(ซ็อลฯ)
    ของอเมริกาและไซออนิสต์ + เนื้อหาของฟิล์ม

    Written by ทีมงาน Sahibzaman.com
    Friday, 14 September 2012 17:58


    LinK จาก....
    http://www.sahibzaman.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1161:2012-09-14-18-14-01&catid=3:newsflash&Itemid=56

    รัฐบาลอเมริกา ซึ่งขณะนี้ ต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของมุสลิมที่ได้ตื่นขึ้นนั้น
    และกำลังพยายามทำให้ตัวเองบริสุทธิ์จากการกระทำที่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามนี้
    แต่ทว่าจะสามารถเชื่อได้หรือไม่ว่า การสร้างภาพยนตร์ที่มีต้นทุนสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์
    และ การดำเนินการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องของบาทหลวงผู้บ้าคลั่ง จะกระทำ โดย
    ปราศจากการรู้เห็นเป็นใจ และการสนับสนุนจาก เจ้าหน้าที่ของธรรมเนียบขาว

    ตามการรายงานของมัชริกนิวส์ : ในขณะที่มีการแพร่ภาพออกอากาศภาพยนตร์
    ที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ได้กลายเป็นสาเหตุของความโกรธแค้นของชาวมุสลิม
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศลิเบียและอียิปต์
    และการบุกโจมตีเข้าไปยังสถานทูตอเมริกาในประเทศเหล่านี้

    เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร?

    ภาพยนตร์ดังกล่าวถูกเผยแพร่โดย “เทอร์รี่ โจนส์” (Terry Jones)
    บาทหลวงที่ต่อต้านศาสนาอิสลามชาวอเมริกันจากรัฐฟลอริดา
    โดยที่เขาได้ประกาศว่า “การเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้น
    เนื่องในโอกาสการครบรอบเหตุการณ์การโจมตี 11 กันยายน”

    ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 2 ชั่วโมง
    บุคลิกภาพอันสูงส่งของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ผู้บริสุทธิ์
    ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องน่าขบขัน
    และถูกวาดภาพ ให้เป็นบุคคลที่กระทำบาป อย่างมากมาย

    นาย “แซม บาไซล์” (Bacile) นักเขียนและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
    ซึ่งมีชื่อว่า “ความไร้เดียงสาของชาวมุสลิม” (Innocence of Muslims)
    เป็นชาวยิวอเมริกัน จากรัฐแคลิฟอร์เนีย และทำงานอยู่ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

    แต่การเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่องนี้ นาย “เทอร์รี่ โจนส์” เป็นผู้รับผิดชอบ

    นาย “แซม บาไซล์” ซึ่งขณะนี้กำลังหลบซ่อนตัวอยู่
    เขาได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ “Wall Street Journal” ว่า
    “ชาวยิวมากกว่า 100 คน ได้ให้เงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์”
    เพื่อสนับสนุนด้านการเงินในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้
    และภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นภายในระยะเวลา 3 เดือน
    โดยมีนักแสดงจำนวน 60 คน และผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างจำนวน 45 คน

    ตามคำพูดของนายแซม บาไซล์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เพิ่งนำออกฉายเพียงครั้งเดียว
    ในช่วงต้นของปีนี้ ณ ห้องโถงแห่งหนึ่งใน Hollywood
    ซึ่งโดยประมาณแล้วมีผู้ชมไม่มากนัก

    นายเทอร์ รี่โจนส์ บาทหลวงของโบสถ์ “Ginzovil” ในรัฐฟลอริดา
    สถานีโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น ได้บรรยายถึงลักษณะของเขาไว้ในเว็บไซต์ของตนว่า
    เป็น “พวกอยากดัง” ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนพฤษภาคมของปีนี้

    เขาได้เผา คัมภีร์อัลกุรอาน

    และในวันที่ 20 มีนาคม 2011
    เขาก็ได้เผาคัมภีร์อัลกุรอานหนึ่งเล่ม ภายโบสถ์ของเขาด้วยเช่นกัน
    การดังกล่าวของเขาทำให้มีการประท้วงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง
    ในประเทศอัฟกานิสถาน เป็นผลทำให้มีผู้เสียชีวิต
    และได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายสิบคน

    ภาพยนตร์ดูหมิ่นเหยียดหยามเรื่องนี้
    ถูกนำเสนอด้วย ชื่อเรื่อง สองชื่อ คือ

    “ความไร้เดียงสาของชาวมุสลิม” (Innocence of Muslims)
    และ “ชีวิตของมูฮัมมัด (ซ็อลฯ) ศาสดาแห่งอิสลาม”

    เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่กำกับโดยผู้สร้างภาพยนตร์มือสมัครเล่น
    ชื่อ “แซม บาไซล์” (Sam Bacile) และมีฉากต่าง ๆ
    ที่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)
    ซึ่งเป็นที่น่าละอายใจ เกินกว่าที่จะกล่าวถึงมันได้

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ เคยฉายไปเพียงครั้งเดียวก่อนหน้านี้ ณ ห้องโถงของ Hollywood
    ซึ่งเป็นรอบพิเศษ และตามกำหนดการจะนำมาฉายอีกครั้ง
    ในวันครบรอบการโจมตี 11 กันยายน ณ โบสถ์ของนายเทอร์รี่ โจนส์
    (บาทหลวงผู้บ้าคลั่ง) แต่การฉายครั้งนี้ต้องถูกยกเลิกไป

    จากการประกาศแจ้งก่อนหน้านั้น
    บาทหลวงผู้นี้ได้จัดกิจกรรมที่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามอีกอย่างหนึ่ง
    ซึ่งมีชื่อว่า “การดำเนินคดีของประชาชนต่อมุฮัมมัด” (ซ็อลฯ)
    และตามความคิดเห็นของเขา เขาได้ตัดสินคดีต่อท่านศาสดามุฮัมมัด(ซ็อลฯ) แล้ว
    และตามกำหนดการภาพยนตร์เรื่องนี้ จะถูกฉายพร้อมกับการดำเนินคดีดังกล่าว

    แม้ว่า จะมีการยกเลิกการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม
    แต่ตอนต่าง ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถูกเผยแพร่ออกอากาศในอินเทอร์เน็ต
    และเนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวได้กระทำโดยชาวเผ่ากิปฏี (Copts)
    ผู้อพยพชาวอียิปต์

    ดังนั้นปฏิกิริยาต่อต้านอันดับแรกต่อการกระทำครั้งนี้
    จึงเกิดขึ้นจากประเทศอียิปต์ และติดตามมาด้วยประเทศลิเบีย
    และจากนั้นก็เป็นเยเมนและลุกลามไปสู่ประเทศอื่น ๆ ตามลำดับ

    บุคคลสำคัญของชาวมุสลิม ชาวคริสต์และชาวเผ่ากิปฏี (Copts)
    และแม้แต่ทำเนียบขาวเองก็ได้ประณามการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน

    แต่มุสลิมผู้โกรธแค้นในอียิปต์และลิเบีย
    ได้บุกโจมตีไปยังตัวแทนทางการเมืองของอเมริกาใน "ไคโร" และ "เบนกาซี"
    และ ได้สังหารทูตของอเมริกาในลิเบีย

    รัฐบาลอเมริกาซึ่งขณะนี้ ต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของชาวมุสลิมที่ได้ตื่นขึ้น
    และกำลังพยายามทำให้ตัวเองบริสุทธิ์จากการกระทำที่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามนี้

    แต่ทว่าจะสามารถเชื่อได้หรือไม่ว่า
    การสร้างภาพยนตร์ที่มีต้นทุนสูงถึง 5 ล้านดอลลาร์
    และการดำเนินการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องของบาตรหลวงผู้บ้าคลั่ง

    จะกระทำโดยปราศจากการรู้เห็นเป็นใจ
    และการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ของธรรมเนียบขาว?!

    ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยาว 2 ชั่วโมง
    แต่คลิปวิดีโอบางส่วนต่าง ๆ (ที่เป็นภาษาอังกฤษและพากย์เป็นภาษาอียิปต์ท้องถิ่น)
    ได้ถูกเผยแพร่ใน "YouTube"

    รายละเอียดของภาพยนตร์

    ชื่อเรื่อง : "ความไร้เดียงสาของชาวมุสลิม" (Innocence of Muslims)
    (ชีวิตของมุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ศาสดาแห่งอิสลาม)
    ผู้ผลิตและอำนวยการสร้าง : นาย "แซม บาไซล์” (Sam Bacile)
    ผลิตที่ : สหรัฐอเมริกา – ปี 2011
    ความยาว : 120 นาที
    ผู้สนับสนุนทางด้านวัตถุ (การเงิน) : ชาวไซออนิสต์

    ผู้สนับสนุนทางจิตวิญญาณ (แรงใจ) :
    "อิสมัต ซักละมะฮ์" หัวหน้ารัฐบาลพลัดถิ่นของชาวอียิปต์โบราณ (ชาวกิปฏี)
    (คณะกรรมการการปกครองชาวกิปฎี (Copts) ผู้อพยพในอเมริกา)
    "มอริส ซอดิก" ทนายความศาลยุติธรรมชาวกิปฏี
    "เทอร์รี่ โจนส์” บาทหลวงที่เผาคัมภีร์อัลกุรอานชาวอเมริกัน

    เนื้อหาโดยสรุปของภาพยนตร์

    ภาพยนตร์นี้ เริ่มต้นด้วยฉากการบุกโจมตีของกลุ่มพวกหัวรุนแรง
    เข้าไปในร้านขายยาแห่งหนึ่งของชาวกิปฏี (Copts) ในประเทศอียิปต์
    ในฉากนี้ชาวมุสลิมที่มีเครายาวจำนวนไม่กี่คน
    ได้บุกโจมตีเข้าไปในร้านขายยาของเภสัชกรผู้นี้โดยใช้ท่อนไม้และขวาน
    และพร้อมกับทำร้ายภรรยาของเขาอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน
    พวกเขาได้ทำลายร้านขายยาของเขาลงอย่างราบคาบ
    ตำรวจได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ครั้งนี้เพียงเท่านั้น

    หลังจากฉากนี้แล้ว
    เนื้อหาของภาพยนตร์ก็ดำเนินเข้าสู่ชีวิตของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ)
    ในช่วงยุคเริ่มแรกของอิสลาม พร้อมกับการแสดงฉากต่าง ๆ ที่หยาบช้า
    (ซึ่งไม่อาจที่จะนำมากล่าวถึงได้)

    นอกเหนือจากการดูหมิ่นเหยียดหยามท่านศาสดา (ซ็อลฯ) แล้ว
    ยังชี้ให้เห็นอิสลามในฐานะ "มะเร็งร้าย"
    และชาวมุสลิมเป็นบุคคลที่มีความโหดร้าย หล้าหลัง มีความรุนแรงและชอบหลั่งเลือด

    นอกเหนือจากฉากต่าง ๆ ที่เป็นเรื่องเหลวไหล ซึ่งไม่ควรค่าที่จะนำมากล่าวถึงแล้ว

    ส่วนหนึ่งจากความชั่วร้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ
    ได้นำเสนอว่ามุสลิมเป็นพวกที่ชอบกลั่นแกล้งทรมานผู้อื่น
    ในฉากหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีหญิงชราผู้หนึ่งถูกทรมานด้วยวิธีที่พิสดาร
    ในขณะที่ในประวัติศาสตร์ของอิสลาม ไม่เคยพบเรื่องราวเช่นนี้เลย
    ในความเป็นจริงแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ พยายามที่จะพลาดพิงอาชญากรรมส่วนใหญ่
    ที่ทหารอเมริกัน อิสราเอลและตะวันตกได้กระทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
    กับประชาชนชาวปาเลสไตน์ ชาวอิรักและชาวอัฟกานิสถาน
    และสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้อย่างไร้ยางอายต่ออิสลามและชาวมุสลิมในค่ายกักกัน
    “กวนตานาโม” (Guantanamo) และ "อาบูกาหริบ" (Abu Ghraib)

    ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นักแสดงชาวอเมริกันได้รับบทบาทเป็นท่านศาสดา (ซ็อลฯ)
    โดยมีพฤติกรรมที่เหมือนตัวตลกและที่น่ารังเกียจ

    และในภาพยนตร์เรื่องนี้มีความพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่า
    การประทานวะห์ยู (วิวรณ์) หรือคัมภีร์อัลกุรอานลงมายังท่านศาสดา (ซ็อลฯ) นั้น
    เป็นเรื่องโกหกมดเท็จ

    หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal)
    ได้เขียนบรรยายถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า :
    ภาพยนตร์เรื่อง "ความไร้เดียงสาของชาวมุสลิม" (Innocence of Muslims) นั้น
    เป็นภาพยนตร์การเมืองไม่ใช่ภาพยนตร์เกี่ยวกับศาสนา
    และในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กล่าวถึงศาสนาอิสลามในฐานะ “มะเร็งร้าย”

    มาทำความรู้จักกับ ผู้อำนวยการผลิต

    นาย "แซม บาไซล์” (Sam Bacile)
    เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกาสัญชาติอิสราเอล-อเมริกัน
    เขาเป็นที่ปรึกษาในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเป็นผู้อำนวยการของบริษัทต่าง ๆ
    เกี่ยวกับอาคารก่อสร้าง ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในแคลิฟอร์เนียใต้
    แม้จะไม่มีการเผยแพร่รูปภาพใด ๆ ของเขา แต่เขาเป็นบุคคลที่มีสถานะอยู่จริง
    และมีอายุระหว่าง 52-56 ปี (กล่าวคือ แซม บาไซล์ ไม่ใช่เป็นเพียงนามสมมุติ)

    นับจากวันอังคารที่ 11 กันยายน 2012
    ที่นายแซม บาไซล์ ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไซออนิสต์ "ฮาอาเร็ตซ์" (Haaretz)
    และหนังสือพิมพ์อเมริกัน "วอลล์สตรีทเจอร์นัล" (Wall Street Journal) แล้ว
    เขาก็ได้หายตัวไป และไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับสถานที่ซ่อนตัวของเขาอีกเลย

    เขาได้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ "Wall Street Journal" ว่า
    "มีการรวบรวมเงินจำนวน 5 ล้านดอลลาร์ จากชาวยิวมากกว่า 100 คน
    เพื่อสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ และภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้น
    ในช่วงกลางปีที่แล้ว ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นเวลา 3 เดือน
    โดยมีนักแสดง 60 คน และมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้าง 45 คน

    แม้จะมีค่าใช้จ่ายมหาศาล
    แต่คุณภาพของภาพยนตร์กลับต่ำมาก
    การตกแต่งและฉากต่าง ๆ เป็นเหมือนมือสมัครเล่น และธรรมดามาก
    แต่หลังจากการแสดงออกถึงความเคียดแค้นชิงชังของมุสลิมทั่วโลก
    บรรดาสื่อตะวันตกพยายามที่จะปกปิดตัวตนที่แท้จริงของผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้

    หนังสือพิมพ์ “Deutsche Welle” (DW) ในรายงานหนึ่งได้กล่าวอ้างว่า :
    นักเคลื่อนไหวชาวคริสต์ผู้หนึ่ง ซึ่งตามคำพูดของเขานั้น
    เขามีส่วนร่วมในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย แต่เขาบอกว่า
    "แซม บาไซล์” (Sam Bacile) เป็นเพียงชื่อสมมุติ (นามปากกา)
    และบุคคลดังกล่าว ไม่ใช่เป็นผู้ที่นับถือศาสนายูดาย
    และก็ไม่ใช่ชาวอิสราเอลแต่อย่างใดทั้งสิ้น
    ตามคำพูดของ “สตีฟ ไคลน์” (Steve Klein)
    พลเมืองของสหรัฐอเมริกากลุ่มหนึ่งที่เกิดในตะวันออกกลาง
    เป็นผู้ที่ได้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้

    หนังสือพิมพ์ “Deutsche Welle” ได้กล่าวอ้างว่า :
    ตามการแจ้งของแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ของอิสราเอล
    คนที่ชื่อ "แซม บาไซล์” (Sam Bacile)
    ไม่มีอยู่ในทะเบียนราษฎร์ของประชาชนของประเทศนี้เช่นกัน
    นาย “สตีฟ ไคลน์” (Steve Klein) ได้แสดงให้เห็นว่า
    ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานะที่แท้จริงของผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้

    สปอนเซอร์ของภาพยนตร์
    กลุ่มที่ถูกรู้จักในนาม "ชาวกิปฏี (Copts) หรือชาวอียิปต์โบรานผู้อพยพ” :
    ดร.อิสมัต ซักละมะฮ์ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของชาวกิปฏีผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน
    และอาศัยอยู่ในอเมริกา ในช่วงปีที่ผ่านมา โดยข้อกล่าวอ้างที่ว่า ชาวคริสต์คอปติก (กิปฏี)
    ในอียิปต์กำลังเผชิญกับการถูกกดขี่และการเข่นฆ่าสังหาร"

    ดังนั้นเขาจึงได้จัดตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่นของชาวกิปฏี (คอปติก)"
    และประกาศตัวเองเป็นผู้นำ เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของรัฐบาลพลัดถิ่นนี้
    ได้แก่ นาย "มอริซ ซอดิก" เป็นผู้อำนวยการบริหาร นาย “นะบีล บิซาดะฮ์”
    เป็นเลขาธิการ และนาย “อีลิยา บาลีซี่" ผู้ประสานงานระหว่างประเทศ

    แต่ผู้นำของชาวกิปฏี (Copts) ทีพำนักอาศัยในอียิปต์ได้ปฏิเสธการจัดตั้งรัฐบาลนี้
    พร้อมกับประกาศว่า พวกเขาถือว่า ดร.อิสมัต ซักละมะฮ์ และนายมอริซนั้น
    ไม่ใช่ตัวแทนของพวกเขา

    นาย "เทอร์รี่ โจนส์" :
    บาทหลวงของโบสถ์คริสต์เล็ก ๆ ในรัฐฟลอริดา
    เขาไม่มีสถานะใด ๆ ในหมู่ชาวคริสต์ของอเมริกา
    และโบสถ์ในท้องที่ของเขามีผู้เข้าร่วมประมาณ 20 คน และสูงสุดเพียง 50 คนเท่านั้น

    นับจากวันที่ 11 กันยายน 2001 จวบจนถึงขณะนี้
    เขาได้เริ่มต้นการโจมตีโลกอิสลาม ร่วมกับภรรยาของเขา ณ โบสถ์เล็ก ๆ
    ในเมือง "Gainesville" ในวันครบรอบปีที่เก้าของการโจมตีในเหตุการณ์ 11 กันยายน

    นายเทอร์รี่ โจนส์ เรียกร้องให้มีการจัดพิธีเผาคัมภีร์อัลกุรอาน
    และในที่สุดหลังจากการประโคมข่าวอย่างมากมายของสื่อต่าง ๆ
    ทำให้มีชื่อในทางลบในระดับโลก

    และในวันที่ 20 มีนาคม 2011 เขาจึงได้ปฏิบัติการในสิ่งที่น่าเกลียดนี้

    ผลพวงของการกระทำที่โง่เขลานี้ของเขา
    ได้กลายเป็นความทุกข์ยากของชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศอิสลาม
    และเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติ และเพียงใน "มิซาร ชะรีฟ" ในอัฟกานิสถาน
    กองกำลังขององค์การสหประชาชาติต้องถูกฆ่าสังหารอย่างน้อยที่สุดจำนวน 12 คน

    นายเทอร์ รี่โจนส์ ถูกปฏิเสธจากผู้นำของศาสนาคริสต์ด้วยเช่นกัน
    และนอกเหนือจากการถูกประณามอย่างเป็นทางการโดย "วาติกัน" แล้ว
    บาทหลวงของคริสเตียนจำนวนมากก็ปฏิเสธการทำงานของเขา

    ผู้นำศาสนาของเมือง “เดียร์บอร์นซิตี้”
    ก็ได้ประกาศจุดยืนคัดค้านการตัดสินใจที่ต่อต้านศาสนาเช่นนี้ของนายเทอร์รี่ โจนส์
    โดยที่พวกเขาได้มาชุมนุมกันที่ด้านหน้าของศูนย์กลางอิสลามในเมือง “เดียร์บอร์นซิตี้”
    เพื่อประกาศ ว่า พวกเขาคัดค้าน การแสดงถึงการดูหมิ่นเหยียดหยาม ความรู้สึกของ
    ชนกลุ่มน้อย ชาวมุสลิม

    หลังจากการใช้โอกาสจากเสียงอึกกระทึกคึกโคมของการประโคมข่าว
    เกี่ยวกับการเผาคัมภีร์อัลกุรอานในช่วงสองปีที่ผ่านมา
    ได้เปลี่ยนจากบาทหลวงชาวชนบทคนหนึ่งกลายเป็นบุคคลระดับโลก

    ในปีที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน
    เขาได้เริ่มต้นการโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ อย่างเผ็ดร้อน

    ท้ายที่สุดเขาก็ได้เผาคัมภีร์อัลกุรอานหนึ่งเล่ม

    และในปีนี้ก็เช่นกัน เขาได้เปิดตัวการแสดงที่น่าหัวเราะในชื่อ
    “การพิพากษาของประชาชนต่อศาสดา (ซ็อลฯ)”

    การใช้ประโยชน์ในทางไม่ชอบของผู้กำกับจากนักแสดงภาพยนตร์

    ในสภาพเช่นนี้ นักแสดงหญิงที่รับบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้
    ได้อ้างว่า นักแสดงภาพยนตร์ ไม่รู้ถึงเจตนาที่ผู้สร้างภาพยนตร์ต้องการจากภาพยนตร์
    เรื่องนี้ เธอกล่าวว่า “ไม่มีผู้ใดกล่าวกับเธอว่าท้ายที่สุดแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้
    จะดำเนินไปถึงจุดใด ทว่าในช่วงของการถ่ายทำนั้น ภาพยนตร์ดังกล่าวมีชื่อว่า
    “บรรดานักรบแห่งทะเลทราย”
    และช่วงเวลาของมันก็เป็นช่วงก่อนการถือกำเนิดของท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ซ็อลฯ)
    หลายพันปี”

    นักแสดงผู้นี้มีชื่อว่า "ซินดี้ ลี การ์เซีย" (Cindy Lee Garcia)
    เธอกล่าวว่า "ตามที่ตกลงนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับศาสนาแต่อย่างใด
    ทั้งสิ้น แต่ต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น
    สภาพการณ์ในประเทศอียิปต์เป็นอย่างไร ในภาพยนตร์เรื่องนี้
    แต่เดิมไม่มีสิ่งใดที่เกี่ยวของกับ (ท่านศาสดา) มุฮัมมัด (ซ็อลฯ) หรือชาวมุสลิมเลย”

    อีกคนหนึ่งจากสมาชิกของทีมผู้สร้างภาพยนตร์ที่น่าเกลียดนี้
    ซึ่งด้วยเหตุผลต่าง ๆ ทางด้านความปลอดภัย ได้ขอร้องไม่ให้เปิดเผยชื่อของตน
    ในวันพุธข้อความหนึ่งที่ส่งถึงสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ได้กล่าวว่า
    “นักแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
    และรู้สึกว่าผู้สร้างภาพยนตร์ได้ใช้ประโยชน์ในทางมิชอบจากพวกเขา
    เราไม่สนับสนุนภาพยนตร์เรื่องนี้ และเราก็เข้าใจผิดเกี่ยวกับเป้าหมาย และวัตถุประสงค์
    ของมัน พวกเราตกตะลึงกับการเขียนสคริปต์ใหม่ และเรื่องโกหกต่าง ๆ
    ที่กล่าวโดยผู้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้”

    ทำนองเดียวกันนี้ แถลงการณ์ฉบับหนึ่งถูกตีแผ่จากบรรดานักแสดง
    และในแถลงการณ์นี้ได้กล่าวว่า ชื่อของท่านศาสดาอิสลาม (ซ็อลฯ)
    และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสลามนั้น
    ถูกเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ภายหลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนต่าง ๆ
    ของการถ่ายทำภาพยนตร์ดังกล่าว

    ทำนองเดียวกันนี้ บทสนทนาต่าง ๆ ที่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามของภาพยนตร์ดังกล่าว
    ไม่ได้มีการบันทึกในระหว่างการถ่ายทำ แต่มันมีการแก้ไขในภายหลังโดยการพากย์
    และการเปลี่ยนแปลงแทนที่บทสนทนาเดิม

    ในแถลงการณ์นี้ได้ย้ำว่า
    นายแซม บาไซล์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
    ได้ใช้ประโยชน์ในทางมิชอบจากบรรดานักแสดง

    หมายเหตุ : ในสำนวนทั่วไปเรียกชาวกิปฏี (อียิปต์โบราน) นี้ว่า ชาวคอปติก (Coptic)

    อ้างอิง : http://www.mashreghnews.ir/fa/news/154003

    ......................................................................................................................................

    รัฐบาลอเมริกา
    ซึ่งขณะนี้ ต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้น
    ของ มุสลิม ที่ได้ "ตื่นขึ้น" นั้น


    น่าจะเป็นอีกมูลเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ อิสลาม "รวมตัวกัน"

    .............................................................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    มุสลิมไทยโพสต์
    http://asia.muslimthaipost.com/content.php?page=sub&category=82&id=12352

    สถาบัน ผลิต อิหม่ามในฝรั่งเศส ก่อตั้งมาแล้ว 20 ปี

    สำนักข่าวอัล-อาราบิยา
    สถาบัน Human Sciences de Saint-Leger-de-Fougeret ในฝรั่งเศส
    เปิดคอร์สสอนท่องจำอัล-กุรอาน ศาสนวิทยา และวรรณคดีอาหรับ
    โดยขณะนี้มีนักศึกษาชาย-หญิงจากทั่วประเทศศึกษาอยู่ประมาณ 220 คน

    สถาบันแห่งนี้ มีการสอนถึงในระดับปริญญาโท
    ซึ่งนักศึกษาที่จบแล้ว สามารถไปเป็นอิหม่ามของมัสยิดในชุมชนที่พวกเขาอยู่อาศัย

    เชื่อกันว่าฝรั่งเศส เป็นประเทศที่มีมุสลิมอาศัยอที่ยู่มากที่สุดในทวีปยุโรป
    โดยมีตัวเลขอยู่ที่ระหว่าง 3.5 – 6 ล้านคน
    แต่ไม่เคยมีการสำรวจว่า มุสลิมฝรั่งเศส จำนวนเท่าใด ที่ปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำ

    มุสลิมยุโรปเหล่านี้ เป็นประชากรรุ่นที่ 2 หรือ 3 ที่มีบรรพบุรุษเป็นผู้อพยพ
    แต่หลายคนไม่สามารถอ่าน เขียน หรือแม้แต่พูดภาษาอาหรับได้

    ผู้อำนวยการสถาบัน ซุแฮร์ มะฮฺมู้ด กล่าวว่า นักศึกษาจะเริ่มเรียนภาษาอาหรับก่อน
    ในระหว่าง 2 ปีแรก และหากเขายังตัดสินใจที่จะเรียนต่อ
    พวกเขาก็จะได้เรียนกฎหมายชาริอะฮฺ และการท่องจำอัล-กุรอาน เป็นลำดับสุดท้าย
    โดยนักศึกษาต้องเสียค่าธรรมเนียมการศึกษารายปี รวมทั้งค่าอาหารและที่พัก
    คนละประมาณ 3,400 ยูโร หรือ 4,400 ดอลล่าร์

    สถาบันแห่งนี้ ริเริ่มสร้างขึ้นบริเวณชานกรุงปารีส เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว
    โดยในครั้งนั้น สหภาพองค์กรแห่งอิสลาม ได้เปลี่ยนสนามเด็กเล่น
    ให้เป็นสถาบัน สำหรับฝึกสอนอิหม่าม


    .....................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    มุสลิมฝรั่งเศส
    ถูกเลือกปฏิบัติในการรับเข้าทำงาน

    http://asia.muslimthaipost.com/content.php?page=sub&category=82&id=12217


    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา
    มีการเปิดเผยรายงานที่จัดทำโดย David Laitin อาจารย์จากคณะรัฐศาสตร์
    ม.แสตนฟอร์ด ซึ่งระบุว่า มุสลิมในฝรั่งเศสถูกเลือกปฏิบัติ
    และมีโอกาสได้รับการพิจารณาเข้าทำงานน้อยกว่าผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ ถึง 2.5 เท่า

    แม้จะมีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถที่เท่าเทียมกัน
    รวมทั้งมีเชื้อสายบรรพบุรุษมาจากแอฟริกาเหนือเหมือนกันก็ตาม

    นับเป็นครั้งแรกในฝรั่งเศส ที่มีการทำรายงานโดยอ้างอิงด้านศาสนา
    โดยที่ผ่านมารายงานมักใช้เกณฑ์ในการเปรียบเทียบด้านเชื้อชาติ และพื้นที่ทางภูมิศาสตร์

    อาจารย์เดวิด แสดงความหวังว่า การวิจัยที่แสดงในรายงานฉบับนี้
    น่าจะช่วยพัฒนาด้านนโยบายของประเทศฝรั่งเศส

    เพราะหากไม่มีข้อมูลเหล่านี้ ก็จะเป็นการยากในการทำความเข้าใจ
    และแก้ไขสถานการณ์ที่ประชาชนฝรั่งเศสส่วนหนึ่งกำลังถูกเลือกปฏิบัติ

    รัฐบาลฝรั่งเศส ไม่มีนโยบายเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลด้านศาสนา
    และภูมิหลังของชนกลุ่มน้อยมาก่อน

    นอกจากอาจารย์เดวิด แล้ว
    ยังมีอีก 2 ท่านที่ร่วมในการทำวิจัย คือ
    แคลร์ อาดิด้า จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย-ซาน ดิเอโก
    และมารี-แอนน์ วัลฟอร์ด จากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์

    โครงการเริ่มในปี 2552 โดยสอบถามชาวเซเนกัลคริสเตียน และมุสลิม 500 คน
    ที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส และยังมีการออกแบบการทดสอบในการสมัครงาน
    โดยยื่นใบสมัครในชื่อต่างๆ ที่แสดงถึงศาสนา และภูมิหลังของผู้สมัคร

    ซึ่งในใบสมัครงาน ที่ระบุชื่อ แบบมุสลิม ได้รับการเรียกเข้าสัมภาษณ์เพียง 38 ครั้ง
    ในขณะที่การยื่นใบสมัครในชื่อ แบบคริสเตียน ถูกเรียกเข้าสัมภาษณ์ถึง 100 ครั้ง


    .....................................................................................................................................

    ก็น่าที่จะมีแรงกดดัน อยู่ในส่วนลึก

    ......................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    มุสลิม ส่อเค้าประท้วงหนักขึ้น

    นิตยสารฝรั่งเศส พิมพ์การ์ตูน ล้อ ศาสดา อีก

    http://www.nokroo.com/BrowseContent.php?cat_id=1&id=19567

    นิตยสารฝรั่งเศส เติมเชื้อไฟแห่งความโกรธแค้น ของชาวมุสลิม

    ด้วยการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดอีกระลอก
    มีหัวข้อกำกับว่า "แตะต้องไม่ได้ 2" พร้อมมีข้อความในเครื่องหมายคำพูดว่า
    ห้ามล้อเลียน ขณะที่สถานการณ์ประท้วงในโลกอิสลามยังบานปลาย
    และอาจทวีหนักขึ้นอีก...

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันพุธที่ 19 ก.ย.2555
    ถึงความคืบหน้า สถานการณ์ชาวมุสลิม ลุกฮือประท้วงคลิปภาพยนต์
    ล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด เรื่อง “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์”

    ซึ่งกลุ่มมือสมัครเล่นชาวคริสเตียนหัวรุนแรงในสหรัฐฯสร้างขึ้น
    และโพสต์บางส่วนยาว 14 นาที ลงเว็บไซต์ “ยูทูบ”
    จนความรุนแรงปะทุขึ้นในหลายสิบประเทศทั่วโลกตั้งแต่ 11 ก.ย.
    มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30 คน รวมทั้งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในลิเบีย

    ล่าสุดการประท้วงยังไม่ยุติ
    แถมมีท่าทีจะบานปลายหนักหนาสาหัสกว่าเดิม

    เมื่อนิตยสารฝรั่งเศสเติมเชื้อไฟแห่งความโกรธแค้นของชาวมุสลิม
    ด้วยการตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดอีกระลอก

    นิตยสารรายสัปดาห์ “ชาร์ลี เฮบดู” ในกรุงปารีส ฉบับประจำวันพุธที่ 18 ก.ย.
    ตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดรวม 4 ภาพ ทั้งบนปกหน้า 1 หน้าใน และปกหลัง

    โดยบนปกเป็นภาพการ์ตูนชาวมุสลิม ซึ่งคาดว่าเป็นศาสดามูฮัมหมัดนั่งในวีลแชร์
    หรือรถเข็นของคนพิการ มีชาวยิวนิกายออร์โธด็อกซ์เป็นผู้เข็น มีหัวข้อกำกับว่า
    “แองตุชกาบลส์ 2” เป็นภาษาฝรั่งเศส หรือ “อินทัชเอเบิลส์ 2” ในภาษาอังกฤษ
    พร้อมมีข้อความในเครื่องหมายคำพูดว่า "โฟต์ ปาส์ เซอ มอเกร์"
    แปลเป็นไทยว่า "ห้ามล้อเลียน"
    ซึ่งอ้างอิงถึงภาพยนต์ที่พิชิตรางวัลของฝรั่งเศส
    เกี่ยวกับชาวผิวดำผู้ช่วยเหลือขุนนางคนหนึ่งที่พิการ เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงคอลงมา

    ส่วนการ์ตูนหน้าใน รวมทั้งภาพเปลือยของศาสดามูฮัมหมัด
    และบนปกหลัง เป็นภาพศาสดามูฮัมหมัดสวมผ้าโพกศรีษะของชาวมุสลิม
    เปลือยบั้นท้ายหันใส่ผู้กำกับภาพยนต์คนหนึ่ง
    ล้อเลียนฉากในภาพยนต์ฝรั่งเศสปี 2506 ซึ่งบริจิตต์ บราโดต์
    ดาราสาวชาวฝรั่งเศสชื่อดังแสดงนำ

    หลังการตีพิมพ์การ์ตูนชุดนี้ เว็บไซต์ของชาร์ลี เฮบดู ถึงกับล่ม
    เพราะมีผู้โพสต์ข้อความเข้าไปแสดงความคิดเห็นล้นหลาม
    มีทั้งอีเมล์แสดงความเกลียดชังและข้อความสนับสนุน ด้านบรรณาธิการของชาร์ลี เฮบดู
    ซึ่งเดิมเป็นนักเขียนการ์ตูน ใช้นามปากกา “ชาร์บ” แถลงปฏิเสธว่าไม่ได้จงใจยั่วยุ
    ในห้วงเวลาอ่อนไหวเช่นนี้ พร้อมย้อนถามว่า เสรีภาพของสื่อเป็นการยั่วยุหรือ?
    ตนไม่ได้ขอร้องให้ชาวมุสลิมเคร่งศาสนามาอ่านชาร์ลี เฮบดู เหมือนกับที่ตนจะไม่ไปมัสยิด
    เพื่อฟังสุนทรพจน์ ที่ขัดกับความเชื่อของตน

    นิตยสารชาร์ลี เฮบดู เคยสร้างความโกรธแค้นให้โลกอิสลามมาแล้ว
    โดยปีที่แล้วตีพิมพ์ฉบับพิเศษ เรียกว่า “ชารีอะต์ เฮบดู” ล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด
    จนสำนักงานของชาร์ลี เฮบดู ในกรุงปารีส ถูกขว้างด้วยระเบิดเพลิงเมื่อเดือน พ.ย.2554

    ก่อนหน้านี้ในปี 2548 ก็มีการตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดในเดนมาร์ก
    จนเกิดกระแสประท้วงรุนแรงทั่วโลกอาหรับ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 คน

    ด้านนายกรัฐมนตรีฌอง มาร์ก เอโฮต์ ของฝรั่งเศส
    ให้สัมภาษณ์วิทยุ “อาร์เตแอล” ว่าไม่เห็นด้วยกับการทำอะไรท่ีเลยเถิด
    แต่ย้ำว่าฝรั่งเศสเป็นประเทศที่รับประกันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    รวมทั้งเสรีภาพในการเขียนการ์ตูนล้อเลียน ถ้าใครที่รู้สึกว่าถูกล่วงละเมิด
    ก็ควรไปฟ้องศาล

    เขายังแถลงว่า รัฐบาลฝรั่งเศสปฏิเสธคำร้องของชาวมุสลิม
    ที่จะจัดการชุมนุมประท้วงต่อต้าน ภาพยนต์ “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์” ในกรุงปารีสด้วย

    ส่วนนายโลอองต์ ฟาบิอุส รมว.ต่างประเทศฝรั่งเศส
    มีคำสั่งให้ปิดสถานทูตฝรั่งเศส และโรงเรียนของฝรั่งเศส ในประมาณ 20 ประเทศทั่วโลก
    พร้อมทั้งสั่งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานทูตฝรั่งเศสทุกประเทศ

    เพราะหวั่นว่า จะถูกโจมตีตอบโต้หลังนิตยสารชาร์ลี เฮบดู
    ตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดาโมฮัมหมัด

    ขณะที่นายดาลิล บูบาเคอร์ ผู้นำศาสนาอาวุโสของมัสยิด ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปารีส
    วิงวอนชาวมุสลิมในฝรั่งเศสราว 4 ล้านคนให้อยู่ในความสงบ อย่าราดน้ำมันบนกองเพลิงอีก

    วันเดียวกัน การประท้วงคลิปภาพยนต์อื้อฉาวเรื่องนี้ ยังมีอยู่ประปราย
    โดยที่อัฟกานิสถาน ชาวมุสลิมกว่า 1,000 คนชุมนุมประท้วงปิดกั้นถนน
    เข้าสู่กรุงคาบูลทางภาคตะวันออก

    หลังจากเมื่อ 17 ก.ย.มือระเบิดพลีชีพหญิงจุดระเบิดถล่มรถตู้บรรทุกคนงานชาวต่างชาติ
    ใกล้สนามบิน กรุงคาบูล มีผู้เสียชีวิตถึง 12 คน โดย 9 คนเป็นชาวต่างชาติ
    ส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกาใต้ 8 คน ซึ่งกลุ่มเฮซบ์ ไอ อิสลาม อ้างความรับผิดชอบ

    นอกจากนี้ ชาวมุสลิมราว 300 คน
    สมาชิกกลุ่ม “ฮิซบุต ตาห์บรีร์ อินโดนีเซีย” ราว 300 คน และนักศึกษาอีกราว 50 คน
    ชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองเมดาน
    เมืองใหญ่อันดับ 3 ของอินโดนีเซีย ใน จ.สุมาตราเหนือ
    เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลงโทษผู้สร้างภาพยนต์ “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์”

    ส่งผลให้สหรัฐฯ ต้องปิดสถานกงสุลที่เมดานชั่วคราว

    ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ
    เรียกร้องระหว่างให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ “ซีบีเอส”
    ให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ในโลกมุสลิมปกป้องนักการทูตสหรัฐฯด้วย
    และย้ำว่าการปกป้องนักการทูตอเมริกันในต่างแดนคือความสำคัญอันดับต้น
    หลังชาวอเมริกัน 4 คน รวมทั้งนายคริสโตเฟอร์ สตีเวนส์
    ถูกฆ่าตายท่ีเมืองเบงกาซี ในลิเบียเมื่อ 11 ก.ย.
    เขายังระบุว่า ชายผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างหนัง “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์”
    ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร แม้จะมีข่าวว่าใช้ชื่อ “แซม บาไซล์”
    เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอียิปต์นับถือศาสนาคริสต์นิกายคอปติก ซึ่งพยายามหลบซ่อนตัวอยู่

    ส่วนนางฮิลลารี คลินตัน
    แถลงว่า สหรัฐฯกำลังใช้มาตรการที่แข็งกร้าวเพื่อปกป้องสถานทูต
    และทีมงานสถานทูตของตนทั่วโลก

    ขณะที่นางวิคตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ
    แถลงประนามเหตุระเบิดที่คาบูล และแสดงความหวั่นกลัวว่าการประท้วงต่อต้านสหรัฐฯ
    จะลุกลามมุ่งเป้าโจมตีประเทศอื่นๆ ด้วย

    อนึ่ง เว็บไซต์ “ยูทูบ” แถลงว่า
    ได้สั่งปิดกั้นผู้ใช้ในซาอุดีอาระเบียไม่ให้เข้าชมคลิป “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์” แล้ว
    หลังสั่งปิดกั้นในอียิปต์ ลิเบีย อัฟกานิสถาน บังกลาเทศ และปากีสถาน ก่อนหน้านี้

    ส่วนรมว.สื่อสารของรัสเซียเผยว่า รัสเซียอาจสั่งปิดกั้นเวบไซต์ยูทูบทั่วประเทศ
    ภายใต้กฎหมายใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ใน 1 พ.ย. นี้
    ถ้ายังไม่ถอดคลิปภาพยนต์ “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์” ออก


    ที่มา : ไทยรัฐ

    ที่มาภาพการ์ตูน :
    http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1348031785&grpid=03&catid=03

    ......................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    อิหร่าน เรียกร้องมุสลิม ก่อตั้ง กองทัพอิสลาม
    http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=430835

    ข่าวต่างประเทศ วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ.2556

    อิหร่าน เรียกร้องชาติมุสลิมทั่วโลก
    จัดตั้ง "องค์การทหารอิสลาม" เพื่อปกป้องสิทธิ์ ของผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง
    และป้องกันการรุกรานจากชาติตะวันตก

    สำนักข่าว ซินหัว ของทางการจีน รายงานว่า
    นายพลจัตวาอาหมัด วาฮิดี รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน ได้ออกมาเรียกร้อง
    ให้มีการจัดตั้ง "องค์การทหารอิสลาม"ขึ้น ในกลุ่มประเทศมุสลิมทั่วโลก
    เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหง

    ซึ่งรวมถึงชาวปาเลสไตน์ ที่มีปัญหากับอิสราเอลด้วย

    "เราขอเสนอให้มีการจัดตั้งองค์การทหาร
    ซึ่งประกอบด้วยกองกำลังของประเทศมุสลิม
    เราต้องไม่ยอมให้ใครมารุกรานประเทศมุสลิม"
    นายวาฮิดี กล่าว

    พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน
    ยังได้กล่าวหา อิสราเอลเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด ของกลุ่มประเทศมุสลิม
    ตลอดจนเรียกร้องให้กลุ่มประเทศมุสลิมรวมตัวกันเพื่อต่อต้านอิสราเอล

    สำหรับแนวคิด ก่อตั้งกองกำลังทหารมุสลิมนี้
    เดิมทีอิหร่านเรียกร้องให้มี การทำสนธิสัญญา ป้องกันตนเองในหมู่ประเทศมุสลิม
    เมื่อเดือน ส.ค. 2555 ก่อนที่จะออกมาประกาศด้วยท่าทีแข็งกร้าว
    เรียกร้อง ให้มีการรวมตัวจัดตั้ง


    ......................................................................................................................................

    ห้วงเวลานี้ ก็จับตาดู
    "การเยือนกันระหว่าง ผู้นำประเมศกลุ่มอิสลาม"
    น่าที่จะมีการ พูดคุยถึง เรื่องนี้ อยู่ในหัวข้อสนทนาด้วย


    ......................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ฝรั่งเศส ผ่านกฎหมาย ห้ามหญิงมุสลิม สวมผ้าคลุมหน้า
    http://www.mcot.net/site/content?id=4ff6716c0b01dabf3c008deb

    ฝรั่งเศส
    4 ก.ค.2553 - สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศส ลงมติท่วมท้น
    ผ่านร่างกฎหมายห้ามหญิงชาวมุสลิมสวมเครื่องแต่งกายปิดบัง
    ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าในที่สาธารณะ

    สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศส ลงมติด้วยคะแนนเสียง 335 ต่อ 1 เสียง
    เห็นชอบ กฎหมายห้ามหญิงชาวมุสลิมสวมเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมร่างกายมิดชิด
    ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า หรือที่เรียกว่า “นิกอบ” และ “บุรกา” ตามที่สาธารณะ

    โดยผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับเงิน 150 ยูโร (ประมาณ 6,100 บาท)
    และหากใครบังคับให้ผู้หญิงสวมผ้าปิดบังใบหน้า จะต้องโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี
    และปรับ 15,000 ยูโร (มากกว่า 610,000 บาท)

    โดยร่างกฎหมายดังกล่าวเตรียมถูกส่งให้วุฒิสภาพิจารณาลงมติในเดือน ก.ย.2553 นี้
    ก่อนจะบังคับใช้เป็นกฎหมาย

    ด้านกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส ประเมินว่า
    ปัจจุบันมีหญิงชาวมุสลิมสวมผ้าปิดบังทั้งร่างกายเพียง 1,900 คน
    จากจำนวนชาวมุสลิมทั้งประเทศ ที่มีมากกว่า 5 ล้านคน.

    - สำนักข่าวไทย


    ......................................................................................................................................

    เรื่อง คลุมหน้า ก็พูดยาก หลายหลากประเด็น
    ฝรั่งเศส อาจจะมองเห็น หรือ ย้ำ เรื่อง ความปลอดภัย
    อิสลาม เขาก็มีวิธี ประเพณี และข้อห้ามในทางศาสนา
    ดังนั้น กฏหมายนี้ จะเป็นการ หมิ่นศาสนา(ไม่ให้ความสำคัญ) ไหม


    ......................................................................................................................................
     
  15. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    การแพร่สะพัด ของ ศาสนาอิสลาม ในยุโรป และอเมริกา

    http://www.saiburi.ac.th/new/index.php/component/content/article/10-muslim/22-2010-12-29-02-39-32

    ผลการสำรวจสถิติล่าสุดที่ออกมาในปีค.ศ.2008
    ยืนยันว่า ความพยายามในการบิดเบือนภาพลักษณ์ของศาสนาอิสลามและชาวมุสลิมและการสร้างภาพ ในเชิงลบแก่ชาวมุสลิมประสบความล้มเหลว และศาสนาอิสลามยังคงแพร่สะพัดทั้งในยุโรปและอเมริกา

    และการสำรวจความเห็นที่ดำเนินการโดยสถาบันแก็ลล็อบฺเพื่อการวิจัยความเห็น ทั่วไปในอเมริกาได้เปิดเผยว่า ศาสนาอิสลามมิได้หมายถึงความสุดโต่งและความเป็นอริกับสหรัฐอเมริกา และการศึกษาวิจัยซึ่งครอบคลุม 40 ประเทศและกินเวลาในการรวบรวมข้อมูลถึง 6 ปี ได้ยืนยันว่า 93% จากประชากรมุสลิมทั่วโลกมีความเป็นสายกลาง และเพียง 9% เท่านั้นที่มีความคิดรุนแรงและชาวมุสลิมส่วนใหญ่ใน 3 ประเทศใหญ่ของยุโรป คือ ฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมันถือว่าพวกเขามีความเกี่ยวพันและเป็นส่วนหนึ่งของประเทศดังกล่าว ตลอดจนพึงพอใจที่จะเลือกในการดำเนินชีวิตอย่างกลมกลืนในกลุ่มประเทศดัง กล่าว และการศึกษาล่าสุดยังได้ยืนยันว่าจำนวนชาวมุสลิมในสหรัฐอเมริกามีมากกว่า 6 ล้านคน จนกระทั่งศาสนาอิสลามได้กลายเป็นหนึ่งในห้าศาสนาใหญ่ของสหรัฐอเมริกา

    กล่าวกันว่า จำนวนประชากรมุสลิมในโลกมีจำนวน 20% จากประชากรโลกทั้งหมด และมีการคาดการณ์ของซีรีย์ เบตช์ อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์สังคมศึกษา มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดว่า จำนวนประชากรมุสลิมจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ปีค.ศ.2015 ในขณะที่จำนวนประชากรที่มิใช่มุสลิมจะลดลงประมาณ 3 ถึง 5% อันเป็นผลทำให้มองซิเออร์ ฟิโตริโอ ฟอร์เมนติ์ ได้กล่าวไว้เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ.2008 ว่า : จำนวนชาวมุสลิมได้มีมากกว่าชาวคาทอลิกซึ่งจะทำให้ผู้นับถือศาสนาอิสลามกลาย เป็นประชากรที่มากที่สุดในโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อย่างไม่เคยมีมาก่อน

    มุสลิมมีจำนวนหนึ่งในสี่ของพลเมืองฝรั่งเศส
    ในการศึกษาที่ดำเนินการโดยกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสระบุว่ามีคนราว 3,600 คน ที่เข้ารับอิสลามในแต่ละปีและการศึกษาดังกล่าว ยังได้ยืนยันอีกว่า ชาวมุสลิมฝรั่งเศสมีความเคร่งครัดเป็นอันมากและมีสถิติอาชญากรรมเกิดขึ้นใน หมู่ชาวมุสลิมน้อยมาก การสำรวจสถิติบ่งชี้ว่า ในฝรั่งเศสมีมัสยิดจำนวน 2,300 แห่ง และมีประชากรมุสลิม 7 ล้านคน ซึ่งทำให้ศาสนาอิสลามกลายเป็นศาสนาในลำดับที่ 2 รองจากศาสนาคริสต์ในฝรั่งเศส นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์อีกด้วยว่าชาวมุสลิมจะมีจำนวนหนึ่งในสี่ของ ประชากรฝรั่งเศสเมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ.2025 ในขณะที่การคาดการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่ามุสลิมจะมีจำนวน 20% จากพลเมืองของยุโรปในปี ค.ศ.2050

    อิสลามจะกลายเป็นศาสนาอันดับหนึ่งในเบลเยี่ยม
    หนังสือพิมพ์ “เอลิเบอร์ เบลญีก” ของเบลเยี่ยมได้ยืนยันว่าประชากรหนึ่งในสามของกรุงบรัสเซลในขณะนี้เป็นชาว มุสลิม และศาสนาอิสลามจะกลายเป็นศาสนาอันดับหนึ่งของบรัสเซลหลังจากนี้อีกราว 20 ปีและชื่อมุฮำหมัด เป็นชื่ออันดับต้น ๆ ของเด็กทารกที่เกิดใหม่นับแต่ปี ค.ศ.2001 และหนังสือพิมพ์รูซิสก้า กาซีต้ากล่าวว่า : จำนวนชาวมุสลิมในเบลเยี่ยมได้เพิ่มขึ้นในช่วงสิบปีให้หลังมานี้

    ส่วนในเดนมาร์กซึ่งมีการตีพิมพ์ภาพวาดล้อเลียนท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ซ้ำอีกครั้งในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2008 หนังสือพิมพ์บูลิติกันของเดนมาร์กยืนยันว่า จำนวนชาวเดนมาร์กซึ่งเข้ารับอิสลามมีจำนวนเพิ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า และพลเมืองเดนมาร์ก 1 คนเป็นอย่างน้อยจะเลือกนับถือศาสนาอิสลามในแต่ละวันนับแต่มีการเผยแพร่ภาพวาดล้อเลียนดังกล่าวมีจำนวนผู้เข้ารับอิสลามมากกว่า 5,000 คน สำหรับร้านขายหนังสือในอัมสเตอร์ดัมได้รับความสนใจเป็นอันมากจากชาวฮอลแลนด์ โดยเฉพาะการซื้อคัมภีร์อัลกุรอานที่มีคำแปลแบบอิเล็กโทรนิคจนทำให้ขาดตลาด ภายหลังการตีพิมพ์ภาพล้อเลียนท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) อีกด้านหนึ่งนายเจอร์ริต ฟิลเดอร์ซฺ ส.ส. ชาวฮอลแลนด์ต้องแสดงความผิดหวังของตนภายหลังการนำเสนอภาพยนตร์ที่ก่อให้เกิด ความวุ่นวายอยู่หลายเดือน มีชาวฮอลแลนด์ 3 คนประกาศเข้ารับอิสลามในช่วงสัปดาห์ที่มีการฉายภาพยนตร์ดังกล่าว

    อังกฤษยอมรับการมีภรรยาหลายคน
    อังกฤษได้ยกเลิกการใช้ถ้อยคำ การก่อการร้ายอิสลามและการบ่งชี้ว่าอิสลามเป็นการก่อการร้ายที่นิยมความ รุนแรงตลอดจนมีการแก้ไขกฎหมายมรดกตามการยอมรับของอังกฤษในการมีภรรยาหลายคน และดูเหมือนว่า กฎหมายชะรีอะฮฺของอิสลามได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนเป็นจำนวนมากในอังกฤษ อันมีผลทำให้ราว วิลเลียมซ์ พระผู้ใหญ่ของวิหารเคนเตอร์เบอรี่เรียกร้องให้มีการบังคับใช้กฎหมายชะรีอะ ฮฺอิสลามบางส่วนในอังกฤษ เขาถือว่าการบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮฺอิสลามเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเขากล่าวในการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์บีบีซีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 ว่า : การบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮฺอิสลามเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลี่ยง เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสังคมอังกฤษ

    โพลสำรวจได้แสดงให้เห็นว่า ชาวมุสลิมอังกฤษมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลของพวกเขาและมีความเกี่ยวพันกับ รัฐบาลถึง 82% หนังสือพิมพ์ เดลี่เทลกราฟของอังกฤษได้เปิดเผยในเดือนมีนาคม 2008 ว่า : จำนวนของผู้ที่เข้ามัสยิดในอังกฤษมีมากกว่าผู้เข้าโบสถ์ทั้งหมดในอังกฤษและ แคว้นเวลซ์ โดยหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เตือนว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นอยู่เช่นนี้จะทำให้ผู้ที่เข้าโบสถ์เพื่อร่วมสวดมนต์ใน วันอาทิตย์จะลดน้อยถอยลงไปถึง 678,000 คน เมื่อเข้าสู่ปี ค.ศ.2020 ในทางกลับกันจำนวนชาวมุสลิมที่เข้ามัสยิดต่างๆ เพื่อร่วมละหมาดวันศุกร์จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 683,000 คน

    มัสยิด 180 แห่งในเยอรมัน
    ในเยอรมัน หนังสือพิมพ์รายวันดิเฟลต์ของเยอรมันระบุว่าศาสนาอิสลามได้แพร่หลายใน เยอรมันมากขึ้นโดยตลอดและยังมีข้อมูลที่ได้รับการยืนยันว่ามีแผนในการสร้าง มัสยิดจำนวน 120 แห่ง เพิ่มเติมในเยอรมัน การสำรวจครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า จำนวนประชากรมุสลิมในเยอรมันเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการยืนยันถึงสิ่งดังกล่าว การสำรวจสถิติของรัฐบาลเยอรมันได้ให้ข้อมูลว่า มีจำนวนมัสยิดทั้งหมด 206 แห่ง ในเยอรมัน ในขณะที่ศูนย์กลางอิสลามปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวและยืนยันว่าจำนวนของมัสยิดใน เยอรมันนั้นมีจำนวน 180 แห่งเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้รับใบอนุญาตและมีเอกสารรับรองในการก่อสร้างจากรัฐบาลเยอรมัน แต่นอกเหนือจากมัสยิดจำนวน 180 แห่งนั้น ยังมีสถานที่ประกอบศาสนกิจที่ชาวมุสลิมตั้งขึ้น ซึ่งบางทีก็อาศัยอาคารชั้นล่างเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจหรือตามร้านอาหารและ ร้านทั่วไป

    และในขณะที่กลุ่มนิยมขวาจัดของเยอรมันและยุโรปได้เริ่มจัดการประชุมภายใต้สโลแกน “การเผชิญหน้ากับอิสลามนิยมแห่งโคโลเนีย” นั้น ตามท้องถนนในนครโคโลญจ์ของเยอรมันก็คราครั่งไปด้วยขบวนของผู้ประท้วงจำนวน มากกว่าหมื่นคนเพื่อประณามกลุ่มนิยมขวาจัดนาซีและตำรวจก็ได้มีคำสั่งห้าม จัดการประชุมดังกล่าว

    การสร้างมัสยิดในเรือนจำของบุลแกเรีย
    นายพลบีตาร์ ฟาซิลิฟ อธิบดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรมของบุลแกเรียกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมบุลแกเรียมีแผนก่อสร้างมัสยิดขึ้นหลายแห่งในเรือนจำของบุลแก เรีย ทั้งนี้เพราะมีผู้ถูกคุมขังเป็นจำนวนมากที่เป็นชาวต่างชาติซึ่งนับถือศาสนา อิสลาม ผู้ถูกคุมขังเหล่านี้ต่างก็มีความประพฤติดีตลอดช่วงเวลาก่อนหน้านี้

    ในระหว่างที่มีการแถลงข่าวของสถาบันสวีเดนประจำนครอเล็กซานเดรีย ซึ่งมีการโจมตีกลุ่มผู้นิยมอิสลาม ปรากฏ ว่าตัวแทนเยาวชนมุสลิมของสวีเดนได้ประกาศว่ามีพลเมืองสวีเดนจำนวน 15,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 40 ปี ได้เข้ารับอิสลามหลังจากวิกฤติภาพล้อเลียนท่านนบีมุฮำหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) และศูนย์กลางอิสลามในนครสตอกโฮล์มของสวีเดนได้มีแถลงการณ์ว่า ศาสนาอิสลามได้กลายเป็นศาสนาอันดับที่สองรองจากศาสนาคริสต์ในสวีเดนแล้ว อันเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลสวีเดนต้องให้การรับรองศาสนาอิสลามและมีการเรียน การสอนอิสลามศึกษาในโรงเรียนของรัฐบาล ในปัจจุบันจำนวนประชากรมุสลิมในสวีเดนมีมากกว่า 120,000 คน และมีข้อน่าสังเกตด้วยว่า ศาสนาอิสลามยังคงแพร่หลายต่อไปถึงแม้ว่าจะขาดการประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมก็ ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สตรีที่ทำงานในสถาบันทางวิชาการและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เนื่องจากอิสลามได้ให้เกียรติสตรีและกำหนดบทบาทของพวกนางเอาไว้อย่างเหมาะสม

    ในสเปน ประธานสมาคมอิสลามในแคว้นกาตาลูเนีย
    ซึ่งเป็นเขตที่มั่งคั่งที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน กล่าวว่า : การเข้ารับอิสลามยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีอิสลามและ ชาวมุสลิมทั้งในสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ของตะวันตกก็ตาม และการเข้ารับในศาสนาพุทธดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ชาวสเปนก็เลือกที่จะนับถืออิสลาม ทางสมาคมยังได้ยืนยันอีกด้วยว่า ล่าสุดมีผู้เข้ารับอิสลามในกาตาลูเนียราว 3 ถึง 4 พันคน และจำนวนชาวมุสลิมในสเปนมีมากกว่า 1 ล้าน 5 แสน ตามการสำรวจสถิติอย่างไม่เป็นทางการ


    ....................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. piaprakhueng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,022
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สวัสดีปีใหม่ท่านมหาหิน มั่ง มี ศรี สุข .. สุข สัน มั่น คง
     
  17. piaprakhueng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,022
    ค่าพลัง:
    +2,500
    มัสยิด 180 แห่งในเยอรมัน
    ในเยอรมัน หนังสือพิมพ์รายวันดิเฟลต์ของเยอรมันระบุว่าศาสนาอิสลามได้แพร่หลายใน เยอรมันมากขึ้นโดยตลอดและยังมีข้อมูลที่ได้รับการยืนยันว่ามีแผนในการสร้าง มัสยิดจำนวน 120 แห่ง เพิ่มเติมในเยอรมัน การสำรวจครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า จำนวนประชากรมุสลิมในเยอรมันเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการยืนยันถึงสิ่งดังกล่าว การสำรวจสถิติของรัฐบาลเยอรมันได้ให้ข้อมูลว่า มีจำนวนมัสยิดทั้งหมด 206 แห่ง ในเยอรมัน ในขณะที่ศูนย์กลางอิสลามปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวและยืนยันว่าจำนวนของมัสยิดใน เยอรมันนั้นมีจำนวน 180 แห่งเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดได้รับใบอนุญาตและมีเอกสารรับรองในการก่อสร้างจากรัฐบาลเยอรมัน แต่นอกเหนือจากมัสยิดจำนวน 180 แห่งนั้น ยังมีสถานที่ประกอบศาสนกิจที่ชาวมุสลิมตั้งขึ้น ซึ่งบางทีก็อาศัยอาคารชั้นล่างเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจหรือตามร้านอาหารและ ร้านทั่วไป

    ท่านมหาหิน พระคุณเจ้า วัดท่าซุง ของเราก็ไปเป็น เจ้าอาวาส วัดไทย ที่ เยอร์มัน ก็มี คือ

    พระคูณเจ้า "หลวงพี่ อาจินครับ" และได้นำ วัตถุมงคลของ หลวงพ่อไป ให้บูชา ที่ เยอร์มันด้วยครับ
     
  18. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ข่าวต่างประเทศ
    ฝรั่งเศส เนื่องกับอิสลาม

    ที่นำมาเรียบเรียง นี้
    เพียงเพื่อให้เห็นความ ราน ร้าวลึก ของอิสลาม กับฝรั่งเศส
    โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส ออกกฏหมาย ห้ามสตรีอิสลาม คลุมหน้า
    เท่ากับว่า "หมิ่น" ในศาสนาของเขา.. นี่ ก็ฝั่งความไม่พอใจให้ยิ่งล้ำลึก..
    ทำให้ คุ กรุ่น รอ "วัน" ที่จะระเบิดออกมาเหมือนกับ ลาวา ของภูเขาไฟ

    เป็นการ ไม่ประมาท เท่านั้น นะครับ
    ผมเอง ก็ไม่อยากที่จะเห็นสงครามเกิดขึ้นโดยเร็ว
    แต่ทว่า อะไรจะเกิด ก็ย่อมเกิดในใต้กฏแห่งกรรม
    ใช่ไหมครับ

    ภาพข่าวนี้..
    เกาหลีเหนือ ถือว่า อเมริกา เป็นศัตรูอันดับ 1
    หากเมื่อเกิด สงครามศาสนา ขึ้น
    เกาหลีเหนือ ย่อมต้องช่วยฝ่ายตรงข้ามกับอเมริกา อย่างแน่นอน

    เค้าลาง เริ่มปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
    เขาไม่เกรงกลัวชาติมหาอำนาจกันอีกแล้ว


    .......................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2069.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154.1 KB
      เปิดดู:
      67
    • IMG_2070.JPG
      ขนาดไฟล์:
      304.4 KB
      เปิดดู:
      59
    • IMG_2071.JPG
      ขนาดไฟล์:
      549.4 KB
      เปิดดู:
      42
    • IMG_2072.JPG
      ขนาดไฟล์:
      366.9 KB
      เปิดดู:
      65
    • IMG_2073.JPG
      ขนาดไฟล์:
      340.3 KB
      เปิดดู:
      45
    • IMG_2074.JPG
      ขนาดไฟล์:
      348.9 KB
      เปิดดู:
      55
    • IMG_2075.JPG
      ขนาดไฟล์:
      257.5 KB
      เปิดดู:
      58
    • IMG_2077.JPG
      ขนาดไฟล์:
      429.1 KB
      เปิดดู:
      58
    • IMG_2078.JPG
      ขนาดไฟล์:
      827 KB
      เปิดดู:
      62
  19. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    มีเพื่อนสมาชิก แจ้งข่าวเข้ามา คือ....

    ผู้โดยสารรถไฟใต้ดินในกรุงโซล
    ยืนดูรายงานข่าวการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ วันนี้(12)


    เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลเกาหลีเหนือ
    ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์แล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (12)
    ซึ่งคาดว่าจะเรียกเสียงประณามอย่างรุนแรงจากทั้งมิตรและศัตรูทั่วโลก

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000017902

    ศูนย์สังเกตการณ์นานาชาติตรวจพบแรงสั่นสะเทือนผิดปกติในพื้นดินรอบๆ สถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเมื่อเวลา 11.57 น. (09.57 น.ตามเวลาในไทย) โดยวัดความแรงได้ระหว่าง 4.9-5.1 และมีศูนย์กลางอยู่ที่มณฑลคิลจู ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ ปุงกเย-รี

    แรงสั่นสะเทือนผิดธรรมชาติที่สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) ตรวจพบ และได้รับคำยืนยันตรงกันทั้งจากศูนย์สังเกตการณ์ในเกาหลีใต้, จีน และญี่ปุ่น เกิดขึ้นที่ความลึกเพียง 0.6 กิโลเมตร

    ด้านเว็บไซต์ของศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวจีนในเครือของรัฐบาลปักกิ่ง รายงานว่า แรงสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 10.57 น.ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ในเกาหลีเหนือนั้นน่าจะเป็น “การระเบิด” โดยเกิดขึ้นที่ความลึก 0 กิโลเมตร

    กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้และทำเนียบประธานาธิบดีต่างแถลงว่า กำลังเร่งตรวจสอบว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดจากการจุดระเบิดนิวเคลียร์หรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเท่ากับว่าเกาหลีเหนือได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ หลังจากที่ทำมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2006 และ 2009 และจะกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงและปัญหาการทูตระลอกใหม่สำหรับรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯที่เพิ่งจะเริ่มบริหารประเทศเทอมสอง รวมไปถึงพันธมิตรของวอชิงตันอย่างจีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในภาวะผัดเปลี่ยนผู้นำใหม่ทั้งสิ้น

    การที่เปียงยางขู่จะทดสอบนิวเคลียร์ “ขั้นสูง” ทำให้หลายฝ่ายคาดเดาว่าอาวุธที่ใช้ทดสอบครั้งนี้น่าจะเป็นระเบิดยูเรเนียม ซึ่งต่างจากเมื่อ 2 ครั้งก่อนที่เกาหลีเหนือใช้ระเบิดพลูโตเนียมในการทดลอง

    สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ รายงานว่า เปียงยางได้แจ้งให้จีนและสหรัฐฯ ทราบล่วงหน้าตั้งแต่วานนี้ (11) ว่าจะมีการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นคนหนึ่งระบุว่าปักกิ่งพยายามห้ามปรามมิให้โสมแดงทดสอบอาวุธ แต่ก็ไม่เป็นผล

    คิม มิน ซ็อก โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลงว่า อาวุธนิวเคลียร์ที่เกาหลีเหนือใช้ทดสอบน่าจะมีแรงระเบิดระหว่าง 6-7 กิโลตัน

    ประธานาธิบดีอี มย็องบัก แห่งเกาหลีใต้ เตรียมเปิดประชุมสภาความมั่นแห่งชาติเป็นการด่วน ในเวลา 11.00 น.ตามเวลาประเทศไทย

    นักการทูตยูเอ็นผู้หนึ่งเปิดเผยว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้รับแจ้งจากทางการเกาหลีใต้แล้วว่า มีการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เกิดขึ้นบนคาบสมุทรเกาหลี

    ทีเบอร์ ท็อธ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ (CTBTO) ระบุว่า ศูนย์กลางการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นใกล้เคียงกับสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในปี 2006 และ 2009 และมีลักษณะของ “การระเบิดอย่างชัดแจ้ง”

    “ขณะนี้ยังต้องรอผลวิเคราะห์อย่างละเอียดว่าแรงสั่นสะเทือนเกิดจากอะไรแน่ แต่หากพิสูจน์แล้วว่าเป็นการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ก็จะถือเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของนานาชาติ และเป็นสิ่งท้าทายความพยายามให้ทั่วโลกหันมาลดการใช้และสะสมอาวุธนิวเคลียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดสอบอาวุธประเภทนี้”

    นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น ประกาศวันนี้(12)ว่า ญี่ปุ่นจะพิจารณาออกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพื่อตอบโต้การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์

    "ผมได้ออกคำสั่งไปแล้วให้ทุกฝ่ายหาวิธีรับมือปัญหานี้ ซึ่งนอกจากจะให้ความร่วมมือกับนานาชาติแล้ว อาจหมายถึงการใช้มาตรการคว่ำบาตรในส่วนของเราเองด้วย"


    ................................................................................................................................................

    ภาพที่แสดง....
    คือ ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงที่ตั้ง ของสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ ปุงกเย-รี
    ในมณฑลคิลจู ของเกาหลีเหนือ


    ..............................................................................................................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786

แชร์หน้านี้