เอ้า..ดนตรี...มา..
สุดระกำ ช้ำตรม ระทมอุรา ที่เมียต้องพาไปหาหมอเพราะ ไตวาย
เราเป็นผัว ต้องหมองมัวแทบอยากตาย อกลูกผู้ชาย แสนอาย ยามอับอาภัพกับตน
โธ่ เมียเรา ส่งลูกเรียน และทำงาน ก็หนักแล้วเอ๋ย...แล้วแม่ทรายเชย ต้องมาวุ่นวายกับเราอีกหน สุดสงสารและเห็นใจในเมียตน ที่ต้องมาทน กับผัวเฮงซวย ไม่รู้จักตาย...
อย่างผมนี้ ถึงมี ไตวาย ตับวาย เมียรักไม่คลาย ปักใจหมายเสมอ ยังคงฝัน อยู่เหมือนวัน ฉันเคียงเธอ กอดหมอน นอนเพ้อ ละเมอว่า จะรีบหายไวไว
ผัวถามเมีย ...ทำไมถึงยังต้องทน เมียบอกถึงจน ก็จะขอสู้ต่อไป..ผัวคนเดียว ถึงจะโง่ดังเป็นควาย แต่ว่าหัวใจ ของเมียนั้นไม่ ทิ้งผัวได้ลง..
เราไตวาย ช้ำใจต้องนอนหมองมัว เมียเฝ้าเช็ดตัว เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ..อดทำไป
เราเป็นผัว แสนอับอายในดวงใจ น้ำตาตกใน ..ทำไม๊ ทำไม .ถึงเป็นเช่นนี้
โอ้เมียเรา...จิตใจ เธอช่างแสนดี พระคุณมากมี ...เป็นอย่างงี้ได้ยังไง
เราเป็นผัว นอนระทม ตรมฤทัย แต่แม่ขวัญใจ ...ก็ยังไม่หน่าย ทนได้ทนดี
ก่อนเป็นผัว คิดมีเมียแนบ อกชาย ..อย่ารักที่กาย หรือมุ่งหมายภาษี..จะหาเมีย ต้องหาแต่คนที่ดี อย่างเมียผมนี้ ..ขอมอบชีวี รักด้วยหัวใจ..
อย่างเมียผมนี้ ไม่ได้มาฟรี แลกด้วยหัวใจ....
แต่ แต แต๊..แต่ แต๊ แต ..แต แต แต..แต่ แต แต แต..แต๊ แต แต แต แต๊ แต แต่ แต
เพลงนี้ มีชื่อว่า...จำใจ ไม่จากเมีย...
สังโยชน์ 10ประการ
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย วรณ์นิ, 10 มีนาคม 2019.
หน้า 4 ของ 6
-
ภาษี หมายถึง เงิน
มา มา มา ทานข้าวเช้า...แกงสายบัวรอเก้อ กับข้าวหอมมะลินุ่มๆ...เมียบอก
ผมเลยแซวเมียว่า...นี่ทำประชดเหรอ...จึงเป็นแกงสายบัวรอเก้อ
ผมบอก สาวพยาบาลจะรอเก้อน่ะสิ..เมียตอบ..ไม่ไช่ ผมตะหากที่ต้องรอ จนเก้อ
เมียตอบเสร็จ หัวเราะชอบใจ -
เมื่อวาน ผมให้เมีย กดสิวให้...ปกติ ผมจะไม่ให้กด เพราะมันเจ็บ
พอกดเสร็จ ...ก็นั่งคุยกัน ผมเลยบอกกับเมียว่า ผมจะบอกอะไร
ว่า ที่ผมยอมให้เมียกดสิวให้ ยอมทนเจ็บนี่ เพราะห่วง หน้าตา ความหล่อ กลัวพยาบาล ผิดหวัง..ผมพูดจบ เมียหัวเราะงอเลย...บอก มิน่าล่ะ..ทำไปได้ ...เรานั่งหัวเราะด้วยกัน จนเหนื่อย ..เพราะผมทนเจ็บปวดได้เพราะห่วงหน้าตา..
ผมเลยบอกกับเมียว่า หัวใจผมว่างอีกตั้งสามห้อง จองไว้ให้พยาบาลแล้ว 1 ห้อง เมียหัวเราะ ตอบว่า ตามสบาย ...ถ้าไม่เจียมตัว....อิอิ -
ผมกับเมียนี่ เราคุยกันได้ทุกเรื่องนะ ไม่ถือว่าเป็นแค่ผัวหรือเมีย
ผมเป็นทั้ง ผัว พ่อ เพื่อน ลูก เพื่อเติมเต็ม ในอารมณ์ความรู้สึกที่เมียต้องการ
เมียก็เป็นทั้ง เมีย แม่ เพื่อน ลูก ทุกอย่างเพื่อเติมเต็ม ในสิ่งที่ผมต้องการ
เราคุยกันได้ทุกเรื่อง อภัยให้กันได้ทุกเรื่อง...ถ้าสำนึกผิดได้จริง..
คนรักกันจริง มันต้องเป็นแบบนี้
ส่วนไอ้คนที่ บอกสำนึก แต่ ก็ยังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก นี่มันพวกตอแล
คนพวกนี้ คบไม่ได้ -
ช่วงที่ ติดเชื้อดื้อยา นอนที่โรงพยาบาล ...ต้องนอนคนเดียว..เมียต้องกลับมานอนกับลูกที่บ้าน ฉี่ไส่กระบอก..ปวดหนักต้องรอเมีย มาเข๊นรถพาไป..
เชื้อดื้อยานี่ แรงนะ...มันหนาวสั่นไปทั้งตัว หายใจไม่เข้าไม่ออก พะงาบๆ อ้าปาก พะงาบๆ ให้ยาทางสายน้ำเกลือตลอด ต้องมีเจาะสาย รองรับ สองสาย สายนึงน้ำเกลือ อีกสายฉีดยา.. ถ้าที่แขนน้ำยาไม่ไหลเข้า ก็ต้อง เจาะที่ขา..
นอนที่โรงพยาบาลนี่ คนตายเยอะ เลย ..
ช่วงนี้ฝันแปลก....คือ มันฝันเจ็ดเรื่องเจ็ดฉาก สลับกันไปเป็นฉากๆ
แบบเป็นเหมือนหนังคนละเรื่อง ฝรั่ง ไทย การ์ตูน รอบโลก เจ็ดเรื่อง เจ็ดฉาก ไล่เลียงกันอยู่แบบนั้น จะตื่นก่อนก็ไม่ได้ ต้องวนไปกลับให้หมดทั้งเจ็ด เรื่องนั้นแหล่ะ โหใจจะขาด วนหลายรอบด้วย...ฝันอะไรวะเนี่ย..ฝันแบบนี้ก็มีด้วย -
ไปนอนฟอกไต พอหลับ ก็ฝันเห็นแต่ผีอีก ผีผู้หญิงคนแก่.หลายคนเลย เข้ามา กอด มาหอม อะไรวะ ...ก็นะ ฝันเยอะ เรื่องแบบนี้...
แต่มีฝันอันนึง ฝันว่าตนเองเป็นพระนะ เหมือนจะออกจากที่แห่งนี้(โรงพยาบาล) เหมือนมี เทพผู้หญิงร่างยักษ์มานิมนต์ให้ไปที่อื่น ในฝันก็ ออกเดินทางออกไปนะ..โห แต่ร่างกาย มันใหญ่โตมาก ..
พอตื่นจากฝัน เออ สงสัยจะฝันดี คงจะหาย แล้วได้ไป จากที่นี่
จากนั้น ท้องที่เคยบวมน้ำ ก็ยุบ จนหมอ พากัน งง ว่า แอบไปเจาะที่ไหนมา
เขาบอก มันไม่มีทางจะหายเองได้ หาว่าผมไม่บอกความจริง
ตอนนี้ ได้เปลี่ยน โรงพยาบาล ตามที่ฝันเลย
เออ สังสัย เราไกล้จะหายดีแล้ว แน่ๆเลย ปลอบใจตัวเอง -
ตอนที่ตัวบวมหนักๆ ขานี่งอไม่ได้ มันตึง เดินลำบาก นั่งนอนลำบากหมด
มันแน่น ไปหมด นอนราบไม่ได้ นอนหงายไม้ได้ ต้องเหมือน นั่งเอนพิงเอียงข้างหลับ ต้องนอนฟังเพลง คิดถึงเจ้ากรรมนายเวร น้ำตาไหล รันทดกับตนเอง
โดยเฉพาะเพลง...สะใจหรือยัง.? ของสายัญ แหม มันโดนใจมากๆเลย
ที่เล่ามานี่ ความเป็นจริง มันหนักว่าที่เล่า หลายเท่านัก เอาว่า ถ้าเป็นคนอื่นนี่ ตายตั้งแต่ สามเดือนแรกแล้ว ผมเคยวูบที่บ้าน ดีที่มีเตียงรองรับ..ผมต้องพยุงด้วยไม้ค้ำ...เคยล้มนะ จะลุกไม่ขึ้นเลย ปวดขาอย่างแรง ขาไม่มีแรง..
ผมเลยอยากรู้ว่า ถ้าวูบมันจะไปไหน เลย ตั้งสติตามรู้ความรู้สึกที่วูบ...มันก็ค่อยๆมืดลง จมดิ่ง ไปที่นิ่งๆสักแห่ง พักนึง ..จน ค่อยๆรู้สึกตัวกลับมา
วูบนี่ กายล้มพับเลยนะ ...เหมือนไม่มีอะไรควบคุมกาย เหมือนกายหมดสภาพหมดความรู้สึก มันจะเหมือน ความรู้สึกวูบหดตัวเล็กลง และ จมดิ่ง หายไปกับความมืดมิด เหมือนดับไฟในห้อง ปิดสวืทย์ มืดเลย เหมือนในหนัง the matrix ที่โดนถอดสวิทย์
เหมือนเปลวไฟที่ดับ เพื่อดับตนเอง อะไรประมาณนั้น
ก็เหมือนในฝันที่ผ่านมา คือ รู้ตัวว่าฝันแล้ว ลองตามรู้ ว่า ความรู้สึกมันจะพาไปที่ไหน
มันก็วูบไป นะ..ไปโน่นไปนี่..เปลี่ยนฉากไปเรื่อย
แต่วูบจริงๆนี่ มันไม่ไปไหน ไม่ไปโผล่ที่ไหน...มันจะวูบหดตัวลง เหมือนจะหายไปท่ามกลางความมืดมิด...อ้อ การดับ มันเป็นแบบนี้ นี่เอง -
ฮ่าๆๆๆๆ :)
-
ทีนี้ ในฝันครั้งหนึ่งว่า กำลังขึ้นดอยสุเทพนี่แหล่ะ ทีนี้มันรู้สึกไม่อยากขึ้น แล้วรู้สึกว่า พื้นมันจะพังทลายลง ก็เลยตั้งสติจะตามดูว่ามันจะพาไปไหน มันก็พังทลายลง เหมือนร่วงลง เกือบถึงพื้น มันก็ลอยละล่องไปเรื่อยๆ ก็ปล่อยมันไป ไม่ฝืน มันลอยไป หยุดที่สถานที่แห่งนึง เหมือนบัลลังค์พยานาค นี่แหล่ะ มีพยานาคตัวหนึ่ง ลอยขดตัวอยู่เหนือบัลลังค์ ผมก็ดู เออ สวยดีนะ ...
-
กราบงามๆสามครั้งครับ กราบ กราบ กราบ....
ขอกราบด้วยใจงามๆ อีกสามครั้งครับ กราบ กราบ กราบ..
ขอกราบรับพร งามๆ อีกสามครั้งครับ กราบ กราบ กราบ
สุดท้ายขอกราบด้วยความคิดถึงงามๆอีกสามครั้งครับ กราบ กราบ กราบ.. -
ใครคือเรา.?......ไม่มีใครคือท่าน
หากตอนนี้เรานั้นไม่ไช่ใคร.?
ที่ผ่านมาแลผ่านไปใครเป็นเรา..?....ท่านก็ยังคงเป็นท่าน
อาจารย์ครับ เรื่องไหนที่ผม ไปฟ้องท่าน ท่านต้อง รับพิจารณาชำระ สาวกของท่านด้วยนะครับ เป็นพยาน ก็ได้ครับ... -
ฮ่าๆๆๆ -
-
+++ ทุกอย่างเกี่ยวกับ ตรง/ไม่ตรง เท่านั้นแล...
+++ มโนมยิทธิ ที่ตรงตามพระไตรปิฏก ณ ขณะนี้
+++ ก็เห็นมีแต่ น้าจร เท่านั้น ที่โพสท์ ระบุ "วิธีทำ"
+++ ออกมา ได้ใกล้เคียงที่สุด ไม่ว่าจะ "เก่ง/ไม่เก่ง" ก็ตาม
+++ แค่นี้ก่อนก็แล้วกัน นะครับ -
เมื่อกี้ งีบหลับไป ฝันดี ฝันว่า จะได้เมียเด็กมาอีก หนึ่งคน...ฮ่าๆๆๆๆ
แค่ฝัน ก็สุขแล้วเรา...หากินกับความฝันนี่แหล่ะ....ลมๆแล้งๆ -
+++ มันก็ "เป็น" แต่ละชาติ นั่นแล...
+++ ความเป็นตน (อัตตา) อยู่ในฉากใด
+++ ฉากนั้น ๆ แล.... คือ ภพ/ภูมิ ที่อัตตาไปถือกำเนิด
+++ อัตตา อยู่ใน "ฉาก" ใด ๆ ฉากนั้น ๆ คือ "ชาติ" นั้นแล
+++ ผู้ที่สามารถ "ถอดความเป็นตน" ไป ๆ มา ๆ ในแต่ละ "ฉาก" ได้
+++ ย่อมได้เปรียบ ในเรื่อง "จุติจิต" โดยเฉพาะจะชัดเจนในเรื่อง "มันไม่มีวันจบ" ได้
+++ หากใช้ "ความได้เปรียบ" ตรงนี้ ตลุยลงไปใน "จุติจิต" ไม่นานมันก็จะ "เบื่อในจุติ"
+++ ตรงนี้เท่านั้น จึงถือเป็น "นิพพิทาญาณ" ตัวจริง นอกนั้น ไม่ใช่เลย นะครับ -
เมื่อกี้ เมียเอา อาหารเที่ยง มาส่ง มี ตำจั๊กจั่น ลาบกระปอม ...เมียเห็นผมนั่งยิ้ม
เมียถามว่า เป็นอะไร นั่งยิ้ม อยู่คนเดียว.?
ผมไม่ตอบ..เก็บไว้ในใจ..คิดถึงความฝัน กับคิดถึง ท่านจารย์อา
แค่คิด ก็มีความสุขแล้วเรา... -
+++ ในเวปนี้ น่าจะทำในระดับนี้ได้ "ไม่กี่คน" เท่านั้น
+++ หากต้องการ "รู้จักอาการ ดับ" จริง ๆ
+++ ให้ทำอาการ "วูป ถูกรู้"
+++ แล้วปล่อยให้มัน "วูปดับไป" แบบคาหนังคาเขา
+++ โดยไม่มี "การแทรกแซงใด ๆ ทั้งสิ้น"
+++ แล้ว น้าจร จะรู้ถึง "การดับจิต" ที่แท้จริงเป็นอย่างไร
+++ มันไม่มีอะไร "ตายจริง ๆ" ไปได้เลย
+++ แล้วจะ "รู้" ชัดเจนได้เองว่า
+++ "ความตาย ที่แท้จริงแล้ว ไม่มี"
+++ มีแต่ "จุติใหม่ ไม่มีวันจบสิ้น"
+++ "หยุด/ยุติ" และ "พ้น" ตรงนี้ได้ ก็ "พ้น" นั่นเอง
+++ ขอให้ "ทำได้" ในเร็ว ๆ นี้ นะครับ -
เครๆ ชอบๆ -
มีแต่จุติใหม่ ไม่มีวันจบสิ้น..
สองข้อนี้ผมไม่เชื่อครับ..เพราะยังมีข้อที่ว่า พ้น ตามมา ตามที่คุณพูดอยู่
สองข้อนี้ ขัดแย้งกับ คำว่า พ้น ที่คุณกล่าวตามมา
ถ้าสองข้อเป็นจริง คำว่า พ้น ก็ต้องไม่มีสิครับ
หน้า 4 ของ 6