สอบถามวิธีดับจิตอกุศล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นายมาก, 13 มีนาคม 2018.

  1. นายมาก

    นายมาก สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2014
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +13
    อยากสอบถามวิธีการดับจิตอกุศลที่เกิดขึ้นในช่วงขณะๆนึงครับ ปกติอาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นละดำเนินต่อไปจนกว่ามันจะพอใจรึเปล่า ทำให้ความคิดอกกุศลมักเกิดขึ้นบ่อยครั้งละหยุดไม่ให้มันดำเนินต่อไปได้ หลังๆมานี้ผมรู้สึกเหมือนขาดอารมณ์ที่จะมีส่วนร่วมกับความคิดอกุศลที่เกิดขึ้น รู้สึกเบื่อหน่าย แบบเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ได้มีความสำคัญกับชีวิต แต่เพราะความเคยชินเลยกลายปล่อยให้มันดำเนินไปแต่ไม่มีอารมณ์เข้าไปร่วมกับมันมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว อยากสอบถามว่ามีวิธีปฏิบัติอย่างไรเพื่อละและเลิกครับ
     
  2. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ของผมต้องทำความเข้าใจว่าจิตอกุศลที่เกิดมันเกิดขึ้นจากสิ่งใดครับ แล้วแก้ที่เหตุปัจจัยตัวนั้นครับ โดยการทำให้หมดไป ก็ค่อนข้างยากอยู่ ต้องอาศัยคุณธรรมหลายข้อให้การกำจัด จิตอกุศล ข้อนั้น ๆ ออก หรือทำให้เบาบางลง

    อย่างผมนี่ หื่นครับ มีอารมณ์ทางเพศ ชอบอ่านกินสาว ๆ
    ผมรู้สึกว่าการอ่านกินสาว ๆ มันไม่ดีเท่าไร

    เลยพิจารณาไปตามสภาพที่น่าจะเป็นจริง ให้ตัวเองสามารถยอมรับได้ ว่า ที่เราไม่ควรหื่นเพราะอะไร
    เช่น
    สาวคนนั้นแต่งตัวตามสมัย เขาไม่ได้แต่งตัวให้เราดู แต่เขาแต่งตัวตามที่เขาพอใจ
    สาวคนนั้นทรวดทรงองค์เอวงาม ทรวดทรงองค์เอวนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเรา แต่มีไว้เพื่อแฟนเขา
    อีกหลายข้อ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราต้องมีคุณธรรมพอ ที่จะรับฟังความคิดเห็นที่เป็นเหตุเป็นผลที่สมควรแล้วของตนเองด้วยครับ

    ถ้าเถียงตัวเองเมื่อไร เป็นเรื่องล่ะครับ อารมณ์นั้นจะดับยากทันที
    เช่น
    ก็เราไม่อยากให้เขาเป็นของคนอื่นนี่หว่า
    ก็เราชอบเขานี่หว่า
    และอะไรอื่น ๆ (ยกตัวอย่างได้ไม่ดีต้องขอโทษด้วยครับ ผมยังไม่เคยหื่นจนถึงที่สุดหรอก)
    การเถียงตัวเอง ไม่ยอมดับจิตที่เป็นอกุษล ก็แสดงว่า คุณธรรมเรายังไม่ถึงพร้อมดีครับ ต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจ พระธรรมต่าง ๆ ไปก่อน ควบคู่กับการ พิจารณา ว่า ธรรมดา ของสิ่งที่จะพิจารณา มันดำเนินไปตามสภาพความเป็นจริงของมันอย่างไร
    เช่น
    พิจารณาศีล ข้อ 1 คร่าว ๆ แบบรวบรัด ที่จริงผมพิจรณาเยอะกว่านี้มาก
    ข้อ 1 การเบียดเบียนชีวิตทำให้อายุสั้น
    จริงหรือ?
    ธรรมดาของสิ่งมีชีวิตเป็นอย่างไร
    ไม่ต้องการการถูกเบียดเบียน ถ้าโดนเบียดเบียดแล้วจะผูกใจเจ็บ ทำให้ต้องหาโอกาสสนองกรรมที่ถูกกระทำ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ในลักษณะเอาคือด้วยกายเนื้อก็กายทิพย์ การเบียดเบียนชีวิตทำให้อายุสั้น จึงสมเหตุสมผล เป็นต้น



    คุณธรรมที่ แต่ละบุคคลเอามาใช้มีมากน้อยข้อไม่เท่ากันหรอกครับ

    ของผมนี่เอา ความรู้ที่ได้จากการเข้าใจหลักอิททัปปัจยตามาใช้เป็นหลัก
    และการพิจารณาให้เข้าใจว่า ธรรมดา ของสิ่งที่อยู่ในหัวตามสภาพความเป็นจริง ให้เข้าใจแล้วปล่อยวาง
    มี ทานเล็กน้อย มีอุเบกขา มี โอ๊ย เยอะครับ ผมแจกแจงรายละเอียดคงไม่ถูก บางครั้งการพิจารณาปล่อยวางบางเรื่องมันก็ยากทีเดียว

    ยกตัวอย่าง ผมไปชอบสาวโคตรน่ารักคนหนึ่ง แล้วเข้าไปคุย เขาก็ดูเฉย ๆ ไม่สนใจเรื่องของเราเลย ก็คิดว่า สาวคนนี้ ถึงเราชอบเขา เขาก็ไม่รักเราหรอก ตามสถานการณ์จริง ก็ให้ทานความรักของเราไป ให้เปล่า ๆ ไม่ต้องการความรักจากเขาคืนกลับมา แล้วปล่อยวาง ลด ละ เลิก การ พบเจอ สักพักก็เฉยได้ ถ้ามันยังชอบอยู่อีก ก็ลดละเลิกเหมือนเดิม ก่อนที่จะยั้งใจไม่อยู่

    คือเมื่อเราชอบใคร เราก็ทำให้ความชอบบางส่วน ในทางที่เกินเลย ของเราหมดไปน่ะครับ

    เพราะสิ่งนี้เป็นเหตุปัจจัยให้มี สิ่งนี้จึงมี
    เพราะสิ่งนี้ที่เป็นเหตุปัจจัยให้สิ่งนั้นดำรงอยู่ หมดไป สิ่งนั้นจึงดับไป

    เป็นไปตามหลักอิทัปปัจยตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2018
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ปฏิบัติกรรมฐาน ช่วยได้ครับ

    การที่จะระงับ ความฟุ้งซ่านอกุศลกรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ให้หยุด นั้น ต้องอาศัยกำลังของ จิต ครับ แล้วการที่จะมีกำลังของจิต ที่ระงับ อกุศลกรรมได้ ก็คือ การปฏิบัติ สมาธิ ภาวนา ครับ

    ดังนั้น ถ้าจิตกำลังสูง เรารู้ตัวว่า ฟุ้งซ่าน คิดเรื่องอกุศลกรรมอยู่ เราก็สามารถ ระงับ ไม่ให้ฟุ้งซ่านต่อในเรื่องที่เป็นอกุศลกรรม สามารถ ตัด หยุด ให้ออกไปจากใจ เราได้ครับ

    ถ้ากำลังใจเราห่วย จิตไม่มีกำลัง เวลาเกิดเรื่อง ฟุ้งซ่าน อุกศลกรรมขึ้นมา เราก็จะไหลไปตามอกุศลกรรมที่ฟุ้งซ่านต่อไป เพราะ กำลังใจเราต่ำ ไม่สามารถ ระงับความคิดอุกศลกรรมที่ฟุ้งซ่านออกมาได้ครับ

    ส่วนการจะทำอย่างไรนั้น ถ้าฝึกใหม่ๆ เริ่มแรกๆ จิตเรายังไม่มีกำลัง เราจะตามความคิดอกุศลกรรมไม่ทัน เมื่อจิตเราคิดเรื่องอกุศลกรรมแล้ว ค่อยมารู้ตัวทีหลัง สติทันความคิดอกุศลกรรมเมื่อไหร่ ให้เราใช้กำลังใจของเรา ระงับ ตัดเรื่องอกุศลกรรมออกไป ครับ

    ฝึกแรกๆ อาจจะทำไม่ค่อยได้ ถ้าจิตกำลังไม่เข้มแข็งพอ แต่ให้หัดไปเรื่อยๆ ครับ

    เมื่อฝึกไปสักระยะนึง จิตเริ่มมีกำลัง เราตามความคิดอกุศลกรรมที่เกิดขึ้นในใจเราทันเมื่อไหร่ เราก็สามารถ ระงับอกุศลกรรม ได้ครับ

    แล้วเมื่อไหร่ ที่เรา ปฏิบัติกรรมฐาน ฌาน สามารถที่จะทรง ฌานสอง ได้ขึ้นไป เราจะสามารถ ที่จะ ระงับความคิด อกุศลกรรม ไม่ให้เกิดได้ครับ

    ถ้าไม่เข้าใจก็คือ แทนที่เราจะรู้ตัวทีหลังว่าอกุศลกรรมเกิดไปแล้ว ค่อยมาระงับ เราจะสามารถ ระงับ ไม่ให้จิตคิด อกุศลกรรม ได้ เรียกว่า มีสติ รู้ก่อนที่อกุศลกรรมจะเกิด จะสามารถ ระงับ ไม่ให้คิด อกุศลกรรมได้ก่อนที่จะเกิด เพราะกำลังของ สมาธิ ฌาน ที่เราทรงอารมณ์ ฌาน อยู่ครับ

    สรุุปสั้นๆให้ นะครับ เริ่มแรก

    1.ให้ปฏิบัติกรรมฐาน มีคำภาวนา คำภาวนา คือเครื่องที่จะทำให้เรา ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ฟุ้งอกุศลกรรม เมื่อไหร่ที่เราลืมภาวนา สติตามความคิดไม่ทัน ลืมภาวนาเพราะขาดสติเมื่อไหร่ เผลอฟุ้งซ่านไปคิดเรื่องอกุศลกรรม เมื่อเรารู้ตัวเมื่อไหร่ ให้เราใช้กำลังใจ ระงับเรื่องอกุศลกรรมนั้นๆ แล้วกลับมาที่คำภาวนาต่อไปครับ หัดให้ชำนาญ จะช่วยได้ ระดับนึง ในการ ระงับอกุศลกรรมเวลาที่เกิดแล้วเรามีสติ

    2.ทำสมาธิ ฌาน ให้เกิด จะแก้ปัญหาได้ เพราะ จิตที่ทรงฌาน จิตเป็นสมาธ ฌาน นิวรณ์ 5 จะเกิดไม่ได้ จิตเราเป็นกุศลกรรม เรื่องอกุศลกรรม ก็จะระงับ ครับ

    3.ความคิดอกกุศลมักเกิดขึ้นบ่อย นั้น ต้องเข้าใจว่า มันคือ อารมณ์ที่ออกมาจาก จิต ครับ ไม่ใช้ ตัวจิต ที่เราเข้าใจ เราต้องระงับ อารมณ์ อกุศลกรรมที่เกิด ไม่ใช่ การดับจิต อย่างที่เข้าใจ ครับ เพราะมันไม่ใช่ตัวจิต

    4.สุดท้าย เวลาเรื่อง อกุศลกรรมเกิด เรารู้ตัวเมื่อไหร่ ให้ตัดอารมณ์อกุศลกรรม นั้น ทิ้ง ทันทีครับ ห้ามไปตามดูตามรู้ปล่อยให้จิตเสวยอารมณ์อกุศลกรรมไปเรื่อยๆ เพราะผิดทาง ครับ
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ก็ให้ " follow through " ไป ตามวิปัสสนายาน ดังกล่าว ที่
    มี " ความเบื่อหน่าย " อันเกิดจาก การตามเห็นซึ่ง สัจจ ความจริง
    ว่า " มันมีคุณน้อย "

    แล้ว สังเกต " วิตก วิจาร " ที่มัันผันเปลี่ยนไปอีกทาง ซึ่ง สงบกว่า
    ปราณีตกว่า เรียกว่า เกิด " เนขขัมวิตก " มาแทนที่ " อกุศลวิตก "

    ทีนี้

    จะขาดอยู่ สองนัยทางการปฏิบัติ คือ

    1. ฉลาดในจิตบันเทิง : ซึ่งจะอาศัย การกระทำ นมสิการ เนขขัมวิตก ที่ปรากฏ
    ซึ่งมันจะ เกิดขึ้นแว๊บเดียว ไม่นาน แต่ก็ถือว่าเกิด .....เมื่อ ยก ทำการ นมสิการ
    จิตจะค่อยๆ อบรมให้เห็น คุณของ เนขขัมวิตก มากขึ้นเรื่อยๆ จิตจะห่าง
    โลกธรรม( กุศล อกุศล รวมทั้ง อัพยากตา )

    หรือ

    2. กำหนดรู้ คุณ และ โทษ ของ จิตที่พรากออกจากอกุศล เข้ามาตรงๆ
    คุณคือมันพ้นอกุศล โทษของมันคือตั้งอยู่ไม่ได้นาน ....ดังนั้น อุปทาน
    ใน ธรรมแม้นปฏิปทา ที่ใช้ เราก็ไม่ถือมั่น ปัญญาอินทรีย์แก่กล้าพอก็
    จะ ทิ้งจิต ดับจิต โดยที่มี อายตนะอยู่ จิตกระทบอยู่ เกิดการเวียนบังเกิด
    ของอุปนิสัยบางประการ แต่ แขนจะขาด ไม่ฉวยเข้ามาเป็นตน "อีก" ( ถึง "อีกเลย" )
     
  5. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ก็มันเป็นธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้วนิครับที่จิตต้องปรุงแต่งอยู่ตลอดทั้งเป็นไปในด้านกุศลและอกุศล..

    เมื่อใดที่เราพลั้งเผลอไม่มีสติกำกับจิตไว้ เมื่อนั้นจิตก็ทำหน้าที่ตามธรรมชาติ ตามความเคยชินของมัน คิดกุศลบ้าง อกุศลบ้างตามเหตุและปัจจัย..

    หากคุณคิดที่จะห้ามไม่ให้จิตคิดอกุศล คุณก็ต้องห้ามจิตคิดกุศลด้วย คือห้ามตั้งแต่ต้นเลย ตั้งแต่ก่อนที่มันจะปรุงแต่ง.. ตั้งแต่ก่อนที่ตาจะกระทบรูป หูจะได้ยินเสียง จมูกจะได้กลิ่น ลิ้นจะได้รส กายจะถูกหรือได้สัมผัส..เมื่อห้ามได้..ก็จะกลายเป็นว่า ตาก็สักแต่เห็น หูก็สักแต่ได้ยิน ลิ้นก็สักแต่ได้รส กายก็สักแต่มีการสัมผัส... เมื่อนั้นใจเราก็จะสงบ ไม่หวั่นไหว.. เมื่อนั้นจิตก็ไม่มีการปรุงแต่ง...และความคิดด้านกุศลหรืออกุศลก็จะไม่มี..

    แต่จะทำได้ไหมล่ะและทำได้ตลอดเวลาไหม.. ถ้าทำได้ตลอดเวลาก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์...
     
  6. คนไทบ้านๆ

    คนไทบ้านๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2018
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +267
    จิตรับอารมณ์ได้ทีละอย่าง ดังนั้นขั้นต้นต้องรู้จักดับอกุศลด้วยการเจริญกุศลเข้าไปแทน การเจริญกุศลมีทั้งอย่างหยาบ คือให้ทาน รักษาศีล อย่างละเอียด คือเจริญภาวนาให้เห็นตามความเป็นจริง กุศลเกิด-อกุศลดับ อกุศลเกิด-กุศลดับ เอาความเพียรชอบ (สัมมัปปธาน) 4 (อย่าทิ้ง) เอามาใช้ จิตอยู่ฝั่งกุศล จึงเห็นอกุศลชัด ถ้าจมอยู่ในอกุศล ถึงเห็นยังไงก็ยังไม่แน่ว่าจะชัดครับ ดังนั้นจึงว่าต้องให้มาอยู่ฝั่งกุศลจริงๆให้ได้ก่อน (สังเกตที่อารมณ์ เศร้าหมองหรือผ่องใส)

    จิตที่เกิดร่วมกับกุศล กับ จิตที่เกิดร่วมกับอกุศล จะรู้สึกต่างกัน ขอให้ตามเห็นตามความเป็นจริงบ่อยๆ ครับ ต่อไปสติจะรู้เด่นต่างหากได้เอง เห็นกุศลและอกุศล แต่ไม่เป็นไปกับทั้งกุศลและอกุศล เรียกว่าเป็นกลางๆได้อยู่ ให้รู้ตามความเป็นจริงไป กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยากตาธัมมา ไม่มีเรามีเขา มีแต่กิริยาอาการที่เป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้นๆครับ

    ถ้าอินทรีย์พละมีกำลังพอ จะเห็นตัวที่ไปกระทำต่อจิต ทำให้จิตเกิดอาการต่างๆได้อย่างชัดเจน นั่นแหละครับ จะเริ่มเกิดปัญญารู้ทุกข์ตามความเป็นจริงขึ้นมาได้แล้ว เริ่มแยกออกแล้วว่า ตัวไหนเป็นตัวไหน ตัวไหนไปกระทำอะไรต่อจิตบ้าง แล้วตัวจิตจริงๆทั้งก่อนถูกกระทำ ขณะถูกกระทำ และหลังถูกกระทำเป็นอย่างไร จะเริ่มแยกตรงนี้ออกได้เอง เริ่มเห็นทุกข์จริงๆ สัมมาทิฏฐิจริงๆจะเริ่มเกิดจากตรงนี้เป็นต้นไป

    และต่อไปจิตกระเพื่อมเพราะกุศลอกุศลเราก็จะรู้ จิตเป็นกลางๆ เราก็จะรู้ ค่อยๆ เรียนค่อยๆ รู้เหตุปัจจัยแห่งทุกข์ตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆครับ ความหลงมันมีหลายชั้น ต้องค่อยๆ รู้และเห็นตามความเป็นจริงไป ไม่สามารถเร่งร้อนหรือเอาแต่ใจได้เลย
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ที่คุณเฉยๆปล่อยไปนั่นหละครับ
    เลยทำให้จิตเป็นกลาง อย่างไม่ได้ตั้งใจ
    จิตมันเลย รับรู้อย่างเดียว
    เป็นหลักอย่างหนึ่งในการเดินปัญญาครับ
    ซึ่งถือว่าดีแล้วครับ เพราะมันจะวางเรื่องนั้นๆได้
    เพียงแต่ว่าเรื่องนั้นๆมันก็ยังสามารถที่จะย้อน
    กลับขึ้นมาได้อีกในอนาคตครับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติครับ

    แต่ถ้าจะไปต่อเราต้องมาสังเกตุเพิ่มเติมว่า
    มันเกิดเวลาไหน ?
    มันเกิดเพราะอะไร ?
    มันดับไปตอนไหนดับเพราะอะไร?
    ซึ่งโดยมานักปฏิบัติจะขาดตรงนี้
    เพราะคิดว่า การที่วางได้แล้ว มันคือสิ่งที่เพียงพอ
    ซึ่งมันยังไม่พอครับ เพราะมันแค่วาง แต่ยังสามารถ
    สร้างเชื้อให้กลับขึ้นมาเกิดเรื่องแบบนี้ได้อีกครั้งครับ

    การมาสังเกตุตรงที่ได้กล่าวเพิ่มเติม
    จะทำให้เริ่มรู้ เหตุของการเกิด เหตุของการดับ
    คือพอจะเข้าใจกระบวนการเกิดของมัน
    มันถึงจะเริ่มเข้าสู่ปัญญาญานได้
    ที่จะช่วยคลายเรื่องนั้นๆให้ออกจากตัวจิต
    หรือไม่มีการสร้างเชื้อให้เรื่องนั้นๆเกิดขึ้นได้อีก
    ต่อไปในอนาคตได้ของมันเองครับ.....

    ระดับโปร จะใช้วิธีเข้าสภาวะดับเพื่อฟอก
    ไม่ให้เชื้อมีการเกิด หรือฟอกจนหายไปจากจิต
    ในระดับโปรซีรีย์จริงๆ
    แต่อย่างเราๆคือ รับรู้ตามความเป็นจริง
    ให้จิตได้รู้ให้เข้าใจก่อน จนมันวาง
    พอมันวาง ค่อยมาดูเหตุแห่งการเกิดดับของมัน
    เด่วจิตมันจะเข้าใจได้เอง ว่ายังเป็นกระบวณการ
    ที่มันมีการปรุงไว้แล้วอย่างหนึ่ง เด่วพอจิตมันรู้ตรงนี้
    มันก็ไม่อยากให้มีการเกิดในเรื่องนั้นๆได้ของมันเอง
    เราก็มาดูเป็นเรื่องๆไปเท่านั้นเองครับ....

    ปล.ส่วนมาก พอเกิดจะลืมสังเกตุว่าเกิดเพราะอะไร
    แต่จะพอมีสติรู้ทัน หรือทำเฉยๆไม่ปรุงร่วมได้
    แต่ก็จะไม่ทันอีกว่ามันดับตอนไหน
    และดับเพราะอะไร เรื่องปกติครับ
    ทำให้ไม่รอบรู้ในกระบวณการปรุงแต่ง
    เรียกหล่อๆว่า ไม่รอบรู้ในกองสังขารนั่นเอง
    เลยไม่สามารถไปต่อได้ถึงระดับปัญญาญาน
    เผลอๆบางดวงจิต หลงสภาวะคิดว่า บรรลุ
    แล้วก็มีเยอะแยะครับ.....เล่าให้ฟังเฉยๆ
     
  8. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เหตุแห่งทุกข์ควรรู้...เพราะถ้ามีแต่บอกว่าไม่ทุกข์มันแปลก...อกุศลจิตคือทุกข์อันเป็นผลของการกระทำทุกกรณี...เรียนรู้มันจะหยุดได้
     
  9. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ชอบนะ
    กระทู้นี้
    เราพึ่งรู้ การดับจิตอกุศล กิเลสมั๊ยนะ
    ยกตัวอย่าง เราเองละกันนะ
    เราพึ่งเปิดเฟคบุค สื่อ ในด้านการพิจารณาธรรม และ เน้นธรรมทานเสียเป็นส่วนมาก
    เมื่อวานมีเหตุ มีบางอย่างมาก่อกวนในยามหลับ ถือว่าเป็นกิเลสมั๊ย ใช่ กิเลสในจินตนาการ
    พอสักระยะ ให้คิดว่า สิ่งนี้ไม่มีตัวตน และอีกอย่างการทำบางสิ่ง ในสิ่งที่ไม่มีตัวตน
    คนทั้งคนยังเป็นสมมุติได้ แล้ว จืนตนาการนี้มันใช่ใหม
    เหมือนการล่อหลอกของพยามาร หรือ ธิดาพยามาร
    ยกจิตตัวเองให้สูงขึ้น
    และพิจารณา
    สิ่งนั่นๆ จึงหายไป ไม่สามารถทำอะไรได้
    เหมือนการ ยกจิตตัวเราให้ เข้าไปอยู่ใน การบวชไปเลย ไม่สนใจอีกต่อไปเพราะไม่ใช่ทางพ้นทุกข์
    เมื่อคืน เราพึ่งเข้าใจคำว่า วิปัสนา เป็นยังใง
    แบ่งธรรมทานนะคะ
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ให้ถือกรรมบถ10คะ
    ทำเหมือนการภาวนาทุกลมหายใจคะ
    ช่วยได้เลยคะ
    เว้น
    กายกรรม
    วจีกรรม
    มโนกรรมคะ
     
  11. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ถ้าคุณถือจนละเอียด
    ที่นี้คุณจะโดนกระทบจากผู้ที่มีจิตอกุศลอีกขั้น ทีนี้คุณ จะลงไปเล่น หรือ ละเว้น
    เห็นเป็นเรื่องตลก
    มองเป็น ธรรมดาไปเลยคะอีกลำดับขั้นคะ
     
  12. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    เอามาฝากคะ
    วิธีละจิต อกุศล
    บริกรรมภาวนาทุกอริยบถให้ได้แล้วแต่คำบริกรรมที่ชอบ แต่หลวงพ่อแนะพุทโธ
    จนจิตนิ่ง
    ..จะเกิด ญาน อันเป็นเครื่องรู้
    ...ญานนั้นและ จะพาคุณรอดจาก อกุศลจิตคะ
    โมทนา
     
  13. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002


    clip ข้างบนนี้ก็ช่วยได้เช่นกันครับ ลองฟังกันดูครับ อนุโมทนาครับ
     
  14. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    ตามที่.. คุณ นพ .. แนะนำครับ
     
  15. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    หมู่สูนี่ก็นะ ขุดเอาโพสปี2018 มาสอนคนปี2020ก็ได้ด้วยนะ....
    ธรรมจัดสรรสินะ
     
  16. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917

    ผ่านมาแล้ว กว่า 2500 ปี ยังเอามาสอนได้เลย นะ..
    :D:D
     
  17. Picolo Fanta

    Picolo Fanta ต้นคต ปลายตรง ไม่มี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,086
    ค่าพลัง:
    +651
    แหม เดี๋ยวนี้เลิกแอ๊บใสแล้วหรอ
    เณรยังไม่เลิกแอ๊บป่วนเลย
     
  18. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,916
    ค่าพลัง:
    +4,612
    แบะ แบะ แบะ..

    พูดไม่ได้ ก็ เม้มปากแล้วนั่งลง..

    มีคำบริกรรมกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย..
     

แชร์หน้านี้

Loading...