สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รูปติดบัตร, 26 พฤศจิกายน 2016.

  1. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    แนวอฐิษจิตสาย ลพ. มีชื่อในอดีตที่ จ.อุธัยฯ จะไปได้เร็วสุด
     
  2. Raibliss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +113
    ขอบพระคุณค่ะ รบกวนเรียนถามคุณนพเพิ่มเติมนะคะ
    1. เป็นเรื่องบังเอิญมากเลยค่ะ เมื่อวานตอนนอนหลับตาอยู่เห็นเหมือนพระลอยไปมาขึ้นลงซ้ายขวา พอมองดี ๆ จึงเห็นว่าเป็นหลวงพ่อท่านค่ะ
    2. แนวอธิษจิตคือ การเข้าฌาณ 4 แล้วถอยออกมาอุปจารสมาธิแล้วเข้าฌาณ 4 ใหม่ เข้าใจถูกต้องใช่มั้ยคะ
    3. แนวอธิษจิตนี่รวมถึงกสิณหรือมโนมยิทธิด้วยมั้ยคะ มีความสนใจทางด้านนี้อยู่ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงค่ะ
    4. แนวทางการปฏิบัตินอกจากเวลานั่งสมาธิ ปรับลมหายใจให้หายใจจนท้องป่อง แต่ตามลมเข้าออกเฉพาะปลายจมูกเท่านั้น เจริญเมตตา และเดินนับก้าวในชีวิตประจำวันแล้ว ควรฝึกปฏิบัติอย่างไรเพิ่มเติมมั้ยคะ
    5. การทำสมาธิแบบมองแล้วจำภาพพระพุทธรูปที่หลวงพ่อสอนจะเหมาะสมกับจริตตัวเองมั้ยคะ
    6. วิธีทำให้ได้ทิพยจักขุควรปฏิบัติอย่างไรคะ
     
  3. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    รับทราบ
    เข้าใจถูก ตย. สมมุติ จะย้อนอดีต ๕ ชาติ ถ้าทำได้ตอนนั่งสมาธิ เข้า ๔ ถอยมาอุปจาระ ในขณะที่กำลังจะกลับขึ้นไปเกือบๆถึง๔ จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวคือจะเห็นชาติที่ ๕ ส่วน ๔ ๓ ๒ ๑ จะขึ้นมาเลยตามลำดับ... แต่ถ้าทำใด้ขณะใช้ชีวิตปกติ จะไม่ได้อฐิษฐานอะไร เรื่องการอยากรู้อะไรทั่วๆไป เพราะจะใช้สายตาพิเศษ ระลึกเอาให้ภาพปรากฏได้เลย ยกเว้นว่า จะอฐิษฐานเพื่อทำอะไรที่พิเศษกว่า เช่น รักษาโรค ฯลฯ
    กสิณ ไปได้ ๑.จะได้เรื่องพลังงาน ได้มาจากตัวจิตที่สามารถปั่นภาพปฏิภาคนิมิต คือภาพที่มีแรงดึงดูดคือถ้าเราไปดูใกล้สามารถดูดเราไปมิติอื่นๆได้เป็นเรื่องปกตินะ จะเจอกันทุกคนถ้าเคยเข้าถึง และอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่เงียบเหมือนภาพระดับอุคหนิมิต ในกำลังสมาธิระดับสูงให้ได้ หรือ กรณีที่ ๒. ทิ้งภาพปฏิภาคนิมิตกสิณและระลึกภาพขึ้นอีกครั้ง(จำเป็นต้องทำไม่งั้นกำลังจะไม่พอในการทำให้เกิดผล) หลักการคล้ายการอฐิษฐานจิตที่ขึ้นด้วยภาพพระ เพียงแต่ต่างในเรื่องที่อฐิษฐาน ถ้าทางกสิณ ตย. ถ้าขึ้นด้วยกสิณน้ำ มักจะอฐิษฐานเพื่อให้เกิดฝนตก ถ้านั่งห้องพระจะตกที่หลังคา ถ้านั่งในที่ส่วนตัวจะตกรอบๆกาย ส่วนถ้าเป็นภาพพระในระดับปฏิภาคนิมิต(เข้าใกล้ไปจะหายไปในฐานพระได้ และสภาพแวดล้อมไม่เงียบนะ) มักจะอฐิษฐาน ในส่วนของการอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนั้นๆ เช่น รู้โน้นรู้นี่อะไรก็ว่า อยากเห็นโน้นนั่นนี่อะไรก็ว่าไป .... ข้อดีคือ ถ้า ผ่าน ๑ หรือ ๒ แล้วไม่อฐิษฐาน คือ ถึงระดับปฏิภาคและทิ้งภาพไปเลย จะไปอยู่ในโหมดอรูปฌานจริงๆได้(ไม่ใช่แบบนอนๆแล้วไปเห็นอากาศ หรือ เผลอหลับ หรือนั่งสมาธิแบบไม่เคยขึ้นภาพมาก่อน แล้วไปเห็นท้องฟ้าแต่เวลาปกติจิตไม่มีความสามารถแบบที่เค้าหลงๆว่าตนเองได้อรูปนะ) ถึงตรงนี้ จะมีความสามารถในเรื่องพลังงานในเวลาใช้ชีวิตปกติ เช่น ดึง ดูด ส่ง ฯลฯ
    อันนี้หละสำคัญสุด เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด ที่จะเป็นตัวชี้วัดได้ว่า อนาคตจะฝึกสำเร็จหรือไม่ เพียงแต่ทำให้มันต่อเนื่องจริงๆ จนในชีวิตประจำวัน ระบบลมหายใจเป็นอย่างนี้เองตามธรรมชาติ ที่เหลือระหว่างวัน ค่อยมาลดละ เรื่อง โลภ โกรธ หลง เรื่องความอยากต่างๆเสริมเอา
    ตรงสุดแล้วหละ ให้มองภาพขนาดไม่ใหญ่มาก หลักสังเกตุ พอมองภาพแล้วละสายตาจะเห็นภาพนั้นได้ทั้งองค์
    ถ้าใหญ่ไป แล้วไปโพกัสบน พอละเราจะเห็นแต่ด้านล่าง โพกัสล่างเราจะเห็นแต่ด้านบน ถ้าระดับสายตา ระยะห่าง ๑ หนึ่ง ภาพขนาด ๑ นิ้วกำลงพอดี ระหว่างนี้ ไม่ว่าจะเกิดกิริยาทางนามธรรมใดๆระหว่างก็ตาม ห้ามสนใจ ใคร่รู้ หรือไปอยากรู้ หรือสงสัย ในทุกๆกรณี ให้รอจนกระทั้ง ไปถึงระดับปฏิภาคนิมิต และต้องภาพที่เราใช้ในเบื้องต้นเท่านั้น ภาพอื่นๆไม่ว่าท่านใดก็ตามห้ามสนใจ ภาพปฏิภาคนิมิติ นอกจากมีแรงดึงดูด สภาพแวดล้อมไม่เงียบ ในภาพจะมีความสว่างในตนเอง ตั้งเป้าเรื่องภาพไว้แบบนี้ เท่านั้น
    ขึ้นด้วยภาพพระนั่นหละ เอากำลังจิตก่อน เด่วเรื่องพวกนี้จะมาเองตามความละเอียดของจิตใจเรา(ส่งผลต่อความชัดไม่ชัด) ที่มาจากทางด้านปัญญาในการลดละคลาย กิเลสต่างๆ อฐิษฐานได้ซักครั้งสองครั้งตอนนั่งสมาธิ ในชีวิตประจำวัน มันจะเกิดความ
    สามารถด้านนี้ขึ้นมาได้เอง ไม่ต้องไปเข้าสมาธิอะไรหรอก มองไปบนอากาศระลึกเรื่องที่อยากดู
    มันก็ขึ้นมาเองนั้นหละ แรกๆไม่ชัดหรอก แต่พอจะทำให้คาดได้ มันจะค่อยๆเป็นค่อยๆไป


    ท้ายนี้ ถ้าต้องการจะฝึก โดยที่ช่วงนี้ถ้าสดวกนะ ให้เลือกเวลา ที่เหมาะสมที่เหมาะกับตนเองที่สุด เพื่อไว้ดึกๆก็ดี
    และต้องตรงเวลาที่สุดห้ามช้ากว่าครึ่งชั่วโมง ห้ามมีข้ออ้างข้อแม้ใดๆ ไม่ว่าจะป่วยหรือจะอะไรก็ตามห้ามเบี้ยว
    ถ้า ลพ.ท่านมาให้เห็นแล้ว ให้รีบฝึกเลย เพราะว่าจะมา เหลาะแหละ ไม่ได้เลย ถึงจะมีโอกาสฝึกสำเร็จ
    ภายในหลักเดือน ถ้าทิ้งๆขว้างๆ เด่วค่อยฝึก ชาตินี้จะไม่สามารถฝึกสำเร็จในระดับใช้งานได้เลย ดังนั้นมีอะไรเจออะไรให้พยายามด้วยตนเองให้ถึงที่สุดก่อน เด่วจุดสำคัญๆ เด่วเราจะสามารถผ่านได้เอง
    **ก่อนเริ่มฝึกอย่างจริงจัง เฉพาะครั้งแรก ให้อฐิษฐานต่อหน้าพระว่า ขอเรียกของเก่ากลับขึ้นมาดู และจะนำไปใช้งานในทางสาธารณะประโยชน์ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ **
    เครเนาะ.....
     
  4. Raibliss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +113
    ขอบพระคุณมากค่ะ เรียนถามเพิ่มเติมนะคะ
    1. การอธิษฐานต่อหน้าพระสามารถเป็นพระพุทธรูปในห้องพระ ไม่จำเป็นต้องเป็นพระประธานในวัดใช่มั้ยคะ
    2. หากปฏิบัติแบบนึกภาพพระแล้วควรปฏิบัติแบบเดียวเลยมั้ยคะ หรือว่าควรนั่งสมาธิดูลมหายใจแบบปกติสลับกันไปคะ
    3. การมองภาพพระแล้วละสายตามานั้น ตอนละสายตามานึกภาพต้องหลับตาหรือลืมตาเป็นปกติคะ และถ้าภาพพระมีแบล็คกราวเป็นสีดำ จะมีผลอะไรกับการนึกภาพมั้ยคะ หรือว่าควรเป็นภาพพระที่แบล็คกราวเป็นสีขาวคะ
    4. ที่คุณนพแนะนำว่า ระดับสายตาระยะห่างประมาณ 1 นี่คือ 1 เมตรมั้ยคะ
    5. ในขณะนึกภาพพระต้องตามดูลมหายใจพร้อมภาวนาพุทโธด้วยมั้ยคะ
    5. เวลานั่งสมาธิแล้วรู้สึกรูหูข้างขวาเย็น ๆ เป็นอาการอะไรมั้ยคะ
     
  5. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    1.ใช่
    2.ดูลมหายใจนที่นี้ = ระลึกรู้ลมหายใจหรือรู้สึกว่าลมกระทบที่ปลายจมูก ทั้งลมหายใจเข้าและออกหยุดที่ปลายจมูก ไม่ใช่ไปดู ไปตามลมหายใจนะ ถ้าตามสายลมนั่งชาตินี้ยันชาติหน้าไม่มีทางเกินปฐมฌาน ส่วนตัวตั้งแต่เกิดมาไม่เคยแนะใครให้ตามลมหายใจ ไอ้พวกเห็นสายลม มันเป็นกิริยาปกติที่เห็นได้เมื่อจิตสงบ ระบึกรู้ลมเป็นการเจริญสติเพื่อสร้างสติทางธรรม มันเป็นตัวทำให้เราเข้าใจกิริยานามธรรมต่างๆได้ด้วยตนเอง ไม่ใช่เจอกิริยาโน้นนี่นั่นระหว่างทางสงสัยไปเรื่อยเปื่อย บอกอะไรก็ทำตามแบบนั้นไป และสน้างกำลังสมาธิสะสม เพื่อเอามาหนุนการฝึกแบบทางการและฝึกปรับระบบหายใจใหม่ สำหรับรองรับสมาธิที่มันสูงกว่า มันแยกกันไม่ได้เลย ถ้าแยกกัน ฝึกสามปี ยังไม่เท่าที่แนะนำองเดือนท้าได้เลย ดังนั้นทำควบคู่กันไป
    3.หลับตาก่อน ส่วนใช้งาน หรือในเวลปกติค่อยลืมตา และเคย บอกแล้วว่า ภาพปฏิภาคเป็นแบบไหน ดังนั้นอ่านดีๆอย่ามาถามอะไรแบบนี้อีก ถือว่าบอกไปแล้ว จะสีอะไรก็ช่าง ไม่เกี่ยว
    4.ใช่ ให้หาระยะเอาเองทริคบอกไปแล้ว ค่าสายตาไม่เท่ากัน ประเด็นคือเห็นทั้งภาพตอนละสายตาไม่ใช่ระยะ อ่านดีๆ

    5.คำถามแบบนี้ดี เราจะไม่นึกไม่คิด สร้างภาพ(เคยได้ยินคนมาบ่น ปวดศรีษะ ปวดคิ้ว ปวดตา แล้วเลิกฝึกไหม นั่นหละสายคิด สายนึกภาพเอา) แต่จะใช้การระลึกภาพให้สร้างผ่าน กึ่งกลางระหว่างคิ้ว และมองผ่านจุดนี้ออกไป เหมือนมีตาเดียว ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา ถ้าหลับตา สายตาปกติโน้มมาที่ลิ้นปี่ ถ้าลืมตา ห้ามขยับสายตาซ้ายและขวา เพื่อให้จิตสร้างภาพขึ้นมาด้วยตัวมันเอง ปกติภาพจะไม่ชัดเป็นเรื่องธรรมดา ทำไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าปฎิภาคนิมิต เท่านั้นอย่ามาถามว่าสีอะไร แบบนี้ใช่ไหมอีกนะ เป้าคือภาพชัดจะสีอะไรก็ช่าง

    6. จะเกิดกิริยาอะไรพิศดารระดับโลกระดับจักรวาลให้ช่างมันทุกๆกิริยา เพราะ มันทำให้เสียเวลา ทำให้การฝึกล่าช้า เป้าคือ ปฎิภาคนิมิต และ บอกไปแล้วให้พยายามด้วยตัวเองให้เต็มที่ก่อน

    ปล.กริยาต่างๆ ที่เกิดระหว่างทางตอนนี้ ความเข้าใจทางนามธรรมเรายังไม่พอ สงสัยไป ถามไป รู้ไปก็ไม่เข้าใจ อย่าไปเสียเวลากับพวกนี้ เหมือนเราเรากำลังขึ้นบันได เราจะเห็นแต่ในมุมที่เรามองเห็นจากด้านล่าง ให้ถึงปฎิภาคนิมิต ก่อนมันจะเหมือนเรามองลงมาดูบันไดขั้นต่างๆที่ผ่านมา เราจะรู้เห็นได้ของเราเองโดยไม่ต้องถามใคร ถ้าผ่านได้ มันจะรู้เห็นเหมือนกันหมดนั่นหละ พอเข้าใจนะ


    ที่แนะนำมาก่อนหน้าให้อ่านดีๆ มันเพียงพอแล้ว ที่จะฝึกถึงระดับที่จะเริ่มใช้งานได้
    นักปฏิบัติที่จะมีจิตที่มีคุณวิเศษ ส่วนหนึ่งต้องฉลาดเฉลียวกว่านักปฏิบัติทั่วไป
    ถามว่ามาจากไหน มาจากการเจริญสติในขีวิตประจำวัน ที่ให้ระลึกรู้ลมหายใจเจ้าออกหนุดที่ปลายจมูกนั่นหละ
    ไม่ได้มาจากฟังมาก อ่านมาก หรือ คิด วิเคราะห์ ตีความ หรือเรียนจบอะไรมา
    พอเข้าใจแนวทางในภาพรวมๆแล้วเนาะ

    โชคดีจร้า
    ท้ายนี้ ให้เพิ่มเมตตาต่อคนต่อสัตว์
    และให้ความเคารพไม่ว่ากับภพภูมิระดับใด
    และสร้างบารมีด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้กับภพภูมิที่ต้องการบุญ และภพภูมิอื่นๆให้มากๆ
    "เราเอาขนมผู้ใหญ่ ท่านไม่ได้อยากทานขนมที่เราให้หรอก แต่ท่านจะมองว่าเราเป็นเด็กมีน้ำใจ
    ไปไหนใครก็เมตตา ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราเอาขนมไปให้เด็ก เด็กๆก็จะมองเราเหมือนมิตร"
     
  6. Raibliss เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +113
    เข้าใจแล้วค่ะคุณนพ น้อมรับคำแนะนำไปแก้ไขและปฏิบัติค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  7. atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    สวัสดีค่ะท่านพี่บุรุษไร้เงา

    ล่าสุดตกงานแล้วค่ะ(ลาออก)
    ตอนนี้อยากรู้จริงๆค่ะ อย่างหนูเหมาะกับอาชีพอะไร แบบทำแล้วดีเจริญรุ่งเรือง

    วิบากหนูคงเยอะจัด ปฏิบัติมาก็ตั้งหลายปี วันนี้ต้องมานั่งงงกับชีวิตทางโลกว่าจะเอาไงต่อดี555+
    มันมาถึงจุดนี้แล้วจริงๆ จุดที่ไม่อยากเป็นลูกจ้างใครอีกแล้วค่ะ

    คิดว่าอยากทำขนมทานเล่น ขายน้ำ หน้าบ้าน อาจมีบริการส่งบ้างเพราะสมัยนี้คนเค้าชอบบริการส่งถึงที่
    กับอีกใจ อยากฝึกทำคลิปเกี่ยวกับธรรมะแต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงค่ะ

    ไม่รุ้จะหันไปปรึกษาใครดี
    วันนี้มาถามเรื่องที่ไม่ควรถาม ควรไม่ควรแล้วแต่ท่านจะเมตตาค่ะ_/\_
     
  8. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    อาชีพที่ต้องใช้เสน่ห์ส่วนตัวนิดหน่อย พอเข้าใจเนาะ ประมานว่าเห็นแล้วอยากกินแต่ไม่ได้กินจริงๆหรอก คนมีเสน่ห์จะเจอปัญหาประมานนี้หละ
     
  9. Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,342
    ค่าพลัง:
    +4,818
    ขอปรึกษาพี่นพหน่อยนครับว่า ถ้ามีดวงวิญญาณอยู่อีกสถานที่นึงแล้ว ตัวเราอยู่อีกสถานที่นึง พอจะมีเทคนิคดีๆ แนะนำวิธีอุทิศบุญกุศลให้หน่อยได้มัีญครับ ขอบคุณครับ
     
  10. ต้นธีรนัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2022
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    ขออนุญาตสอบถามครับ เป็นคำถามที่คาใจมานานไม่มีใครให้คำตอบหรือช่วยผมเป็นแนวทางปฎิบัติต่อไปได้
    ตอนบวชผมบวชอายุ ประมาน20 ต้นๆ ตอนนี้30 แล้วครับ ผมตั้งใจปฎิบัติระลึกพุธโธตลอดที่นึกได้ครับ ผมบวชได้ 3 วันแรกนั่งสมาธิแล้วตัวหมุน มีลมพายุ ผมตกใจนึกว่าพายุเข้า แบบลมมันแรงมากๆๆ แต่ไม่ลืมตาครับ ก็พุธโธต่อ ตัวก็พอง ตัวลอย ตัวโต หลังตากวันนั้นก็เป็นมาบ่อย

    **** แต่เหตุการณ์ที่คาใจ คือ ผมนั่งสมาธิแล้วขณะที่ผมจะนอน อยู่ก็มีก้อนอะไรไม่รู้มันหมุนๆหมุนแบบรุนแรงมากหมุนแล้วมีลมพายุประมานแบบเฮริคอปเตอร์ลงจอด มันเป็นก้อนที่หมุนได้มันเริ่มจากท้อง แล้วมันวิ่งมาที่หน้าอก เหมือนเวลามันเคลื่อนมันดูดความรู้สึกตัวเเบบผมไม่รู้สึกถึงร่างกาย มันค่อยๆดูดไม่เรื่อยๆ จนมันออกมาข้างนอกหน้าออกมันสว่างมากๆสว่างแบบสว่างสุดๆหลังจากนั้นทันก็หายไป ผมก็ลุกขึ้นด้วยความงง ผมอยากทราบว่ามันคืออะไรครับ แล้วมันช่วยไห้ผมฝึกต่อปฎิบัติจนได้มรรคได้ผลไหมครับ เพราะมันมาจากความบังเอิญจะทำไห้ได้อีกก้ไม่ได้เลยครับ ขอบคุณครับ

    หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ประหลาดมากมายสำหรับผม เหมือนนั่งสมาธิแล้วออกจากมาธิแล้วแต่เอาขาขวาออกดันเป็นขาซ้าย แต่เป็นขาเส้นๆแบบสีใสเป็นแก้วเลื่อมๆหลายสี แต่บังคับไม่ได้ จะยกขาขวามันเป็นขาซ้าย จะยกมือซ้ายไปออกมือขวา ครับ
     
  11. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    เคยอ่านวิธีอุทิศส่วนกุศลที่เคยเขียนไว้ไหม ที่ว่าตั้งด้วยบารมีพระรัตนตรัย + ของเรา นั่นหละส่งได้ ใช้ได้แม้อยู่ดาวพลูโต
     
  12. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    อาการแรกคือ ปิติ ต้องปล่อยให้สุดไปเลย จะผ่าน ถ้าผ่านแล้วจะไม่เป็นอีก ประกันได้ว่าไม่มีอันตรายใดๆ ถ้าไม่เกิดแล้วก็ไม่ต้องไปถามหา

    อาการสองที่หมุนๆออกไปนั้นคือตัวจิต ต้องมาเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง อาการที่มันออกไปนอกกายมันคือปลายๆ แล้ว กิริยามันเป็นแบบนี้ ๑.กำลังผุดจะเหมือนน้ำผุที่กพลังขึ้นมา ๒ กำลังหมุนจะคล้ายๆก้นหอย ๓ กำลังรวมเป็นก้อนกลมๆ ๔ รวมเป็นก้อนกลมๆ ๕ ออกไปหกคะเมนตีลังกาข้างนอก เราต้องเจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่ม และสร้างสมาธิสะสม อาการมันจะย้อนมาถึงข้อ ๑ ได้ ถ้ามันข้อหนึ่ง ถ้าสติทางธรรมที่ได้จากการเจริญสติในชีวิตประจำวันมากพอที่จะเห็น ตอนที่ ๑ ได้ จิตกับไอ้ที่ผุด มันจะแยกกัน เราจะสามามารถเดินปัญญาได้เพราะสัมมาสมาธิจะเปิดทางให้ ความเข้าใจทางนามธรรมเราถึงจะถูก และจะไม่เป็นวิปัสสนึก


    อาการสุดท้ายเป็นผลมาจาก อาที่สอง ถ้าเราเจริญสติ จะไม่งงและเข้าใจได้เอง

    ปล.การที่จิตออกไป 11รด ตอนนี้ไม่มีประโยชน์ เพราะแม้ดูเหมือนไม่ยึด แต่มันจะทำให้เราสนใจแต่เรื่องพิเศษ ไม่สนใจเรื่องสติ เรื่องปัญญา เค้าเรียกกิเลสธรรม เครเนาะ
     
  13. ต้นธีรนัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2022
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3

    ขอบคุณมากครับ
     
  14. atitarn2009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +262
    ขอบพระคุณมากๆค่ะท่านพี่บุรุษไร้เงา :) _/\_
     
  15. ต้นธีรนัย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2022
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอสอบถามครับ แล้วที่ผมปฎิบัติมาถูกต้องไหมครับหรือหลงทางไป เพราะที่ผมปฎิบัติเดียวพุทโธบ้าง เดียวเกสาโลมานะขาดัรตาตะโจสลับไปมาบ้าง เอาจิตไปที่จมูกบ้าง ไปที่หัวบ้าง ดูสับสนไม่เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งมันผิดไหมครับแล้วกรรมฐานแบบไหนถึงจะเหมาะกับผมที่ทำไห้การปฎิบัติของผมไปไว แล้วที่จะเจริญสติประจำวันอย่างต่อเนืองมันคือประมาณไหนเหรอครับ ขอขอบคุณมากๆครับ ผมไม่มีอาจารย์คนไหนแนะแนวไห้ผมได้เลย
     
  16. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    ปฏิบัติไม่ได้หลงทางอะไรแต่ว่า มันเหมือนแตกกิ่งก้านสาขา ทำให้ไปได้ไม่เร็ว
    ให้ย้อนอ่านวิธีการหายใจ ไม่ใช่การเอาจิตไปไว้ แต่ทำความรู้สึกรับรู้ว่า มีลมหายใจ
    เข้าและออกกระทบที่ปลายจมูก ส่วนลมหายใจเข้าดันให้ลึกจนท้องพอง หายใจออกจนท้องยุบ
    แต่ห้ามตามลมหายใจ ถ้านึกไม่ออกให้เอานิ้วไว้ ปลายจมูกแล้วลองหายใจออกดู ถ้ารู้สึกว่า ลมกระทบนิ้วตลอดเวลาที่หายใจออกคือหายใจถูก หายใจเข้าก็เช่นกัน ให้รู้สึกว่าลมกระทบปลายจมูก ส่วนการเจริญสติประจำวัน ให้ต่อเนื่อง ก็คือ ในเวลาปกติถ้าไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำงาน ให้ระลึกรู้ลม ถ้าเดินก็ให้นับก้าวเดิน ถ้าทำงานก็ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ เอาตรงนี้ให้ได้ก่อน ส่วนกิริยาในอดีตที่ผ่านมาให้เลิกสนใจ แล้วย้อนไปดูกิริยาอาการของจิตที่เคยเขียนให้อ่านก่อนหน้านี้ ให้ได้ถึงข้อแรก ให้ได้ก่อน เอาตรงนี้ก่อน ค่อยมาว่าเรื่องจะฝึกอะไร เพราะถ้าฐานเราไม่แน่น ถึงไปฝึกกรรมฐานอะไรก็ตาม มันจะเสียเวลาเฉยๆ อย่างเช่น กรณีที่เคยเล่าให้ฟังมาเรื่องจิตออกไปนอกกาย ถ้ากำลังสติมาก มันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก และไม่ควรสนใจเลย ตั้งแต่วันสองวันแรก ดังนั้น สร้างสติทางธรรมให้มีก่อน ช้าแต่ชัว ดีกว่าไปเร็วแบบแตกไปแตกมา มันจะไม่ได้อะไร ไม่ต้องห่วงว่าอนาคตจะฝึกกรรมฐานอะไรไม่ได้ เอาสติทางธรรมให้ได้ก่อนชัวๆ ค่อยว่ากันอีกที พอเข้าใจเนาะ
     
  17. Mhokhala สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2022
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4
    สวัสดีครับ คุณนพ
    ขอคำชี้แนะเรื่องการปฏิบัติให้ตรงจุดครับ

    1. การปฏิบัติควรไปในรูปแบบทิศทางไหนครับ ให้ไปได้เร็วที่สุด
    2. ของเก่าของเดิม พอจะมีกับเค้าบ้างไหมครับ จะต่อยอดได้มั้ย
    3. อยากพบเจอครูบาอาจารย์ที่ยังมีธาตุขันธ์ ที่ตรงจริต กับเราต้องทำอย่างไรครับ เพราะใจต้องการมุ่งทางนี้จริงจังครับ
    4. ลป. เทพ กับ ลป. ทวด มีความเกี่ยวเนื่องอย่างไรกับผมครับ เพราะศรัทธามาก เเค่เพียงได้ยินชื่อ ไม่ทราบประวัติเชิงลึก เรื่องนี้ขอทราบเป็นนิทาน แล้วกันครับ
    5. การเกิดมามีกรรม (ไม่ตรงเพศสภาพ) แบบที่เป็นตอนนี้ เกิดจากอะไรครับ สามารถปฏิบัติธรรมได้อยู่ใช่มั้ยครับ
    6.อยู่บนอพาร์ตเมนต์ หอพัก จะกรวดน้ำ กรวดยังไงดีครับ ลงไปด้านล่างก็เจอแต่บ้านคน กรวดแห้งได้ไหม

    ขอบพระคุณครับ
     
  18. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    เริ่มด้วยการรักษาสัจจะให้ได้ดีก่อนและคลายเรื่องเกี่ยวกามอารมณ์, ของเก่าเดิมเป็นแนวอฐิษฐานจิตจะกลับคืนมาได้เอง ,การจะเตอพบเตอครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิอยู่ที่ปฏิปทาในการฝึก(แนวอฐิษฐานจิต)เพื่อมุ่งเน้นใช้งานเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ท่นจะมาหาเองไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน ,ท่านแรกทริคอยากรู้อะไรให้ดูที่จิตตนเองและเรื่องเหนือโลกไม่ตำเป็นห้ามพูด และมีเมตตาต่อสัตว์โดยเฉพาะสุนัข ท่านที่สองถ้าใจเราเริ่มดีปกติระหว่างหละงจากการฝึกมักจะพบเจอได้แต่ท่านจะไม่สอนอะไรนะ , ส่วนประวัติเชิงลึกท่านไม่ให้พูด,การเกิดมาไม่ตรงเพศสภาพไม่ใช่กรรม การปฏิบัติส่งผลต่อจิตดังนั้นกายเป็นเพียงองค์ประกอบที่จิตมันหลงปกติก่อนมันมาเกิดแล้วมาสร้างกายขึ้นมา แล้วมันมายึดกายที่สร้างเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิด ถ้าเราตัดกายได้ ก็เหมือนคนเกิดมาทั่วไปนั่นเอง ถ้าให้ตอบทางพลังงานเอาทางเหนือวิสัย ไม่น่าเชื่อ เข้าถึงยาก ไม่เป็นมาตรฐาน คือ ตอนเกิดพลังงานที่ต่อมอมิเตอลอยตอนที่เกิดมีกายหรือตอนอูแว้ๆ พลังงานที่ออกจากต่อมนี้ ด้านซ้ายและขวามันไม่ตรงกันแค่นั้นเอง ดังนั้นประเด็นไม่ต้องสนใจใครจะว่าอะไร ใครจะมองอย่างไร สบายใจได้เลยจร้า ,ทำเป็นซื้อหรือพกขวดน้ำ แกล้งเปิดกินไปเล็กน้อยเดินไปใต้ต้นไม้ หรือสนามหญ้าแล้ว ทำท่าเหมือนเทน้ำทิ้ง ไม่มีใครรู้หรอกว่าเรากำลังกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลในใจอยู่ ไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหนับเรืาองนี้ เค้าเรียกเนียนๆ เครเนาะ แห๋มๆ ถามเยอะแบบตอบยากด้วยนะเรา เด๋วเก็บตังค์หรอก แฮร่ หยอกๆ ๕๕๕
     
  19. Mhokhala สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2022
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +4

    ขอบพระคุณครับ
    1. เรื่องที่ให้รักษาสัจจะเพิ่ม คือโดยรวมของศีลข้อ 4 ใช่มั้ยครับ แล้ว ต่อจากนี้ก็ฝึกเรื่องระบบหายใจแบบโพสต์เก่าๆ พี่นพเคยโพสต์ แล้วทุกอย่างจะเป็นไปของมันเอง ใช่มั้ยครับ
    2.เมตตาต่อสุนัข นี่เพราะผมด่าหมาข้างตึกทุกวันแน่ เพราะมันเห่ารบกวนมากๆ แล้วก็จะเพลาๆเรื่องการพูดให้มากขึ้นครับ (อันนี้พี่รู้ลึกมากครับ เพราะรู้แค่คนเดียว5555555)
    3.ผมใช้คำผิดครับ อยากถามเรื่อง ความเกี่ยวเนื่องของผมกับทั้งสอง ท่านที่กล่าวไป


    สุดท้ายนี้ ถ้ามีโอกาส วัดทางชัยภูมิเปิดจะหาโอกาสไปกราบพระอาจารย์จิตไวดูอยากให้ท่านช่วยแนะ หลายๆเรื่องเลยครับ
    ขอบพระคุณมากครับ ที่ชี้แนะมาตลอดครับ
     
  20. บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,041
    ไม่ได้พูดเรื่องศีล พูดเรื่องกามอารมณ์หมายถึงลดการชื่นชมยินดีในสิ่งสวยงามต่างๆที่มำให้เราคิดไปทางนั้น ,ส่วนเรื่องสัจจะ ตย. เช่น คืนนี้บอกว่าจะกวาดบ้าน ก็ต้องกวาด แม้จะป่วย จะเจ๊บ ก็ต้องกวาด พูดง่ายๆคิดรับปากจะทำอะไรต้องทำ เรื่องกุศลนะ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ห้ามรับปาก ,เคยเห็นท่านแรก แล้วไปกราบท่าน ตอนที่ท่านนั่งสมาธิบนโขดหิน บริเวนหน้าฝาหินตัดเมื่อเก้าร้อยปีก่อน,ส่วนอีกท่านเคยเห็นตอนท่านเหาะอยู่บนฟ้า ตอนนั่งสมาธิ สมัยที่เราแต่งตัวชุดขาว คล้ายๆมีผ้าพาดบ่าอีกข้าง สองเรื่องสุดท้ายเป็นนิทานนะ
     

แชร์หน้านี้