"สมัคร"มอบ"ชูศักดิ์"สางปัญหาการศึกษาสงฆ์-งานซ้ำซ้อนพศ.กับศน.

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย aprin, 28 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้แก่ ข้าราชการพศ. ที่หอประชุมพุทธมณฑล จ.นครปฐม ว่า

    ตนได้รับมอบหมายจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้มาดูแลพศ. ซึ่งนับว่า เป็นเกียรติและตนพร้อมจะสนับสนุนการทำงานของพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะปัญหาสำคัญที่จะต้องดำเนินการแก้ไขหลายส่วน ดังนี้

    1.ปัญหาการทับซ้อนงานด้านพระพุทธศาสนาระหว่าง พศ.และกรมการศาสนา(ศน.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้งานด้านพระพุทธศาสนาเกิดเอกภาพ

    2.การสนองงานคณะสงฆ์ โดยเฉพาะมหาเถรสมาคม อย่างเต็มที่

    3. การตรวจเยี่ยมวัดที่ยังขาดการพัฒนา เดือนละ 1 ครั้ง แบ่งไปตามภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งจะจัดทำโครงการจับคู่วัด เจริญกับวัดที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ในการพัฒนาวัดร่วมกัน นายชูศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า

    นโยบายข้อที่ 4.จะให้พศ.จัดโครงการรณรงค์ผ่านสื่อมวลชน ด้วยการจัดทำธรรมะวันละคำรณรงค์ให้นักวิชาชีพคำนึงถึง คุณธรรม จริยธรรม อาทิ ธรรมะเกี่ยวกับนักการเมือง อาจจะรณรงค์โดยใช้คำว่า พูดแล้วต้องทำ,คำพูดเป็นนายเรา ส่วนกลุ่มข้าราชการนั้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่นิยมมีกิ๊ก ก็จะมีการรณรงค์ด้วย

    และ 5.การส่งเสริมโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญ ซึ่งปัจจุบันยังมีปัญหาอีกมาก ทั้ง การขาดงบประมาณ การบริหารจัดการ ตนจะให้พศ.ประสานกับ กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)มาร่วมพัฒนาโรงเรียนดังกล่าว ตลอดจนจะประสานความร่วมมือกับศธ.ให้มีการบรรจุวิชาพระพุทธศาสนา วิชาหน้าที่ศีลธรรม ในหลักสูตรการศึกษาและให้มีภาคปฏิบัติอย่างจริงจัง อาทิ ส่งเสริมให้เด็กไปทำบุญที่วัด ปฏิบัติธรรม สามารถที่จะนำเป็นคะแนนได้ด้วย จะส่งผลให้หลักบวร บ้าน วัด โรงเรียน เชื่อมโยงกันเหมือนสมัยโบราณ

    "ที่ผมเป็นห่วงอย่างมาก คือ การบวชในปัจจุบัน จะเน้นในเรื่องของงานรื่นเริงมากกว่า การยึดถือปฏิบัติตามประเพณี เพราะการบวชทุกวันนี้ ผู้บวชไม่ต้องท่องจำบทสวด แต่มีพระสวดนำให้ และไม่ต้องไปปฏิบัติตัวอยู่ที่วัด 7 วันเหมือนสมัยที่ผมบวช ดังนั้น ผมจะหารือกับมหาเถรสมาคมว่า จะมีการแก้ไขอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อให้ประเพณีบวชกลับมาจริงจังเหมือนในอดีต ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บวชได้ประโยชน์จากการบวชอย่างแท้จริงด้วย"รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

    http://www.komchadluek.net/2008/02/28/x_edu_e001_191980.php?news_id=191980
     
  2. aprin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +22,514
    รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อนงาน"พระพุทธศาสนา"

    หมายเหตุ - เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หอประชุมพุทธมณฑล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ดูแล พศ. ได้กล่าวมอบนโยบายแก่ผู้บริหาร พศ. ข้าราชการ และลูกจ้างประมาณ 300 คน "มติชน" เห็นน่าสนใจ จึงนำเสนอ

    "นโยบายเร่งด่วนที่ผมมอบให้ พศ.ดำเนินการนั้น ประกอบด้วย การแก้ปัญหาความซ้ำซ้อนหลายเรื่องของ พศ.กับกรมการศาสนา ต้องกำหนดอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจนของ พศ.ในการดูแลงานพระพุทธศาสนา ซึ่งน่าจะแก้กฎกระทรวงกำหนดอำนาจหน้าที่ไม่ให้ซ้ำซ้อน การทำข้อตกลงกับกรมการศาสนาถึงบทบาทหน้าที่ ส่วนภารกิจของ พศ.ในการสนองงานคณะสงฆ์ โดยเฉพาะกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) จะต้องประสานงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งผมจะเดินทางไปเยี่ยมวัดเดือนละ 1-2 วัน จะเน้นวัดที่ห่างไกลความเจริญ เพื่อไปนมัสการพระคุณเจ้า รับทราบข้อมูล ปัญหาที่ทางวัดอยากให้เข้าไปช่วยเหลือ โดยจะหมุนเวียนไปให้ครบทุกภาค"

    "นอกจากนี้ ยังมีนโยบายสนับสนุนสถานศึกษาในสังกัด พศ. เช่น โรงเรียนพระปริยัติธรรมสายสามัญ แผนกนักธรรม-บาลี ในเรื่องงบประมาณ บุคลากร เพราะปัจจุบันทราบว่าโรงเรียนเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนน้อย จนทำให้จำนวนนักเรียนมียอดลดลง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องรีบเข้าไปดูแล ทั้งนี้ ยังรวมถึงโครงการบ้าน วัด โรงเรียน หรือบวร เพื่อเชื่อมโยงพระพุทธศาสนาเข้าไปยังโรงเรียน บ้าน โดยน่าจะร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็ควรประสานนำพระเข้าไปสอนในโรงเรียน การจัดทำหลักสูตรจริยธรรม การนำธรรมะไปสอนให้เด็กและเยาวชนนั้น จะนำพระไปเทศน์เพื่อสอนไม่ได้ ต้องมีวิธีการที่เข้าถึงได้ง่าย อย่างรายการรณรงค์ทางโทรทัศน์ สื่อต่างๆ ควรจะทำรายการธรรมะกับวัยรุ่น นำคำสอนทางพระพุทธศาสนามากำหนดเป็นข้อๆ ที่วัยรุ่นควรปฏิบัติ และยึดถือ"

    "นอกจากวัยรุ่นแล้ว ก็ควรจะทำธรรมะกับอาชีพอื่นๆ ด้วย ทั้งนักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการที่ชอบมีกิ๊ก ผมเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยตื่นตัวกับธรรมะ ในด้านปัญหาสังคม ผมอยากให้นำพระพุทธศาสนาไปช่วยแก้ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องของอบายมุข ทาง พศ.ควรจะต้องไปหาแนวทาง โดยในอดีตเคยมีกองทัพธรรมที่เข้ามาช่วยดูแลปัญหาเหล่านี้"

    "วัดร้าง เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ต้องเข้าไปดูแล เพราะทราบรายงานเบื้องต้นว่ามีวัดร้างอยู่มากในประเทศไทย ดังนั้น ก็ควรจะเข้าดูแล ผมทราบว่า ศธ.ทำโรงเรียนคู่ขนานให้โรงเรียนดังดูแลโรงเรียนเล็ก หากจะนำแนวคิดนี้มาใช้กับวัดก็น่าสนใจ โดยให้วัดใหญ่จับคู่กับวัดเล็กๆ หรือวัดร้าง เพื่อให้วัดใหญ่เข้าไปช่วยพัฒนาวัดร้าง"

    "ผมมีความภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติที่เข้ามาดูแลงานพระพุทธศาสนา ซึ่งผมคิดว่าเป็นงานที่สำคัญมาก ผมเองก็ชอบ และได้รับปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจากคุณพ่อที่บวชเรียนที่วัดมหาธาตุ จนสอบเป็นพระครู และไปเป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองเต่า จ.อุทัยธานี แต่ก็ต้องลาสิกขามาแต่งงาน และย้ายไปอยู่ จ.พิจิตร ตั้งโรงเรียนเอกชนขึ้นมา และผมก็เรียนอยู่ที่นั้น เป็นนักเรียนที่นำสวดมนต์ทุกเช้า จนทำให้ผมจำบทสวดต่างๆ ได้ โดยไม่ต้องดูหนังสือ"

    "อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมเป็นห่วงและอยากให้ พศ.ไปเร่งแก้ไขปัญหา คือผู้ที่จะบวชสมัยนี้ มักจะท่องบทสวดต่างๆ ไม่ได้ จะต้องมีพระอุปัชฌาย์บอกบทให้พูดตาม ทั้งที่สมัยก่อนทุกคนจะต้องท่องได้ และต้องไปอยู่ที่วัด 7 วัน ก่อนจะบวช นอกจากนี้ สังคมไทยยังนิยมการจัดงานเลี้ยง มีมหรสพ กินเหล้าในงานบวช บางครั้งพ่อนาค หรือผู้บวช ก็ร่วมกินเหล้าเลี้ยงฉลองด้วย พอเช้ามาคนที่ไปวัดก็มีไม่มาก เพราะเมา และบวชเสร็จก็กลับมากินกันต่ออีก สิ่งนี้ทางวัด และ พศ.ควรจะต้องหาทางช่วยกันดูแลโดยวัดควรจะต้องเข้มงวดกับผู้ที่มาบวชมากขึ้น"

    หน้า 22


    วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 10947
    http://matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edu06290251&day=2008-02-29&sectionid=0107
     

แชร์หน้านี้