ส่งการบ้านคะพี่กบ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๗
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวตาสังยุตต์คะ
ผิดพลาดประการขอคำแนะนำด้วยนะคะ
[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.753512/[/MUSIC]
ส่งการบ้านคะ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๗ เทวตาสังยุตต์คะ
ในห้อง 'พระไตรปิฎก เสียงอ่าน' ตั้งกระทู้โดย หญิงจัน, 9 พฤศจิกายน 2009.
-
ไฟล์ที่แนบมา:
-
-
<CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>เทวตาสังยุต
</CENTER><CENTER>นฬวรรคที่ ๑
</CENTER><CENTER>โอฆตรณสูตรที่ ๑
</CENTER>[๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว
เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๒] เทวดานั้น ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลคำนี้
กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ข้าพระองค์ขอทูลถาม พระองค์
ข้ามโอฆะได้อย่างไร ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ท่านผู้มีอายุ เราไม่พักอยู่ ไม่เพียรอยู่
ข้ามโอฆะได้แล้ว ฯ
ท. ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ก็พระองค์ไม่พักไม่เพียร ข้ามโอฆะได้
อย่างไรเล่า ฯ
พ. ท่านผู้มีอายุ เมื่อใด เรายังพักอยู่ เมื่อนั้น เรายังจมอยู่โดยแท้
เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ เมื่อนั้น เรายังลอยอยู่โดยแท้ ท่านผู้มีอายุ เราไม่พัก เรา
ไม่เพียร ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แล ฯ
เทวดานั้นกล่าวคาถานี้ว่า
นานหนอ ข้าพเจ้าจึงจะเห็นขีณาสวพราหมณ์ผู้ดับรอบแล้ว
ไม่พัก ไม่เพียรอยู่ ข้ามตัณหาเป็นเครื่องเกาะเกี่ยวในโลก ฯ
[๓] เทวดานั้นกล่าวคำนี้แล้ว พระศาสดาทรงอนุโมทนา ครั้งนั้นแล
เทวดานั้นดำริว่า พระศาสดาทรงอนุโมทนาคำของเรา จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค
ทำประทักษิณแล้วก็หายไป ณ ที่นั้นแล ฯ -
มาอนุโมทนาเป็นคนแรกเลยค่ะ..
เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ..สาธุ.. -
<CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>นิโมกขสูตรที่ ๒</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>
[๔] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว
เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วจึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค แล้วได้ยืนอยู่ ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๕] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบทูล
คำนี้กะพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ พระองค์ย่อมทรงทราบมรรค
เป็นทางหลีกพ้น ผลเป็นความหลุดพ้น นิพพานเป็นที่สงัด ของสัตว์ทั้งหลาย
หรือหนอ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ท่านผู้มีอายุ เรารู้จักมรรคเป็นทางหลีกพ้น
ผลเป็นความหลุดพ้น นิพพานเป็นที่สงัด ของสัตว์ทั้งหลายโดยแท้จริง ฯ
ท. ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ก็พระองค์ย่อมทรงทราบมรรคเป็นทางหลีก
พ้น ผลเป็นความหลุดพ้น นิพพานเป็นที่สงัด ของสัตว์ทั้งหลายอย่างไรเล่า ฯ
[๖] พระผู้มีพระภาคทรงวิสัชนาโดยคาถานี้ว่า
ท่านผู้มีอายุ เพราะความสิ้นภพอันมีความเพลิดเพลินเป็น
มูล เพราะความสิ้นแห่งสัญญาและวิญญาณ เพราะ
ความดับ เพราะความสงบแห่งเวทนาทั้งหลาย เราย่อมรู้จัก
มรรคเป็นทางหลีกพ้น ผลเป็นความหลุดพ้น นิพพานเป็นที่
สงัด ของสัตว์ทั้งหลายอย่างนี้ ฯ
<CENTER>อุปเนยยสูตรที่ ๓ </CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>[๗] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถา
นี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
ชีวิตคืออายุมีประมาณน้อย ถูกต้อนเข้าไปเรื่อย เมื่อบุคคลถูก
ชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีผู้ป้องกัน บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้
ในมรณะ พึงทำบุญทั้งหลายที่นำความสุขมาให้ ฯ
[๘] ชีวิตคืออายุมีประมาณน้อย ถูกต้อนเข้าไปเรื่อย เมื่อบุคคล
ถูกชราต้อนเข้าไปแล้ว ย่อมไม่มีผู้ป้องกัน บุคคลเมื่อเห็น
ภัยนี้ในมรณะ พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสันติเถิด ฯ
<CENTER>อัจเจนติสูตรที่ ๔</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>[๙] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถา
นี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป ชั้นแห่ง
วัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงทำบุญ
ทั้งหลายที่นำความสุขมาให้ ฯ
[๑๐] กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป ชั้น
แห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงละ
อามิสในโลกเสีย มุ่งสันติเถิด ฯ
<CENTER>อัจเจนติสูตรที่ ๔</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER> </CENTER>[๙] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถา
นี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป ชั้นแห่ง
วัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงทำบุญ
ทั้งหลายที่นำความสุขมาให้ ฯ
[๑๐] กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป ชั้น
แห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงละ
อามิสในโลกเสีย มุ่งสันติเถิด ฯ -
สาธุ...สาธุ
อนุโมทนาสาธุการค่ะน้องบิ๋ม
พี่มาส่งกำลังใจนะคะ...สู้ๆค่ะ
น้ำเสียงน้องนุ่มนวลน่าฟังมาก...เวลาหลับตาฟังรู้สึกดีมากค่ะ...
ส่งการบ้านเยอะๆนะคะ...พี่จะรอฟังค่ะ -
พี่จันเสียงไพเราะเพริศพริ้งแพรวพราวมากๆคะ
สุดยอดดดคะ
มาตามเป็นกำลังใจให้คะ
อนุโมทนาบุญนะคะ -
-
pump - อภิเตโช เป็นที่รู้จักกันดี
ว้า เค้าแย่งมาชมกันหมดล่ะ เราชมมั่งดีกว่า อิอิ
อนุโมทนา สาธุ -
อ่านได้ดี น้ำเสียงน่าฟัง จังหวะการอ่านดีแล้วค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ