สมาธิกับการรักษาโรค...เค้าทำอย่างไรกันคะ???

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Broccocat, 4 ธันวาคม 2013.

  1. DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=m9ssR6iHL0I]Om Mani Pad Me Hum : โอม มณี ปัทเม หุม - YouTube[/ame]





    โอม มณี ปัท เม หุม โอ..ดวงมณีในดอกบัว มนตร์แห่งมหากรุณา

    หมายถึงโพธิสัตว์หญิง 2 องค์ได้แก่

    เจ้าแม่กวนอิม ที่นั่งดอกบัวชมพู เป็นหญิงเอเชีย กับ พระนางตาร่า ซึ่งเป็นหญิงอินเดียผิวคร้ำนั่งดอกบัวเขียว

    ตำนาน
    กล่าวกันว่าหลายกัปกัลป์นานมาแล้ว เจ้าชายพันองค์ได้อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า มีองค์หนึ่งได้กลายเป็นพระพุทธเจ้าที่เรารู้จักนามว่า โคตมะสิทธัตถะ อย่างไรก็ตามพระอวโลกิเตศวรได้อธิษฐานไม่เข้าถึงความรู้แจ้งจนกว่าเจ้าชายพันองค์ได้กลายเป็นพระพุทธเจ้าด้วย ด้วยพระกรุณาอันหาประมาณไม่ได้ พระองค์ยังอธิษฐานขอปลดเปลื้องสรรพสัตว์จากความทุกข์ในทุกภพภูมิแห่งวัฏสงสาร ทรงสวดเบื้องพระพุทธเจ้าแห่งทิศทั้งสิบว่า

    “ขอให้ข้าพเจ้าช่วยเหลือสรรพสัตว์ และหากข้าพเจ้าเหนื่อยล้าในภาระกิจอันยิ่งใหญ่นี้ ขอให้ร่างข้าพเจ้าแตกสลายนับพันเสี่ยง” กล่าวกันว่าท่านลงไปยังนรกภูมิก่อน แล้วผ่านเปรตภูมิขึ้นไปยังเทวภูมิ ณ เทวภูมินั่นเอง พระองค์บังเอิญมองลงไปแล้วก็พบอย่างไม่คาดคิดว่า แม้พระองค์ได้ช่วยสัตว์ไม่มีประมาณให้พ้นจากนรกแล้ว กระนั้นยังมีอีกนับไม่ถ้วนหลั่งไหลไปยังนรกอีก พระองค์จึงทรงสังเวชใจอย่างที่สุด ชั่วขณะนั้นเองที่พระองค์เกือบสิ้นศรัทธาในคำอธิษฐานอันสูงส่งนั้น แล้วพระวรกายของพระองค์ก็แตกเป็นพันเสี่ยงด้วยความทดท้อ พระองค์เพรียกหาพระพุทธเจ้าทั้งหลายเพื่อขอความช่วยเหลือจากทั่วทุกสารทิศในจักรวาล พระพุทธเจ้าทั้งหลายได้เสด็จมาช่วยเหลืออย่างมืดฟ้ามัวดินประหนึ่งพายุหิมะอันอ่อนนุ่ม ด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าทั้งมวล



    พันกร ทุกฝ่าพระหัตถ์มีพระเนตร แสดงถึงการผนึกแน่นเป็นหนึ่งเดียว ระหว่างปัญญาและอุปายโกศล อันเป็นเครื่องหมายของกรุณาที่แท้ ด้วยรูปลักษณ์นี้พระองค์จึงสว่างไสวและทรงอำนาจในการช่วยสรรพสัตว์ยิ่งกว่าแต่ก่อน พระกรุณาได้แผ่ขยายยิ่งกว่าเดิม ขณะที่พระองค์ทรงย้ำคำอธิษฐานเบื้องหน้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายว่า

    “ข้าพเจ้าจะไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จนกว่าสรรพสัตว์จะบรรลุธรรม”

    กล่าวกันว่า ด้วยความโศกเศร้าในความทุกข์ในวัฏสงสาร พระอัสสุชลสองหยดได้หลั่งจากพระเนตรของพระองค์ แต่พระพรของพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้แปรเปลี่ยนพระอัสสุชลทั้งสองให้กลายเป็นพระนางตาราสองพระองค์ องค์แรกมีร่างสีเขียว เป็นตัวแทนแห่งพลังอันแข็งขันของการุณยธรรม ส่วนอีกองค์นั้นมีสีขาว เป็นตัวแทนแห่งกรุณาของมารดา พระนางตาราหมายถึง “พระนางผู้ปลดเปลื้อง” ผู้ทรงล่องเรือข้าม “ห้วงมหรรณพแห่งสังสารวัฏ”



    พระนางตาราผู้มีกำเนิดจากน้ำตาของพระโพธิสัตว์

    ในพระสูตรมหายานได้กล่าวถึงพระอวโลกิเตศวรว่า ทรงถวายมนตร์ของพระองค์แก่พระพุทธเจ้าด้วยพระองค์เอง ส่วนพระพุทธเจ้าก็ทรงมอบภารกิจอันสูงแก่พระองค์ในการช่วยสรรพสัตว์ในจักรวาลให้ได้บรรลุพุทธภาวะ ณ ตรงนี้เอง เทวดาทั้งหลายได้โปรยดอกไม้ลงมาให้แก่ทั้งสองพระองค์ พสุธาไหวสะเทือน อากาศดังกระหึ่มด้วยเสียง โอม มณี ปัทเม หุม หริ



    มีการตีความมนตร์บทนี้อีกอย่างหนึ่งว่า เสียง โอม คือสารัตถะแห่งรูปของผู้เข้าถึงความรู้แจ้ง มณี ปัทเม หรือ พยางค์ทั้งสี่ กลางบท หมายถึง คำพูดของผู้บรรลุธรรม และ พยางค์สุดท้าย หุม หมายถึง จิตใจของผู้เข้าถึงความรู้แจ้ง กาย วาจา และ ใจของพระพุทธเจ้าและ พระโพธิสตว์ทั้งหลายดำรงอยู่ในเสียงของมนตร์บทนี้

    มนตร์บทนี้ได้ชำระล้างสิ่งเคลือบคลุมครอบงำกาย วาจา และใจ ทั้งยังนำสรรพชีวิตเข้าสู่ความรู้แจ้ง เมื่อมนตร์บทนี้ประกอบเข้ากับศรัทธา และ วิริยะ ในการบำเพ็ญสมาธิภาวนาและการสาธยายมนตร์ อานุภาพในการแปรเปลี่ยนของมนตร์บทนี้ได้บังเกิดและเพิ่มพูน เป็นไปได้จริงๆ ที่ชำระล้างตนเองด้วยวิธีนี้

    สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับมนตร์บทนี้ และ สาธยายด้วยความจริงจังและศรัทธาตลอดชีวิต คัมภีร์มรณศาสตร์แห่งธิเบต ได้กล่าวไว้ในบาร์โด” เมื่อเสียงแห่งธรรมดากัมปนาทประหนึ่งอสนีบาตนับพัน ขอให้เสียงเหล่านี้กลายเป็นเสียงหกพยางค์ ” ในทำนองเดียวกัน สุรังคมสูตรได้กล่าวไว้ว่า

    เสียงทิพย์แห่งอวโลกิเตศวรเจ้าช่างลึกลับและงดงามยิ่ง เป็นเสียงปฐมกัลป์แห่งจักรวาล… เป็นเสียงกระซิบของกระแสน้ำขึ้นลงของทะเลภายใน เสียงลึกลับนี้ทำให้ความหลุดพ้นบังเกิดแก่สรรพชีวิตผู้เรียกหาความช่วยเหลือด้วยความทุกข์ทรมาณ อีกทั้งยังนำความสงบมาให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้แสวงหาสันติอันไร้ขอบเขตแห่งพระนิพพาน.
     
  2. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    ตอบ เกี่ยวข้องกับทุกกสิณสำหรับในเรื่องการดึงพลังงาน.
    แต่ตอนนี้ยังไม่ตัวเชื่อมส่วนพลังงานคือกสิณอากาศหรือกสิณลม.
    .ต้องรอจนกว่าจะใช้กสิณได้กองใดกองหนึ่งก่อนซักครั้ง
    อย่างน้อยก็ทางฝ่ามือในนิมิตรนะ..หรือฝึกจักระ
    แล้วเปิดจุดกลางกระหม่อมได้..หรือกำลังสมาธิมากกว่านี้หน่อย..ประมาณนี้

     
  3. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    - ไม่ใช่ค่ะ คือ สงสัยว่า ทำไมไม่อุ่นทั้งมือ (ตอนทำการทดลองรู้สึกอุ่นแค่ปลายนิ้ว)

    - ใช่ค่ะ ไม่เคยมีความรู้สึกถึงความเป็นลูกกลมๆ หมุนๆ ตรงจักระที่ว่าเลย มีแต่เคยเห็นเวลาตื่นนอนใหม่ๆ หรือหลับตา จะเป็นภาพคล้าย จอเรดาร์ฟุ้งๆ สเปรย์ๆ สีขาว หมุนตามเข็มนาฬิกาอ่ะค่ะ (การหมุนจะประมาณ 5 วินาทีต่อหนึ่งรอบนาฬิกา)

    - จักระที่ 6 กับ 7 น่าจะเคยเปิดมาแล้วนะคะ ปัจจุบันนี้ก็ยังมีความรู้สึกว่าจักระทำงานได้อยู่บ่อยๆ แต่กสิณยังไม่ได้ซักกองเลย...งื่อ!!!
     
  4. Eric99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2013
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +1,099
    ถ้าเป็นไมเกรน ให้กินแคลเซียมกับวิตามินอี ครับ หรือดื่มนมแทนก็ได้ แล้วก็ให้นอนกับหมอนที่แข็งๆ ( อาจจะทำจากนุ่น )
     
  5. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    ลองกลับไปอ่านคำตอบ #Rep 102 ดีๆอีกรอบดูก่อนนะ..
    ใต้คำถามที่ถามเองว่า ต้องทำบ่อยแค่ไหนคะ
    ตัวสีน้ำเงินบรรทัดที่ ok นะ..
     
  6. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    คือนอกจากประเด็นที่นำมาลงนะครับ
    หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆจะกล่าวอย่างไรไม่ทราบนะครับ.
    .คำภาวนาบทนี้เป็นคำภาวนาที่ผุดขึ้นมา
    ตอนที่ระดับบารมีเท่าๆกับท่านกำลังมีภัยด้วยครับ
    จะขึ้นมาอัตโนมัติเป็นคำภาวนาที่จะขึ้น
    มาเองในชั่วขณะจิตตอนนั้น
    มีผลทำให้เกิดฤิทธิ์ป้องกันตนเอง
    ในระดับที่คลอบคลุม

    ในเสี้ยวเวลานั้นๆ.โดยปกติบุคคลหรือใคร
    ก็ตามที่จะใช้ฤิทธิ์ได้ประเภทหนึ่งมักจะมีคำภาวนาเฉพาะ
    ของตนที่ส่งเสริมการใช้ฤิทธิ์แบบคลอบคลุมที่ไม่ใช่คำภาวนา
    สายตรงนั้นๆ.เช่น..จะให้เกิดฤิทธิ์ แต่อาจภาวนา
    เป็นตัวนำแต่จิตจะโน้มไปฤิทธิ์ได้หมด

    ประมาณนี้ครับ
     
  7. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    - แพ้วิตามิน E อ่ะค่ะ คือไม่ถึงกับแพ้หรอก ประมาณมีผลข้างเคียงกับร่างกายภายนอก เลยรู้ว่า เราไม่ถูกกับวิตามินตัวนี้
    - FishOil นี่ทานละท้องอืด
    - Milk นี่ดื่มละท้องเสียค่ะ ต้องเสริมธาตุเหล็กและแคลเซียมด้วยชีสแทน
     
  8. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ทราบแล้วค่ะว่า ต้องทำทุกวัน แต่ๆๆๆๆๆๆๆ ที่ งง คือ ทำไมไม่อุ่นทั้งมือ...มันยังรวมกันไม่ได้<<<อันนี้นี่หมายถึงเรื่องกสิณน่ะหรอคะ
     
  9. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    ๕๕๕ ให้อ่านใต้คำตอบไม่ได้เน้นว่าให้ทำทุกวันหรอก เอ่อ!!แต่ลืม
    บอกว่าทำไม..คือมันเป็นธรรมดาแรกๆเป็นอย่างนี้อยู่ คือมันอยู่ในระดับ
    เพิ่งเริ่มต้นที่พอสัมผัสได้บ้างแล้ว แต่ยังรวมไม่ได้
    .จะเป็นอย่างนี้เป็นปกตินั่นหละไม่มีไรหรอก.
    ก็ทำจนกว่ามันจะหมุนเป็นวงกลมบนฝ่ามือได้นั่นหละถ้าทำได้มันจะทำได้
    บนมือทั้ง ๒ ข้างนั้นหละ.พวกนี้เป็นระดับพื้นฐานประมาณนี้ก่อน
    แล้วค่อยไปฝึกเพิ่มความหนาแน่น
    ฝึกขยายวงให้กว้างขึ้น ตามด้วยขยายจนรอบตัวเราได้.หรือฝึกให้ลูกกลมๆนี้มาหมุนๆนอกตัวก็ได้
    แต่ต้องฟิตหน่อย.ต่อจากนั้นก็มาฝึกหนุนจากฐานบางจุดไม่สามารถบอกได้
    ตอนนี้ ฝึกรวมก่อนส่ง และฝึกเทคนิคการส่งไปยังที่หรือตำแหน่งๆ
    ต่างๆแล้วแต่เราจะนึกได้ประมาณนี้หละ.แต่ปกติทั่วๆไปนะถ้าให้มันมาหมุนนอก
    ตัวได้แล้วมักจะไม่มีใครมาถามแล้วหละ.ไม่มีหรอก.
    .​
     
  10. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    เอ๋าาา...(555555555) ทำเปิ่นอีกแล้วเรา คือเมื่อวานเข้ามาดูทีนึงละ แต่คุณยังไม่ตอบ ละก็เพิ่งจะได้มาอ่านก็ตอนนี้อ่ะค่ะ เราก็คิดว่าจะทำยังไงหนอ????? ให้รวมกันให้ได้ เราก็เลยลองด้วยวิธีนี้ค่ะ...

    ตื่นนอนปุ๊บ แดดกำลังทำองศาส่องมาทางหน้าต่างพอดี เราก็ หงายมือขึ้น พุทธ-โธ ไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งคิดเอาเองว่าคงจะต้องกล่าวสรรเสริญพระอาทิตย์ไปด้วย(55555) เราก็กล่าวประมาณว่า "ขอขอบคุณท่านพระอาทิตย์ที่ช่วยมนุษย์ สัตว์และพืช ในการให้แสงสว่างในตอนกลางวัน, ให้ความอบอุ่นในร่างกายตอนฤดูหนาว, ฆ่าเชื้อโรคในร่างกาย, ทำให้ผ้าแห้ง, พืชได้สังเคราะห์แสง ละก็ร้องเพลงท่อนนึงของเพลงพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง" อีกด้วยนะคะ

    สรุป...ไม่เห็นมือจะอุ่นเลยอ่ะค่ะ สู้ครั้งแรกไม่ได้เลย ครั้งนั้นยังรู้สึกได้ที่ปลายนิ้วว่าอุ่นๆ ส่วนเรื่องหมุนๆ นี่ ไม่เคยเลยอ่ะ ถ้าจะให้หมุนๆ ตามร่างกายนี่ไม่คิดว่าเคยหมุนได้นะคะ เคยแต่มีความรู้สึกถึงชีพจรเต้นแรงๆ ตามจุดจักระต่างๆ น่ะค่ะ
     
  11. torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    สงัด ดี ปีใหม่ครับ อาจารย์ นพ
    และ ทุกท่าน
    ฝึกอะไรอ่ะ ขยันฝึกแต่ต้นปีเลยนะ Broccocatt15 ฝึกดีๆ เก๊าก็อนุโมทนา ด้วยน๊า catt13
     
  12. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ก็ฝึกรับพลังแสงอาทิตย์ยิ้มแฉ่งน่ะซี

    ทำไมต้อง 15 ใบ้หวยหราจ๊ะ พะดีเก๊าไม่เล่นหวยอ่ะ

    สงัดดีปีใหม่คุณ Nopphakan torelax และทุกๆ ท่านด้วยคนค่ะ
     
  13. torelax9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +527
    ห้วย 15 หวยไร มันเป็นรหัส emotion รูปแมวอ่ะ catt15
     
  14. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    เอ๊าท์!!! ก็ตอนอ้างอิง มันโชว์ขึ้นมาแบบนี้อ่ะ ละแถมอีกไม่กี่วันหวยก็จะออกละด้วย แอบงมงายดีกว่า...15 ฟันธง!!! ฮ่าฮ่าฮ้าาา
     
  15. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    สวัสดีคุณ torelax9 ครับสบายดีนะครับ....
    ส่วน Broccocat
    ไปเปิดจุดกลางกระหม่อมให้ได้ชัวๆก่อน
    แหมๆมีสรรเสริญพระอาทิตย์ด้วยแฮะ.
    ถ้าท่านมองอยู่คงขำกลิ้ง.คงเมื่อไรว๊าาาา
    จะเปิดจุดได้ซักที...
    ถ้าต่อไปตอนกลางคืนพอมองเห็นที่อยู่รอบๆ
    พระจันทร์ได้นะ.จะเข้าใจว่าที่พูดให้ฟังนี้
    ไม่เกินความจริง.ที่เหลืออยู่ที่ความฟิต.ใจเย็นๆ
     
  16. นิพพานายะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +176
    รบกวนสอบถามคุณ ..nopphakan

    คนอื่นเวลามองพระอาทิตย์จะมองได้ไม่นาน..สำหรับผม มองได้นานๆ มองครั้งแรกแสงจ้าเข้าตามาก แต่เมื่อจ้องลึกเข้าไปในพระอาทิตย์ จะเห็นพระอาทิตย์ได้ชัด ไม่แสบตา มองแล้วสบายใจ มีรัศมีสีรุ้งบ้าง สีอื่นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีน้ำตาล ฯลฯ หลังจากมองแล้ว รู้สึกว่ากระปรี้กะเปร่า..จิตมีกำลัง

    การมองพระอาทิตย์เป็นกสิณไฟหรือไม่ จะต่อยอดอย่างไรบ้าง..ขอรบกวนสอบถาม หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ..

    (ท่านอื่น ควรพิจารณา ห้ามทำตาม..อาจเป็นอันตรายต่อสายตา)
     
  17. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    ถือว่าแลกเปลี่ยนและเล่าสู่กันฟังเช่นกันคับ..น ๑๕+
    พระอาทิตย์ หลอดไฟนีออนสีขาว หลอดไฟสีเหลือง เปลวเทียน
    ระดับอุคคนิมิตรเริ่มต้นเหมือนๆกันครับ.ฝึกตัวไหน ดูตัวไหนพอถึง
    จุดที่จะต่อยอดสามารถน้อมผลไปทางกสิณที่ตนชอบได้ทั้งนั้นครับ
    และสามารถใช้ทดแทนการฝึกร่วมกันได้.และในระดับนี้
    จะยังไม่มีผลอะไรและเป็นโทษได้ทุกอุคคนิมิตรครับและ
    จะไม่แนะนำให้ฝึกมอง
    พระอาทิตย์นานๆให้ใครแน่นอนเพราะปลายทางจะมีผลต่อระบบการ
    ทำงานของสายตา.ซึ่งโดยส่วนตัวพอจะรู้จักบางท่านที่เริ่มฝึกทาง
    ด้านนี้มาก่อน ยกเว้นว่าเราจะฝึกกสิณได้ก่อนอย่างน้อย ดิน น้ำ ลม ไฟ
    อากาศ และฝึกดึงพลังงานภายนอกจากทั้งพระอาทิตย์ และพระจันทร์
    ได้แล้วในเบื้องต้น.และเรากำลังฝึกต่อยอดไปทางวิญญานธาตุในระดับ
    ที่สำเร็จแล้วเพื่อไปสู่การฝึกจิตธาตุครับพูดง่ายๆว่าถ้าเรามองเห็น
    เห็นภพภูมิและพลังงานที่เป็นนามธรรมได้แล้วด้วยตาเปล่าๆ
    เหมือนๆพระเกจิหลายๆนั่นหละครับ

    .ของคุณนั้นเป็นไปได้ว่าในชาติ
    ก่อนก็คงเคยฝึกมาถึงระดับนี้แล้วซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ในส่วนของวิชาเดินธาตุ
    ซึ่งต้องมีกสิณกลางทั้ง ๕ กอง(กสิณสีที่เหลือพอเรียกพลังงานได้)
    และทิพย์จักขุที่ผ่านการฝึกในระดับกำลังสมาธิระดับสูงแบบมั่นคง
    ประมาณนี้ครับ
    ส่วนหลักการมองเข้าไปข้างในจนเห็นอะไรข้างในสำหรับกรณีพระอาทิตย์
    แต่ควรมองตอนเช้าที่ไม่มีผลต่อสายตาและมองไม่นาน การมองหลอด
    ไฟก็มองจนใส ส่วนการมองเปลวเทียนก็มอง จนเริ่มเป็นเห็นเป็นวงกลม
    หรือพวกหลอดไปมีแสงต่างๆแล้วขึ้นรูปเป็นวงกลมได้แล้ว..
    แล้วให้ละสายตาทันทีไปที่อื่นๆ ให้ภาพไปปรากฏตำแหน่งอื่นๆแทน

    เรียกว่า.เป็นการใช้วัตถุจากภายนอกที่เป็นรูปธรรม
    เพื่อเป็นแนวทางในการให้จิตสร้างรูปขึ้นภายในที่เป็นนามธรรม
    เป็นกระบวนการทำงานที่เชื่อมโยงกันอย่างหนึ่ง..
    เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับเป้าหมายในการฝึกสร้างให้จิตมีกำลังจิต
    ส่วนการที่จิตขึ้นรูปภาพมาได้นานบ้างไม่นานบ้างนั้น..มาบวกกับกำลังสมาธิ
    ของเราร่วมกับเครื่องมือที่ว่า.จะเป็นส่วนของกระบวณการในการดำเนินงาน
    ที่จะนำส่วนนามธรรมที่่สร้างจากภายในเพื่อไปสู่รูปธรรมแบบจับต้อง
    ได้ต่อไปในอนาคตจะเห็นว่ามันมีความสัมพันธ์กันอยู่สำหรับเรื่องนี้ถ้าอ่านดีๆนะครับ


    พูดง่ายๆคือ หลังจากละสายตาแล้ว ให้มาฝึกรักษาเครื่องมือนี้ให้นานที่สุด
    และฝึกบังคับ ฝึกขยายเครื่องมือตัวนี้ ก็จะเป็นการต่อยอด ภาษาทั่วไปเรียก
    ว่าการฝึกให้ถึงระดับปฏิภาคนิมิตรและต้องบังคับได้ด้วยแม้เวลาเพียงเสี้ยว
    วินาทีที่บังคับได้ก็ทำให้จิตเกิดกำลังจิตได้
    เปรียบๆคล้ายๆการออกกำลังกายให้กับจิตนั้นเอง..

    นอกจากผลทางด้าน
    ความสามารถการมองเห็นและการนำกำลังสมาธิที่ได้ไปใช้งานในส่วนของ
    การเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลส.หรือต่อยอดไปอรูปฌาณ สมาบัติ ๘
    หรือปฏิสัมภิทาฯ หรือการเรียกกำลังขึ้นมาใช้งานที่เป็นประโยชน์
    ทางธรรมและจับต้องได้.ที่จะเป็นสิ่งที่จะมาควบคู่กัน
    ซึ่งถึงเวลานั้นเราจทราบได้ด้วยตนเองว่าแนวทางการปฏิบัติไหน
    จะเหมาะสมกับตนเองเพราะจะมีเหตุที่จะชี้ให้เราทราบได้โดยมิต้อง
    ถามใครแต่เล่าให้ฟังใครฟังดังๆไม่ได้เฉยๆ.

    .มิใช่เพื่อการตั้งเป้าหมาย
    เพื่อไว้แสดง หรืออวดให้ผู้อื่นเห็นว่าตนทำได้ เอาไว้ยกตนเองเพื่อข่มบุคคลอื่นๆ
    หรืออยากให้บุคคลอื่นๆยอมรับในตนเองว่าตนเหนือกว่าดีกว่า
    .ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ทำเพื่อตน สร้างเพื่อตน สนองกิเลสในใจตนทั้งสิ้น มิได้มุ้งเน้นเพื่อประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆ
    ถ้าไม่ใช่ว่าเคยทำได้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล
    แล้วพลาดได้กลับมาเกิด.
    และคิดจะมาฝึกเองด้วยความสามารถของตน
    โดยไม่มีกำลังสนับสนุนจากภพภูมิ.
    คิดฝึกและฝึกชาตินี้ทั้งชาติก็จะไปสำเร็จชาติหน้า
    แต่ไม่รู้ชาติหน้าไหนและไม่มีทางสำเร็จในชาตินี้ครับ..

    และประเด็นหลังนี้เป็นสิ่งที่ผู้เป็นเลิศ
    ทั้ง ๓ ภพท่านมิเคยส่งเสริมเคยกล่าวเตือนพระสาวกของท่านจนห้ามให้ภิกษุ
    แสดงเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล.เพราะสมัยก่อนพวกนักมากลเค้าก็ทำ
    กันได้เป็นเหตุให้บุคคลที่ไม่เลื่อมใสในพระพุทธฯปรามาสได้ซึ่งส่งผลเสีย
    มากกว่าผลดี
    และเป็นเหตุให้เราจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายภพภูมิที่มีฤิทธิ์
    ทั้งหลายที่ท่านจะมาคอยอยู่เบื้องหลังเราสำหรับความสามารถ
    ในการตั้งเป้าเพื่อลด กิเลส เพื่อการนำไปใช้งานที่เป็นรูปธรรมแบบ
    ที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นๆต่อไปในอนาคตครับ..
     
  18. Broccocat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    954
    ค่าพลัง:
    +4,094
    ท่าน Nopphakan เจ้าค๋าาาาา...

    - ตอนแรกก็เข้าใจว่า เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง พระจันทร์กับพระอาทิตย์ ก็เลยเลือกพระอาทิตย์

    - ถ้าในกรณีที่จะรอให้พระจันทร์เต็มดวงเดือนนึงมี 1-2 ครั้งใช่ป่าวคะ แอ่...ไม่แน่ใจ แฮ่ะๆ แบบ เวลาที่เราจะรับแสงจันทร์ เราสามารถกำหนดนึกภาพพระจันทร์เต็มดวงเอาเองได้ไม๊คะ คือแบบ จะได้ไม่ต้องออกไปยืนในที่ๆ ไม่มีหลังคาตอนกลางคืนจริงๆ น่ะค่ะ อ้อๆ ถามเผื่อในกรณีพระอาทิตย์ด้วยค่ะ

    - จุดกลางกระหม่อม ก็คือจุดจักระที่ 7 ใช่ป่าวคะ ถ้าเปิดแล้วให้ทำยังไงต่อเหรอคะ เพราะคิดว่า เคยเปิดเมื่อสามปีที่แล้ว และหลังจากนั้นถึงตอนนี้ ก็รู้สึกตรงส่วนนี้หลายครั้งอยู่ค่ะ แล้วที่บอกว่าเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆ พระจันทร์ นี่หมายถึง เอเลี่ยน หรือ ยูเอฟโอ น่ะเหรอคะ หรือหมายถึงอย่างอื่น???

    - วัยรุ่นตอนปลายใจร้อน ยังคงสงสัยว่า ต้องกล่าวสรรเสริญพระอาทิตย์ในระหว่างทำสมาธิอยู่อีกรึป่าวคะ
     
  19. นิพพานายะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +176
    ขอบคุณ คุณnopphakan มากครับ..

    ผมชอบดู พระอาทิตย์ตอนเช้า ตอนเย็นมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่ตอนหนุ่มๆ ก็ยังดู เพียงแต่ว่า ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ร่ำเรียนมา ทำให้ไม่กล้าดู กล้าเพ่ง แม้จะชอบมากเพียงไร..ต่อเมื่อได้ศึกษาธรรมะและปฏิบัติภาวนาในแนวทางสุขวิสปัสสโก และควบคู่กับพุทธนุสติกรรมฐาน(จับภาพพระ) มาได้ระยะหนึ่ง สิ่งบางอยากที่พบที่เห็น ไม่สามารถอธิบายได้ในหลักวิทยาศาสตร์..เป็นเรื่องของจิตตานุภาพ แม้จะประสบในเบื้องต้น..แต่ก็เป็นกำลังใจในการปฏิบัติต่อๆไป

    ในการเพ่ง ใจต้องนิ่ง.. ตอนผมเพ่งพระอาทิตย์ เมื่อตั้งใจเพ่งเข้าไปในพระอาทิตย์ เหมือนมีพลัง(อาจจะเป็นพลังจิต ของเก่าก็ได้..หรืออื่นๆที่เราไม่ทราบ)มาปิดพระอาทิตย์โดยรอบ(เป็นวงรอบพระอาทิตย์)ทุกครั้ง ทำให้มองเห็นพระอาทิตย์ ได้ชัดและสบายตา สบายใจ การมองพระอาทิตย์ ก็เหมือนการชาร์ตแบตเตอรี่(ในความคิดของผม)..จิตแช่มชื่น และมีพลังขึ้น ก็คงเป็นเพียงการเพิ่มพลังให้จิตวันละเล็กๆน้อยๆ..เป็นการเพิ่มพลังสมาธิ เพื่อใช้ในการภาวนาในแนวทางสุขวิปัสโกที่ผมปฏิบัติอยู่เป็นประจำ(ช่วยเสริมด้านสมาธิ)

    ที่ผมเขียนมา ขอย้ำว่าถ้าท่านอื่นๆเข้ามาอ่าน อย่าทำตาม เพราะอันตรายต่อสายตามาก..เพียงแต่นำมาเล่าสู่กันฟัง เพราะเป็นศาสตร์หนึ่ง ไม่มีใครได้กล่าวถึงกันบ่อยนัก แต่ก็มีอยู่จริง..(ปัจจุบันอายุใกล้จะห้าสิบ แต่ไม่ต้องใส่แว่นสายตา อ่านหนังสือได้ตามปกติ)

    ขอโมทนากับคุณ คุณnopphakan ที่ให้ความรู้แก่เพื่อนสมาชิก ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติมาโดยตลอด (ผมติดตามเงียบๆมานานแล้ว)..เป็นกุศลอย่างยิ่ง สาธุครับ..
     
  20. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,435
    ค่าพลัง:
    +35,014
    ขออนุญาตเสริมตรงนี้เล็กน้อยครับ..คือมีกรณีคล้ายคุณ นิพพานายะ
    ที่ส่วนตัวเคยรู้จักมานะครับ..คือ กลุ่มนี้จะมีความสามารถในการดึงพลัง
    งานจากภายนอกเข้ามาสู่ตนเองได้ คือ พลังงานจากแสงอาทิตย์ใช้
    เพื่อเสริมสร้างกำลังจิตเสริมความแข็งแรงให้ร่างกาย.ส่วนแสงของพระจันทร์
    ใช้เพื่อช่วยในเรื่องความความสงบของจิตใจและเรื่องสมาธิ..พวกนี้ไม่จำเป็น
    ต้องที่จะทำกสิณกลางได้ครบทั้ง ๕ กองครับ.แต่กองที่จะทำได้อัตโนมัติ
    หลังจากบางคนเปิดจักระได้ หรือโน้มความคิดดึงพลังงานได้ จะเป็นกสิณอากาศในระดับของการเรียกพลังงานขึ้นมาเพื่อเป็นทางเดินของ
    พลังงานภายนอกไม่ว่าร้อนหรือเย็น บางคนเรียกหยินหยาง บางคนเรียก
    พระอาทิตย์หรือพระจันทร์ หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่

    หลักๆแหล่งกำเนิดจาก
    พระอาทิตย์กับพระจันทร์..เพื่อรับหรือส่งเข้ามาภายในร่างกาย.แต่การสร้าง
    ทิพย์จักขุจะไม่เหมือนคุณ นิพพานายะ เค้าจะไปสร้างจากการกสิณกองอื่นๆ
    แทนที่ไม่ใช่การมองพระอาทิตย์เพราะถือว่าโดยรวมๆถือว่าปลอดภัยกว่า.
    ไม่ว่าจะสร้างแบบคุณหรือแบบที่เล่าเพิ่มเติม ข้อดีคือ จะมีภูมิต้านท้านจาก
    สิ่งไม่ดีภายนอก และสามารถนำไปใช้รักษาโรคบางอย่างให้หายขาดได้ทันที
    ซึ่งต้องมีพื้นฐานจากความเมตตาเป็นทุน และชอบช่วยเหลือคนแบบไม่หวัง
    ผลตอบแทน..

    ส่วนจะพัฒนาต่อยอดไปทางไหนก็สุดแล้วแต่บุคคล..ส่วนการรับพลังงาน
    จะเป็นการรับจากแสงที่ส่องออกมาไปใช่สายตรงไปที่แหล่งกำเนิดเลย
    ซึ่งถือว่าใช้ได้เหมือนกันทั้งสองวิธี แต่การรับจากแสงจะเหมาะสำหรับบุคคล
    ส่วนมากๆกว่าเท่านั้นเองครับ และการฝึกรับพลังงานทั้งร้อนและเย็นให้เป็น
    นิสัยจะช่วยป้องกันตนเองได้จากผลกระทบที่จะเกิดกับตนจากการที่ไปช่วย
    รักษาบุคคลอื่นๆครับ

    ประมาณนี้ครับ.​
     

แชร์หน้านี้